กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=47)
-   -   เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนธันวาคม ๒๕๕๙ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=5319)

เถรี 15-12-2016 20:26

ถาม : คนงานที่ร้านมีอาการคล้ายกับโดนของค่ะ ?
ตอบ : หาน้ำมันชาตรีของวัดท่าซุง ให้เขากรอกเข้าไปสักขวดหนึ่ง

ถาม : ตั้งขวดหนึ่ง ?
ตอบ : แค่ช้อนเดียวก็พอ คนงานอายุเท่าไรแล้ว ?

ถาม : เกือบ ๕๐ แล้วค่ะ
ตอบ : ผู้หญิงหรือผู้ชาย ?

ถาม : ผู้ชายค่ะ
ตอบ : บอกเขาว่าให้หาพวกวิตามินบีรวมมากินบ้าง สังขารร่างกายพร่องไปเยอะ หาพวกวิตามินบีรวมให้กินสัก ๔-๕ วันติดต่อกัน เดี๋ยวก็ดีขึ้น

ถาม : ตกลงไม่ได้โดนของใช่ไหมคะ ?
ตอบ : บางทีก็ไม่ใช่โดนของ ประเภทธาตุพร่อง อยู่ในวัยทอง ฮอร์โมนเริ่มขาด

เถรี 15-12-2016 20:34

มีโยมนำขันทิเบต (Singing Bow) มาถวายพระอาจารย์ ท่านจึงเคาะให้ดู "การเคาะเป็นลักษณะของอิริยาบถและสัมปชัญญะอย่างหนึ่ง โดยเฉพาะการเคาะปลาไม้ของจีน เคาะไปสวดมนต์ไป จับอาการเคลื่อนไหว จับเสียง และขณะเดียวกันก็กำหนดสติในการสวดมนต์ไปด้วย ทำให้ฟุ้งซ่านได้ยาก เพราะงานทางใจมีเยอะ

การเคาะหัวปลาไม้ของจีนมีที่มาที่ไป ก็คือ เห้งเจียพาพระถังซัมจั๋งขึ้นเต่ายักษ์ข้ามทะเลไป เต่าบอกว่าเมื่อพบพระพุทธเจ้าให้ช่วยถามด้วยว่า ตนเองสร้างกรรมอะไรมาถึงต้องมาเป็นเรือโดยสารจำเป็นแบบนี้ ไม่สามารถที่จะไปไหนได้ ปรากฏว่าพระถังซัมจั๋งลืมถาม ขากลับขนเอาพระไตรปิฎกกลับมา ว่ายมาถึงกลางทะเล เต่าก็ถามว่าตนเองสร้างกรรมอะไรมา พระถังซัมจั๋งบอกว่าลืมถาม เต่าโมโหจึงดำน้ำไปเลย

พอดำน้ำไปข้าวของทุกอย่างก็จมน้ำ บรรดาปลาต่าง ๆ พอเห็นของแปลก ๆ ก็แย่งกันมากิน ดันกินคัมภีร์พระไตรปิฎกเข้าไป เห้งเจียจึงจับปลาขึ้นมาแล้วเอากระบองเคาะหัวให้ปลาคายคัมภีร์ออกมา คนจีนก็เลยถือตรงนั้นเป็นเคล็ด ว่าถ้าอยากได้หลักธรรมก็ให้เคาะหัวปลา จึงมีการสวดมนต์และเคาะมู่อวี๋ ถ้าแต้จิ๋วเรียกบักฮื้อ เคาะป๊อก ๆ ๆ เคาะทีหนึ่งก็ได้อักขระมา ๑ ตัว"

เถรี 15-12-2016 20:54

"ของบางอย่างเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นก็เกิดขึ้น ลักษณะแบบเดียวกับพระเจ้าปเสนทิโกศลส่งคนไปหาพระกาฬ งูเหลือมก็สงสัยว่าทำไมตนเองไปไหนไม่ได้ คนที่ไปหาพระกาฬเขาไม่ลืม เขาถามมาให้ ท้ายสุดคนถามก็เลยรวย เพราะงูเหลือมในอดีตเคยเป็นเศรษฐี เอาสมบัติไปฝังไว้ แล้วใจผูกอยู่กับสมบัติ ก็เลยไปไหนไม่ได้ เลื้อยอยู่แถวนั้น พองูเหลือมรู้เข้าก็ยกสมบัติให้คนถาม ตัวเองจึงไปที่อื่นได้ คนถามก็เลยรวยแทน

พระเจ้าปเสนทิโกศลเป็นตัวอย่างของบุคคลที่ว่า ถึงอายุขัยแล้วแต่ไม่ตาย ก็คือไม่ได้สวรรคตตามที่พระกาฬบอกไว้ เพราะว่าตลอด ๗ วันพระองค์สร้างสาธารณประโยชน์ส่งท้าย ทำแบบทิ้งทวน กลายเป็นสร้างบุญใหญ่ไม่รู้ตัว ทำให้ได้บุญตัวนี้มาต่ออายุได้

การที่คนหรือสัตว์จะตาย ท่านบอกว่า มีอายุขัย ก็คือ อายุหมดลง อาหารขัย อาหารหมดลง ปุญญขัย บุญหมดลง และกัมมขัย กรรมหมดลง

บุญหมดก็ตาย กรรมหมดก็ตาย แบบเดียวกับพระที่เป็นลูกศิษย์พระสารีบุตร ตั้งแต่เกิดมาจนกระทั่งได้บวชกับพระสารีบุตรตอนอายุ ๒๐ เศษ ไม่เคยได้กินข้าวอิ่ม สามารถกินเศษข้าวได้ครั้งละ ๗ เม็ดเท่านั้น หลังจากนั้นอาหารตรงหน้าก็จะหายไปหมด ก็ต้องไปเที่ยวควานหา บ้านไหนล้างถ้วยล้างจาน สาดเศษอาหารทิ้งไว้ ไปเก็บเม็ดข้าวเขากิน กินแค่นั้นไม่น่ามีชีวิตรอดอยู่ได้ แต่กรณีนี้กรรมรักษาจึงทำให้อยู่ได้ "

เถรี 15-12-2016 20:56

"จนกระทั่งวันสุดท้ายของชีวิต พระสารีบุตรบิณฑบาตมาเลี้ยงเอง เพราะพาบิณฑบาตแล้วท่านไม่เคยได้ข้าว เดินข้างหลังเขาก็ใส่ข้างหน้าหมดเสียก่อน เดินข้างหน้าเขาดันไปใส่จากข้างหลังมา พอให้อยู่ตรงกลางเขาก็ใส่จากหัวกับท้าย สุดท้ายพระสารีบุตรก็เลยต้องบิณฑบาตแทน

พอวางบาตรให้ท่านก็มองไม่เห็นว่ามีอาหารอะไร พระสารีบุตรต้องใช้มือข้างหนึ่งจับบาตรเอาไว้ ท่านถึงมองเห็นว่ามีอาหาร ได้ฉันอิ่มครั้งเดียวในชีวิต ร่างกายสบาย พิจารณาเห็นโทษว่าตลอด ๒๐ ปีกว่าที่ผ่านมามีแต่ทุกข์เข็ญปานนี้ ขึ้นชื่อว่าการเกิดมาทุกข์เช่นนี้จะไม่มีสำหรับเราอีก สภาพจิตปลดออกจากการอยากได้ใคร่มีในร่างกายและการเกิด กลายเป็นพระอรหันต์และไปพระนิพพานตอนนั้น หมดกรรมก็ตายเหมือนกัน หมดบุญก็ตาย หมดอาหารก็ตาย หมดอายุก็ตาย"

เถรี 15-12-2016 20:58

ถาม : กรรมรักษาก็คือแบบในนรกใช่ไหมคะ ?
ตอบ : ประมาณนั้นแหละ โดนฆ่าโดนหั่นเป็นชิ้นเป็นท่อนอย่างไรก็ไม่ตาย โดนไฟเผาปกติหน่อยเดียวก็ตายแล้ว นี่โดนเผาอยู่เป็นแสนปีเป็นล้านปีแต่ไม่ตายเสียที

เถรี 15-12-2016 21:01

อาตมานี่กรรมรักษา น่าจะตายไปนานแล้ว อยู่ทรมานไปได้เรื่อย ๆ ญาติโยมอาจจะสงสัยว่าอยู่อย่างไร ก็อยู่วันเดียว มีแค่วันนี้ เดี๋ยวก็พ้นไปแล้ว ไม่มีพรุ่งนี้ จึงไม่เห็นว่าจะลำบากตรงไหน

เถรี 15-12-2016 21:06

พระอาจารย์กล่าวว่า "วันที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๕๙ นี้ เขาจะช่วยกันทำความสะอาดใหญ่บ้านวิริยบารมี ทำความสะอาดจะได้คืนบ้านให้เจ้าของไป ก็น่าจะใหม่เอี่ยม ส่วนบ้านหลังใหม่ก็ไม่ต้องแบกภาระมาก เพราะพื้นที่ทำความสะอาดไม่ได้เยอะแยะขนาดบ้านวิริยบารมีนี้ ตอนนี้ป้ามอยกับป้าเปี๊ยกทำความสะอาดทุกอาทิตย์ ไม่ใช่ทำความสะอาดเฉพาะตอนพวกเรามา ทำความสะอาดกันทุกอาทิตย์ ป้าเปี๊ยกเขาถือว่าดีกว่าไปฟิตเนส

ส่วนบ้านใหม่ทางด้านคุณต๋องกับคุณคมน์ก็จัดการกันอย่างเต็มที่ ทำกันชนิดที่ไม่กลัวเหนื่อย"

เถรี 15-12-2016 21:14

พระอาจารย์กล่าวว่า "ขอแสดงความยินดีที่รัฐบาลยืนยันว่า วันพ่อแห่งชาติยังคงเป็นวันที่ ๕ ธันวาคมต่อไป ไม่มีการเปลี่ยนแปลง แปลว่าเดือนตุลาคมจะมีวันหยุดเพิ่มขึ้น ก็คือวันคล้ายวันสวรรคตที่ ๑๓ ตุลาคม ส่วนวันที่ ๕ ธันวาคมยังคงหยุดปกติเหมือนเดิม แล้วก็ไปหยุดวันเฉลิมพระชนมพรรษาวันที่ ๒๘ กรกฎาคมอีกหนึ่งวัน ของเก่าไม่หายไปไหน ของใหม่ก็ได้เพิ่มขึ้นมา บ้านเราวันหยุดมากจนฝรั่งงง"

เถรี 15-12-2016 21:16

พระอาจารย์กล่าวว่า "ปลายปีของเราได้วันหยุด ๔ วันต่อเนื่อง ตอนแรกก็คิดว่าการจัดปฏิบัติธรรมส่งท้ายปีงวดนี้คงจะฉุกละหุก เพราะว่ามีแค่ ๒ วัน ปรากฏว่ารัฐบาลเพิ่มวันที่ ๒ กับวันที่ ๓ ให้หยุดได้สี่วัน เท่ากับว่าปฏิบัติธรรม ๔ วัน ก็น่าจะได้สัก ๓ วันเต็ม ๆ

ในงานสวดมนต์ข้ามปี เป็นอันว่าการลอยโคมของเราต้องเลิกไปโดยอัตโนมัติ เมื่อวันก่อนมีสารวัตรท่านหนึ่งยศร้อยตำรวจเอก มาสอบถามเกี่ยวกับการสวดมนต์ข้ามปี ลักษณะที่เจ้านายให้มาหาข้อมูล แต่จริง ๆ แล้วข้อมูลหาจากอินเตอร์เน็ตก็ได้ ทำไมต้องให้ลูกน้องวิ่งมาถามด้วย ?

ระยะหลังนี้เหมือนกับว่าทางด้านหน่วยงานต่าง ๆ พยายามที่จะแทรกเข้ามามีบทบาทในการทำความดีถวายในหลวงรัชกาลที่ ๙ สอบถามมาว่าเขาจะจัดกิจกรรมอะไรร่วมกับเราได้บ้างหรือเปล่า ? มีบางหน่วยงานที่น่าทุบมากเลย อย่างวัดท่าขนุนจัดอุปสมบทหมู่ เขามาถึงก็ถวายปัจจัย ๓๐,๐๐๐ บาทร่วมเป็นเจ้าภาพบวชพระ ขอถ่ายรูปด้วย กลายเป็นว่าเขาเป็นเจ้าภาพทั้งหมดเลย อาตมาก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะไม่ได้เสียอะไรนี่ ได้สตางค์อีกด้วย เพราะว่าจัดเองอยู่แล้ว เขาเล่นกันง่าย ๆ อย่างนี้แหละ"

เถรี 15-12-2016 21:18

พระอาจารย์กล่าวว่า "ช่วงที่ผ่านมานี่สาหัสมาก ๓ วันนั่งเป็นพระอุปัชฌาย์บวชพระ ๑๕๐ รูปถ้วน...เกือบตาย โดยเฉพาะของที่อื่นส่วนใหญ่แล้วยังขานนาคยังไม่เป็น ซึ่งถ้าเป็นอาตมาเองจะไม่บวชให้ แต่คราวนี้เป็นวัดในเขตปกครอง โดยปกติแล้วทางคณะสงฆ์มีกำหนดว่า เจ้าคณะตำบลทุกรูปต้องสอบพระอุปัชฌาย์ แต่คราวนี้ท่านสอบตกบ้าง ไม่ได้เข้าสอบบ้าง หรือไม่ก็ถอนตัวจากการสอบเพราะรู้ว่าไปไม่รอดบ้าง ท่านที่สอบได้ก็รับเละไปเถอะ

งานสุดท้ายนี้นาคก็ขานนาคไม่ได้ ต้องบอกทุกคำ คู่สวดก็สวดผิด ๆ ถูก ๆ ต้องคอยแก้อยู่นั่นแหละ สุดท้ายแล้วเป็นการนั่งเป็นพระอุปัชฌาย์ที่เหน็ดเหนื่อยและทรมานสุด ๆ มานึกว่าทางด้านวัดของเรา ค่อนข้างจะมีคุณภาพในเรื่องนี้ เพราะถือตามพระธรรมวินัย คือท่านนำเอาผ้ากาสาวพัสตร์มาร้องขอการบรรพชาอุปสมบท ในเมื่อมาร้องขอก็ต้องว่าด้วยตัวเอง การสอนให้ขอนี่ไม่ใช่แล้ว แต่ที่อื่นส่วนใหญ่จะเป็นลักษณะนั้น บวชวันนี้ก็เข้าวัดวันนี้ ไม่ได้ซักซ้อมอะไรก่อนเลย

ที่แน่ ๆ คือนัดอาตมาไว้ ๘ โมง เขาแห่นาคกันจน ๑๐ โมง พระอุปัชฌาย์ก็นั่งดูไปเถอะ เสียงดังสนั่นหวั่นไหว ต้องบอกว่าแบบธรรมเนียมเป็นอย่างนั้นไปหมดแล้ว มีแต่วัดท่าขนุน ถ้าคุณแห่นาน โน่น...แห่กลับบ้านไปเลย หรือไม่ก็แห่ไปบวชที่วัดอื่น...!"

เถรี 15-12-2016 21:22

"ไปงานบิณฑบาตถวายในหลวงเมื่อวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๙ ที่สำนักงานเทศบาลทองผาภูมิ อาตมาพาพระไปแค่ ๘๙ รูปพอดี แล้วเหลือไว้ที่วัด ๒๐ กว่าเกือบ ๓๐ รูป บอกกับท่านนายกเทศมนตรีว่า ถ้างานนี้วัดเดียวก็พอแล้ว เพราะปกติเขาต้องนิมนต์พระ ๕ วัดถึงจะได้พอ ท่านนายกฯ บอกว่า วัดเดียวก็ดีแล้วครับ เพราะว่าดูเป็นระเบียบเรียบร้อยดี

ที่อื่นเขาค่อนข้างจะมีอาการกระโดกกระเดก ของวัดท่าขนุนเองขนาดยังไม่ได้อย่างใจของอาตมา ก็ยังดูเรียบร้อยกว่าที่อื่น ถึงบอกว่าค่อย ๆ ฝึก ค่อย ๆ หัด ค่อย ๆ อบรมไป ของบางอย่างขึ้นอยู่กับบารมี สมัยอยู่
ที่วัดท่าซุงก็ดี สมัยบวชที่วัดท่าซุงก็ดี ที่ชอบใจก็คือบรรดาลูกศิษย์ของหลวงพ่อฤๅษีฯ มีความคล่องตัวจริง ๆ สมกับที่จะไปพระนิพพานกัน

ที่ว่ามีความคล่องตัวก็คือ แต่ละคนไปถึงวัดแล้วรู้จักหางานทำเอง พอถึงเวลาไปก็ไปช่วยเขาตรงนั้น ช่วยตรงนี้ ช่วยตรงโน้น จนกระทั่งเป็นหมู่เป็นคณะกันขึ้นมา พอเป็นหมู่คณะขึ้นมา เคยรับหน้าที่ตรงไหน ก็รับหน้าที่ตรงนั้นเป็นประจำ ท้ายสุดก็กลายเป็นงานของตัวเองไป วัดท่าขนุนปัจจุบันญาติโยมไป
แล้วก็รู้จักหางานทำเอง อาตมารู้สึกว่าปลื้มใจหน่อย ไม่ถึงขนาดต้องชี้ ไม่ถึงขนาดต้องไปจ้ำจี้จ้ำไช แล้วที่สำคัญคือไม่ต้องไปเสียเวลาแก้งานอีกด้วย"

เถรี 17-12-2016 09:16

พระอาจารย์กล่าวว่า "วันนี้นัดเซ็นสัญญาหุ้มทองจังโกพระเจดีย์ ๘๔ พรรษาสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช ของวัดท่าขนุน มูลค่า ๙.๘ ล้านบาท เซ็นสัญญาแล้ว พรุ่งนี้ก็ต้องโอนให้เขาก่อน ๒ ล้านบาท อาตมาเซ็นสัญญาทำแก้ผีหลอกเท่านั้นเอง ก่อนหน้านี้จ้างเขาไม่รู้เท่าไรต่อเท่าไรก็ไม่เห็นต้องเซ็น แต่พอเป็นทางการขึ้นมาแล้วก็ต้องมี"

เถรี 17-12-2016 09:50

"ตอนนี้ที่รออยู่แน่ ๆ เลยก็คือพิพิธภัณฑ์เครื่องรางของขลัง ๑๐๐ ปีหลวงพ่อฤๅษี ๔๓.๒ ล้านบาท เมรุก็ยังไม่เรียบร้อย คาดว่าจะทะลุ ๒๐ ล้านบาทแน่นอน เพราะตอนนี้ ๑๘ ล้านกว่าบาทแล้ว แต่ส่วนงานหนักของเมรุก็คือ เทคอนกรีตทำลานจอดรถนั่นเสร็จเรียบร้อยไปแล้ว หมดไปเกือบ ๆ ๑.๘ ล้านบาท ก็แปลว่าตอนนี้เมรุน่าจะถึง ๑๙ ล้านบาทแล้ว ก็เหลือแต่ลวดลายไทย เพราะว่าอาจารย์สมบัติท่านทำลายนาคสะดุ้งมาเล็กไปหน่อย คือทำมาประมาณ ๕ นิ้ว ไม่ได้ขนาด ต้องกว้างถึง ๘ นิ้ว คราวนี้พวกนาคสะดุ้ง ที่เป็นลายไทยชุดนั้นจึงเสียไปเฉย ๆ ต้องทำใหม่

แต่อาจารย์สมบัติท่านก็รับผิดชอบงานดี เพราะว่าความผิดพลาดอยู่ที่ตัวเองกะขนาดผิดเอง ก็เลยทำให้ฟรีโดยไม่ได้คิดเงินเพิ่ม เรื่องของลายไทยปัจจุบันนี้ราคาจะแพงมาก มีหลายคนถามว่าสร้างพระเจดีย์ทำไมไม่บอกกันบ้างเลย ? พระเจดีย์นั้นมีอยู่แล้ว ๒ องค์ ที่สร้างมาคือเมรุ แต่คนเห็นเป็นพระเจดีย์

รุ่นของเราถ้าทำได้ต้องทำไว้ก่อน ถ้าเห็นว่าฝีมือเขาสุดยอดจริง ๆ เดี๋ยวจะให้หุ้มหลังเล็กบนเขาด้วย ถ้าหากว่าหุ้มทองจังโก เจ้าประคุณเอ๋ย...คงมองเห็นตั้งแต่ ๒๐ กิโลเมตร เพราะว่าสีสันจะจับตามาก หุ้มทองแบบนี้อยู่ได้เป็น ๑๐ ปี รอ ๑๐ ปีถึงจะปิดทองอีกครั้ง แต่ทางด้านพม่านี่อาจจะเป็นเพราะว่าญาติโยมมีศรัทธากันมาก ๒ - ๓ ปีก็ปิดทองกันที เขาจะเอาอานิสงส์กัน ของเราอยู่ได้ ๑๐ ปีก็ถือว่าสุดยอดแล้ว

แต่ว่าสล่าท่านบอกว่ายิ่งเก่าจะยิ่งสวย สีทองจะออกนวลตาไปเรื่อย ใหม่ ๆ สีจะสะท้อนแสบตามาก คราวนี้วัดท่าขนุนจะสร้าง ๘๔ พรรษาสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช มีพระไพรีพินาศ ฯลฯ อยู่ข้างใน แต่พระเจดีย์ไม่ค่อยได้ใช้งานเพราะว่ามีการรั่วซึม พยายามแก้ไขมา ๒ ครั้งก็ไม่สำเร็จ สล่าบอกว่าถ้าหุ้มทองนี่จบเลย เพราะว่าเชื่อมรอยต่อด้วยตะกั่ว ไม่มีทางรั่วอีก ต่อไปเวลาเวียนเทียนสีสันจะจับตามาก"

เถรี 17-12-2016 09:55

ถาม : ทองจังโกเป็นอย่างไรครับ ?
ตอบ : ลักษณะเหมือนกับทองสัมฤทธิ์ แต่มาแผ่เป็นแผ่นแล้วหุ้ม จะบอกว่าเป็นทองเหลืองก็ใช่ แต่ว่าเป็นทองเหลืองแบบเหนือ เขามีสูตรผสมของเขาเอง เป็นภูมิปัญญาของเขาอย่างหนึ่ง อาตมาบอกว่าไม่ต้องมีลายก็ได้ แต่คราวนี้สล่าเขาบอกว่าเอาลายดุนเสียหน่อย จะเอาลายอะไร ? ในเมื่อสร้างถวายสมเด็จพระสังฆราช ก็เลยดุนลายพระนามย่อก็แล้วกัน

เถรี 18-12-2016 16:09

พระอาจารย์กล่าวว่า "ทางพระสายธรรมยุตมีกองทุนที่อาตมาเรียกว่า กองทุนเชียร์ตัวเอง ทางธรรมยุตเขามีระบบการจัดการที่ดีมาก เขามีการตั้งกองทุนแล้วก็ทำประวัติครูบาอาจารย์สายวัดป่า จะวัดเล็กวัดน้อยอย่างไรก็ต้องมีประวัติเป็นเล่ม ว่าท่านมีคุณความดีอย่างไรบ้าง พยายามที่จะขุดออกมาเพื่อแสดงออกให้คนอื่นเห็นและเกิดความศรัทธา อาตมาก็เลยเรียกว่ากองทุนเชียร์ตัวเอง

แต่มหานิกายของเราไม่มีตรงจุดนี้ จริง ๆ ควรจะทำมาก แต่คราวนี้ใครจะจ่าย ? สำคัญตรงที่ว่าใครจะจ่าย ของเขาร่วมกันตั้งเป็นกองทุนขึ้นมาแจกเป็นธรรมทาน ถือเป็นธรรมะบรรณาการ ห้ามจำหน่าย"

เถรี 18-12-2016 16:13

พระอาจารย์กล่าวว่า "อาตมาลงต้นแบบหลวงพ่อนากเอาไว้ในเว็บวัดท่าขนุน มีใครเห็นบ้างไหม ? เห็นกันแต่หลวงพ่อเงิน...ใช่ไหม ? อยู่หัวกระทู้บอกเล่าเก้าสิบ แอบ ๆ ไปลงไว้ ถ้าไม่ได้บอกบางคนก็ไม่ได้ไปดูกัน"

เถรี 18-12-2016 16:14

พระอาจารย์กล่าวว่า "เวลาเห็นคนรักษามีดหมอดี ๆ แล้วชื่นใจ ไม่อย่างนั้นบางคน โอ้โฮ...เป็นสนิมชักไม่ออก ให้ขยันเช็ดเอาไว้หน่อย"

เถรี 18-12-2016 17:36

ถาม : ไอจนเป็นเลือด ดิฉันแทบจะกลุ้มใจตายเลย ?
ตอบ : ไปนอนให้แอร์หรือพัดลมเป่าใส่ตัวตรง ๆ ถึงได้เป็น ทำอย่างไรที่จะเลี่ยงได้บ้างไหม? อย่าให้พัดลมเป่าใส่ตัวตรง ๆ ขี้ร้อนมากหรือเปล่า ? ประเภทจ่อตัวเลย ถ้าเป็นอย่างนั้นจะไม่หาย

ถาม : ไอเป็นเลือดค่ะ ต้องไปส่องกล้อง ?
ตอบ : เรื่องนั้นไม่เป็นไรหรอก เพียงแต่อย่าให้โดนลมเย็น ๆ จ่อใส่ เพราะถ้าโดนก็จะไอไม่หาย พอไอไม่หาย เรื่องเลือดเรื่องแผลก็แก้ไม่ได้ ถ้าหากว่าเปิดเครื่องปรับอากาศก็อย่าให้ลงตรง ๆ ที่เตียงนอนของเรา ถ้าหากว่าพัดลมก็อย่าไปเปิดจ่อใส่ตัว ไม่น่าเชื่อว่าเรื่องแค่นี้ปล่อยให้ป่วยเสียอยู่ได้ พออายุเริ่มมากแล้วไฟธาตุน้อย พอไปเจอลมเย็น ๆ จ่อใส่ก็เสร็จทุกราย เอาเถอะ...อย่างไรก็แก้โดยวิธีนี้ไปก่อนแล้วกัน

ถาม : ส่วนเจ้านี้เมื่อก่อนหมอบอกว่ามีปัญหาทางตามาก เป็นต้อหิน ?
ตอบ : พวกเดียวกัน อาตมาไปหาหมอที่โรงพยาบาลรัตนิน ทางรัตนินบอกว่าไม่ต้องรักษาหรอกหลวงพ่อ เดี๋ยวก็บอดไปแล้ว แล้วมีหน้ามาบอกอีกว่า "ผมบอกตรง ๆ หลวงพ่ออย่าเครียดนะ" เพราะฉะนั้น...เราพวกเดียวกัน เป็นก็เป็นไป จะไปเดือดร้อนอะไร

ถาม : ต้ออะไรครับ ?
ตอบ : ต้อหิน...แก้ไม่ได้ ที่แก้ได้แต่ต้องเป็นต้อเนื้อ

ถาม : แล้วจะแก้อย่างไรคะ ?
ตอบ : ลองไปหาท่านอาจารย์บ๊ะดู พระอาจารย์บ๊ะบอกว่าที่เป็น ๆ แล้วมาหาผม ไม่เห็นต้องผ่าสักราย เพียงแต่ว่าต้องไปบ่อย ๆ อาจจะน่ารำคาญหน่อย ไปถึงท่านก็จิ้มนั่นนิดจิ้มนี่หน่อย ท่านอยู่อินทร์บุรี อยู่เลยสิงห์บุรีไปนิดหนึ่ง แต่ยังเป็นจังหวัดสิงห์บุรี ไปโน่นท่านจิ้มให้ไม่กี่ที อาตมาเองก็อาศัยท่านอยู่ ตั้งแต่ท่านจิ้มให้นี่รู้สึกว่าตาใสขึ้นจริง ๆ เพียงแต่ว่าไม่ค่อยมีเวลาไปต่อเนื่อง ถ้าเป็นไปได้ก็ไปสักอาทิตย์ละครั้ง ประมาณ ๕ นาทีก็เสร็จแล้ว ท่านรักษาเหมือนอย่างกับไม่ได้รักษา จับหันซ้ายหันขวา จิ้มโน่นจิ้มนี่ไม่กี่ที ก็กลับได้แล้ว เดี๋ยวค่อยมาใหม่

เถรี 18-12-2016 20:38

พระอาจารย์กล่าวว่า "หลวงพ่อรุ่งเป็นศิษย์รุ่นพี่ของหลวงพ่อเดิม พูดง่าย ๆ ว่าท่านทำมีดหมอมาก่อน แล้วหลวงพ่อเดิมก็ไปศึกษาเพิ่ม คือสมัยก่อนใครสำเร็จวิชามา ก็จะมีคนไปเรียนต่อ หลวงพ่อเดิมไปเรียนกับหลวงพ่อขำ วัดเขาแก้วมาด้วยกัน แต่ยังไม่ได้ทำมีดหมอ หลวงพ่อรุ่งท่านทำสำเร็จก่อน หลวงพ่อเดิมก็เลยไปทำใส่เกวียนเข็นให้หลวงพ่อรุ่งช่วยเสก เพราะฉะนั้น...มีดหมอของหลวงพ่อเดิมจะมีรุ่นที่ฝังเงิน ทอง นากไว้เหมือนกับหลวงพ่อรุ่ง แต่มีอยู่รุ่นเดียว พอมารุ่นหลังช่างทางพยุหะคีรีเขาทำให้ ถึงได้มีเอกลักษณ์ของตัวเอง

คนนครสวรรค์เขามีภาษิตว่า "มีดหมอหลวงพ่อเดิมเอาไว้ขาย มีดหมอหลวงพ่อรุ่งเอาไว้ใช้" เพราะมีดของหลวงพ่อเดิมราคาแพงมาก เขาเอาไว้ขาย ของหลวงพ่อรุ่งเอาไว้ใช้ ของหลวงพ่อรุ่งระดับเงินหมื่นยังพอหาได้อยู่"

เถรี 18-12-2016 20:41

พระอาจารย์กล่าวว่า "เรื่องของกรรมฐานต้องทำต่อเนื่อง ถ้าทำไม่ต่อเนื่องก็จะเสียผล อย่างช่วงนี้พระที่ท่านบวชถวายในหลวง ๘๙ รูป อาตมานำกรรมฐานให้ ๔-๕ วันติดกัน ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพอไม่อยู่แล้วจะทำเองได้หรือเปล่า ? เพราะว่าที่นำให้จริง ๆ นั้นเป็นการทำของยากให้ง่าย ก็คือเอากรรมฐาน ๔๐ กองมายำรวมกัน คนไม่สังเกตก็ไม่รู้ ทำตามไปเรื่อยเปื่อย

ที่ไหนได้ทั้งอนุสสติ ๑๐ ทั้งอสุภกรรมฐาน ๑๐ ทั้งพรหมวิหาร ๔ จตุธาตุววัฏฐาน อาหารเรปฏิกูลสัญญา หรือกระทั่งอรูป ๔ ก็อยู่ในนั้นหมด อาตมายืนยันว่าในประเทศไทยปัจจุบันน่าจะเหลือวัดท่าขนุนอยู่ที่เดียว ที่สามารถยำกรรมฐาน ๔๐ กองเป็นกองเดียวได้"


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 06:01


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว