กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เก็บตกจากบ้านเติมบุญ (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=65)
-   -   เก็บตกจากบ้านเติมบุญ ต้นเดือนตุลาคม ๒๕๖๐ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=5826)

เถรี 17-10-2017 09:03

พระอาจารย์เล่าว่า "เมื่อวานนี้ตั้งแต่ตี ๔ ยันบ่าย ๒ โมง หลวงพ่อเจ้าคณะอำเภอแม่ทะท่านโทรมา จนอาตมาไม่ต้องหลับไม่ต้องนอนเลย เพราะว่าพระที่วัดรูปหนึ่งก่อเรื่อง ท่านชื่อภูผา ตอนที่ภูผาเป็นนาคอยู่เก็บอาการดีมาก พอบวชเสร็จก็ไปกะหลีกะหลอกับสามเณร อาตมาก็เลยเตือนเข้าไปแรง ๆ หวังจะให้ท่านเปลี่ยนความประพฤติ ปรากฏว่าเตือนไม่ได้ ท่านหนีออกจากวัดทั้ง ๆ ที่เพิ่งจะเข้าพรรษา คราวนี้ไปก่อกวนที่อำเภอแม่ทะ

พอเขาถามได้ความ เจ้าคณะอำเภอท่านเลยโทรมา อาตมาบอกว่า “หลวงพ่อจับสึกไปเลยครับ ผมจะจับสึก ท่านรู้ตัว...หนีออกจากวัดทั้ง ๆ ที่เพิ่งจะเข้าพรรษา” ปรากฏว่าท่านก็จับสึก บังคับให้เขาลบ Facebook ที่เอารูปพวกเณรอะไรต่อมิอะไรลงไว้เยอะแยะ เพราะว่าเขาเห็นสามเณรคนไหนหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูก็ไปถ่ายรูปเอาไว้

ปรากฏว่าภูผาทำตามโดยดีทุกอย่าง แต่หลังจากนั้น ๑ ชั่วโมงต่อมา หลวงพ่อท่านโมโหไฟแลบเลย ท่านบอกให้ลูกศิษย์ไปดู ภูผาลงรูปใหม่อีกแล้ว ท่านก็เลยโทรเช็คว่าภูผาไปทางด้านไหน ปรากฏนั่งรถทัวร์ลงมาทางแพร่ ท่านจึงบอกให้ด่านตำรวจทางหลวงที่เด่นชัยกักตัวไว้ จะไปเจรจากับเขาหน่อย ท่านถามว่า "ผมจะเล่นงานอย่างไรดี ?" ก็กราบเรียนว่า "หลวงพ่อเล่นได้เต็มที่เลยครับ เขาทำผิด พรบ. คอมพิวเตอร์แล้ว"

ท่านบอกว่าเกิดมาไม่เคยเจอใครดื้อด้านขนาดนี้ ท่านจะใช้คำว่าหน้าด้านก็ไม่ได้ ท่านใช้ภาษาแบบพระว่าดื้อด้าน ก็ขนาดอาตมาเตือนแรง ๆ ท่ามกลางสงฆ์ เขาบอกว่าหลวงพ่อประจานผม ผมจะฟ้องสำนักพุทธฯ อาตมาบอกว่า "เอ็งรีบไปฟ้องเลย สำนักพุทธฯ เขาจะได้ซ้ำอีกดอกหนึ่ง เพราะนี่เป็นหน้าที่เจ้าอาวาส"

เรื่องพวกนี้พระเราไม่สามารถที่จะคัดกรองได้ เนื่องจากว่าตอนเป็นนาคเขาเก็บอาการดีมาก แต่พอบวชพระแล้ว เห็นว่าตัวเองผ่านด่านแล้วก็ปล่อยอาการเลย"

เถรี 17-10-2017 09:06

"ยังไม่รู้เหมือนกันว่าวันนี้ท่านจะโทรมาอีกหรือเปล่า ? สงสารหลวงพ่อเจ้าคณะอำเภอจริง ๆ ท่านเพิ่งจะเกิดเรื่องไปหมาด ๆ แต่ว่าเป็นในเขตปกครอง ก็คือเลขานุการเจ้าคณะตำบลท่านหนึ่ง ไปเมาแอ่นอยู่ในตลาด เมาชนิดหลับคาโต๊ะ แล้วมีคนถ่ายรูปไปลงหนังสือพิมพ์ คราวนี้เจ้าคณะตำบลท่านซื่อมาก บอกว่าการที่กินเหล้าเป็นโลกวัชชะ เป็นแค่อาบัติปาจิตตีย์ ปลงอาบัติก็จบแล้ว คราวนี้ก็แย่เลยสิ...สื่อก็ตีตายเลย เพราะเรื่องนี้เป็นโลกวัชชะที่โลกติเตียน ในสายตาชาวบ้านหนักกว่าอาบัติปาราชิกอีก

เจ้าคณะตำบลท่านก็ว่าตามพระธรรมวินัย คนก็หาว่าไปปกป้องพวกเดียวกันเอง เจ้าคณะอำเภอท่านเลยซวยไปด้วย คราวนี้พอมาเจอเรื่องทิดภูผาไปก่อกวนงานของท่านเข้า ท่านจัดงานประจำปีอยู่ แล้วสามเณรเป็นร้อยเลย ท่านเองก็เห็นเขาเอารูปไปลงลักษณะล่อแหลม ทำให้ท่านเสียหาย จึงสั่งให้ลบ ลบเสร็จพอพ้นวัดไปก็เอาลงใหม่อีก

ท่านเพิ่งจะโดนหนังสือพิมพ์ถล่มมา เจอเรื่องนี้เข้าไปอีกก็
เลยโมโหใหญ่ ตอนแรกท่านบอกว่าท่านอยู่วัดศรีอ้วน อาตมาก็คิดว่าตูฟังผิดหรือเปล่าวะ ? ตอนหลังเลยไปหาในอินเตอร์เน็ตดู อ๋อ...อยู่วัดศรีอ้วนจริง ๆ วัดชื่อประหลาดดีเหมือนกัน"

เถรี 17-10-2017 09:08

"เพิ่งจะโดนไปดอกหนึ่งเต็ม ๆ อยู่ ๆ ก็มาโดนอีกเรื่อง เป็นเราก็คงคิดว่าปีนี้ตูพระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรกหรือเปล่าวะ ? โบราณเขาว่า ความวัวยังไม่ทันหาย ความควายก็เข้ามาแทรก

แต่เรื่องของสื่อมวลชนเราเสียอยู่อย่างหนึ่งก็คือ ตอนลงข่าวถล่มเขาเสียเต็มที่ แต่พอท่านจับเลขานุการเจ้าคณะตำบลสึก เขาไม่ลงข่าวให้ ก็กลายเป็นเสียอยู่ฝ่ายเดียวว่าพระสงฆ์ปกป้องกันเอง แล้วส่วนใหญ่แล้วพระเราก็เกรงใจเพื่อนพระด้วยกัน ว่าเขาเป็นพระอุปัชฌาย์บวชมา ก็อุตส่าห์โทรมาถามว่าจะให้จัดการอย่างไร ? อาตมาบอกว่าหลวงพ่อไม่ต้องห่วง ใส่ได้เต็มที่เลย ผมก็จะสึกแต่ดันหนีมาก่อน ตอนเช้าออกไม่บิณฑบาต ประเภทหอบของหนีไปเลย เรียกว่าไปแบบขาดพรรษา ออกจากวัดยังไม่ทันจะได้อรุณเลย"

เถรี 17-10-2017 09:11

พระอาจารย์กล่าวว่า "หลานของอาตมาคนหนึ่ง อายุขวบกว่าแล้วไม่ยอมพูด แม่เลยแนะนำให้พี่เขาเอาเขียดไปตบปาก โอ้โฮ...คราวนี้พูดไม่หยุด ไม่รู้ว่าแก้กันได้อย่างไร แสดงว่าโบราณเขาก็ช่างสังเกต ว่าเขียดร้องแอ๊ด ๆ ๆ อยู่ตลอดเวลา

แต่ว่าเรื่องหนึ่งที่หาเหตุหาผลไม่ได้ก็คือ หลานคนหนึ่งเป็นประเภทโคลิก ร้องร้อยวันพวกนั้น ร้องแล้วเบ่งท้องจนสะดือโป่งขึ้นมาเป็นลูกใสแหน็ว แม่เขาก็ตกใจ แต่คุณยายเฉยมากเลย คุณยายบอกให้ไปกลั้นใจเด็ดมะเขือเปราะมาลูกหนึ่ง มาถึงก็มาวนซ้าย ๓ รอบ แล้วก็เอาไปวางทิ้งไว้ พอมะเขือเหี่ยวสะดือก็ยุบ ที่ว่าตลกก็คือ ไม่มีเหตุไม่มีผลรองรับเลย แต่เป็นไปได้ สะดือโป่งอย่างกับลูกปิงปอง ไม่น่าที่จะยุบได้"

เถรี 17-10-2017 09:17

"มีอยู่อย่างหนึ่งก็คือ ถ้าอยู่ ๆ เด็กเจ็บไข้โดยไม่มีสาเหตุ สมัยอาตมาผู้ใหญ่เขาจะทำกระทงไปส่งที่ทางสามแพร่ง เขาบอกว่าโดนผีเกาะมา เพราะฉะนั้น...ต้องเอาข้าวปลาอาหารไปให้ผีกิน แล้วก็ขอให้ไปเสีย แปลกมากเลยทำวันนั้นก็หายวันนั้น ไม่อย่างนั้นก็หมอรักษาไปเถอะ ฉีดยากินยาเท่าไรไม่หายสักที เป็นไข้อยู่ตลอดเวลา

อาตมาเจอกับตัวเองมา ๒-๓ ครั้ง ท่านบอกว่าเด็ก ๆ รับกระแสพวกนี้ง่าย แล้วไปเล่นบริเวณที่มีพวกนี้อยู่ เขาจึงถือโอกาสทำเอา อาตมาเคยส่งกระทงหลายครั้ง ยังคิดว่าไม่น่าเป็นไปได้แต่ก็เป็นไปแล้ว เพราะว่าส่งเสร็จก็หายทันที"

เถรี 17-10-2017 20:48

พระอาจารย์เล่าว่า "ตอนไปอยู่ที่เกาะพระฤๅษีใหม่ ๆ มีอยู่คืนหนึ่งได้ยินเสียงปลา ก็สงสัยว่าพ้นยุคพ้นสมัยแล้วยังมีอีกหรือ ? ปรากฏว่าพอลงไปส่องไฟดู ปลากระสูบขีดมาเต็มลำห้วยเลย จะขึ้นมาวางไข่ เบียดกันขึ้นมาแน่นไปหมด อาตมาเห็นก็เลยเอาอาหารมาเลี้ยง ปลากระสูบเขาจะมารวมกันตอนที่วางไข่ เลิกวางไข่แล้วก็ตัวใครตัวมัน

คราวนี้พวกแก่นแก้วในหมู่บ้านสะพานลาวมาถึงก็ “อาจารย์ครับ...ขอดำปลาวันหนึ่ง” อาตมาก็ว่า "อะไรวะ ? ลำห้วยยาวตั้งหลาย ๑๐ กิโลเมตร ต้องจำเพาะเจาะจงมาขอดำปลาหน้าวัด" เขาบอกว่า “ที่อื่นผมหาหมดแล้วครับ เหลือแต่ตรงนี้” อาตมาเลยก็ให้มะเหงกไปแทน เพราะว่าเราซื้ออาหารปลาเลี้ยงทีเป็นกระสอบ ๆ จนตัวยาวเป็นแขนเลย

เวลาตัวโตมาก ๆ เกล็ดเขาจะเป็นสีเขียวอมฟ้า ก็ยังมีคนมาแนะนำอีก บอกว่าปลาพลวง ปลากระสูบ ถ้าทำกินอย่าทิ้งเกล็ดนะ เอาเกล็ดมาทอดกิน อร่อยอย่าบอกใครเลย ช่างเข้าใจหากินนะ มุ่งร้ายหมายขวัญเฉพาะที่พระเลี้ยงเอาไว้เสียด้วย"

เถรี 18-10-2017 09:22

พระอาจารย์ถามโยม "รู้ไหมว่าบรรพบุรุษแต่เดิมของเราแซ่อะไร ? (อยานนท์ค่ะ) นั่นเป็นแซ่ น่าจะเป็นแซ่เถี่ยในภาษาจีนกลาง หรือแซ่ทิในภาษาแต้จิ๋ว อย (อะ-ยะ) แปลว่าเหล็ก อานนท์คือความพอใจ ความยินดี แสดงว่ามาจากแซ่เถี่ย ที่แต้จิ๋วเรียกแซ่ทิ แปลว่าเหล็ก อย่าลืมว่า เงิน ทอง นาก เหล็ก จีนเขาเอามาเป็นแซ่หมด พอไม่มีแซ่ก็เอาประเภทช้าง ม้า ไก่ ห่าน มาเป็นแซ่

อย แปลว่า เหล็ก ที่กลอนเขาว่า ‘ผาณิตผิชิดมด ฤ จะอดบ่อาจจะมี แม่เหล็ก ฤ เหล็กดี อยยั่วก็พัวก็พัน’ (อิลราชคำฉันท์) โบราณเขาเก่ง เขารวยศัพท์ อย แปลว่า เหล็ก แม่เหล็กกับเหล็กก็ประเภทดูดติดกันเอง

อย เหล็ก, ปย น้ำนม, วย วัย, สิร หัว พวกนี้เป็นคำศัพท์ชุดเดียวกัน"

เถรี 18-10-2017 09:36

พระอาจารย์กล่าวว่า "โรงเรียนทองผาภูมิวิทยาขอความช่วยเหลือมา เนื่องจากเป็นงานใหญ่ พูดง่าย ๆ ว่าต้องปรับปรุงทั้งโรงเรียน ก็ค่อย ๆ เก็บเงินไป แล้วก็โดนโรงเรียนบ้านจันเดย์ตัดหน้าไปด้วยห้องสมุด ๑ หลัง จากโรงเรียนบ้านจันเดย์มา โรงเรียนวัดป่าถ้ำภูเตยก็มาขอห้องน้ำ ๑ ชุด ก็คิดว่าหมดแล้ว อยู่ ๆ กศน. ทองผาภูมิ ขออาคาร ๑ หลัง แล้ววันทอดผ้าป่าของ กศน. ผอ.โรงเรียนทองผาภูมิดันไป แกคงช้ำใจเป็นบ้า ขอก่อนได้ทีหลัง แล้วไม่รู้ว่าคิวไหนด้วย..!

งานใหญ่ก็ต้องรอ...ใช่ไหม ? รอกว่าเงินจะครบ งานเล็กถือว่าของเขาใช้งบน้อยกว่าก็โฉบไปเลย ตอนนี้ทางด้านโรงเรียนบ้านอู่ล่องต้องการห้องสมุดเฉลิมพระเกียรติ ๑ หลัง

อาตมาละเหนื่อยใจแทน โครงการเขาใหญ่เกิน ทำให้อาตมาต้องเสียเวลาสะสมเงิน แต่ช่วงที่สะสมเงินของเขาไม่พอ ที่อื่นเขาเห็นว่าพอ เขาก็เอาก่อนเลย"

เถรี 18-10-2017 19:09

ถาม : ช่วงกฐินผมโดนบังคับให้ไปเที่ยว ไม่ทราบว่าผมจะฝากเงินไปทำบุญดี หรือว่าควรจะมาถวายที่นี่ดีครับ ?
ตอบ : ตัดสินใจเอาเอง ทำไมไม่มีใครบังคับอาตมาไปเที่ยวบ้างวะ...!

เถรี 18-10-2017 19:38

พระอาจารย์กล่าวว่า "เรื่องของสภาพร่างกาย เป็นไปตามหลักอนิจจังที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ ก็คือ เกิดขึ้น แปรปรวน แล้วก็สลายไป ยิ่งอายุมากการแปรปรวนของธาตุขันธ์ก็ยิ่งมาก ธาตุ ๔ บกพร่องไปตามอายุ

ปีที่ผ่านมาของอาตมาธาตุดินเหลือศูนย์ ปกติขาดขนาดนั้นน่าจะตายแล้ว ยังอุตส่าห์อยู่ได้ หมอไปทำยาคูณธาตุมาให้ ฉันลงไปแล้วรู้สึกแข็งแรงขึ้นมาหน่อยหนึ่ง ปีนี้ยังไม่รู้ว่าขาดอะไรบ้าง

เดี๋ยวนี้สมุนไพรใบยาก็หายาก ป่าเขาไม่ได้เพียงลดน้อยลงเท่านั้น แม้กระทั่งพืชพรรณต่าง ๆ ก็ลดน้อยลง หายากขึ้น เมื่อวันก่อนมาถึงแวะร้านก๋วยเตี๋ยวฉันเพล ไปเจอหญ้าเกล็ดหอย ยังแปลกใจว่าร้านนี้รู้จักของดีหรือเปล่า ? ขึ้นอยู่หน้าร้านเขาเอง แล้วก็ไปหาหญ้าแพรกไว้ทำยา แถววัดกว่าจะดึงได้สักกำมือหนึ่งก็ครึ่งค่อนวัน แต่ตรงหน้าร้านตรงนั้นขยุ้มไปทีเดียวได้หนึ่งกำมือเลย"

เถรี 18-10-2017 19:44

ถาม : ควายชอบกินหญ้าแพรกหรือเปล่า ?
ตอบ : ไม่ค่อยกิน ควายอยากกินที่สุดก็คือข้าว แต่โดนห้ามทุกที ถ้าเป็นพวกหญ้าขนนี่ควายจะชอบ ลองเอาเมล็ดข้าวโพดหรือข้าวเปลือกให้ควายกินดูสิ ทุกตัวกินจนลืมตายเลย แล้วยิ่งถ้าเอาแช่น้ำเกลือสักหน่อยแล้วค่อยไปให้กิน จะยืนกินอยู่ตรงนั้นไม่ไปไหนจนกว่าจะหมด

ถาม : ม้าละคะ ?
ตอบ : ม้าก็ชอบ สมัยก่อนเวลาเขาจะเอาม้าไปแข่ง ก่อนหน้านั้น ๒ วัน เขาจะเอารากระย่อมหมักกับข้าวเปลือกแล้วก็ให้ม้ากิน ระย่อมเป็นยาพิษ ถ้าคนกินแล้วถึงตาย แต่ถ้าม้ากินจะเป็นยาถ่าย ถ่ายหมดแล้วตัวเบา ม้าจะวิ่งเร็วกว่าปกติ

ถาม : ม้ากินผลไม้ไหมคะ ?
ตอบ : กินผลไม้เกือบทุกชนิด

เถรี 18-10-2017 19:49

มีอยู่วันหนึ่งไปกราบหลวงปู่วัดเขื่อนท่าทุ่งนา ท่านมีวัวอยู่ตัวหนึ่ง ชาวบ้านเขาเอามาปล่อย ท่านก็เลี้ยงเสียอ้วน เจ้าวัวก็คงเบื่อ กินนั่นกินนี่แล้วแต่เขาจะให้ วันนั้นอาตมาไปถึง พอดีได้มะม่วงสุกไปถุงใหญ่ วัวแทบจะกินถุงลงไปด้วย แม้แต่เมล็ดก็กลืนลงไปด้วย ไม่ยอมคายเลย

ส่วนลูกวัวจามรีที่ทิเบตนั่นอาตมาเอาผัดผักไปให้กิน อาตมากินแล้วเหลือ คนทิเบตติดนิสัยคนจีนอยู่อย่างหนึ่งก็คือ ทำอาหารเลี้ยงแขกนี่จะใส่กับข้าวเต็มที่เลย ๑๐ กว่าอย่าง ไม่ใช่ว่าไม่อร่อยนะ แต่ไม่มีปัญญาจะกิน ก็เลยเอาผัดผักที่เหลือไปเลี้ยงลูกวัว กระทั่งมือลูกวัวยังจะกินลงไปด้วยเลย

พวกสัตว์เขาต้องการพวกธาตุเกลือ แต่ไม่ค่อยมีให้ ถ้าโดยธรรมชาติก็ต้องไปกินดินโป่ง คราวนี้ที่เขาอยู่กับคน ถ้าเรารู้ หาให้เขาได้ เขาก็ได้กิน ถ้าหากไม่รู้เขาก็ไม่ได้กิน คราวนี้ผัดผักมีรสเค็ม ๆ เขากินกระจายเลย เพราะฉะนั้น...ถ้าเลี้ยงวัว เลี้ยงควาย เลี้ยงกวาง เลี้ยงอะไรก็ตาม ถึงเวลาเอาเกลือละลายน้ำให้เขากินบ้าง ใส่ลงไปสัก ๔-๕ ช้อนก็ได้ ละลายน้ำสักถังหนึ่ง ส่งไปเถอะ...เขาดูดหมดถังเลย

เถรี 18-10-2017 20:01

พระอาจารย์เล่าว่า "เมื่องานนิโรธกรรมครูบาวิฑูรย์เกิดอุบัติเหตุ หลวงปู่ครูบาบุญยังตกเสลี่ยง ทหารชุดนี้ต้องบอกว่าไม่เคยแบกเสลี่ยง ยืน ขึ้นไม่พร้อมกัน พอขึ้นไม่พร้อมกันก็เอียงไปข้างหนึ่ง อาตมาเองมือไวหน่อย คว้าด้านข้างติด แต่หลวงปู่ท่านอายุมากแล้ว ปฏิกิริยาช้าหน่อยก็เลยตก แล้วที่เจ้ากรรมจริง ๆ ก็คือ เสลี่ยงของอาตมาขึ้นมาครึ่งทางแล้ว ก็เลยทำให้หลวงปู่ท่านหัวฟาดกับเสลี่ยงก่อนที่จะร่วงลงไป ต้องส่งไปโรงพยาบาล ทำ CT สแกนแล้วไม่มีอันตรายอะไร แต่หัวโนเท่าซาลาเปาลูกหนึ่ง แตกก็ไม่แตก ฉีกก็ไม่ฉีก มีแค่รอยถลอกหน่อยหนึ่ง

อาตมาก็คิดว่า เออ...เรารอดแล้ว ที่ไหนได้...กลับไปวัดล้มข้างเดียวกันเลย ขึ้นไปบนดาดฟ้าที่เป็นหมู่เรือนไทย เขาเอาสีลงไว้แทนการปูกระเบื้อง แล้วสีพวกนี้เวลาโดนน้ำฝนจะลื่นมาก ไถลล้มฟาดลงด้านเดียวกัน แต่ยังโชคดีว่าล้มเป็นก็เลยไม่เจ็บ"

เถรี 18-10-2017 20:13

"สรุปว่าถ้าเวลากรรมมาหานี่...ไม่ต้องห่วง...เขาเอาจนได้แหละ เลี่ยงอย่างไรก็เลี่ยงไม่พ้น พอดีหลวงพ่อเจ้าคุณพระสุธีวราภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดชัยนาท ท่านมาส่งฎีกานิมนต์ให้ไปพุทธาภิเษกวัตถุมงคลรุ่น ๑๑๒ ปี หลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม ช่วงเดือนมกราคม อาตมาก็เลยออกไปต้อนรับท่าน ปรากฏว่าท่านขอขึ้นไปดูหมู่เรือนไทยข้างบน พอเดินตามขึ้นไปก็ลื่นพรืด ล้มต่อหน้าต่อตา ก็ไม่มีอะไรนอกจากจีวรเปียกเพราะว่าฝนเพิ่งตกใหม่ ๆ

ยังดีว่างานของท่านวันที่ ๒๑ มกราคม แล้วงานของครูบาเหนือชัยวันที่ ๒๐ มกราคม ลงจากเชียงรายมาก็เข้าสรรค์บุรี มหาฐิติวัตร ลูกศิษย์ท่านเจ้าคุณถามว่า จะพักที่วัดพระบรมธาตุหรือว่าจะไปพักที่วัดโฆสิตาราม ท่านจะได้เตรียมที่พักไว้ให้ ก็แจ้งท่านไปว่าไม่รบกวนหรอก เพราะว่าโดยปกติแล้วแถวนั้นที่พักเยอะ ไปตรงไหนสะดวกก็พักตรงนั้นแหละ ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวจะเสียเวลาเจ้าของถิ่นต้องมานั่งรอ

พระมหาฐิติวัตรจบปริญญาเอกหลังอาตมา ๒ รุ่น ก่อนหน้านี้ก็สอนอยู่ที่วัดป่าเลไลยก์ สอนอยู่ ๕ ปี จบปริญญาเอกแล้วไม่ได้สอนต่อ กลับไปทำงานรับใช้เจ้านาย"

เถรี 18-10-2017 20:33

โยมจะไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่น "ประเทศที่ไม่น่าไปที่สุดคือญี่ปุ่น...ของแพง...เป็นระเบียบ ข้าวปลาอาหารสั่งมากินไม่อิ่มสักอย่าง ต้องบอกว่าคนญี่ปุ่นกินเหมือนแมวดม

ที่ทางเลี่ยงเมืองกาญจนบุรี มีร้านเปิดใหม่ชื่อร้านของแปลกแปลก เอาของเก่ามาวางขายเยอะแยะ จะเรียกว่าเก่าก็ไม่ใช่ แต่เป็นของที่เจ้าของสละแล้ว เดินเข้าไปดู...เกือบครึ่งร้านเป็นของที่ระลึกจากญี่ปุ่น คาดว่าเจ้าของร้านคงไปบ่อย ซื้อบ่อย จนกระทั่งในที่สุดก็สละเอามาขาย ลองนึกว่าของครึ่งร้านเป็นของจากญี่ปุ่น ถ้าเป็นเจ้าของคนเดียว ก็น่าคิดมากเลย สะสมเข้าไปได้ขนาดนั้น"


ถาม : ผมไปญี่ปุ่น บนอะไรจะให้ความคล่องตัวดีครับ ?
ตอบ : ปีนไปไหว้บนยอดภูเขาไฟฟูจิจะคล่องตัวที่สุด โดยเฉพาะต้องปีนขึ้นให้ได้ก่อนตะวันขึ้น...!

เถรี 18-10-2017 20:37

อาตมาได้ "ตุ๊กเข้" มาตัวหนึ่ง ดูหุ่นแล้วน่าจะเป็นมังกรโคโมโดมากกว่า บังเอิญว่านิ้วหายไปนิ้วหนึ่งก็เลยต่อราคาเขาจาก ๑,๕๐๐ บาท เหลือ ๑,๐๐๐ บาท แกะด้วยไม้ละเอียดดี ต้องมานั่งเสกด้วยคาถาหลวงพ่อหน่าย วัดบ้านแจ้ง "อะอิอะมะ อะมะอะอิ อะอิจะหัง อะมะสวาหะ นะมะพะทะ ปิยะธิตา มานี่มามะ" แล้วต่อด้วยเสียงจิ้งจก "จุ๊..จุ๊...จุ๊...จุ๊"

พวกเรารู้กันไหมว่าเครื่องรางยอดฮิตอย่างหนึ่งของประเทศไทย ก็คือจิ้งจกหลวงพ่อหน่าย วัดบ้านแจ้ง มีทั้งแกะจากงา แกะจากกะลาตาเดียว ท่านเสกจิ้งจก ส่วนอาตมาเสกมังกรโคโมโด ต้นตระกูลจิ้งจก..!


ถาม : จิ้งจกให้คุณด้านไหน ?
ตอบ : จิ้งจกของท่านเป็นมหาเสน่ห์ ใครเห็นใครรัก ไม่เชื่อก็ลองไปพกจิ้งจกหลวงพ่อหน่าย รับประกันว่าสละโสดไม่รู้ตัว..!

เถรี 18-10-2017 20:47

มีจิ้งจกอยู่ตัวหนึ่งที่อาตมาได้มานานที่สุด ตัวนั้นเล็กขนาดวางบนเหรียญ ๕๐ สตางค์สมัยนั้นได้ สงสัยว่าช่างแกะเกิดอารมณ์ศิลปินขึ้นมาก็เลยค่อย ๆ แกะ ยังไม่เคยเจอตัวเล็กอย่างนี้อีกเลย ใหญ่เต็มที่น่าจะประมาณแค่นี้ (ทำมือให้ดู) แต่เป็นงาแผ่นแกะ ๒ ตัวบ้าง ๓ ตัวบ้าง รุ่นหลัง ๆ มีตาฝังพลอยด้วย

ตอนช่วงนั้นก็มีหลวงพ่อหน่าย วัดบ้านแจ้ง หลวงพ่อนอ วัดกลางท่าเรือ หลวงพ่อเทียม วัดกษัตราธิราช ไปอยุธยาทีหนึ่งต้องแวะจนครบทุกสำนัก

หลวงพ่อเทียม วัดกษัตราธิราช ทำตะกรุด อิสลามรอบวัดแขวนตะกรุดหลวงพ่อเทียมกันทุกคน เขาถือว่าไม่ใช่รูปพระเขาใช้ได้ พวกนี้รู้จักของดี คืออะไรที่สร้างประโยชน์ให้ได้มุสลิมเอาหมด..!

หลวงพ่อพระเทพศีลวิสุทธิ์ ที่เราไปงานกฐินปลดหนี้ที่วัดรัตนานุภาพ (โคกโก) ท่านเองอยู่กลางชุมชนมุสลิม ถึงเวลาจัดงานวัด มุสลิมเต็มวัดเลย เขามาช่วยงาน มาทำบุญกันเป็นปกติ"

เถรี 18-10-2017 20:49

ปักษ์ใต้ของเราสมัยก่อน มุสลิมกับไทยสนิทสนมคบหาสมาคมกันเป็นเพื่อนตาย ยิ่งกว่าพี่กว่าน้องอีก เพิ่งจะมีระยะหลังที่พวกไปเรียนจบจากต่างประเทศมา แล้วมาปลุกปั่นยุยง ทำให้วัยรุ่นสมัยใหม่เกิดนึกอยากจะแยกตัวออกไปต่างหาก ก็เลยทำให้มีปัญหามาจนทุกวันนี้

อาตมาเองช่วงวัยรุ่นอยู่ตรงท้ายซอยอ่อนนุชแถว ๆ ประเวศ นั่นก็อิสลามทั้งดง ตอนที่ไปอยู่ใหม่ ๆ มีบ้านไทยแค่ ๒ หลัง คือ บ้านของพี่ชายกับบ้านของนาวาเอกจุรินทร์ที่เป็นทหารเรือ ก็อยู่กันมีความสุขดี ถึงเวลาเดือน ๔ เพื่อนอิสลามก็พาอาตมาก็ไล่กินบุญทุกบ้านเลย ชอบไปงานอิสลาม ไปแล้วเขาให้สตางค์กลับมาด้วย ไม่ต้องเอาไปช่วยเขานะ

งานกินบุญก็คือเขาตั้งใจทำบุญกันจริง ๆ โดยเฉพาะอย่างวันนี้ มีโยมถวายกุรุหม่าขาแกะมา อาตมากินกระจายด้วยความเคยชิน สมัยนั้นเจอกุรุหม่าแพะบ้าง กุรุหม่าวัวบ้าง ซุปหางวัวบ้าง ข้าวหมกไก่บ้าง กินจนชินกับอาหารแขกไปแล้ว

เถรี 19-10-2017 20:51

พูดถึงอานิสงส์การเป็นเจ้าภาพบวชพระ "ใครที่เป็นผู้หญิงบวชพระไม่ได้แล้วน้อยใจ เขาเรียกว่าคิดผิด

คนบวชถ้าทำดี ได้อานิสงส์เป็นเทวดาหรือนางฟ้า ๖๐ กัป พ่อแม่ได้ ๓๐ กัป เจ้าภาพบวชได้ ๑๕ กัป ถ้าเราเป็นเจ้าภาพบวชพระสัก ๔ รูปก็ได้เท่ากับบวชเองแล้ว งานนี้เราเป็นเจ้าภาพบวชตั้ง ๙๙ รูป

เจ้าภาพบวชพระ ๔ รูป เท่ากับคนบวชเอง คือ ๖๐ กัป ถ้า ๔๐ รูปก็ได้มากกว่า ๑๐ เท่า ๘๐ รูปได้มากกว่า ๒๐ เท่า นี่ตั้ง ๙๙ รูป ให้คูณกันเข้าไปก็จะรู้เอง"

เถรี 19-10-2017 21:01

ถาม : ทำไมอยู่ดี ๆ ก็มีความรู้สึกว่าการกระทำทุกอย่างในโลกนี้เป็นเรื่องรุนแรง แม้กระทั่งการใช้ชีวิตประจำวันตามปกติ ก็รู้สึกว่ารุนแรงเปรียบกับการฆ่ากันตายอย่างนั้น ก็เลยคิดใหม่ว่า นี่เป็นธรรมดาของโลก โลกนี้น่ากลัว ?
ตอบ : เป็นธรรมสังเวช เห็นทุกข์เห็นโทษว่าเกิดมาก็ต้องเจอแบบนี้ ขึ้นชื่อว่าการเกิดมาเจอเหตุการณ์แบบนี้จะไม่มีสำหรับเราอีกแล้ว

ถาม : ความจริงบนโลกก็คืออย่างนี้นี่เอง ?
ตอบ : ทุกอย่างเป็นของจริง แต่เพียงแต่ว่าหลักธรรมของพระพุทธเจ้าเห็นได้จริงแท้ เขาเรียกว่า ปรมัตถสัจจะ อย่างเช่นว่า ทุกอย่างไม่เที่ยง ทุกอย่างเป็นทุกข์ ทุกอย่างไม่มีอะไรยึดถือมั่นหมายเป็นตัวตนได้ อันนี้ไม่มีใครเถียงได้

นอกนั้นเป็นจริงโดยสมมติ เรียกว่า สมมติสัจจะ อย่างเช่นว่าบุคคลนี้ชื่อว่า นางสาววินิตา มณฑลโสภณ คนที่รู้จักก็ยอมรับว่า นี่คือนางสาววินิตา ก็เป็นความจริงโดยสมมติขึ้นมา แต่ถ้าตั้งชื่ออื่นก็จะสมมติเป็นชื่ออื่นไปอีก มีการเปลี่ยนแปลงได้ แต่ก็เป็นที่ยอมรับเช่นเดียวกัน


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 06:36


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว