กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เก็บตกจากบ้านเติมบุญ (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=65)
-   -   เก็บตกจากบ้านเติมบุญ ต้นเดือนตุลาคม ๒๕๖๐ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=5826)

เถรี 27-10-2017 21:10

พระอาจารย์กล่าวว่า "ทุกวันนี้ที่ภัยธรรมชาติคุกคามหนัก ต้องบอกว่าเป็นไปโดยสภาพปกติ เพราะว่าคนไปคุกคามธรรมชาติก่อน ปัจจุบันโลกเราแทบจะไม่มีลมหายใจเหลืออยู่แล้ว เพราะว่าผืนป่าที่เป็นตัวผลิตออกซิเจน โดนทำลายไปเกือบหมด อากาศจึงแปรปรวนมาก

แค่นั้นยังไม่พอ ผืนป่าที่เคยช่วยกันเปลี่ยนคาร์บอนไดออกไซด์ก็ลดน้อยถอยลง จนเปลี่ยนไม่ทัน คาร์บอนไดออกไซด์ขึ้นไปจับตัวเป็นเกราะอยู่ข้างบน สะท้อนความร้อนกลับลงมา กลายเป็นภาวะเรือนกระจก ที่เรียกว่า Greenhouse Effect ทำให้อากาศร้อนผิดปกติ

น้ำแข็งขั้วโลกละลาย แต่ว่าต่อให้น้ำแข็งทั่วโลกละลาย น้ำก็ยังไม่ท่วมโลกมาก แต่ที่น้ำจะท่วมโลกมาก เหมือนกับเรามีน้ำอยู่กะละมังหนึ่ง แล้วเราไปทำกะละมังนั้นล้ม น้ำสาดโครมไปรอบด้าน ไม่ว่าจะมดแดงแมลงน้อยก็เดือดร้อนกันหมด

โลกเราที่กำลังเสียสมดุลเพราะว่าศูนย์ถ่วงเสีย อย่างเช่นว่าสายน้ำไหลลงสู่มหาสมุทร โดนแดดเผากลายเป็นไอ ลอยขึ้นไปข้างบน จับตัวควบแน่นตกลงมาเป็นฝน แต่ตอนนี้ปัจจุบันมีการปิดกั้นเส้นทางไหลของน้ำ โดยเฉพาะบรรดาเขื่อนใหญ่ ๆ

เมื่อเขื่อนกักน้ำมาก ๆ ทำให้จุดศูนย์ถ่วงเสีย เหมือนอย่างกับล้อรถ ถ้าศูนย์ถ่วงเสียก็วิ่งตุปัดตุเป๋ คราวนี้ถ้ายังวิ่งได้ก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าผิดจังหวะวิ่งไม่ได้ รถคันนั้นจะหยุด เราลองนึกถึงว่ารถที่วิ่ง ๆ ไปแล้วอยู่ ๆ หยุดลง เหมือนอย่างกับรถเบรกกะทันหัน คนในรถจะเกิดอะไรขึ้น ? สถานเบาก็หัวทิ่ม สถานหนักก็ทะลุกระจกปลิวไปไหนก็ไม่รู้ !!?

คราวนี้ถ้าหากว่าศูนย์ถ่วงโลกเสีย ถึงขนาดหยุดหมุนชั่วคราว เราลองนึกถึงแรงเฉื่อยที่เหวี่ยงอยู่ตลอดเวลา ทำให้น้ำในทะเลหรือมหาสมุทรรักษาสมดุลเอาไว้ได้ อยู่ ๆ ก็หยุดกึก แต่น้ำยังเหวี่ยงไปตามแรงเดิม ก็ตูมเดียวทะลักขึ้นไปครึ่งโลก คราวนี้รู้หรือยังว่าถ้าน้ำท่วมโลกเกิดจากอะไร ? ของบางอย่างฟุ้งซ่านมากก็ไม่ดี ฟังแล้วก็ลืมไปเถอะ"

เถรี 27-10-2017 21:20

"สรุปว่าที่เล่าเรื่องน้ำท่วมโลกเมื่อครู่นี้ ไม่ได้แปลว่าน้ำเพิ่มขึ้นมาก แต่เป็นน้ำที่โดนสาดไปเพราะศูนย์ถ่วงของโลกเสีย คราวนี้เราลองนึกถึงตอนน้ำสาดไป ก็กวาดทุกอย่างราบเป็นหน้ากลองไปเลย...ใช่ไหม ? พวกเราก็คิดว่าพอน้ำผ่านไปก็โล่งอก ที่ไหนได้...พอไหลไปแล้วก็ต้องต้องกลับมาที่เดิมใหม่ ก็เท่ากับอีกตูมหนึ่ง...เฮ้อ...! ไม่อยากนึกถึงอนาคตเลย ตูรีบตายก่อนดีกว่า..! น้ำขึ้นไป ไม่ใช่ทิศทางที่ควรจะอยู่ พอขึ้นไปสุดกำลังก็เทกลับ ใครสร้างเวรสร้างกรรมไว้มากก็โดนหลายเด้งหน่อย

คราวนี้ในช่วงปัจจุบันที่มั่นใจว่าศูนย์ถ่วงโลกเสีย เพราะว่าแผ่นดินไหวถี่มาก เกิดจากน้ำหนักที่กดลงบนผิวโลก การเคลื่อนที่ของแผ่นพื้นโลกผิดปกติ เขาเตือนเราแล้ว ที่เม็กซิโกซวยมาก เดือนเดียวเจอ ๓ ครั้ง ระดับ ๘ ระดับ ๗ ทั้งนั้นเลย ที่โดนน่าจะเป็นสหรัฐ แต่ทำไมไปโดนเม็กซิโกแทนก็ไม่รู้ ไม่เป็นไร...ช่วงที่ผ่านมาสหรัฐเจอน้ำท่วมไป ๒ ยกก็ปางตายแล้ว"

เถรี 27-10-2017 21:28

ถาม : มีความคิดว่า สิ้นปีจะไปสังเวชนียสถาน แต่รู้สึกว่าที่นั่นสถานการณ์ไม่ค่อยดี ?
ตอบ : สมควรไป เพื่อที่จะสร้างอนุสติของเราให้มั่นคงไว้ ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวตายแล้วจะไม่ได้อะไร

ถาม : ไม่มีปัญหาใช่ไหมครับ ?
ตอบ : อยู่ที่ไหนก็ตาย...ไปเถอะ ขนาดที่เขากลัวกันนักกลัวกันหนาอย่างปากีสถาน อาตมายังไปมาแล้วเลย มีแต่ทหารถือปืนคอยอารักขาอยู่

ถ้าไม่กลัวตาย ชีวิตจะได้กำไรเยอะ ถ้ากลัวตายอยู่ไม่กล้าทำอะไร ก็ขาดทุนไปเรื่อย ตอนนี้บอกว่าอาตมาไปเที่ยวปากีสถานมาแล้ว มีแต่คนอิจฉา เพราะเขาไม่กล้าไปกัน โดยเฉพาะถนนสายคาราโครัม วิ่งมาแล้วเป็นพันกิโลเมตร วิ่งไปก็เจอหิมะถล่มไป หินถล่มไป หนีทันบ้าง ไม่ทันบ้าง แล้วแต่เหตุการณ์

อีกไม่กี่เดือนมีคนชวนไปญี่ปุ่น ก็สงสัยว่าคนหนักแผ่นดินอย่างเราไปญี่ปุ่นแล้ว จะจมหายไปทั้งประเทศเลยไหม ?

เถรี 27-10-2017 21:37

พระอาจารย์กล่าวว่า "รู้ว่าอายุมากต้องไม่ประมาท เพราะถ้านับแล้ว ชีวิตเราอยู่ในขาลง ถ้าตีว่าคนเราปัจจุบันนี้ชีวิตอยู่ที่ ๗๕ ปีเป็นประมาณ เกิน ๓๗ ปีครึ่งไป ถือว่าเริ่มเป็นขาลงแล้ว

ในเมื่อเริ่มเป็นขาลง ใครที่เกิน ๓๗ - ๓๘ ปี
ไป ยิ่งมากเท่าไรก็ยิ่งลงมากเท่านั้น ตีเสียว่าแก้ทางอยู่ ๓๗ ปี แต่ถ้าไปไม่ถึงปลายทาง แหกโค้งลงเหวไปก่อน ก็ได้น้อยกว่านั้น ฉะนั้น...จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องสั่งสมบุญกุศล

คราวนี้การสั่งสมบุญกุศลมีเป็น ๑๐ วิธี วิธีเดียว คือ การให้ทานที่เราต้องใช้ทรัพย์สินสิ่งของ การรักษาศีล ที่มีอานิสงส์สูงกว่าทาน ไม่ต้องใช้อะไร นอกจากรักษากาย วาจา ใจของเรา

การนั่งสมาธิภาวนาอานิสงส์สูงกว่าศีลอีก ก็แค่นั่งควบคุมความคิดของเราให้อยู่กับลมหายใจเข้าออก ไม่ไป รัก โลภ โกรธ หลง ถ้าสามารถคุมความคิดได้ คือคุมกำลังใจได้ คุมกำลังใจได้ก็เท่ากับคุมกายและวาจาได้ ในเมื่อกายไม่ทำชั่ว วาจาไม่พูดชั่ว ใจไม่คิดชั่ว กรรมใหม่ไม่มี เมื่อกรรมใหม่ไม่มี กรรมเก่าเหมือนกับหนี้
เราไม่สร้างหนี้ใหม่เสียอย่าง ของเก่าค่อย ๆ ผ่อนใช้ไปเดี๋ยวก็หมด

เพราะฉะนั้น...บุคคลที่จะหลุดพ้นได้ ไม่ได้แปลว่าต้องบริสุทธิ์โดยสิ้นเชิงมาตั้งแต่เกิด หากแต่ว่าเรามารักษากำลังใจของเราให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ในปัจจุบันนี้ และพยายามประคับประคองให้ยาวนานไปจนถึงอนาคตให้ได้"

เถรี 27-10-2017 21:43

"ถ้าเป็นหลักธรรมก็คือ หลักปธาน ๔ ของพระพุทธเจ้า มีสังวรปธาน เพียรระมัดระวังไม่ให้อกุศลกรรมเกิดขึ้น ปหานปธาน พยายามกำจัดอกุศลกรรรมที่เกิดขึ้นแล้ว ภาวนาปธาน พยายามเสริมสร้างกุศลกรรมให้เกิดขึ้น อนุรักขนาปธาน พยายามรักษากุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้ว หลักการมีง่าย ๆ แค่นี้ ก็คือละชั่ว ทำดี ชัด ๆ เลย เพียงแต่ว่าดึงเข้ามาหา ศีล สมาธิ ปัญญา ตามหลักไตรสิกขาของพระพุทธเจ้าเท่านั้น

ส่วนใหญ่แล้วพวกเรา "เรียนเกิน รู้เกิน ทำเกิน" สิ่งที่พระพุทธเจ้าต้องการ เป็นแค่ "พอดี" ในเมื่อเรา "ทำเกิน ไม่พอดี" จึงไม่ประสบความสำเร็จสักที เหมือนคนตั้งใจจะออกจากสถานที่หนึ่ง แต่เดินไม่ตรงประตู อย่างไรก็ไปไม่ได้ เพราะฉะนั้น...ก็ต้องเดินให้ตรงช่องประตู ที่พระพุทธเจ้าเรียกว่ามรรคมีองค์ ๘

ทั้ง ๘ ข้อพอย่อลงก็เป็น ศีล สมาธิ ปัญญา เพราะสัมมาทิฐิ สัมมาสังกัปปะ การมีความเห็นถูก การมีความดำริถูก เป็นปัญญา

สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ การพูดถูก การกระทำถูก การเลี้ยงอาชีพถูก จัดเป็นศีล

สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ ความเพียรที่ถูกต้อง การตั้งสติที่ถูกต้อง การทำสมาธิที่ถูกต้อง จัดอยู่ในหมวดสมาธิ

สรุปแล้วหลักธรรมของพระพุทธเจ้า ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ ไม่ได้ไปไหนเลย อยู่ในไตรสิกขานั่นแหละ"

เถรี 27-10-2017 21:48

"พระพุทธเจ้าเป็นสุดยอดอัจฉริยะมนุษย์ คำสอนมากมายมหาศาลขนาดนั้นไม่ขัดกันเลย สามารถปรับรวมใช้ด้วยกันได้ทั้งหมด เพราะว่าจุดใหญ่ใจความแตกออกไปจากจุดเดียวคือใจ ในเมื่อกิเลสทั้งหมดออกไปจากใจ ก็กลับมาในใจของเราเพื่อชำระกิเลส คือ ชำระด้วยศีล ด้วยสมาธิ ด้วยปัญญา

ศีลชำระกิเลสอย่างหยาบ ที่ล้นออกไปข้างนอก คือ ออกไปทางกาย ทางวาจา สมาธิชำระกิเลสอย่างกลาง ที่คอยเป็นตัวยุแหย่ให้เราละเมิดศีล ปัญญาชำระกิเลสอย่างละเอียดที่นอนนิ่ง ซุกซ่อนอยู่ในใจของเรา นานนับชาตินับภพไม่ถ้วน

ไม่ว่าคำสอนของพระพุทธเจ้าจะมีมากขนาดไหน ท้ายสุดก็สรุปลงที่เดียว เพียงแต่ว่าเราจับตรงไหนที่เหมาะแก่สภาพปัจจุบันของตัวเอง แล้วค่อย ๆ เร่งทำไป พอเราทำได้แล้วก็ค่อย ๆ ก้าวขึ้นหน้าไปทีละก้าวอย่างมั่นคง อย่าท้อถอย อย่าขี้เกียจ อย่าหยุด

ค่อย ๆ ไปแบบเต่า มีใครเห็นเต่าเดินถอยหลังบ้าง ? เชื่อเถอะคนทั้งโลกไม่เคยเห็นเต่าเดินถอยหลัง เพราะว่าเต่าเดินขึ้นหน้าอย่างเดียว เต่าไปช้า แต่ไปเรื่อย ๆ ไปไม่หยุด ถึงเวลาเจออันตรายก็เก็บหัวเก็บขา เก็บหางเงียบอยู่ในกระดอง พออันตรายผ่านพ้นไปก็ยื่นออกมาแล้วเดินต่อ"

เถรี 27-10-2017 21:49

"คนเราก็เหมือนกับเต่า ค่อย ๆ ก้าวขึ้นหน้าไป ตามแนวศีล สมาธิ ปัญญา ที่พระพุทธเจ้าสอนเอาไว้ กิเลสตีมากก็เก็บตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจเสีย ดูสักแต่ว่าดู เห็นสักแต่ว่าเห็น ได้ยินสักแต่ว่าได้ยิน ได้กลิ่นสักแต่ว่าได้กลิ่น ได้รสสักแต่ว่าได้รส สัมผัสสักแต่ว่าสัมผัส ไม่สนใจ ไม่ปรุงแต่ง

หยุดคิด...จะประสบความสำเร็จ ถ้าหยุดความคิดไม่ได้ ชีวิตนี้ก็เอาดีไม่ได้ เพราะความคิดของเราถ้าไม่ไปเรื่องอดีต ก็คือคิดถึงเรื่องที่ผ่านมา ไม่ก็ฟุ้งซ่านถึงอนาคต แล้วเราก็เครียด นอนไม่หลับ ทุกข์เพราะความคิดตัวเองแท้ ๆ

ฉะนั้น...ให้เลียนแบบเต่า ถึงเวลากิเลสมาก็หยุด ระวังรักษาใจไว้ ปลอดภัยแล้วค่อยไปต่อ คนที่ขึ้นหน้าอยู่ตลอดเวลา ถึงจะไปช้าแค่ไหน ท้ายสุดก็ถึงจุดหมายปลายทางได้ เจอบกตะกายขึ้นบก ลงน้ำก็ว่ายน้ำ เต่าเป็นตัวอย่างที่สุดยอดจริง ๆ"

เถรี 28-10-2017 21:15

พระอาจารย์กล่าวว่า "ปีหน้ามีเดือน ๘ สองหน เขาเรียกอธิกมาส คือเดือนเกิน แต่เป็นปกติวาร ก็คือวันปกติ ในเมื่อเป็นวันปกติ เดือนกุมภาพันธ์จะมี ๒๘ วัน ไม่ใช่ ๒๙ วัน ถ้าหากว่าเป็นจันทรคติ จะไม่มีแรม ๑๕ ค่ำเดือน ๗ จะมีแรมแค่ ๑๔ ค่ำเท่านั้น"

เถรี 28-10-2017 21:37

ถาม : ถ้าเราต้องไปทำงานร่วมกับเพื่อนที่พูดจาไม่ดีกับเราลับหลัง เราควรจะทำอย่างไรคะ ?
ตอบ : แกล้งโง่ให้เป็น ถ้าแกล้งโง่ไม่เป็น ก็เป็นใหญ่ไม่ได้ เราคิดดี ทำดี พูดดีกับเขา ส่วนเขาจะคิดร้าย พูดร้าย ทำร้ายกับเรา ก็ช่างหัวมัน เดี๋ยวกรรมก็ลงโทษเขาเอง

เถรี 29-10-2017 08:33

ถาม : (พระถาม) ห้องมีผีอยู่ โยมเขานิมนต์ให้ไปจัดการ ?
ตอบ : คุณจะทำอย่างไรให้ผีฟังคุณ ไม่ฟังคนอื่น มีดหมอหลวงพ่อแจ่มนำหน้าไปก่อนเลย จะคุยกันดี ๆ ไหม ? ถ้าไม่คุยกันดี ๆ ก็มีปัญหานะ หลวงพ่อแจ่มท่านทำมีดหมอไว้สำหรับผีโดยเฉพาะ ของสายอื่นยังมีผลอื่นบ้าง ของท่านเน้นเรื่องไล่ผี ขับผี สะกดผีโดยเฉพาะเลย

ถาม : ใช้คาถา ทุ สะ นิ มะ ?
ตอบ : พา มา นา อุ กะ สะ นะ ทุ หัวใจพาหุง ทุ สะ นิ มะ นั่นหัวใจอริยสัจ อยู่ที่กำลังใจของเรา พูดง่าย ๆ ว่าจะใช้อาวุธอะไร กำลังของเราก็ต้องดีด้วย

เถรี 29-10-2017 08:40

พระอาจารย์กล่าวว่า "จริง ๆ แล้วของหลวงพ่อกวย ไม่ต้องมีวัตถุมงคลหรอก แค่เรานึกถึงท่านก็ใช้ได้แล้ว ไม่รู้อะไรก็ "หลวงพ่อกวย นามะเต อาจาริโย เม ภันเต โหหิ" ก็จบแล้ว"

เถรี 29-10-2017 08:52

สนทนาเรื่องการทำวิทยานิพนธ์ "คุณแยกวิเคราะห์กับสังเคราะห์ออกไหม ? วิเคราะห์คือแยกแยะเนื้อหาให้เป็นหมวดหมู่เพื่อให้เข้าใจที่ง่ายที่สุด ส่วนสังเคราะห์คือหยิบเอาเนื้อหาที่เป็นประโยชน์ขึ้นมาเพื่อใช้งาน

ฉะนั้น...ถ้าเขาบอกให้วิเคราะห์ก็คือลักษณะนี้ แยกแยะออกมาเป็นหมวดเป็นหมู่ ดึงความเกี่ยวเนื่องเชื่อมโยงถึงกันและกัน จากนั้นก็สรุป ถ้าเราสรุป ส่วนที่สรุปก็เป็นสังเคราะห์ คือ เราสามารถยกเอาไปใช้งานได้เลย"


ถาม : แสดงว่าบทที่ ๕ คือ สังเคราะห์ ?
ตอบ : ต้องแนะนำเขาด้วยว่าต่อไปจะทำอย่างไร อาตมาใส่ลงไป ๑๖ ข้อ ท่านอาจารย์สุรพลร้อง โอ้โฮ...มีเรื่องแนะนำเขาเยอะขนาดนี้เลยหรือครับ ? ตอบท่านว่าใช่ ท่านว่าตั้งแต่ผมตรวจวิทยานิพนธ์มา ยังไม่เคยเจอใครแนะนำเยอะขนาดนี้ ส่วนใหญ่เต็มที่ก็ ๔-๕ ข้อ นี่ลงไป ๑๖ ข้อ แต่ท่านก็เถียงไม่ได้สักข้อ คนที่ไม่ลงเยอะ เขากลัวว่ากรรมการถามแล้วจะตอบไม่ได้

เถรี 29-10-2017 08:58

การเก็บข้อมูลในบางที่จำเป็นต้องระมัดระวัง เนื่องจากบุคคลในสถานที่นั้นอาจจะไม่เข้าใจภาษาไทย นี่เป็นคำแนะนำข้อหนึ่ง เพราะเจอมาด้วยตัวเอง

ผมส่งแบบสอบถามไป พระ ๕ รูป นั่งบื้อกันหมด บอกท่านว่า "ทำเลยครับ ผมจะรอเก็บ" ท่านว่า "ทำไม่ได้ครับ" ถามว่าทำไม ? "อ่านหนังสือไทยไม่ออกครับ" ถ้าอ่านไม่ออกแล้วจะทำได้อย่างไร เป็นพระต่างด้าวล้วน ๆ ทั้งมอญทั้งกะเหรี่ยง

เราก็ไม่รู้ เห็นแต่งตัวเหมือน ๆ กัน นึกว่าพระไทย เข้าไปขอเก็บข้อมูล ส่งแบบสอบถามไป ไม่มีใครทำได้สักคน เลยมีข้อแนะนำประหลาด ๆ อย่างนี้ออกมาด้วย

กระดาษนี่คุณทิ้งไม่ได้เลยนะ โดยเฉพาะตอนนั่งรถ บางทีความคิดเกิดขึ้นมาตอนนั้นพอดี เป็นอะไรที่สนุกมาก ได้บรรทัดสองบรรทัดก็ต้องเอา เพราะไปขยายความได้ เขาบอกว่า ปริญญาตรีเรียนรู้ตามที่อาจารย์สอนก็จบได้แล้ว ปริญญาโททำให้อาจารย์รู้ว่าเรามีความรู้ก็จบได้แล้ว ส่วนปริญญาเอกนี่เขาว่าต้องหลอกอาจารย์ให้ได้

เถรี 29-10-2017 09:09

มีโยมเอาวัตถุมงคลมาถวาย

"พระกริ่งจักรตรี เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถในยุคนั้น เป็นของที่ระดมพระเกจิอาจารย์ทั่วประเทศเป็นพันรูปมาเข้าพิธี เป็นพิธีใหญ่ทั้งภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคใต้ เข้าพิธีภาคไหนก็ระดมอาจารย์ภาคนั้นมาจนหมด

แต่เป็นเรื่องแปลกเนื่องจากว่า คนทำไม่ใช่เซียนพระ ก็เลยกลายเป็นของดีราคาถูก จนป่านนี้ราคายังไม่ขยับไปไหนเลย สภาผู้แทนราษฎรทำเพื่อเฉลิมพระเกียรติ

ยุคแรก ๆ ที่อาตมาเอาพระผงนางพญา สก. มาแจก ก็คือ เหมามาจากที่นั่นแหละ ทำพร้อมกัน"


ถาม : พิธีเดียวกัน ?
ตอบ : พิธีเดียวกัน พระกริ่งจักรตรี และพระผงนางพญา สก. เป็นพระที่ระดมคณาจารย์เสกมากที่สุดในประเทศไทย

เถรี 29-10-2017 09:24

ถาม : เพื่อนวางตำราครูไว้กับพื้น ต่อมาก็คอเคล็ดอย่างไม่มีสาเหตุ สุดท้ายต้องขอขมาจึงหาย ?
ตอบ : เข้าใจคำว่า "ครูแรง" ไหม ? จะได้รู้เสียบ้างว่า "แรงครู" เป็นอย่างไร

สมัยก่อนคำว่า "ครู" คือ ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต ถึงเวลาเอ่ยอ้างถึงครูด้วยความเคารพสุดจิตสุดใจ อย่างที่แสนตรีเพชรกล้าบอกพลายงามว่า

พระครูผู้บอกวิทยา.................ชื่อว่าศรีแก้วฟ้ากล้าแข็ง
สถิตยังเขาคำถ้ำวัวแดง............ทุกหนแห่งเลื่องลือนับถือจริง

เถรี 29-10-2017 09:29

พระอาจารย์กล่าวว่า "ในชั่วชีวิตของเราไม่ต้องไปหาแล้วนะ พระเจ้าแผ่นดินแบบนี้ โลกนี้ก็คงไม่ต้องหาแล้วด้วย สมัยก่อนพระเกจิอาจารย์อายุ ๘๐-๙๐ ปีเป็นพระเกจิฯ สามแผ่นดินสี่แผ่นดิน สมัยนี้แผ่นดินเดียวยังก้าวไม่ข้ามเลย ๗๐ ปีครองราชย์

แต่ว่าแผ่นดินรัชกาลที่ ๑๐ เป็นเรื่องอะไรที่ประหลาดที่สุด เป็นอนาคตที่มองไปแล้วว่างโล่งไปเฉย ๆ อย่างนั้นอาตมาก็ตีความไม่ถูกเหมือนกัน หรือเป็นเรื่องที่ยังไม่สมควรรู้หรืออย่างไรก็ไม่รู้ ?"

เถรี 29-10-2017 22:33

"ตอนนี้ให้เขาทำฉากเฉลิมพระเกียรติอยู่ ติดรูปในหลวงรัชกาลที่ ๙ ทั้งสองด้าน เป็นรูปที่สามารถเปลี่ยนได้เรื่อย ๆ เมื่อเบื่อ บอกช่างว่าไม่ต้องประหยัดงบ เอาให้เต็มที่ ด้านหนึ่งจะเอาพระบรมราโชวาทที่พระองค์ท่านให้ตอนรัตนโกสินทร์ ๒๐๐ ปี หลักธรรมที่ทุกคนควรจะมีอยู่ เช่น อดทน อดกลั้น อดออม อีกด้านหนึ่งจะเอาของที่ตัวเองเขียนเองลง

สามโลกจักหาใคร........................ไป่มี
พ่อดังพระสุริยศรี........................คู่ฟ้า
สว่างหล้าธาตรี............................ใครเปรียบ เทียบฤๅ
นามพ่ออยู่คู่หล้า...........................ตราบฟ้า ดินสลาย"

เถรี 29-10-2017 22:43

ถาม : เมื่อวันงานครบรอบ ๘๐ ปีตุ๊พ่อสิงห์ หนูดูถ่ายทอดสดที่บ้านกับคุณยาย คุณยายอยากเห็นว่าครูบาพรรณท่านอยู่ที่ไหน ก็เลยบอกว่าคุณยายว่า องค์ที่ก้ม ๆ แบบนี้คือครูบาพรรณ ทำท่าก้มให้คุณยายดู หนูก็ไม่สบายใจค่ะ ?
ตอบ : แบบเดียวกับนางขุชชุตรา ก็ขอขมาพระสิ ถึงเวลาก็กราบขอขมาหน้าหิ้งพระ ถ้าเจอองค์ท่านก็ขอขมาต่อองค์ท่านด้วย

นางขุชชุตตรา ทำท่าพระปัจเจกพุทธเจ้าแบบนั้นเลยเกิดเป็นคนหลังค่อม ๕๐๐ ชาติ ขุชชะ แปลว่าหลังค่อม ขุชช + อุตรา แปลว่า นางอุตราหลังค่อม สมัยก่อนไม่มีนามสกุลเลยต้องเอาฉายาใส่แทน

เถรี 30-10-2017 22:40

ถาม : ....(พระถาม)....ถามเขาว่าทุกข์ไหม เขาบอกว่าไม่ทุกข์ ?
ตอบ : ถามเขาว่าลำบากไหม ? ปวดหัวไหม ? ปวดท้องไหม ? ไม่ต้องไปเอาคนอื่นหรอก แม่ของผมเอง ครูพรรณีถามว่าเกิดมาทุกข์ไหม ? แกบอกว่าไม่ทุกข์ ครูออกจากห้องสอนออกมาหัวเราะเลย บอกว่าท่านเล็กสอนแม่อย่างไร ? แม่บอกว่าไม่ทุกข์

ผมก็บอกว่าครูถามผิด ถ้าถามแม่ว่าเกิดมาลำบากไหม ? แกบรรยายได้ ๓ วัน ๓ คืน บางทีก็ขึ้นอยู่กับครู คือคนถามด้วย ถ้าเราถามผิดคำตอบก็ผิด


ถาม : ....(ไม่ชัด)....
ตอบ : ทุกข์อย่างน้อยก็เป็นสภาวทุกข์ เพียงแต่เขาไม่เข้าใจเอง ถามว่าโยมเกิดมาแก่ไหม ? แก่เป็นสภาวทุกข์ ปวดขี้ปวดเยี่ยวไหม ? เป็นปกิณกทุกข์ หิวไหม ? เป็นนิพัทธทุกข์

ถาม : บอกเขาว่าการเกิดเป็นทุกข์ เขาก็เฉย ?
ตอบ : ต้องเข้าใจด้วยว่าเกิดมาเจออะไรบ้าง ถ้าไปบอกว่าทุกข์คือการเกิด เขาก็ไม่รู้ว่าคืออะไร ก็ต้องอธิบายด้วย สมัยนี้บุคคลประเภทเนยยะมาก ต้องปากเปียกปากแฉะ จ้ำจี้จ้ำไชไปเรื่อย ๆ พวกอุคฆฏิตัญญูไปตั้งแต่สมัยพุทธกาลเสียจนเกือบหมดแล้ว

เถรี 30-10-2017 23:31

พระอาจารย์กล่าวว่า "อาตมาเป็นคนไม่กลัวเสียงดังมาตั้งแต่เด็ก แทนที่จะรู้สึกกลัว กลับรู้สึกว่าสนุก แม้กระทั่งเสียงฟ้าผ่าก็ไม่ได้ตกใจกับใคร แปลกดีเหมือนกัน

อาจจะเป็นเพราะว่าผ่านช่วงการฝึกกรรมฐานมายาวนาน ทำให้กำลังใจค่อนข้างจะไม่หวั่นไหวกับสิ่งกระทบภายนอก เวลาคุยกัน อยู่ ๆ ฟ้าผ่าเปรี้ยงลงมา โยมตกใจหมด อาตมานั่งยิ้ม ที่ตกใจเพราะ
เราส่งกำลังใจออกข้างนอก พอเกิดเหตุอะไรขึ้น สภาพจิตวิ่งกลับร่างกายด้วยความเร็วสูง เพื่อรับรู้สิ่งที่เกิดขึ้น อาการที่มาเร็วเกินไป คืออาการที่เราเรียกกันว่าตกใจ"

เถรี 30-10-2017 23:32

พระอาจารย์กล่าวว่า "ใครมีเงินสัก ๓๐๐ ล้านบาท เอามาให้อาตมาได้ อาตมาจะสร้างมณฑปไว้รอรับพระแก้วมรกต ถามว่าทำไมต้องสร้างมณฑปไว้รอรับพระแก้วมรกต ? ถ้ากรุงเทพฯ น้ำท่วมก็ต้องอพยพท่านไปไว้ที่อื่น"

เถรี 30-10-2017 23:34

พระอาจารย์กล่าวว่า "เมื่อครู่ฟ้าร้องแล้วฝนตกนิดหน่อย พระพุทธเจ้าท่านเปรียบบุคคลกับฟ้าไว้ ๔ ประเภทด้วยกัน

ประเภทที่ ๑ ท่านเปรียบว่าเป็นฝนไม่ตก ฟ้าก็ไม่ร้อง
ประเภทที่ ๒ ฟ้าร้อง แต่ฝนไม่ตก
ประเภทที่ ๓ ฝนตก แต่ฟ้าไม่ร้อง
ประเภทที่ ๔ ฟ้าร้องและฝนก็ตก

ประเภทฟ้าก็ไม่ร้อง ฝนก็ไม่ตก คือ ความสามารถก็ไม่มี บอกกล่าวผู้คนก็ไม่บอก
ประเภทฝนตก ฟ้าไม่ร้องแต่ฝนตก คือ มีความสามารถ แต่ไม่รู้จักบอกเล่าให้คนอื่นเขาฟัง
ประเภทฟ้าร้อง ฝนไม่ตก ดีแต่คุย ทำอะไรก็ไม่เป็น
ประเภทสุดท้าย ฟ้าก็ร้อง ฝนก็ตก บุคคลที่มีความรู้ความสามารถ บอกกล่าวแก่ผู้อื่นได้ ขณะเดียวกันก็ทำเองได้ด้วย"

เถรี 30-10-2017 23:35

พระอาจารย์กล่าวว่า "มีดหมอลายหนุมานเหินหาว บางคนเรียกลายหนุมานผลาญลงกา เป็นมีดหมอที่หลวงพ่อกวยท่านทำให้เฉพาะลูกศิษย์ที่เป็นพระ"

เถรี 30-10-2017 23:49

พระอาจารย์กล่าวว่า "ตอนนี้สถานการณ์พระพุทธศาสนามาถึงจุดที่ต้องยืนหยัดอยู่ในพระธรรมวินัยแล้ว รัฐบาลสั่งตรวจสอบหมดทุกวัดเลย พูดง่าย ๆ ว่าใครมีวี่แววว่านอกคอก จะโดนเหมือนท่านมหาอภิชาติหมด

เขาตั้งใจจะล้มกระดานมหาเถรสมาคม ที่บ้าที่สุดก็คือ ออกหนังสือให้ตำรวจจับตาดูพระ ว่าการรับเงินผิดพระธรรมวินัย พูดง่าย ๆ ว่าพระทุกรูปแหละ เป็นคำสั่งกลาย ๆ เหมือนกับมอบอำนาจให้ตำรวจจัดการได้เลย ถ้าหากว่าเห็น ก็อยู่ที่ว่าเราจะแก้เกมกันอย่างไร

เห็นว่าปฏิรูป ๆ จนป่านนี้ก็ยังไปไม่ถึงไหน ล้างกระดานแล้วจะมีประโยชน์อะไร นี่ไม่ใช่เครื่องยนต์เสีย แต่เป็นระบบเสีย คุณไปล้างเครื่องจะช่วยอะไรได้ ระบบก็ยังเสียอยู่เหมือนเดิม

ตอนนี้เหมือนอย่างกับว่า เขาโยนหินถามทาง ก็คือเรื่องของการทุจริตเงินทอน แต่คราวนี้เราต้องดูว่าท่านเจ้าคุณประเทืองกับท่านเจ้าคุณบุญเทียมคือใคร ? ท่านเจ้าคุณประเทือง คือเจ้าคณะจังหวัดที่มาแรงที่สุดในยุคนี้ ส่วนท่านเจ้าคุณบุญเทียม คือเลขานุการเจ้าคณะใหญ่หนกลาง

เขาโยนหินถามทางในลักษณะว่า ผู้ใหญ่จะปกป้องกันไหม ? ถ้าหากว่าปกป้องก็จะเป็นข้ออ้างเลยว่าคณะสงฆ์หาความบริสุทธิ์ยุติธรรมไม่ได้ ก็จะฉวยโอกาสล้มมหาเถรสมาคมไปเลย ถ้าไม่ปกป้อง ต่างคนต่างรักษาตัวเอง เท่ากับว่าเบี้ยบนกระดานจะโดนกวาดไปเรื่อย ๆ ในที่สุดก็ถึงขุนจนได้ เท่ากับว่ากระดานนี้ฝ่ายรุกมีโอกาสกินทั้งขึ้นทั้งล่อง แต่ฝ่ายรับพลาดเมื่อไรก็พังเลย

โยนหินถามทางลักษณะนี้ไม่ใช่โยนเฉย ๆ ประเภทกินโคน แล้วรุกฆาตเลย วิธีแก้เหลืออยู่อย่างเดียวก็คือ ต้องแม่นหลักการและมั่นคงในธรรมวินัย"

เถรี 31-10-2017 08:57

"อย่างเรื่องของท่านอาจารย์พระมหาอภิชาติ ปุณฺณจนฺโท จะว่าไปแล้วความผิดของท่านไม่ถึงขั้นที่จะจับสึก ถ้าอ้างว่าเป็นการทำให้แตกแยก แล้วการที่พันธมิตรของคุณสนธิ ลิ้มทองกุลก็ดี กปปส.ของคุณสุเทพก็ดี ไม่ทำให้แตกแยกหนักยิ่งกว่าหรือ ?

แต่คราวนี้ในส่วนที่ท่านยอมสึกไป หรือยอมปรับเปลี่ยนตามที่ทหารต้องการ ก็ถือว่าท่านรู้สถานการณ์ แต่ส่วนที่ผมอยากจะตำหนิก็คือ พระผู้ใหญ่ไม่มีใครออกมาปกป้องท่านเลย แม้กระทั่งเจ้าอาวาสวัดเบญจมบพิตรก็เปิดทางให้จับท่านสึก ทั้ง ๆ ที่ท่านเป็นหัวหน้าพระวินยาธิการของวัดเบญจมบพิตร ตรงนี้เราจะเห็นได้ว่า พอถึงเวลาแล้วพระผู้ใหญ่ส่วนหนึ่งก็เอาตัวเองให้รอด โดยที่ไม่ได้คำนึงว่าเป็นลักษณะของการรุกคืบแบบกินเบี้ย พอเบี้ยหมดก็ถึงโคน ถึงม้า ถึงเรือ ถึงขุนจนได้

คราวนี้การเอาตัวรอดจะกลายเป็นเอาตัวไม่รอด เพราะว่าในเมื่อท่านไม่ปกป้องไม่ดูแลลูกน้อง ถึงเวลาลูกน้องที่ไหนจะมาสละชีพเพื่อท่าน ? การปกป้องกันไม่ได้หมายความว่าช่วยเหลือคนผิด แต่ว่าเป็นการช่วยเหลือบุคคลที่ไม่ผิด

อย่างของท่านอาจารย์พระมหาอภิชาติ ถ้าเป็นการสร้างความแตกแยก ยังต่อสู้กันได้อีกหลายยก ถามว่าแตกแยกกับใคร ? ถ้าแตกแยกกับอีกศาสนาหนึ่ง ศาสนานั้นยอมสามัคคีกับเราไหม ? ไม่ว่าศาสนานี้จะอยู่ที่ไหนก็ตาม จะทำตัวแปลกแยกอยู่เสมอ ไม่เคยเข้ากับใครได้เลย ในเมื่อทิดอภิชาติตัดสินใจอย่างนั้น เราก็ต้องเคารพการตัดสินใจของเขา"

เถรี 31-10-2017 09:01

"แต่ส่วนที่น่าเสียดายคือ พระผู้ใหญ่ของเราไม่มีการขยับเลย เท่ากับว่าส่งทหารไปตายฟรี ๆ ที่แนวหน้า โดยที่แม่ทัพข้างหลังไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ แม้แต่นิดเดียว ความจริงแล้วน่าจะมีการแสดงพลังให้เห็น แต่ก็อย่างว่า ทุกคนก็ยังคงหวังในเรื่องตำแหน่ง เรื่องอำนาจ หวังในเรื่องลาภ ยศ สรรเสริญ สุข เลยไม่มีใครกล้าขยับ

ไม่มียุคไหนที่สถานการณ์พุทธศาสนาจะย่ำแย่ถึงขนาดนี้ ไม่ว่าการทุบกุฏิพระที่วัดกัลยาณมิตร การจับพระสึกกลางพรรษา ซึ่งเป็นเรื่องที่โบราณเขาถือสามาแต่ไหนแต่ไรก็ดี แม้กระทั่งการเล่นงานทุจริตพระ ซึ่งความจริงพระต้องเป็นเจ้าทุกข์ เพราะว่าเรื่องการทุจริตเกิดจากฆราวาสของสำนักงานพระพุทธฯ แต่ละแห่ง ถึงเวลาถ้าไม่ยอมเขา เขาก็ไม่ยอมจ่ายเงินสนับสนุน แต่คราวนี้เขาเอามากจนเกินไป

อย่างเช่นของสงขลา ๑๐ ล้านบาท เขาให้ ๓ ล้านบาท เขาเอาไว้ ๗ ล้านบาท หลวงพ่อเจ้าคณะจังหวัดสงขลาก็เลยร้องเรียนขึ้นมา พูดง่าย ๆ ก็คือ พระทนไม่ได้กับการทุจริต แล้วก็เป็นฝ่ายฟ้องร้องขึ้นมา แต่ไป ๆ มา ๆ ปัจจุบันพระกลายเป็นจำเลย ส่วนคนผิดจริง ๆ ทั้งสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ทั้งสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด กลายเป็นไม่มีใครผิด ก็ต้องดูว่าเขาเจตนาเบี่ยงเบนเพราะอะไร นั่นก็คือลักษณะของการตั้งใจทำลายล้างศาสนาอย่างหนึ่งที่เห็นได้ชัด ๆ"

เถรี 31-10-2017 09:04

"แต่ลักษณะการเบี่ยงประเด็นนี่ ถ้าพวกเราไม่แม่นประเด็นก็จะคล้อยตามเขาไป เป็นไปได้อย่างไรในฐานะเจ้าทุกข์กลายเป็นจำเลย ? ก็แบบที่พระครูกิตติพัชรคุณที่เพชรบูรณ์ท่านบอกนั่นแหละ สำนักงานพระพุทธฯ เป็นที่ปรึกษาของพระสงฆ์ ในเมื่อสำนักงานพระพุทธฯ บอกว่าไม่ผิด อาตมาก็เซ็นให้ แล้วทำไมถึงกลายเป็นความผิดโดนฟ้องร้องขึ้นมา ? โชคดีที่ผมเองไม่ได้ไปยุ่งกับเรื่องพวกนี้

ผมของบอุดหนุนการบูรณปฏิสังขรณ์วัดพุทธบริษัท ๒๐๐,๐๐๐ บาท ได้มา ๒๐,๐๐๐ บาท อีก ๑๘๐,๐๐๐ บาท หายไปไหนไม่รู้ ? ตั้งแต่นั้นมาก็เลิกขอเลย ทั้ง ๆ ที่เขาให้ขอได้ปีเว้นปี รู้สึกว่าเราขอมาเท่าไร กลายเป็นเขาเอาไปเกินครึ่งหรือเกือบหมด แล้วเราจะไปช่วยเขาทุจริต ไปช่วยเขาทำมาหากินทำไม ?

เราก็เห็น ๆ อยู่ว่าปัจจุบันนี้การเมืองเป็นอย่างไร ก็ได้แต่ยืนหยัดต้านพายุกันไป เล่นกันอย่างนี้แหละ ชัดที่สุด ทำลายพระธรรมวินัย ถ้าวัดธรรมกายกับวัดท่าซุงโดนทำลายลง ก็แทบจะไม่เหลืออะไรอีกแล้ว"

เถรี 03-11-2017 08:50

(สนทนากับพระเรื่องการกล่าวหาว่ามโนมยิทธิเป็นคำสอนนอกพระพุทธศาสนา) "คุณเห็นไหม ? ตั้งแต่ต้นจนบัดนี้ผมไม่เคยสอนเลย บางคนฝึกมโนมยิทธิแล้วรู้ดีเกินไป เพียงแต่ว่าใครติดขัดมาถาม ผมยินดีบอกให้ ต้องบอกว่าวิชานี้ทำให้เรารู้ล่วงหน้าว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่คนอื่นเขาจะไม่เชื่อ ในเมื่อผมไม่เคยสอนเลย จึงไม่มีผลกระทบจากการกล่าวหานั้น ๆ

เดี๋ยวนี้พวกที่เพี้ยนมีเยอะมาก แหกออกไปไกลความเป็นจริงเยอะ แล้วไม่มีใครคัดค้าน ถ้ามีรวมตัวกันลักษณะเป็นสาขา ถึงเวลามีการประชุม สามารถพูดในที่ประชุมได้ว่าสาขาไหนออกนอกลู่นอกทาง แต่คราวนี้ในเมื่อไม่มีการรวมตัวกัน ต่างคนต่างอยู่ ก็มีแต่จะกัดกร่อนทำลายชื่อเสียงของหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านลงไปเรื่อย ๆ

ของบางอย่างเหมือนกับธรรมะจัดสรร ถ้าอยู่ ๆ คุณเลิกสอนไปเฉย ๆ สามารถบอกได้ว่าถ้าสอนต่อไปเราจะลำบาก ก็เหลือแค่กิจกรรมสวดมนต์ไหว้พระตามหลักศาสนาพุทธ เมื่อถึงเวลาใครเกิดทำมาแล้วติดขัดตรงไหนก็แก้ปัญหาเฉพาะคน เราไม่ได้สอน แต่เหมือนกับการตอบปัญหาธรรม ถ้าคุณเห็นมาตั้งแต่ต้น ผมเอาแค่นี้ ผมไม่แตะเลยเรื่องของมโนมยิทธิ

ก่อนหน้าผมก็ไม่คิดว่าจะออกมาแรงขนาดนี้ ช่วงนั้นหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านให้ซักซ้อมเอาไว้ ต่อไปมีคนจะคุกคามศาสนาของเรามาก กล่าวหาว่าพวกเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องเหลวไหล ถึงเวลาเราจะได้ชี้แจงแสดงเหตุแก้ไขคำว่าของเขาได้ ไม่ได้นึกว่าจะมาแรงถึงขนาดจะล้มศาสนากันเลย"

เถรี 03-11-2017 09:13

ถาม : ทำไมโบราณเขากำหนดว่าโรคบางโรคเป็นเฉพาะเด็ก อย่างเช่นโรคซาง ?
ตอบ : ผู้ใหญ่ไม่เป็นเพราะว่าธาตุไม่แปรปรวนเหมือนเด็ก

ถาม : แล้วที่บอกว่าเป็นซางนี่คือ ?
ตอบ : โบราณเขาบอกว่าเป็น ส่าไข้ คือส่วนของไข้ที่เกิดขึ้นแล้วร่างกายเด็กต้านทานไม่ได้เหมือนผู้ใหญ่ ถึงเวลาก็อย่าทำอะไรให้กระเทือนซาง

ถาม : โบราณเขามีแม้กระทั่งยันต์ทำให้เด็กไม่ร้องไห้โยเย
ตอบ : สมัยนี้สู้แม่บ้านพม่าไม่ได้หรอก พอเด็กร้องไห้โยเยเอาสำลีชุบเหล้าแปะกระหม่อม สลบเหมือดไปเป็นวันเลย เด็กกระหม่อมยังไม่ปิด ถึงเวลาแปะลงไปเท่ากับแอลกอฮอล์เข้าสมองโดยตรง เด็กก็เมาซึมไปทั้งวัน ไม่โยเยเลย เพียงแต่ว่าโตขึ้นจะติดเหล้าหรือเปล่าเท่านั้น ?

เถรี 03-11-2017 09:15

ถาม : พระคาถามีผลต่อการรักษาโรคภัยไข้เจ็บ ?
ตอบ : การป่วยเกิดจากธาตุพร่อง คาถาคือตัวสมาธิ เป็นตัวหนุนช่วยได้ทุกธาตุอยู่แล้ว

เถรี 03-11-2017 23:47

ถาม : พวกประโยค ๙ บางคน เขาไม่เชื่อเรื่องอภิญญา เช่น ยิงปืนบังคับลูกกระสุนได้ ?
ตอบ : ปล่อยเขา อย่าไปยุ่งกับเขา เขาคิดแต่เรื่องพลังคน ไม่ได้คิดถึงพลังจิต ลักษณะนั้นเป็นพลังจิตระดับกระสุนคด สั่งให้ไปทางไหนก็ไปทางนั้น หลวงปู่ศุขยิงปืนนัดเดียวกระสุนร้อยใบบัวได้ทั้งสระ อาวุธสมัยใหม่ของคุณสมัยนี้ทำได้ไหม ? ต้องไปติดเรดาร์ที่เป้ากันให้ครบก่อน..ใช่ไหม ?

ถาม : เขาเรียนจบประโยค ๙ เหมือนยิ่งเรียนยิ่งค้าน ?
ตอบ : เขาไม่ได้เรียนเพราะมีตถาคตโพธิสัทธา คือเรื่องของการบวชมีกัมมสัทธา...เชื่อกรรม วิปากสัทธา...เชื่อการส่งผลของกรรม ข้อสุดท้ายสำคัญที่สุดคือตถาคตโพธิสัทธา ถ้าคุณไม่มีศรัทธาความเชื่อในการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้านี่เจ๊งเลย เพราะว่าจะสงสัยในทุกเรื่อง แล้วก็เอาความสามารถของมนุษย์เดินดินกินข้าวแกงธรรมดา ไปเปรียบกับท่านที่ได้อภิญญาสมาบัติ จะไปเปรียบกันได้อย่างไร เหยี่ยวบินอยู่บนท้องฟ้า มดข้างล่างบอกว่ามีความสามารถเท่ากับเรา นั่นใช่หรือ ?

เถรี 03-11-2017 23:48

ถาม : (พระเจ้าอชาตศัตรูไปแย่งสมบัติโชติกเศรษฐี)
ตอบ : อันนั้นท่านกะว่าด้วยกำลังของตน พูดง่าย ๆ ว่า สามารถกระชากหลุดได้ทั้งแขน แต่ปรากฏว่าแหวนวงเดียวก็ยังถอดไม่ได้ คิดดูว่ากำลังคนกับกำลังบุญต่างกันแค่ไหน ? โชติกเศรษฐีออกปากเลยว่า "ของนี้เกิดด้วยกำลังบุญของเรา ถ้าเราไม่อนุญาต ใครก็เอาไปไม่ได้" แต่พระเจ้าอชาตศัตรูไม่ทรงเชื่อ

ถาม : ท่านบอกว่าแค่เศษด้ายในชายเสื้อคนอื่นก็เอาไปไม่ได้ ?
ตอบ : บุญใครบุญคนนั้น คุณลองไปนึกถึงแผ่นดินไหวที่เนปาล เด็กอายุ ๒ เดือนติดอยู่ใต้แผ่นดินไหว ๖ วันแต่ไม่เป็นอะไรเลย ส่วนที่ญี่ปุ่นคุณยายอายุ ๘๐ ลูกหลานตายหมด แต่คุณยายไม่เป็นอะไรเลย ถ้าไม่ได้สร้างกรรมร่วมกับเขามาก็ไม่เป็นอะไร ก็เป็นเรื่องของบุญรักษากรรมรักษาอยู่แล้ว แต่คราวนี้เขาไม่เชื่อตรงนี้ก็ไม่รู้จะว่าอย่างไร

เถรี 03-11-2017 23:51

ที่พวกคุณไปเรียนผมไม่ว่าอะไรหรอก เพราะว่าพื้นฐานของเรามี ไม่เป๋ตามเขาไปอยู่แล้ว แต่ขนาดผมเองตอนที่สอบนักธรรมเอก ถ้าออกคำถามประเภทที่เขาอธิบายผิดมา ผมจะตอบตามความเป็นจริง จะให้ผมตกก็เรื่องของเขา ยังโชคดีว่าสอบอยู่ ๓ ปี ๔ ครั้งออกตามแบบหมด ไม่มีคำถามประเภทว่าอธิบายเรื่องนรก สวรรค์ พรหม เทวดา ก็ถือว่าดวงเฮงไป ไม่อย่างนั้นแล้วแค่นักธรรมตรีก็ไม่เชื่อเรื่องผีเรื่องเทวดาแล้ว

เขาถามว่า “ฆฏิการพรหมที่นำเอาบริขาร ๘ มาถวายให้เจ้าชายสิทธัตถะตอนออกมหาภิเนษกรมณ์นั้น ท่านมีคำอธิบายว่าอย่างไร ?” เขาให้อธิบายว่าพรหมเป็นคุณสมบัติของผู้ทรงฌานทรงสมาบัติ คงจะเป็นเจ้าลัทธิใดลัทธิหนึ่งที่ได้ฌานสมาบัติ เห็นเจ้าชายสิทธัตถะออกบวช เกิดความเลื่อมใสจึงเอาบริขารมาถวาย เขาไม่เชื่อว่าพรหมมีจริง จึงอธิบายไปอย่างนั้น

แล้วผู้ที่ทำให้ไม่เชื่อหนักที่สุดคือต้นตำหรับเลย สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ท่านอธิบายอภิญญา ๖ เช่น ทิพจักขุคือเห็นได้ไกล เห็นได้ไว อย่างเช่นสมัยนี้คือบุคคลที่มีแว่นใส่ เป็นต้น ทิพโสตนั้นคือบุคคลที่มีประสาทหูดี ได้ยินได้ไกล หรือข้ออื่นท่านคิดแล้วว่าสงเคราะห์ลงเข้ากับสิ่งใด ก็สงเคราะห์เข้ากับสิ่งนั้นเถิด ของราคาเป็นร้อยล้านลดลงมาเหลือสลึงเดียว แต่เขาก็เรียนกันแบบนี้มาเป็นร้อยปีแล้ว

เถรี 05-11-2017 09:05

ถาม : เวลาที่นั่งตรงหน้าพระแบบนี้ เราก็ยังคิดตำหนิคนโน้นคนนี้อยู่ พอนึกได้ก็ว่า เราทำอย่างนี้ทำไม เป็นความชั่วชัด ๆ ไม่มีประโยชน์อะไร มีแต่โทษกับตัวเอง พอนึกได้ เลิกคิดไป ใจก็โล่งเบาสบาย... ที่นึกได้เป็นเพราะตอนนั้นเรามีสมาธิจดจ่ออยู่กับคำภาวนาบ้าง ตั้งใจฟังหรือพิจารณาพระธรรมบ้าง หรือเป็นเพราะกระแสคนรอบ ๆ ที่มาทำกุศล หรือกระแสพระ หรือเป็นเพราะอะไรคะ ?
ตอบ : เขาเรียกว่าปัญญาพอใช้งานแล้ว ถ้าปัญญายังไม่พอใช้งาน สมาธิขนาดไหนก็ยังด่าชาวบ้านเขาอยู่นั่นแหละ ศีล สมาธิ ปัญญา มีปัญญาเป็นนายท้าย คอยคุมหางเสือให้ไปได้ถูกทาง

เถรี 05-11-2017 19:41

ถาม : ขอโอวาทในการเรียนและการทำงานค่ะ ?
ตอบ : ขยัน ประหยัด ซื่อสัตย์ อดทนก็แล้วกัน ตัวอดทนสำคัญที่สุด

เถรี 06-11-2017 07:56

ถาม : คนที่ทำวิชาขึ้นนี่ จะมีแววตาบางอย่าง... บางทีก็อ่านได้ว่าทำวิชาอะไร ?
ตอบ : กำลังใจ โบราณบอกว่าตาเป็นหน้าต่างของใจ ใจเป็นอย่างไรก็ปรากฏขึ้นที่ตา

ถาม : ที่ถามนี่ เพราะเห็นจากเฟิร์สค่ะ ว่าทำวิชามหาอำนาจ ?
ตอบ : เฟิร์สหรือ ? มองไปก็เห็นแต่ตาหวานเยิ้ม ...(หัวเราะ)...

ถาม : แต่หลวงปู่หลวงพ่อที่มีวิชาเหล่านี้ กลับไม่มีแววตาลักษณะที่บอกได้เลย ?
ตอบ : รัก โลภ โกรธ หลงหมดแล้วจะเอาอะไรเล่า ?

ถาม : ถ้าทำวิชาได้แล้ว จะปิดแววตาได้ไหมคะ ?
ตอบ : ทำ...ทำถึงเมื่อไรก็เข้าใจเอง

เถรี 06-11-2017 08:04

:4672615: เก็บตกเดือนตุลาคม ๒๕๖๐ หมดแล้วค่ะ :4672615:
ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย ทาริกา คะน้า เถรี รัตนาวุธ และเผือกน้อย


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 00:40


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว