กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เก็บตกจากบ้านเติมบุญ (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=65)
-   -   เก็บตกจากบ้านเติมบุญ ต้นเดือนมิถุนายน ๒๕๖๐ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=5646)

เถรี 12-06-2017 19:21

พระอาจารย์กล่าวว่า "อาตมามีประคำนเรศวรปราบหงสาวดี ของหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้วอยู่เส้นหนึ่ง แต่ว่าเม็ดเล็กมาก แล้วก็มีตะกรุดสอดไส้อยู่ข้างใน เป็นที่น่าเสียดายว่าเหลือแต่ตะกรุดอยู่เกือบสิบดอก ไม่ทราบเหมือนกันว่าเม็ดยาแตกไปหรือโดนคนเคาะไปกิน คือเป็นยาจินดามณีปั้นแล้วสอดไส้ตะกรุดทำเป็นประคำ ยังไม่เคยให้ใครดูเลย ต้นตำรับจากหลวงปู่บุญ เป็นยาเม็ดเล็กมาก แล้วทึ่งตรงที่ว่าท่านยังสอดไส้ตะกรุดมาได้ ก็แปลว่าหุ้มตะกรุดอยู่แค่นิดเดียวเท่านั้น"

เถรี 12-06-2017 19:21

พระอาจารย์กล่าวว่า “มีแต่คนรอไม้ถือว่าจะราคากี่แสน ทำไม่เสร็จสักทีทั้งที่ตั้งใจทำ จะทำแบบครอบจักรวาล ใช้ได้ทุกเรื่องนี่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย”

เถรี 12-06-2017 19:24

พระอาจารย์กล่าวว่า “กินยาจินดามณีไม่ได้หมายความว่าไม่ตาย แต่หมายความโรคร้ายบางอย่างที่หมอรักษาไม่ได้อาจจะหาย ร่างกายแข็งแรงขึ้น ก็น่าจะประมาณว่าแก่แล้วตายง่าย ๆ หน่อย

ปกติเขาฝนน้ำกินแค่นิดเดียว เม็ดหนึ่งกินกันเป็นปี แต่ของพวกเรานี่กินกันทั้งเม็ดเลยนะ ตำราท่านบอกว่า จะกินให้ได้ผลดีให้กินวันพระใหญ่ โดยเฉพาะมาฆบูชา วิสาขบูชา หรือลอยกระทง อาตมากินตอนเสาร์ ๕ ไป ๓ เม็ด จบไปแล้ว กินเข้าไปแล้วดันโรคพุพองออกมาซะเต็มที่เลย”

เถรี 14-06-2017 17:51

ถาม : (การต่อราคา)
ตอบ : จำไว้ว่าคนเขาจะขาย เราต้องกล้าต่อ ไปซื้อของฝากที่ร้านของรัฐบาลจีน เขาบอกว่าร้านนี้ห้ามต่อราคา ท้ายสุดประคำเทอร์คอยส์เส้นละ ๒,๓๘๐ อาตมาต่อเหลือ ๑,๗๐๐ เขาก็ยอมขายจนได้ ไม่ขายก็เรื่องของเอ็ง ข้าไม่ได้เดือดร้อน ถ้าเราไม่ได้สนใจนี่เขาจะยอมไปเอง แต่ถ้าเราทำท่าอยากได้เขาไม่ยอมหรอก ที่ขำที่สุดคือเดินออกมาข้างนอกแล้ว พนักงานขายเดินถือประคำอีกเส้นหนึ่ง ตามมาถามว่าเส้นนี้จะเอาด้วยไหม ? น่าจะเป็นเพราะว่าเขาได้ส่วนแบ่งเปอร์เซ็นต์จากค่าขาย ก็เลยอยากจะขายให้ได้มาก ๆ

ที่ตลกที่สุดก็คืออาตมาแลกเงินไป ๔,๒๐๐ หยวน ให้ลูกกิฟท์ไปเรียนซัมเมอร์ที่ฉงชิ่ง ๑,๕๐๐ หยวน ซื้อประคำเทอร์คอยส์ไป ๑,๗๐๐ หยวน ซื้อประคำเงินอีกเส้น ๑,๑๕๐ หยวน นี่ก็ เกินงบแล้วนะ แต่ตอนนี้เหลือกลับมาเกือบ ๓,๐๐๐ หยวน อะไรจะเกินได้ขนาดนั้น ขนาดค่าใช้จ่ายของวัดยังจ่ายติดลบเกินบัญชีไปสามสี่ล้าน ไม่รู้ว่าเอามาจากไหน ?


ถาม : (ไม่ชัด)
ตอบ : ไม่รู้ว่าปลอมแบบไหนเหมือนของจริงเลย ใช้งานได้ถูกต้องตามกฎหมายด้วย แบบเดียวกับแม่ของนายห้างประยงค์ ตั้งตรงจิต นอนป่วยอยู่กับเตียงแกก็ภาวนาไปเรื่อย แล้วอยู่ ๆ ก็เห็นแสงสว่างวิ่งไปในตู้เซฟซึ่งเป็นตู้เปล่าปิดทิ้งไว้เฉย ๆ ก็เลยเรียกลูกให้ไปเปิดดู มีธนบัตรใบละ ๑๐๐ บาทเป็นมัด ๆ เลย เขาปลอมได้อย่างไรขนาดนั้น ใช้งานได้ตามกฎหมายด้วย

ถาม : แล้วมีวันหมดอายุไหมคะ ?
ตอบ : ไม่มี ถ้ามาตามบุญ ไม่หมดอายุ

เถรี 14-06-2017 17:56

ถาม : พระแม่ลักษมีนี่คือ ?
ตอบ : ท่านย่า คนอื่นเรียกแม่ เราต้องเรียกย่า

เถรี 14-06-2017 18:22

พระอาจารย์กล่าวว่า “อาตมาเป็นพระรูปเดียวในวัดท่าซุงที่เวลาวัดมีงานแล้วไม่มีงานประจำ หลวงพี่วิรัชท่านก็จะขอตัวไปช่วยขายของทุกครั้ง เพราะว่าขายจนท่านหมดเนื้อหมดตัวทุกที ก็เป็นเรื่องแปลกว่าคนเขารุมซื้อกันจัง

อาตมาอาศัยจำแม่น บางทีญาติโยมขอดูลูกแก้วหลายสิบลูก ก็หยิบส่ง ๆ ให้เขา คนอื่นเขาจะส่งให้ดูทีละลูก พอถึงเวลาก็ขอของเก่าคืน แล้วค่อยเอาของใหม่ให้ไป อาตมาส่งไปสิบกว่าลูกนั่นแหละ พอถึงเวลาเขาให้คิดเงินก็บอกถูกว่าเท่าไร จำได้ว่าเขาเอาอะไรไปบ้าง ราคาเท่าไร ก็เลยจำหน่ายได้เร็ว

พระรุ่นน้อง ๆ พยายามเลียนแบบ แต่ไม่สำเร็จ อาตมาจะจำว่าหยิบออกไปแบบไหน ราคาเท่าไร แล้วก็คำนวณราคาไว้เสร็จสรรพ ถึงเวลาเขาต้องการแบบไหน คืนแบบไหนมา ก็สามารถหักกลบลบล้าง บอกราคาให้เขาได้เลย

แต่ของอย่างนี้ก็แปลก...พอจบตรงนั้นแล้วข้อมูลจะโดนลบทิ้งไปเลย ไม่เหลือไว้ในความจำ แต่อ่านหนังสือนี่กลับจำไปตลอด ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมระบบความจำแปลก ๆ อะไรที่ควรเก็บก็เก็บ อะไรที่ไม่ควรเก็บก็ลบทิ้งเองเลย หลวงพี่วิรัชท่านจึงต้องจองตัว "มาช่วยผมทุกงานนะ" ขายจนกระทั่งบางทีท่านบอกว่าเอาของออกมาจำนวนเท่านี้ อย่างไรก็ขายไม่หมดแน่นอน แต่ก็ยังขายได้หมด เพราะว่าพอขายได้เร็วคนก็แห่กันมาซื้อ”

เถรี 14-06-2017 18:24

ถาม : เวลาที่เรียนไปแล้วก็จำได้ครับ แต่ผมถึงเวลาแล้วเอามาดึงใช้ไม่ทัน ผมเลยขอวิธีที่จะเพิ่ม RAM ?
ตอบ : ถ้าจะเพิ่ม RAM ต้องฝึกสมาธิครับ สมาธิทรงตัวมากเท่าไร RAM จะบรรจุได้เยอะขึ้น เหมือนกับเพิ่มพื้นที่ใช้งาน บางทีเป็นประสบการณ์ส่วนหนึ่งว่าเคยใช้แบบนี้ พอถึงเวลาครั้งใหม่ก็ใช้ตามนั้นโดยอัตโนมัติไปเลย ฉะนั้น..บางทีเรื่องความจำอย่างเดียวไม่พอ ต้องมีทักษะ มีประสบการณ์ด้วย

เถรี 14-06-2017 18:33

ถาม : ผมตั้งใจมาขอขมาหลวงพ่อด้วยครับ เพราะช่วงหลังนี้ชอบคิดว่าหลวงพ่อจะละสังขารไปวันนี้พรุ่งนี้ครับ ?
ตอบ : ก็คิดถูกแล้วนี่

ถาม : ผมอยากให้หลวงพ่ออยู่นาน ๆ ครับ งานยังไม่เสร็จครับ ?
ตอบ : ใครว่างานไม่เสร็จ งานคนอื่นทั้งนั้น ตูมีหน้าที่ทำ เสร็จหรือไม่เสร็จก็เรื่องของท่านสิ เหมือนอย่างกับอาตมาเป็นคนรับจ้าง กินเงินรายวัน ฉะนั้น...งานเสร็จหรือไม่เสร็จไม่ได้อยู่ในความกังวล อาตมาเป็นลูกจ้างค่าแรงรายวัน จบวันหนึ่งก็รับแค่วันหนึ่ง

ความจริงโยมคิดถูกแล้ว เพราะตั้งแต่ก่อนไปทิเบตกลับมาจนบัดนี้ อาตมายังป่วยไม่หายเลย เพียงแต่ตีหน้าตายไม่รู้ไม่ชี้ไปเท่านั้นแหละ

เถรี 14-06-2017 18:35

ถาม : คำพูดหลวงพ่อชอบเป็นความจริงครับ เพราะฉะนั้นขออนุญาตให้หลวงพ่อถอนที่พูดว่า ผมต้องเกิดอีกนานได้ไหมครับ ?
ตอบ : อยู่ที่เราทำ ไม่ต้องถอนก็ไปได้ เป็นอันว่าขอให้เกิดให้น้อยที่สุดก็แล้วกัน

อาตมาไม่ยอมใช้คาถาเสกลิ้นตัวเองของหลวงพ่อวัดท่าซุง ไม่ยอมใช้คาถาปฏิภาณ ขนาดนั้นว่าอะไรก็ยังไปเรื่อยเปื่อยเหมือนกัน หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านทำแล้วต้องระวังตัวเอง อาตมาขี้เกียจระวังแบบนั้น ถ้าเผลอไปบ้วนน้ำลายลงที่สกปรกก็โดนอีก อะไรที่ยากอาตมาไม่ค่อยเรียนหรอก


ถาม : อย่าว่าแต่เป็นพระปฏิบัติเลยค่ะ ลำพังคนแก่สั่งสมบุญบารมีมาเยอะ พูดอย่างไรยังมักจะเป็นอย่างนั้นเลย ?
ตอบ : สมัยก่อนพวกเราถึงไปขอพรกัน สมัยนี้พวกเราไม่ค่อยเห็นความสำคัญของคนแก่

โบราณเขาบอกว่า “ปากคนกินพริกกินเกลือ” เพราะฉะนั้น...อย่าไปแช่งใคร ถ้าตัวเองอยู่ในฐานะที่กำลังสูงกว่า แล้วอีกฝ่ายหนึ่งกำลังใจต่ำกว่านี่บรรลัยเลย เพราะว่าถ้าสูงกับต่ำผลจะชัดเจนมาก ถ้าอยู่ระดับใกล้เคียงกันก็ยังไม่ชัดเจน

เถรี 14-06-2017 18:53

พระอาจารย์กล่าวว่า "แจ้งให้ญาติโยมทั้งหลายทราบว่า ใครจะไปเที่ยวทิเบต ถ้าอสุภกรรมฐานยังอ่อนอยู่ อย่าไปเลย ห้องส้วมที่นั่นสุดยอดจริง ๆ..!"

เถรี 14-06-2017 18:56

พระอาจารย์กล่าวว่า “ไปทิเบตคราวนี้ตั้งใจจะไปดูบรรดาร่างทอง ก็เกิดความรู้สึกว่า ไม่ว่าจะเคยเกิดมายิ่งใหญ่ขนาดไหน ถ้ายังเข้าไม่ถึงมรรคถึงผลแล้วก็ต้องเกิดมาทุกข์ใหม่อยู่ดี อาตมาไปขอคำยืนยันจากท่านอาจารย์บ๊ะมาแล้ว ถ้าอยากรู้ให้ไปถามรายละเอียดกับท่านเอง”

ถาม : กำลังจะขอคำเฉลยพอดี ?
ตอบ : รู้ไปก็เท่านั้นแหละ ไปหาเพื่อนเก่า ไปหาซากเก่า ๆ ท้ายสุดก็ได้ข้อสรุปว่า ตราบใดที่ยังเกิดอยู่ก็ยังทุกข์เหมือนเดิม

เถรี 14-06-2017 19:11

พระอาจารย์กล่าวว่า “มีคนถามว่าอาตมานั่งทำหน้าที่แบบนี้เบื่อไหม ? ถ้าตอบจริง ๆ ก็คือเลยเบื่อไปนานแล้ว เหลือแต่อยู่ก็ได้ตายก็ดี อยู่ก็ยังได้สร้างบุญสร้างบารมี ตายก็ไปตามทางของเรา”

เถรี 14-06-2017 19:12

โยมมารับวัตถุมงคลพระราหูกะลาตาเดียวหลวงพ่อปิ่น “ราหูของหลวงพ่อน้อยกับหลวงพ่อปิ่นดูลายแกะตรงหูกับลายใต้องค์ราหูที่จะไม่เหมือนกัน ส่วนลายจารไม่ต้องไปดูหรอก ท่านจารให้กันไปมาอยู่แล้ว...ดูไม่ได้ คุณอย่าไปคิดว่าเป็นของลูกศิษย์แล้วอยากได้ของอาจารย์ หลวงพ่อน้อยกับหลวงพ่อปิ่นก็เหมือนหลวงปู่บุญกับหลวงปู่เพิ่มนั่นแหละ ท่านทำได้เหมือนกัน”

เถรี 15-06-2017 19:11

ถาม : ช่วงนี้ลูกดื้อมากเลยค่ะ ?
ตอบ : ธรรมดา ปล่อยเขา อย่าไปทะเลาะกับลูกสิ บอกว่าแม่ไม่ทะเลาะด้วยแล้ว อะไรที่คิดว่าดีก็ทำไปเถอะ ถึงเวลาก็ต้องยอมรับผลการกระทำของตัวเองด้วยนะ

ถาม : เขาชอบทำอะไรแปลก ๆ ?
ตอบ : เป็นวัยต่อต้านพ่อแม่ เป็นทุกคน บอกอะไรเขาจะทำตรงกันข้ามหมด ฉะนั้น...ถ้าอยากให้เขาไปเหนือ ก็บอกว่าไปใต้ซะดี ๆ แล้วเขาจะไปตามที่เราบอกเอง

ถาม : แต่กับพ่อเขาไม่ยอมต่อต้าน กับหนูนี่ต่อต้านจริง ?
ตอบ : เขารู้ว่าคนไหนต่อต้านแล้วเขาจะไม่โดนอะไร

ถาม : บางอย่างเขาทำไม่ดี ไม่พูดก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ?
ตอบ : พูดบ้างก็ได้ ก็บ่น ๆ ไปตามเรื่องของเรา ว่าไปตามหน้าที่ ฟังหรือไม่ฟังเป็นเรื่องของเขา

เถรี 15-06-2017 22:16

พระอาจารย์กล่าวว่า "สัตว์ในฝัน ๓ ชนิด อาตมาเจอครบแล้ว เสือดาวหิมะ หมาทิเบต จามรี"

ถาม : ได้กินจามรีไหมคะ ?
ตอบ : กินไปเยอะแล้ว คนทิเบตเข้าถึงหลักของศาสนามาก เขาเลยเลือกกินสัตว์ใหญ่ไม่กินสัตว์เล็ก ถามว่าทำไมเลือกกินสัตว์ใหญ่ ไม่กินสัตว์เล็ก ? เขาบอกว่าฆ่าจามรี ๑ ชีวิตเลี้ยงได้ทั้งหมู่บ้าน แต่ถ้าเราไปกินปลาต้องใช้กี่ชีวิตกว่าจะพอ ? เขาคิดถูกนะ แต่ถ้าไม่จำเป็นจริง ๆ เขาก็ไม่ฆ่าสัตว์

ถาม : เนื้อจามรีเหมือนเนื้อวัวไหมคะ ?
ตอบ : อร่อยกว่า ไม่เหนียวเหมือนเนื้อวัว หรือไม่เขาก็ทำเก่ง ทำเป็นแกงฮังเลหรือแกงกะหรี่ เคี้ยวนุ่มจมเขี้ยวดี

พวกเราเป็นคณะทัวร์ที่หัวหน้าทัวร์เครียดมาก เพราะว่าขนอะไรไปก็ไม่กิน กินแต่อาหารพื้นเมือง กินได้ทุกอย่างไม่มีเกี่ยง กับข้าวมาเป็น ๑๐ อย่าง ก็ต้องมีที่เรากินได้สักอย่าง

เถรี 16-06-2017 17:18

พระอาจารย์กล่าวว่า "ระยะนี้เรื่องที่ดังมากคืออะไร ? ฆ่าหั่นศพใช่ไหม ? เรื่องฆ่าหั่นศพมีคำให้การที่มีจุดบกพร่องเยอะมาก ประการแรกก็คือ ผู้หญิงคนหนึ่งบีบคอผู้หญิงอีกคนหนึ่งตาย โอกาสเป็นไปได้แค่ครึ่งเดียว หมายความว่าต้องแข็งแรงกว่ากันชนิดที่สู้กันไม่ได้จริง ๆ ไม่ใช่ประเภทตัวเท่า ๆ กัน

ประการที่ ๒ คือ ตายบนรถแล้วไปเช่ารีสอร์ทหั่นศพใส่ถุง ค่อยเอาไปฝัง ทำไมไม่เอาไปฝังเสียตั้งแต่แรก ? สรุปว่าเรื่องนี้ค้นดี ๆ บางทีคดีอาจจะพลิก ตอนนี้คนที่โดนจับได้ ดูเหมือนจะโยนความผิดทุกอย่างให้กับคนที่ยังไม่โดนจับ

ในเรื่องของคดีศาลต้องตัดสินตามข้อเท็จจริง ก็คือทั้งเท็จและจริง ใครสามารถหาหลักฐานมายืนยันได้มากกว่ากัน ไม่ว่าจะฝ่ายเท็จหรือฝ่ายจริงก็ตาม ศาลต้องตัดสินตามนั้น ไม่สามารถจะดำดินตัดสินได้ว่าต้องเป็นอย่างนั้น ต้องเป็นอย่างนี้

โดยเฉพาะคดีในบ้านเรา มีบุคคลบางประเภทที่สมัยก่อนเขาใช้คำว่า "เป็นผู้ร้ายโดยสันดาน" สมัยนี้ไม่ค่อยได้ยินแล้ว คนประเภทนี้ทำความผิดโดยไม่รู้สึกว่าตัวเองผิด แบบเดียวกับ "นายหมูหยอง" ที่บอกว่า ฆ่าคนก็เหมือนกับฆ่ามดฆ่าปลา ทำไมต้องไปขอขมาด้วย ? นั่นก็คือทำผิดโดยไม่รู้สึกว่าตัวเองผิด เห็นชีวิตคนอื่นเป็นผักเป็นปลาเท่านั้นเอง"

เถรี 16-06-2017 17:21

"เรื่องเหล่านี้จะว่าไปแล้วเป็นผลผลิตจากสังคมของเราเอง เป็นสังคมที่บิดเบี้ยว ครอบครัวที่บ้านแตกสาแหรกขาด มีการใช้กำลังให้เห็นความโหดร้ายอยู่บ่อย ๆ ท้ายสุดก็กลายเป็นลัทธิเลียนแบบ พอถึงเวลาตัวเองก็ทำแบบนั้นบ้าง

อย่าหวังว่าเข้าคุกไปแล้วจะแก้ไขได้ น้อยคนนักที่จะเข็ด เข้าคุกไปกลายเป็นว่ารู้ช่องทางว่าควรจะทำอย่างไรที่จะผ่อนหนักให้เป็นเบา จะอยู่ได้สบาย กลายเป็นไปได้วิชาโจรเพิ่มเติมมาจากในคุก

สาเหตุก็มาจากการที่ข้าราชการของเราสามารถคอรัปชั่นได้ทุกสถานการณ์ ขนาดในคุกเขาใช้คูปองแทนเงินก็ยังคอรัปชั่นกันได้ โดยรับคูปองนั้นแหละแทนเงิน

โดยเฉพาะว่าโทษหนักไม่มีให้เห็น พวกเราจะสังเกตเห็นว่าตั้งแต่ออกกฎหมายใหม่ มียาบ้าในครอบครอง ๒,๐๐๐ เม็ดขึ้นโดนไปประหารชีวิต มีกี่คดีที่ได้รับการตัดสินว่าประหารชีวิต ? ไหน ๆ ๒,๐๐๐ เม็ด ขึ้นไปจะโดนประหารชีวิต ก็เลยขนทีเป็นแสนเป็นล้านเม็ด ถ้าไม่พลาดโดนประหารก็เอาทีเดียวให้คุ้ม

กลายเป็นว่ากฎหมายบ้านเราไม่ศักดิ์สิทธิ์ เพราะว่าผู้ใช้กฎหมายส่วนหนึ่งเข้าไปอยู่ในกลไกนั้นด้วย อย่างเช่นว่าจับยาบ้าได้ ๓ แสนเม็ด ก็ส่งรับรางวัล ๒ แสน เก็บไว้เอง ๑ แสน เก็บไว้เองถ้าหากว่าไม่ผ่องถ่ายออกไปจำหน่าย ก็อาจเอาไว้เป็นของกลางครั้งต่อ ๆ ไป เพื่อจะได้เป็นผลงานตัวเองอีกรอบ"

เถรี 16-06-2017 17:25

"อย่างที่เมื่อไม่นานมานี้ ตำรวจโดนไล่ออกไปทีเดียว ๕ นาย เพราะว่าเอายาเสพติดของกลางไปขาย ในเมื่อมีตัวอย่างชัดเจนในลักษณะอย่างนี้ ก็เลยกลายเป็นว่า ระบบต่าง ๆ เอื้อให้กับการเจริญเติบโตของยาเสพติดในบ้านเรา ทั้ง ๆ ที่เป็นของทำลายคนอย่างร้ายกาจ

ในพม่าโดยเฉพาะพวกว้าแดงผลิตยาบ้าเป็นปกติ แต่ห้ามขายในพม่าอย่างเด็ดขาด ถ้ามีคนพม่าติดยาบ้า คนเสพก็ตาย คนขายก็ตาย ทหารเขายิงทิ้งเลย ฉะนั้น...จะเห็นว่ายาบ้าผลิตขึ้นในพม่า แต่คนพม่าไม่ติดยาบ้า อย่างเก่งก็กินหมาก เพราะว่าไม่มีใครอยากตาย

ถามว่าทางการพม่ารู้ได้อย่างไรว่าคนนี้ซื้อยาบ้า ขายยาบ้า กินยาบ้า ? ไม่ต้องห่วง...โครงข่ายสายลับของพม่าได้รับการยกย่องว่าเก่งกาจเป็นอันดับ ๔ ของโลก เป็นรองก็แต่ CIA, KGB และ MOSSAD เท่านั้น พูดง่าย ๆ ว่าทุกหัวระแหงมีสายลับ"

เถรี 16-06-2017 17:29

"อาตมาเองไปพม่า มีโยมชาวพม่าเลื่อมใสนักหนา อยากจะไปเมืองไทย มาตามหิ้วย่ามให้เป็นเดือน ๆ มารู้ทีหลังว่าเขาเป็นรองอธิบดีกรมสืบราชการลับของพม่า เขามาสารภาพหลังจากที่เกษียณแล้ว บอกว่าเจ้านายให้มาตามเพราะว่าท่านอาจารย์เอาเงินเข้ามาเยอะ กลัวว่าเอาเงินมาสนับสนุนให้นิสิตประท้วงรัฐบาล

เขาตามอยู่เป็นปี ๆ จนเห็นว่าอาตมาเอาแต่เงินไปก่อสร้าง เขาถึงได้ไว้ใจ ลองคิดดูว่าระดับรองอธิบดีของเขา มาทำตัวเป็นศิษย์วัดคอยถือย่ามให้ เขาไม่บอกอาตมาก็ไม่รู้ ฉะนั้น...คนพม่าในปัจจุบันนี้ ถ้าอยู่ในบ้านตัวเองก็อยู่ด้วยความหวาดระแวง เพราะว่ากฎหมายของเขาดุ ทหารของเขาเอาจริง

สมัยที่อาตมาไปพม่า เงินดอลลาร์ต้องแลกในตลาดมืด เพราะถ้าแลกทั่วไปตามแหล่งท่องเที่ยวจะได้ดอลลาร์ละ ๕-๖ จั๊ตเท่านั้น แต่ถ้าแลกในตลาดมืดจะได้ดอลลาร์ละพันกว่าจั๊ต ถ้าไปเดินอยู่ตามแหล่งเที่ยว เดี๋ยว ๆ ก็จะมีคนมาสะกิดแล้วถามว่าจะแลกเงินไหม ? ถ้าบอกว่าแลก เขาจะถามก่อนว่ามีเท่าไร ? ใบใหญ่ไหม ? ถ้าใบละ ๑๐๐ ดอลลาร์ยิ่งดี เขาจะให้ราคาสูงเป็นพิเศษ

พอตกลงว่าจะแลก เขาพาเราขึ้นแท็กซี่ไปเลย ไปถึงตามจุดนัดพบที่เขาโทรบอกเพื่อน เปลี่ยนเป็นแท็กซี่อีกคันหนึ่ง เพื่อนจะพกเงินมาตามจำนวนที่เราบอก แลกกันเสร็จสรรพเรียบร้อย เขาลงจากแท็กซี่ ให้มาส่งเราที่เดิม ตัวเขาหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ ? เขาทำยิ่งกว่าสายลับอีก เพราะว่าสายลับพม่าเต็มบ้านเต็มเมืองไปหมด

ฉะนั้น...เรื่องของบรรดา "สวยสังหาร" ที่หนีข้ามไปฝั่งพม่า ป่านนี้เขารู้หมดแล้วว่าอยู่ที่ไหน เพียงแต่ว่าค่าตัวแพง ถ้าให้ตามที่เขาเรียกร้อง จะให้จับวันนี้ก็ได้ตัววันนี้เลย"

เถรี 16-06-2017 17:36

"การคอร์รัปชั่นของประเทศพม่าดุเดือดกว่าบ้านเรามาก ทหารไม่ยอมลงจากหลังเสือเพราะว่าผลประโยชน์ล้วน ๆ พม่าแบ่งหน่วยทหารออกเป็น ๑๓ กองทัพภาค แม่ทัพภาคแต่ละคนมีอำนาจในเขตของตัวเองเหมือนจ้าวประเทศราช คือจะเรียกร้องผลประโยชน์อะไรในพื้นที่นั้นได้ทั้งหมด ไม่ต้องส่งส่วนกลาง เอาเข้ากระเป๋าตัวเองได้เลย

เราจะเห็นว่าที่ระนอง
แถวเกาะสองก็ดี แถวด่านเจดีย์สามองค์ หรือแถวแม่สอด พอเปลี่ยนแม่ทัพภาคคนใหม่ ซึ่ง ๖ เดือนจะหมุนเวียนครั้งหนึ่ง เพื่อป้องกันการสร้างอิทธิพลในพื้นที่ พอเปลี่ยนคนใหม่เราก็ต้องไปทำข้อตกลงกันใหม่ ถ้าไม่สามารถให้เขาได้ตามที่เรียกร้อง เขาจะสั่งปิดด่านไปเลย

อย่างด่านเจดีย์สามองค์ปิดมาตั้งแต่สมัยนายกรัฐมนตรีทักษิณหลุดจากตำแหน่ง อย่างด่านแม่สอดพ่อค้าแม่ค้าฝั่งไทยฝั่งพม่าต้องช่วยกันเรี่ยไร ๖๐ ล้านบาทไปให้แม่ทัพภาค เขาถึงยอมเปิดตลาดให้ค้าขาย ทางด้านเกาะสอง ระนอง เรี่ยไรกัน ๓๐ ล้านบาท เพื่อขอเอาเรือไปทำประมง ปรากฏว่าไปช้า ให้ไปแค่ ๒ เดือนแม่ทัพภาคก็ย้าย คนใหม่มาบอกว่าไม่รู้เรื่องด้วย ถ้าอยากทำประมงเอามาอีก ๓๐ ล้านบาท..!"

เถรี 16-06-2017 17:39

"เหตุที่รัฐบาลกลางต้องเอาใจขนาดนั้น เพราะกลัวว่าทหารจะรวมหัวกันปฏิวัติ เลยต้องปล่อยให้เขาหาประโยชน์ให้เต็มที่ เราจะสังเกตว่าถ้ามีการทะเลาะเบาะแว้งกันระหว่างไทย-พม่าเมื่อไร คุณต่อสายตรงรัฐบาลย่างกุ้งได้ เส้นใหญ่ขนาดไหนเรื่องก็ไม่จบ แต่ถ้าคุณสามารถเข้าถึงแม่ทัพภาค คุยกันรู้เรื่อง จะจบเดี๋ยวนั้นเลย เพราะว่าแต่ละภาคของเขาไม่จำเป็นต้องฟังรัฐบาลกลาง

ดังนั้น...ถ้าอาตมาเป็นแม่ทัพภาค ๓ ที่ดูแลทางเหนือ ก็โน่นเลย เดินข้ามท่าขี้เหล็กไปจับเข่าคุยกันเลย รับประกันว่าวันเดียวรู้เรื่อง เพราะว่าทหารเขาให้เกียรติกัน เป็นการสร้างเครดิตและเส้นสายข้ามประเทศ เผื่อว่าตัวเองโดนปฏิวัติจำเป็นต้องหนี จะได้อาศัยเส้นสายในต่างประเทศหนีไปพึ่งเขาได้

ถ้าหากว่าเดินข้ามฝั่งไปคุย การจับฆาตกรฆ่าหั่นศพนี่เรื่องเล็กเลย คุยตอนนี้จบ คาดว่าอีกไม่เกิน ๒ ชั่วโมงก็ส่งผู้ร้ายข้ามฝั่งมาให้แล้ว"

เถรี 16-06-2017 19:46

มีโยมมาขอรับวัตถุมงคล พระอาจารย์กล่าวว่า "จะเล่นของแพงก็มีอยู่สองอย่าง อย่างแรกคือต้องรู้คุณค่าจริง ๆ เอาไปใช้เอง อย่างที่สองก็คือต้องมีที่ให้ผ่องถ่ายเพื่อเอากำไรได้"

เถรี 19-06-2017 08:45

พระอาจารย์กล่าวว่า "สมัยที่อาตมาเป็นเจ้าคณะตำบลชะแล เขต ๒ ประชุมลูกคณะสั่งว่าให้ตีกลองเพลทุกวัน ในช่วงเข้าพรรษาให้ตีกลองตีระฆังย่ำรุ่งย่ำค่ำทุกวัน เขาถามว่าทำไมต้องทำด้วย ? อาตมาตอบว่า “เป็นการประกาศพระศาสนาอย่างหนึ่ง คนได้ยินจะนึกถึงพระ นึกถึงวัด ต่อให้ไม่เข้าใจก็ยังคิดถึงวัดอยู่”

อย่างสมัยอยู่เกาะพระฤๅษีเปิดเสียงตามสายตามเวลา ไม่กี่วันเท่านั้นแหละ คนงานมอญพม่า ๓๐-๔๐ คนเอาเสียงตามสายของวัดเป็นหลักเลย พอเวลาเสียงตอนเที่ยงดัง เขาวางงานหมดเลย บางทีหัวหน้างานบอก “เฮ้ย...ยังไม่ได้เวลาพัก” เขาบอกว่า "เสียงหลวงพ่อดังแล้ว" เป็นเครื่องยืนยันให้เขาได้ โดยเฉพาะของเรารักษาเวลาตรงเป๊ะทุกวัน"

เถรี 19-06-2017 08:50

พระอาจารย์กล่าวว่า “วันก่อนที่วัด มีโยมคนหนึ่งไม่รู้ว่าได้เบอร์โทรศัพท์มาจากไหน โทรมาถามว่า “ท่านฉันเพลเวลาไหนเจ้าคะ ?” อาตมาได้แต่นั่งทำตาปริบ ๆ ไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไร เลยตอบว่า “ก็เวลาเพลนั่นแหละ...โยม” ไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรดี ?

บางคำถามทำให้รู้ว่าโยมห่างวัดมากเหลือเกิน ถามว่าฉันเพลเวลาไหน มีบางคนเห็นหลังเพลแล้วไปเดินตรวจวัดอยู่เขาก็ถามว่า “ท่านไม่จำวัดหรือ ?” ก็เลยบอกว่าจำได้นานแล้ว

ความจริงฐานะของพระเขายกเอาไว้เท่ากับเชื้อพระวงศ์เลยนะ เพราะว่าเป็นศากยบุตรพุทธชิโนรส เท่ากับเป็นลูกพระพุทธเจ้าที่เป็นเจ้าชาย ก็เลยมีศัพท์ต่างหากในลักษณะของราชาศัพท์ที่ใช้งานไม่เหมือนชาวบ้านทั่วไป

บางคนไม่เข้าใจ แย่งพระพูด อาตมาเจอกับตัวเอง วัยรุ่นผู้หญิงคนหนึ่งขับนิสสันมาร์ชมา น่าจะประมาณเรียนอยู่มหาวิทยาลัยหรือไม่ก็เพิ่งเรียนจบ ตั้งใจจะมาถวายสังฆทาน เจอเจ้าอาวาสพอดี เขาบอกว่า “ท่านเจ้าคะ ช่วยนิมนต์พระให้ ๕ รูปด้วยค่ะ อาตมาจะถวายสังฆทาน” เขาพูดแบบไม่มีเก้อเขินเลยนะ ท้ายสุดอาตมาก็เลยต้องเขินแทน...!"

เถรี 19-06-2017 09:57

พระอาจารย์กล่าวว่า "ญาติโยมที่อ่านบันทึกการเดินทางไปที่ต่าง ๆ จะเห็นว่า บรรดาเทวดาซึ่งจะเป็นเจ้าที่เจ้าทางหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายหน้าที่มา ให้มาช่วยอำนวยความสะดวกในการเดินทางให้ จะบอกว่าการไปทิเบตในครั้งนี้ ไม่ได้อาศัยเจ้าที่ ไม่ได้อาศัยเทวดา แต่อาศัยหลวงปู่ครูบาไชยวงศ์ เพราะว่าเคยเกิดร่วมกับท่านที่ทิเบตมาหลายชาติ ซึ่งท่านเป็นครูบาอาจารย์ คอยฝึกสอน คอยอบรมมาตลอด ก็ถือว่าหลวงปู่ท่านเป็นเจ้าของพื้นที่

อาตมาเองก็ไปในฐานะลูกศิษย์ของท่าน จึงได้รับความสะดวกสบายอย่างที่นึกไม่ถึง โดยเฉพาะในเรื่องของอากาศ เพราะว่าถ้าดูอุณหภูมิเฉลี่ยช่วงเดือนพฤษภาคมของทิเบตอยู่ที่ ๕ - ๗ องศาเซลเซียส แต่ว่าตอนที่อาตมาไปถึง อากาศ ๑๙ องศาเซลเซียส อากาศใกล้เคียงกับทองผาภูมิมาก ตลอดระยะเวลาที่อยู่ที่ทิเบต อากาศก็อยู่ที่ ๑๘ - ๑๙ องศาเซลเซียสทุกวัน

ทันทีที่ลงมาซีหนิงโยมเปิดอินเตอร์เน็ตดู
ปรากฏว่าอากาศที่ทิเบตลดลงไปเหลือ ๑๑ องศาเซลเซียสแล้ว ยังไม่รู้เลยว่าตอนที่กลับมาเมืองไทยแล้วเหลือเท่าไร ?

มีญาติโยมบางท่านบอกอาตมาไปไหน ไปทำเขาเสียของอยู่เสมอ ขอยืนยันว่าอาตมาไม่ได้ทำ อาตมามีหน้าที่แค่ไป ที่ทำให้เสียของก็เป็นความเมตตาของบรรดาเจ้าที่หรือท่านที่มาสงเคราะห์"

เถรี 19-06-2017 16:12

ถาม : ถ้าเรามีอะไรกับแฟน เราผิดศีลไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าไม่ได้รับอนุญาต ผิดทุกรูปแบบ

ถาม : มีลักษณะความผิดแบบหยาบ กลาง ละเอียด ไหมครับ ?
ตอบ : ผิดทุกระดับ

เถรี 19-06-2017 16:16

ถาม : คำว่า โสรัจจะ หมายความว่า เรามีหน้าตาแช่มชื่นแจ่มใสหรือครับ ?
ตอบ : ไม่ได้เกี่ยว โสรัจจะ เป็นความสงบเสงี่ยมเจียมตน เหมือนเป็นผู้น้อยอยู่ใต้ชายคาบ้านเขา ไม่ก้มหัวให้เขาก็ไม่ได้ พูดง่าย ๆ คือมีความอดทนอดกลั้นจนเป็นปกติ ในเมื่ออดทนอดกลั้นจนเป็นปกติ ก็กลายเป็นบุคลิกลักษณะเฉพาะตน

ถาม : อย่างขันติล่ะครับ ?
ตอบ : ขันติ อดทนต่อความยากลำบาก โสรัจจะ ส่วนใหญ่จะอดทนต่อแรงกดดันที่มีต่อตัวเองหรือภายในใจ เอาเป็นว่าถ้าให้คุณสงบปากสงบคำได้ ก็เรียกว่าโสรัจจะ คุณต้องทนมากไหมล่ะ ?

ถาม : ผมก็คิดว่าหน้าตาแช่มชื่นแจ่มใส ?
ตอบ : โบราณเขาเรียกว่าน้ำขุ่นอยู่ใน น้ำใสอยู่นอก ทำไปแล้วเกิดประโยชน์มากกว่าโทษ ถ้าไม่ไปชักสีหน้าใส่คนอื่นเขา ก็ไม่ต้องสร้างศัตรู

เถรี 19-06-2017 20:09

ถาม : การเจริญปัญญาจะมีหัวข้อที่ผมคุ้นเคย เช่น หลักไตรลักษณ์ การพิจารณาขันธ์ ๕ มีหัวข้อเยอะ ผมควรจะเอาอันไหนเป็นหัวข้อหลักครับ ?
ตอบ : ข้อไหนข้อหนึ่งก็ได้ ให้ทำจริง ๆ ละเอียดขึ้นไปถึงที่สุดก็จบได้เหมือนกัน

เถรี 19-06-2017 20:14

ถาม : วิธีการตัดขันธ์ ๕ ในชีวิตประจำวัน หรือมีเหตุการณ์อะไรเข้ามา พอจะยกตัวอย่างได้ไหมครับ ?
ตอบ : ไม่จำเป็นต้องยกตัวอย่าง เจออะไรไม่ดีก็ให้รู้ว่าที่มาเจอเพราะว่าเราเกิดมามีร่างกายนี้ ถ้าไม่เกิดมาอย่างนี้ก็ไม่ต้องเจอ

ถาม : อย่างนี้การพิจารณาร่างกาย ก็คือพิจารณารูปขันธ์ ?
ตอบ : ใช้คำว่ารูป คำว่าขันธ์เอาไปทำส้นอะไร ? ใช้ตัวมึงนั่นแหละ..!

เถรี 19-06-2017 20:19

มีโยมเอารูปพระอาจารย์มาถวาย ท่านจึงกล่าวว่า "เอากลับไปแล้วอย่าทำมาอีก อาตมาไม่เคยอนุญาตให้ใครทำรูปตัวเอง มีประกาศไว้ชัดเจนในเว็บวัดท่าขนุน"

เถรี 19-06-2017 20:23

ถาม : การพิจารณาขันธ์ ๕ ?
ตอบ : ทุกอย่างเป็นทุกข์ ไม่มีอะไรเป็นเราเป็นของเรา ก็แค่นั้นเอง

ถาม : แค่นี้หรือครับ ?
ตอบ : แล้วจะเอาอะไรอีกวะ ?

ถาม : แล้วรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ?
ตอบ : รวมแล้วเป็นตัวเอ็งตัวนี้ไหม ?

เถรี 19-06-2017 20:44

ถาม : การที่เราจะบรรลุธรรมได้ ถือศีลอย่างเดียวได้ไหมครับ ?
ตอบ : ศีล สมาธิ ปัญญา ไม่มีทางอื่น ไม่มีการต่อรอง

ถาม : ไม่ว่าจะเป็นสายที่...?
ตอบ : สายไหนก็ต้องผ่านตรงนี้ทั้งนั้น ไม่ครบไม่จบ..!

เถรี 19-06-2017 21:01

ถาม : ผมไม่แน่ใจว่าเป็นกรรมอะไร มีปัญหากับ.... ?
ตอบ : ไปสนใจทำไมว่ากรรมอะไร ?

ถาม : ต้องแก้ไขอย่างไรครับ ?
ตอบ : เรื่องกรรมเก่าแก้ไม่ได้อยู่แล้ว ทำกรรมใหม่ให้ดีไว้ เดี๋ยวก็ดีไปเอง

ถาม : ศีล สมาธิ ปัญญา หรือครับ ?
ตอบ : ใช่...เป็นบุญใหญ่ที่สุด ที่จะช่วยให้กรรมบรรเทาลงได้ง่ายที่สุด

เถรี 19-06-2017 21:13

ถาม : ....(ไม่ชัด).....
ตอบ : ถ้าเอาเวลาที่นั่งคิดคำถามไปภาวนา ตอนนี้ถ้าไม่บรรลุก็ใกล้เคียงแล้ว...!

ถาม : ถ้าเรายังขยันในพุทธานุสติ ธัมมานุสติ สังฆานุสติ ...(ไม่ชัด)...
ตอบ : เหมือนกับคนอยู่กลางทะเล กูก็ลอยคออยู่เฉย ๆ ไม่คิดจะไปไหน ก็มีแต่จะจมตายไม่ช้าก็เร็ว เปลี่ยนความคิดไปเป็นการกระทำซะ จะได้เห็นผล

เถรี 20-06-2017 22:19

ถาม : ถ้าผมจะนำเงินในบาตรวิระทะโยมาบูชาวัตถุมงคลจะได้ไหมครับ ?
ตอบ : ผิดเจตนา เพราะว่าเงินวิระทะโยหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านให้เป็นค่าอาหารพระ แต่ถ้าตราบใดที่ยังเป็นเงินเราอยู่ก็เป็นสิทธิ์ของเราในการใช้ แต่ถ้าหากว่าไม่ทำผิดได้ก็จะดี

เถรี 21-06-2017 08:34

ถาม : เฉโก แปลว่าอะไรคะ ?
ตอบ : เฉโกแปลว่าฉลาด แต่ว่าเป็นความฉลาดแบบแกมโกง

ถาม : เป็นภาษาอะไรคะ ?
ตอบ : เป็นภาษาบาลี เฉโก กุสโล โกวิโท แปลว่าฉลาดเหมือนกัน แต่ฉลาดคนละอย่าง กุสโลคือฉลาดในการทำความดี เฉโกคือฉลาดในการทำความชั่ว โกวิโทคือฉลาดในการใช้ปัญญามองเห็นเหตุการณ์ต่าง ๆ อย่างกระจ่างแจ้ง ฟังแล้วก็ไม่เข้าใจใช่ไหม ?

ถาม : กำลังเลือกว่าอยู่สามอย่าง จะเป็นแบบไหนดีคะ ?
ตอบ : ไม่ต้องเลือกหรอก ทุกคนมีทุกอย่างนั่นแหละ เพียงแต่จะเลือกใช้ในสถานการณ์ไหน

เถรี 21-06-2017 08:44

ถาม : กราบลาครับ เดี๋ยวจะไปทำพิธีถอนอาถรรพ์เมรุครับ จะรื้อสร้างใหม่ ?
ตอบ : เป็นคนอื่นเขากลัวเผ่นกันหมดแล้ว ใช้คาถาถอนโบสถ์นะ ถ้าชอบแบบลำบากก็น้ำมนต์ธรณีสาร

เถรี 21-06-2017 10:11

พระอาจารย์ให้โอวาทพระที่ไปปฏิบัติศาสนกิจที่ต่างประเทศมา "มีอยู่ส่วนหนึ่งที่วัดไหน ๆ ก็มีเหมือนกันก็คือการกระทบกระทั่งกันเอง ตัวกระทบกระทั่งกันเองบางทีเจ้านายต้องไม่รู้ไม่ชี้ ต้องบอกว่า "แกล้งโง่ไม่เป็นก็เป็นใหญ่ไม่ได้" พอมีการกระทบกระทั่งก็เป็นหน้าที่ของ ๒ คน ต้องไปเคลียร์กันเอง ถ้าไม่ทำให้งานส่วนรวมเสีย คนเป็นเจ้านายก็ต้องทำไม่รู้ไม่ชี้

แต่บางทีเราอาจจะคิดว่าอะไรวะ ? ทำไมเจ้านายไม่ช่วยเราเลย...ไม่ใช่นะ ถ้าท่านลงมาจะกลายเป็นเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เรื่องแบบนี้ถ้าเราไม่เข้าใจก็กลายเป็นน้อยใจไปเลย จำไว้ว่า “ไม้สูงกว่าแม่ มักแพ้ลมบน” เด่นขึ้นมาเมื่อไรโดนทุกทีแหละ แต่จำเป็นต้องเสียสละ อย่างที่ภาษิตจีนเขาบอก “เราไม่ลงนรกแล้วใครจะลงนรก” ไม่อย่างนั้นก็ไม่มีคนทำงาน

ผมเองสมัยอยู่วัดท่าซุงผมเก็บของรอเลย วันไหนโดนไล่ออกก็พร้อมที่จะไปอย่างเต็มใจเลย แต่ตอนนี้ขอทำให้เต็มที่ก่อน ของบางอย่างต้องการคนเสียสละ ไม่อย่างนั้นมัวแต่ รักษาตัวเองอยู่ ไม่กล้าชน งานส่วนกลางก็ไปไม่ได้ ต้องไปชนเอง ไม่อย่างนั้นที่ผมพูดมาบางทียังไม่เข้าใจหรอก"

เถรี 21-06-2017 16:50

ถาม : ทำอะไรไม่ค่อยได้ดี จนรู้สึกว่าเราต้องเสียสละอย่างเดียว ?
ตอบ : ธรรมดา ค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไป เดี๋ยวสละมาก ๆ เข้าก็ได้ไปเอง แรก ๆ ก็ยัง “เสียสละ” อยู่ พอทำใจได้ก็เหลือแค่ “สละ” คำว่า “เสีย” หายไป พอทำใจได้มากกว่านั้นคำว่า “สละ” ส.เสือก็หล่นหายไปเหลือแต่ “ละ” อย่างเดียวแล้ว

เหมือนกับผม พอถึงเวลาเจ้าคณะอำเภอก็บอก “เออ...เดี๋ยวอาจารย์เล็กจะให้เป็นตำแหน่งนี้นะ” ความจริงแล้วท่านบอกเพื่อให้ผมเฉย ไม่ให้ไปขัดขวางท่าน แล้วท่านก็ตั้งคนอื่นขึ้นไปแทน ผมก็หัวเราะ “เป็นเมื่อไรก็เหนื่อยตายห่... กูไม่ได้อยากเป็นสักหน่อย” จนทุกวันนี้ท่านก็สงสัยว่า อะไรวะ ? ไม่ค้านยังไม่พอ ยังสนับสนุนอีกต่างหาก ใช่...ดันคนอื่นไปเหนื่อยแทนเรา สบายกว่ากันตั้งเยอะ
ต้องคิดแบบพระ ก็คือ เราเกิดมาไม่มีอะไร ไม่ได้มาก็เสมอตัว ได้มาก็เป็นกำไรทุกอย่าง

ทำงานแบบนี้มีความดีอยู่อย่างหนึ่ง คือ เห็นกิเลสตัวเอง คราวนี้ก็อยู่ที่ฝีมือว่าเราจะควบคุมมันได้เท่าไร รัก โลภ โกรธ หลง เป็นเรื่องปกติ เพียงแต่ว่าคุมให้อยู่ในมือเรา อย่าให้มันนำเรา

เถรี 21-06-2017 17:00

ถาม : อาวุโสมากขึ้น ภาระงานก็มากตามไปด้วย ?
ตอบ : อาวุโสได้ก็ต้องเป็นแบบนั้น ต่อไปมีอะไรก็ช่วยหลวงพ่อท่านดูแล ไม่ต้องให้สั่งหรอก โดยเฉพาะการดูแลพระใหม่ ๆ ทำไปเถอะ ตรงนั้นได้ใจคน คือเขาเห็นเราอนุเคราะห์สงเคราะห์ช่วยเหลือเขา ต่อไปเราลำบากอะไร ดีไม่ดีเขาก็ช่วยเราคืนมา ประเภทหนูช่วยราชสีห์

อีกอย่างคือ เป็นงานที่ทำเพื่อพระศาสนา เราไปสงเคราะห์พระใหม่ให้เขาทำตัวสมกับเป็นพระ คนเห็นก็มีศรัทธาเลื่อมใส ศาสนาก็เจริญรุ่งเรือง บางทีเราอาจจะเห็นว่าเป็นงานเล็ก ๆ แต่ไม่ใช่หรอก...เป็นงานใหญ่มาก เพียงแต่ต้องระวังอยู่อย่างหนึ่งก็คือ อย่าไปยุ่งกับเขามากจนเขาเสียความเป็นส่วนตัว ถ้าเขาเสียความเป็นส่วนตัว คนจะเกลียดขี้หน้าเรามากกว่า


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 14:56


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว