PDA

View Full Version : เทศน์ ๒ ธรรมาสน์


โอรส
31-07-2009, 20:13
ถาม :คนที่จะมานั่งสนทนาเป็นคู่สนทนากับหลวงพ่อหรือว่ากับพระครูปลัดฯ อย่างนี้ต้องอย่างไร ถึงจะเป็นได้ ?

ตอบ :ถ้าหากว่าอย่างของหลวงพ่อนั้นก็อย่างอาจารย์ยกทรง อาจารย์ยกทรงนั่นเป็นนักเทศน์เก่า บวชมา ๒๒ พรรษาแล้วถึงสึก นักเทศน์รุ่นเก่านั้นปฏิภาณจะดีทุกคน แกมีลูกเล่นเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ทำให้คนฮาได้ตลอด บางทีก็แกล้งโง่ บางทีก็แกล้งเซ่อ มันต้องมีลูกล่อลูกชนตลอด บางครั้งเหมือนท่านไม่ให้ความเคารพหลวงพ่อไล่จี้ติดเลยอย่างนั้น แต่ว่ามันจะทำให้คนได้อะไรดี ๆ เพิ่มขึ้นเยอะ หลังจากที่จบแต่ละงานท่านก็ต้องไปกราบขอขมาหลวงพ่อ

เพราะฉะนั้นถ้าหากว่า...ได้ผู้ที่มีปฏิภาณไหวพริบดีมีการปฏิบัติดีแล้วก็รู้จริง ๆ ได้อะไรต่อมิอะไรเยอะเลย สมัยก่อนที่เขาเทศน์กัน ๒ ธรรมาสน์, ๓ ธรรมาสน์, ๕ ธรรมาสน์ ถ้าหากว่าเป็นพระปฏิภาณดี ๆ ประเภทความรู้แน่นแม่นตำราญาติโยมได้เยอะ ฟังไม่รู้เบื่อ หลวงพ่อท่านบอกว่าหลวงพ่อพระครูโวฯ นั้นสุดจะเยี่ยม พระครูโวทานธรรมาจารย์ หรือเรียกพระครูโวฯ

คราวนี้หลวงพ่อพระครูโวฯ ลูกศิษย์ลูกหาท่านเป็นนักเทศน์ดัง ๆ ทั่วประเทศเลย ในยุคนั้นงานศพพระครูโวฯ ลูกศิษย์ถวายผ้าไตรคนละไตร เงินคนละ ๕๐๐ บาท สมัยก๋วยเตี๋ยว ๒ ชาม ๕ สตางค์มันเท่าไร ? ไม่ต้องพึ่งพาใครเลยจัดเทศน์ ๕๐๐ ธรรมาสน์ ผลัดกันตอบคนละประโยคเท่านั้นหมดวันแล้ว ๕๐๐ ธรรมาสน์...(หัวเราะ)... ลูกศิษย์ท่านแสดงว่าต้องไม่ต่ำกว่า ๕๐๐ คน ไม่อย่างนั้นเทศน์ ๕๐๐ ธรรมาสน์ไม่ได้

งานศพพระครูโวฯ พระครูโวฯ มานั่งฟังเทศน์งานศพตัวเอง...(หัวเราะ)... ท่านจัดงานศพตัวเอง แต่ตัวท่านยังไม่ตายท่านบอกถ้าตูตายแล้วตูไม่ได้เห็นก็จัดตอนนี้...(หัวเราะ)...เอากะท่านซิ ถ้าตูตายแล้วตูไม่ได้เห็นตูจะจัดตอนนี้...เฮ้อ...ลูกศิษย์ลูกหาก็มาเหมือนกับตายจริง ๆ นั่นแหละ ท่านก็ฟังเทศน์ในงานของท่าน ลูกศิษย์ลูกหาคนไหนลีลาไม่ทันเขาก็โดนด่าโขมงโฉงเฉงไป แต่จริง ๆ แล้วที่ขึ้นเทศน์นั้น เสือเขี้ยวลากดินทั้งนั้น ไม่มีหรอกที่ไม่ทันกันมีแต่จะไล่บี้อีกคนหนึ่งร่วงให้ได้ แล้วเวลาขึ้นธรรมาสน์เทศน์นี่ต้องไม่มีเด็กไม่มีผู้ใหญ่เหมือนอย่างกับเวลาประชุมสงฆ์ เวลาประชุมสงฆ์นั้นไม่ต้องเกรงใจอาวุโส ไม่ต้องเกรงใจตำแหน่งหน้าที่ หนึ่งคนหนึ่งเสียงเท่ากัน แต่ว่าหลังประชุมแล้ว สิ่งใดสิ่งหนึ่งที่เราทำไปอาจจะเป็นการล่วงเกินผู้อาวุโสกว่าต้องกราบขอขมากัน

โอรส
31-07-2009, 20:44
เวลาเทศน์ก็เหมือนกันหลวงพ่อเคยไล่พระครูโวฯ เกือบตาย ตอนนั้นมันช่วงสงครามเทศน์กันอยู่บนศาลา หลวงพ่อพระครูโวฯ ก็เทศน์ประเภทญาติโยมทั้งหลาย...อะไรประมาณนี้ เราเป็นคนมีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งไปไหนไม่ต้องเกรงกลัวใคร...หวอดังขึ้น!... สัญญาณบอกว่าเครื่องบินข้าศึกทิ้งระเบิดญาติโยมก็เผ่นพรวดจากศาลาวิ่งไปหมอบกันกลางทุ่งนู่น หลวงพ่อพระครูโวฯ งัดพระพวงเบ้อเร่อมาใส่คอ มือหนึ่งหิ้วย่ามมือหนึ่งถือคัมภีร์เทศน์ก็วิ่งตามชาวบ้านเขาไปด้วย ท่านอ้วนท่าวิ่งก็ดูตลกไปหอบแฮก ๆ อยู่กลางทุ่ง

พอถึงเวลา...หวอปลอดภัยดังขึ้นก็กลับมา หลวงพ่อยังนั่งคาธรรมาสน์อยู่เลย เทศน์คาอยู่ไม่ลงหรอก มาถึงหลวงพ่อว่าญาติโยมทั้งหลายดูนะ ไอ้คนเรานั้นมันบวชมามันบอกมีศีล ๒๒๗ ข้อ แก่จะตายห่าจนป่านนี้แล้วโกหกตอแหลโยมซึ่ง ๆ หน้า...(หัวเราะ)...

หลวงพ่อพระครูโวฯ นั่งบนธรรมาสน์ มึ...ว่าใครวะ ?

(หลวงพ่อ)"ผมก็ว่าไอ้คนโกหกนั่นแหละครับ ดูสิเขาบอกว่าตัวเองเป็นที่พึ่งได้นะ ที่ไหนได้พอถึงเวลาก็วิ่งตาลีตาเหลือกไปกับญาติโยมเขานั่นแหละ แล้วมันจะเป็นที่พึ่งเขาได้ยังไง กลัวตายขนาดนั้น" ...(หัวเราะ)

หลวงพ่อพระครูโวบอก มึ... ๆ ไอ้อกตัญญู ตัวเองไปเป็นที่พึ่งชาวบ้านไม่ได้ยังมาด่าตูซึ่งเป็นที่พึ่งชาวบ้านอีก มึ...เห็นไหมว่านี่อะไร ? รูปพระพุทธเจ้าใช่ไหม ? ใช่ เออ...นี่พระพุทธ ที่ในมือตูถือคัมภีร์พระธรรม...นี่พระธรรม ตัวตูนี่พระสงฆ์ ตูไปครบรัตนตรัยตามไปคุ้มครองญาติโยมกลางทุ่ง มึ...นะอกตัญญูไม่ยอมไป ...(หัวเราะ)

ญาติโยม...ฮากันฉี่ราด ....(หัวเราะ)... นั่นปฏิภาณขนาดนั้นรอดไปได้ซึ่ง ๆ หน้า เป็นเราตีกันขนาดนั้นตายคาที่แล้ว โอ้โฮ...ของท่านเองนี่ไม่ต้องพยายามไปน้ำใส ๆ เลย ...(หัวเราะ)... ลงธรรมาสน์แล้วหลวงพ่อไปกราบขอโทษท่านบอกเออ ๆ ไม่เป็นไร มันต้องอย่างนี้แหละ ถ้าเอ็งไม่ลงมือข้าจะซัดเอง...ท่านว่า ...(หัวเราะ)

โอรส
31-07-2009, 20:55
ถึงเวลาไม่ต้องเกรงใจครูบาอาจารย์ เอาให้หนักไว้ ญาติโยมเขาสนุกแล้วถึงเวลาเขาจะอยากฟังเทศน์ ตัวอยากฟังเทศน์จิตมันจะเกาะธัมมานุสสติใช่ไหม ? นึกถึงครูบาอาจารย์ที่เทศน์เก่ง ๆ ก็เป็นสังฆานุสสติ ไปวัดไปวาไปทำบุญใส่บาตรเป็นจาคานุสสติเป็นทานบารมี ตั้งใจไปวัดต้องได้เจอพระอย่างน้อย ๆ
กราบพระพุทธรูปก็เป็นพุทธานุสสติ...ได้สารพัด

เพราะฉะนั้นเรื่องของการเทศน์ถ้าหากว่าเป็นในลักษณะทำเพื่อเป็นธรรมทานจริง ๆ บุญมันมหาศาล หลวงพ่อเองท่านบอกว่าท่านเทศน์ที่ไหนก็ตามกัณฑ์เทศน์ท่านจะให้เจ้าอาวาสวัดนั้นไว้ ถวายวัดนั้นไว้ ไม่มีการเอากลับถือว่าสิ่งที่ท่านทำเป็นธรรมทาน ของเราไปเทศน์วัดท่าขนุนก็ถวายเขาเอาไว้ บางครั้งอาจารย์สมพงษ์ท่านเกรงใจจะถวาย บอกไม่ต้อง ผมถือว่าเป็นธรรมทานผมเทศน์เป็นธรรมทาน แล้วเงินส่วนนี้โยมเขาถวายผมมา ผมถวายเป็นเงินสงฆ์เป็นสังฆทานเป็นวิหารทานไป ผมก็ได้บุญด้วย

สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนพฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๔๔