กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เก็บตกจากบ้านเติมบุญ (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=65)
-   -   เก็บตกจากบ้านเติมบุญ ต้นเดือนเมษายน ๒๕๖๐ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=5552)

เถรี 18-04-2017 16:12

พระอาจารย์สนทนากับพ่อของสามเณร "เลี้ยงลูกต้องฝึกให้ลูกเอาตัวรอดให้ได้ เราอายุมากอย่างไรก็ไปก่อนเขาแน่ คิดกันง่าย ๆ ว่า ถ้าเราเป็นอะไรไป ลูกอยู่ไม่ได้ก็อนาถสุดชีวิต เพราะฉะนั้น...ต้องให้เขาทำอะไรได้ด้วยตัวเองให้เร็วที่สุด

คนไหนที่มีจิตสำนึก รู้จักเก็บไปนี่จะได้อะไรจากการบวชเยอะมาก ถ้าพวกประเภทไปถึงก็บ่น “ทำไมพ่อแม่ทิ้งมาให้เราลำบากลำบนขนาดนี้” พวกนั้นไม่ค่อยได้อะไรหรอก มัวแต่ตัดพ้อต่อว่าโชคชะตาอยู่

ไปนึกถึงนายอาร์ตพี่ของลูกจ๊ะเอ๋ สมัยก่อนร้องห่มร้องไห้ในบึ
ลับแล เพราะว่าโดนท่านกอล์ฟหลอก

“หลวงน้า ในบึงมีเสือไหม?”
"มีสิ”
“แล้วถ้าเสือมาจะทำอย่างไร ?”
“ก็วิ่งหนีสิ”
“แล้วหลวงน้าไม่กลัวเสือหรือ ?”
“จะไปกลัวอะไร หลวงน้าขายาวกว่า วิ่งหนีทัน เอ็งวิ่งช้ากว่ามีหวังโดนกินแน่”

เณรอาร์ตนั่งร้องไห้เลย ถ้าเด็กฉลาดหน่อยก็น่าจะรู้จักคิด ว่าถ้าไปแล้วตายหลวงพ่อคงไม่พาไปหรอก คราวนี้เขาไม่รู้จักคิด คิดแต่ในด้านว่าป่านั้นน่ากลัว"

เถรี 18-04-2017 19:56

ถาม : (ไม่ชัด)
ตอบ : เดี๋ยวพอไปบอกคนอื่นต่อ ก็ไม่เชื่อต่อไป คนยืนอยู่ในห้อง แต่ดันคิดว่าตัวเองยังเดินอยู่บนบันได พอคนอื่นบอกว่าอยู่ในห้องแล้วก็ไม่เชื่อสักที เออ...ก็เรื่องของมึงเถอะ..! อ๋อขึ้นมาวันไหนก็คงจะสงสัยว่า นี่กูรู้มานานขนาดนี้แล้วทำไมไม่ก้าวหน้าสักที

ไปเถอะ....จริง ๆ ยังอาศัยอะไรไม่ได้หรอก นอกจากความมั่นใจว่านรกมีจริงสวรรค์มีจริง จนกว่าเราจะใช้ตัดกิเลสได้นั่นถึงจะของจริง ไม่อย่างนั้นอย่างเก่งก็รู้มากกว่าชาวบ้านเขาหน่อยเดียว


ถาม : (ไม่ชัด)
ตอบ : ท้ายสุดเมื่อพอแล้วก็ไม่เอาอะไร เลิกอยากรู้อยากเห็น เหลืออย่างเดียวคือทำอย่างไรตัดกิเลสให้ได้ ทำอย่างไรที่จิตของเราไม่ให้เอียงไปในเรื่องของ รัก โลภ โกรธ หลง

เถรี 18-04-2017 20:04

ถาม : (ไม่ชัด)
ตอบ : ไม่จำเป็น ไม่ได้อยู่ที่ใจ อยู่ที่มือ ตำราหลวงพ่อวัดท่าซุงไม่ค่อยมีอะไรห้ามปรามหรอก ท่านถือว่าบารมีพระไม่มีอะไรลบล้างได้ ขอให้ไม่ปรามาสเท่านั้น ปรามาสเมื่อไรก็ไม่มีใครลบล้างบารมีพระได้ เพียงแต่พระท่านไม่คุ้มครองเท่านั้น

เถรี 18-04-2017 20:23

ถาม : น้ำมันยางผสมน้ำผึ้งอย่างละเท่า ๆ กัน แก้ข้อเข่าเสื่อม ?
ตอบ : นั่นแหละ จะเอาแน่ ๆ ไปหาที่เขาเจาะเอาน้ำมัน ซื้อจากชาวบ้านเขามาสักขวดหนึ่ง ตอนที่ไปอยู่เกาะพระฤๅษีใหม่ ๆ ชาวบ้านรอบ ๆ เขายังเจาะน้ำมันยางกันอยู่แทบทุกบ้าน

ถาม : ขวดขนาดเท่าไรครับ ?
ตอบ : ขวดมาตรฐานขวดกลม ประมาณลิตรหนึ่ง ก็ผสมกับน้ำผึ้งหนึ่งลิตร รวมเป็นสองลิตร เขย่าให้เข้ากันดี กินยากมาก ลองดู...ตัวจะเหม็นไปเป็นปี ๆ เลย กลิ่นน้ำมันยางแรงมาก

ถาม : กินแค่ไหน ?
ตอบ : กินแค่หมด

ถาม : ตัวจะเหม็นมาก ?
ตอบ : ช่วยอะไรไม่ได้ เพราะว่ายาถูกขับออกทางรูขุมขน จนกว่าฤทธิ์จะหมด

ถาม : สรรพคุณ ?
ตอบ : คนแก่สามารถเดินได้เหมือนคนหนุ่ม

ถาม : ไขข้อล่ะครับ ?
ตอบ : ต้องคนไขข้อเสื่อมปกติถึงจะช่วยได้ ไม่ใช่เกิดด้วยอุบัติเหตุ

เถรี 19-04-2017 19:42

พระอาจารย์กล่าวกับโยมที่ถวายวัตถุมงคลที่สะสมมาว่า “ถ้าหากว่าเริ่มสละของหวงได้ ต่อไปก็ไม่มีอะไรให้อาลัยแล้ว”

เถรี 19-04-2017 19:43

พระอาจารย์กล่าวว่า "อาตมาบอกกับพระที่วัดว่า ยาจินดามณีกินวันพระจะดีกว่า ปรากฏว่าพอขึ้นแปดค่ำก็กินกันกระจาย แต่ที่กินก่อนเพื่อนเลยคือใครรู้ไหม ? แม็กซีมเล่นกินเสาร์ห้าวันนั้นเลย พระที่ทำยังไม่แข็งตัวดี เล่นหั่นเป็นขนมเค้กเลย ๕ ชิ้น แล้วไม่รู้ว่าจะหั่นไปทำไม ? หั่นแล้วก็กินหมดทั้ง ๕ ชิ้น แบบนั้นกลืนไปทั้งองค์ก็หมดเรื่อง...!"

เถรี 19-04-2017 19:44

พระอาจารย์กล่าวว่า “วันทำบุญบ้านเติมบุญ อาตมาจะนิมนต์พระอาจารย์พิจารย์ วัดโพธิ์ผักไห่มาด้วย นิมนต์พระเกจิอาจารย์มาให้ทำบุญกัน วัดโพธิ์ผักไห่แสดงว่ามีต้นโพธิ์ขึ้นแล้วมีผักไห่เลื้อยอยู่ด้วย รู้จักผักไห่ไหม ? ผักไห่เป็นภาษาโบราณ คือมะระขี้นก”

เถรี 19-04-2017 19:45

พระอาจารย์กล่าวกับโยมที่ถวายสังฆทานว่า “ให้วางพระพุทธรูปไว้บนกล่อง อย่าวางไว้บนพื้น วางพระต่ำเดี๋ยวเราจะตกต่ำเสียเอง เห็นแล้วก็ต้องคอยเตือน เพราะกว่าจะรอให้เขาตระหนักรู้เองบางทีก็นานมาก ความเคารพในพระรัตนตรัยต้องขึ้นไปถึงในระดับหนึ่ง ถึงจะรู้ว่าควรไม่ควรอย่างไร”

เถรี 21-04-2017 13:38

พระอาจารย์กล่าวว่า "วันงานเป่ายันต์ฯ แม่ชีชื่นสั่งน้ำมาเข้าพิธีเป็นน้ำมนต์เสาร์ ๕ หนึ่งตู้คอนเทนเนอร์ ๘,๔๐๐ ขวด หมดเกลี้ยงไม่เหลือเลย อาจเป็นเพราะหน้าร้อน คนจึงอยากได้น้ำ พระท่านก็เมตตาสงเคราะห์มาก กราบเรียนถามว่าเป็นเพราะอะไร ท่านบอกว่าภาวะสงครามหรือการก่อการร้าย จะแผ่กระจายกว้างออกไป ไม่กี่วันเท่านั้นเองสหรัฐอเมริกาก็ล่อซีเรียเข้าให้

กลัวอยู่อย่างเดียวว่าประธานาธิบดีทรัมป์เป็นคนจุดเดือดต่ำ ดีไม่ดีจะล่อ
ด้วยนิวเคลียร์ แต่ถ้ามุสลิมลุกฮือเมื่อไร สหรัฐอเมริกาตาย...เพราะในสหรัฐอเมริกามีมุสลิมเกินครึ่งไปแล้ว"

เถรี 21-04-2017 15:05

พระอาจารย์เมตตาให้คำสอนญาติโยมที่เดินทางไกลมาจากภูเก็ต "ถ้าหากว่าเราตั้งใจทำความดีต้องฝืนกระแสโลก คราวนี้พอเราฝืนกระแสโลก เราจะทนคำคนอื่นได้ไหม ? ถึงเวลาคนโน้นก็ว่าบ้า คนนี้ก็ว่าบ้า จนหมดอารมณ์ที่จะทำ เราต้องสู้กระแสได้ เพราะของบางอย่างต้องพิสูจน์กันนาน ๆ ถึงจะรู้ว่าของพวกนี้จริงหรือไม่จริง

คราวนี้ระยะเวลา ถ้าเรายืนระยะไม่ได้ บางทีก็เสียประโยชน์เอง คนที่เขายืนระยะได้ สร้างบุญเก่ามาดี เขาเข้าก่อนเราไม่รู้นานเท่าไร เรารอจนอายุมากแล้วยังไม่ได้เข้า

โดยเฉพาะเรื่องของศีล ทิ้งไม่ได้เด็ดขาด ศีลคือพื้นฐานสมาธิ เราตั้งใจระวังไม่ให้ศีลขาดนั่นก็เป็นการสร้างสมาธิให้เกิด เพราะสติต้องระวังอยู่ตลอดเวลา คราวนี้ถ้าศีลทรงตัว สมาธิก็ง่ายแล้ว หลังจากที่สมาธิทรงตัว จิตจะนิ่งเหมือนกับน้ำ ถ้าน้ำกระเพื่อมอยู่ก็มองอะไรไม่เห็น แต่ถ้าน้ำนิ่งจะสะท้อนเงาลงไปทุกอย่าง ประเภท
เห็นผี เห็นเทวดาอะไรทำนองนี้

ขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนแรก ๆ แล้วหลายคนก็เสียหมาไปเลย พอสภาพจิตเริ่มนิ่ง ก็เสียหมาทุกที บางคนเขาสงสัยว่า ให้หวยถูก ๓ งวด ๔ งวด งวดถัดไปคนไปกันเต็มวัดดันไม่ถูก ก็เพราะว่าพังไปแล้ว สภาพจิตไม่นิ่งแล้ว รัก โลภ โกรธ หลง เริ่มเข้ามาแล้ว"

เถรี 21-04-2017 15:09

พระอาจารย์กล่าวว่า "เมรุวัดท่าขนุนหลังนี้กิจการดีมาก ทันทีที่ตั้งโครงกับเตาเผาเสร็จ ศพก็เข้าแล้ว เผาแล้วเผาอีก ปรากฏว่าญาติโยมที่ไปงานศพวัดอื่น พอเห็นเมรุก็สั่งลูกหลานไว้เลยว่า ถ้าตายให้เอามาเผาที่วัดท่าขนุน บอกเขาไปแล้วว่าเผาฟรีไม่คิดอะไร ถ้าเกรงใจวัดก็ซื้อน้ำมันดีเซลมา ๖๐ ลิตร ๒ ชั่วโมงครึ่งเก็บกระดูกได้ เพราะว่าเผาเสร็จแล้วมีการเป่าให้เย็นด้วย ไม่ต้องรอกันข้ามวันข้ามคืน ไปเก็บกระดูกวันรุ่งขึ้นเหมือนกับที่อื่น

ที่สร้างเมรุขึ้นมาเกิดจากแนวคิดที่ว่า ทองผาภูมิของเราแขกผู้ใหญ่ขึ้นไปเยอะมากเลย พวกรัฐมนตรี ผู้ช่วยรัฐมนตรี ส.ส. ส.จ. นายพล นายพัน เต็มไปหมดเวลาไปงาน ประกาศเชิญขึ้นไปทอดผ้า แต่ว่าเมรุแต่ละหลังโทรมจนดูไม่ได้เลย ไม่สมเกียรติของคนตาย

ในเมื่อไม่มีใครทำ อาตมาก็ทำเสียเอง แต่ทุกวันนี้เขาหาเมรุกันไม่เจอ คิดว่าเป็นพระเจดีย์ ขนาดมีประตูเมรุอยู่ เขายังคิดว่าเป็นประตูเข้าพระเจดีย์ บอกด้วยความภูมิใจว่า เมรุหลังนี้อาตมาออกแบบเอง เสียดายว่าไม่ใช่วิศวกร แล้วก็ไม่ได้จบสถาปนิกแบบไทยมา เลยออกแบบเป็นทรงแข็ง ๆ ไปหน่อย"

เถรี 21-04-2017 15:11

พระอาจารย์กล่าวว่า "เดือนหน้าอาตมาจะไปทิเบต ๑ อาทิตย์ ถามว่าทำไมไป ๑ อาทิตย์ ? เพราะว่ารัฐบาลจีนให้ไปได้แค่นั้น รัฐบาลจีนประกาศห้ามพระไทยเข้าประเทศเลย ต้องซิกแซ็กจนสุดชีวิตกว่าที่จะได้วีซ่ามา

จำได้ว่าโดยปกติวีซ่าประเทศจีนเขาให้เดือนหนึ่ง เมื่อหลายปีก่อนไปเซี่ยงไฮ้ ปักกิ่ง เขาตัดเหลือ ๑๕ วัน งวดนี้ซิกแซ็กสุดชีวิตได้มาแค่ ๗ วัน ได้ตามตารางเวลาที่ไปเลย ถ้าหากว่าผิดพลาดแม้แต่ชั่วโมงเดียว ก็ติดคุกอยู่ที่ประเทศจีนนั่นแหละ

ส่วนที่ต้องการเลยก็คือพระราชวังโปตาลา วัดโจคัง ทะเลสาบยัมดร๊อกโซ ที่เหลือแล้วแต่เขาจัดให้ ตั้งใจจะไปดูว่าตัวเองยังอยู่ไหม ? ...(หัวเราะ)... เขาทำพระเจดีย์บรรจุสังขารเอาไว้ แหม...ประเภทขอยากขอเย็น เรียกเอกสารรับรองตัวเอง เรียกแล้วเรียกอีก ๘ ครั้ง ๑๐ ครั้ง เรียกจนหมดอารมณ์ กูไม่ไปแล้วโว้ย..! วีซ่าพระจ่ายตั้ง ๕,๙๐๐ บาทเขายังไม่รับรองเลยว่าจะผ่านหรือเปล่า ?

ท่านเจ้าคุณปิงไปได้เพราะเป็นผู้ช่วยเลขานุการประธานผู้ดูแลพระธรรมทูตในต่างประเทศอยู่แล้ว ท่านจะไปเมื่อไรก็ได้ แต่ของอาตมาไม่มีสิทธิ์ มีญาติโยมที่เขาอยากไป บอกไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่า ถ้าไปได้ก็บอกเขาด้วย มีเวลาเตรียมตัวกันคนละวันสองวันเท่านั้นเอง เพราะต้องจองตั๋วเครื่องบิน งวดนี้ไปแพงด้วยเพราะต้องนั่งเครื่องบินภายใน คุนหมิง-ลาซา แล้วนั่งรถไฟจากลาซามาซีหนิง จากนั้นนั่งเครื่องบินซีหนิง-คุนหมิงอีกที"

เถรี 21-04-2017 17:53

พระอาจารย์กล่าวว่า "แจ้งเตือนญาติโยมว่า เวลาทำบุญอย่าห่วงถ่ายรูป ไม่ว่าจะฝากคนอื่นถ่าย หรือว่าเซลฟี่เองก็ตาม เพราะว่ากำลังใจของเราไม่ได้มุ่งมั่นกับทานตรงหน้า ทำให้อานิสงส์น้อยลงยังไม่พอ อาจจะเป็นการปรามาสพระรัตนตรัยอีกด้วย

อาตมาเคยแกล้งพูดไว้ว่า สมัยก่อนทำบุญเขาบรรลุมรรคผลกันเร็วเพราะว่าไม่ห่วงถ่ายรูป สมัยนี้ห่วงถ่ายรูป จิตใจเป็นกังวล แทนที่จะทำแล้วได้มรรคได้ผล ก็เลยไม่ได้อะไรสักที ได้แต่รูปลงเฟซบุ๊ก ต้องบอกว่าเป็นไปตามยุคสมัย แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงแล้วแย่ลง"

เถรี 21-04-2017 17:54

"โดยปกติแล้วหลักธรรมของพระพุทธเจ้าช่วยให้บรรลุมรรคผลได้ทุกลำดับ ในหลวงรัชกาลที่ ๙ เคยถามหลวงพ่อวัดท่าซุงว่า การให้ทานบรรลุมรรคผลได้อย่างไร ? หลวงพ่อวัดท่าซุงกราบทูลว่า การให้ทานต้องมีกำลังใจในการเสียสละ พอเสียสละบ่อย ๆ ไม่รู้สึกว่า "เสีย" ก็ "สละ" อย่างเดียว พอสละไปบ่อย ๆ ส.เสือหายไปเหลือแต่ "ละ" คำเดียว

เรื่องของการให้ทานมีหลายระดับ ญาติโยมส่วนหนึ่ง ให้ทานแล้ววางอุเบกขาไม่เป็น ก็เลยมีอานิสงส์น้อย คำว่า วางอุเบกขาไม่เป็น คือให้ไปแล้วยังไปตามเช็คว่า ได้กิน ได้ใช้ของเราหรือเปล่า ? ให้แล้วก็เป็นสิทธิ์ของท่านไปแล้ว จะไปยุ่งอะไรกับท่านมากมาย"

เถรี 21-04-2017 17:57

"ตอนที่หลวงพ่อสิงห์ทองท่านยังอยู่ มีคุณนายท่านหนึ่งเอาลิ้นจี่ไปถวาย คราวนี้ถ้าเอาไปถวายทั้งพวงพระธรรมยุตท่านฉันไม่ได้ ท่านถือว่ายังงอกเป็นต้นได้ ก็ต้องมีการปอกเสียก่อน คราวนี้มีคนใจเดียวกันเอาลิ้นจี่ไปถวายหลายคน คุณนายท่านก็ปอกของคนอื่นกองขึ้นมาเรื่อย แล้วเอาของตัวเองโปะหน้าไว้ อย่างไรหลวงพ่อก็ต้องฉันของเราแน่ ๆ

ปรากฏหลวงพ่อสิงห์ทองรับมา ท่านใช้นิ้วล้วงเข้าไปข้างใน หยิบจากข้างใน สั่งสอนให้เห็นซึ่ง ๆ หน้าเลย คือพระธรรมยุตเวลาท่านฉัน หัวแถวรับแล้ว หยิบหรือตักในส่วนที่ตัวเองพอใจ จากนั้นส่งให้ท่านที่ ๒ ที่ ๓ ที่ ๔ ไปจนท้ายแถว สมัยหลังใช้เทคโนโลยีเข้าช่วย ใช้ถาดไม้ลักษณะเหมือนกับตั่งเล็ก ๆ แล้วมีล้อเข็น ถึงเวลาโยมเขาวาง ท่านตักเสร็จก็เลื่อนต่อไปเรื่อย ๆ แต่สมัยอาตมาวิ่งรับใช้ครูบาอาจารย์รุ่นนั้นอยู่ อย่างดีก็ส่งถาดส่งจานต่อ ๆ กันไป

คุณนายทำอยู่ในครัว หลวงพ่อไม่ได้ไปเห็นด้วยหรอก แต่ท่านรู้ว่าเขาคิดอย่างไร ก็เลยสอนให้รู้ว่าให้ทานแล้วต้องรู้จักอุเบกขา พอถึงเวลาส่งจานมาประเคน ท่านก็ล้วงเอาตรงกลาง รับประกันคุณนายคิดไม่ได้หรอก นอนไม่หลับไปเป็นอาทิตย์อย่างแน่นอน"

เถรี 21-04-2017 18:02

พระอาจารย์กล่าวว่า "ถามว่าการที่พระอาจารย์ท่านสามารถรู้แม้กระทั่งความคิดของเรา เป็นเรื่องที่ฝึกยากไหม ? ส่วนใหญ่ไม่ต้องฝึก เหตุที่ไม่ต้องฝึกเพราะถ้าเราสามารถตามความคิดตัวเองทัน ตามจิตตัวเองทัน เห็น รัก โลภ โกรธ หลง ที่เกิดขึ้นแล้วระงับได้ทัน ก็สามารถรู้ใจคนอื่นได้เหมือนกัน ก็แปลว่าเริ่มที่ตัวเองก่อน เมื่อตัวเองทำได้ ของคนอื่นที่เท่ากันหรือต่ำกว่านี้ก็เป็นเรื่องเล็ก สามารถรู้ได้

แต่ส่วนใหญ่แล้วก็น่ารำคาญ เพราะเขาก็ช่างคิด ช่างปรุง ช่างแต่ง ไปตามสภาพของเขา แม้กระทั่งอาตมาก็รำคาญ คนอยู่รอบข้างคิดอย่างนั้นคิดอย่างนี้ "เดี๋ยวคนโน้นมา คนนี้มา เดี๋ยวจะมาแย่งความรักจากหลวงพ่อไปจากเรา" อยากจะฝากรักให้สักพลั่ก...! อาตมาถนัดในการทำเป็นคนหูหนวกตาบอดมานานแล้ว"

เถรี 22-04-2017 15:08

มีโยมเอาหมอนมาถวาย "หมอนที่โยมถวายมา ความจริงผิดพระวินัย พูดง่าย ๆ ก็คือพระใช้ไม่ได้ พระวินัยท่านห้ามพระหนุนหมอนกึ่งกาย หมอนที่จะหนุนได้ส่วนใหญ่จะเป็นพวกประเภทหมอนขิด หมอนไม้ อะไรประมาณนั้น พูดง่าย ๆ คือเอาหัวแตะได้ แต่ตัวห้ามโดน อาตมาแก้ปัญหาโดยการเอาผ้าม้วน ๆ แล้วหนุนไปเลย...หมดเรื่อง ไม่ต้องไปหนุนหมอน"

เถรี 22-04-2017 15:18

ถาม : ที่บอกว่าใช้กำลังใจในการตัดเท่ากัน ผมยกตัวอย่าง คือ เราชอบของสองอย่างเหมือนกัน ในของที่เราชอบมากกว่า เราใช้กำลังตัดได้ยากกว่าหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ใช้กำลังใจในการตัดเท่ากัน หมายถึงว่า กำลังใจในการตัดของที่คุณชอบ เท่ากับกำลังใจที่คุณตัดคนเกลียดออกจากใจ ไม่ได้แปลว่าตัดของอย่างเดียวกันที่เป็นตัวโลภเหมือนกัน พูดง่าย ๆ ว่าจะตัดรัก ตัดโลภ ตัดโกรธ ตัดหลง ใช้กำลังใจเท่ากัน ไม่ใช่โลภในของ แต่ว่าของที่เราไม่ชอบ เราสามารถให้คนอื่นได้ง่ายกว่า นั่นเป็นการตัดโลภเหมือนกัน

เถรี 22-04-2017 15:35

พระอาจารย์พูดถึงทิเบต "ไปครั้งนี้คณะของอาตมาต้องนั่งรถไฟสายทิเบต-ชิงไห่ นานถึง ๒๕ ชม. ผ่านอุทยานเขอเข่อซีหลี่ และผ่านทุ่งหญ้า อากาศปกติช่วงนี้ของเขาอยู่ที่ ๖ – ๑๕ องศาเซลเซียส ถ้าหน้าหนาวก็ติดลบ

ลาซานี่บ้านของอาตมาเอง ไปแล้วคงไม่กล้าเรียกร้องอะไร เดี๋ยวจะมีคนสนองความต้องการบานเบิก อาตมาเคยเกิดอยู่ที่นั่นบ่อยมากเลย สมัยนั้นมักจะเกิดร่วมกับหลวงปู่ครูบาไชยวงศ์ จะไปดูว่าศพของตัวเองยังอยู่ไหม ? (เกิดเป็นพระหรือคะ ?) เป็นพระลามะ คือธรรมเนียมของทิเบต ถ้าครอบครัวไหนมีลูกชาย อย่างน้อยต้องส่งไปบวช ๑ คน ถ้าครอบครัวนั้นมีแต่ลูกสาว พอลูกสาวแต่งงานแล้วพ่อต้องไปบวช ก็ดีเหมือนกันนะ เพราะเท่ากับว่าแทบจะต้องเป็นพระกันทั้งประเทศ"

เถรี 22-04-2017 22:32

พระอาจารย์กล่าวกับโยม "ลำบากตัวช่างมัน ให้ใจสบาย ลำบากกาย ให้ใจเป็นสุข ลำบากกายด้วย ลำบากใจด้วยเครียดตายชัก"


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 11:00


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว