กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เก็บตกจากบ้านเติมบุญ (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=65)
-   -   เก็บตกจากบ้านเติมบุญ ต้นเดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๒ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=6823)

เถรี 20-11-2019 08:08

สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติส่งเอกสารไปแล้ว ยืนยันวันเวลาในการรับพัด แล้วก็บอกว่าต้องเอาเอกสารไปยืนยันตัวด้วย และเอาพัดเก่าไปคืนถึงจะได้พัดใหม่

ตอนช่วงนั้นพอดีว่าขึ้นเป็นเจ้าคณะตำบล ปกติจากเจ้าอาวาสขึ้นเป็นเจ้าคณะตำบล ถ้าไม่ได้อยู่ในช่วงพระราชทานสมณศักดิ์ เขาจะใช้วิธีปรับเลื่อนอัตโนมัติ ก็คือขอให้ทางสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติจัดการให้ แต่คราวนี้พอปรับเลื่อนแล้วก็ต้องไปตามกติกาเขา ก็คือว่าต้องหยุด ๓ ปี ๕ ปีตามแต่ตำแหน่งตัวเอง เว้นไป ๓ ปี ๕ ปีถึงขอได้ อาตมาก็ว่าอีกปีเดียวเราจะครบ ๕ ปี ถ้าอยู่ ๆ เลื่อนแล้วหยุดไปอีก ๓ ปีก็จะนาน ก็เลยบอกเขาว่าอย่างนั้นไม่เอา ยังไม่เอาเจ้าคณะตำบลชั้นโท ขอเป็นเจ้าอาวาสชั้นโทอย่างนี้แหละ แล้วไปปรับเลื่อนตอนครบ ๕ ปีแทน

ปรากฏว่าพอครบ ๕ ปี ปี ๒๕๕๙ ขอไปแล้วเงียบไปเลย ก็คิดว่าไม่ได้แล้ว ปรากฏว่าอยู่ ๆ หลุดออกมา ได้เยอะกว่าที่คิดอีกด้วย ตอนนี้ทางทองผาภูมิทั้งอำเภออาตมาแค่นั่งถัดจากเจ้าคณะอำเภอกับท่านอาจารย์มหาวริศ อาจารย์มหาวริศท่านเป็นเปรียญธรรม ๕ ประโยค เป็นเจ้าคณะตำบลด้วย ได้เทียบเท่าผู้ช่วยเจ้าอาวาสพระรามหลวงชั้นพิเศษ ท่านนั่งเหนือกว่าหนึ่งตำแหน่ง

เถรี 20-11-2019 08:12

ถาม : ในระบอบการปกครอง การมีตำแหน่งทำให้งานสะดวกขึ้นไหมคะ ?
ตอบ : ถ้าสำหรับคนที่ไม่ไปเมายศเมาตำแหน่ง จะได้รับความสะดวกขึ้นเยอะ เพราะว่าคนอื่นเขาเกรงใจ แบบเดียวกับหลวงพ่อนิล ท่านบอกว่าผมเป็นพระธวัชชัย ไปไม่มีใครเห็นหัวเลย คราวนี้เป็นพระครูวินัยธรคนเริ่มมองเห็นแล้ว

อาตมาเห็นว่าท่านเป็นคนทำงาน อย่างครูบาหน่อแก้วฟ้าก็เช่นกัน ก็เลยขอหลวงพ่อจังหวัด...ขอฐานานุกรมให้ท่าน เป็นการขอข้ามจังหวัด ซึ่งปกติขอยากมาก แล้วหลวงพ่อจังหวัดท่านบอกไว้แล้ว ท่านบอกว่า "อาจารย์เล็กไม่เคยขอให้ตัวเองเลย...เพราะฉะนั้น..ผมให้"

เถรี 20-11-2019 08:22

ต้องบอกว่าเป็นวาระพิเศษที่ในหลวงรัชกาลที่ ๑๐ ทรงครองราชย์ พระองค์ท่านถึงถวายตำแหน่งให้ เป็นไปตามพระราชประเพณีโบราณ สรุปว่ายังดวงเฮงอยู่ ไม่อย่างนั้นก็ติดอยู่แค่นั้น คราวนี้ที่ติดอยู่ของอาตมา ก็เป็นพระครูสัญญาบัตรไปแล้ว คนที่เขาติดโดยที่ไม่มีอะไรให้เลยนี่น่าสงสาร

หลายท่านก็ยังต้องอาศัยตรงนี้ เพราะว่าเวลาญาติโยมเขาเห็นครูบาอาจารย์ตัวเองได้แล้วก็จะรู้สึกดีใจ ตื่นเต้น ปลื้มใจ แล้วอาตมาก็เหมือนเดิม ไปรับพัดก็ไปแค่ ๒ คน ไม่มีขบวนแห่ ไม่มีอะไรกับใครทั้งนั้น รับเสร็จก็เผ่นเลย ถามว่าทำไมรีบไป ? ช้าไม่ได้ ถ้ารถคนอื่นออกเมื่อไรเราจะออกไม่ได้เลย เพราะว่าบางคนมานี่รถบัส ๓๐ คันอะไรแบบนี้ ก็คือลูกศิษย์เขาประเภทมายินดีกับพระอาจารย์ ของอ
ตมาถ้าคนไปเยอะ ๆ แล้วรำคาญ ไม่ว่าจะรับอะไรก็ไปคนเดียวหรือไม่ก็ไป ๒ คนเท่านั้น ไม่เกินนั้น บางคนก็ถามไม่มีลูกศิษย์มาเลยหรือ ? บอกว่าไม่มี รำคาญตอนเขาตามไม่ทัน

เถรี 20-11-2019 08:26

พระอาจารย์เล่าว่า "มีอยู่ช่วงหนึ่งที่ไปเมืองจีน คุณตั้วหัวหน้าทัวร์เขาเป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เอ ก็ติดพวกเรามา กลางคืนนอนรู้สึกว่าเตียงหมุน ๆ แสดงว่ายากดประสาท ท่าน อาจารย์บ๊ะตอนนี้ก็แย่เลย รักษาคนอื่นแล้วก็โดนเสียเอง ช่วงนี้เลยไม่กล้าไปรบกวนท่าน อาจจะเป็นเพราะบารมีท้าวแสนโกฏิที่ป้าจี๋ (วินิตา) ถวายไปก็ได้ ไปเมืองจีนเที่ยวนี้ก็เลยไม่ได้ป่วยหนักเหมือนทุกครั้ง ปกติกลับมาจะป่วยแย่ไปเลย หรือหลวงพ่อไห่ทงท่านเอาอยู่ก็ไม่รู้ อาตมาขอท่านแล้วว่ากลับมาขอให้ทำงานได้

ความจริงอาจารย์บ๊ะท่านชื่อบะ คนไทยออกเสียงไม่ถนัดกลายเป็นบ๊ะ บะแปลว่าเนื้อ ตือบะก็เนื้อหมู โกยบะก็เนื้อไก่ ฮื้อบะก็เนื้อปลา แต่ถ้าจีนกลางออกเสียงโร่ว งู้บะเนื้อวัว ไปถึงเมืองจีนกลายเป็นหนิวโร่ว ภาษาจีนกลางออกเสียงคนละอย่างกัน"


เถรี 20-11-2019 08:54

มีคนมาขอความรู้เรื่องเลขยันต์ "เรื่องเลขเรื่องยันต์เป็นเรื่องแปลกมาก อาตมาไม่ได้คิดจะศึกษา แต่พอมองแล้วเข้าใจว่าคืออะไร แล้วก็ทำได้ ก็เลยงง ๆ อยู่เหมือนกัน พอไปถามหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอก “ของเก่ามีเยอะ ของเก่าตามมา”

เถรี 20-11-2019 08:58

ถาม : ถ้าวางอักขระเรียงสลับที่กันจะมีผลไหมคะ ?
ตอบ : สำคัญตรงใจของเรา ก็คือถ้าใจมุ่งด้านไหนก็จะไปด้านนั้น เพียงแต่ว่าถ้าหากว่าถูกต้องก็จะดีกว่า แต่ถ้าคนที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย
จะทำพวกนี้ได้ขึ้นที่สุด คนรู้มากนี่ไม่ค่อยได้เรื่อง เพราะว่ารู้มากแล้วไปเห็นว่าผิด

เถรี 20-11-2019 09:15

ถาม : ตอนนี้เรียนหนังสืออยู่ จะต้องสอบให้ผ่าน มีอะไรแนะนำไหมคะ ?
ตอบ : ไปภาวนาคาถาท่านปู่พระอินทร์เยอะ ๆ เคยได้ยินไหม ? คาถาสหัสสเนตโต เทวินโท ทิพจักขุง วิโสธายิ บางคนเรียกว่าคาถาตาทิพย์ จะช่วยให้เข้าใจบทเรียนและอะไรต่อมิอะไรได้ดีขึ้น

อาตมาเรียนปริญญาเอกไม่ครบ ๓ ปีเสียด้วยซ้ำ โดนเขาไล่ให้จบเพราะว่าเก่งเกิน ตอนแรกอาจารย์บอกว่าเป็นตายถ้าไม่ครบ ๓ ปีก็ไม่ให้สอบ ปรากฏว่าพอเข็นรุ่นพี่ไม่ไปเลยมาเข็นอาตมาแทน วันก่อนเจอกันในงานวางศิลาฤกษ์วิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรี ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดก็ชมให้ท่านรองอธิการบดีฟัง ท่านรองอธิการบดีก็ชมให้ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดฟัง ก็เลยต่างคนต่างชมกัน อาตมา
ก็ฟังไปเต็ม ๒ รูหู ตกลงว่าตอนเรียนอยู่นี่เคี่ยวเข็ญอาตมาเสียปางตาย ตอนนี้มาแย่งกันชม

เถรี 20-11-2019 09:24

พระอาจารย์กล่าวว่า "ในมหาปุริสวิตก ๘ ประการของพระอนุรุทธ มีอยู่ข้อหนึ่งว่า ‘บุคคลผู้มีสติตั้งมั่น ย่อมระลึกถึงเรื่องที่ผ่านไปแล้วนาน’ แปลว่านึกได้ นานแค่ไหนก็นึกได้ ที่เขียนบันทึกการเดินทาง บางคนบอกว่าทำไมรายละเอียดมาก เพราะว่านึกย้อนหลังไปแล้วก็นึกได้ เท่ากับเป็นการซ้อมอตีตังสญาณไปด้วย"

เถรี 20-11-2019 09:27

พระอาจารย์กล่าวว่า "ซื้อของต่างประเทศอย่ากลัวเขาด่า ต่อราคาให้ต่ำติดดินไปเลย โดยเฉพาะประเทศที่บอกผ่านมาก ๆ อย่างอินเดีย กระเป๋าใบละ ๑,๕๐๐ รูปี คนโน้นก็จะเอา คนนี้ก็จะเอา ต่อไปต่อมาเหลือ ๑,๒๐๐ พอกระโดดขึ้นรถ ๒๐๐ ก็ให้ ถ้าซื้อของที่ประเทศอินเดียให้ซื้อตอนที่รถกำลังจะออก

ไปเมืองจีนงวดก่อนโน้น จำได้ว่าเขาพาไปซื้อเสื้อขนชามัวร์ ๑,๕๐๐ หยวน คือต่อราคาเหลือแค่นั้น พอซื้อมาแล้วแท็กซี่เขาบอกว่า ถ้าให้เขาซื้อก็แค่ ๒๐๐ หยวนเท่านั้น"

เถรี 20-11-2019 09:33

พระอาจารย์กล่าวว่า "ตอนนี้ประเทศฮ่องกงจากเศรษฐกิจรุ่ง ๆ อยู่ในระดับต้น ๆ ของโลก กลายเป็นดิ่งเหวไปเลย ฮ่องกงออกธนบัตรโดยธนาคาร ๔-๕ แห่ง แล้วรัฐบาลรับประกันเป็นธนบัตรที่ชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย บางทีเราเห็นเงินฮ่องกงแล้วจะสงสัยว่าทำไมธนาคารโน้นออกได้ ธนาคารนี้ออกได้ ก็เพราะว่าสภาพคล่องของธนาคาร แล้วก็ความน่าเชื่อถือมีมาก ถึงขนาดสามารถออกธนบัตรเองได้

คราวนี้พอโดนประท้วงก็เละเทะไม่เป็นท่า ภาษิตจีนบอกว่า ยกหินทุ่มใส่เท้าตัวเอง ยกก้อนหินแทนที่จะไปขว้างหัวคนอื่น แต่กลายเป็นทุ่มใส่เท้าตัวเอง...เจ็บเอง เกิดจากคนฮ่องกงคนหนึ่งก่อคดีฆาตกรรม แต่ดันทะลึ่งไปมอบตัวกับรัฐบาลไต้หวัน จีนก็เลยต้องออกกฎหมายส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน ปรากฏว่าคนฮ่องกงถือตรงนี้เป็นจุดไม่พอใจ แล้วประท้วงกันจนเละเทะไปทั้งประเทศ อีกอย่างหนึ่งก็ต้องบอกว่าคนที่ไปมอบตัวก็ไม่รู้จักตาย ไต้หวันเองก็จะเอาตัวไม่รอดอยู่แล้ว รัฐบาลไต้หวันถ้าไม่ใช่คิดจะลองของก็คงไม่กล้ารับเอาไว้ ตอนนี้ก็เลยกลายเป็นว่ารัฐบาลไต้หวันรับเผือกร้อนเอาไว้ในมือ"

เถรี 20-11-2019 09:35

"เด็กรุ่นหลังไม่เคยกินเผือกต้ม เผือกเผา ไม่รู้หรอกว่าร้อนอย่างไร ดูเหมือนไม่มีอะไรแต่อมความร้อนไว้ได้สูงมาก ถือไว้ในมือจะโยนต่อให้คนอื่นก็ไม่มีใครรับ

เรื่องพวกนี้เป็นการเมืองระหว่างประเทศที่มีความละเอียดอ่อนมาก ต้องใช้ความระมัดระวังในการดำเนินการอย่างรอบคอบ อย่างรัฐบาลของเราพอจะแบนสารพิษ ๓-๔ ตัว เราจะเห็นว่ารัฐบาลต่างประเทศก็จะป้องกัน หรือว่าปกป้องบริษัทของประเทศเขา หรือคนของเขาทันที โดยการตัดสิทธิพิเศษทางภาษีของประเทศเรา ก็ต้องหาอะไรที่มีกำลังเพียงพอที่จะไปต่อรองเขา ไม่ใช่ว่าอนุญาตให้เขาส่งถั่วเหลืองเข้ามา หรือว่าส่งหมูเนื้อแดงเข้ามา ไอ้นั่นมันบ้า..! อะไรที่ห้ามแล้วเราไปอนุญาต แล้วต่อไปจะห้าม
เขาอย่างไร ?"

เถรี 20-11-2019 09:43

"เมื่อเห็นรัฐบาลของเราทำงานกันอย่างกับเด็กหัดใหม่ อาตมาก็กลุ้ม เรื่องที่จะต่อรองกับเขามีเยอะแยะไป โดยเฉพาะความร่วมมือทางการทหาร ที่ระยะหลังเขากลัวว่าเราจะไปร่วมมือกับจีนหรือรัสเซีย ยกขึ้นมาเป็นข้ออ้างเลย ส่งพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หรือว่าพลเอกอภิรัชต์ คงสมพงษ์ก็ได้ ไปเยี่ยมรัฐมนตรีกลาโหมที่ประเทศจีนหรือประเทศรัสเซีย...เดี๋ยวก็จบ...! ไม่มีอะไรหรอก ก็ไปนั่งจิบชาคุยกัน ส่วนคุยกันเรื่องอะไรกูไม่บอกมึง แค่นั้นพวกเขาก็วิ่งขี้แตกแล้ว ถ้าไม่อยากให้คุยกันก็จงยกเลิกกฎหมายที่คุณใช้ยกเลิกระบบภาษีกับของเรา แค่นี้ก็ไม่มีปัญหาอะไรแล้ว

ต้องบอกว่าไร้ชั้นเชิงสิ้นดี ทำอะไรไม่เป็นมวยสักอย่าง ปัญหาที่แก้ได้ง่าย ๆ ด้วยการทำ กลับไปแก้ด้วยคำพูด ประมาณว่ารู้ตัวตั้งแต่เดือนกันยายนแล้ว หรือไม่ก็เพราะประเทศของเราเศรษฐกิจดีขึ้น ก็เลยโดนตัดสิทธิพิเศษทางภาษี ประสาชาวบ้านเรียกว่า "โชว์โง่" รู้ตั้งแต่กันยายนทำไมไม่หาทางป้องกัน ? ทำไมไม่หาทางเจรจา ? ถึงได้เตือนไปตั้งนานแล้วว่า บ้านเราต้องจับตาดูเรื่องของสงครามเศรษฐกิจ โดยเฉพาะระหว่างสหรัฐกับจีนให้มากเข้าไว้ แล้วก็เตรียมตัวที่จะป้องกัน ทีนี้อาตมาตัวเล็กเกินไป พูดไปก็ไม่มีใครฟัง"

เถรี 20-11-2019 09:46

ถาม : เขาฟังไม่รู้เรื่องกระมังคะ ?
ตอบ : ไม่หรอก...เรื่องอย่างนี้ปกติไม่มีใครรายงานอยู่แล้ว เพราะรู้ว่าเจ้านายไม่ชอบฟัง ถึงบอกว่าบุคคลถ้าก้าวขึ้นไปสู่ระดับบริหารแล้วก็มักจะโดนปิดหูปิดตา เพราะว่าคนเขาจะเลือกพูดแต่สิ่งที่คุณอยากฟัง

ของบางอย่างไม่จำเป็นต้องไปเกรี้ยวกราด อย่างบรรดาฝ่ายค้านหรือพวกนอกสภาที่แนะนำให้ไทยเราตอบโต้อย่างนั้นอย่างนี้ เรื่องพวกนั้นเขาเรียกว่าโฉ่งฉ่างเหมือนมวยวัด ก็แค่ขอไปดูรถถังรัสเซียบ้าง ดูเรือดำน้ำจีนบ้าง..ก็จบแล้ว ไม่เห็นจะต้องไปทำอะไรมากมาย

ต่างประเทศเขาเวลาที่บริษัทหรือว่าเอกชนของเขาจะเสียเปรียบทางการค้าเมื่อไร รัฐบาลเขาจะยื่นมือเข้ามาช่วยกดดัน แต่ของเรานี่บรรดาเอกชนหรือบริษัทระหว่างประเทศต่างก็บอกว่า ถ้าไม่มีรัฐบาลทุกอย่างจะดีมาก เพราะเขาค้าขายกันเองได้ ก็เลยกลายเป็นอะไรที่ลักลั่นสิ้นดี

เถรี 20-11-2019 09:50

บ้านเราส่วนใหญ่มีตัวอย่างดี ๆ เราไม่ใช้กัน หรือว่าเลียนแบบเขาไม่เป็น ? หรือไม่ก็เกิดความหยิ่งแบบโง่ ๆ กลัวว่าไปเลียนแบบคนอื่นเขาเป็นที่น่าอับอาย อะไรที่เลียนแบบแล้วได้ประโยชน์เราต้องทำ โดยเฉพาะประโยชน์นั้นตกกับประเทศชาติและประชาชนของเรา หลักวิธีทางการทูตเขาก็มีอยู่ แทบจะเป็นสูตรสำเร็จอยู่แล้วก็คือ ‘พูดให้ชัดแต่เตะไม่ถึง’ โดยเฉพาะวิธีการทูตแบบจีน เราจะเห็นว่าสหรัฐกดดันจีนทุกวิถีทาง แต่เราเคยได้ยินประธานาธิบดีสีจิ้นผิงที่กุมอำนาจเต็ม พูดอะไรเกี่ยวกับสหรัฐบ้าง ? ...ไม่มี ปล่อยให้บรรดาอาจารย์มหาวิทยาลัยบ้าง ผู้ช่วยรัฐมนตรีบ้างออกมาพูด ถ้าผลกระทบเกิดขึ้นในด้านไม่ดีก็ปฏิเสธได้ ว่านั่นเป็นความเห็นส่วนตัว

ตอนนี้ปัญหาใหญ่ที่อยากให้รัฐบาลเตรียมพร้อมที่สุดก็คือภัยแล้ง เพราะว่าปีนี้แม้แต่หน้าฝนบางพื้นที่ยังแล้งสาหัส ตอนนี้เขื่อนจำนวนหลายเขื่อน โดยเฉพาะทางด้านเหนือหรืออีสาน มีปริมาณน้ำสำรองไม่ถึง ๕๐% ต้องคิดวิธีแก้ไปแต่เนิ่น ๆ ไม่ใช่รอจนกระทั่งไฟไหม้บ้านแล้วค่อยหาน้ำมาดับ

เถรี 20-11-2019 09:56

ปัญหาภัยแล้ง ปัญหาพืชผลการเกษตรราคาตกต่ำ มีอยู่ทุกปี ต้องวางแผนแก้ไขอย่างยั่งยืน ในบ้านของเราไม่มีตรงนี้ ทั้ง ๆ ที่ผู้ที่เรียนจบด็อกเตอร์สารพัดมีเป็นพันเป็นหมื่นคน อาตมาเองตั้งแต่เข้าเรียนชั้น ป. ๑ สินค้าส่งออกหลักของไทยก็คือ ข้าว ข้าวโพด ไม้สัก ยางพารา ปัจจุบันนี้ตัดไม้สักออกไปก็ยังมี ข้าว ข้าวโพด ยางพารา ตั้งแต่วันนั้นถึงวันนี้เราก็ยังส่งยางแผ่น ไม่มีการทำวิจัยเลยหรือว่าจะทำอะไรให้เกิดมูลราคาเพิ่มมากขึ้น ผลิตเป็นสินค้าอะไรเป็นที่ต้องการของเขา แล้วก็ส่งออกไปจำหน่ายกลับมา

ปีนี้อาตมาอายุ ๖๐ เรียน ผ่านมา ๕๒ ปีไม่ได้มีงานวิจัยอะไรที่จะเพิ่มมูลราคาสินค้าการเกษตรของเราให้ชัด ๆ บ้างเลยหรือ ?

แล้วพวกที่เขาเรียนจบออกมาเป็นพันเป็นหมื่นมีเอาไว้ทำอะไร ? ประเทศจีน ประเทศเวียดนาม แม้กระทั่งประเทศอินเดีย กลายเป็นคู่แข่งการส่งออกข้าวที่น่ากลัว เขาศึกษาวิจัยกันว่าในพื้นที่เท่าเดิม ทำอย่างไรจะเพิ่มผลผลิตต่อไร่ต่อถังให้มากขึ้น เราเองนักวิชาการเกษตรพยายามแทบตาย แต่พอปลูกข้าวออกมา รัฐบาลประกันราคาข้าวแล้วโดนปฏิวัติ...ตูจะบ้า...!

เถรี 20-11-2019 09:58

ประกาศเป็นนโยบายรัฐบาลแล้วไม่ทำก็ซวย พอทำแล้วกลายเป็นข้ออ้างให้ปฏิวัติ ช่วงรัฐบาลทักษิณ รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ประเทศไทยเป็นประเทศเดียวที่จำนวนเกษตรกรเพิ่มมากขึ้น ขณะที่ทั่วโลกลดลงเพราะพืชผลการเกษตรตกต่ำ พอมาถึงปัจจุบันนี้คนก็ทิ้งแล้ว ราคายางก็ตก ราคาน้ำมันปาล์มก็ตก ราคาข้าวก็ตก ราคาข้าวโพดก็ตก ราคามันสำปะหลังก็ตก

ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ศึกษาวิจัยการใช้ไบโอดีเซล อาตมาจำได้ตั้งแต่โตโยต้าโซลูน่ารุ่นเครื่อง ๑๕๐๐ รุ่นแรกออกมา จนป่านนี้ระยะเวลากี่ปีแล้ว ? ๓๐ กว่าปี ได้มีใครรับช่วงไปทำบ้าง ? ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าเป็นวิธีหนึ่งในการแก้ไขราคาน้ำมันแพง และแก้ไขปัญหาพืชผลการเกษตรราคาตกต่ำ ไม่ว่าจะเป็นไบโอดีเซล เป็นแก๊สโซฮอล์ บ้านเราฮือฮาเป็นพัก ๆ เอาอ้อยมาทำแก๊สโซฮอล์ได้...ไม่ทำ เอามันสำปะหลังไปทำแก๊สโซฮอล์ได้...ไม่ทำ ปาล์มน้ำมันทำไบโอดีเซลได้...ไม่ทำ สู้ซื้อน้ำมันดิบจากต่างประเทศไม่ได้ ฟาดคอมมิชชั่นทีเป็นร้อยล้านพันล้าน กลายเป็นเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวมากกว่าส่วนรวม

ถึงว่าถ้าไม่ได้บารมีระดับในหลวงรัชกาลที่ ๙ ที่ต่อสู้มา ๗๐ ปีเพื่อประชาชน คงไม่เห็นใครเลยที่ทำเพื่อชาวบ้านอย่างแท้จริง ปฏิบัติธรรมกันได้แล้ว..ฟังแล้วเครียด

เถรี 20-11-2019 20:06

พระอาจารย์กล่าวว่า "พระมหาเจดีย์ชเวดากองมีของดี ๆ ซ่อนอยู่เยอะแยะ ถ้าหากว่าไม่ใช่เจ้าถิ่นพาไปจริง ๆ ก็ไม่เจอ มีพระพุทธรูปอยู่องค์หนึ่งที่ชี้นิ้วแล้วมีน้ำไหลออกจากนิ้ว เดี๋ยวก็หยด ๆ พวกคนในแอบเอาถ้วยเล็ก ๆ ไปตั้งไว้ ถึงเวลาก็เก็บไว้ใช้เอง คนนอกเข้าไม่ถึง เป็นกระจก ถ้าไม่มีกุญแจ ก็ได้แต่ยืนดูอย่างเดียว

แบบเดียวกับหลวงพ่อวัดตูม มีน้ำออกจากเศียร เขาตักแล้วตักอีกก็ไม่หมดสักที ออกมาได้เรื่อย ๆ"

เถรี 20-11-2019 20:32

พระอาจารย์เล่าว่า "อาตมาไปเสฉวนตะวันตกมา มีแต่ยอดเขาหิมะ ระยะทางตั้งแต่เฉิงตูไปถึงซื่อกูเหนียงซาน ๒๒๙ กิโลเมตร รถวิ่ง ๔ ชั่วโมง ถ้าเป็นบ้านเรา ๒ ชั่วโมงก็ถึงแล้ว เหตุที่เป็นอย่างนั้น เพราะว่ากฎหมายจีนเขาบังคับไว้ รถห้ามวิ่งเกิน ๖๐ กิโลเมตรต่อชั่วโมง ไม่มีใครกล้าฝืน เพราะว่าเขาจะมีกล้องถ่ายอยู่เป็นระยะ ๆ ไป จากระยะนี้ไปถึงตรงโน้นกี่กิโลเมตร คุณใช้เวลากี่นาทีมาถึง เขาเช็คได้หมด"

เถรี 20-11-2019 20:34

"เส้นทางจากเมืองเฉิงตูขึ้นไปถึงลาซาของทิเบต ที่ออกทางเสฉวนตะวันตก ประมาณ ๒,๒๐๐ กิโลเมตร สมัยโบราณพวกกองคาราวานค้าขายระหว่างเฉิงตูกับลาซาใช้เวลาเดินทาง ๒ ปี แปลว่าเอาของไปขายปีหนึ่ง ซื้อของกลับมาขายอีกปีหนึ่ง ก็คือค้าขายระหว่างทางไปเรื่อย ๆ

ไกด์ที่เขาดูแลคณะของเราชื่อ Eric น้ำหนักเป็นร้อยกิโลกรัมเลยนะ อาตมาเรียกว่า "กังฟูแพนด้า" ปั่นจักรยานเส้นนั้นมาแล้ว เขาบอกว่าสะสมระยะการปั่นจักรยานมาเป็นแสนกิโลเมตรแล้ว น้ำหนักเป็นร้อยเลยนะ อะไรจะแข็งแรงปานนั้น..?!

ตอนแรกก็ไม่เชื่อว่าจะแข็งแรงขนาดนั้น ปรากฏว่าตอนที่เดินขึ้นอุทยานย่าติงที่ไปทะเลสาบน้ำนม เขาไปถึงเป็นคนที่สาม อาตมากับทิดเฟิร์สไปถึงสองคนแรก ไปถ่ายรูปทะเลสาบน้ำนมเสร็จ ตอนเดินกลับ มีเสียงเรียกอยู่ข้างหลัง “ซือฟู่..ซือฟู่” หันไปดู อ้าว...Eric มาได้อย่างไรวะ ? อ้วนขนาดนั้นแต่แข็งแรงจริง ๆ ยอมรับเลย"

เถรี 20-11-2019 20:35

"เขาบอกว่า ๒,๒๐๐ กิโลเมตร ผ่านภูเขาที่สูงเกิน ๔,๐๐๐ เมตรทั้งหมด ๖๑ ลูก ขนาดนั้นนี่เราแค่เดินยังหายใจไม่ทัน แล้วเขาปั่นจักรยานไป ทิดดอยถามว่า "แล้วกินอย่างไร ? นอนอย่างไร ?" เขาบอกกินบนรถ ค่ำไหนนอนนั่น ต้องเอาเต็นท์ เอาถุงนอนอะไรไปเอง

คำว่า กินบนรถ ก็คือซื้อเสบียงติดตัว ขี่ไปเคี้ยวไปอะไรประมาณนั้นแหละ เขาช่างมีวิริยอุตสาหะมาก สภาพอากาศแบบนั้น เราแค่เดินก็จะขาดใจตายแล้ว แต่นี่เขาปั่นจักรยานไปได้"

เถรี 20-11-2019 21:53

อุทยานซื่อกูเหนียงซาน ภาษาไทยแปลว่า ภูเขา ๔ ดรุณี มีต้ากูเหนียง...พี่สาวใหญ่ เอ้อกูเหนียง...พี่สาวรอง ซันกูเหนียง...น้องสาวสาม แล้วก็ซื่อกูเหนียง...น้องสาวสี่ เป็นยอดเขาที่สูงเกิน ๕,๐๐๐ เมตรอยู่ ๔ ลูกเรียงกัน เป็นแนวเดียวกับแชงกรีล่า แต่ว่าตรงนี้อยู่ทางด้านของเมืองเสี้ยวจิน เฉพาะตรงช่องเขาเสี้ยวจินก็ ๖,๒๕๐ เมตร ลงจากรถไปจะเข้าห้องน้ำก็ต้องค่อย ๆ ย่อง เดินเร็วไม่ได้..หายใจไม่ทัน

เถรี 20-11-2019 22:27

พวกเราไปถึงตอนดึก รุ่งเช้าจึงออกสายหน่อย เขาพาไปซื่อกูเหนียงซาน ไปเที่ยวแถวซวงเฉียวโกว เป็นลำธารมีช่วงที่สะท้อนเงาเหมือนกระจก มีน้ำตกด้วย ก็เลยทำให้พวกเราไม่ต้องหลงทางเหมือนกับคนอื่น เพราะว่าคนอื่นส่วนใหญ่ที่ไป ถ้าไม่มีคนนำทางก็จะลำบาก

เถรี 20-11-2019 22:30

ไปเมืองจีน จำไว้เลยนะ แลกธนบัตร ๑ หยวนไว้เยอะ ๆ ห้องน้ำที่นั่น ๑ หยวน (๕ บาท) แน่ ๆ อยู่แล้ว สภาพห้องน้ำเราจะทนได้หรือทนไม่ได้ก็ ๕ บาท

เถรี 20-11-2019 22:33

วันที่สองเป็นวันที่ ๑๘ ตุลาคม ๒๕๖๒ พวกเราอยู่ที่หมู่บ้านชิงเทียน ชิงเทียนแปลเป็นภาษาไทยว่าฟ้าใส ใสจริง ๆ หนาวอย่าบอกใครเลย อากาศลบ ๒ องศาเซลเซียส เดินออกไปข้างนอกตอนแรก ๆ ยังไม่ชินกับสภาพอากาศ จะกดชัตเตอร์ถ่ายรูป นิ้วมือแข็งไปหมด ต้นไม้ใบหญ้ามีแต่น้ำค้างแข็งจับ ยิ่งเดินลมก็ยิ่งแรง ท้ายสุดก็เลยต้องกลับเข้าที่พัก

อาหารเช้าของเขาทุกที่ก็เหมือนกันหมด ข้าวต้ม ผัดผัก หมั่นโถว อย่างดีก็ประเภทสั่งไข่เจียวเพิ่มได้

เถรี 22-11-2019 21:54

วันนี้มัคคุเทศก์บอกว่าจะพาพวกเราไปหมู่บ้านทิเบต ชื่อ ดันบา กับ ทากง อาตมาไปดูโปรแกรมแล้วก็หัวเราะ เพราะว่าเขาอ่านตามภาษาอังกฤษ

ภาษาอังกฤษเขียนแบบจีน เราต้องอ่านแบบจีน ที่เขียนดันบา ภาษาจีนว่า ตั้นปา คนจีนใช้ตัว D แทน ต.เต่า ใช้ตัว Q แทน ช.ช้าง อย่างชิงไห่ เขาใช้ Qing เลย

เถรี 22-11-2019 21:59

ระยะทางขึ้นเขาลงห้วยไปเรื่อย ส่วนใหญ่เลียบไปตามแม่น้ำ ช่วงนี้ฤดูฝนเพิ่งพ้นไปใหม่ ๆ ถนนหนทางต้องซ่อมไปตลอดทาง เพราะว่าเวลาน้ำหลากมาก็เซาะถนนแหว่งไปด้วย ต้องบอกว่าทางด้านกรมทางหลวงจีนนั้น มีความขยันขันแข็งแล้วก็เก่งงานมาก สภาพภูมิประเทศแบบนั้นเขายังซ่อมกันได้ ถ้าเป็นเรานี่เป็นปีไม่รู้ว่าจะเสร็จหรือเปล่า แต่นั่นเพิ่งจะพ้นฝนใหม่ ๆ ส่วนใหญ่เขาซ่อมไป ๘๐ - ๙๐ เปอร์เซ็นต์แล้ว

ระหว่างทางช่วงไหนที่เป็นเมือง ก็จะมีแต่อาคารหน้าตาแบบทิเบต ส่วนใหญ่ก็เป็นอย่างที่บอก ว่าน่าจะเป็นเพราะว่ารัฐบาลเป็นคนลงทุนสร้าง แล้วให้ชาวพื้นเมืองไปเช่าเพื่อทำกิจการ ก็เลยเป็นแบบเดียวกันหมด มีบางช่วงที่มีแบบหลังคาแบบจีนที่โค้ง ๆ หน่อย แล้วไม่ได้เรื่อง ชาวบ้านเขาไม่ชอบกัน จึงต้องสร้างหลังคาเหลี่ยม ๆ แบบทิเบต เพราะว่าคนทิเบตเขาใช้หลังคาในการตากพวกพืชผลการเกษตร ตากเนื้อสัตว์ ตากขี้จามรีอะไรพวกนั้น ฉะนั้น...คุณไปทำหลังคามีกระเบื้อง เขาจึงไม่เอา เขาต้องการหลังคาเรียบ ๆ แบบมีดาดฟ้าอย่างเดียว เพื่อเอาไว้ใช้งาน

เถรี 22-11-2019 22:06

มีจุดที่เขาพักให้พวกเราเข้าห้องน้ำกัน ปรากฏว่าพวกเรามีความสามารถสูงมาก เวลาพักเข้าห้องน้ำแค่ ๑๕ นาที เรายังมีเวลาไปซื้อของกันได้ ตรงนั้นเป็นเส้นทางที่สมัยเหมาเจ๋อตุงพากองทัพคอมมิวนิสต์ให้เดินทางไกล ๑,๐๐๐,๐๐๐ กิโลเมตร เห็นความพยายามของคนเก่าคนแก่เลย เพราะว่าเขาใช้โซ่เหล็กขึงข้ามลำน้ำ ๔ - ๕ เส้น แล้วก็คงจะเหยียบโซ่ล่าง จับโซ่บน เดินข้ามในลักษณะอย่างนั้น

เราลองคิดดูว่า กองทัพคอมมิวนิสต์ไป ก็ต้องมีอาวุธหนัก อาวุธเบา เสบียงอาหาร สัตว์พาหนะ โห...สะพานลักษณะอย่างนั้นเขาเอาข้ามไปได้ อาตมาเองสมัยหนุ่ม ๆ ถ้าให้แบกลูกวัวสักตัวหนึ่งนี่พอไหว แต่พวกเดินทางไกลส่วนใหญ่เป็นม้า ลา ล่อที่โตเต็มวัยแล้ว แล้วยังพวกอาวุธหนักของเขา อย่างพวกปืนกลหนัก ต้องถอดเป็นชิ้น ๆ แล้วก็ค่อย ๆ ขนข้ามไป ใช้ความมานะพยายามสาหัสจริง ๆ กว่าที่จะข้ามไปกันได้

ตอนแรกพวกเราเห็นทางด้านนี้ก็โอ้โห...ที่ไหนได้ อีกด้านหนึ่งขึ้นเขาเลย โยงโซ่ขึ้นเขา อะไรจะทรหดอดทนปานนั้น ตรงนี้โยงข้ามแม่น้ำเราก็ว่าแย่ นี่โยงขึ้นเขาอีก แต่ก็อย่างว่าแหละ...ได้ดูกันไม่กี่คนหรอก ที่เหลือมัวแต่ไปเดินซื้อของกัน

เถรี 22-11-2019 22:11

คราวนี้ถนนหนทางเขาซ่อมอยู่หลายช่วง รถของเราเป็นรถมินิบัส เวลาสวนกับรถใหญ่ อย่างพวกรถบรรทุก ก็เหลือช่วงห่างกันแค่นิดเดียว ต้องบอกว่าพวกเขาใจเย็นกันมาก เขาค่อย ๆ ขยับไปกันได้ ถ้าหากว่าช่วงไหนที่มีหินถล่มลงมาปิดทาง รถก็ติดยาวเป็นกิโลฯ รอให้ฝั่งโน้นวิ่งมาจนหมดก่อน แล้วฝั่งเราถึงจะได้วิ่งไปบ้าง ถ้าฝั่งเราวิ่งไป ฝั่งโน้นก็ต้องรอเป็นชั่วโมงเหมือนกัน เพราะว่ารถเป็นร้อย ๆ คัน วิ่งต่อ ๆ กันไป

รู้สึกว่าถนนสายนั้นจะเป็นเส้นทางเศรษฐกิจ เพราะว่ารถเยอะมาก เยอะจนเหลือเชื่อว่าในป่าในเขาจะมีรถวิ่งกันมากขนาดนั้น

เถรี 22-11-2019 22:21

กลางวันก็เข้าภัตตาคาร อาหารทุกอย่างมานี่พริกท่วมเลย ภาษาวัยรุ่นว่า "เห็นแล้วน้ำตาจิไหล" ขนาดหัวหน้าทัวร์เขาไปบ่อย ๆ เขาบอกว่าเขายังกินไม่ได้เลย เขาแพ้ฮวาเจียวหรือพริกเสฉวน เวลาเคี้ยวแตกโป๊ะนี่จะชาไปทั้งปาก คนแพ้ถึงขนาดปากพองเลย

อาตมานี่อยู่กัน ๖ คน โต๊ะนี้เขาเรียกว่า "สายแข็ง" กินกระจายทุกอย่าง ส่งมาก็เหลือแต่พริกกับน้ำมันคืนเขาไป คนจีนเขาทำอาหารส่วนใหญ่จะมัน ๆ คราวนี้อาหารเสฉวนเขาใส่พริกเยอะ ถึงเวลาพวกเราก็เหลือแต่พริกกับน้ำมันคืนเขาไป

เถรี 22-11-2019 22:37

คราวนี้การเดินทาง ระหว่างทางเราจะเห็นความเป็นพระพุทธศาสนาแบบทิเบต เขาจะมีตัวหนังสือ "โอม มณี ปัทเม หุม" ซึ่งเป็นคำภาวนาของเขา แปลความหมายก็คือ ดวงแก้วที่เกิดแล้วในดอกบัว ดวงแก้วนี่คือพระรัตนตรัย เขาจะแกะสลักหรือว่าติดไว้ก็ไม่รู้ บนภูเขาสูง ๆ ตามข้างถนนก็จะมีสลักตัวหนังสือบ้าง รูปพระโพธิสัตว์บ้าง รูปสิ่งมงคล ๘ ประการของทางศาสนาบ้าง มีเป็นระยะ ๆ ไป

ที่ชื่นชมก็คือรัฐบาลจีนเขาทำอะไรเผื่อไว้หมด เส้นทางตั้ง ๒,๐๐๐ กว่ากิโลเมตร เขาจะมีจุดพักรถ
ให้เราเป็นระยะ ๆ ที่ให้เราพักก็ไม่มีอะไรหรอก..นั่งนาน ๆ แล้วเบื่อบ้าง อยากเข้าห้องน้ำบ้าง ลงไปพักถ้ามีที่ซื้อของก็วิ่งเข้าร้านซื้อของกัน แต่ส่วนใหญ่แล้วของที่เขาวางขายกัน เป็นของที่เขาทำขึ้นมา ปลอมได้เนียนขึ้นเรื่อย ๆ พวกที่ทำจากกระดูก จากเขาจามรี ก็ใกล้เคียงของจริงเข้าไปทุกที

ถ้าเราดูเป็นก็ไม่มีปัญหา เขาสัตว์ก็คือผมหรือขนที่รวมกันเป็นเขา จะต้องมีแนวเส้นขนของมันอยู่ แต่ว่าพวกที่ทำจากพลาสติกจากเรซิ่น จะไม่มีส่วนนี้ แล้วก็พวกที่เป็นเทอร์คอยส์ ที่เราเรียกว่าพลอยขี้นกการะเวก ถ้าเคยเห็นของจริงจะดูออกทันทีว่าปลอมหรือไม่ เพราะว่ายังทำได้ไม่ใกล้เคียงนัก

พวกอำพันส่วนใหญ่เป็นยางสนโบราณ เขาเอามาทำเป็นเครื่องประดับ ถ้าหากว่าของจริงจะเป็น
ประกายสวยมาก ของปลอมเหมือนกับไม่มีชีวิตชีวา พอจะดูออก บางคนก็เอามาขูด ๆ กับเล็บว่าฝืดหรือเปล่า นั่นก็เป็นวิธีหนึ่งที่เขาพิสูจน์ได้ แต่ถ้าสายตาไม่ถึงก็อย่าไปซื้อ ส่วนใหญ่ขายแพง ๕๘ หยวน ๖๘ หยวน ๑๒๘ หยวน ลงด้วย ๘ หมด พอ ๆ กับบ้านเรา เสื้อตัวละ ๑๙๙ บาท อะไรประมาณนั้น คนจีนนิยมคำว่า ๘ ที่ออกเสียงคล้าย ๆ กับคำว่าโชคดีหรือเจริญ

เถรี 22-11-2019 22:50

เส้นทางที่ผ่านไปตรงนั้นมีจุดชมวิวแห่งหนึ่ง ก็คือยอดเขาหิมะ ชื่อยาลา เป็นยอดเขาหิมะที่สูง ๕,๐๐๐ กว่าเมตรเหมือนกัน แถวนั้นมีธงมนต์อยู่เป็นหมื่น ๆ ผืนเลย คนทิเบตเขาเชื่อว่าพระพุทธมนต์หรือว่าคำสอนของพระพุทธเจ้า ล้วนแล้วแต่ศักดิ์สิทธิ์ เขาก็จะทำเป็น ๕ สี คือ สีเขียว สีเหลือง สีแดง สีขาว สีน้ำเงิน แต่ละสีก็แทนธาตุ พวกดิน น้ำ ลม ไฟ ไม้ อะไรพวกนั้น

ถึงเวลาก็เอาไปติดเป็นราวไว้ ลมพัดไปถึงไหน เขาก็เชื่อว่าความศักดิ์สิทธิ์ของพระรัตนตรัยจะแผ่ไปถึงนั่น คนที่อยู่ในทิศทางนั้นจะมีแต่ความร่มเย็น เพราะฉะนั้นจึงมีธงพวกนี้ตั้งอยู่เป็นระยะ ๆ ไป แต่ว่าตรงจุดชมวิวเป็นจุดสำคัญ เพราะว่ารถทุกคันจะต้องแวะไปถ่ายรูปยอดเขาหิมะ

ทิเบตถ้าเขาไม่ติดธงมนต์ เขาก็จะติดผ้าขะตะ ผ้าที่เอาไว้สำหรับต้อนรับหรือแสดงความเคารพ เขาเอาไปติดเอาไว้เป็นราว พวกเราก็ไปถ่ายรูปกัน เพราะว่าไม่เคยเห็นธงมนต์เป็นหมื่น ๆ ผืน

เถรี 22-11-2019 23:43

แล้วที่แน่ ๆ ก็คือจามรี (วัวขนยาว) คนจีนเขาเรียกเหมาหนิว ก็คือวัวขน แต่ว่าจามรีปัจจุบันนี้เป็นลูกผสมเสียเยอะ ตัวจะเล็กลง เรียกว่าดรี เป็นลูกผสมระหว่างจามรีกับวัว ถ้าคนสายตาไม่ดี บางทีก็แยกไม่ออก เพราะว่าวัวของเขาอยู่ในที่หนาว ก็ขนยาวเหมือนกัน

จามรีก็หากินของเขาไปเรื่อย แล้วชอบที่สุดก็คือวิ่งตัดหน้ารถ พวกเราก็ต้องเบรกกันหัวทิ่มหัวตำประจำ จนกระทั่งนั่งคุยกันว่า บ้านเราหมาตัดหน้ารถ ที่นี่จามรีตัดหน้ารถ ถึงเวลาหลับ ๆ อยู่ก็ตกเบาะ ถามว่าเกิดอะไรขึ้น ? "หมาตัดหน้า" ความจริงก็คือจามรี บางทีเจอฝูงใหญ่ ๆ เป็นร้อย ๆ ตัว ก็ต้องค่อย ๆ คลานตามไปจนกว่าเขาจะหลีกทางให้ ไม่รู้ว่าจะไล่เขาอย่างไร บีบแตรอย่างไรเขาก็เฉย

เถรี 25-11-2019 20:02

ตรงช่วงกลางระหว่างทางของเมืองตั้นปาและถ่ากง มีลักษณะเหมือนกับเป็นป่าหิน ถ้าจำไม่ผิด...เขาว่าเป็นหินไมโลไนต์ คล้าย ๆ กับหินชนวนบ้านเรา แต่บางแห่งเห็นชัด ๆ เลยว่าเป็นหินภูเขาไฟ เป็นป่าหินให้พวกเราลงไปเดินชมทิวทัศน์ได้ เป็นลักษณะของการศึกษาธรรมชาติอย่างหนึ่ง เขามีระบบการจัดการดีมาก ก็คือไม่ให้เราเข้าไปโดยตรง แต่ให้เราซื้อตั๋วข้างนอก แล้วก็นั่งรถไฟฟ้าเข้าไป เจ้าประคุณเอ๊ย...คนขับโคตรซิ่งเลย ทิ้งโค้งแต่ละที...อาตมาเกือบจะปลิวออกนอกรถ พูดง่าย ๆ ว่ามือละจากที่จับไม่ได้เลย

พอเข้าไปถึงปากทางเป็นทางเดินไม้ยาว ๆ แล้วมีขอบกั้นไปตลอดทาง ไม่ให้เราออกนอกแนวทาง สวยตั้งแต่พื้นนาที่เดินผ่าน

เถรี 25-11-2019 20:06

พอเดินเข้าไปมีจุดชมวิวสวย ๆ พวกเราก็เข้าไปถ่ายรูปกันใหญ่ หลังจากนั้นหัวหน้าทัวร์เดินตามมาทัน บอกว่าตรงนั้นเป็นที่เอกชน ต้องจ่ายเงินให้เขา ก็ไม่เห็นเขามาทวง พวกเราก็ทำไม่รู้ไม่ชี้ไปต่อเลย ทางเดินศึกษาธรรมชาติเขาทำดีมาก เพราะว่าเดินลัดเลาะไปตามภูมิประเทศที่เป็นป่าหิน ทำให้พวกเราเดินได้โดยสะดวก

ผ่านน้ำพุแห่งหนึ่ง มีสองสาเหตุด้วยกัน สาเหตุแรกคืออาตมาเป็นไข้ไปตลอดทาง เพราะว่าหัวหน้าทัวร์เขาเอาหวัดมาแจกตั้งแต่วันแรก สาเหตุที่สองก็เดินไกล ๆ แล้วกระหายน้ำ พอเห็นน้ำพุ เข้าไปอ่าน ปรากฏว่าเป็นกษัตริย์ทิเบต ชื่อพระเจ้าเกซาร์ ท่านบารมีมาก ผ่านตรงนั้นไปรู้สึกกระหายน้ำ ไม่มีน้ำจะเสวย อธิษฐานต่อเจ้าที่แล้วน้ำผุดขึ้นมาเอง แล้วน้ำก็ยังผุดอยู่จนทุกวันนี้

อาตมาก็เลยฉวยโอกาสล้างหน้าล้างตา แล้วก็ดื่มแก้กระหายบ้าง...ใส่ไปซะเต็มที่เลย น้ำเย็นอย่างกับหลุดออกมาจากในตู้เย็น เพราะว่าอากาศหนาว แต่แปลกตรงที่ว่า พอดื่มน้ำเข้าไปแล้วไม่รู้ว่าเอาเรี่ยวเอาแรงมาจากไหน เดินเท่าไรก็ไม่รู้จักเหนื่อย จึงลำบากโยมที่ตามมาทีหลัง เขาเดินตามไม่ทัน

เถรี 25-11-2019 20:07

ออกไปถึงข้างนอกก็ไปนั่งรออยู่ที่รถไฟฟ้า บรรดาคนที่มาก็มีแต่อาเจ๊ อาซ้อ อาม่า คุณย่าคุณยาย คนจีนแก่ ๆ เขานิยมเที่ยวกันนะ บางคู่นี่ควงกันไปอย่างกับหนุ่ม ๆ สาว ๆ คุยกันกระหนุงกระหนิง มีเต้นรำอะไรกันด้วย บ้านเรานี่ลูกหลานเยอะ ช่วยกันดูแล ที่โน่นส่วนใหญ่เขามีลูกคนเดียว ก็เลยเหลือแต่คนแก่ไปเที่ยวกันเอง ถ้าใครที่ผัวตายหรือเมียตายแล้วไม่มีลูกดูแลก็คงจะเหงาน่าดูเลย

เถรี 25-11-2019 20:10

แล้วที่คิดไม่ถึงก็คือเจอรถคันเดิม คือรถพวกนี้จริง ๆ แล้วเขาผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกัน พอไปส่งเราเสร็จก็ไปรอรับกลับ เราดันไปเจอคันเดิม คันที่ซิ่งทีแทบหลุดโค้ง จึงโดนเขาพาวิ่งกลับมาทางเดิม ด้วยความที่ออกมาเร็วกว่าคนอื่นเขาก็ต้องรออยู่นาน จึงเที่ยวเดินดูแถว ๆ นั้น มีห้องน้ำให้เข้าฟรีด้วย

ที่อัศจรรย์ก็คือรถแพง ๆ เยอะมาก ยี่ห้อเบ๊นซ์ บีเอ็ม ออดี้ โฟล์ค คนจีนนิยมรถโฟล์คมาก รถแต่ละคันล้วนแล้วแต่แพง ๆ ยังชื่นชมว่าคนจีนเขารวยจริง เอารถแบบนั้นวิ่งขึ้นป่าขึ้นเขาไป เป็นบ้านเราก็น้ำตาร่วง ...(หัวเราะ)... พอมากันครบถ้วนกันแล้วก็เดินทางกันต่อ

เถรี 25-11-2019 20:17

เป้าหมายของเราก็คือวัด ไม่รู้เหมือนกันว่าทางหัวหน้าทัวร์เขาจำชื่อผิดว่าวัดถ่ากง แต่อาตมาพยายามไปแกะชื่อที่ป้ายแล้วอ่านออกมาได้ว่าวัดลาคัง ...(หัวเราะ)... พอจะอ่านออกเป็นบางตัว ก็เลยสงสัยว่าตกลงเป็นวัดลาคัง เมืองถ่ากง หรือว่าวัดถ่ากงเมืองถ่ากง

พอเข้าไปข้างใน ตัวแรกที่มาต้อนรับก็คืออีกา บินมาแล้วไม่ไปไหน เกาะอยู่เตี้ย ๆ ให้ถ่ายรูป บังเอิญว่ากล้องของอาตมาซูมได้ ก็ถ่ายรูปอีกาไปเรื่อย มัคคุเทศก์เขาก็อธิบายให้ฟังว่าวัดนี้มีความเป็นมาอย่างไร ต้องถ่ายรูปมุมไหนถึงจะสวย เข้าไปข้างในห้ามถ่ายรูปอะไรเขาก็บอกพวกเราหมด

ที่ติดใจก็คือมีไก่ตัวใหญ่มาก คิดว่าน้ำหนักอย่างน้อย ๆ ก็ต้อง ๓ - ๔ กิโลกรัมขึ้นไป ประมาณด้วยสายตาดีไม่ดีถึง ๕ - ๖ กิโลกรัม ที่ตลกกว่านั้นก็คือหมาตัวนิดเดียว ประมาณพวกเทอเรีย ตกลงว่าหมากับไก่กลับข้างกันหรืออย่างไร ? หมาแทนที่จะตัวใหญ่กลับตัวนิดเดียว ส่วนไก่แทนที่ตัวเล็กกลายเป็นตัวใหญ่มาก

เถรี 25-11-2019 20:18

เดินดูและถ่ายรูปอะไรไม่ได้มาก เพราะว่าเราไปถึงตอนเย็นแล้ว อาตมาก็เห็นว่าทางวัดมีร้านจำหน่ายสินค้าเพื่อหารายได้เข้าวัด ผลุบเข้าไป มองแล้วติดใจอยู่ ๒ ชิ้น ชิ้นแรกคือกปาละ กปาละเป็นกะโหลกหัวคน เขาเอาไว้สำหรับทำเป็นถ้วยฝนยา ทางด้านเหนือเราก็มีนะ ที่ใช้กะโหลกคนทำเป็นถ้วยยา แล้วฝนด้วยกระดูกสัตว์ เขี้ยวสัตว์ ดูแล้วแปลก ๆ ว่าตกลงเป็นหัวอะไรกันแน่ ใจคิดถึงหัวมนุษย์หิมะไปโน่นเลย

เถรี 25-11-2019 20:23

ส่วนอีกชิ้นหนึ่งเป็นกำไลงาช้าง...ใหญ่มาก ถามว่าใหญ่แค่ไหน ? เส้นผ่านศูนย์กลางนิ้วกว่า ก็เลยถามราคาเขา ปรากฏว่าคนขายพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ แต่เขาวิ่งไปคว้าเครื่องคิดเลขมา แล้วเอากำไลนั้นขึ้นเครื่องชั่ง ออกมา ๓ ขีดกว่า แล้วเขาก็คูณออกมาเป็นตัวเลข ๕,๐๐๐ กว่าหยวน ก็เลยต้องต่อรองเขาจนเหลือถ้วน ๆ

ซื้อเสร็จออกมา เอาให้คนอื่นดู ทุกคนช็อก...! ใหญ่ขนาดนี้เลยหรือ ? แล้วจะเอาออกประเทศเขาได้ไหม ? บอกว่าเรื่องเอาออกนี่ได้แน่...มั่นใจ เอาเข้าก็เอาเข้าได้ แต่ราคาคิดว่าถูกกว่าบ้านเราไหม ? "หม่าม้า" กับ ทิดเฟิร์สบอกว่าถูกว่าเยอะมาก ถูกกว่าบ้านเรา ๓ - ๔ เท่า

ไปที่นั่นก็เลยได้ของที่ระลึกชิ้นแรกมา ที่ซื้อเพราะความใหญ่ ซื้อเนื้องา คงหางาช้างใหญ่ขนาดนั้นไม่ได้อีกแล้ว ปกติไปไหนจะซื้อของที่ระลึกชิ้นเดียว งานนี้ก็ได้แล้ว

เสร็จแล้วเขาก็พาไปพักที่โรงแรมที่เป็นทิเบตแท้ ชื่อ เหวินเฉิงโหลว เหวินเฉิงรู้ว่าเป็นชื่อของเจ้าหญิงของราชวงศ์ถัง ที่พระเจ้าถังไท่จงส่งไปสยุมพรกับพระเจ้าซองซานกัมโปของทิเบต ส่วนเหวินเฉิงโหลวก็ประมาณว่าเป็นพลับพลาที่ประทับของเจ้าหญิงเหวินเฉิง

เถรี 25-11-2019 20:27

อาตมาไม่ต้องปีนขึ้นบันได เพราะว่าเขาให้พักชั้นล่าง ส่วนคนอื่นก็ลำบากหน่อย ต้องขึ้นชั้น ๒ ถามว่าทำไม ? ลองคิดดูว่าพื้นที่สูง ๔ - ๕ กิโลเมตร เดินบนพื้นธรรมดายังเหนื่อยเลย แล้วต้องลากกระเป๋าขึ้นชั้น ๒ เขาไม่มีคนมาช่วยเราด้วยนะ

แล้วก็มีแม่บ้านมาถึงก็โล้ง ๆ เล้ง ๆ เป็นภาษาทิเบตของเขา พาอาตมาไปที่พัก เข้าไปแล้วชอบใจมาก ห้องอาบน้ำเขามีดวงอาทิตย์เทียมด้วย เวลาเปิดแล้วมีไฟเหมือนกับดวงอาทิตย์ จะอุ่นมาก แต่ว่าน้ำต้องเปิดอยู่หลายนาทีกว่าที่จะอุ่น เพราะว่าตอนนั้นอากาศอยู่ที่ราว ๆ ๒ - ๓ องศาเซลเซียสเท่านั้น ต้องใช้วิธีวิ่งผ่านน้ำ แล้วก็ออกมาตากดวงอาทิตย์เทียม ค่อยอุ่นขึ้นมาหน่อย

ถึงเวลาก็ทำตามแบบของอาตมา ก็คือเปิดหน้าต่าง ให้อากาศข้างในกับข้างนอกเท่ากัน จะได้นอนสบาย


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 14:54


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว