กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=47)
-   -   เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนกันยายน ๒๕๕๗ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=4133)

เถรี 14-09-2014 13:01

ถาม : มีดหมอที่จะทำเป็นรุ่นสุดท้าย เปิดจองหรือยังครับ ?
ตอบ : ยัง..ปีหน้าโน่น...

ถาม : ราคากำหนดหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : กำหนด..แต่แพงโคตร..!

เถรี 14-09-2014 13:04

ถาม : แม่เป็นมะเร็งค่ะ
ตอบ : จะว่าไปแล้วคนเป็นมะเร็งนี่โชคดีนะ อันดับแรก..ต้องคอยเตือนสติให้รู้ตัวเองอยู่ตลอดเวลาว่าจะตาย อันดับสอง..ความเจ็บของมะเร็งบางทีมอร์ฟีนเอาไม่อยู่ พึ่งได้อย่างเดียวคือกำลังใจตัวเอง

ตัวอย่างชัดที่สุดก็คือหลวงพ่อเจ้าคุณไสว (พระเทพวิสุทธิเวที วัดอนงคาราม) ท่านมรณภาพแล้วไปเป็นพรหม ท่านบอกว่าตอนที่ท่านเป็นมะเร็งรู้สึกปวดมาก จนกระทั่งนึกอะไรไม่ออก กรรมฐานก็ไม่เคยปฏิบัติ แต่เจ้าคุณวีระ (หลวงพ่อวัดท่าซุง) ท่านพูดกรอกหูอยู่บ่อย ๆ ก็เลยต้องเอา ก็คือเวลาเจอหน้าหลวงพ่อวัดท่าซุงแต่ละครั้งท่านก็ชวนให้ปฏิบัติ จะได้ช่วยได้ ท่านก็เลยหันมาจับลมหายใจ หันมาภาวนา เออ..ทำให้อาการเจ็บปวดเบาลงจริง ๆ ก็เลยต้องเกาะลมหายใจเป็นหลัก ไม่อย่างนั้นท่านบอกว่า ตายแล้วยังไม่รู้เลยว่าจะหลุดไปไหน นี่ต้องบอกว่าเป็นความดีของมะเร็งที่ทำให้ไปถึงพรหม


ถาม : ให้แม่สวดมนต์ ?
ตอบ : ก็ดีแล้วนี่..ถ้าเราร่วมสวดได้ก็สวดไปด้วย

ถาม : กลัวว่าสวดด้วยแล้วคนอื่นจะตกใจ ?
ตอบ : ไม่เป็นไรหรอก ให้ท่านรู้ว่าเราอยู่ใกล้ แล้วทำให้ท่านไม่ลืมความดี

เถรี 14-09-2014 13:09

ถาม : คนที่จะเกษียณส่วนใหญ่เขาไม่รู้เรื่องภาษีบำเหน็จที่เขาจะได้ คราวนี้เรามีความรู้ตรงนี้อยู่ เราจะไปสงเคราะห์อย่างไรจึงจะไม่ไปยุ่งกับคนอื่นมากเกินไปครับ ? เพราะผมจะไปพูดให้เขาฟังว่ามีวิธีการทำผลที่จะต้องเสียภาษีแบบนี้ได้ โดยที่จำนวนภาษีตรงนี้จะน้อยลง ?
ตอบ : รวบรวมข้อมูลสักหน้าหรือสองหน้าเป็นเอสี่ แล้วก็พิมพ์ให้เขาไป

ถาม : ผมมาอ่านพบว่าไปได้อีกหลายทาง ถ้าทำต่อแบบขึ้นทะเบียนก็หลุดได้อีกเยอะ แต่ว่าสิ่งที่ผมคิดต่อก็ยังหมิ่นเหม่ว่า บางทีเจ้าหน้าที่กรมสรรพากรจะตีความเข้าข้างแบบนี้ด้วยหรือเปล่า ?
ตอบ : เรามีหน้าที่แนะนำ ส่วนเขาจะเอาหรือไม่เอาก็เรื่องของเขา

ถาม : แต่เราแนะนำเขาได้ใช่ไหมครับว่า เราตีความเป็นแบบนี้ ถูกหรือไม่ถูก ให้เขาไปตัดสินใจเอาเอง ?
ตอบ : อย่าลืมวงเล็บไว้ด้วยแล้วกันว่า เจ้าหน้าที่อาจจะตีความเป็นอีกอย่างหนึ่ง

ถาม : แบบนี้ถือว่าเราไม่ยุ่งกับกรรม ?
ตอบ : เราไม่ได้ยุ่งอะไรกับเขาหรอก เราแค่ส่งให้เฉย ๆ เขาจะอ่านไม่อ่าน ทำไม่ทำ ก็เป็นเรื่องของเขา

ถาม : แล้วเราให้ความรู้ทางโลก จะอธิษฐานว่าเป็นความรู้ทางธรรมได้ไหมครับ ?
ตอบ : นั่นเป็นธรรมทานอยู่แล้ว ในเมื่อเป็นธรรมทานอยู่แล้ว เราก็ตั้งใจว่าผลบุญนี้เราต้องการอะไร ก็อธิษฐานไป

เถรี 14-09-2014 13:12

พระอาจารย์กล่าวถึงรูปหล่อหลวงปู่สายว่า "เป็นรูปหล่อหลวงปู่ที่เหมือนจริงมากที่สุดในโลก เพราะว่าถอดแบบด้วยคอมพิวเตอร์ เอาองค์เก่าเป็นต้นแบบองค์ท่าน แล้วก็เอารูปถ่ายเป็นต้นแบบใบหน้าของท่าน เพราะฉะนั้น..ไม่เหมือนก็ไม่ได้หรอก อย่างไรต้องเหมือน คุณบอลบอกว่า “หลวงปู่ท่านก็อายุมาก จะใส่รอยย่นที่หน้าผากสักหน่อยไหมครับ ?” อาตมาบอกว่า “มะเหงกแน่ะ...! ข้าไม่เคยเห็นหลวงปู่มีรอยย่นเลย” หลวงปู่ท่านเป็นคนผอม แล้วท่านผอมแบบประเภทหน้าตอบ ไม่มีรอยย่นเลย"

เถรี 14-09-2014 13:14

พระอาจารย์เล่าว่า "มีพระวัดท่าขนุนท่านถามว่า พุทธาภิเษกงวดนี้ วัตถุมงคลมีหลายอย่าง ถ้าเป็นอาตมาจะเอาอย่างไหน ? อาตมาบอกว่าเอาหลวงปู่สายเป็นหลัก ท่านถามว่าทำไม ? ก็หลวงปู่สาย ๑๐๐ ปีมีครั้งเดียว แต่รุ่นอื่นอาจจะมี ๑, ๒ ,๓, ๔ ไล่ไปจนไม่รู้จบได้ แต่ ๑๐๐ ปีมีรุ่นที่ ๒ ไม่ได้ เพราะรุ่นถัดไปก็ต้องเป็น ๑๐๑ ปี"

ถาม : มีหลายรุ่นแล้วจะเอาไปตั้งตรงไหน ?
ตอบ : เออ...ถามเข้าท่า พูดถึงเรื่องนี้แล้วบางทีอาจจะต้องหาวัตถุมงคลไปใส่ตู้ไว้ให้ชม ไม่รู้ว่าจะหาได้ครบหรือเปล่า ? เพราะว่าเกือบทุกรุ่นอาตมาไม่มี โดยเฉพาะตะกรุดมหาสะท้อนรุ่นแรก แจกหมดเกลี้ยง

เถรี 14-09-2014 13:17

"อาตมาทำตะกรุดมหาสะท้อนมา ๕ รุ่นแล้ว รุ่นแรกเป็นเนื้อเงินล้วน ๆ ๖๐ ดอก ต้องบอกว่าทำลองวิชา ดูว่าขลังจริงหรือเปล่า ? ก็เลยต้องไล่แจกเขาจนหมด รุ่นแรกนี่ม้วนแน่นเปรี๊ยะเลย พอมารุ่นที่ ๒ ทำตอนอยู่วัดท่ามะขาม รุ่นนั้นบอกให้เขารีดแผ่นเงินมากว้าง ๒ นิ้ว ยาว ๕ นิ้ว เขาดันรีดแผ่นเงินมากว้าง ๒ นิ้ว ยาว ๒ นิ้ว โอ้โฮ...ม้วนแทบตายกว่าจะได้ ขนาดให้พระครูน้อยประเภทลูกชาวบ้านแรงควายนะ บิดบุบไปนิดเดียว บอกว่าม้วนไม่ไป อาตมาก็เลยต้องม้วนอยู่คนเดียว แต่คราวนี้ถ้าดอกไหนที่ม้วนแรก ๆ นี่ก็จะแน่น ดอกที่ม้วนหลัง ๆ ก็ค่อนข้างจะบาน ๆ หน่อย เพราะแรงหมด กดไม่เข้าแล้ว นี่พอจะเป็นจุดสังเกตได้

พอมารุ่นที่ ๓ นี่สั่งทางโรงงานเขาทำ เขามีเจตนาชัด ๆ เลยก็คือว่า มาส่งเอาเช้าวันปลุกเสก จะพุทธาภิเษก ๗ โมงครึ่ง เขามาถึง ๖ โมงกว่า ไม่มีโอกาสตรวจรับอะไรเลย ถึงออกมาเป็นรุ่นมีห่วง แต่คราวนี้คำว่า "ห่วง" กับ "ห่วย" ก็ใกล้เคียงกัน แล้วก็เลยกลายเป็นเอกลักษณ์ไปว่า รุ่นนั้นไม่เหมือนใคร ห่วยจริง ๆ

มารุ่นที่ ๔ นี่นอกจากม้วนแน่นแล้วยังเขียนรหัสเลข ๔ ไทยไว้ด้วย ทั้งเนื้อทองคำทั้งเนื้อเงินเลย"


ถาม : มีทองคำด้วย ?
ตอบ : มี...รุ่น ๔ นี่ทองคำเยอะ น่าจะ ๕๐-๖๐ ดอกได้ แต่ว่าอาตมาจะมีรายชื่อเจ้าของอยู่ด้วย คิดเขาแพงโหดร้ายมากเลย คือให้เจ้าของหาทองคำมาเอง แล้วอาตมาคิดค่าเขียนเท่ากับตะกรุดเงิน ๑ ดอก

รุ่นล่าสุดนี่เพิ่งทำเสร็จ ถือว่าเป็นรุ่นที่ ๕ แต่ความจริงไม่ใช่รุ่นหรอก เพราะทำบรรจุในมีดหมอเพชราวุธ รุ่นนี้ทำแค่ ๑๐๘ ดอก แต่ว่ามีเกินมา ๔-๕ ดอก ถ้าใครเจอตะกรุดมหาสะท้อนที่แกะออกมาแล้วมีรหัสตัวขอม คือตัว "วะ" ให้รู้ว่าเป็นรุ่นพิเศษ ทำเพื่อบรรจุในมีดหมอเพชราวุธ ร่วมกับตะกรุดพระพุทธเจ้า ๕ พระองค์ (ทองคำ) ตะกรุดมหาอำนาจ (นาก) และตะกรุดแก้วสารพัดนึก (เงิน)

เถรี 14-09-2014 13:18

ถาม : มีดหมอออกเมื่อไรครับ ?
ตอบ : ปีหน้าจะออก

ถาม : เล่มหมื่นกว่าหรือครับ ?
ตอบ : เล่มเป็นแสนครับ..! เพราะว่าเป็นเนื้อนวโลหะที่อาตมาใส่ทองคำลงไปเกือบสี่สิบบาท แล้วบรรจุตะกรุดทองคำ นาก เงิน แล้วก็ตะกรุดมหาสะท้อน (เงิน) ด้วย เพราะฉะนั้น..ไม่ต้องคิดเลยว่าจะราคาถูก ๆ

เถรี 14-09-2014 14:02

พระอาจารย์เล่าว่า "เมื่อวานไปงานหล่อพระที่วัดไร่แตงทอง พระครูวิโรจน์ท่านบ่นว่า “สมุดบันทึกประจำวันของผมหาย น้องชายซื้อคืนมาให้” แล้วท่านก็งัดซัมซุงแกแล็กซี่ออกมา อาตมาก็ถาม “แล้วใช้เป็นหรือวะ ?”พอได้ครับ” นั่งจิ้มอยู่ได้เป็นวัน"

ถาม : หล่อพระอะไร ?
ตอบ : วัดไร่แตงทองเขาจะหล่อพระอัครสาวก ๘๐ องค์ให้ครบ เขาหล่อปีละองค์ไล่ไปเรื่อย ปีนี้เป็นพระอัญญาโกณฑัญญะ ปีก่อนเป็นพระอุบาลี ปีก่อนโน้นเป็นพระอานนท์

ถาม : หล่อเมื่อวานกี่โมง ?
ตอบ : เมื่อวาน ๑๓.๑๙ น. สงสารแต่จามจุรีต้นนั้นแหละ กิ่งก้านไหม้แล้วไหม้อีกตอนหล่อพระ กำลังเริ่มแตกใบใหม่ก็หล่อองค์ใหม่ทุกที เพราะมีลานอยู่เฉพาะตรงนั้นที่ว่างพอ ไปทีไรท่านอาจารย์สายชลจะใช้วิธีว่า ไหน ๆ ก็มาแล้ว นิมนต์พวกเราไปนั่งพักที่คลังวัตถุมงคล ประจำเลย นั่งพักของท่านก็คือไปนั่งเสกวัตถุมงคลของท่านให้ด้วย

เถรี 14-09-2014 14:03

ถาม : มีดหมอเพชราวุธที่จะทำยาวเท่าไรครับ ?
ตอบ : ใบ ๗ นิ้ว แหลมเปี๊ยบน่ากลัวมาก ไล่ได้ทั้งคนทั้งผี..!

เถรี 14-09-2014 14:06

ถาม : วัตถุมงคล ทำให้เรายึดติดแล้วมาเกิดใหม่ครับ
ตอบ : อย่างน้อยก็ได้เกิดในที่ดี ดีกว่าลงข้างล่างตั้งเยอะ..!

คุณตือบอกว่าออกวัตถุมงคลแล้วทำให้โยมติด แล้วต้องมาเกิดใหม่ แต่ระยะนี้มีคนหากินกับวัตถุมงคลของอาตมาโดยเฉพาะ เล่นกันแพงมากเลย พอรับไปหมอเสือก็เอาไปออกเว็บ ๒๐,๑๐๐ บาท ๑๐๐ บาทเป็นค่าส่ง เขาคิดราคามากกว่าทางวัดแค่เท่าตัวเท่านั้น คุณล้อมเดชก็ ๑๘,๕๐๐ บาท ไปจ้อยเหมือนกัน เขาใส่ราคาแบบกล้าตายมาก แล้วดันมีคนสู้ราคาด้วย

ตะกรุดพระแม่ธรณีเนื้อทองคำ รุ่นแรก ออกมาของวัดท่าขนุน ๕,๐๐๐ บาท เขาไปลงให้บูชาในเว็บ ๒๘,๕๐๐ บาท แล้วก็ออกได้ด้วย พูดง่าย ๆ ก็คือเอา ๒๓,๕๐๐ ใส่กระเป๋าฟรี ๆ แล้วก็มีหลายรายจับเสือมือเปล่า ทันทีที่ได้รูปจากเว็บท่าขนุนก็เอาลงกระทู้เลย พอคุณโอนเงินมาผมก็เอาเงินคุณไปจ่ายวัดท่าขนุนครึ่งหนึ่ง อาตมาไปไล่ดูแล้วมีอยู่ประมาณ ๓๐ รายชื่อ เปิดกระทู้กันครึกครื้นมากเลย ได้เก็บข้อมูลไว้หมดแล้ว มีทั้งชื่อนามสกุล เบอร์โทรศัพท์ หมายเลขบัญชี คือไม่นึกว่าจะได้ราคากันขนาดนั้น ก็คิดดู..บูชาไป ๑๐,๐๐๐ บาท แล้วออก ๒๐,๐๐๐ บาทก็มีคนบูชาด้วย

เถรี 14-09-2014 14:07

พระกริ่งพิชัยสงครามนี่ปลอมเต็มตลาดเลย ถ้าไม่มีที่มาที่ไปชัดเจนอย่าไปแตะนะ

ถาม : เหมือนเลยหรือครับ ?
ตอบ : เหมือนเป๊ะ พิมพ์เดียวกันเลย เพราะสมัยนี้ถอดบล็อกด้วยคอมพิวเตอร์ เล็กกว่า ๑-๒ มิลลิเมตรจะไปวัดกันอย่างไร เขายอมลงทุนใช้เลเซอร์สแกน ต่อให้คุณมีตำหนิเท่าไรก็ได้หมด พระองค์ที่ ๑๑ นี่ปลอมกระทั่งองค์ ๙ นิ้ว ปลอมไม่เหมือนก็ยังอุตส่าห์ปลอม แล้วก็ยังยืนยันว่าเป็นของวัดท่าขนุน

ถาม : มีแล้วหรือครับ ?
ตอบ : มี..ท่าพระจันทร์มี ไปเดินหาเอา ขนาดองค์ ๙ นิ้วยังมีเลย แต่เขาไม่รู้ว่าของอาตมาหน้าตัก ๑๐ นิ้ว ทำใหญ่กว่าปกตินิ้วหนึ่ง คราวนี้ของเขาปั้นแบบมา ๙ นิ้ว ก็เห็นชัด ๆ ว่าไม่ใช่ ขอให้หากินได้เขาก็หากินไปเรื่อยแหละ

ถาม : อย่างนี้ถือว่าบาปไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าตั้งใจหลอกลวงเขาแล้วไม่บาปก็คงไม่มีหรอก

ถาม : ตั้งใจแค่สร้างให้คล้าย ๆ ?
ตอบ : เขาไม่ได้ตั้งใจให้คล้าย เขายืนยันว่าเป็นของวัดท่าขนุน ส่วนพวกปลอมตะกรุดมหาสะท้อนนี่ แหม..หากินง่ายเหลือเกิน เขาเอาแผ่นเงินมาม้วนเฉย ๆ ไม่มีอะไรเลย จะลงทุนเขียนอักขระสักหน่อยก็ไม่มี..!

เถรี 14-09-2014 14:10

ถาม : มาจากกระบี่ครับ จะมาขอช่วยสร้างศาลาที่พักสงฆ์ที่กระบี่ครับ
ตอบ : จะมาช่วยอาจารย์สร้างศาลา ? ด้วยความยินดี

ถาม : มาขอความช่วยเหลือจากพระอาจารย์ครับ ?
ตอบ : ถ้าจะมาขอความช่วยเหลือไม่ต้องขอหรอก งานอาตมาท่วมหัวอยู่แล้ว สำนักสงฆ์อยู่แถวไหน ? (...อยู่ที่คลองยาครับ...)

ปัจจุบันนี้อาตมากำลังหน้ามืดอยู่ ค่าใช้จ่ายเฉพาะค่าแรงช่างเดือนหนึ่ง ๘๐๐,๐๐๐ บาท ค่าเรียนของบรรดาพระนักเรียนประมาณเดือนละแสนเศษ ถ้าช่วยหาเงินได้จะเป็นพระคุณอย่างยิ่ง แต่ถ้าให้ไปช่วยที่อื่นนี่ไม่ไหวแล้ว วันก่อนยังถามวิศวกรที่ไปคุมงานอยู่ “ใครวะ..ดันตีราคาศาลาให้กูราคา ๔๐ ล้าน ? ตอนนี้ ๓๑ ล้านบาทเพิ่งได้ชั้นเดียวเอง” พระที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ท่านบอกว่า “อาจารย์ครับ..นั่นเป็นวิธีหางานของเขา ถ้าเขาตีแพงเดี๋ยวท่านอาจารย์ไม่ทำ” อ๋อ..ที่แท้พอถึงเวลาทำไปแล้ว รายจ่ายบานปลายไปเรื่อย ๆ ประเมินราคามา ๔๐ ล้าน ตอนนี้ ๓๑ ล้านกว่าบาท เพิ่งได้มาชั้นเดียวเอง อีก ๒ ชั้นไปเอาที่ไหนจ่ายวะ ?

เถรี 14-09-2014 14:17

แค่คนที่เขาต่อคิวขอความช่วยเหลืออยู่ก็ยาวเป็นหางว่าวแล้ว ตอนงานทำบุญวันแม่ อาตมาบอกกับท่านอาจารย์วันชาติว่า "การถวายเงินช่วยสร้างพระ ปีหน้าผมจะช่วยอีกปีหนึ่ง ถ้าต่อไปก็ตัวใครตัวมันนะ" ท่านรีบส่งเสียง “วู้...ส่งมาตั้งกลางทางแล้วมาปล่อยทิ้งได้อย่างไร ?” สำหรับท่านอาจารย์ชาติอาตมาให้ไปปีละล้านมา ๔ ปีแล้ว

ส่วนของท่านอาจารย์โนรี ตอนแรกก็ตกลงกันว่า พวกเรา ๙ รูปช่วยกันรูปละ ๑ ล้านบาท ปรากฏว่าเอาเข้าจริง ๆ เหลืออาตมาคนเดียว ก็เลยเหมาไปคนเดียว ๘ ล้านกว่าบาท พรรคพวกพอเขาถีบอาตมาออกหน้าได้ เขาก็ถอยกันแล้ว มีคนไปตายแทนแล้วนี่ อาตมาถวาย ๑ ล้านบาทให้ท่านอาจารย์โนรีไป
ก็สบายใจ ท่านอาจารย์โนรีบอกว่า “อาจารย์ครับ...เพิ่งจะมีอาจารย์ให้มา คนอื่นไม่มีใครให้เลยครับ” อาตมาก็เลยต้องช่วยหาให้เขา สรุปแล้วสมเด็จองค์ปฐมของท่านทำไปเกือบ ๒๐ ล้านบาท อาตมาช่วยไป ๘ ล้านเศษ

สมเด็จองค์ปฐมของท่านอาจารย์โนรีหน้าตักแค่ ๔๐ ศอก ส่วนสมเด็จองค์ปฐมของท่านอาจารย์วันชาติ ๕๐ ศอก จำไว้ว่าอย่าปากไว พอท่านเห็นท่านอาจารย์โนรีสร้าง ๔๐ ศอกก็ “ฮื้อ..ถ้าผมทำต้อง ๕๐ ศอก” เสียงสาธุสนั่นเลย
..! หันไป..โอ้โฮเว้ย...พระ พรหม เทวดา พนมมือสาธุไปเรียบร้อยแล้ว ถอยไม่ได้แล้ว ต้องขึ้นหน้าอย่างเดียว

เพราะฉะนั้น..อย่าบารมีเข้มมาก บารมีเข้มมากนี่ลำบาก พระพุทธเจ้าท่านสร้างบารมี ท่านคิดว่าจะเป็นพระพุทธเจ้า ๙ อสงไขยกัป พูดว่าจะเป็นพระพุทธเจ้า ๗ อสงไขยกัป และทำกาย วาจา ใจ เพื่อความเป็นพระพุทธเจ้าอย่างน้อยอีก ๔ อสงไขยกัป เพราะฉะนั้น..ถ้าพูดออกมาแสดงว่ากำลังใจใช้ได้แล้ว พระ พรหม เทวดาท่านสาธุเลย โมทนาด้วย คราวนี้คุณก็ทำตายชักไปเถอะ

อะไรที่เป็นของใหญ่ ๆ แพง ๆ อย่าเพิ่งหลุดปากไป คิดโครงการเงียบ ๆ ไว้ในใจก่อน พิมพ์ไว้ก่อนก็ได้ ยังไม่แน่ใจอย่าเพิ่งไปประกาศ อย่างหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค ถึงเวลาทำบุญท่านก็อธิษฐาน ถ้าท่านอยู่ใกล้เครื่องเสียงก็ออกไมค์เลยว่า สิ่งที่ท่านทำนั้นเพื่อความปรารถนาในพระโพธิญาณ ถ้าคนที่กำลังใจไม่ถึงจะไม่กล้าประกาศออกมาอย่างนั้น พยานทั้งที่มีชีวิตและไม่มีชีวิตเยอะแยะไปหมด เท่ากับบังคับตัวเองว่าต้องทำให้ได้ เพราะว่าพยานเยอะ

เถรี 14-09-2014 14:18

ถาม : กำลังใจที่รับได้ กระทบกันอย่างไร ?
ตอบ : กระทบกันอย่างไร ? ก็เหมือนกับวิทยุคลื่นเดียวกัน พออยู่ใกล้กันก็รับกันได้ พออยู่ห่างหน่อย กำลังไม่ดีก็รับไม่ถึง

เถรี 14-09-2014 14:24

พระอาจารย์กล่าวว่า "พระพุทธรูปงาช้างองค์นี้เป็นพระพุทธรูปประจำตัว ไปไหนอาตมาก็พกไปด้วย หลวงปู่มหาอำพันท่านพกพระแก้วมรกต พวกเราลองนึกดูว่าขนาดพระอย่างหลวงปู่มหาอำพันนะ ถึงเวลาท่านไม่ได้อยู่ในวัด ท่านก็จะอัญเชิญพระพุทธรูปออกจากย่าม มาตั้งตรงหน้า กราบงาม ๓ ทีแล้วก็เริ่มทำวัตรสวดมนต์ แล้วพวกเรายังจะประมาทอยู่อีกหรือ ?

องค์นี้เป็นฝีมือช่างหลวงสมัยรัชกาลที่ ๗ เป็นงาแค่ซีกเดียว แสดงว่าต้องมีอีกองค์หนึ่ง แต่ไม่รู้อยู่กับใครที่ไหน ?"

เถรี 15-09-2014 14:37

พระอาจารย์กล่าวว่า "พระพุทธเจ้าท่านเปรียบบุคคลไว้ ๔ จำพวก
จำพวกที่หนึ่ง ฟ้าก็ไม่ร้อง ฝนก็ไม่ตก
จำพวกที่สอง ฟ้าร้อง แต่ฝนไม่ตก
จำพวกที่สาม ฟ้าไม่ร้อง แต่ฝนตก
จำพวกที่สี่ ทั้งฟ้าร้องและฝนตก

เหมือนกับบุคคลผู้ศึกษาธรรม

ไม่มีความรู้ก็ไม่พูด ก็เหมือนกับฟ้าไม่ร้อง ฝนไม่ตก
ไม่มีความรู้แต่พูด เหมือนอย่างกับฟ้าร้อง แต่ฝนไม่ตก
มีความรู้แล้วไม่พูด เหมือนกับฟ้าไม่ร้อง แต่ฝนตก
มีความรู้ด้วยแสดงแก่ผู้อื่นด้วย เหมือนกับฟ้าร้องและฝนตก"

เถรี 15-09-2014 14:39

พระอาจารย์เล่าว่า "มีคนถามในเว็บพลังจิตว่า มีเงินอยู่ ๓,๐๐๐ บาท เอาไปหล่อพระ หรือว่าเอาไปช่วยหมาที่บาดเจ็บสาหัสจะตาย อย่างไหนจะได้บุญมากกว่ากัน ? ปัญหานี้มีใครกล้าตอบบ้าง ? เถียงกันแหลกลาญเลย ปัญหานี้อยู่ที่ระยะเวลา ถ้าถามว่าอย่างไหนได้บุญมากกว่ากัน ? หล่อพระได้บุญมากกว่าจนประมาณไม่ได้อยู่แล้ว

แต่สำคัญที่ระยะเวลาต่างหาก ว่าหมาตัวนั้นบาดเจ็บจะตาย แล้วเราควรช่วยหมาก่อนหรือเปล่า ? คนตั้งคำถามนั้นตั้งผิด ถ้าเขาถามว่าหล่อพระกับช่วยหมาควรจะทำอย่างไหนก่อนถึงจะถูก เขาดันไปถามว่าอย่างไหนจะได้บุญมากกว่ากัน แบบนี้ตั้งใจจะให้คนทะเลาะกันมากกว่า มีอีกวิธีหนึ่งนะ..ไปหล่อพระแล้วก็กลับมาบอกหมาว่า "เอ็งตายได้แล้ว โมทนาด้วยนะ.."

หลายต่อหลายครั้งที่รู้ว่าโยมตั้งคำถามผิด แต่อาตมาก็ตอบไปตรง ๆ ตามนั้นแหละ ส่วนเขาจะมีปัญญาพอหรือมีปัญญาไม่พอก็เป็นเรื่องของเขา"

เถรี 15-09-2014 14:44

พระอาจารย์เล่าว่า "หลังงานทำบุญวันแม่ อาตมาขึ้นไปงานตุ๊ป้อสิงห์ที่วัดพระพุทธบาทถ้ำป่าไผ่ ท่านก็เอาพานดอกไม้ธูปเทียนมากราบ ขอให้ช่วยเป็นประธานสร้างพระจุฬามณีให้ด้วย ความจริงตุ๊ป้อท่านกังวลเกินไป ท่านบอกว่าเห็นมาตั้งแต่สมัยหลวงปู่ครูบาวงศ์ ว่าการสร้างพระจุฬามณีนั้นเป็นบุญใหญ่ เป็นเรื่องที่กระทำได้โดยยาก

หลวงปู่ครูบาวงศ์จะตัดไม้วามา แล้วก็อธิษฐานวัด เพื่อที่จะได้รู้ว่ามีบุญพอที่จะสร้างได้หรือไม่ ตุ๊ป้อท่านก็กลัวว่าวัดแล้วไม้จะยาวขึ้นกระมัง ? ก็เลยใช้วิธีง่าย ๆ มานิมนต์อาตมาเป็นประธาน หมดเรื่องหมดราวไปเลย

เรื่องของการวัดไม้อธิษฐานเป็นการเสี่ยงบารมีอย่างหนึ่ง ถ้าหากว่าจัดแล้วก็อยู่ในอธิษฐานบารมี แต่คราวนี้กำลังใจของบางคนตั้งผิด พออธิษฐานแล้วไม่เป็นไปตามนั้น บางคนก็
หมดกำลังใจ เฉาไปเลย"

เถรี 15-09-2014 14:47

"มีอยู่ช่วงหนึ่ง ตอนหลวงพ่อวัดท่าซุงมรณภาพใหม่ ๆ เวลาจะทำอะไรมีพระผู้ใหญ่รูปหนึ่ง ใช้วิธีอธิษฐานแล้วหยิบก้านธูปมา ว่าจะเป็นคู่หรือเป็นคี่ สรุปก็คือทำได้หรือทำไม่ได้ อาตมาได้ยินแล้วก็ แหม..ถ้าอยู่ใกล้ ๆ กำลังหยิบนี่จะยันให้สักที เพราะการหยิบลักษณะนั้นก็ครึ่งต่อครึ่ง ได้กับไม่ได้แน่นอนอยู่แล้วว่าต้องเป็นอย่างหนึ่ง ก็เลยบอกว่า "ผมนั่งอยู่นี่ทั้งคน ทำไมไม่ถามผม ?" อาตมาอวดดีเกินไป ตอนนั้นอาตมายังเป็นเด็ก พอเห็นเขาทำอย่างนั้นก็เลยอวดดี ยังโชคดีที่ท่านไม่ถือโกรธ

จะลองเสี่ยงดูไหม ? จะทำอะไรก็หยิบเอา ก้านไม้ขีดก็ได้ หรือไม่ก็กำถั่วไปเลย ก็คู่คี่เหมือนกัน ถึงเวลาก็เอาโก๋แก่มาถุงหนึ่ง ฉีกเทเลย หลุดออกมาคู่หรือคี่ อย่างโบราณเขาบอกว่าห้าสิบห้าสิบ ครึ่งต่อครึ่ง วิธีการที่เป็นวิทยาศาสตร์กว่านั้นมีตั้งเยอะทำไมไม่ทำ ?

เรื่องของการอธิษฐานวัดไม้ อาตมาทำไม่ได้ เพราะว่าวัดแล้วเกินทุกทีเลย ก็เลยเสี่ยงไม่ได้ สรุปว่าทำอะไรก็ทำไปเถอะ อย่างไรก็สำเร็จอยู่แล้ว ท่านให้ตัดไม้หรือว่าหาเชือกมาให้ยาวจากนิ้วกลางข้างหนึ่ง แล้วกางให้สุดไปถึงนิ้วกลางอีกข้างหนึ่ง อธิษฐานแล้ววัดใหม่ ถ้าเรื่องนั้นจะสำเร็จเชือกหรือไม้นั้นจะยาวขึ้น ถ้าเรื่องนั้นไม่สำเร็จ เชือกหรือไม้นั้นจะสั้นลง เขาใช้คำว่า "วัดวา" เพราะสมัยก่อนเขากางแขนออกมา คนโบราณเขาถือว่าได้หนึ่งวาพอดี"

เถรี 15-09-2014 14:50

พระอาจารย์กล่าวว่า "มีดบ้านจ่าตุ่มนี่ เขามีคติว่าถ้าเห็นให้คว้าไว้ก่อน ถ้าช้าแล้วหายวับไปกับตา ในเว็บวัดท่าขนุนลงพระขรรค์โสฬสเหล็กดามัสกัสไปไม่กี่นาทีเอง โยมจองไปเรียบร้อยแล้ว ใครจะไปนึกว่าเร็วขนาดนั้น แสดงว่าคนที่เศรษฐกิจดีก็มีเยอะเหมือนกัน อย่างนั้นขอให้เศรษฐกิจดี ๆ ทุกคนแล้วกันนะ

ลูกกวางกล่าวหาหลวงพ่อ เขาบอกว่า "หนูคิดว่าหนูทำคาถาเงินล้านไม่ขึ้น ดูไปดูมาแล้วทำขึ้น แต่เงินไปอยู่กับหลวงพ่อหมด" แล้วใครไปบีบบังคับให้มาบูชาพระวะ ? แบบนี้กล่าวหากันชัด ๆ..!"

เถรี 16-09-2014 09:12

พระอาจารย์กล่าวว่า "โดยปกติแล้วพระเกศาของพระพุทธเจ้าจะปลงครั้งเดียว ก็คือวันที่เสด็จออกผนวช เมื่อตัดแล้วพระเกศาก็จะขดเวียนขวา ลักษณะเป็นก้นหอย แล้วก็ไม่ยาวอีกเลย ก็แปลว่าไม่ต้องโกนทุกเดือนเหมือนกับของพวกเรา

คราวนี้บางตำราบอกว่า ที่เกศาของพระพุทธเจ้าเห็นเป็นก้นหอยอยู่นั้น เกิดจากว่าพระองค์ท่านนั่งภาวนาแล้วอากาศร้อน บรรดาหอยทากก็เลยคลานขึ้นไป แล้วก็รวมตัวกันอยู่เพื่อให้พระเศียรของพระองค์ท่านเย็น เขาก็ช่างคิดนะ...!"

เถรี 16-09-2014 09:19

พระอาจารย์เล่าว่า "ช่วงก่อน ๆ ที่เศรษฐกิจยังดีอยู่ พวกปฏิทินเขาลงทุนเอาบรรดานักกลอนฝีมือเอกมาเขียนกลอนทำปฏิทินกัน ต้องบอกว่าเป็นทั้งศาสตร์ เป็นทั้งศิลป์ เป็นทั้งความงาม จัดอยู่ในสุนทรียศิลป์ มาระยะหลังไม่ค่อยลงทุน คุณวาณิช จรุงกิจอนันต์ ยังเคยบอกว่า “โอ๊ย...ผมคิดแทบตายตั้งหลายวัน เขาให้มาแค่หมื่นเดียว” ให้มาหมื่นหนึ่งถ้าเป็นงบประชาสัมพันธ์บริษัทใหญ่ ๆ นี่ถือว่าถูกมากเลย ไปขอให้เขาเขียนกลอนให้ แต่ว่าที่อ่านแล้วจำแม่นติดใจก็คือกลอนของคุณเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์

พื้นดินถิ่นเก่าเจ้าเอย อบอุ่นคุ้นเคย คือเพื่อนคือมิตรชิดเชื้อ
เมตตาการุณย์อุ่นเอื้อ มีใจมาเจือ มีรักมีหวังรังรอง
ร่มเย็นเป็นหลักปักปอง ทุ่งท่านาทอง ในถิ่นมิ่งทิพย์มณฑล
ผาถ้ำน้ำเถื่อนเยือนยล ย่ำไพรเหยียบพน หยัดพื้นอยู่พ่างพสุธา
ฉ่ำพรำคล่ำคล้อยเมฆา ชีวิตชีวา ชุบวันชูวันฉานฉาย


เขาจะหารูปที่เข้ากับกลอนมาลง “พื้นดินถิ่นเก่าเจ้าเอย อบอุ่นคุ้นเคย คือเพื่อนคือมิตรชิดเชื้อ” เขากำลังปล่อยเนื้อทรายคืนสู่ธรรมชาติ แล้วเนื้อทรายก็เดินจด ๆ จ้อง ๆ กล้า ๆ กลัว ๆ “เมตตาการุณย์อุ่นเอื้อ มีใจมาเจือ มีรักมีหวังรังรอง” เป็นนก ๒ ตัวกำลังไซร้ขนให้กัน “ร่มเย็นเป็นหลักปักปอง ทุ่งท่านาทอง ในถิ่นมิ่งทิพย์มณฑล” นี่เขาเอาภาพนกน้ำในบึงบอระเพ็ดมาลงไว้ “ผาถ้ำน้ำเถื่อนเยือนยล ย่ำไพรเหยียบพน หยัดพื้นอยู่พ่างพสุธา” เป็นเสือกำลังเดินจากลำห้วยขึ้นฝั่ง

ที่ขำก็คือเมียร์แค็ทหรือพังพอนแอฟริกัน เขาเขียนว่า “กลางมิตรกลางหมู่กรูกรำ กลางดงดึกดำ จักตื่นจักตั้งตาตระเวน" พังพอนพวกนี้ชอบยืนยามช่วยกันระวังภัย

"อยู่ป่ายืนป่าเป็นเกณฑ์ ปกพื้นปฐเพนทร์ พักผาผ่อนไพรพิงพง"
เป็นภาพแม่ช้างกับลูกช้างกำลังยืนเล่นฝุ่นกัน

"ก่ายไม้กอดไม้ในดง ดีกว่านอนกรง จำกัดกั้นสิทธิ์เสรี”
เป็นภาพลิงกำลังกอดกิ่งไม้หลับครอก กว่าจะครบ ๑๒ เดือนนี่ คนหารูปก็หาจนเหนื่อย ขณะที่คนเขียนก็เขียนยากเหลือเกิน"

เถรี 16-09-2014 09:24

ถาม : เขียนก่อนหรือเอารูปมาก่อน ?
ตอบ : เขียนก่อนแล้วเอารูปประกอบทีหลังจะง่ายกว่า ถ้าเอารูปมาก่อนนี่คนเขียนต้องเซียนจริง ๆ ไม่อย่างนั้นไม่สามารถที่จะแต่งเนื้อหาให้เข้ากันได้ ที่มั่นใจว่ารูปมาทีหลังเพราะว่าพังพอนแอฟริกันไม่ใช่สัตว์บ้านเรา ส่วนที่เหลือเป็นสัตว์บ้านเราทั้งนั้น

“กลางมิตรกลางหมู่กรูกรำ กลางดงดึกดำ จักตื่นจักตั้งตาตระเวน อยู่ป่ายืนป่าเป็นเกณฑ์ ปกพื้นปฐเพนทร์ พักผาผ่อนไพรพิงพง” แม่ช้างกับลูกกำลังเล่นฝุ่นกัน “ก่ายไม้กอดไม้ในดง ดีกว่านอนกรง จำกัดกั้นสิทธิ์เสรี” ส่วน “หยุดอธรรมต่ำช้าราวี ยืนสัจจะวาที ดำรงยงยุคสุขสมัย” เอารูปหมีที่โดนขังไว้เพื่อตัดอุ้งเท้า

“คืนทุ่งคืนท่าชลาลัย คืนใจสู่ใจ ประดุจดังใจเดียวกัน” ปล่อยเต่าตนุลงทะเล
รูปสุดท้ายเดือนธันวาคม เป็นรูปปลาสิงโตอยู่ท่ามกลางหมู่ปลาทะเลในดงปะการัง “ร่วมสุขร่วมสร้างรังสรรค์ ร่วมเหย้าเนาว์นิรันดร์ ร่วมรมณียามาตุภูมิ....” ลงทะเลไปแล้ว

มีอยู่ปีหนึ่งเขาเอารูปป่ากับเมืองมาประกบกันหน้าต่อหน้า แล้วเขาก็ดันแต่งกลอนได้ อันนั้นเชื่อว่าเขาเอารูปมาก่อน เพราะไม่อย่างนั้นเนื้อหาจะไปกันไม่ได้ “แดดฉ่ำและน้ำชื่น หมื่นภูสูง ยูงรำแพน” เป็นรูปป่าห้วยขาแข้ง “โปรยดอกประดับแดน ประดิษฐานพระสัทธรรม” ดอกไม้กำลังโปรยเกลื่อนเต็มพื้นที่อยุธยา ถ่ายออกไปแล้วเห็นรูปพระอยู่กลางซากปรักหักพัง

“ป่าใหญ่จักเป็นเหย้า ลำห้วยเย็นให้ย่างย่ำ”
เป็นรูปช้างกำลังลุยไปในลำห้วย แล้วต่อมาก็เป็น "ยืนยงอยู่คงย้ำ สถิตอารยะยุค" ภาพอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย “โลดเริงกระเจิงผัน ราวป่าลั่นประเลงปลุก” รูปนี้เป็นรูปสัตว์ป่าที่ถ่ายได้สวยที่สุด เก้งกำลังตื่นหนีคน ไม่รู้คุณดวงดาว สุวรรณรังสีจับจังหวะถ่ายอย่างไร เก้งกำลังพุ่งลอยอยู่ทั้งตัวแล้วเขาถ่ายได้พอดี แล้วชัดมาก ไม่ใช่ภาพเบลอ ๆ ด้วย

อีกรูปหนึ่งก็เป็นรูปพระธุดงค์ น่าจะเป็นของวัดพระธรรมกาย กำลังจุดโคมอยู่ในกลดมืด ๆ แล้วเลยไปข้างหลัง เห็นเจดีย์เก่า ๆ หัก ๆ “ส่องทางให้สร่างทุกข์ รำงับทุกข์อิริยา” แล้วภาพต่อไปก็เป็นลำห้วย น้ำกำลังไหลริน ๆ “ร่วงเพชรระรินพลอย เป็นสร้อยน้ำประจำผา” แล้วก็เป็นรูปสระบัวที่อยู่ด้านหลัง น่าจะเป็นตระพังเงินตระพังทอง แล้วก็ถ่ายออกไปข้างหน้าที่เป็นอยุธยา “เบิกช่อขึ้นบูชา ประชุมชัย ณ ใจชน”

ปกติแล้วเดี๋ยวนี้อยากได้อะไรไปค้นจากกูเกิ้ลก็ได้ แต่พวกนี้ไม่มี ที่ไม่มีอาจจะเป็นเพราะว่างานมีลิขสิทธิ์ ก็เลยไม่มีลงในเว็บ อ่านแล้วจำ ๆ เอาไว้ ไปเจอปฏิทินที่ไหนมี ก็รีบอ่านแล้วก็จำใส่หัวไว้

เถรี 16-09-2014 12:20

พระอาจารย์กล่าวว่า "คนแก่เวลาลุกนั่งต้องระวัง ไปนึกถึงคุณพ่อของคุณศิลา โคมฉาย อายุ ๙๔ ปีแล้วยังแข็งแรง ท่านไปเดินออกกำลังทุกวัน ปรากฏว่าวันนั้นกะจังหวะพลาดอย่างไรก็ไม่รู้ จะนั่งลงบนตั่งแล้วท้าวผิด พอท้าวผิดก็เลยหน้าทิ่มลงไปโขกตั่งโป๊กเดียวไปเลย ไม่รู้เหมือนกันว่าหมดอายุพอดีหรืออย่างไร แต่ว่าเป็นคนแข็งแรง ไม่เจ็บไม่ป่วย ไม่นอนโรงพยาบาล ท้าวผิดหน่อยเดียวโขกโป๊ก เห็นว่าหน้าผากถลอกนิดเดียว อาจจะกระดูกคอเคลื่อน แต่ฉับพลันเกินไป เพราะว่าไม่มีดิ้นไม่มีอะไร โขกแล้วก็เงียบไปเลย ถ้ากระดูกคอเคลื่อนแล้วไปเบียดประสาทอะไรก็น่าจะไปเลยแบบนั้น แต่ก็น่าจะเป็นวาระที่ต้องไปด้วย ๙๐ กว่านี่ยังแข็งแรง ชวนเพื่อน ชวนพี่ ชวนน้อง ชวนหลานออกต่างจังหวัดทำบุญ นั่งรถกันทีข้ามวันข้ามคืน ท่านอยู่ปักษ์ใต้ นั่งรถไปทำบุญภาคอีสาน บอกให้ไปเครื่องบินก็ไม่ไป ชอบนั่งรถ สงสัยว่าจะไม่ไว้ใจเครื่องบิน

คุณแม่ของคุณอนันต์ อัศวโภคิน ก็อายุ ๙๐ กว่าปีแล้ว ยังต้องบริหารงานอยู่ทุกวัน รับรองว่าไม่เป็นอัลไซเมอร์แน่นอน เวลามีเรื่องประชุมตกลงกัน ทะเลาะเบาะแว้งกัน ถ้าเขาบอกว่าคุณแม่ของท่านประธานกรรมการมา ทุกอย่างจะตกลงกันได้อย่างรวดเร็ว แสดงว่าคุณแม่ของคุณอนันต์นี่บารมีสุดยอดเลย แลนด์แอนด์เฮ้าส์เขาชุมนุมคนเก่งเยอะ ต่อให้เป็นเจ้านายกับลูกน้องก็ไม่ค่อยจะลงให้กัน ถ้าคิดว่าแนวความคิดของตัวเองดีกว่า พยายามนำเสนอก็เถียงกัน บางครั้งคุณอนันต์ถอดรองเท้าขว้างเลย ขว้างได้ก็ขว้างไป หลบเสร็จก็พูดต่อ..!"

เถรี 16-09-2014 12:28

"สมัยนั้นจองบ้านกันไม่รู้กี่ปีต่อกี่ปีกว่าจะได้บ้าน แต่คุณอนันต์นี่แนวคิดของเขาก็คือ หิ้วกระเป๋ามาใบเดียวเข้าอยู่ได้เลย วางเงินดาวน์เสร็จเข้าอยู่ได้ กลายเป็นบ้านของตัวเองเลย ที่เหลือค่อยไปผ่อนเอา ทำให้เลือกได้ว่าบ้านหลังนี้ถูกใจหรือเปล่า เพราะว่าสร้างเสร็จแล้ว ไม่ใช่สร้างแล้วก็ยังต้องไปทะเลาะกับช่างอีก พอโครงการของคุณอนันต์ออกมา คนจองกันกระหน่ำเลย รวยเป็นพันล้านในพริบตา

ช่วงหลังมีของพฤกษาเรียลเอสเตทมา เป็นคู่แข่งที่น่ากลัว เพราะว่าพฤกษาผลิตวัสดุก่อสร้างของตัวเอง ก็เลยทำให้คุมราคาที่ต่ำกว่าได้ เสนอของดีราคาถูก ในเมืองกาญจน์นี่น่าจะ ๑๐ กว่าโครงการของพฤกษา ขายเกลี้ยงไม่เหลือสักโครงการเลย ดูบรรดาคู่แข่งในวงการต่าง ๆ แล้ว บางอย่างเขาหักล้างกันรุนแรง ไม่เหมือนสมัยก่อนที่เขาถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน คนจีนเขาถือว่ามีเพื่อนดีกว่ามีศัตรู พอถึงเวลาเขาไม่ไหวก็ยื่นมือไปประคับประคอง พอเขาขึ้นมาเป็นคู่แข่งก็ทำให้ตัวเองต้องพากเพียรมากขึ้น

แต่สมัยนี้เขาหักกันแบบฆ่ากันให้ตายไปข้างหนึ่ง ตัวอย่างก็โค้กกับเป๊บซี่ ไม่น่าเชื่อว่าโฆษณา ๒ นาที เป๊บซี่ช่วยโฆษณาให้โค้กไปนาทีกว่า ๆ ก็คือ เป็นภาพเด็กเขย่งไปหยอดตู้ขายน้ำอัดลมอัตโนมัติ โค้กกลิ้งมากระป๋องหนึ่งก็หยิบมา หยอดอีกทีโค้กกลิ้งมาอีกกระป๋องก็หยิบมา แล้วเอาโค้ก ๒ กระป๋องวางแล้วตัวเองขึ้นไปเหยียบ แล้วหยอดเหรียญช่องข้างบนที่ตอนแรกหยอดไม่ถึงเพื่อเอาเป๊บซี่ ยอมลงทุนเอาโค้ก ๒ กระป๋องมาต่อเพื่อซื้อเป๊บซี่ ๑ กระป๋อง เขาบอกใบ้ให้ว่าเป๊บซี่ดีที่สุด คิดดู..โฆษณาแบบนี้ฆ่า
กันให้ตายดีกว่า ช่วยโฆษณาให้โค้กไปตั้งนาทีกว่า ตัวเองขอแค่ ๒๐ วินาทีสุดท้ายเท่านั้น

ส่วนเบียร์สิงห์กับเบียร์ช้างก็รบราฆ่าฟันกันมาตลอด โฆษณานั่งช้างเที่ยวป่า ปรากฏว่ากินเบียร์สิงห์บนหลังช้าง คนออกแนวคิดนี้ไม่รู้ว่าคิดได้อย่างไร กินสิงห์บนหลังช้าง ถ้าวันไหนไปบ้านโยมแล้วเขาเปิดโทรทัศน์ทิ้งไว้ อาตมาจะดูโฆษณา ดูแนวคิดของเขา ว่าเราคิดได้อย่างเขาไหม โฆษณาบางอย่างต้องบอกว่าเป็นอมตะ พอถึงเวลาใคร ๆ ก็ต้องกล่าวขวัญยกตัวอย่างถึง อย่างถ่านไฟฉายตรากบ จนป่านนี้ก็โฆษณาเดิม ๆ มา ๔๐-๕๐ ปีแล้ว เรียบง่าย ตรงใจ หรือโฆษณาขายแฟล็ตปลาทอง วันที่ ๙ เดือน ๙ อย่างนี้เป็นต้น"

เถรี 16-09-2014 12:37

พระอาจารย์กล่าวว่า "ใครจะช่วยทำบุญปลดหนี้ไปที่ข้างหลังนะจ๊ะ มีวัตถุมงคลใหม่ ๆ มา นโยบายของอาตมาก็แบบเดียวกับเถาจูกงนั่นแหละ กำไรน้อยแต่ขายได้มากก็เท่ากับกำไรมากไปเอง เอาถูกไว้ก่อน

เถาจูกงที่เป็นเทพเจ้าการค้าขายของจีน ตามประวัติเขาบอกว่าคือเสนาบดีฟ่านหลี พอเสนาบดีฟ่านหลีช่วยเหลือจนกระทั่งแคว้นเย่ว์สามารถปลดแอกจากแคว้นโง้วได้ แล้วตัวเองก็พาไซซีหนีไปเลย เพราะเข้าใจคำว่า "เสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่าขุนพล" ว่าเป็นอย่างไร เก่งขนาดสามารถวางแผนให้เจ้านายตัวเองยอมทนอัปยศอยู่ตั้งหลายปีได้ ด้วยความที่เจ้านายตัวเองยอมทนอัปยศอยู่ตั้งหลายปี เสนาบดีคนนี้รู้ตลอด พอขึ้นครองราชย์แล้ววันไหนเกิดนึกขึ้นมาได้ อับอายขายหน้าขึ้นมา...ไอ้นี่รู้นี่หว่า เดี๋ยวก็โดนจนได้ จึงหนีไปเลย ปลอมชื่อเปลี่ยนแซ่เป็นเถาจูกง ไปทำการค้าขาย ด้วยความที่เป็นคนเก่ง ก็ร่ำรวยมหาศาลขึ้นมาอีก จึงกลายเป็นเทพเจ้าการค้าของจีนไป

ต้องถือว่าแผนการใช้หญิงงามเผด็จศึก แผนของไซซีนี่ถือว่าสุดยอดที่สุด เพราะว่าเตียวเสี้ยนนี่หลอกว้านจงก็เขียนมาจากเรื่องของไซซีนี่แหละ เขาบอกว่าเตียวเสี้ยนจริง ๆ ไม่มีตัวตนในประวัติศาสตร์ หลอกว้านจงคงจะใส่เพิ่มขึ้นมา แต่ ๔ ยอดหญิงงามของจีนก็ยังอุตส่าห์มีเตียวเสี้ยนได้ ทั้ง ๆ ที่ในประวัติศาสตร์ไม่มีตัวจริง ไซซีมีแน่ หยางกุ้ยเฟยมีแน่ หวังเจาจวินมี เตียวเสี้ยนไม่มี เขาบอกว่า "มัจฉาจมวารี" ไซซีไปตักน้ำ ปลามองเห็นลืมว่ายน้ำ จมเลย อะไรจะสวยได้ปานนั้นนะ ส่วนหวังเจาจวินเขาบอกว่า "ปักษีตกนภา" นกบินผ่านมาเจอความสวยนี่ร่วงเลย..!"

เถรี 16-09-2014 12:53

"หวังเจาจวินไม่ยอมติดสินบนบรรดาขันทีในวัง พอถึงเวลาต้องวาดรูปไปเสนอฮ่องเต้ เขาก็เลยวาดส่งเดช ไม่สวย พอถึงเวลาทางด้านบรรดาพวกหัวหน้าเผ่าต่าง ๆ จากชายแดนบุกรุกแผ่นดินจีนขึ้นมา อยากจะผูกสัมพันธ์ด้วย ขอให้ส่งสาวงามไปให้เขา ฮ่องเต้ก็เลยเลือกรูปห่วย ๆ ให้เสนาบดีส่งตัวไป ปรากฏว่าวันที่ไปส่งเดินทาง ฮ่องเต้ไปเห็นหวังเจาจวินเข้า เสียดายเข่าอ่อนไปเลย เขาใช้คำว่า "ปักษีตกนภา"

เตียวเสี้ยนนี่นักประวัติศาสตร์หลายคนยืนยันว่าไม่มีตัวตน แต่หลอกว้านจงเขียนไว้ในสามก๊ก จนกลายเป็นยอดหญิงงามไปแล้ว กวีให้คำจำกัดความว่า "จันทร์หลบโฉมสุดา" แม้ว่าพระจันทร์ออกจากกลีบเมฆมาเห็น ก็ต้องถอยกลับเข้ากลีบเมฆใหม่ เพราะสวยสู้ไม่ได้

ส่วนหยางกุ้ยเฟยนี่เป็นเจ้าแม่เครื่องสำอาง ต้นตำหรับใช้น้ำหอม ใช้น้ำนม ใช้ไข่มุก ฯลฯ เพื่อที่จะประทินความงามตัวเอง จนกระทั่งนักประวัติศาสตร์บางคนกระแนะกระแหนว่า สงสัยคงตัวเหม็นจัด ก็เลยต้องใช้สารพัดน้ำหอมมาอบผิวตัวเอง หยางกุ้ยเฟยนี่ต้องบอกว่าความงามล่มบัลลังก์ ฮ่องเต้ไม่ออกว่าราชการเลย กวีจีนเขาบอกว่า "มวลผกาละอายนาง" เขาว่าเวลาเดินเข้าไปชมสวน ดอกไม้เหี่ยวหมดเลย สวยสู้ไม่ได้ ไม่อยากแข่งความสวยด้วย หุบกลีบดีกว่า หยางกุ้ยเฟยภาษาจีนแต้จิ๋วเรียกว่า "เอี้ยกุยฮุย"

สายท่าขนุน 16-09-2014 13:08

อ้างอิง:

ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ เถรี (โพสต์ 123695)

มีอยู่ปีหนึ่งเขาเอารูปป่ากับเมืองมาประกบกันหน้าต่อหน้า แล้วเขาก็ดันแต่งกลอนได้ อันนั้นเชื่อว่าเขาเอารูปมาก่อน เพราะไม่อย่างนั้นเนื้อหาจะไปกันไม่ได้ “แดดฉ่ำและน้ำชื่น หมื่นภูสูง ยูงรำแพน” เป็นรูปป่าห้วยขาแข้ง “โปรยดอกประดับแดน ประดิษฐานพระสัทธรรม” ดอกไม้กำลังโปรยเกลื่อนเต็มพื้นที่อยุธยา ถ่ายออกไปแล้วเห็นรูปพระอยู่กลางซากปรักหักพัง

“ป่าใหญ่จักเป็นเหย้า ลำห้วยเย็นให้ย่างย่ำ”
เป็นรูปช้างกำลังลุยไปในลำห้วย แล้วต่อมาก็เป็น "ยืนยงอยู่คงย้ำ สถิตอารยะยุค" ภาพอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย “โลดเริงกระเจิงผัน ราวป่าลั่นประเลงปลุก” รูปนี้เป็นรูปสัตว์ป่าที่ถ่ายได้สวยที่สุด เก้งกำลังตื่นหนีคน ไม่รู้คุณดวงดาว สุวรรณรังสีจับจังหวะถ่ายอย่างไร เก้งกำลังพุ่งลอยอยู่ทั้งตัวแล้วเขาถ่ายได้พอดี แล้วชัดมาก ไม่ใช่ภาพเบลอ ๆ ด้วย

อีกรูปหนึ่งก็เป็นรูปพระธุดงค์ น่าจะเป็นของวัดพระธรรมกาย กำลังจุดโคมอยู่ในกลดมืด ๆ แล้วเลยไปข้างหลัง เห็นเจดีย์เก่า ๆ หัก ๆ “ส่องทางให้สร่างทุกข์ รำงับทุกข์อิริยา” แล้วภาพต่อไปก็เป็นลำห้วย น้ำกำลังไหลริน ๆ “ร่วงเพชรระรินพลอย เป็นสร้อยน้ำประจำผา” แล้วก็เป็นรูปสระบัวที่อยู่ด้านหลัง น่าจะเป็นตระพังเงินตระพังทอง แล้วก็ถ่ายออกไปข้างหน้าที่เป็นอยุธยา “เบิกช่อขึ้นบูชา ประชุมชัย ณ ใจชน”

“สาดแสงสำเริงไพร ระบายใบ ระบัดบน”
“ปลุกอดีตบันดาลดล ด้วยเรื่องราวของแผ่นดิน”
“ปรางค์ธาตุสถูปสถาน ดวงวิญญาณพระธรณินทร์”
“โลกนี้คือชีวิน คือวิญญาณ อมรรตรัย”


จากกระทู้นี้ :
http://www.watthakhanun.com/webboard...?t=3270&page=2

เถรี 16-09-2014 13:40

"ไปนึกว่าบรรดาพระมหากษัตริย์ต่าง ๆ ส่วนใหญ่ต้องเคยสร้างเนกขัมมบารมีเบื้องต้นมาแล้ว ถึงจะได้เกิดเป็นพระมหากษัตริย์ ไม่อย่างนั้นวัน ๆ ก็จมอยู่กับพวกบรรดานางสนม ไม่ต้องทำงานทำการ ตอนที่คุณกฤษณ์พาไปภักตรปุระ แกบรรยายว่า พระมหากษัตริย์ของเขามีมเหสี ๒ องค์ ของไทยมีเป็นสิบ ของอินเดียมีเป็นร้อย ของจีนมีเป็นพัน ฟังแกบรรยายแล้วก็ขำดี

ที่ว่าพระมหากษัตริย์ท่านต้องสร้างเนกขัมบารมีในเบื้องต้นมาแล้ว เพราะไม่อย่างนั้นก็จะลุ่มหลงมัวเมา จนกระทั่งไม่เป็นอันทำงานทำการ เพราะต้องบอกว่า รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส อะไรทุกอย่างที่ดีที่สุดในแผ่นดินของท่านก็ต้องเป็นของท่าน ถ้าไม่ใช่คนที่สร้างบารมีมาจนถึงระดับหนึ่งนี่รับรองว่าถอนตัวไม่ขึ้น บางช่วงของแผ่นดินจีน บรรดาฮ่องเต้ก็มัวแต่ลุ่มหลงกับความสุขส่วนตัวจนกระทั่งลืมประชาชน เพราะฉะนั้น..ที่ภาษิตจีนเขาบอกว่า น้ำสามารถรองรับเรือได้ แต่ก็ล่มเรือได้ ก็คือประชาชนยกคุณขึ้นไปเป็นใหญ่ได้ก็จริง แต่ก็ทำให้คุณตกบัลลังก์ได้เหมือนกัน"

เถรี 16-09-2014 13:46

ถาม : มีคนแนะนำว่าคนนี้ถอนของออกได้ ?
ตอบ : อย่าหาเรื่องใส่ตัว คนถอนของได้ก็ทำใส่เราได้ ตั้งใจสวดมนต์ภาวนาของเราไป ถ้ากำลังใจทรงตัว สิ่งไม่ดีก็อยู่ไม่ได้ไปเอง

ถาม : ไม่จำเป็นต้องไปหรือคะ ?
ตอบ : ไม่จำเป็นต้องไปหรอก อาตมาไม่ได้กังวลเรื่องนี้เลย ถ้ากำลังใจเราดี อะไร ๆ ก็ดีหมด สรุปว่าไม่ต้องไปหรอกจ้ะ ตื่นเช้าขึ้นมาไม่มั่นใจก็สวดมนต์ไหว้พระ ขอบารมีพระคุ้มครองก่อนจะออกไปไหน

เถรี 16-09-2014 13:46

ถาม : เป็นไปได้หรือที่คนจะวิ่งไปเหมือนกระโดดไปสองก้าว ภาพที่เห็นคือก้าวไปแค่ไม่กี่ก้าว ?
ตอบ : บางอย่างทำจนชินก็รู้สึกว่าง่าย คนที่เขาไม่ชินก็ว่ายาก ความรู้สึกของอาตมาก็คือแค่เดินขึ้นไป ไม่เห็นว่าจะยากตรงไหน

เถรี 16-09-2014 14:02

พระอาจารย์เล่าว่า "หัวหน้าคณะปฏิวัติบ้านเราที่ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีมีใครบ้าง ? จอมพลสฤษดิ์ จอมพลถนอม ที่เหลือก็ไม่มีแล้วนะ มีพลเอกสุจินดาอยู่ได้ไม่กี่วัน แต่ว่าพลเอกประยุทธ์นี่ต้องบอกว่ากระแสชาวบ้านไม่คัดค้าน เห็นว่ามาในจังหวะที่พอดี แต่ว่าเสียตรงที่ขึ้นไปเป็นนายกรัฐมนตรีนี่แหละ เพราะว่าทันทีที่ขึ้นไป จากสิ่งที่ตัวเองทำเพื่อประเทศชาติและประชาชน คนส่วนหนึ่งจะมองว่าทำเพื่อตัวเอง ก็จะกลายเป็นจุดอ่อนให้เขาตีได้ ถ้ากฎอัยการศึกยกเลิกเมื่อไรคงสนุกน่าดูแน่

สมัยที่อาตมาเรียนมัธยมอยู่เป็นยุค ม. ๑๗ ประหารอย่างเดียว ถ้ายุคนี้ไม่สามารถแก้ไขปัญหาประเทศชาติได้ ก็ไม่มียุคไหนแก้ไขได้แล้ว เพราะว่ายุคนี้อำนาจเบ็ดเสร็จอยู่ที่ผู้นำประเทศคนเดียว พอ ๆ กับสมบูรณาญาสิทธิราชเลย ในเมื่ออยู่ในลักษณะนี้แล้วยังไม่สามารถแก้ไขได้ ก็เป็นอันว่าหมดหวังแล้ว ยังดีว่าช่วงนี้ทุกฝ่ายก็พยายามทำเพื่อให้ประเทศชาติสงบ แม้ว่าจะสงบในลักษณะภูเขาไฟใต้น้ำก็เถอะ ฝ่ายโน้นก็คงคิดว่าอยู่ได้ไม่นานหรอก ทน ๆ ไปเดี๋ยวก็ผ่านไปแล้ว

ที่บอกว่าน้ำสามารถรองรับเรือได้ ก็ล่มเรือได้ ก็เพราะว่าตอนช่วงนี้บรรดาท่านที่เป็นต้นเหตุของการปฏิวัติรัฐประหาร รู้สึกว่าทหารปฏิวัติไปแล้วไม่ได้ตอบสนองความต้องการของตัว ดูท่าว่าเริ่มแสดงปฏิกิริยากันแล้ว"

เถรี 16-09-2014 14:12

"ถ้าทหารเอาจริงก็ไม่มีใครกล้าหือ เพียงแต่ว่าบางอย่างนั้นชัดเจนเกินไป อย่างตัดสินประหารชีวิตฝ่ายเสื้อแดงไป ๒๐ กว่าคน ศาลทหารเขาไม่มีอุทธรณ์ฎีกา แปลว่าตายอย่างเดียว แต่ขณะเดียวกันอีกฝ่ายหนึ่งศาลอาญาบอกว่าไม่รับฟ้องเพราะเป็นคดีการเมือง

เรื่องของการตัดสินลักษณะนี้จะเป็นบรรทัดฐานไปทั้งชาติ แต่ว่าเขาก็ยังตัดสินกันออกมา ก็สงสัยเหมือนกันว่าท่านทั้งหลายเหล่านี้พิจารณารอบคอบดีแล้วหรือ ? ไม่อย่างนั้นต่อไปถ้าใครขึ้นมาเป็นรัฐบาล ถึงเวลาประชาชนประท้วงก็ฆ่าเล่นเป็นของสนุกได้ เสร็จแล้วก็ไม่ใช่คดีอาญา เพราะว่าปฏิบัติหน้าที่ของตน กลายเป็นเรื่องการเมืองไป ก็แค่ผิดมาตรา ๑๕๗ แต่ไม่ใช่คดีอาญา ถ้าคนตายตั้งเยอะตั้งแยะแล้วไม่ใช่คดีอาญา ตกลงเรียกว่าคดีอะไร ? อาตมาก็งง ๆ เหมือนกัน บรรทัดฐานของศาลพอตัดสินไปแล้ว มีผลกระทบระยะยาวมาก ยังสงสัยว่าท่านเอามาตรฐานอะไรมาตัดสินกัน แต่ว่าก็อย่างว่าแหละ กองเชียร์เยอะ ประเทศไทยเรายิ่งรักง่ายหน่ายเร็วอยู่ด้วย ถ้าไม่มีผลงานชัดเจนนี่ลำบากเลย

คณะรัฐมนตรีทั้งหมดที่แต่งตั้งมา อาตมาติดใจสงสัยอยู่ตำแหน่งเดียวก็คือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ รัฐบาลที่มาจากรัฐประหาร ทั่วโลกเขาไม่ยอมรับง่าย ๆ เอาพลเรือนไปจะเข้าท่ากว่า เอาทหารไปถ้าเขาถามคำเดียวแล้วจะตอบเขาอย่างไร ก็เลยสรุปว่าถ้าไม่ใช่รัฐบาลเผด็จการทหารด้วยกัน คงไม่มีประเทศไหนเปิดรับหรอก"

เถรี 16-09-2014 14:25

"วันนี้เลี้ยวเข้ามาเรื่องการเมืองมากไปแล้ว ไม่ใช่เรื่องของพระ เรื่องของพระเราปกครองวัดให้ดีก็พอแล้ว วันก่อนถามพระท่านว่า "ตอนที่บิณฑบาตบ้านแรก ผมเดินเลาะข้างรถไปอ้อมออกทางท้าย ใครเป็นคนแรกที่ไปอ้อมออกด้านหน้ารถ ?" ท่านแบงค์ก็ยกมือว่า "ผมครับ" "คุณรู้ไหมว่าคุณเห็นแก่ความสบาย แต่คุณไม่สงสัยหรือว่าทำไมผมยอมลำบากเลาะไปออกท้ายรถ ?" ท่านก็งง ๆ

อาตมาก็บอกว่า "เราเดินชิดขวา บ้านเรารถวิ่งชิดซ้าย ถ้าผมอ้อมไปออกท้ายรถ รถจะเห็นแต่ไกลว่าผมจะข้ามถนน แต่คุณอยู่ ๆ โผล่มาหน้ารถ ถ้าเขาเหยียบผ่านมาพอดีก็กระเด็นเลย การที่เราเดินอ้อมข้างรถแล้วไปโผล่ทางด้านท้าย ถ้ารถที่จอดอยู่ต้องการจะออกตัวสามารถไปได้เลย แต่คุณไปตัดหน้ารถ กว่าแถวพระจะหมดเขาต้องจอดรอพวกเราตั้งนาน ตกลงเคยคิดเรื่องแบบนี้กันบ้างหรือเปล่า ? เวลาผมทำอะไรเห็นแล้วสงสัย เคยคิดบ้างไหม ? ไม่ใช่คิดว่าเดินตัดหน้ารถง่ายจะตาย ทำไมอาจารย์ต้องอ้อมไปตั้งไกลด้วย"

การที่เป็นผู้นำเขานั้นต้องคิดเผื่อ ขณะเดียวกันคนที่เป็นผู้ตามไม่ต้องคิดเผื่ออะไร ไปนึกถึงเรื่องจีนกำลังภายในเรื่องหนึ่ง ชื่อเรื่องแส้สะบัดเลือด ใครลองไปหามาอ่านดู ที่มีพระเอกกับอีกคนหนึ่ง คล้าย ๆ ตัวโกงแต่ไม่ใช่ตัวโกง นัดสู้กันทุก ๓ ปี อีกฝ่ายหนึ่งแพ้ทุกครั้ง ทั้ง ๆ ที่ฝีมือไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่ากันเลย ไม่ว่าจะใช้เล่ห์เหลี่ยมคดโกงอีท่าไหนพระเอกตามทันหมด

จนกระทั่งท้ายที่สุดเขาทนไม่ได้ เขาก็เอ่ยปากถามว่า ไม่ว่าเขาจะมุ่งโจมตีตรงจุดไหนก็ตาม ทำไมพระเอกรู้ทันหมด พระเอกเขาเป็นหัวหน้าพรรค มีลูกน้องในสังกัด ๓๐๐ กว่าคน กินพื้นที่ตั้ง ๕-๖ มณฑล เขาต้องคอยระมัดระวังว่าเจ้านี่จะไปเล่นหน่วยงานไหนของเขา แล้วจะใช้วิธีไหน เขาใช้วิธีคิดลักษณะว่าถ้าเขาเป็นศัตรูจะมาเล่นงาน เขาจะทำอย่างไร แล้วเขาก็คอยระวังป้องกัน เขาบอกว่าคนที่ต้องคิดเผื่ออีก ๓๐๐ ร้อยคนนี่ ต้องคิดให้รอบคอบกว่าคนที่คิดเพื่อตัวเองคนเดียว

คราวนี้พอมาเจอเหตุการณ์อย่างที่ว่า อาตมายอมเดินหลบไปออกท้ายรถ อันดับแรก..ก็คือไม่รบกวนรถคันนั้น ถ้าเขาจะออกรถเขาก็ออกได้เลย ขณะเดียวกันรถที่มา ก็เห็นได้ชัด ๆ เพราะเราอยู่ทางท้ายรถ ไม่มีอะไรบัง ไม่ใช่อะไรหรอก อาตมาเคยชนพวกทะเล่อทะล่าออกมาทางหน้ารถปลิวไปทั้งคนแล้ว ฉะนั้น..ถ้าลงจากรถ โปรดอย่าโผล่ออกทางด้านหน้ารถแล้วข้ามถนน ถ้าดวงยังดีก็ไม่เป็นไร ถ้าดวงตกวันไหนนี่เจอเต็ม ๆ จะดูปัญญาพระวัดท่าขนุนหน่อย สรุปแล้วปัญญาพอ ๆ กับชิมแปนซี..!"

เถรี 17-09-2014 08:16

พระอาจารย์เล่าว่า "โอ..เอามีดหมอของหลวงพ่อวิชาไปประมูลด้วย ท่านเล่นลงมหาอุดมาด้วย ท่านทำแค่ไม่กี่เล่ม สมัยที่หลวงพ่อวิชายังอยู่ลานสัก อาตมาตั้งท่าจะไปขอวิชาท่าน จนป่านนี้ก็ยังไม่มีโอกาส เพราะว่าต้องเอาบายศรีไปขอเรียน ของหลวงพ่อวิชานี่คาถาสั้น ๆ บทเดียว หยิบอะไรขึ้นมาเสก วางลงยิงเดี๋ยวนั้นได้เลย ไม่ออกหรอก"

https://www.watthakhanun.com/webboar...1410748270.jpg

มีดโต้ทองมหาลาภ ของหลวงพ่อวิชา

เถรี 17-09-2014 08:31

พระอาจารย์พูดถึงคนช่างเลือกว่า "อาตมาเคยเจอคนช่างเลือกอยู่เหมือนกัน ตอนนั้นยังจำหน่ายแก้วมณีรัตนะอยู่ที่วัดท่าซุง มีโยมผู้หญิงคนหนึ่งมาขอดูลูกแก้ว เขากลิ้งดูทีละเหลี่ยมเลย สายตาดีจริง ๆ “องค์นี้บิ่นนะ ขอเปลี่ยน” เอ้า..ไม่เป็นไร เปลี่ยนก็เปลี่ยน กลิ้งดูต่อ ดูไปดูมา..กองเบ้อเร่อเลย

พออาตมาเห็นคนแล้วชอบสังเกตว่า คนนี้กำลังใจเป็นอย่างไร ลักษณะนี้ราคะจริตแน่นอน ชอบรักสวยรักงาม ละเอียดถี่ถ้วน นั่งดูไปเรื่อย ๆ แกก็กลิ้งของแกไปเรื่อยจนกองเบ้อเร่อ ท้ายสุดก็ "เอากองนี้ค่ะ" ขายได้ตั้ง ๔๐,๐๐๐ กว่าบาท คนเดียวคุ้มเลย หลวงตาวัชรชัยเดินหนีไปตั้งนานแล้ว ทนดูไม่ได้ เลือกเป็นชั่วโมงเลย เขาสบายใจว่าได้เลือกแล้ว อาตมาก็ดูใจตัวเองไปเรื่อย เราขุ่นมัวหรือเปล่า ? หงุดหงิดไหม ? ได้กำไรเหมือนกัน"

เถรี 17-09-2014 08:57

พระอาจารย์เล่าว่า "ไม่ได้บอกพวกเราว่าวันพุทธาภิเษกเหรียญพุทธบารมี ฝนเขาหยุดให้เฉพาะตอนพุทธาภิเษกจริง ๆ นะ หลังเพลก็กระหน่ำไม่ลืมหูลืมตาเหมือนเดิม เป็นอันว่าพอญาติโยมเบิกวัตถุมงคลกลับบ้านได้ ฝนก็ตกไล่ตูดไปเลย"

เถรี 17-09-2014 11:43

พระอาจารย์กล่าวว่า "เหรียญพุทธบารมีเนื้อนาก อาตมาอุตส่าห์แหกคอกกล้าตาย ให้เขาผสมทองเกิน ๔๐ เปอร์เซ็นต์ ปรากฏว่าออกมาดูไม่ได้เลย กลายเป็นสีเหลืองซีด ๆ ท้ายสุดก็ต้องกลับไปเหลือแค่ ๓๕ เปอร์เซ็นต์

ถ้านากมาตรฐานต้องผสมทองคำ ๓๐ เปอร์เซ็นต์ คือจะเป็นทองแดง ๗๐
เปอร์เซ็นต์ แล้วทองคำ ๓๐ เปอร์เซ็นต์ จะออกมาเป็นนากสีเข้มสวย คราวนี้อาตมาให้เพิ่มขึ้นไปเป็น ๓๕ เปอร์เซ็นต์ แล้วออกมาซีด ๆ ถ้าถึง ๔๐ เปอร์เซ็นต์นี่ดูไม่ได้เลย กลายเป็นว่าใส่ทองเยอะกลับดูไม่สวย อยากจะคืนกำไรให้ประชาชนหน่อยก็คืนไม่ได้อย่างใจ ในความคิดของอาตมาก็คือผสมลงไปอย่างไรก็ต้องแดง ๆ แต่กลับไม่แดง กลายเป็นเหลืองซีด ๆ ซีดเหมือนทองเหลืองที่เราขัดด้วยบราสโซเต็มที่เลย"

เถรี 17-09-2014 11:55

พระอาจารย์กล่าวว่า "คุณพ่อของน้องแอลลี่เป็นอิสลาม เวลาเขาไปรับลูกของเขา เขาก็จะไปยืนรออยู่หน้าโบสถ์ เพราะอิสลามห้ามเข้าศาสนสถานของศาสนาอื่น แต่แอลลี่ได้มโนมยิทธิชัดมากเลย เป็นไปได้เหมือนกันนะ ...(หัวเราะ)... แต่ดีตรงที่เขาไม่ห้าม ลูกเมียจะนับถือศาสนาพุทธก็ว่าไปได้เลย"

เถรี 17-09-2014 12:03

พระอาจารย์กล่าวว่า "อาตมากำลังวางแผนจะเกษียณตัวเองตอนอายุ ๖๐ ปี ไม่รู้เหมือนกันว่าเจ้านายจะด่ามากแค่ไหน เขาเกษียณ ๘๐ ก็เกษียณไปสิ เราเกษียณ ๖๐ พอ เราไม่เอาเยอะ มาเป็นหลวงตาเฉย ๆ ดีกว่า ไม่ต้องมียศมีตำแหน่งอะไร

มีใครรู้บ้างว่าหลวงปู่มั่นเคยเป็นพระครูวินัยธรมาก่อน ? ท่านเจ้าคุณอุบาลีคุณูปมาจารย์ วัดบรมนิวาส ตั้งให้หลวงปู่มั่นเป็นพระครูวินัยธร ให้ไปปกครองวัดเจดีย์หลวง หลวงปู่มั่นอยู่ไม่นาน ไปเลย อะไรสักอย่างก็ไม่เอา

ถ้าหลวงปู่มั่นยังอยู่ดี วงศ์วานพระกรรมฐานคงไม่เกิดขึ้น ยังดีที่ท่านทิ้งไป แบบเดียวกับหลวงปู่เสาร์ กันตสีโล ใครจะรู้บ้างว่าท่านคือพระครูวิเวกพุทธกิจ พระครูสมัยนั้นยิ่งใหญ่กว่าเจ้าคุณชั้นธรรมสมัยนี้อีก"


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 01:44


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว