กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เก็บตกจากบ้านเติมบุญ (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=65)
-   -   เก็บตกจากบ้านเติมบุญ ต้นเดือนพฤษภาคม ๒๕๖๐ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=5597)

เถรี 18-05-2017 19:20

ถาม : ถ้าเราไปซื้อของแล้วพนักงานทอนเงินเกินมา ?
ตอบ : คืนเขาไป

ถาม : ถ้าเรารับมาแล้ว ?
ตอบ : รับมาโดยไม่รู้ จนกระทั่งหมดหนทางคืนก็แล้วไป แต่ถ้าหากว่ารู้ ต้องรีบคืนให้เขา

ถาม : ถ้าเราถือว่าเป็นลาภของเรา ถือว่าผิดศีลไหมครับ ?
ตอบ : ใช่ของเราไหม ? ถ้าไม่ใช่ของเรา เราไปถือว่าลาภได้อย่างไร ? เขาไม่ได้เต็มใจให้สักหน่อย

ถาม : ถ้าเราถามแล้ว เขายืนยันว่าเต็มใจให้ ก็แล้วกันไปใช่ไหมครับ ?
ตอบ : ก็แล้วไป แต่..มีใครเต็มใจให้คุณบ้าง ?

เถรี 18-05-2017 19:24

วันก่อนอาตมาอยู่ที่หาดใหญ่ มีญาติโยมมาถวายทองคำแท่งร่วมหล่อพระพุทธรูปทองคำกับวัดท่าขนุน โยมแจ้งว่าไปซื้อทองคำ ๕๐ สตางค์ ก็คือ ๒ สลึง ตกลงจ่ายเงินกันเสร็จสรรพเรียบร้อย ออกจากร้านขายทองมาประมาณ ๒ กิโลเมตร คนที่นั่งรถ..ไม่ใช่คนขับ ก็แกะออกมาดู ปรากฏว่าเป็นทองคำแท่งหนัก ๒ บาท

สั่งซื้อ ๒ สลึงแต่ได้ ๒ บาท ก็เลยรีบเลี้ยวรถกลับไปบอกกับทางร้าน ทางร้านก็ยังงง ๆ อยู่ว่าหยิบ ๒ สลึงให้กลายเป็น ๒ บาทได้อย่างไร ? แต่ด้วยความเป็นผู้ที่ปฏิบัติธรรมตรงไปตรงมา ในเมื่อสั่ง ๒ สลึงได้ ๒ บาท ก็ขอให้เขาเปลี่ยนเป็น ๒ สลึงตามเดิม ส่วน ๒ บาทนั้นจะเป็นของทางร้านหรือของใครก็ช่าง คืนเขาไปสบายใจที่สุด

เถรี 19-05-2017 09:21

พระอาจารย์กล่าวถึงการดูวัตถุมงคล "วัตถุมงคลบางชิ้นของหลวงปู่หลวงพ่อบางองค์ อย่างวัวปิดตา หลวงพ่อดิ่ง วัดบางวัว ไม่ได้เกิดจากการปรารภสร้างของหลวงพ่อ แต่เกิดจากช่างที่แกะเอง ปกติหลวงพ่อท่านให้แกะแต่ลิงจับหลักเท่านั้น ตัวเองอยากได้ลิงปิดตา แทนที่จะแกะลิงจับหลัก ถือเคล็ดว่า "มีหลัก" ก็ดันไปปิดตาแทน บางท่านเห็นว่าหนุมานถือตรีเพชร ไม่ได้ถือกระบองหรือหลัก เขาก็แกะเป็นลิงถือตรีเพชร คราวนี้คนเห็นว่าวัดนี้คือวัดบางวัว ก็เลยแกะเป็นรูปวัวบ้างตามที่ตัวเองชอบ แต่ว่าเรื่องทั้งหลายเหล่านี้ก็ไม่ได้มีปัญหา เพราะว่าถ้าหลวงพ่อท่านเสกก็ใช้ได้เหมือนกัน

อีกองค์หนึ่งก็คือหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค ในงานเป่ายันต์เกราะเพชรท่านบอกกับญาติโยมว่า ชอบใจวัตถุมงคลแบบไหนก็ให้ทำมา ถึงเวลางานเป่ายันต์เกราะเพชร ก็ให้เอาใส่ผ้าขาววางไว้บนหน้าตักหรือถือไว้ในมือ ช่วงรับยันต์เกราะเพชรเป็นการปลุกเสกวัตถุมงคลไปด้วย

ในเมื่อไม่ใช่วัตถุมงคลที่หลวงปู่ท่านสร้าง เอกลักษณ์ที่ชัดเจนจะไม่มี ก็ดูได้แค่อย่างเดียวว่า วัสดุนั้นอายุขัยถึงยุคไหม ? ถ้าอายุถึงยุคก็น่าจะใช่ ก็เหลืออีกอย่างเดียวก็คือว่า แหล่งที่มาต้องเชื่อถือได้"

เถรี 19-05-2017 09:28

"แบบเดียวกับลูกอมของหลวงปู่ปาน การลบผงเพื่อเอามาบรรจุในพระของท่านทำยากอยู่แล้ว ถ้าถึงขนาดเอามาปั้นเป็นลูกอม ก็แปลว่าสิ้นเปลืองมากเป็นพิเศษ เพราะฉะนั้น...ก็ต้องดูด้วยว่า ส่วนใหญ่แล้วลูกอมนั้นเกิดจากการที่เอาผงมาอุดพระ ผงที่เหลือถึงได้ปั้นเป็นลูกอม

แบบเดียวกับลูกอมผงพรายกุมารของหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ จังหวัดระยอง นั่นก็เกิดจากการเตรียมเนื้อพระเพื่อที่จะพิมพ์เป็นขุนแผนพรายกุมาร แต่ปรากฏว่าพิมพ์ไม่ทัน แข็งตัวเสียก่อน ก็เลยกลายเป็นลูกอมผงพรายกุมาร

ลูกอมหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค ส่วนใหญ่มาตรฐานก็ประมาณหัวแม่มือ ดูจากงานโดยประมาณ แต่อาตมาเจอลูกเกือบเท่าเหรียญ ๑๐ บาทก็มี ถามว่าแล้วจะเชื่อได้อย่างไร ? ต้องดูเนื้อหามวลสาร ดูอายุ ในเมื่อเนื้อหามวลสารใช่ อายุถึง ก็ต้องฟันธงว่าเป็นของหลวงปู่ปาน อาจจะเกิดจากว่าถึงเวลาปั้นหลาย ๆ ลูกแล้วช้า...รำคาญ เลยทำ
ขนาดใหญ่ลูกเดียวไปเลย

เพราะฉะนั้น...วัตถุมงคลบางอย่างจึงสำคัญตรงแหล่งที่มา ถ้าแหล่งที่มาน่าเชื่อถือ ก็ต้องดูอีกว่า อายุของวัตถุมงคลว่าถึงยุค ก็พอจะเชื่อได้ว่าเป็นของหลวงปู่ หลวงพ่อท่านนั้นจริง ๆ แต่เรื่องพวกนี้บางทีก็ลำบาก เพราะว่าสมัยนี้มีเซียนบางท่าน หากินด้วยการทำหนังสือ แล้วเอาของปลอมมาลง บอกว่าเป็นองค์ดารา...ได้ลงหนังสือ คนเห็นว่าวัตถุมงคลตรงกับรูปในหนังสือก็เชื่อ เช่าบูชาไปแพง ๆ"

เถรี 19-05-2017 09:35

"เมื่อสองอาทิตย์ที่ผ่านมา หลวงพ่อมณฑล วัดพุทธมณฑลอรัญญิกาวาส ที่ท่านยกวัดให้อาตมา บอกว่าให้พาเจ้าอาวาสใหม่เข้าไปคุยกันหน่อย อาตมาก็พาพระครูบ่าวเข้าไป คุยกันเรื่องบริหารวัดว่าจะให้ไปทางไหน จะกิน จะอยู่กันอย่างไร ?

หลังจากนั้นท่านก็พูดถึงเครื่องรางของขลัง เอาเสือของหลวงพ่อนก วัดสังกะสี มาให้ดู บอกว่าเพิ่งจะได้มาใหม่ ท่านใช้คำว่าเหมือนกับองค์ในหนังสือ อาตมาดูเสร็จเรียบร้อยแล้วบอกว่า องค์ของหลวงพ่อใช่ แต่องค์ในหนังสือปลอม ท่านตกใจ บอกว่า "อะไร...ลงหนังสือยังมีปลอมอีก ?" จึงกราบเรียนว่า "เขาตั้งใจเลยครับ จะเอาไว้ขายคนอย่างหลวงพ่อ ประเภทที่ลงหนังสือแล้วถือว่าแท้" แล้วก็ชี้ให้ท่านดูว่าตำหนิแต่ละอย่างต่างจากของจริงอย่างไร

ท่านถึงกับบ่นว่า "ผมก็หลงเชื่อมานานว่า ถ้าลงหนังสือก็ต้องเป็นของแท้" ก็เลยชี้ให้ท่านดูมีดหมอหลวงพ่อเดิมที่อยู่ใกล้ ๆ กัน บอกว่าอันนี้ก็ปลอม แล้วก็ชี้จุดต่างให้ท่านดู ท่านบอกว่าเสียท่ามันมานาน ยังดีที่บรรดาเซียนที่ท่านคบหาสมาคมอยู่ เป็นพวกที่มีศีลมีธรรม ก็เลยไม่ได้เอาของปลอมมาขายให้ท่าน ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปท่านก็คงเลิกเปิดหนังสือไปอีกนาน

อาตมาเคยพูดว่า เรื่องของวัตถุมงคลเครื่องรางของขลัง ก็เหมือนกับเราดูต้นไม้ ถ้ารู้จักว่าเป็นต้นไม้ชนิดนั้น ไม่ว่าจะมาเป็นต้นใหญ่ ต้นเล็ก ไม้บอนไซ แคระแกร็น พิการ หักโค่นท่าไหนก็ตาม คนที่ดูออกจะบอกได้เลยว่าเป็นต้นไม้ชนิดนั้น

การดูวัตถุมงคลก็มีหลักการคล้าย ๆ กัน เพียงแต่ว่าต้องโชคดีตรงที่เคยเห็นของจริงของแท้มาก่อน ถ้าเคยเห็นของจริงของแท้มาก่อน เราสามารถที่จะแยกแยะได้ว่าอะไรแท้ หรือไม่แท้ เรื่องพวกนี้บางทีพูดไปแล้ว ญาติโยมบางส่วนก็รู้สึกหนักใจ ก็คือหนักใจตรงที่ว่า แล้วจะมีโอกาสได้เห็นของแท้ไหม ?"

เถรี 19-05-2017 09:56

ถาม : พระพุทธรูปหน้าตักสี่ศอก ถ้าทาสีทองจะได้อานิสงส์ชำระหนี้สงฆ์เหมือนปิดทองไหมครับ ?
ตอบ : ปิดทองแท้คืออานิสงส์ชำระหนี้สงฆ์ทั้งคณะ ทาสีทองไม่มีอานิสงส์แบบนั้น พระปิดทองก็คือปิดทอง ตรงไปตรงมา ถ้าเป็นพระแล้วไปบอกโยมว่า จะสร้างพระปิดทองให้ แล้วเราไปทาสีทอง ก็เท่ากับโกงโยม โปรดระวังอาบัติปาราชิก..!

เถรี 19-05-2017 10:09

มีเด็กผู้หญิงและเด็กผู้ชายใส่ชุดขาวมาบ้านเติมบุญ "เห็นหนู ๒ คนแล้วนึกถึงโรงเรียนอนุบาลทองผาภูมิ โรงเรียนอนุบาลทองผาภูมิจัดโครงการที่ดีมากร่วมกับวัดท่าขนุน ก็คือโครงการแต่งชุดขาวไปโรงเรียนในวันพระ

ถ้าวันที่เรียนวันไหนตรงกับวันพระ จะขึ้นหรือแรม จะเป็นวันพระ ๘ ค่ำหรือ ๑๕ ค่ำ เด็กนักเรียนจะแต่งชุดขาวทั้งโรงเรียน ปรากฏว่าโครงการนี้อาจารย์ท่านไปขยายเพิ่มขึ้น กลายเป็นว่า "แต่งชุดขาวไปโรงเรียน รับศีล ๕ และกินมังสวิรัติ" ดังนั้น...เจ้าหน้าที่ประกอบอาหารกลางวันให้กับเด็กนักเรียนในวันพระ ก็เลยต้องเตรียมอาหารเป็นมังสวิรัติ ยังโชคดีที่ว่าการกินมังสวิรัติของทางนี้ยินยอมให้มีไข่ได้ ในเมื่อมีไข่มีนมได้ ก็ถือว่าเด็กได้รับสารอาหารที่ครบถ้วน อาตมาก็เลยไม่คัดค้าน

ตอนนี้ท่านผู้อำนวยการสนิท ทรัพย์วารี เกษียณอายุ ผู้อำนวยการใหม่มายังไม่รู้ว่าจะสานต่อโครงการหรือเปล่า ? แต่เด็กทำจนชินแล้ว พอถึงวันพระก็เอาชุดขาวมาใส่

บอกให้ญาติโยมอิจฉาเล่นว่า หนังสือสวดมนต์เล่มละ ๒๐๐ บาท อาตมาแจกเด็กโครงการนี้ครบถ้วนทุกคนเลย ไม่ต้องสงสัยหรอกว่าทำไมหนังสือสวดมนต์เล่มเก่าหมดเร็ว เด็กทั้งโรงเรียนพร้อมกับอาจารย์มีทุกคน ถึงเวลาวันพระก็มีการสวดมนต์ไหว้พระ มีการสมาทานศีล ๕ แล้วก็มีโครงการกินมังสวิรัติวันพระ

บางอย่างโครงการของเราก็คิดได้ในลักษณะว่าไม่ให้มากเกิน ครูบาอาจารย์ท่านก็เลยต่อยอดเป็นมังสวิรัติขึ้น เห็นหนู ๒ คนใส่ชุดขาว ตอนแรกมองดูว่ามาจากโรงเรียนอนุบาลทองผาภูมิหรือเปล่า ?


ชุดขาวเป็นเครื่องแบบที่บังคับให้เรารู้ตัวว่า เราเป็นผู้ตั้งใจรักษาศีลปฏิบัติธรรม แบบเดียวกับจีวรของพระภิกษุสามเณร แบบเดียวกับชุดขาวของแม่ชี ก็คือเตือนสติให้เราระลึกได้ว่า เรามีเพศต่างจากคฤหัสถ์แล้ว อาการกริยาใด ๆ ที่เป็นของสมณะ เราต้องทำอาการกริยานั้น ๆ"

เถรี 19-05-2017 13:38

พระอาจารย์กล่าวว่า "ตอนนี้งานก่อสร้างของวัดท่าขนุน ส่วนที่เป็นของใหม่ก็เกือบจะไม่มีแล้ว เหลืออยู่อย่างเดียวก็คือพิพิธภัณฑ์ ๑๐๐ ปี หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ ซึ่งในส่วนนี้ก็ต้องรอหลังงานถวายพระเพลิงพระบรมศพในหลวงรัชกาลที่ ๙ จึงจะเริ่มมีความก้าวหน้าขึ้น เพราะว่าเจ้าหน้าที่ทั้งหมด โดนระดมไปช่วยทำพระเมรุมาศ

ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ส่วนของค่าใช้จ่ายอย่างมากที่สุดก็คือ ๔๓ ล้าน ๒ แสนบาทต่อพิพิธภัณฑ์ เกินกว่านั้นก็เหลือหล่อหลวงพ่อนากกับหลวงพ่อทองคำ หลังจากนั้นแล้ว ส่วนที่เหลืออาตมาตั้งใจว่าจะตั้งเป็นกองทุน

ปัจจุบันนี้ทางวัดท่าขนุนมีกองทุนการศึกษาพระภิกษุสามเณร กองทุนการศึกษาระดับประถมศึกษา กองทุนการศึกษาระดับมัธยมศึกษา กองทุนการศึกษาระดับอุดมศึกษา ทั้ง ๔ อย่างนี้ ทั้งเพื่อพระภิกษุสามเณรในวัดและเด็กนักเรียนทั่ว ๆ ไป

มีกองทุนรักษาพยาบาลพระภิกษุสามเณร สำหรับท่านที่เจ็บไข้ได้ป่วย ผ่าตัด ที่ต้องใช้บริการด้านนอกซึ่งมักจะเป็นเอกชน เจ็บป่วยขึ้นมาก็จะได้รักษาพยาบาลโดยไม่ต้องหนักใจ เพราะว่าวัดมีกองทุนอยู่

อย่างเมื่อปีที่แล้ว หรืออาจจะสองปี จำไม่ถนัด พระที่วัดตัดแว่น ๔ รูป ถ้าให้ไปตัดเองคงจะไม่ไหว เพราะว่าบางท่านสายตาย่ำแย่มาก ต้องใช้เลนส์พิเศษ ตัดแว่นเสร็จราคา ๒๗,๐๐๐ บาท ถ้าหากให้เขาตัดเองก็ไม่ไหว ครั้งนั้นตัดแว่นไป ๔ อัน อาตมาจ่ายไปหลายหมื่น ฉะนั้น ถ้าหากว่ามีกองทุนอยู่ ก็จะอำนวยความสะดวกให้กับพระภิกษุสามเณรได้"

เถรี 19-05-2017 13:45

"กองทุนต่อไปที่จะตั้งก็คือ กองทุนภัตตาหารพระภิกษุสามเณร ต้องรอระยะเวลาที่เหมาะสมก่อน เหตุที่ต้องตั้งกองทุนภัตตาหารพระภิกษุสามเณรนั้น อาตมาไม่ได้ห่วงพระที่วัดท่าขนุน เพราะว่าพระวัดท่าขนุนออกบิณฑบาตพอฉันอยู่แล้ว แต่ว่าห่วงพระนักเรียน

พระของวัดท่าขนุนออกมาเรียนเยอะมาก อย่างเมื่อวานโยมก็เห็น มากัน ๑๐ กว่ารูป นี่เฉพาะที่เรียนบาลีและปริญญาโท ยังไม่ได้พูดถึงปริญญาตรีหรือระดับประกาศนียบัตร ก็แปลว่าพระวัดท่าขนุน ๔๐ กว่ารูป เรียนกันเกินครึ่ง ข้าวปลาอาหารแต่ละมื้อไม่ใช่น้อย ๆ ถ้าหากว่ามีกองทุนตรงส่วนนี้เอาไว้ ก็จะสามารถแบ่งเบาภาระของท่านได้มาก

ทุกวันนี้อาตมาให้ค่าใช้จ่ายเดือนละ ๕,๐๐๐ บาทต่อรูป ท่านต้องกระเบียดกระเสียรมาก ร่วมกันเช่ารถแล้วเดินทางไปเรียน แล้วก็รวมกันซื้ออาหารเพื่อที่จะได้เพียงพอฉัน เพราะถ้าต่างคนต่างซื้อก็สิ้นเปลืองมาก ให้เขาบริหารจัดการกันเองว่า เงินจำนวนนี้ทำอย่างไรจะ
ให้พอใช้ตลอดเดือน ?

เห็นความลำบากแล้วก็คิดว่า การตั้งกองทุนต่าง ๆ เพิ่มขึ้นมา ก็จะอำนวยความสะดวกให้กับท่านได้ ท่านจะได้มีแก่ใจในการศึกษาเล่าเรียนมากขึ้น แต่ว่ากองทุนอันนี้ไม่ถือว่าเป็นสาระสำคัญ เพียงแต่ว่าถ้ามีไว้ก็ดี หน้าที่ของอาตมาก็คือ หาเงินเข้ากองทุนให้มากที่สุด เผื่อว่าตนเองสละตำแหน่งหรือพ้นตำแหน่งไปเมื่อไร คนที่มาใหม่จะได้บริหารวัดแบบสะดวกใจ ไม่ต้องมาหนักใจว่าวัดใหญ่ ค่าใช้จ่ายสูง จะแบกรับภาระไหวหรือไม่ ?"

เถรี 19-05-2017 13:51

"อีกส่วนหนึ่งก็อาจจะต้องทำแบบหลวงพ่อวัดท่าซุง ก็คือกองทุนค่าอาหารและรักษาพยาบาลหมาในวัด เดี๋ยวนี้ค่าใช้จ่ายสำหรับหมาในวัด แค่ค่ายาแต่ละเดือน อาตมาต้องจ่ายประจำ ๑๐,๐๐๐ บาท ถ้าหากมีพิเศษก็ถึง ๒๐,๐๐๐-๓๐,๐๐๐ บาท

อย่างเดือนที่ผ่านมาทิดเทิดสงสารหมา ลูกหมาโดนกัดตาบอด อุตส่าห์พาไปศัลยกรรม อาตมาจ่ายไป ๖,๗๐๐ บาท นับว่าทิดเทิดเข้าถึงหัวใจหมามากเป็นพิเศษ...! เห็นหมาตาบอดกลัวว่าจะไม่หล่อ พาไปให้หมอศัลยกรรม แต่ไม่ได้เข้าถึงหัวใจเจ้าอาวาสเลยว่า การพาหมาตาบอดไปรักษา จ่าย
ที ๖,๗๐๐ บาท เจ้าอาวาสจะรู้สึกอย่างไร ?"

เถรี 19-05-2017 14:03

โยมจะถวายรองเท้า "ตอนนี้ที่วัดมีรองเท้าของอาตมาอยู่ประมาณ ๒๐ คู่ ต้องบอกว่ารองเท้าคู่นี้ก็คงชาติหน้าโน่นกว่าที่จะได้ใช้ มีจนกระทั่งไม่สามารถที่จะใส่ได้ครบ ไล่แจกพระท่านไป ท่านก็ดันทะลึ่งเอามาใส่พร้อม ๆ กัน ถึงเวลาถอดก็ไม่รู้ของใครเป็นของใคร เพราะว่าหน้าตาเหมือนกันหมด สีเดียวกัน รุ่นเดียวกัน เบอร์เดียวกัน...!

เวลาโยมถวายของมักจะตั้งหน้าตั้งตาถวาย ก็เลยไม่ได้ดู ประเภทที่ว่าเลี้ยงไม่ดูกำลังคนกินประมาณนั้น รองเท้าคู่หนึ่งอาตมาใส่เป็นปี ๆ ถ้าไม่ได้เดินป่าก็หลายปี ถวายมาที ๑๐ คู่ แล้วอีกกี่ปีจึงจะใช้หมด ? แต่ก็ดีอยู่อย่างหนึ่ง พระใหม่ ๆ เวลาเห็นรองเท้าคิดว่าหลวงพ่ออยู่ ไม่รู้ว่าเป็นหลวงพี่อยู่ เวลาเห็นรองเท้านึกว่าหลวงพ่ออยู่ จึงไม่ค่อยกล้าคะนองมาก"

เถรี 19-05-2017 14:19

ถาม : (การจับภาพพระให้มีความคล่องตัวมากขึ้น)
ตอบ : ก็เพิ่มเป็น ๓ องค์ ๔ องค์ ๕ องค์

ถาม : แล้วต้องให้ท่านอยู่ตรงไหน ?
ตอบ : อยู่ที่เราต้องการว่าจะให้อยู่ส่วนไหน ให้กำหนดเอาเอง แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ ความชัดเจนแจ่มใสของทุกองค์ต้องเสมอกัน

ถาม : อย่างเรื่องลักษณะของพระแต่ละองค์ แต่ละสีหรือความใส ?
ตอบ : ขึ้นอยู่กับสมาธิของเรา สีสันขององค์พระ ความชัดเจนขององค์พระอยู่ที่สมาธิว่าทรงตัวมากน้อยเท่าไร ส่วนในเรื่องของสีอยู่ที่เราชอบ อยากได้พระสีอะไรเราก็กำหนดของเราเอง

ถาม : ใสแบบเป็นคริสตัล หรือขาวแบบประกายเพชร ไม่ได้มีความแตกต่างกันในแง่ของสมาธิหรือครับ ?
ตอบ : สมาธิต่ำก็ใสน้อย สมาธิสูงก็ใสมาก เข้าถึงความเป็นพระอริยเจ้ายิ่งใสมากเป็นพิเศษ เกี่ยวไหมเล่า ?

ถาม : เกี่ยวกับเรื่องสังโยชน์ไหมครับ ?
ตอบ : ไม่ได้เกี่ยวกัน เพราะว่าการปฏิบัติของเราเน้นในด้านของสมถกรรมฐาน การละสังโยชน์ต้องวิ่งเข้าหาการใช้ปัญญาพิจารณา ตลอดจนทำวิปัสสนากรรมฐาน ซึ่งเป็นคนละส่วนกัน แต่เราสามารถใช้สมถะเป็นพื้นฐานในการพิจารณา อย่างเช่น การกำหนดภาพพระ เดี๋ยวก็ชัด เดี๋ยวก็ไม่ชัด จัดว่าเป็นอนิจจังอย่างหนึ่ง

การที่เราต้องพากเพียรพยายามที่จะกำหนดภาพพระให้ได้ จัดเป็นความทุกข์อย่างหนึ่ง ในที่สุดไม่ว่าจะภาพพระหรือว่าตัวเราก็เสื่อมสลายไป ไม่มีอะไรเหลือ ไม่มีอะไรเป็นตัวตนอีกอย่างหนึ่ง ก็คือเราสามารถที่จะยกเอาสมถะขึ้นเป็นวิปัสสนาเมื่อไรก็ได้

เถรี 19-05-2017 14:22

ถาม : ถ้าเราจะยกกรรมฐานมาใช้ให้การงานทางโลกประสบความสำเร็จ ควรทำอย่างไรครับ ?
ตอบ : ถ้าหากว่าสมาธิของคุณดี ปักมั่นอยู่กับงานตรงหน้าก็ประสบความสำเร็จอยู่แล้ว ส่วนใหญ่สมัยนี้ใช้สมาธิในทางที่ผิด แทนที่จะทุ่มเทกับการทำงานตรงหน้า ก็ไปทุ่มเทกับการแช็ตไลน์ ทุ่มเทกับการไปเขี่ยดูว่า วันนี้ใครโพสต์อะไรลงเฟซบุ๊กบ้าง...!

เถรี 19-05-2017 14:25

ถาม : การฝึกกรรมฐานจับภาพพระแบบนี้ ตอนแรกเข้าใจว่าคล้ายมโนมยิทธิ แต่ความจริงคนละอย่างใช่ไหมครับ ?
ตอบ : จัดเป็นกสิณ มโนมยิทธิเป็นผลของกสิณ การกำหนดภาพพระเป็นการสร้างเหตุ เมื่อกำหนดจนคล่องตัวสามารถใช้งานได้จัดเป็นผล จึงเป็นการใช้ผลของกสิณ เป็นคนละส่วนกัน

ถาม : อย่างนี้ถ้าเราจะบอกว่า วิธีฝึกมโนมยิทธิ ก็คือ วิธีการฝึกจับภาพพระ ?
ตอบ : มโนมยิทธิจริง ๆ เป็นการฟื้นของเก่า การจับภาพพระเท่ากับเราเริ่มสร้างองค์กสิณขึ้นมา เป็นการเริ่มตั้งแต่พื้นฐาน

ถาม : ขอถามแบบคนโง่ ๆ นะครับ เราควรจะรื้อฟื้นของเก่า หรือฝึกใหม่ครับ ?
ตอบ : มีโอกาสก็ไปรื้อฟื้นของเก่า ง่ายกว่าตั้งเยอะ การเริ่มต้นฝึกใหม่ด้วยความตั้งใจของเรา เดี๋ยวแรง เดี๋ยวเบา ประเภทเหมือนไฟไหม้ฟาง กว่าจะสำเร็จก็น้อย ต่อให้เราไปฟื้นของเก่าได้ก็ไม่ใช่ว่าจะทรงตัว เพราะว่าความสนใจของเราเดี๋ยวก็อยู่กับการปฏิบัติธรรม เดี๋ยวก็ไหลตามกระแสโลก สรุปว่าเรื่องที่ว่ามาทั้งหมด ปัจจัยสำคัญที่สุดก็คือตัวของคุณเอง

เถรี 19-05-2017 17:59

ถาม : คำว่า นิพพิทาญาณ คือ การที่เบื่อมีชีวิตอยู่หรือเปล่า ?
ตอบ : เบื่อเพราะเห็นอย่างแท้จริงว่า อัตภาพร่างกายนี้ไร้แก่นสาร การที่เราดำรงชีวิตอยู่ในปัจจุบันนี้ไร้แก่นสาร มีแต่ความไม่เที่ยง มีแต่ความทุกข์ ไม่มีอะไรยึดถือมั่นหมายได้ เป็นความเบื่อที่เกิดจากการรู้แจ้งเห็นจริง

ถาม : ถ้าเป็นความรู้สึกว่าไร้สาระ แต่ไม่ได้เบื่อว่าอยากหนีไปแล้ว แบบนี้เป็นนิพพิทาญาณหรือเปล่าครับ?
ตอบ : เป็นนิพพิทาญาณอย่างอ่อน เรียกว่านิพพิทาญาณขั้นอนุบาลก็ได้

ถาม : สังขารุเปกขาญาณคืออะไรครับ ?
ตอบ : สังขารุเปกขาญาณเป็นการรู้แจ้งเห็นจริง จนสภาพจิตยอมรับและปล่อยวางลง

ถาม : ต่างกับนิพพิทาญาณอย่างไรครับ ?
ตอบ : นิพพิทาญาณคือเบื่อ ถ้าหากว่าเบื่อมาก ๆ วางอารมณ์ผิด จิตจะเศร้าหมอง ส่วนสังขารุเปกขาญาณนั้นไม่ใช่เบื่อ แต่เห็นว่าชีวิตน่าเบื่อเช่นนี้ ถ้าสามารถหลุดพ้นไปได้ เปรียบกับการเวียนว่ายตายเกิดนับชาติไม่ถ้วน ชีวิตนี้ของเราก็แค่ชั่ววูบเดียวเท่านั้นเอง ในเมื่อมีชีวิตอยู่แค่พักเดียว ทำไมเราจะอยู่ให้ดีไม่ได้ เพราะว่าธรรมดาเป็นเช่นนี้ ในเมื่อเห็นว่าธรรมดาเป็นเช่นนี้ ยอมรับสภาพ จิตปล่อยวาง ไม่ไปแบกเอาไว้ ก็มีแต่ความเบาสบาย ไม่ไปปรุงแต่งอะไรเพิ่มเติมอีก

เถรี 19-05-2017 18:01

ถาม : เอกัคคตารมณ์ แปลว่าอะไรครับ ?
ตอบ : อารมณ์ที่ตั้งมั่นเป็นหนึ่งเดียว ก็คือกำลังใจที่เข้าถึงอัปปนาสมาธิขั้นใดขั้นหนึ่ง ตั้งแต่ปฐมฌานไปจนถึงฌานสี่

ถาม : ก็คือสมถะ ใช่ไหมครับ ?
ตอบ : เป็นกำลังสมาธิล้วน ๆ ก็ต้องเป็นสมถะอยู่แล้ว แต่ว่ากำลังนี้แหละที่จะช่วยในการตัดกิเลส เหมือนกับบุคคลเพาะสร้างตนเองให้มีกำลัง จะได้ใช้วิปัสสนาญาณที่เป็นอาวุธในการฟาดฟันตัดกิเลสได้ ไม่อย่างนั้นเรามีอาวุธคมกล้าแต่ก็ยกไม่ขึ้น แล้วจะไปตัดไปฟันอะไรได้ ?

เถรี 19-05-2017 18:04

ถาม : ถ้าเกิดว่าตอนตายอยากไปพรหมโลก การจับภาพพระจะช่วยให้สามารถไปได้ไหมครับ ?
ตอบ : ถ้ากำลังใจของคุณปักมั่นจริง ๆ ก็ไปได้ หรือก็ไม่ต้องจับภาพพระให้เสียเวลา คุณก็เข้าฌานของคุณ อาศัยกำลังฌานนั้นตายแล้วก็ไปพรหมโลก

ถาม : แต่พระอาจารย์บอกว่า ให้เลือกวิธีที่เข้าเร็วที่สุด ง่ายที่สุด สบายที่สุด ถ้าเป็นการจับภาพพระก็ได้ใช่ไหมครับ ?
ตอบ : ก็อาศัยภาพพระเป็นสมาธิของเรา

ถาม : ไม่แน่ใจว่า การจับภาพพระจะเป็นฌานได้ ผมไม่แน่ใจครับ ?
ตอบ : ทำไป...แน่ใจวันไหนก็วันนั้นแหละ

ถาม : ฝึกไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวก็ดีขึ้นใช่ไหมครับ ?
ตอบ : ฝึกไปเรื่อย ๆ ส่วนจะดีขึ้นหรือไม่อยู่ที่คุณทำ

เถรี 19-05-2017 18:10

ถาม : การจับภาพพระหลายองค์พร้อม ๆ กัน หรือทำสมาธิหลายอย่าง ๆ ในเวลาเดียวกัน ประโยชน์จริง ๆ คืออะไรครับ ?
ตอบ : เป็นกีฬาสมาธิไม่ให้เบื่อ คุณต้องยอมรับว่า หลังจาก ๓๐ นาทีไปแล้ว คุณก็เริ่มเบื่อ...อยากจะไปทำอย่างอื่นแล้ว

เถรี 19-05-2017 18:12

ถาม : เคยคุยกับเพื่อน เขาบอกว่า ถ้าเราโกงภาษี ถือว่าติดหนี้สงฆ์ ?
ตอบ : ส้นตีนแน่ะ...! ภาษีไม่ใช่หนี้สงฆ์

ถาม : เขาบอกว่า พระเจ้าตากสินกู้แผ่นดินให้ลูกหลาน ก็ถือว่าเป็นหนี้สงฆ์ ?
ตอบ : คิดหานรกได้ดีมาก...!

ถาม : การโกงภาษีไม่ติดหนี้สงฆ์ใช่ไหมครับ ?
ตอบ : ไม่ติดหนี้สงฆ์ แต่โทษของการโกงเงินที่ควรจะเป็นของส่วนรวม มีนรกให้ต่างหากขุมหนึ่งเลย ข้างล่างเขาจัดสรรไว้นานแล้ว เพราะฉะนั้น...ใครที่คอร์รัปชั่น จะกินนอกกินใน กินตามน้ำกินทวนน้ำอย่างไร เตรียมตัวเอาไว้...ถึงเวลาเจอแน่..!

ถาม : อย่างเราเลี่ยงภาษี โดนแน่ใช่ไหมครับ ?
ตอบ : นั่นแหละเราโกง..!

ถาม : จัดเป็นของส่วนรวมไหมครับ ?
ตอบ : ก็ในเมื่อคุณตั้งใจโกง ส่วนรวมเสียหาย ก็แบบเดียวกัน

เถรี 19-05-2017 18:18

ถาม : อยากให้คุณพ่อขายที่ได้ ผมต้องอธิษฐานหรือทำอย่างไรดีครับ ?
ตอบ : บอกพ่อให้ขายถูก ๆ

ถาม : เป็นที่ของคุณย่า ?
ตอบ : คุณย่าไม่ได้อยู่ให้เถียงแล้ว

ถาม : กี่เปอร์เซ็นต์ดีครับ ?
ตอบ : สัก ๕๐ %

ถาม : โหย...โดนเอาเปรียบมาก ?
ตอบ : เอาเปรียบอย่างไร ? ของได้มาฟรี ขายบาทหนึ่งก็ได้บาทหนึ่ง ไม่ได้หักร้างถางพงเองเหมือนสมัยบรรพบุรุษสักหน่อย..!

เถรี 20-05-2017 15:45

ถาม : พระอาจารย์ครับ...?
ตอบ : เรียบเรียงไม่ถูก...ใช่ไหม ?

ถาม : ไม่รู้จะพูดอย่างไรดี ? ตอนนี้ผมชั่งใจที่จะเปิดบริษัท หวังจะได้ลูกค้ามาเซ็นสัญญาด้วย โดยตั้งเป้าให้ได้ปีนี้ก่อนกันยายน ผมจะทำอย่างไรที่จะได้สองบริษัทขึ้นไปครับ ?
ตอบ : ตั้งข้อเสนอที่ดีที่สุด เรียกร้องผลประโยชน์ของเราให้น้อยที่สุด พอคนเห็นว่าบริษัทของเราทำด้วยแล้ว มีโอกาสได้รับผลประโยชน์มากกว่า เขาก็จะมาเอง

ถาม : ถ้าเปรียบเทียบกับราคาที่เขาลด ๕๐ เปอร์เซ็นต์ อย่างนี้ผมต้องลดลง ๕๐ เปอร์เซ็นต์ตามเขาไหมครับ ?
ตอบ : ไปตัดสินใจเอาเอง หลังจากออกนอกทุ่งนอกท่าไปมากแล้ว ตูเป็นพระ...มีหน้าที่สอนธรรม ไม่ได้มีหน้าที่สอนให้ทำมาหากิน...!

เถรี 20-05-2017 15:53

ถาม : เรื่องประวัติศาสตร์บ้างครับ ตอนที่พระเจ้าแปรรบกับพระศรีสุริโยทัย พระเจ้าแปรชนะ ทำไมจะต้องถอนทัพกลับ ?
ตอบ : ถ้าบอกว่าจิตตก คุณจะเข้าใจไหม ? เป็นผู้ชาย เป็นกษัตริย์ด้วย แต่ไปฆ่าผู้หญิง หมดอารมณ์ที่จะรบต่อ พูดง่าย ๆ ว่า สมัยก่อนถือว่าซวยไม่รู้จบ..!

ถาม : เป็นมานะ หรือเป็นความเชื่อครับ ?
ตอบ : เป็นความเชื่อด้วย ขณะเดียวกัน ตนเองเป็นพระมหากษัตริย์ ลูกผู้ชายดวลเดี่ยวกันก็พอแล้ว ดันไปฆ่าผู้หญิง สมัยนี้ความเป็นสุภาพบุรุษมีน้อยลง น้อยจนคุณไม่เข้าใจว่าทำไมท่านต้องถอนทัพกลับเมื่อไปฆ่าผู้หญิง

เถรี 20-05-2017 15:59

ถาม : ตำแหน่งกลางช้าง เวลารบด้วยช้าง กลางช้างต้องฟาดฟันเองหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ต้องดูขบวนพยุหะตลอดจนกระทั่งความได้เปรียบเสียเปรียบของกองทัพทั้ง ๒ ฝ่ายออก เพราะว่าเป็นผู้คอยให้สัญญาณกองทัพของตัวเองว่าควรจะรุกหรือถอย ขณะเดียวกันถ้าอาวุธของเจ้านายหลุดมือก็ต้องส่งให้ทัน

กลางช้างจะนั่งสูงกว่าเพื่อน เพื่อให้เห็นภาพรวมของการศึก เพราะฉะนั้น...คนที่จะเป็นกลางช้างจะต้องมีไหวพริบปฏิภาณในการแก้ไขสถานการณ์ที่ยอดเยี่ยมสุด ๆ

เถรี 20-05-2017 16:00

ถาม : คนไทยจริง ๆ คือ คนขอมหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : คนไทยคือคนไทย แต่คนไทยที่มีความรู้สมัยก่อนเขาเรียกว่าขอม เหมือนกับที่สมัยนี้ที่เรียกว่าครู เพียงแต่ภาษาเปลี่ยนไปเท่านั้น

ถาม : ขอมคือละโว้หรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ขอมมีมาแต่โบราณแล้ว เพียงแต่ว่าเป็นขอมประเภทไหน ? มีตั้งแต่ที่เขาเรียกพวกมอญหริภุญไชยว่าขอมดำ มีเรียกพวกเขมรว่าขอม และก็มีการเรียกคนที่มีความรู้ว่าขอม

เถรี 20-05-2017 18:16

ถาม : สมัยก่อนที่สถาปนากรุงศรีอยุธยา มีเมืองอโยธยาอยู่ก่อนหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : คุณรู้ไหมว่าในโลกนี้มีอยุธยากี่เมือง ? สมัยก่อนนี่เขาถือว่าเมืองใดเมืองหนึ่งที่ตั้งขึ้นมา ควรจะมีนามอันเป็นมงคล คำว่าอยุธยาคือไม่มีการรบ

ถาม : ไม่ใช่ว่าอยากออกศึกสงครามหรือครับ ?
ตอบ : ไม่ใช่...ไม่มีใครอยากจะได้ศึกได้สงคราม เลยตั้งชื่อเมืองว่าอยุธยา มีตั้งแต่โบร่ำโบราณแล้ว แต่ก็เห็นว่ารบกันแหลกราญทุกทีเหมือนกัน..!

เถรี 20-05-2017 18:22

ถาม : พระพุทธรูปสร้างในสมัยพระเจ้าปเสนทิโกศล หรือสร้างในสมัยพระยามิลินท์ครับ ?
ตอบ : ถ้าว่ากันตามที่ทฤษฏีที่เขาเชื่อ นักประวัติศาสตร์เขาเชื่อ ก็เริ่มตั้งแต่สมัยพระยามิลินท์ แต่ถ้าหากว่าเป็นฉบับมุขปาฐะ เล่ากันปากต่อปาก ก็เชื่อว่าสร้างตั้งแต่สมัยพระพุทธเจ้าเสด็จขึ้นดาวดึงส์

ถาม : การที่พระยามิลินท์แค่ทิ้งขยะ แล้วอธิษฐานยิ่งใหญ่อลังการขนาดนั้น เป็นเพราะว่า....?
ตอบ : พุทโธ อัปปมาโณ คุณพระพุทธเจ้าประมาณไม่ได้ ท่านตั้งใจทำเป็นพุทธบูชา ก็เลยอาศัยบารมีพระพุทธเจ้าอธิษฐานขอจนยิ่งใหญ่ปานนั้น

เถรี 20-05-2017 18:46

ถาม : สมัยก่อนเราทำการค้าได้โดยการผูกกับสำเภา เรามีตัวกลางที่ช่วย แต่สมัยนี้ไม่มีตัวกลาง ถ้าเราเป็นคนไทยจะทำการค้ากับต่างประเทศอย่างไร ?
ตอบ : ทำไมคุณไม่ไปถามรัฐบาลบิ๊กตู่ ? วิธีการต่าง ๆ มีเยอะแยะไป เพียงแต่ว่าคนไทยโง่แล้วอวดฉลาด ตั้งแต่อาตมายังแก้ผ้าวิ่งอยู่ สินค้าไทยหลัก ๆ ก็คือข้าว ไม้สัก ยางพารา ข้าวโพด ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ เรามีงานวิจัยอะไรที่เพิ่มมูลค่าของยางพาราขึ้นมาบ้างไหม ? ก็ยังคงขายเป็นแผ่นยางอยู่เหมือนเดิม

ในเมื่อคุณไม่มีการวิจัย ไม่มีการเพิ่มมูลค่า ไม่มีสิ่งที่ดึงดูดใจ ลูกค้าที่ไหนจะค้าขายกับคุณจนกระทั่งเจริญเหมือนเดิม เพราะฉะนั้น...อย่าถาม ถ้าถามนี่อาตมาจะเผลอด่ารัฐบาลอีก เขารู้กันทุกคนแหละ แต่ถ้าทำอย่างนั้นแล้วผลประโยชน์จะไม่ถึงมือบางคน

เถรี 20-05-2017 18:53

ถาม : ถ้าที่ไหนมีพระอรหันต์ ที่นั่นจะมีเทพพรหมปกปักรักษา ไม่ให้เกิดภยันตราย ทำนองเดียวกัน ถ้าเทพพรหมประเทศเราแข็งแรง ?
ตอบ : แล้วคุณไม่มีคิดว่าเทพพรหมที่อื่นเขาแข็งแรงด้วยหรือ ?

ถาม : ทีนี้เทพพรหมที่แข็งแรง คนในประเทศต้องอุทิศส่วนกุศลหรือเปล่า ?
ตอบ : ไม่จำเป็น...ขึ้นอยู่กับบารมีเก่าที่ท่านสั่งสมมาด้วย เมื่อได้รับมอบหน้าที่ให้ดูแลตรงนั้น ถ้าหากว่าบารมีท่านมาก ท่านก็สามารถที่จะใช้กำลังของท่านช่วยให้ที่นั้นเจริญรุ่งเรืองได้มาก แต่ถ้าคุณทำบุญแล้วรู้จักอุทิศให้ท่านก็เป็นการดี

เอาแค่ที่นี่ คุณเห็นไหมว่าเมื่อเช้าตอนจัดงานแดดเปรี้ยงเชียว ตอนนี้ฝนมาแล้ว เมื่อวานนี้ฝนกระหน่ำตั้งแต่ตี ๒ ครึ่ง ยัน ๖ โมงเช้า นี่แหละคือเทพพรหมที่แข็งแรงขึ้น ขออะไรแล้วได้อย่างนั้น

เถรี 20-05-2017 20:42

ถาม : เรื่องคู่ครับ ผมจะอธิษฐานให้เจอคู่....?
ตอบ : ก็เอาแบบน้องปอย ทูอินวัน...! มีความเข้มแข็งของผู้ชาย และมีความอ่อนหวานของผู้หญิง

ถาม : ผมควรจะอธิษฐานว่าอะไรดีครับ ?
ตอบ : นั่นคู่ของมึง ไม่ใช่คู่ของกู...! มาให้กูอธิษฐานก็เป็นคู่ของกูสิวะ..!

ถาม : ไม่ใช่ครับ ผมควรจะอธิษฐานแบบไหนดีครับ ?
ตอบ : อยากได้แบบไหนก็อธิษฐานไปสิ ก็บอกว่าตัวเองจะเอาแบบน้องปอย อธิษฐานแบบนี้เลย...! เดี๋ยวนี้จีบสาวก็อันตรายมาก จะขอดูบัตรประชาชนก็เสียมารยาท จะไม่ขอดูบัตรประชาชนก็กลัวเธอจะมีคำนำหน้าว่า "นาย"

คุยกับคนจีนอยู่คนหนึ่ง เชื่อไหมว่าคนจีนคนนั้นมีความคิดว่า ผู้ชายไทยเป็นกระเทยทุกคน อาตมาฟังแล้วอึ้งเลย แล้วอาตมาหน้าตาเหมือนไหม ? เขาก็งง ๆ สรุปว่าเห็นว่า
พระไม่ใช่ผู้ชายกระมัง ? เวลาทัวร์จีนมาเมืองไทย ส่วนหนึ่งที่ได้รับการเสนอ ซึ่งไม่มีทัวร์ไหนยอมพลาดเลยก็คือ ไปดูทิฟฟานี่โชว์ แล้วจะไม่ให้คนจีนเขาเข้าใจผิดได้อย่างไร ?

เพราะฉะนั้น...ไปอธิษฐานเอาเอง ถามคนอื่นก็เป็นคำอธิษฐานของคนอื่น เป็นความรักความชอบของเขา ไม่ใช่ของเรา


ถาม : สามารถอธิษฐานขอได้ตอนไหนครับ ตอนทำบุญ หรือหลังจากทำสมาธิ ?
ตอบ : ควรที่จะอยู่ในช่วงที่เราสร้างบุญใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นทาน เป็นศีล เป็นภาวนา แล้วก็อธิษฐานไป เอาอย่างนางปติปูชิกาก็ได้ ทำบุญเมื่อไรก็อธิษฐานว่า "ขอให้ข้าพเจ้าได้ไปเกิดในสำนักของสามี" มหาเศรษฐีผู้เป็นสามีก็ปลื้มใจว่า เมียรักเราจริง ๆ ที่ไหนได้...นางปติปูชิกาตั้งใจจะกลับไปบนสวรรค์ตามเดิม เพราะว่าสำนักสามีของแกอยู่บนสวรรค์ ตัวเองเผลอหลุดลงมาเกิดคนเดียว

เถรี 20-05-2017 20:51

ถาม : มีคำถามของเพื่อนผมอยู่คนหนึ่ง ผมไม่อยากถามเลยครับ ?
ตอบ : แล้วคิดว่าตูอยากตอบไหม ?

ถาม : คำถามมันง่ายครับ ?
ตอบ : ง่ายแล้วทำไมไม่ตอบเอง ?

ถาม : นาย ก. เป็นเจ้าของสิ่งของ ฝากนาย ข. ให้ไปถวายพระบางรูป นาย ก. ก็ลืมไปว่าเคยฝากไปถวายพระ อยู่ดี ๆ ก็บอก ข. เอาของสิ่งนี้ไปให้ นาง ค. ทีนี้ นาย ข. ที่โดนไหว้วาน...?
ตอบ : ถ้าจำได้รีบเตือนสติเขา ถ้าจำไม่ได้ก็สร้างกรรมร่วมกัน เพราะตั้งใจถวายพระไปแล้ว

ถาม : เป็นหนี้สงฆ์ใช่ไหมครับ ?
ตอบ : ไม่ใช่...ยังเป็นของกึ่งกลางสงฆ์ คือตั้งใจถวายพระ แต่ไปไม่ถึงมือพระ ดีไม่ดีจะพา นาง ค. กลายเป็นกากเปรตไป

ถาม : นาง ค. ไม่รู้เรื่อง กินเข้าไป จะโดนด้วยหรือครับ ?
ตอบ : กินยาพิษโดยไม่รู้เรื่องตายไหม ?

ถาม : โลกนี้อยู่ยากจริง ๆ ?
ตอบ : รู้ว่าอยู่ยากแล้วยังจะอธิษฐานขอเมียอีก...! ตกลงจะเอาอย่างไรกันแน่ ?

ถาม : เมียก็คือเพื่อนที่ดีครับ ?
ตอบ : ถ้าอย่างนั้นก็ควรที่จะมีหลาย ๆ คน..!

ถาม : หลายคนก็มากเกินความสามารถที่จะจัดการครับ ?
ตอบ : ก็มาเป็นเพื่อนที่ดีไม่ใช่หรือ ? ในเมื่อเป็นเพื่อนที่ดี มีมาก ๆ ก็ยิ่งดี

เถรี 21-05-2017 09:22

ถาม : พระอาจารย์ครับ พระอาจารย์เคยเล่าเรื่องพระถังซัมจั๋ง ผมสงสัยครับว่าเล่าไปทำไม ?
ตอบ : อยากเล่า...!

ถาม : ไม่ว่าจะพุทธมหายาน หรือวัชรยาน พระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ คือแบบเดียวกันหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : บางส่วนก็ใช่ บางส่วนก็ไม่ใช่

ส่วนที่ใช่อย่างเช่น องค์พระศากยมุนีของมหายาน ก็คือองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเรา แต่คุณต้องไปศึกษาก่อนว่ามหายานเขามีแนวความคิดอย่างไร มหายานเขาเชื่อว่ามีพระพุทธเจ้าที่เป็นต้นธาตุต้นธรรมอยู่ แล้วองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น ใช้กำลังฌานแบ่งพระพุทธเจ้าออกมา ๕ พระองค์ เรียกว่า พระธยานิพุทธะ ก็คือพระพุทธเจ้าที่เกิดจากอำนาจของฌาน

ถ้าต้องการจะโปรดญาติโยมที่เป็นมนุษย์ทั่วไป ก็แบ่งกำลังลงมาเกิดเป็น มานุสีพุทธะ ก็คือพระพุทธเจ้าที่เป็นมนุษย์ทั่วไป เพราะฉะนั้น...ในส่วนของพระศากยมุนีสัมมาสัมพุทธเจ้าของเขาที่เป็นมนุษย์ มานุสีพุทธะก็คือเจ้าชายสิทธัตถะของเรานั่นแหละ อย่างท้าวจตุโลกบาลทั้ง ๔ ของเขาก็มีเหมือนกัน แต่ว่าในส่วนอื่น ๆ นั้นไม่ใช่ ถ้าอยากจะศึกษาก็ได้ แต่ระวังว่าจะสับสนเสียเอง


ถาม : แต่จริง ๆ การอวตารแบ่งร่างเป็นไปไม่ได้ แล้วที่เขาเชื่อว่าเป็นไปได้นั้นใช่หรือครับ ?
ตอบ : ก็เขาเชื่อว่าอย่างนั้น ในเมื่อเป็นความเชื่อแล้วคุณไปค้านเขา เขาจะฟังไหม ?

เถรี 21-05-2017 09:27

ช่วงชีวิตที่อาตมามีรสชาติที่สุดคือ การศึกษาวิชาศาสนาเปรียบเทียบ จะว่าไปแล้วเป็นเพราะคนเราขาดที่พึ่ง จึงแสวงหาที่พึ่งภายนอก องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้เราแสวงหาที่พึ่งภายใน "ทำตนเองเป็นเกาะ ทำตัวเองเป็นฝั่ง" เพื่อจะได้มีที่พึ่งพาอาศัยโดยไม่ต้องไปอาศัยผู้อื่น แต่เสียดายว่าพุทธบริษัทของพระองค์ มักจะแสวงหาที่พึ่งภายนอกเสียส่วนใหญ่

ศาสนาพุทธสอนเทวตานุสติ ให้คุณสมบัติของการเป็นเทวดานางฟ้าว่าต้องประพฤติปฏิบัติอย่างไร
คุณสมบัติของการเป็นพรหมจะต้องประพฤติปฏิบัติอย่างไร
คุณสมบัติของการเป็นพระวิสุทธิเทพ ผู้เข้าถึงพระนิพพานต้องปฏิบัติอย่างไร
จัดเป็นเทวดานุสติ ด้วยความมั่นใจว่าศักยภาพของมนุษย์ที่เป็นเวไนยยะขึ้นไป สามารถที่จะปฏิบัติเพื่อเข้าถึงและเป็นสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ได้เอง

แล้วเรามาดูว่ามีสักกี่คนที่ทำเพื่อให้เป็นอย่างนั้น ? มีแต่แสวงหาสิ่งที่พึ่งภายนอกกันทั้งนั้น


อาตมาสร้างหลวงพ่อสมเด็จองค์ปฐมหน้าวัดท่าขนุน เพื่อให้เขาผ่านไปผ่านมาเห็น จะได้รำลึกถึงคุณความดีของพระพุทธเจ้า เป็นพุทธานุสติ สร้างไปสร้างมากลายเป็นเจ้าพ่อ ขับรถผ่านบีบแตร "แปร๊น ๆ" ถวายเจ้าพ่อ ตูจะบ้า...!


ถาม : อันนั้นบาปไหมครับ ?
ตอบ : ไม่ได้บาปหรอก แต่อาตมาตั้งใจให้เขาล้านหนึ่ง ดันเอาแค่สลึงเดียว...! เห็นหรือยังว่าเขาเอาที่พึ่งที่ไหน ? เอาแต่ที่พึ่งภายนอกทั้งนั้น

เถรี 21-05-2017 19:10

ถาม : (ไม่ชัด)
ตอบ : อะไรก็ตาม ถ้าไม่มีธรรมกำกับ บรรลัยหมด รัชกาลที่ ๖ จึงได้พระราชนิพนธ์ว่า

เมืองใดไม่มีทหารหาญ...........เมืองนั้นไม่นานเป็นข้า
เมืองใดไร้จอมพารา...............เมืองนั้นไม่ช้าอับจน
เมืองใดไม่มีพาณิชย์เลิศ...........เมืองนั้นย่อมเกิดขัดสน
เมืองใดไร้ศิลป์โสภณ..............เมืองนั้นไม่พ้นเสื่อมทราม
เมืองใดไม่มีกวีแก้ว.................เมืองนั้นไม่แคล้วคนหยาม
เมืองใดไร้นารีงาม..................เมืองนั้นหมดความภูมิใจ
เมืองใดไม่มีดนตรีเลิศ.............เมืองนั้นไม่เพริศพิสมัย
เมืองใดไร้ธรรมอำไพ..............เมืองนั้นบรรลัยแน่เอย

เถรี 21-05-2017 19:15

ถาม : สมมติเวลาเราเกลียดใครสักคน เพราะเขาทำไม่ดีกับเรา แทนที่เราจะไปเกลียดเขา เราก็นึกถึงเขา เวลาสวดมนต์เราก็นึกถึงหน้าเขา ?
ตอบ : เหนื่อย....มึงก็สมมติว่าเรารักเขาก็จบ ทำไมต้องสมมติว่าเกลียดเขาด้วย สมมติว่ารักไม่ต้องเสียเวลาไปทำอะไรเลย ถ้าจะสมมติก็สมมติที่ดี ๆ หน่อยสิวะ จะได้ไม่เหนื่อยมาก

ถาม : (ไม่ชัด)
ตอบ : กายกรรม มโนกรรม วจีกรรม มีผลกับตัวเรา ของคนอื่นบางทีก็มีผลกระทบ เพราะเขาไปแบกเอาไว้

เถรี 21-05-2017 19:24

ถาม : เวลาเรารักษาศีล นอกจากปิดอบายแล้ว ทำไมการรักษาศีลจึงมีอานิสงส์มาก เป็นไปได้อย่างไร ?
ตอบ : สมมติว่าบุคคลคนหนึ่งไปเจอยักษ์ ยักษ์บอกว่า ถ้าแกทำอย่างนี้ ฉันจะให้อาหารแกชิ้นหนึ่ง เราทำตามนั้น ยักษ์หย่อนอาหารลงมาทับเราตายเลย นั่นแค่อาหารชิ้นเดียวนะ

การรักษาศีลคล้ายคลึงกันตรงที่ว่า เป็นการกระทำความดี ซึ่งเป็นการควบคุมกาย วาจาของเราให้เรียบร้อย ซึ่งโดยปกติแล้วคนทั่วไปไม่มี ในเมื่อคนอื่นเขาไม่มี เราสร้างขึ้นมา เราจะรู้สึกว่ามากกว่าเขาทันทีทันใดเพราะว่าเขาไม่มี ในเมื่อเรายิ่งสร้างมากเท่าไร ระยะห่างของความไม่มีก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น

เพราะฉะนั้น...ในเรื่องของ ศีล สมาธิ ปัญญา จึงเป็นเรื่องของผลานิสงส์ที่ยิ่งใหญ่มากสำหรับคนที่ไม่มี แต่ถ้าคนที่มี เขายังเห็นว่าเราห่างไกลเหลือเกิน เหมือนยักษ์ขนาดต่างกับคน เราก็เป็นแค่สะเก็ดฝุ่นในจักรวาลเท่านั้นเอง

เถรี 21-05-2017 19:32

ถาม : พระอาจารย์ช่วยขยายความเรื่องกิเลสให้หน่อยสิครับ เวลาฟังชื่นใจมากเลย ผมขี้เกียจอ่าน ?
ตอบ : ขี้เกียจอ่านหนังสือ แล้วไม่คิดว่าพระอาจารย์จะขี้เกียจตอบบ้างหรือ ?

กิเลสอย่างหยาบ คือ กิเลสที่หลุดออกจากทางกาย ทางวาจาของเรา ซึ่งต้องแก้ไขด้วยศีล

กิเลสอย่างกลาง ส่วนใหญ่เป็นอารมณ์ความคิดของเรา ก็คือ อยากได้โน่น อยากได้นี่ โกรธนั่น เกลียดนี่ ต้องแก้ด้วยสมาธิ ถ้าสมาธิทรงตัวก็จะไม่ปรากฏ

กิเลสอย่างละเอียด เขาเรียกอนุสัยกิเลส เป็นส่วนลึกที่นอนนิ่งอยู่ในใจของเรา ถ้าไม่ใช่สภาพจิตละเอียดจริง ๆ บางทีก็คิดว่าไม่มี อย่างเช่นว่ากามสัญญา ก็คือคิดว่าตัวเองไม่มีความต้องการระหว่างเพศแล้ว แต่ยังมีโอกาสนึกถึงอยู่ เขาเรียกกามราคานุสัย พวกนี้ต้องแก้ด้วยปัญญา พอพิจารณาเห็นโทษว่า เปลวไฟที่ลุกไหม้ทั้งเมืองหรือเผาไหม้ทั้งป่า ก็เกิดจากสะเก็ดเล็ก ๆ นิดเดียวเช่นนี้ ถ้าเรายังปล่อยให้เผาไฟไหม้ใจเราอยู่ โอกาสที่เราต้องเกิดมาทุกข์ทนยังมีอีกมาก ก็จะมาพิจารณา มาตัด มาละกันเอง


ถาม : กิเลสอย่างกลาง ก็คือ ใช้วิปัสสนา หรือใช้สมถะครับ ?
ตอบ : ใช้สมาธิก็ระงับได้แล้ว แต่คำว่าระงับคือดับลงชั่วคราว เป็นวิกขัมภนวิมุตติหรือตทังควิมุติ ยังไม่ใช่สมุจเฉทวิมุตติ

เถรี 21-05-2017 19:37

ถาม : เราใช้สมถะบ่อย ๆ บางทีกามราคะจะดีขึ้นได้อย่างไรครับ โดยที่เราไม่ได้ใช้วิปัสสนา ?
ตอบ : ก็บอกแล้วว่ากำลังของสมาธิสามารถกดกิเลสดับลงได้ชั่วคราว แล้วที่ว่าดีขึ้นราคะหมดไปไหม ?

ถาม : ไม่ครับ ?
ตอบ : ก็ในเมื่อไม่หมด ต้องใช้วิปัสสนาจึงจะหมด สรุปว่าที่ดีขึ้นของคุณไม่ได้ดีขึ้นหรอก เพียงแต่ห่างออกมาเท่านั้น

ถาม : ถ้าผมคิดว่า ผมเป็นมนุษย์ ผมก็มีราคะบ้าง อย่างนี้ถือว่าผมโง่ไหมครับ ?
ตอบ : ก็ถ้าเป็นมนุษย์ทั่ว ๆ ไปไม่ถือว่าโง่ แต่ถ้าในสายตาผู้ปฏิบัติเพื่อความหลุดพ้นก็โง่ฉิ...หายเลย...! ขึ้นอยู่กับว่าเป็นมุมมองของใคร

เถรี 21-05-2017 19:48

ถาม : การปรับธาตุคืออะไรครับ ?
ตอบ : ต้องถามว่าปรับเพื่ออะไร ?

ถาม : ปรับเพื่อสภาพร่างกายให้เข้าที่เข้าทาง ให้แลดูอ่อนเยาว์ ?
ตอบ : ลักษณะอย่างนั้นจะปรับด้วยอะไร ? ปรับด้วยตัวยา ปรับด้วยการออกกำลังกาย ปรับด้วยการใช้สมาธิ สภาพจิตที่อยู่ในสมาธิ เวลาผ่านไปเหมือนอย่างกับเชื่องช้า สภาพจิตไม่ได้นึกว่าผ่านไปมาก สภาพร่างกายก็เลยดูอ่อนเยาว์ และท้ายที่สุดบรรดาผู้ที่ได้อภิญญาสมาบัติคล่องตัว อาศัยอำนาจของสมาบัติ ปรับธาตุ ๔ ที่พร่องในร่างกายให้เสมอกัน ก็เลือกเอาว่าจะปรับแบบไหน

ถาม : ลดเรื่องอาหารไม่ได้ ?
ตอบ : อะไรวะ...! แค่อาหารการกินแค่นี้ทำไม่ได้หรืออย่างไร ? กินน้ำตาลให้น้อยลง กินผักผลไม้ให้มากขึ้น ง่ายจะตายไป ถึงเวลากินเสร็จเรียบร้อยก็เป็นมะเร็งตาย เพราะว่ามีแต่ยา ก็เลยอ่อนเยาว์ เพราะว่ายังไม่ทันจะแก่ก็ตายแล้ว...!

เถรี 21-05-2017 19:51

ถาม : เมื่อนานมาแล้ว ผมฝึกกสิณไฟ ผมจะเห็นเหมือนไฟล้างโลก เป็นนิมิตหรือสัญญาเก่าครับ ?
ตอบ : เป็นปฏิภาคนิมิตที่เกิดขึ้น แสดงว่าของเก่าเคยมีอยู่ หรือไม่ก็ตกนรกบ่อย เห็นไฟจนชิน...!

เถรี 21-05-2017 19:55

ถาม : ถ้าเราภาวนา พ่อแม่เราจะได้บุญนั้นโดยอัตโนมัติด้วยไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าโมทนาก็ได้ ถ้าไม่โมทนาก็อด..!

ถาม : ผมเคยอ่านเจอของท่านหนึ่ง เหมือนกับการที่เราทำบุญ พ่อแม่จะมีส่วนด้วย ?
ตอบ : ถ้าเราทำจนกำลังสูงพอ ท่านจะคล้อยตามมา คำว่า "คล้อยตามมา" แปลว่าท่านมาประพฤติปฏิบัติอย่างเรา ถ้าทำอย่างนั้นถึงจะยกระดับของท่านได้ แต่ถ้าต้องการในสิ่งที่ตัวเองไม่ได้ทำ ก็มีอย่างเดียวคือต้องเปิดใจรับ วิธีการเปิดใจรับก็คือพลอยยินดีด้วย ก็ได้แก่การอนุโมทนานั่นแหละ


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 21:02


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว