กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เก็บตกจากบ้านเติมบุญ (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=65)
-   -   เก็บตกจากบ้านเติมบุญ ต้นเดือนมกราคม ๒๕๖๐ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=5360)

เถรี 23-01-2017 23:33

พระอาจารย์กล่าวว่า "เสือสาลิกา ปกติเขาเอาไว้ในตลับสีผึ้ง"

ถาม : สีผึ้งเป็นเสน่ห์ แต่เสือไม่มีเสน่ห์ มีอำนาจ ไม่ใช่หรือครับ ?
ตอบ : คุณว่าเสือไม่มีเสน่ห์ ลองเอาเสือไปขังไว้สิ ใคร ๆ ก็อยากไปดู

ถาม : อย่างนี้นี่เอง ?
ตอบ : เสือน่ากลัว แต่มีเสน่ห์ในความน่ากลัว เขาอยากดูเพราะว่าเป็นสัตว์น่ากลัว ก็เลยเป็นมหาเสน่ห์และมหาอำนาจไปในตัว การสร้างวัตถุมงคลถ้าไม่เข้าถึงหัวใจจริง ๆ เราจะไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร หรือว่าต้องทำอย่างไร ลองนึกดูสิว่าถ้าเอาเสือไปล่ามไว้หน้าบ้านเติมบุญ มีหวังคนรุมดูเป็นพัน

หลวงพ่อคง วัดวังสรรพรส ท่านสร้างเสือแล้วเสกให้วิ่งเข้าป่าไปก่อน จึงค่อยเรียกกลับมา หลวงพ่อคงทำได้สำเร็จ ส่วนหลวงพ่อทาบ วัดกระบกขึ้นผึ้ง เสกเสือวิ่งได้ หายเข้าป่าได้ แต่เรียกเท่าไรก็ไม่กลับ ท่านก็เลยหันไปทำสีผึ้งแทน ปรากฏว่าท่านดังกว่า

สีผึ้งเขียวมหาเสน่ห์ของท่านสุดยอดจริง ๆ สีผึ้งอันดับหนึ่งของประเทศไทยต้องหลวงพ่อทาบ วัดกระบกขึ้นผึ้ง ที่เหลือก็แล้วแต่ว่ามีประสบการณ์ของใคร

เถรี 23-01-2017 23:39

ถาม : หลวงพ่ออ่ำ ท่านก็เป็นแบบนี้เช่นกันใช่ไหมครับ ?
ตอบ : หลวงพ่ออ่ำ วัดหนองกระบอก ท่านก็เสกเสือวิ่งเข้าป่าได้ แต่เรียกไม่คืน ท่านก็เลยต้องไปทำแพะแทน ก็แปลว่าครูบาอาจารย์แต่ละท่านไม่ใช่ว่าทำได้แล้วจะสำเร็จกันหมด ท้ายสุดท่านก็ไปเจอสิ่งที่เหมาะสมกับตัวเอง อย่างหลวงพ่ออ่ำ วัดหนองกระบอก ก็ไม่มีใครไปสู้ท่านเรื่องแพะมหาเสน่ห์ได้ จะเมตตา ค้าขาย โชคลาภ คงกระพัน ได้หมด

ถาม : เปิดมาดูกระทู้อีกที แพะหายไปหมดแล้ว ?
ตอบ : คุณรู้ไหมว่าทิดเก้า (สุรเตโช ผู้ดูแลเว็บวัดท่าขนุน) หาแพะหลวงพ่ออ่ำมาทั้งชีวิต แต่เขาไม่เคยถามผมเลย ตามหาแพะหลวงพ่ออ่ำมาทั้งชีวิต เขาไม่รู้หรอกว่าพระอาจารย์ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ มีเป็นคอกเลย..!

เถรี 24-01-2017 19:31

พระอาจารย์กล่าวว่า "พยาบาลจริง ๆ ในยุคแรก ๆ เขาใช้แถบขาวแดงเป็นสัญลักษณ์ ใครเห็นแถบหน้าร้านตัดผมบ้าง ? นั่นแหละสัญลักษณ์ของพยาบาลแต่โบราณเลย เพราะสมัยก่อนร้านตัดผมต้องรักษาคนด้วย

ถามว่าสัญลักษณ์ขาวแดงมาจากไหน ? มาจากผ้าพันแผลเปื้อนเลือดกับผ้าพันแผลสะอาด ตอนหลังเปลี่ยนเป็นจันทร์เสี้ยวสีแดง แล้วเปลี่ยนเป็นกากบาดแดง กากบาดแดงก็คือกาชาด ชาดคือสีแดง โดยปกติตามสนธิสัญญานาโต ห้ามผู้ที่อยู่ในสงครามทำร้ายแพทย์ พยาบาล หรือทำลายอาคารซึ่งเป็นที่ตั้งโรงพยาบาล"

เถรี 24-01-2017 21:28

พระอาจารย์กล่าวว่า "ใครที่มีธนบัตรที่ด้านหลังเป็นรูปในหลวงรัชกาลที่ ๑๐ ตอนฉลองพระชนมายุ ๖๐ พรรษา เก็บไว้ให้ดี ๆ เป็นประวัติศาสตร์เลย

อาตมาโชคดีสร้างห้องสมุดถวายพระองค์ท่านตอน ๖๐ พรรษา สร้างพระใหญ่ถวายสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ๘๐ พรรษา สร้างหลวงพ่อหินเขียว ถวายในหลวง ๘๔ พรรษา ของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารีไม่ได้สร้างถาวรวัตถุ แต่ทำเป็นหนังสือสวดมนต์ถวายกุศลให้กับพระองค์ท่าน

เรื่องของสถาบันพระมหากษัตริย์ ส่วนใหญ่แล้วบุคคลที่ขึ้นครองราชย์เป็นพระมหากษัตริย์ก็ดี พระเจ้าจักรพรรดิก็ดี จะเป็นพระโพธิสัตว์ที่บำเพ็ญบารมีมา พระองค์ท่านถึงได้เป็นผู้นำของหมู่ชน"

เถรี 25-01-2017 10:08

ถาม : พี่สาวอยากทราบว่าถ้าอยากขายที่ดินได้ ต้องทำอย่างไรครับ ?
ตอบ : ขายถูก ๆ ถ้าขายแพงก็ขายไม่ได้หรอก ลองไปบนพระวิสุทธิเทพดู ถ้าขายได้ก็ให้เราถือศีล ๘ พร้อมเจริญพระกรรมฐาน ๗ วัน จุดธูปกลางแจ้ง นึกถึงพระวิสุทธิเทพคือพระพุทธเจ้าบนพระนิพพาน

เถรี 25-01-2017 21:51

พระอาจารย์กล่าวว่า "อาตมาหล่อหลวงพ่อเงินวันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ ที่วัดท่าขนุน เวลา ๑๒.๓๙ น. ใครจะไปบวชปฏิบัติธรรมก่อนก็ได้"

เถรี 25-01-2017 22:03

ถาม : พระของพ่อมีเยอะ ผมขอแม่แล้วเอาพระของพ่อไปถวายวัด ?
ตอบ : พระของท่าน ทำแล้วก็นึกถึงให้ท่านมาโมทนา ก่อนทำก็จุดธูปบอกกล่าวท่านสักหน่อย เผื่อว่าท่านจะหวง

เถรี 25-01-2017 22:52

ถาม : ถ้าของมีลิขสิทธิ์ ?
ตอบ : ถ้าหากว่ามีลิขสิทธิ์ไม่ว่าจะได้มากี่ต่อก็ตาม ผิดทั้งนั้น

ถาม : สมมติว่าหนังสือจริง ๆ ของเล่มนั้นอยู่ในไอแพด ถ้าเราเข้าไปอ่าน ?
ตอบ : ต้องดูว่าเราเข้าไปแบบไหน ถ้าเขาคิดเงินแล้วเราเข้าไปอ่านโดยไม่จ่ายเงินก็ผิดทั้งนั้น ยกเว้นว่าเขาให้เราโหลดไปอ่านได้ ก็ไม่เป็นไร สมัยนี้เขาไม่น่าจะหวงแล้วนะ

เถรี 25-01-2017 23:07

ถาม : บางครั้งนั่งสมาธิแล้วลมหายใจหาย ตามไม่เจอว่าหายไปไหน ?
ตอบ : จิตเริ่มเป็นสมาธิ เพียงแต่สภาพจิตหยาบไปหน่อยเลยตามไม่ทัน ให้สังเกตว่าจะหลุดตอนที่เราเผลอหลุดจากลมหายใจ ฉะนั้น...เอากำลังใจของเราเกาะลมหายใจให้ติด ๆ ไว้ จี้ติดชนิดไม่ปล่อยเลย ไม่อย่างนั้นก็จะหายอีก

ตามลมหายใจให้ได้ก่อน หลังจากนั้นพอสภาพจิตละเอียดขึ้น ต่อไปลมหายใจหายไป เราก็รู้ว่าหายไป แค่รับรู้ไว้เฉย ๆ อย่าไปดิ้นรนหายใจใหม่ แล้วก็อย่าอยากให้เป็นอย่างนั้น ตามดูไว้เฉย ๆ เรามีหน้าที่รู้ว่าตอนนี้ลมหายใจหายไป ตอนนี้คำภาวนาหายไป

เถรี 25-01-2017 23:12

ถาม : นั่งสมาธิชอบง่วงค่ะ ?
ตอบ : แสดงว่าสมาธิเริ่มทรงตัว สมาธิทรงตัวก็จะเป็นปฐมฌานหยาบ ปกติถ้าสติขาดก็จะตัดหลับไปเลย ถ้าสติเรายังอยู่จะรู้สึกว่าง่วงมาก พยายามตามลมหายใจของเราให้ชิดกว่านั้น ถ้าก้าวข้ามไปได้ต่อจากนั้นก็จะไม่เป็นอีก

ถาม : เป็นแล้วไม่รู้สึกตัว ?
ตอบ : สมาธิกำลังดี ถ้าเริ่มดีจะเป็นอย่างนั้น แต่ว่ายังไม่ดีเต็มที่ พอข้ามตรงนั้นไปได้ถึงจะดีจริง

ถาม : ควรภาวนาบทอะไร ?
ตอบ : อะไรก็ได้ คำภาวนาเป็นแค่เครื่องโยงให้ใจเป็นสมาธิเท่านั้น ฉะนั้น...อะไรที่ทำให้เป็นสมาธิใช้ได้ทั้งนั้น

เถรี 26-01-2017 20:18

ถาม : บ้านเพื่อนอยู่อเมริกา ถ้าจะบวงสรวงต้องใช้เวลาของอเมริกาหรือของไทยครับ ?
ตอบ : ถ้าเขาฉลาดก็จะรู้จักเลือกเองแหละ ถ้าโง่ก็ปล่อยให้โง่ต่อไป...! เวลาตรงกันข้ามกับไทย แล้วคุณจะบวงสรวงตอนกลางคืนของไทยใช่ไหม ? ถามแบบไม่ใช้หัวแม่ตีนคิด...!

เถรี 26-01-2017 20:25

พระอาจารย์กล่าวว่า "คนเราพอพัฒนามาเป็นสังคมเมือง ความแหลมคมของประสาทรับรู้ก็หายไปมาก ประสาทตา หู จมูก ลิ้น กายนี่รับชัดยังแทบจะไม่รู้เรื่องเลย อาตมาตอนเป็นทหารเขาฝึกให้ใช้สัมผัสด้วยประสาททั้ง ๕

แปลกใจมาตั้งแต่สมัยโน้นแล้ว ออกไปธุดงค์ด้วยกัน อาตมาก็ไม่ค่อยสบายเพราะมาลาเรียกำเริบ บรรดาลูกศิษย์ก็จัดการกางกลด ทำความสะอาดสถานที่ อาตมาเองก็รับหน้าที่ไปตักน้ำ เพราะว่าถ้าให้คนอื่นกรองน้ำเดี๋ยวไม่สะอาด อาตมาเคยถวายการรับใช้หลวงปู่หลวงพ่อสายธรรมยุติจะรู้วิธีกรองน้ำ เมื่อกรองน้ำมาได้บาตรหนึ่ง

ขากลับเจอท่อนไม้ที่น้ำพัดมา ขนาดน่าจะทำฟืนได้ทั้งคืนทั้งวัน ยาวสัก ๔ เมตร โตสักโอบหนึ่งได้ ก็เลยแบกมาด้วย พอมาถึงมหาเคกับสมุห์กอล์ฟก็ประกบหัวท้าย อาตมาบอกว่า "ไปเอาคนมาอีก" ท่านก็ไม่ฟัง พอรับไปเท่านั้น...หนักจนหัวทิ่มทั้งคู่เลย"

เถรี 26-01-2017 20:28

"ส่วนที่เล่าแล้วหัวเราะไม่ออกก็คือ ตอนนั้นอาตมาอยู่ที่เกาะพระฤๅษี จะยกเสาปูน ๕ นิ้วที่วางเกะกะไปเก็บ เป็นเสาคอนกรีตยาว ๕ เมตร แต่โคนเสาเขาทำเป็นตีนช้าง อาตมาเห็นว่าโคนเสาน่าจะหนัก ก็เลยแบกโคนเสายกขึ้นไหล่ สมุห์กอล์ฟช่วยแบกปลาย พอนับ ๑ ถึง ๓ อาตมาลุกพรวดขึ้น ทางด้านท้ายก็ยุบฮวบ หันไปอีกทีสมุห์กอล์ฟโดนทับคอพับไปแล้ว ต้องรีบวางทางด้านโคนลง แล้วไปยกทางด้านปลายออกให้ท่าน

สมุห์กอล์ฟบอกว่า "ไอ้คนใกล้ตายคิดได้เยอะขนาดนี้เลยหรือ ? ผมไปคิดว่าหลวงพ่ออยู่ด้านที่ใหญ่กว่า หนักกว่า ถ้าหลวงพ่อโดนทับไปด้วยแล้วใครจะมาช่วยผม" สรุปแล้วเด็กรุ่นหลังนี่ไม่ได้เรื่องเลย จึงบอกว่า "เดี๋ยวคุณแก่เท่าผมแล้วจะแข็งแรงเองแหละ..!"

นึกถึงว่าแม้แต่จับกังสมัยนี้ ที่เขาเลิกแบกกระสอบข้าวสารกระสอบละ ๑๐๐ กิโลกรัม เหลือแค่กระสอบละ ๕๐ กิโลกรัม ก็ยังสงสัยอยู่ว่าสมรรถภาพเสื่อมลงไปหรือเปล่า ?"

เถรี 26-01-2017 20:59

"เมื่อครู่นี้ที่บอกว่าการเสื่อมสมรรถภาพของตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ตอนสมัยเป็นทหารเขาให้พิสูจน์ทราบด้วยประสาททั้ง ๕ โดยให้เข้าฐานฝึกตอนเที่ยงคืน มืดตื้อเลย ฐานแต่ละฐานก็จะมีวัตถุให้ทดสอบ จะใช้คลำ จะใช้ดู จะใช้ดม จะใช้ชิมอย่างไรก็ได้ แต่ต้องบอกให้ได้ว่าวัตถุนั้นคืออะไร ถ้าบอกผิดก็โดนสั่งซ่อม ก็คือโดนลงโทษอยู่ตรงนั้นแหละ จะวิดพื้น ๕๐ ครั้ง นั่งกระโดด ๕๐ ครั้งก็ว่าไป ใครผิดซ้ำซากก็โดนเป็นร้อย ๆ

ปรากฏว่าวัตถุ ๘ อย่าง อาตมาบอกผิดอย่างเดียวเพราะไม่เคยใช้ เป็นโลชั่นทาตัว อาตมาไม่รู้จัก ได้กลิ่นแล้วนึกว่าครีมใส่ผม เพราะว่าสมัยก่อนรู้จักแต่ครีมใส่ผม จึงตอบว่าครีมใส่ผม โดนวิดพื้นไป ๕๐ ครั้ง นอกนั้นบอกถูกหมด แต่สงสารเพื่อนหลายคน มีอยู่คนหนึ่ง เวลาเขามองดู อะไรโปะเป็นก้อนอยู่บนกระดาษ ตอนเที่ยงคืนนะ มืดตื้อเลย ครูฝึกเขาบอกว่า "มึงลองดมดูสิ" พอดมเสร็จเพื่อนก็ตอบว่า "พุทรากวนครับ" "มึงแน่ใจนะ ?" "แน่ใจครับ" "ถ้าอย่างนั้นมึงลองชิมดูหน่อย" ชิมแล้วเพื่อนก็ยังตอบว่า "พุทรากวนครับ"

สรุปว่าโดนวิดพื้นเป็นร้อย ขี้วัวแท้ ๆ เห็นเป็นพุทรากวนไปได้...! พอไปอีกฐานหนึ่งเพื่อนดมแล้วตอบว่า "น้ำส้มสายชูครับ" "มึงลองชิมดู" เพื่อนก็ยังตอบว่า "น้ำส้มสายชูครับ" สองครั้งสามครั้งก็ยังตอบว่าน้ำส้มสายชูครับ อาตมาดมครั้งแรกก็บอกว่า "เยี่ยวครับ" จบเลย ดมไปได้อย่างไรว่าเป็นน้ำส้มสายชู เพื่อนคนนี้ต้องบอกว่าหล่อติดอันดับของรุ่นเลยนะ เจองานนั้นเข้าไปหมดหล่อเลย ชิมทั้งขี้วัว ชิมทั้งฉี่"

เถรี 31-01-2017 09:32

พระอาจารย์กล่าวว่า "เมื่อเช้าเล่าเรื่องตอนเป็นทหารแล้วเขาฝึกให้ใช้ประสาทสัมผัสทั้ง ๕ ตอนนั้นการฝึกทุกอย่างหนักมาก ตื่นตี ๕ คิดว่าไม่หนัก...ใช่ไหม ? แต่ตื่นตี ๕ แล้วต้องเข้าห้องน้ำห้องส้วม ล้างหน้า แปรงฟัน แต่งตัว ไปจัดแถว เกิน ๓ นาทีเมื่อไรโดนซ่อมอาน คำว่า "ซ่อม" ก็คือทำให้ดีขึ้น ฉะนั้น...ถ้าวันนี้เวลาไม่ดีพอก็ต้องทำให้ดีขึ้น วิธีซ่อมก็คือการลงโทษ

หลังจากนั้นก็วิ่งออกกำลังกาย ต่ำสุด ๗ กิโลเมตรต่อครั้ง สูงสุดเคยถึง ๒๔ กิโลเมตร พูดง่าย ๆ ว่าถ้าครูฝึกหมั่นไส้ก็ได้วิ่งเยอะหน่อย โดยเฉพาะถ้าเป็นสิบเอกโสภณ อาตมาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมพ่อคุณท่านถึงได้วิ่งอึดขนาดนั้น หุ่นเหมือนกับคุณชยาคมน์นี่แหละ นึกออกไหม ? ถ้าหมู่โสภณพาวิ่งนี่...เจ้าประคุณเถอะ ไม่ถึง ๒ ชั่วโมงไม่ต้องไปถามเลยว่าแกจะหยุดไหม ที่อัศจรรย์ก็คือแกวิ่งได้ทั้งขึ้นหน้าและถอยหลัง พอถึงเวลาแกจะตรวจแถวพวกเราว่าวิ่งพร้อมเพรียงกันหรือเปล่า แกก็วิ่งถอยหลัง วิ่งไปมองไป

จนกระทั่งประมาณ ๖ โมงเช้าเป็นอย่างเร็ว ก็จะได้มาเล่นกายบริหาร หลังจากนั้น ๐๗.๓๐ น.ก็จะปล่อยให้ไปเข้าห้องน้ำ ล้างหน้าแปรงฟัน ใครไม่ได้ทำก็ทำเสียตั้งแต่ตอนนั้น แล้วก็ไปเข้าโรงเลี้ยง กินให้เสร็จก่อน ๘ โมง แต่ส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้กินหรอก โดนแกล้งอยู่ในนั้นแหละ ประเภทหิวจนไส้จะขาดเพราะวิ่งมาตั้งหลายชั่วโมง ถึงเวลาให้กินตามจังหวะนกหวีด เป่าปรี๊ด ตัก...ปรี๊ด เข้าปาก...ปรี๊ด เอาช้อนลง...ปรี๊ด...เคี้ยว...ปรี๊ด...หยุด บางทีข้าวคำหนึ่งกินอยู่ ๑๐ กว่านาที เคยลองดูบ้างไหม ?

บางทีเขาก็เห็นว่าท่ากินแบบนั้นง่ายเกินไปก็ให้มุดไปใต้โต๊ะ แล้วก็ตักอาหารบนโต๊ะนั้นแหละมากินให้ได้ ก็ต้องควานหากันไปเถอะ"

เถรี 31-01-2017 09:34

"พอ ๘ โมงเช้ามาจัดแถวเคารพธงชาติ เสร็จแล้วก็ไปฝึกกันท่าอาวุธหรือแถวชิดกันต่อ ถามว่าฝึกถึงตอนไหน ? โดยปกติแล้วก็เที่ยง หลังจากนั้นก็ฝึกเดินแถวสวนสนามด้วยความพร้อมเพรียงไปยังโรงเลี้ยง มีเวลากินถึงบ่ายโมง แต่ปรากฏว่าบางวันเขาให้เดินสวนสนามไปถึงเที่ยง ๕๐ นาทีแล้วยังไม่ได้กินเลย ถ้าเจอครูฝึกอายุมาก ๆ หน่อยที่เขาเรียกกันว่า "จ่าแก่ ๆ" ก็จะได้กินเร็วหน่อย เพราะว่าส่วนใหญ่พวกเราตอนนั้น ก็จะอายุรุ่นราวคราวเดียวกับลูก ๆ ของจ่า ถ้าหากว่ากินเร็วหน่อยก็ได้พักนิดหนึ่ง

บ่ายโมงเริ่มฝึก ไม่ว่าจะเป็นการ
ฝึกระเบียบแถว ฝึกแถวชิด ฝึกท่าอาวุธ ฝึกยุทธวิธีในการรบ แล้วเลิกตอนไหน ? เลิก ๕ โมงเย็นเป่านกหวีดรวมพล แต่ไม่ได้ปล่อยนะ เลิกการฝึกไปวิ่งต่อ วิ่งไป กายบริหารไป กว่าจะได้พักไปอาบน้ำก็มืดค่ำ แล้วการอาบน้ำก็ไม่เหมือนสมัยนี้หรอก ส่วนใหญ่พอเป่านกหวีดปรี๊ดแรกเริ่มอาบ ปรี๊ดที่ ๒ ต้องเลิก บางทีปรี๊ดแรกกับปรี๊ดที่ ๒ ก็ติดกันเลย บางคนนี่ฟอกสบู่ลายพร้อยไปทั้งตัว ก็ต้องวิ่งออกไปทั้งอย่างนั้นแหละ

อาตมาเองหลายครั้งแล้ว ที่ต้องเอาผ้าขาวม้าจุ่มน้ำแล้ววิ่งตาม
ไปให้เพื่อนเช็ดตัว"

เถรี 31-01-2017 09:37

"ทุ่มครึ่งเข้าห้องเรียน เรียนภาคทฤษฎี สามทุ่มเลิกเรียน เป่านกหวีด มีเวลา ๑๕ นาทีขัดเครื่องหมาย ขัดรองเท้าทุกอย่างให้เงาวับ ๓ ทุ่ม ๑๕ นาทีเป่านกหวีดนอน ๔ ทุ่มเป่านกหวีดตื่น ไปฝึกยุทธวิธีการรบเวลากลางคืน แล้วแต่ว่าครูฝึกจะเมตตา เลิกตีสองบ้างตีสามบ้าง ตีห้าตื่นใหม่

ฉะนั้น...ใครคิดว่าไม่หนักก็ลองดู อาตมาพูดก็เพราะว่าพอมาฝึกปฏิบัติธรรมแล้วรู้สึกว่าง่ายมาก เพราะว่าก่อนหน้านี้ก็ฝึกหนักแบบ
ที่เล่ามานั่นแหละ เพียงแต่เปลี่ยนจากการฝึกทางกายมาเป็นการฝึกทางใจเท่านั้น ญาติโยมลองเอากำหนดเวลาที่อาตมาพูดนี่ ไปลองฝึกตัวเองดูว่าจะออกมาเป็นอย่างไร

รู้แต่ว่าอาทิตย์แรกไม่ได้เข้าส้วมเลย ของทุกอย่างที่กินลงไปย่อยเกลี้ยงไม่มีอะไรเหลือ แต่ละวันเหงื่อไหลเป็นปีบ กินน้ำลงไปแทบจะไม่มีโอกาสออกมาเป็นปัสสาวะเลย เพราะฉะนั้น...อาหารที่ชอบที่สุดก็คือปลาเค็ม ถ้าวันไหนมีปลาเค็มนี่กินกันลืมตายเลย เพราะว่าร่างกายขาดเกลือมาก

ส่วนขนมมีให้อาทิตย์ละ ๑ ครั้งเฉพาะวันพุธ แล้วไม่ได้กินหรอก เพราะส่วนใหญ่วันพุธ จ.ส.อ.วิทยา นุชแผน ครูฝึกที่โหดที่สุดจะเป็นคนคุม แกตั้งใจมาเล่นพวกเราโดยเฉพาะ ส่วนมากให้เวลากินแค่ ๑ นาที พวกเราก็เลยจ้วงขนมกันก่อน ข้าวช่างหัวมันเถอะ วันหลังค่อยว่ากัน ที่ขำที่สุดคือหมู่โสภณ แกอ้วนแล้วทำไมวิ่งได้อึดขนาดนั้น ที่อัศจรรย์คือวิ่งขนาดนั้นแต่ไม่ผอม กล้ามเนื้อแข็งเป็นหินเลย แสดงว่าถ้าเลิกวิ่งเมื่อไรจะใหญ่กว่านั้นอย่างน้อย ๓ เท่า..!"

เถรี 31-01-2017 09:39

"ตรงจุดนั้นทำให้อาตมาเข้าใจคำว่า ลำบากก่อนแล้วสบายเมื่อปลายมือ เพราะหลังจากที่ได้รับการฝึกโหดมาแล้ว อะไร ๆ ก็ง่ายไปหมด โดยเฉพาะเมื่อเวลาสมรรถภาพร่างกายดี ๆ จะได้รับการคัดตัวไปเรียนหลักสูตรพิเศษต่าง ๆ เพิ่มเติม พวกนี้สังเกตง่าย เป็นหน่วยรบพิเศษหมวกแดง หมวกเบเร่ต์แดง หลักสูตรจู่โจมหรือที่เรียกกันว่าแรงเยอร์ ฝึกจบมีเครื่องหมายเสือคาบดาบติดหน้าอกให้

หลักสูตรการทำลายใต้น้ำ ถึงเวลาก็ได้ตราฉลามโต้คลื่น แต่ขอโทษเถอะ ตั้งแต่รุ่นแรกจนถึงรุ่นของอาตมา ทหารบกส่งไป ๔๔ รุ่น...ตกเรียบ เพราะไม่ได้ฝึกมาโดยตรงแบบของทหารเรือเขา ของเราประเภทเด็กดอยแล้วจะให้ไปลงน้ำ อย่างอื่นพอได้ แต่พวกใต้น้ำนี่สู้เขาไม่ได้

ทหารเรือเวลาคัดตัว เขาต้องมีการวัดความจุปอดว่าหายใจได้มากน้อยเท่าไร แต่ทหารบกไม่มี พอไม่มีนี่สภาพร่างกายอึดมากแค่ไหนพอไปเจอกันเดี่ยว ๆ ใต้น้ำก็สู้เขาไม่ได้"

เถรี 31-01-2017 09:44

"พวกด่านใต้น้ำก็มีให้ใช้น็อตขนาด ๖ หุนยาวประมาณ ๕ นิ้วหรือ ๖ นิ้ว เกลียวตลอด ๒ ตัว กลั้นหายใจแล้วดำลงไปไขให้สุดด้วยมือเปล่า ใต้น้ำกว่าจะควานหารูน็อตเจอ กว่าจะไขเข้าไปได้ เพื่อนที่ตกเพราะว่าฉลาดน้อยไปหน่อย พูดง่าย ๆ ก็คือเมื่อคลำไปเจออันแรก ไขเข้าไปได้หน่อย คลำเจออันที่ ๒ ก็ไขไปหน่อย แล้วใช้ ๒ มือหมุนพร้อมกัน ถ้าใช้มือเดียวไม่ทันแน่นอน แต่เขาไขตัวหนึ่งสุดแล้วค่อยไปไขอีกตัวหนึ่ง ก็เลยไม่ทัน

ถ้าหากว่าฉุกเฉินหมดท่าจริง ๆ เขาให้เป่าลมหายใจออกจากปากให้แรงที่สุดเท่าที่จะแรงได้ แล้วงับกลับเข้าไปใหม่ ช่วงที่เราเป่าออกมา น้ำตรงหน้าจะเป็นช่องว่างอยู่วูบหนึ่ง เราสามารถที่จะดึงเอาลมหายใจเก่ากลับเข้าไปแล้วอยู่ต่อได้อีกหน่อย เทคนิคแบบนี้
พวกเราคงไม่ได้ใช้กันหรอก

บางทีถ้าฝึกดำน้ำลึกก็หลงน้ำ ว่ายไป ๆ ไม่รู้ด้านไหนบนด้านไหนล่าง เพราะว่าร่างกายโดนแรงอัดของน้ำ บีบเอาไนโตรเจนเข้าไปในเส้นเลือดมากก็จะเริ่มมึนงง สมองไม่ค่อยทำงาน...จะหลงน้ำ ถ้าคนช่างสังเกตก็ดูพวกปลา พวกสาหร่าย ถ้าคนไม่ช่างสังเกต มีทางเดียวคือพ่นลมหายใจออกมาแล้วตามฟองอากาศขึ้นมา ไม่อย่างนั้นแล้วหลงว่ายลึกไปเรื่อย ท้ายสุดหมดอากาศก็ตาย

ตอนช่วงนั้นที่ชอบใจที่สุดคือคำภาวนาเหนียวแน่นมาก เป็นการฝึกการภาวนาโดยการเคลื่อนไหวทุกอิริยาบถ ตอนแรกไม่รู้หรอก ตอนหลังจึงจะเข้าใจว่าเป็นการฝึกฌานใช้งาน เพียงแต่รู้อยู่อย่างเดียวว่า ทำให้เหนื่อยช้าและอดทนมากกว่าเพื่อน ทำให้ต้องโดนเพื่อนถีบให้ร่วง โดนเท่าไรก็ไม่ยอมลง เพื่อนก็จะโดนไปเรื่อย เพราะครูฝึกเขาต้องการให้ล้มลงให้หมด"

เถรี 31-01-2017 21:30

พระอาจารย์กล่าวว่า "คำว่า "เชย" อยู่มาสามชั่วอายุคนแล้ว ยังไม่หายไปไหนเลย

คำว่า "เชย" มาจากลุงเชย ในเรื่องสามเกลอของ ป.อินทรปาลิต เป็นเศรษฐีบ้านนอกอยู่ปากน้ำโพ มาทำอะไรเฉิ่ม ๆ ในกรุงเทพฯ จนกระทั่งเวลาที่คนอื่นทำอะไรน่าขายหน้า เขาก็เรียกว่า "ลุงเชย" เรียกไปเรียกมาจากคำว่า "ลุงเชย" ก็เหลือแค่ "เชย" คำเดียว ใครจะไปนึกว่านิยายเรื่องหนึ่งสามารถทำให้กำเนิดสำนวนอมตะได้"

เถรี 31-01-2017 22:37

ถาม : ในความเป็นจริงเด็กไม่ต้องรอให้เป็นผู้ใหญ่ ก็เข้าใจความรู้ต่าง ๆ ได้ ?
ตอบ : ถ้าพวกตายแล้วเกิดใหม่เลยจะเข้าใจ แต่ถ้าประเภทตายแล้วไปรับบุญข้างบน หรือลงข้างล่างเสียนาน จะไม่ค่อยเข้าใจหรอกจึง ต้องเริ่มต้นใหม่ เพราะลืมของเก่า

ถาม : คนที่อยู่ในชาติเดียวกันมักจะบอกว่า...(ไม่ชัด)...?
ตอบ : อัจฉริยะส่วนใหญ่ตายแล้วเกิดใหม่ทันที จึงได้ของเก่ามาด้วย

เถรี 31-01-2017 22:41

ถาม : พวกสัตว์ในเทพนิยายนับว่าเป็นสัตว์เดรัจฉานไหมคะ ?
ตอบ : ทางบ้านเราจัดเป็นเดรัจฉานกึ่งทิพย์ จัดอยู่ในภูมิของเทวดาชั้นต่ำ อาศัยอยู่ตีนเขาพระสุเมรุ

ถาม : เกี่ยวกับว่าตัวเขาใหญ่ด้วยไหมคะ ?
ตอบ : ไม่ใช่ ในความเป็นทิพย์ตัวใหญ่แค่ไหนก็รับได้

ถาม : ทำไมคนโบราณเขาไม่กลัวสัตว์ขนาดใหญ่ ?
ตอบ : คนโบราณเห็นสัตว์เป็นอาหาร ยิ่งใหญ่ยิ่งดี กินได้นาน จะไปกลัวอะไร มีแต่ดีใจ ไม่เห็นหรือว่าสมัยก่อนล่าปลาวาฬด้วยหอก มีแค่หอกกับเชือก ไล่ทิ่มไล่แทงกันเป็นวัน กว่าที่เหยื่อจะตาย

ไปนึกถึงเด็กมอญแถวทองผาภูมิ แถวบ้านเราผู้ใหญ่เห็นงูจงอางยังวิ่งหนี ส่วนเด็กมอญแถวทองผาภูมิเห็นงูจงอางก็วิ่งใส่ งูต้องหนีสุดชีวิตเลย พวกนี้ก็รู้นะ ถ้าเขามองเห็นว่าเป็นอาหารก็ต้องหนีสุดชีวิตแหละ แต่ถ้ามองเห็นว่าเป็นสัตว์น่ากลัว ทำร้ายเราได้ ก็กลายเป็นว่าเราต้องหนีแทน อาตมาเคยเห็นเด็กไม่ถึงสิบขวบสองคนไล่ตีงูจงอาง ยาวเกือบสี่เมตร งูนั่นต้องหนีสุดชีวิตเลยแต่ก็ไม่รอด โดนเอาลงหม้อจนได้..!

เถรี 31-01-2017 22:56

ถาม : ถ้าจะบวงสรวงเจ้าที่...?
ตอบ : จริง ๆ แล้วบวงสรวงเวลาไหนก็ได้ เพราะว่าพระภูมิเจ้าที่ต้องเฝ้ารักษาเขต ไม่ได้ไปไหน แต่ที่ให้บวงสรวงตอนเช้าเพราะว่า บางแห่งเจ้าที่ท่านเป็นอากาสเทวดา พอสายประมาณ ๙ โมงไปแล้ว เทวดาท่านต้องไปเทวสภา จะไม่เหลือใครนอกจากเจ้าที่เท่านั้น

เวลามีงานถ้าผู้ใหญ่มาคนอื่นก็จะเกรงใจเรา...ใช่ไหมเล่า ? ถ้าเหลือแต่ผู้ใหญ่บ้าน ไม่มีกำนัน ไม่มีนายอำเภอ ไม่มีผู้ว่าราชการจังหวัดมา ใครจะไปเกรงใจเรา ? ฉะนั้น..ถ้าเป็นไปได้พยายามบวงสรวงช่วงเช้า อย่าให้เกิน ๙ โมงครึ่ง

เถรี 31-01-2017 23:06

พระอาจารย์กล่าวว่า "โดยปกติแล้วรถคือพาหนะใช้งาน แต่บ้านเรารถแสดงออกซึ่งฐานะมากกว่า อย่างต่างประเทศเอาเบนซ์มาเป็นแท็กซี่ เอาโรลส์รอยซ์มาเป็นแท็กซี่ แต่บ้านเราเอาไว้ปิดทองบูชา ถึงเวลาต้องกราบรถกู...!

บ้านเราเคยมีคนเอารถบีเอ็มดับเบิ้ลยูทำเป็นแท็กซี่เขียวเหลือง ตัวแทนบริษัทในเมืองไทยขอซื้อกลับในราคารถใหม่เลย ไม่ยอมให้ทำแท็กซี่ เขากลัวว่าเกรดจะตก"

เถรี 01-02-2017 22:02

ถาม : ถ้าจะลดน้ำหนัก ตอนนี้มีน้ำมัน มีไฟเบอร์ ?
ตอบ : วิธีที่ดีที่สุดคือออกกำลังกาย

ถาม : น้ำมันชนิดนี้มีไฟเบอร์กำลังดี ?
ตอบ : อะไรที่เกินพอดีก็เป็นอันตรายทั้งนั้น มัชฌิมาปฏิปทาของพระพุทธเจ้าสำคัญที่สุด ส่วนใหญ่การแพทย์สมัยใหม่ไม่รู้จริง เห็นว่าอะไรดีก็จับแพะชนแกะปนกันไปหมด ตอนนี้ใครลองน้ำผลไม้รวมสกัดบ้าง ? บางคนกินเข้าไปคันแทบตาย ของบางอย่างถ้ารวมกันแล้วจะเป็นพิษ ถ้าแยกกันแล้วไม่เป็นไร ฉะนั้น...อย่าไปใส่รวมกันส่งเดช มีสิทธิ์สิ้นชีวิตได้

ถาม : (ไม่ชัด)
ตอบ : ออกกำลังเป็นการลดน้ำหนักที่ยั่งยืนที่สุด ไม่ใช่ไปกินอย่างนั้นแล้วลด กินอย่างนี้แล้วลด วิธีลดที่ดีที่สุดไม่ใช่การกิน แต่คือการกินน้อยลงหรือไม่กิน...!

เถรี 01-02-2017 22:03

ถาม : วิธีที่ไม่ทำให้มวลเพิ่ม ?
ตอบ : วิ่ง

ถาม : อะไรนะครับ ?
ตอบ : วิ่ง...วิ่ง เอะอะก็ไม่ยอมออกกำลัง กินนั่นกินนี่เพื่อให้ร่างกายผอม บ้าชัด ๆ...! บอกแล้วว่าวิธีที่ดีที่สุดก็คือกินให้น้อยลงหรือไม่กิน

เถรี 01-02-2017 22:04

ถาม : ชาถือว่ากระตุ้นการเต้นของหัวใจไหมครับ ?
ตอบ : ก็อยู่ในลักษณะเดียวกัน แต่ชาเบากว่า ส่วนกาแฟกินลงไปเมื่อไรหัวใจเต้นผิดปกติทันที

เถรี 01-02-2017 22:17

ถาม : ศาสนาพุทธอยู่ได้ห้าพันปี เราต้องกังวลไหมครับว่าศาสนาตั้งได้ไม่นานนัก ?
ตอบ : ถ้าไม่นานคุณก็อยู่ให้ถึงแล้วกัน ผมไปก่อนล่ะ..! อายุศาสนาห้าพันปีบอกมาได้ว่าไม่นาน ตายได้เป็นร้อยรอบ...!

เถรี 01-02-2017 22:24

ถาม : ....(ไม่ชัด)... พอไหมครับ ?
ตอบ : พอหรือไม่พออยู่ที่คุณปฏิบัติเอง ถามคนอื่นไม่ได้ ให้สังเกตแค่ว่าอารมณ์ใจเหล่านั้นอยู่กับเราเป็นปกติ หรือเราต้องใช้ความพยายามเป็นอย่างมากที่จะสร้างอารมณ์ใจอย่างนั้นให้เกิด แค่นี้ก็รู้แล้วว่าไหวไหม

ถาม : ถ้าอย่างนี้ก็พิจารณาอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา....(ไม่ชัด)... ?
ตอบ : เวลาทุกนาที ทุกวินาที มองให้เห็นให้ได้ มองเห็นอย่างเดียวก็ยังไม่ได้อะไร สภาพจิตต้องยอมรับกับความจริงว่าเป็นเช่นนั้นด้วย เห็นแล้วยอมรับความจริงเช่นนั้นก็ยังไปไหนไม่ได้ ต้องวางลงให้ได้จริง ๆ ด้วย

ถาม : ....(ไม่ชัด)... ?
ตอบ : แบบที่พระกุมารกัสสปะท่านเปรียบเทียบ ตกลงไปในหลุมขี้ มีคนเอาขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัวใหม่จนสะอาดเอี่ยม แล้วใครยังจะกระโดดลงไปอีก ?

เถรี 01-02-2017 22:33

ถาม : ข้อเข่าเสื่อม ตอนนี้ไม่เหมือนเดิม อยากให้เหมือนเดิมครับ ?
ตอบ : อย่างนี้เขาเรียกว่าวิภวตัณหา ของเสื่อมแล้วดันไม่อยากให้เสื่อม ฟังดูว่าไม่อยาก เหมือนกับเป็นของดี แต่ความจริงก็คืออยาก ก็คืออยากที่จะไม่เป็นอย่างนั้น แปลว่าแบกกิเลสไว้เต็ม ๆ มีวิธีเหมือนกันนะ แต่ไม่รู้ว่าจะทำไหวหรือเปล่า ?

ถาม : วิธีอย่างไรครับ ?
ตอบ : ใช้น้ำมันจากต้นยาง ๑ ขวด ผสมกับน้ำผึ้ง ๑ ขวด เขย่ารวมให้เข้ากันดีจะได้ ๒ ขวด กินตอนเช้า ๑ ช้อนโต๊ะ เย็น ๑ ช้อนโต๊ะ จะเกิดผลสองอย่าง อย่างแรกกลืนลงหรือเปล่า ? อย่างที่สอง ถ้ากลืนลงต่อจากนั้นกลิ่นตัวจะเหม็นสุด ๆ เพราะว่าเป็นกลิ่นน้ำมันยาง

ถาม : น้ำมันอะไรนะครับ ?
ตอบ : น้ำมันจากต้นยาง ไม่ใช่ยางพารานะ ยางนาที่สมัยก่อนเขาเจาะเอาน้ำมันมาใช้งาน จะช่วยเรื่องข้อเรื่องเข่าได้ดีมาก อายุ ๘๐-๙๐ ปี ยังเดินตัวปลิวเลย แต่อาตมากินไม่ลง รสชาติไม่ไหว แต่ช่วยในเรื่องการปรับไขข้อ การหล่อลื่นของไขข้อจะดีมาก

เถรี 01-02-2017 22:38

ถาม : ในเรื่องการทูต เราสามารถกำหนดใช้ในโลกธุรกิจปัจจุบันได้ไหมครับ ?
ตอบ : ได้....การทูตเราจะสังเกตเห็นว่าเป็นการสานสัมพันธ์กับผู้อื่น โดยพยายามหลีกเลี่ยงการกระทบกระทั่งให้เหลือน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ก็ลักษณะเดียวกับที่เราไปสร้างสายสัมพันธ์ในวงการค้านั่นเอง

เถรี 01-02-2017 22:56

ถาม : ฌ้อป้าอ๋องมีข้อเสียหลายอย่าง ?
ตอบ : ข้อเสียอย่างเดียวก็ถึงตายแล้ว ไม่ใช่หลายอย่าง

ถาม : อย่างนี้คนที่ไม่ต้องเก่งมาก แต่มีข้อเสียน้อย ดีกว่าคนที่เก่งเยอะ ๆ แต่มีข้อเสียมาก ?
ตอบ : คนฉลาดไม่ใช้จำเป็นต้องใช้กำลังไปปะทะ ภาษิตกะเหรี่ยงบอกว่า อย่าไปสู้กับควายด้วยกำลัง อย่าไปสู้กับจระเข้ในน้ำ

ลักษณะของหลิวปังก็เหมือนกัน ในเมื่อเซี่ยงอวี่เก่ง เขาก็ไม่ไปปะทะด้วย ค่อย ๆ หลอกล้างผลาญไปทีละนิดทีละหน่อย แม้กระทั่งให้คนไปร้องเพลงให้ทหารฟังก็ยังเอา ร้องเพลงบรรยายถึงถิ่นฐานบ้านเกิด ทหารรบมาเป็นปี ๆ อยากกลับบ้านจะขาดใจอยู่แล้ว พอมาฟังก็ไม่มีกำลังใจที่จะรบอีก


ถาม : ผมเคยได้ยินประโยคว่า หลอกลวงวุ่นวายด้วย....?
ตอบ : วิธีไหนก็ตามที่เอาชนะได้ถือว่าใช้ได้ทั้งหมด พอแล้ว ๖ คำถามแล้ว...!

ถาม : หลอกลวงเขาไม่ผิดศีลหรือครับ ?
ตอบ : พวกนั้นเขาไม่มีศีล ถ้ามีศีลเขาจะฆ่ากันทำไม ? ขนาดฆ่ากันเขายังทำ นี่แค่หลอกกัน เรื่องของสงครามเอาศีลธรรมจรรยาไปคุยได้ที่ไหน มีทางเดียวคือทำลายข้าศึกให้ได้มากที่สุด โดยที่ตัวเองเสียหายน้อยที่สุด

ทันทีที่ขงเบ้งระเบิดกองทัพของลุดตัดกุดตายเกลี้ยง ท่านบอกว่า "ตัวเราต้องอายุสั้นเป็นแน่แท้" ท่านรู้ขนาดนั้น เพราะว่าฆ่าคนมาก และฆ่าด้วยวิธีที่โหดร้ายมาก กรรมหนักจึงทำให้อายุสั้น

เถรี 01-02-2017 23:20

ถาม : เราถ่ายภาพพระในวัด ไม่ว่าจะเป็นพระสงฆ์หรือพระพุทธรูปก็ตาม เราต้องขออนุญาตไหมครับ ? และเวลาเราถ่ายรูป ถ้าเราถ่ายตัวเราเองกับท่านด้วย ท่าทางต้องเป็นท่าทางสุภาพเท่านั้นหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : อันดับแรก ถ้าเรารู้จักอ่อนน้อมถ่อมตน รู้จักขออนุญาต แม้แต่คนทั่วไปเห็นก็เอ็นดู ให้ความเมตตาสงเคราะห์มากกว่าปกติ เพราะฉะนั้น...ถ้าทำได้ก็ควรทำ ประการที่สอง สิ่งศักดิ์สิทธิ์อันควรเป็นที่เคารพ ไม่ใช่ใครคิดจะไปทำท่าอะไรก็ได้ ควรที่จะแสดงออกในลักษณะของการเคารพมากที่สุด

ประการที่สามนี้แถมให้ ถ้ารักที่จะเลือกภาพนั้นไปบูชา อย่าเสือกทะลึ่งเอาตัวเองเข้าไปอยู่ในภาพนั้นด้วย ความดีเราไม่พอที่จะให้คนอื่นกราบไหว้หรอก สมัยนี้ญาติโยมจำนวนมากที่ชอบเซลฟี่กับพระ แล้วทำในในลักษณะที่เห็นอาตมาเป็นแค่ตัวประกอบในภาพเท่านั้น โปรดระมัดระวังด้วยว่าสมควรหรือไม่สมควร ไปคิดเอาเอง เพราะเวลาเซลฟี่หน้าเราจะบานเต็มจอ ส่วนพระเหลือแค่หัวไม้ขีด แล้วจะเอาภาพพระไปทำไม ?

เถรี 02-02-2017 09:34

พระอาจารย์กล่าวว่า "อาตมานั่งรับสังฆทานมาหลายปี มี ๑๔ คนที่แข็งแรงผิดปกติ ก็คือ เอาพระองค์ใหญ่ตั้งบนกล่องสังฆทานแล้วยกมาทีเดียว ของใหญ่ขนาดนั้นยังอุตส่าห์ยกมา เออ...ใจถึงจริง ๆ"

เถรี 02-02-2017 09:53

พระอาจารย์เล่าว่า "หลวงปู่สี วัดเขาถ้ำบุนนาค เกิดในรัชกาลที่ ๓ อยู่มาถึงรัชกาลที่ ๙ เป็นพระ ๗ แผ่นดิน อายุ ๑๒๘ ปี สมัยก่อนใครไปนิมนต์หลวงปู่สี ท่านจะบอกว่า "หลวงปู่ไปไม่ได้หรอก" ท่านอั้นปัสสาวะไม่อยู่ นั่งคุยอยู่พักหนึ่งก็ต้องไปเข้าห้องน้ำก่อน ท่านบอกว่ามีผลจากการไปกินยาอายุวัฒนะมา

ตอนนั้นหลวงปู่ธุดงค์แล้วหลงป่า ไปเจอพวกลับแล ๓-๔ คน ทำยาอายุวัฒนะกินกันอยู่ หลวงปู่ไปถึงเขากินกันหมดพอดี เขาก็เลยรวบรวมยาที่ติดอยู่บนเศษไม้ใบหญ้าอยู่หน่อยหนึ่งถวายหลวงปู่ ก็แค่หยดสองหยดเท่านั้น ท่านฉันแล้วอยู่มาถึง ๑๒๘ ปี ถ้ากินเต็มสูตรแบบเขาจะอยู่ได้กี่ปี ?

ตอนนี้ในเว็บวัดท่าขนุนยังมีพระปิดตานะมิของหลวงปู่สีอยู่ ๑๐ กว่าองค์ คนไม่ค่อยรู้กัน เสียดายตรงที่เขาไปทำกล่องใหม่ ถ้าทำกล่องใหม่คนที่ไม่รู้ก็เริ่มไม่แน่ใจกัน มีอยู่ช่วงหนึ่งที่ท่านถวายหลวงพ่อวัดท่าซุงมาถุงใหญ่ ตอนนั้นจำหน่ายกันเป็นปีเลย"

เถรี 02-02-2017 09:54

:4672615: เก็บตกเดือนมกราคม ๒๕๖๐ หมดแล้วค่ะ :4672615:
ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย ทาริกา คะน้า เถรี และรัตนาวุธ


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 21:39


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว