PDA

View Full Version : เก็บตกจากบ้านเติมบุญ ต้นเดือนสิงหาคม ๒๕๖๒


เถรี
02-08-2019, 20:35
พระอาจารย์กล่าวว่า "ช่วงนี้อาตมาขอเตือนซ้ำอีกรอบหนึ่ง ใครทำงานแล้วไม่ชอบใจก็อย่าเพิ่งไปลาออก งานจะหายากขึ้นไปเรื่อย ๆ ต่อให้รัฐบาลเขาบอกว่าเศรษฐกิจดีแค่ไหน ก็เป็นแค่ราคาคุยเท่านั้น เพราะว่าสภาพความเป็นจริงของชาวบ้านเป็นสิ่งที่ชัดเจนที่สุด

ช่วงวันอาสาฬหบูชาและช่วงเข้าพรรษาที่ผ่านมา อาตมารับเทียนพรรษาและผ้าอาบน้ำฝน ถ้าสภาพเศรษฐกิจปกติ ญาติโยมจะถวายสังฆทานกับผ้าอาบน้ำฝนประมาณ ๔๐๐-๕๐๐ ชุดเป็นเรื่องปกติ พอรับเอาสังฆทานและผ้าอาบน้ำฝนมาแล้ว อาตมาจะเอาไปจัดเป็นสลากภัต ให้พระเณรเขาจับกันว่าใครจะได้ชิ้นไหนไป

ปรากฏว่าปีนี้พระเณรแค่ ๔๐ รูป เกือบจะหาเครื่องสังฆทานไม่พอถวายท่าน จากเดิมที่เคยได้รับ ๔๐๐-๕๐๐ ชุด ถ้าพระ ๔๐ รูป สังฆทาน ๔๐๐-๕๐๐ ชุด ก็แปลว่าพระรูปหนึ่งต้องรับไปประมาณ ๑๐ ชุด จนกระทั่งบางทีพระท่านก็บ่นว่าเยอะเกินไป รับไม่ไหว แต่ปีนี้ท่านละ ๑ ชุด ยังเกือบจะมีไม่พอให้

ดูแค่นี้ก็รู้ว่าสภาพเศรษฐกิจจริง ๆ นั้นเป็นอย่างไร เพราะว่าถ้าชาวบ้านไม่มีกิน เรื่องทำบุญก็ต้องมาทีหลัง ถ้าอยากจะทราบว่าเศรษฐกิจดีหรือไม่ดี ถามพระจะได้ใจความชัดที่สุด บิณฑบาตทุกวัน โยมใส่บาตรมากขึ้นหรือน้อยลง พระจะรู้เห็นอย่างชัดเจน อาตมาได้เตือนโยมมาหลายเดือนติดกันแล้วว่า ถ้ามีงานทำให้อดทนสู้ไปก่อน อย่าได้พยายามแหกคอกออกมา"

เถรี
02-08-2019, 20:48
"เมื่อไม่กี่วันพวกขายของทางอินเตอร์เน็ตก็เพิ่งจะเผาตัวเองตายไป ซึ่งอาตมาก็เตือนนักเตือนหนาว่า อย่าคิดลักษณะ ๑ + ๑ เป็น ๒ จะทำอะไรก็ตามให้คิดด้านที่แย่ที่สุดไว้ก่อน ว่าถ้าพลาดจากตรงนี้เราจะเอาอะไรมาค้ำจุน เราจะถอยไปสู่จุดไหน ถ้าให้คำตอบตัวเองตรงนี้ไม่ได้ อย่าทำกิจการนั้นเลย ถ้าไม่ใช่บุญดีจริง ๆ รับประกันว่าเจ๊งแน่..!

เพราะเรามักจะไปคิดแบบ ๑ + ๑ เป็น ๒ ก็คือขายของชิ้นนี้ได้กำไรเท่านี้ ขาย ๑๐ ชิ้นได้เท่านี้ ขาย ๑๐๐ ชิ้นได้เท่านี้ โดยที่ไม่ได้คิดว่า ถ้าขายไม่ได้จะเกิดอะไรขึ้น..! ดังนั้น...สาวขายของทางอินเตอร์เน็ตเผาตัวเองตายก็ถือเป็นเรื่องปกติ เพราะว่าไปคิดแบบ ๑ + ๑ เป็น ๒ พอไม่ใช่ ๑ + ๑ เป็น ๒ ขึ้นมาก็แก้ปัญหาไม่ตก"

เถรี
02-08-2019, 20:53
"โดยปกติแต่ละปี ทางวัดท่าขนุนจะรับเทียนพรรษาหรือหลอดไฟเป็นคันรถ ปีนี้พระยิ้มระรื่น ไม่ต้องแบกหนัก แทบจะไม่พอให้ขนเข้าคลัง

อาตมาอยากจะบอกให้ทุกคนตาสว่างว่า นักการเมืองพึ่งพาไม่ได้ เมื่อถึงเวลาแล้วเขาจะคิดถึงแต่พวกพ้องและตัวกู ไม่ได้คิดถึงประชาชนที่เป็นฐานเสียง ตอนหาเสียงรับปากอะไรเอาไว้ พอถึงเวลาก็ลืมเอาง่าย ๆ พวกเรามีอย่างเดียวคือ อัตตาหิ อัตตโน นาโถ ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน"

เถรี
02-08-2019, 20:58
"ช่วงที่ผ่านมา สิ่งที่อาตมาเคยบอกล่วงหน้าไปเป็นปีก็ชัดแล้ว คือปีนี้จะแล้งจัด แต่คราวนี้การที่อาตมาพูดล่วงหน้านานไป ช่วงนั้นยังมองไม่เห็น ก็ไม่มีใครนึกว่าจะแล้งได้ถึงขนาดนี้ บางคนก็ยังโยนข้อหาให้อาตมาด้วยว่า เพราะหลวงพ่อพูดอย่างนี้ก็เลยทำให้แล้ง..!"

เถรี
02-08-2019, 21:01
"ดังนั้น...เรื่องที่เตือนเกี่ยวกับเศรษฐกิจ ก็ให้พวกเราระมัดระวังไว้ให้ดี มีงานก็ทุ่มเทกับงานให้เต็มที่ ทำงานต้องทำอย่างคนญี่ปุ่น คนญี่ปุ่นถ้าเข้าทำงานที่ไหนได้ ก็คือทุ่มเททั้งชีวิตให้กับงาน ต้องบอกว่าเขามีความจงรักภักดีต่อบริษัท ไม่เปลี่ยนงานง่าย ๆ ไม่เหมือนกับคนไทยเรา ทำงานสองเดือนสามเดือนก็ลาออกไปทำที่อื่น โดยอ้างว่าได้ประสบการณ์ ถ้าอาตมาเป็นเจ้าของบริษัท ใครที่อยู่ไม่ถึงหนึ่งปีแล้วลาออกมาทำงานใหม่ อาตมาจะไม่รับให้เสียเวลา เพราะว่าเดี๋ยวก็ต้องรับสมัครคนใหม่อีก

ค่านิยมที่ทำงานตรงนั้นสามเดือน ตรงนี้สี่เดือน อ้างว่าได้ประสบการณ์ ใช้กับอาตมาไม่ได้ ในเมื่อคุณไม่มีความอดทนเพียงพอที่จะทำงานอยู่ที่ไหนนาน ๆ ก็มีแต่จะสร้างความวุ่นวายให้กับหน่วยงานนั้น เพราะว่าเขาต้องหาคนใหม่อยู่บ่อย ๆ"

เถรี
02-08-2019, 21:12
"ปัจจุบันนี้โดยเฉพาะการทำงานอยู่กับบ้าน เช่น การรีวิวสินค้า รีวิวท่องเที่ยว หรือไม่ก็ถ่ายรูปสวย ๆ ลงในเฟซบุ๊ก ให้คนมาติดตามมาก ๆ เพื่อให้ได้ค่าโฆษณา หรือแม้กระทั่งถ่ายรูปโป๊เพื่อจะเรียกยอดไลค์ แล้วก็จะได้ส่วนแบ่ง เหล่านี้ทำให้คนมักง่ายขึ้น

โดยเฉพาะเด็กยุคใหม่ไม่มีความอดทนพอ พออาตมาเอ่ยตำหนิเรื่องการเรียน ก็ยกเอามาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ยกเอาสตีฟ จ๊อบ ขึ้นมาเป็นตัวอย่าง ว่าสองคนนี้ไม่เห็นจะเรียนจบปริญญาตรี ก็ประสบความสำเร็จ มีเงินเป็นหมื่นล้านแสนล้าน...จริงของเขา แต่เขาเรียกว่ายกขึ้นมาโดยไม่ได้ดูความเป็นจริง ว่าประชากรโลกเกือบ ๖,๐๐๐ ล้านคน สองคนนี้ประสบความสำเร็จ แต่อีกห้าพันกว่าล้านคนเป็นอย่างไร ?

โดยเฉพาะบ้านเรา กระทั่งกวาดถนนก็ต้องมีวุฒิการศึกษา เด็กรุ่นใหม่ที่ไม่ยอมเรียน ถึงเวลาทำงานประสบความสำเร็จ เป็นเน็ตไอดอลบ้าง อะไรบ้าง เป็นความกลวงเปล่าในชีวิต คนเรามีความเป็นวัยรุ่นอยู่กี่ปี ? พอพ้นระยะนั้นแล้ว คุณสามารถรักษาความเป็นเน็ตไอดอลอยู่ได้ไหม ? ถ้าคุณรักษาไม่ได้ แล้วคุณจะเอาความรู้อะไรไปทำมาหากิน ในเมื่อคุณไม่เรียน ?"

เถรี
02-08-2019, 21:14
"แต่อาตมาก็ไม่ค่อยห่วง เพราะว่าเรื่องการเอาตัวรอดนั้น คนไทยเรามีมาตั้งแต่ในดีเอ็นเอแล้ว ถึงได้มีสำนวนว่า “มะกอกสามตะกร้าปาไม่ถูก” มะกอกลูกใหญ่กว่าหัวแม่มือนิดเดียว ตะกร้าหนึ่งก็หลายร้อยลูก สามตะกร้าน่าจะเป็นพันลูก ขนาดนั้นยังขว้างไม่ถูก ต้องลื่นเป็นปลาไหลขนาดไหน ? ขอบอกว่าเป็นความมักง่าย ในเมื่อพื้นฐานไม่แน่น จะไปทำอะไรก็ลำบากไปหมด"

เถรี
02-08-2019, 21:22
"ถ้าโยมถามว่ามาบ่นเรื่องพวกนี้ทำไม ? ก็เพราะว่าทนเห็นสภาพสังคมของเราเละเทะไม่ไหว สภาพสังคมเกิดจากในบ้าน พ่อออกไปทำงาน แม่ออกไปทำงาน ไม่มีใครดูลูก สมัยนี้การเป็นครอบครัวขยายก็หมดไป ส่วนใหญ่จะแยกตัวออกไปอยู่กันแค่สองคน พอมีลูกขึ้นมาก็สามคนหรือสี่คน ไม่เกินกว่านั้น คือพ่อแม่และลูกอีกสองคน ไม่มีใครดูแล ต้องจ้างพี่เลี้ยง เด็กก็เว้าลาวบ้าง พูดเขมรบ้าง พูดพม่าบ้าง ได้ก่อนภาษาไทยเสียอีก ถ้าไปเจอพี่เลี้ยงที่รับผิดชอบก็ดีไป เจอประเภทไม่รับผิดชอบ กลับบ้านมาลูกอาจจะน่วมไปทั้งตัว หรือถึงตายไปแล้วก็มี..!

ในเมื่อสถาบันครอบครัวล้มเหลว พ่อแม่ไม่อยู่ ไม่มีปู่ย่าตาทวดคอยอบรม เด็กก็โตมาในลักษณะที่เห็นในปัจจุบัน ก็คือฉาบฉวย คิดไม่เป็น เอาแต่ความสนุกเฉพาะหน้า เห็นเขาแว้นจนหัวขาดก็ยังไม่รู้สำนึก ไม่เคยนึกว่าสิ่งที่ตัวเองทำนั้น จะสร้างความเดือดร้อนให้กับตัวเองและครอบครัวแค่ไหน เอาแต่ความสนุกเฉพาะหน้าเข้าว่า ก็เลยกลายเป็นบุคคลที่ควบคุมอารมณ์ไม่เป็น ปล่อยให้อารมณ์นำหน้าเหตุผล สังคมถึงได้วุ่นวายอยู่อย่างทุกวันนี้

ฉะนั้น...ถ้าใครคิดว่าอบรมลูกหลานให้ดีไม่ได้ ก็อย่าไปมีเลย จะได้ไม่ไปซ้ำเติมสังคมให้แย่ไปกว่านี้ ยิ่งไปเจอประเภทถามว่า “รู้ไหมว่ากูลูกใคร ?” ขนาดพ่อแม่ตัวเองเป็นใครยังไม่รู้ ต้องไปเที่ยวถามคนอื่น พวกเราคิดว่าคนประเภทนี้จะสร้างความเจริญให้กับสังคมได้ไหม ?"

เถรี
04-08-2019, 07:08
ญาติโยมเดินต่อแถวทำบุญ "อาตมาเองก็ไม่ทราบเหมือนกันว่า ได้รับการฝึกแบบทหารมา ก็เลยทำอะไรเร็วจนชิน หรือตัวเองเร็วแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ? บางทีเห็นญาติโยมทำบุญก็คิดว่า เออหนอ...ถ้าเป็นอาตมาก็คงจะกลับบ้านไปนอนเสียตื่นหนึ่งแล้ว คือรู้สึกว่าบางท่านทำบุญได้ยากเหลือเกิน

เรื่องของการทำบุญ ทำให้เร็ว ทำให้ไว ถึงเวลาความคล่องตัวจะทำให้เราได้รับผลอะไร ก็ได้รับโดยเร็ว โดยไวไปด้วย คราวนี้เรามัวแต่อ้อยอิ่งเชื่องช้ากันอยู่ ได้อะไรก็พลอยช้าไปด้วย

บางทีบิณฑบาตก็มีโยมบางคนหิ้วมังคุดมา ๑ ถุง ใส่บาตรพระทีละ ๑ ลูก ๆ ๆ จะใส่ให้หมดแถว ก็ไม่หมดอีก เพราะว่ามังคุดอย่างเก่งถุงหนึ่งก็มี ๑๐ กว่าลูก แต่พระของอาตมาเกือบ ๓๐ รูป ถ้าเป็นอาตมาก็ใส่ตูมเดียวไปเลย กูจะเอารางวัลที่หนึ่ง นี่เขาทำบุญแบบเลขท้ายสองตัว เพราะว่าจริตนิสัยต่างกัน"

เถรี
04-08-2019, 07:11
"อย่างปีนี้อาตมารับรางวัล อปต. (หน่วยอบรมประชาชนประจำตำบล) ดีเด่น ๓ ปีซ้อน รับรางวัลสำนักปฏิบัติธรรมจังหวัดดีเด่น แล้วต้องสละให้คนอื่น เพราะว่าตัวเองรับมาเยอะแล้ว รับรางวัลบุคคลผู้ทรงคุณค่าทางวัฒนธรรม แล้วมารับตำแหน่งรองเจ้าคณะอำเภอได้ไม่กี่วัน ก็มาเลื่อนชั้นพระครูสัญญาบัตร เพราะฉะนั้น..ทำอะไรทำตูมเดียวไปเลย ถึงเวลาจะได้รับเยอะ ๆ ไปทีเดียว"

เถรี
04-08-2019, 07:15
ผู้สูงอายุมาทำบุญ "โยมยังแข็งแรงมากอยู่ คนอายุมากที่ยังทำอะไรได้เอง ไม่เป็นภาระของลูกหลานนั้นดีที่สุด เพราะว่าลูกหลานส่วนใหญ่ลืมไปว่าตัวเองต้องแก่ เมื่อลืมไปว่าตัวเองต้องแก่ ส่วนใหญ่ก็ลืมพ่อลืมแม่ ลืมปู่ย่าตายาย"

เถรี
04-08-2019, 07:20
ผู้สูงอายุขอนั่งตรงที่มีคนเดินผ่านไปทำบุญ เพราะถ้านั่งตรงจุดอื่นจะขยับตัวลำบาก พระอาจารย์ท่านอนุญาตให้นั่ง พร้อมกับกล่าวว่า "ระเบียบมีไว้ให้ส่วนรวม เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน แต่บางท่านก็ต้องมีข้อยกเว้น เพราะว่าสภาพร่างกายไม่ไหว"

เถรี
04-08-2019, 19:29
พระอาจารย์กล่าวว่า "มีตำแหน่งหนึ่งที่อาตมาไม่อยากได้ คือตำแหน่งประธานการจัดหาทุนสร้างวิทยาลัยสงฆ์ เป็นตำแหน่งจ่ายเงิน ตอนนี้ตำแหน่งตัวเองเยอะจนจำไม่หมด เมื่อช่วงบ่ายยังบอกกับท่านภาสกร ภาวิไล ว่า ตอนนี้อาตมามีตำแหน่ง ๒๐ กว่าตำแหน่งแล้ว ที่ไม่ได้เจอหน้ากันนานจึงไม่ใช่เรื่องแปลก ท่านเองงานบรรยายก็เยอะขึ้นเรื่อย ๆ เพราะว่ามีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักในแวดวงว่าเป็นพระนักเทศน์ ความจริงไม่ใช่เทศน์หรอก ท่านอาจารย์ภาสกรขึ้นไปบรรยายแบบอาจารย์มหาวิทยาลัยมากกว่า เพียงแต่ว่าท่านเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านปฏิจจสมุปบาท และวิปัสสนาชกมวย

ใครเคยฟังบ้าง ? ลองไปค้นหาวิปัสสนาชกมวยก็ได้ จะได้รู้ว่าท่านเป็นอย่างไร ถ้านับในส่วนของการเป็นเพื่อนฝูง ก็คบกันมากกว่า ๒๐ ปีแล้ว แต่พวกเราก็ได้เจอหน้ากันน้อย เพราะว่าต่างคนต่างมีงาน"

เถรี
04-08-2019, 19:37
มีโยมถวายวัตถุมงคล "รุ่นสังฆาฏิ ๒๐ พระสุปฏิปันโน ใช้เวลานานมากกว่าจะทำได้ ช่วงก่อนที่ทำไม่ได้เพราะว่าเทคโนโลยีไม่ถึง พอมาช่วงหลังเอาสังฆาฏิไปอบกรอบแล้วตำเป็นผงจึงใช้ได้ เพราะว่าช่วงหลังมีเตาไมโครเวฟ ช่วงก่อนไม่มีเตาไมโครเวฟ ใช้กรรไกรตัดซอยเท่าไรก็ไม่พอ คราวนี้พออบสังฆาฏิก็กลายเป็นผงกรอบ ๆ สามารถเอามาทำเป็นวัตถุมงคลได้

ด้วยความเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง ผู้การอรรณพจึงทำแบบโปร่งใสมาก ทำในนามโรงพักบางคล้า ก็คือสถานีตำรวจภูธรบางคล้า บอกท่านว่า "พี่ณพ...เรารู้จักกันนานขนาดนี้ จะไม่เหลือให้สักองค์หนึ่งหรือ ?" ท่านบอกว่า "ถ้าอย่างนั้นผมก็ต้องไปจ่าย ๙๙๙ บาท เพื่อเอามาให้หลวงพี่ เพราะผมทำในนามของโรงพัก" "เออ..สมน้ำหน้ามึง..!" ลูกศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง ทำงานอะไรก็ต้องโปร่งใส ตรวจสอบได้"

เถรี
04-08-2019, 19:39
"เมื่อตอนช่วงปฏิบัติธรรม น่าจะอาทิตย์กว่ามาแล้ว ที่คณะสงฆ์อำเภอทองผาภูมิจัดปฏิบัติธรรมพระนวกะประจำปีนี้ อาตมาไปเจอร้านจำหน่ายวัตถุมงคล สงสัยว่าทำไมร้านนี้จัดร้านเป็นระเบียบเรียบร้อยมาก พระทุกองค์จะมีกล่องใส่และวางบนผ้าที่ปูอย่างดี

พอไปถึงเขาบอกว่า "อาจารย์เดินดูตามสบายเลยนะครับ ชอบใจองค์ไหนหยิบไปเลย อยากจ่ายเท่าไรก็วางไว้ตรงนั้น ผมจะไปกินข้าวแล้ว" อาตมาก็มอง ๆ หยิบมา ๖ องค์ วางเงินไว้หกพันบาท เขากลับมาบอกว่า "ไม่ได้ครับ..ไม่ได้" ถามว่าทำไม ? ก็เลยล้วงวางไปอีกสองพัน เขาบอกว่า "ไม่ใช่ครับ สองร้อยห้าสิบบาทก็พอแล้ว"

เขาบอกว่า "ผมมาขายของในวัด กินข้าววัดด้วย ไม่เอากำไรครับ ต้นทุนที่อาจารย์หยิบบูชาไป ผมได้มาแค่สองร้อยห้าสิบ" ก็คงเหรียญละประมาณยี่สิบสามสิบบาท ก็เลยบอกว่า "เฮ้ย..แต่ในท้องตลาดแพงมากนะ" "นั่นแหละครับ แต่ผมจะจำหน่ายแค่นี้" ก็เลยบอกว่า "เอาอย่างนี้แล้วกัน ส่วนนี้จ่ายสองร้อยห้าสิบ...ของคุณ ส่วนอันนี้ให้" อาตมาควักให้ไปสี่พันบาท ก็คือมีบางเหรียญในตลาดราคาเป็นหมื่น แต่เขาบอกว่าเอาราคาแค่นี้"

เถรี
04-08-2019, 19:40
"เห็นเขาแขวนอยู่ที่คอ ถามว่าพระที่ไหน ? แกล้งถาม..เพราะเห็นว่าเป็นเหรียญกูผู้ชนะประกอบธงมหาพิชัยสงครามของวัดท่าซุง เขาบอกว่า นี่เป็นครูบาอาจารย์ที่เขาเคารพมาก ครูบาอาจารย์สอนให้เขามีความเคารพพระ แล้วก็ต้องตรงไปตรงมา..ไม่โกง ถ้าอย่างนี้เอ็งสามารถพูดได้เต็มปากว่าเอ็งเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อ

ส่วนประเภทไปถึงบอกว่าเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง แต่คำพูดและความประพฤติเป็นสิ่งที่ไปด้วยกันไม่ได้ อันนี้ไม่สมควรที่จะเป็น ดังนั้น...จะเห็นว่าเขาทำอะไรตรงไปตรงมา พระก็ใส่กรอบมาเรียบร้อย บอกว่าต้นทุนแค่สองร้อยห้าสิบ ตอนแรกอาตมาคิดว่าน้อยไป อุตส่าห์ล้วงเพิ่มไปให้อีก

รุ่งขึ้นว่าจะไปเอาอีก ปรากฏว่าเขาหายไปแล้ว แสดงว่าบุญสัมพันธ์มีแค่นั้น ถึงเวลาพามาเจอแล้วก็จากกันไป"

เถรี
04-08-2019, 19:51
พระอาจารย์กล่าวว่า "เมื่อวันที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๖๒ อาตมาไปร่วมพิธีมังคลาภิเษกเหรียญเสด็จในกรมหลวงชุมพรที่วัดราชบพิธฯ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เป็นองค์ประธาน พระที่เขานิมนต์ไปก็มีท่านเจ้าคุณสมชาย วัดปริวาส หลวงปู่ฤๅษีตาไฟ วัดเทพหิรัณย์ หลวงปู่สิน วัดละหารใหญ่ และอาตมา

คราวนี้สถานที่วิหารเล็กมาก พอตั้งวัตถุมงคล ตั้งราชวัตรลงไปแล้วเหลือที่แคบนิดเดียว ก็เลยมีรายการเกี่ยงกัน ไม่ได้เกี่ยงตรงไหนหรอก เกี่ยงว่าใครจะนั่งด้านหน้า เพราะว่าติดองค์กรมสมเด็จพระเทพรัตน ฯ ท่านเลย ท้ายสุดท่านเจ้าคุณสมชาย หลวงปู่ฤๅษีตาไฟ และหลวงพ่อสิน หลบไปอยู่ท้ายวิหารกันหมด เจ้าหน้าที่เลยต้องมาถามอาตมาว่า “หลวงพ่อ..นั่งด้านหน้าได้ไหมครับ ?” อาตมาตอบว่า “แล้วแต่จัดให้ อาตมาไม่เคยเกี่ยง” ก็เลยไปนั่งอยู่ด้านหน้า ถ้าเอี้ยวตัวนิดเดียวก็จะเห็นกรมสมเด็จพระเทพรัตน ฯ ท่านประทับนั่งอยู่ติด ๆ กันนั่นแหละ"

เถรี
04-08-2019, 19:55
"คราวนี้ในพิธี ปรากฏว่าแทนที่เสด็จในกรมหลวงชุมพรท่านจะมา กลายเป็นในหลวงรัชกาลที่ ๕ เสด็จมา กราบทูลถามพระองค์ท่านว่า “เขาเชิญเสด็จในกรม ฯ ไม่ใช่หรือครับ ทำไมพระองค์ท่านเสด็จมาแทน ?” พระองค์ท่านตรัสว่า “ลูกสาวสุดที่รักมาเป็นประธานในงานวันสำคัญของลูกชาย ก็เลยต้องมาช่วย” อาตมาต้องนั่งปรับสมองอยู่ตั้งนาน ใคร ? เสด็จในกรมหลวงชุมพรเป็นพระโอรส...นี่ลูกชายแน่ ลูกสาวมาเป็นประธาน....อาตมาก็นั่งมอง ท่านคงเกิดในยุคนั้นมาก่อน

ขำตรงที่พระเถระท่านหนีกันหมด จะว่าไปแล้วสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้าฯ บารมีพระองค์ท่านมาก บางทีพระสั่นเลย ไปรับเสาเสมาธรรมจักรจากพระหัตถ์ของพระองค์ท่านเมื่อปี ๒๕๕๕ ก็มีพระไปรับหลายรูป เจ้าหน้าที่กรมการศาสนา เจ้าหน้าที่สำนักพระราชวัง มาซักซ้อมกันรอบแล้วรอบเล่า จะต้องยืนตรงนี้ จะต้องรับอย่างนี้ จะต้องหยิบท่านี้ พอถึงเวลา หลวงปู่หลวงพ่อหลายรูปลืมหมดเลย พอเห็นหน้าพระองค์ท่านเท่านั้นแหละ ทำอะไรไม่ถูกเลย

อาตมาก็เลยกลายเป็นคนใจกล้าหน้าด้าน ทำไม่ผิดขั้นตอน งวดนี้ก็เหมือนกัน ทำไม่ผิดขั้นตอน คนอื่นส่วนใหญ่เขาจะลืมขั้นตอนกันหมด พออยู่ต่อหน้าพระองค์ท่านแล้วก็ประหม่า เพราะฉะนั้น..ต้องหัดให้หน้าด้านกว่านี้อีกหน่อย..!"

เถรี
04-08-2019, 20:12
พระอาจารย์กล่าวว่า "แจ้งให้ญาติโยมทราบว่า วันที่ ๑๖ สิงหาคมนี้ มีการหล่อพระเกตุมาลาสมเด็จองค์ปฐมเนื้อทองแดง (ผสมทองคำแท้) ที่บ้านเติมบุญ เป็นของพระครูวินัยธรธวัชชัย ชาครธมฺโม หรือหลวงพ่อนิล

ปกติอาตมาติดงาน วันที่ ๑๖ มีงานประชุมพระนวกะของคณะสงฆ์อำเภอพนมทวน คงต้องขอหนีงานเขากลางคัน กะว่าจะหล่อได้ประมาณเที่ยงครึ่ง ท่านใดว่างเว้นภารกิจ อยากจะอนุโมทนาบุญร่วมกันอย่างใกล้ชิดก็ไปร่วมงานได้ จะเปิดบ้านให้พักหนึ่ง"

เถรี
04-08-2019, 20:16
"ส่วนวันที่ ๒๙ สิงหาคม ๒๕๖๒ มีพุทธาภิเษกรอบพิเศษที่วัดท่าขนุน เพราะว่าทางมูลนิธิสามสมเด็จฯ โดย ดร.จักรกฤช ศีลาเจริญ สร้างเหรียญในวาระครบ ๔๒๙ ปี สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทำการพุทธาภิเษกใหญ่มาสามวาระแล้ว จะไปปิดท้ายให้เจ้าอาวาสวัดท่าขนุนเสกเดี่ยว โดยให้เหตุผลว่าแฟนคลับเรียกร้อง..!

อาตมาเองก็พูดไม่ออก เพราะว่าวันที่ท่านขอมาไม่ลำบากมาก เป็นวันพระใหญ่ ในเมื่อเป็นวันพระใหญ่ จะให้เสกช่วงประมาณสิบโมงถึงเพลก็พอได้อยู่ ใครจะร่วมพิธีก็เดินทางไปที่วัดท่าขนุน เพราะไม่รู้ว่าพระท่านจะสงเคราะห์อะไรให้เป็นพิเศษบ้าง เนื่องจากนาน ๆ จะโดนระบุเจาะจงมาเสียที

ปกติอาตมาก็เสกเดี่ยวเป็นประจำ ยกเว้นว่ามีเพื่อนฝูงครูบาอาจารย์ร่วมงานอยู่ก็ช่วยกันไป เพิ่งจะมีรอบนี้แหละ ที่เขาไม่เอาใครเลย บอกว่าแฟน ๆ เรียกร้อง เพื่อให้วัตถุมงคลขายได้ก็ต้องเสกให้เขาหน่อย

ก็แปลว่ามีงานพิเศษแทรกขึ้นมา งานหลักของทางวัดก็คืองานวันแม่แห่งชาติ ๑๒ สิงหาคม งานวันแม่จะมีการนิมนต์พระสุปฏิปันโนมาให้พวกเราได้ทำบุญกันตามปกติ แล้วก็มีการบวชเนกขัมมะปฏิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติ"

เถรี
04-08-2019, 20:39
พระอาจารย์กล่าวว่า "เห็นโยมแขวนพระกริ่งปลดหนี้สองแผ่นดินแล้วนึกขึ้นมาได้ ท่านอาจารย์ธนิสร์ ศรีกลิ่นดี ศิลปินแห่งชาติ ต้องเรียกว่าปรมาจารย์เพลงขลุ่ยเมืองไทย ท่านเล่าให้ฟังเมื่อสองวันก่อน บอกว่าใช้พระกริ่งปลดหนี้สองแผ่นดินกับเหรียญพุทธบารมีรุ่นสอง พร้อมกับภาวนา เมสัมมุกขา สัพพาหะระติ เต สัมมุกขา แล้วตัวปัญหาหายไปจากชีวิตเองโดยไม่ต้องทำอะไร ก็คือมีบุคคลที่คอยสร้างปัญหาให้กับท่านอยู่ตลอดเวลา หลังจากที่ใช้วัตถุมงคลสองอย่างนี้ พร้อมกับภาวนาคาถามหาสะท้อนเป็นปกติ เขาก็ปลีกตัวเองไป ทำให้ทุกอย่างสะดวก คล่องตัวขึ้นมาก"

เถรี
04-08-2019, 20:40
"พวกเราฟังไว้เป็นประสบการณ์ในการใช้วัตถุมงคลอย่างหนึ่ง จริง ๆ แล้วก็คือ ด้วยใจที่เคารพในพระรัตนตรัย ยึดพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งจริง ๆ ที่เป็นกุศลใหญ่เสริมเข้ามา ในเมื่อกุศลใหญ่เข้ามา อกุศลถอยไปก็เป็นเรื่องปกติ เพียงแต่ว่าขึ้นอยู่กับจังหวะเวลาของใคร แบบเดียวกับน้องโบว์ (ภคมน)

อาตมาตั้งใจทำธงให้เป็นธงค้าขาย น้องโบว์เอาธงไปให้รุ่นพี่นำไปใช้ในงานประมูลแข่งกับเขา บอกว่าให้อาราธนาธงนี้ก่อนแล้วค่อยไปประมูล ปรากฏว่าได้งานมาพันกว่าล้านบาท..! รุ่นพี่ก็เลยยึดธงไป โดยไม่แบ่งให้น้องโบว์แม้แต่บาทเดียว ถ้าเป็นอาตมาจะคิดค่าเช่าเป็นรายวัน...!

พวกเรื่องประสบการณ์วัตถุมงคล ส่วนใหญ่คนเขาพบมาโดยตรง ก็เกิดความศรัทธาเลื่อมใสมาก"

เถรี
04-08-2019, 20:43
"ถ้าเปิดให้เขียนประสบการณ์เกี่ยวกับวัตถุมงคลวัดท่าขนุน ดูท่าว่าจะอ่านกันไม่ไหว เพราะฉะนั้น..อย่าไปเปิดเลย เพราะว่าอ่านแล้วเขาก็จะหาแต่รุ่นนั้น ซึ่งหมดไปแล้ว เป็นเรื่องปกติเลย รุ่นไหนมีประสบการณ์คนก็จะเอารุ่นนั้น ทีนี้พอรุ่นนั้นมีประสบการณ์ดันจะไปเฉพาะเอาองค์นั้น แล้วเจ้าของใครเขาจะไปให้เล่า ?"

เถรี
07-08-2019, 08:11
"อาตมาเองก็โดนเพื่อนพระบางท่านที่อยู่ในกลุ่มไลน์สำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดตำหนิมา บอกว่าไปเที่ยวเสกวัตถุมงคล ไม่ใช่สิ่งที่พระพุทธเจ้าสอน ควรที่จะเอาธรรมะบริสุทธิ์ไปให้แก่ญาติโยม

อาตมาก็บอกว่า คนเข้าร้านข้าวแกงมากกว่า หรือเข้าร้านขายเพชรมากกว่า ? ก็ต้องคนเข้าร้านข้าวแกงมากกว่า เพราะว่าเขาต้องกินอยู่ทุกวัน เนื่องจากเงินยังมีไม่เพียงพอ ไม่เหลือเฟือขนาดจะไปซื้อเพชร สำคัญอยู่ที่เราว่าทำอย่างไรที่จะแนะนำคนขายข้าวแกงว่า มีเพชรซึ่งมีคุณค่ามหาศาลอยู่ ถ้าหากว่าคุณรวบรวมเงินได้เพียงพอแล้วก็ควรที่จะซื้อติดตัวเอาไว้บ้าง

แบบเดียวกับหลักธรรมของพระพุทธเจ้าก็คือเพชร แต่คนส่วนใหญ่กำลังใจไปไม่ถึง ก็ไปได้แค่ขั้นต้น โบราณจารย์ท่านฉลาด ท่านให้เรายึดวัตถุมงคล โดยไม่ให้ห่างจากทาน ศีล ภาวนา เราจะเห็นว่าวัตถุมงคลบางชิ้นเราต้องภาวนาคาถาเงินล้าน ต้องใส่บาตรประจำ วัตถุมงคลบางชิ้นเราต้องรักษาศีลอย่างน้อยสองข้อ ก็คือ ต้องไม่ลักขโมย ต้องไม่กินเหล้า เป็นต้น"

เถรี
07-08-2019, 08:21
"ถึงเวลาก็ต้องมีการอาราธนา ก็คือการภาวนา ก็แปลว่าโบราณาจารย์ ครูบาอาจารย์ท่านมีความฉลาด กำลังใจของเรายังต่ำอยู่ ไม่สามารถที่จะกอบโกยเอาเพชรมาได้ ท่านก็พยายามที่จะต่อ ก็คือต่อบุญต่อกำลังใจของเรา หาทางเสริมบุญของเราให้เพียงพอ เหมือนอย่างกับสร้างต้นทุนให้เราพอที่จะซื้อเพชรนั้นได้ ไม่ใช่ไปยืนตำหนิชี้หน้าด่าคนอื่น ว่าดีแต่ชวนชาวบ้านเขากินข้าวแกง ไม่ใช่ชวนชาวบ้านซื้อเพชร เขาไม่มีสตางค์นี่คุณ จะได้พูดเต็มปากเต็มคำว่าเศรษฐกิจดี แล้วดีอยู่กี่คน เรื่องนี้เกี่ยวกันหรือเปล่า ? ไม่เกี่ยวนะ..บ่นแล้วก็พูดเลยไป

เรื่องพวกนี้ที่ไหน ๆ ก็เหมือนกัน พอตนเองทำไปถึงระดับหนึ่ง จะเกิดมานะ เกิดทิฐิ เห็นว่าตนเองทำดีแล้ว ถูกแล้ว ถ้าคนอื่นไม่ทำแบบนี้ก็คือใช้ไม่ได้ ถ้าลักษณะอย่างนี้ต้องบอกว่าโลกทัศน์คับแคบมาก ไม่มองบริบทและความเป็นจริงในสังคมของเรา ในสังคมที่คนยังไปถูท่อนไม้ ยังไปไหว้หมาหน้าเป็นลิง ยังไปไหว้ต้นกล้วยออกปลีกลางต้น ยังไปไหว้ต้นมะพร้าวออกจั่นเหมือนหงอนพญานาค แล้วคุณจะไปเอาธรรมะบริสุทธิ์ที่ไหนมาให้เขาได้ ?

ใคร ๆ ก็รู้ว่าปริญญาเอกเป็นความรู้สูงสุดที่บ้านเรามี เด็กไม่ทันจะจบ ป.๔ แล้วบอกให้ไปเรียนปริญญาเอก เขาจะเรียนไหวไหม ? ท่านไม่ค่อยจะนึกถึงตรงนี้กัน ในเมื่อเกิดทิฐิมานะขึ้นมาก็แบก แบกความรู้ แบกความดี วาระสุดท้ายแม้แต่ดีชั่วก็แบกไม่ได้ ต้องวางหมด เพราะถ้าไม่วางก็ไปไหนไม่ได้ แต่ทีนี้เรายังแบกดีอยู่ จะไปเอาดีได้อย่างไร ? เพราะว่าดีแท้ต้องเลิกแบก

แต่บางทีอาตมาเองก็ดูแล้ว ในเมื่อท่านกำลังใจเป็นแบบนี้ ก็อยู่ในประเภทน้ำชาล้นถ้วย เทลงไปก็ล้นทิ้งเสียเปล่า ๆ ดีไม่ดีก็ขัดคอกันด้วย จึงต้องเงียบไว้ก่อน ปล่อยท่านแสดงทัศนคติของท่านไป โดยที่คิดว่าเอาที่ท่านสบายใจก็แล้วกัน"

เถรี
07-08-2019, 08:31
โยมเอาพระแตกมาถวาย พระอาจารย์กล่าวว่า "ส่วนใหญ่พวกเราไปกลัวพระแตก พระหัก ถ้าซ่อมขึ้นมาจะได้อานิสงส์เบญจกัลยาณีด้วย ต้องเรียกว่าทิ้งบุญไปแบบน่าเสียดาย ไม่มีอะไรซ่อมแค่ติดกาวไว้ก็ยังดี

นางสาวภรณ์ทิพย์ นาคหิรัญกนก นางงามจักรวาลชาวไทย ตอนได้รับมงกุฎแล้ว แวะไปกราบหลวงพ่อวัดท่าซุง พวกเราก็ถามหลวงพ่อท่านว่า พอจะบอกได้ไหมครับ ว่าทำไมภรณ์ทิพย์ถึงได้รางวัล ? หลวงพ่อท่านบอกว่า ชาติก่อนรักษาศีลและเจริญเมตตาเป็นปกติ ซ้ำยังได้ซ่อมพระพุทธรูปด้วย เกิดมาก็เลยกลายเป็นคนสวยที่สุดในโลกของยุคนี้

เป็นอย่างไร ลืมป้าปุ๋ยไปหรือยัง ? ไม่ได้สวยอย่างเดียวนะ ตอนนี้รวยบรรลัยเลย เพราะว่าสามีรวย ยังอุตส่าห์เดินทางไปทำงานเกี่ยวกับการช่วยเหลือเด็กไปทั่วโลก ต้องบอกว่าคนมีบุญแล้วต่อบุญตัวเองเป็น แบบเดียวกับโจวเหวินฟะ กับ หลี่เหลียนเจี๋ย บริจาคเงินเข้ามูลนิธิ บริจาคเงินให้พระพุทธศาสนาบ้าง ท่านทั้งหลายเหล่านี้มีบุญและต่อบุญตัวเองเป็น ใช้บุญตัวเองเป็น อานิสงส์จะตามไปชาติถัด ๆ ไป ถ้าต่อบุญตัวเองไม่เป็น หมดชาตินี้ ชาติต่อไปก็จะลำบาก"

เถรี
07-08-2019, 08:33
โยมมาถวายสังฆทานให้ผู้ตาย "สบายใจได้นะ แม่ตามมาโมทนาได้ ถ้ามาได้ แสดงว่าสบายแล้ว มีแต่เราที่ลำบาก"

เถรี
07-08-2019, 08:34
มีโยมมาถวายสังฆทาน พระอาจารย์กล่าวเตือนสติว่า "อย่าจริงจังกับชีวิตมาก จริงจังมากก็เครียด ผ่อน ๆ คลาย ๆ บ้าง แบกมากก็หนัก"

เถรี
08-08-2019, 19:57
ถาม : การที่บุคคลมีจริตนิสัยมักง่าย ขี้เกียจ แต่เป็นในลักษณะที่ว่า ถ้ามีปัญหาที่ต้องแก้ไข จะหาวิธีที่ง่ายและเร็วที่สุดในการแก้ปัญหา และในด้านธรรมะอยากจะทรงฌานสมาบัติ สลับฌานได้ตามใจนึก ก็ภาวนาไปเรื่อย ๆ ก็สักแต่ว่าทำสะสมไปเรื่อย ๆ ไม่ได้รีบร้อน ถ้าตอนไหนเบื่อก็หาอย่างอื่นทำจะได้ไม่เครียด การที่มีนิสัยหรือจริตแบบนี้ ต้องแก้หรือไม่ครับ ?
ตอบ : ถ้าเป็นสันดานแล้วแก้ไม่ได้ คนที่จะละสันดานได้มีอยู่ท่านเดียวคือพระพุทธเจ้า

เถรี
08-08-2019, 19:58
ถาม : การที่เราปฏิบัติได้ในระดับหนึ่ง และรู้สึกพอใจแค่นี้ แต่ก็ยังมีธรรมขั้นสูงที่ดีกว่าตอนนี้รออยู่ แต่ก็ไม่ได้เร่งรีบอะไร ก็ค่อย ๆ ทำไป อยากทราบว่าวิธีคิดแบบนี้ใช้ได้หรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ใช้ได้สำหรับเขา ก็คือสำหรับบุคคลที่ยังจะต้องเกิดอีกนาน..!

เถรี
08-08-2019, 20:01
ถาม : ขอสอบถามหลวงพ่อเรื่องสังโยชน์เบื้องสูงในข้อมานะ ผมเข้าใจถูกหรือเปล่าครับบุคคลที่ทรงฌานสมาบัติ ๘ ทรงอภิญญา มีความรู้ทางโลกและทางธรรมมาก มีวิปัสสนาญาณสูง และเข้าถึงธรรมจริง ๆ ท่านเหล่านี้ไม่มีความหยิ่งไม่ถือตัว แต่จะใช้ประโยชน์จากความรู้ความสามารถที่เรียนมาเพื่อช่วยตนเองและคนอื่น ?
ตอบ : ไปถามท่าน จะได้คำตอบที่ชัดที่สุด

เถรี
08-08-2019, 20:15
ถาม : การที่เราช่วยแชร์คำสอนของพระอรหันต์ หลวงปู่ หลวงพ่อที่สอนตามพระพุทธเจ้า บน Facebook และหวังว่าสิ่งที่เราทำจะเป็นปัจจัยช่วยให้เขาไม่ต้องเกิด หรือเกิดน้อยลง อยากทราบว่าคนที่ทำแบบนี้ จะช่วยให้ตนเองทรงฌาน ๔ และเข้าถึงอารมณ์วิปัสสนาขั้นสูงได้ง่ายขึ้นหรือไม่ หรือว่าต้องเพียรพยายามอย่างเดียวครับ ?
ตอบ : อานิสงส์ที่เราได้เป็นส่วนของธรรมทาน ส่วนเรื่องของการทรงฌานทรงสมาบัติ เป็นความเพียรเฉพาะตน เหมือนอย่างกับว่าเราจะกินข้าว แต่เราก็เที่ยวเอาข้าวของไปเที่ยวแจกคนอื่นเขา แต่เราไม่หุงกินเสียที แล้วเมื่อไรเราถึงจะได้กิน ?

เถรี
08-08-2019, 20:19
ถาม : มีโอกาสไหมครับที่ทางวัดท่าขนุนจะสร้างสมเด็จองค์ปฐม (แบบหลวงพ่อทองคำ) ลอยองค์ ขนาดแขวนคอ ?
ตอบ : มีน้อยมาก

เถรี
08-08-2019, 20:19
ถาม : คนที่จมน้ำตาย ทำไมบางคนถึงถูกพวกอมนุษย์แอบซ่อนศพหรือทำให้หาศพไม่เจอด้วย ?
ตอบ : เขาอยากซ่อนเอง

เถรี
08-08-2019, 20:22
ถาม : พระอาจารย์เคยเล่าถึงการนำสังฆทานที่ถูกเก็บไว้จนเก่ามาใช้ประโยชน์ โดยนำบางส่วนมาชั่งกิโลขาย บางส่วนนำมาปรับปรุงให้ดีเพื่อให้ผู้คนใช้บูชาต่อ แล้วหลวงปู่ฤๅษีบอกว่าเป็น “สันดานเศรษฐี” การนำของสงฆ์มาทำลักษณะนี้ มีหลักการอย่างไร จึงจะไม่ติดหนี้สงฆ์และเป็นบาปกรรม และเป็นดังเช่นหลวงปู่ฤๅษีบอก ?
ตอบ : สร้างมูลค่าเพิ่มให้มากที่สุด โดยที่คาดคำนวณว่าถ้าเป็นของใหม่แล้วราคาจะได้กัน ก็คือราคาใกล้เคียงกัน จะได้ไม่เป็นหนี้สงฆ์

อาตมาเอาเทียนคู่หนึ่งไปเข้าพิธีเสาร์ ๕ แล้วเอามาขายสองร้อยบาท โดยปกติเทียนทั้งห่อขายได้ถึงสองร้อยหรือเปล่าก็ไม่รู้ ?

เถรี
08-08-2019, 20:26
ถาม : พระเถระรูปหนึ่งที่มรณภาพไปแล้ว ท่านเคยเล่าว่า เหตุที่ชาตินี้ ท่านมีรูปร่างเตี้ยสั้น เพราะในอดีตชาติหนึ่ง ท่านไปเด็ดก้านดอกไม้ที่เขาถวายบูชาพระให้สั้น ด้วยห่วงแจกันดอกไม้จะล้ม ท่านบอกว่าเป็นผลกรรมที่ไปขัดเจตนาผู้ที่ถวาย กรณีนี้หากไม่ใช่กระทำด้วยเจตนาดี ผลกรรมจะหนักกว่านี้หรือไม่ ?
ตอบ : ขนาดเจตนาดียังหนักแบบนี้ ถ้าเจตนาไม่ดีจะไม่หนักกว่าก็เป็นเรื่องที่ประหลาดแล้ว

เถรี
08-08-2019, 20:34
ถาม : ผมได้ปฏิบัติสมาธิมาได้ระยะหนึ่ง ในการทำสมาธิ ยืน เดิน นั่ง นอน แม้แต่ขับรถ ผมไม่ทราบว่าทรงสมาธิได้ถึงระดับไหน แต่เมื่อต้องการจะเข้าสมาธิ ไม่จำเป็นต้องตั้งท่ากำหนดลมหายใจเข้าออก หรือภาวนาพุทโธ เพียงแค่นึกก็เป็นสมาธิแล้ว บางครั้งเมื่อมีอารมณ์รัก โลภ โกรธ หลง มากระทบ ก็เข้าสมาธิได้ทันระงับไว้ได้ จะสังเกตจากอาการทางร่างกายคือ ไม่เครียด ไม่ปวดหัว กำลังจะสู้ได้ทุกงาน เมื่อผมได้กลับไปอ่าน คำสอนของหลวงพ่อในโอกาสต่าง ๆ ก็มั่นใจว่าเดินมาถูกทางแล้ว และเข้าใจมากยิ่งขึ้น ไม่หวั่นไหวในโลกธรรม ๘ ประการ

ถาม : ผมมีคำถามอยากจะสอบถามหลวงพ่อว่า หากเราทรงสมาธิถึงฌาน ๔ ได้เป็นปกติ เป็นไปได้ไหมที่เราไม่รู้ตัว ?
ตอบ : คนโง่ประเภทนั้นมีเยอะนะ อาตมาเจออยู่หลายคนเหมือนกัน มีอยู่คนหนึ่งเป็นพระอริยเจ้าแล้วยังไม่รู้ว่าตัวเองเป็น พยายามบอกอย่างไรก็โง่อยู่อย่างนั้น แต่เขาทำได้ ก็เลยแปลกใจว่าโง่แบบไหน คนที่จะเข้าถึงความเป็นพระอริยเจ้าต้องฉลาดสุด ๆ ไม่อย่างนั้นเข้าไม่ถูกทางหรอก แต่ใบ้ให้ตายเขาก็ไม่รู้ตัวว่าเป็น

ส่วนอีกรายทรงฌานได้ทุกเวลาที่ต้องการ แต่เขาไม่รู้ คิดว่าตัวเองไม่สบาย ถึงเวลาตั้งใจจะขับรถก็จะแข็งทื่อเป็นหิน ต้องเขย่าตัวเองให้หลุด ดู ๆ แล้วก็ตลกดีเหมือนกัน ก็น่าจะมีนะ...ประเภทที่ทรงฌานได้แต่ตัวเองไม่รู้ตัว

ถาม : หากผู้นั้นกำลังประสบกับวิบากกรรมหนัก การอธิษฐานขอผลของฌาน ๔ จะมีผลเป็นอย่างไร ?
ตอบ : ก็ต้องลองดู เพราะว่าฌานสี่ไม่ต้องอธิษฐานขอผล เขาใช้ได้เลย อย่าลืมว่ามีส่วนของฌานฤทธิ์ ฤทธิ์ที่เกิดขึ้นจากการทรงฌานสมาบัติ หากว่าไม่เกินวิสัยก็สามารถจะทำได้อย่างที่ตนต้องการ

เถรี
08-08-2019, 21:21
ถาม : สองปีมานี้มีเหตุจำเป็นต้องจ่ายเงินเป็นจำนวนมากซึ่งไม่อาจจะเลี่ยงได้ ดูเหมือนว่าที่หน้าจะมีขี้แมลงวันจำนวนมากที่จมูก ซินแสบางท่านบอกว่าเป็นลักษณะของคนที่ต้องจ่ายเงินมากปรากฏขึ้นมา และควรเอาออกจะได้หมดปัญหานี้ นอกจากสวดคาถาวิระทะโยแล้ว ควรทำอะไรเพิ่มเติมเป็นพิเศษอีกหรือไม่ครับ ?
ตอบ : ใช้สบู่กัญชา เห็นเขาว่าทำให้ขี้แมลงวันลอกได้..!

เถรี
08-08-2019, 21:22
ถาม : คนสองคนเอ่ยปากขออโหสิกรรมซึ่งกันและกันทุกอย่างต่อหน้ากันแล้ว แต่หลังจากนั้นฝ่ายหนึ่งก็เกิดการกระทำที่เบียดเบียนอีกฝ่ายอย่างรุนแรง โดยที่หลังการขออโหสิกรรมครั้งนั้น ฝ่ายที่ถูกเบียดเบียนไม่ได้กระทำสิ่งใดที่ดูเหมือนการสร้างเหตุล่วงเกินอีก นอกจากมีความเห็นไม่ตรงกันบ้างในบางเรื่องตามปกติทั่วไป ตามหลักการเมื่อขออโหสิกรรมต่อหน้ากันและกันไปแล้วกรรมที่ทั้งคู่จองเวรกันมาย่อมสิ้นสุดลง ทำไมกรรมของทั้งคู่ถึงยังไม่ขาดจากกันครับ ?
ตอบ : ก็ไปเริ่มต้นใหม่ เหมือนกับใช้หนี้หมดแล้วก็ยืมอีก ย่อมต้องเป็นหนี้อีก

เถรี
08-08-2019, 21:24
ถาม : ถ้าจะอาราธนาบาตรน้ำมนต์และเหรียญเนื้อนาก เพื่อทำน้ำมนต์รักษาโรคหรือทำน้ำมนต์เพื่อเป็นศิริมงคล ต้องใช้คาถาบทใดครับ ผมอ่านจากเก็บตกเป็นคาถาเสกน้ำล้างหน้า จึงไม่แน่ใจว่าใช้อาราธนาในกรณีนี้ได้หรือไม่ครับ ?
ตอบ : ถ้าไม่รู้จะใช้คาถาอะไรก็ อิติปิ โสฯ สามห้อง ใส่ไป ๑๐๘ จบได้ยิ่งดี ..!

เถรี
08-08-2019, 21:29
ถาม : เหรียญพุทธบารมีสุริยันทรงกลด เนื้อชนวนหลวงพ่อนาก เมื่อจะนำไปแช่น้ำเพื่อทำน้ำมนต์ ในบาตรน้ำมนต์ฉลองอายุวัฒนมงคล ๖๐ ปี ควรจะนำไปเลี่ยมพลาสติกกันน้ำเพื่อป้องกันสนิมหรือโลหะสึกกร่อนก่อน แล้วจึงนำไปแช่ทำน้ำมนต์ จะเป็นการสมควรไหมครับ ? หรือว่าสามารถจะนำไปแช่น้ำได้โดยตรงเลยโดยไม่ต้องเลี่ยมพลาสติก ?
ตอบ : คำถามแรก...จะเลี่ยมหรือไม่เลี่ยมตัดสินใจเอาเอง คำถามที่สอง...จะแช่หรือไม่แช่ก็ตัดสินใจเอาเอง ถ้าเรื่องแค่นี้ยังเสียเวลาไปถามคนอื่นก็อย่าเกิดเป็นคนเลย..!

เถรี
08-08-2019, 21:30
ถาม : บาตรน้ำมนต์ฉลองอายุวัฒนมงคล ๖๐ ปี จะสามารถป้องกันสนิมหรือโลหะสึกกร่อนจากการใช้ทำน้ำมนต์ ได้อย่างไรบ้างครับ ?
ตอบ : สัพเพ สังขารา อนิจจา สรรพสิ่งไม่เที่ยง ต่อให้คุณไม่ใช้ จะช้าหรือเร็วก็สึกกร่อน

เถรี
08-08-2019, 21:33
ถาม : ทำไมพระพิมพ์ขุนแผนจึงมีผลด้านเมตตามหานิยมครับ ?
ตอบ : เพราะว่าเขาเชื่ออย่างนั้น พระพิมพ์ขุนแผนโบราณ สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงสร้างไว้สำหรับออกศึก คราวนี้คนรุ่นหลังดันไปถือเคล็ดว่าขุนแผนเจ้าชู้ มีเมียมาก จึงเอาไปใช้ทางเมตตามหานิยม กลายเป็นมโนมยา สำเร็จด้วยใจ เพราะว่าเชื่อมั่นอย่างนั้น

เถรี
13-08-2019, 16:33
ถาม : ทำไมมวลสารต่าง ๆ จึงมีผลให้องค์พระหรือเครื่องรางขลังขึ้นครับ ?
ตอบ : ตั้งใจทำ ถูกต้องตามพิธีกรรม ถูกต้องตามฤกษ์ยามและเวลา ใช้ความเพียรพยายามด้วยใจที่มุ่งมั่น บางท่านอย่างหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค ต้องทรงสมาบัติ ๘ ถึง ๑๕ วันเพื่อเขียนผง จะช่วยให้ขลังขึ้นไหมเล่า ?

เถรี
13-08-2019, 16:34
ถาม : พระพุทธรูปสมเด็จองค์ปฐมกับพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน ควรจัดลำดับบูชาอย่างไรครับ ?
ตอบ : บรรจุเอาไว้ในสมเด็จองค์ปฐม แล้วบูชาไปพร้อมกัน

เถรี
13-08-2019, 16:36
ถาม : พระพุทธรูปที่ไม่ได้ระบุว่าเป็นพระพุทธเจ้าพระองค์ใดเป็นการจำเพาะ แต่มีหน้าตักใหญ่กว่าพระพุทธรูปสมเด็จองค์ปฐม จัดไว้เป็นประธานได้หรือไม่ครับ ?
ตอบ : ได้...พระพุทธเจ้าไม่มาถือสาลำดับชั้นเพราะว่าพระองค์ท่านหมดกิเลสแล้ว มีแต่พวกกิเลสท่วมหัวอย่างพวกเราที่ไปแบ่งกันเอง..!

เถรี
13-08-2019, 16:37
ถาม : หากพกวัตถุมงคลยันต์เกราะเพชร อาราธนาแล้วเกิดละเมิดข้อห้ามขึ้น จะต้องอาราธนาใหม่ หรือแค่คิดรักษาศีลท่านจะคุ้มครองครับ ?
ตอบ : ควรที่จะอาราธนาใหม่

เถรี
13-08-2019, 16:41
ถาม : เวลาอาราธนาวัตถุมงคล ควรนึกรายละเอียดเฉพาะวัตถุมงคลองค์ที่แขวนเป็นการเฉพาะเลยหรือไม่ หรือแค่นึกภาพวัตถุมงคลรุ่นเดียวกันที่จำภาพได้ครับ ?
ตอบ : ถ้าสามารถนึกถึงชิ้นที่อยู่กับตัวเราได้จะดีที่สุด เพราะว่านั่นคือสิ่งที่เราใช้ ไม่ใช่ไปนึกถึงรุ่นที่อยู่กับคอของชาวบ้านเขา..!

เถรี
13-08-2019, 16:42
ถาม : ตะกรุดมหาสะท้อนอยู่ห่างคนท้องประมาณกี่เมตรถึงจะสามารถคลอดลูกได้ ?
ตอบ : ออกไปให้พ้นจากตัวอาคาร

เถรี
13-08-2019, 16:56
ถาม : หากนำตะกรุดมหาสะท้อนไปให้พ่อแม่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งบูชา แล้วเกิดผลสะท้อนให้อีกฝ่ายเดือดร้อน ลูกจะบาปหรือไม่ครับ ?
ตอบ : เขาทำกันเอง ไม่ได้เกี่ยวกับเรา

เถรี
13-08-2019, 16:58
ถาม : แก้วมณีรัตนะกับแหวนจักรพรรดิ ต้องอาราธนาด้วยพระคาถาอิทธิ ฤทธิฯ หรือแค่บูชาด้วยคาถาเงินล้านก็พอครับ ?
ตอบ : อาราธนาก่อน แล้วค่อยภาวนาพระคาถาเงินล้านบูชาเป็นปกติ

เถรี
13-08-2019, 16:58
ถาม : พระเครื่องและเครื่องรางที่สร้างขึ้นจากผงพรายกุมารของหลวงปู่ทิมวัดละหารไร่ ถ้านำเข้าพิธีเป่ายันต์เกราะเพชรแล้วจะเสื่อมหรือไม่ครับ ?
ตอบ : ไม่น่าจะเสื่อม เพราะว่าหลวงปู่ทิมท่านเสกจนเป็นเทวดาหมดแล้ว..!

เถรี
13-08-2019, 17:07
ถาม : ทำไมเวลานั่งฟังธรรมะหรือนอนฟังจะจำไม่ค่อยได้ แต่ถ้าวิ่งไปฟังไปจึงจำได้ ?
ตอบ : สภาพร่างกายตามปกติของเราสร้างมาเพื่อให้เคลื่อนไหว ถ้าเคลื่อนไหวระบบการทำงานจะดีกว่า พระเขาถึงต้องมีการเดินจงกรม เพื่อตรึกตรองหลักธรรมต่าง ๆ ฉะนั้น..ก็เป็นเรื่องปกติว่าขณะที่เราเคลื่อนไหวก็จะจดจำอะไรได้ดีกว่า แต่ถ้านั่งอยู่บางทีความจำจะสู้ไม่ได้ ฉะนั้น...สิ่งที่อาตมาแนะนำก็คือ ถ้าเด็ก ๆ จะอ่านหนังสือให้จำ ควรที่จะเดินอ่าน

เถรี
13-08-2019, 17:14
ถาม : ปัจจุบันลูกผมอายุ ๕ ขวบครึ่ง มีอยู่วันหนึ่งผมกำลังอาบน้ำให้ลูก อยู่ดี ๆ ลูกก็หยุดนิ่งแล้วหันมาพูดกับผมว่า "ป่าป๊า ผมไม่อยากเกิดอีกแล้ว มันมีแต่ความทุกข์ ผมไม่อยากทุกข์อีก ผมอยากไปนิพพานอย่างเดียว" ผมก็นิ่งอึ้งไป แกก็พูดต่อว่า "เกิดเป็นใครผมก็ไม่อยากเกิดอีก ไม่เอาทั้งนั้น มันมีแต่ความทุกข์ ผมอยากไปแต่นิพพาน" แกย้ำอยู่อย่างนี้ ๓ รอบ ผมไม่ทราบว่าจะบอกอย่างไร ได้แต่บอกว่าคิดถูกแล้วลูก แต่การไปนิพพานนี้ยาก ค่อย ๆ คิด เดี๋ยวป๊าค่อย ๆ สอน

แกเคยฟังผมสอนเรื่องทุกข์ กับนิพพานอยู่หลายครั้ง รวมถึงตลอดเวลาเกือบปีที่ผ่านมาผมจะปฏิบัติตามเสียงธรรมของพระอาจารย์ทุกคืน แล้วแกก็จะหลับไปกับเสียงธรรมของพระอาจารย์ทุกครั้ง ถ้าไม่เปิดให้ฟังแกไม่ยอม แกจะชอบฟังตอนที่พระอาจารย์สอนเรื่องอสุภกรรมฐานมากที่สุด ลึก ๆ แล้วผมรู้สึกดีใจมากแต่ผมไม่แน่ใจว่าแกยังเด็กเกินไปหรือเปล่า ผมมีความตั้งใจว่าถ้า ๗ ขวบจะให้บวชสามเณรภาคฤดูร้อนที่วัดท่าขนุนครับ ผมต้องการเรียนถามพระอาจารย์ว่า

๑) อาการของลูกผมเริ่มมีนิพพิทาญาณหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : อาการหนักมากแล้ว ที่น่าเป็นห่วงก็คือพ่อจะสอนได้ไหม ลูกจะจบปริญญาอยู่รอมร่อแล้ว พ่อยังก๊อกแก๊ก ๆ แค่ ป.๔ อยู่เลย

๒) การที่ผมสอนลูกแบบนี้ ผมผิดพลาดไปหรือเปล่าครับ ? ผมกลัวลูกไปโรงเรียนแล้วจะมีปัญหา ถ้าแกไปเล่าให้ครูและเพื่อนฟัง เขาต้องคิดว่าผมบ้าที่สอนลูกแบบนี้และอาจจะคิดว่าลูกผมเพี้ยน ผมควรจะทำอย่างไรต่อไปครับ ?
ตอบ : รับประกันว่าลูกเขาไม่ห่วงตรงนี้เลย ฉะนั้น..คนเป็นพ่อก็จงห่วงและเครียดต่อไป..!

เถรี
13-08-2019, 17:15
เป็นเรื่องที่หาได้ยากมาก แสดงว่าเด็กคนนี้มีของเก่าในอดีตชาติสั่งสมมามากเป็นพิเศษ ต้องบอกว่าเหมือนอย่างกับดอกบัวพร้อมที่จะบานเมื่อกระทบแสงแดด

มีปัญหาอยู่สองปัญหาก็คือ คนเป็นพ่อแม่กังวลล่วงหน้าไป ต้องบอกว่าไม่รู้จักอยู่กับปัจจุบันธรรม เดี๋ยวก็เครียดตาย..! ปัญหาที่สองก็คือ สิ่งที่เขาทำไม่เหมือนกับคนปกติทั่วไป เพราะว่าอาตมาก็เจอมา เด็กบางคนอยู่ชั้นอนุบาลแท้ ๆ เพื่อนฝูงเล่นกันเกรียวกราว ส่วนตัวเองเขานั่งสมาธิ คุณครูก็สงสัยว่าทำอะไร ? เขาบอกว่าทำสมาธิ ครูถามว่าทำสมาธิแล้วได้อะไร ? เขาบอกว่า "หลวงปู่สอนว่า ทำน้อยเหมือนได้ทอง ทำมากเหมือนได้เพชร" เด็กอนุบาลตอบนะ ถามว่าหลวงปู่คือใคร ? "หลวงปู่ฤๅษีฯ" ครูเขาคงเข้าป่าเข้าดงไปนึกถึงฤๅษีที่ไหนก็ไม่รู้ ?

เถรี
13-08-2019, 17:20
มีเด็กผู้หญิงใส่กางเกงขาสั้นมา พระอาจารย์จึงกล่าวเตือนว่า "เข้าใจคำว่าสวยแต่ไม่เหมาะไหม ? คราวหน้าแก้ไขด้วยนะ เด็ก ๆ เป็นไม้อ่อนดัดง่าย มีอะไรไม่ดี ไม่เหมาะ ไม่ควร ให้บอกเขา เขาก็แก้ไขได้แล้ว ส่วนใหญ่ผู้ใหญ่เรามักจะทิฐิมาก พอทิฐิมากก็เกิดความรั้น ที่เขาว่า "หัวรั้นนอกครู" ไม่ใช่หัวล้านนะ ปัจจุบันนี้เขาเขียนเป็น "หัวล้านนอกครู" กันหมด เพราะว่าดื้อ รั้น ครูบอกแล้วก็ไม่ทำตาม ตะแบงข้างไป ก็ต้องเหนื่อยเอง ถ้าเชื่อครูจะไปได้ไวกว่า เพราะฉะนั้น..ผู้ใหญ่ส่วนใหญ่จะรั้น แต่เด็ก ๆ จะแก้ง่าย

จริง ๆ มีชุดสวยก็อยากใส่ ลืมดูไปว่ามาหาหลวงตา หลวงตาเองไม่รู้สึกรู้สาหรอก แต่ถ้าคนเขาถ่ายรูปไป คนอื่นจะตำหนิเอาได้

บางคนขี้เกรงใจ เขาเรียกว่าเกรงใจแบบไม่สมควรที่จะเกรงใจ ถ้าอยู่ในฐานะผู้ใหญ่ อยู่ในฐานะผู้บังคับบัญชา ก็บอกได้ เตือนได้ ช่วยเมตตาสงเคราะห์เขาด้วย เพราะว่าเด็ก ๆ สมัยนี้บางทีก็ลืมนึกไป ความรอบคอบไม่มี เนื่องจากประสบการณ์น้อย"

เถรี
13-08-2019, 19:14
พระอาจารย์กล่าวว่า "จำไว้เลยนะว่าอย่าทำครุฑที่ยกเท้าตั้งลักษณะนี้ (ครุฑเท้าตั้งหรือครุฑดุน) ครุฑแบบนี้จะใช้เฉพาะพระมหากษัตริย์เท่านั้น ถ้าครุฑทั่วไปต้องเท้าเสมอ (ครุฑเท้าเหยียดตรง) ทำยกเท้าแบบนี้หาเรื่องติดคุก..!

ทำอะไรต้องศึกษาก่อน อย่าทำไปเรื่อยเปื่อย ทำไปเรื่อยเปื่อยเดี๋ยวจะเดือดร้อนยิ่งกว่าที่คิดเยอะ ถ้าจะแกะก็ให้แกะวางเท้าเสมอ หรือไม่ก็แกะในลักษณะที่ให้ยุดนาคไปเลย เป็นครุฑยุดนาค

ส่วนใหญ่พวกเราไม่ค่อยศึกษาเรื่องพวกนี้ แบบเดียวกับวันก่อน นายกเทศมนตรีตำบลหนึ่ง ติดประดับธงเฉลิมพระเกียรติ เอาธง วปร. ไว้สูงสุด อาตมาก็เลยกระซิบบอกท่านนายกฯ ที่กำลังใส่บาตรว่า “ท่านนายกฯ โดยกฎหมายไทยห้ามประดับธงอะไรสูงกว่าธงชาติ ต่อให้เป็นธงพระปรมาภิไธยย่ออย่างดีก็แค่เสมอกัน ให้รีบเอาลง เดี๋ยวเขาจะว่าเราไม่รู้ภาษา” ยังดีที่พอจะบอกกันได้ ถ้าเป็นคนอื่นก็ไม่กล้าบอก

เป็นกฎหมายเลยนะ ประดับธงอะไรก็ห้ามสูงกว่าธงชาติ อย่างดีที่สุดขอแค่เสมอกัน แบบเดียวกับธงชาติเก่า ๆ ถ้าเราเอาไปเผาทิ้งนี่ผิดกฎหมาย ถ้าจะเผานี่ให้ตัดเป็นแถบ ๆ ก่อน พอออกมาเป็นแถบเหลือแต่สีแล้วไม่ใช่ธงชาติ ถ้าอย่างนั้นค่อยเผาได้"

เถรี
13-08-2019, 19:17
พระอาจารย์กล่าวว่า "เมื่ออาทิตย์ที่แล้วมีงานปฏิบัติธรรมของทางคณะสงฆ์อำเภอทองผาภูมิ อาตมานอกจากเอาอาหารไปเลี้ยงเพลพระใหม่แล้ว ยังต้องไปบรรยายให้เขา ๑ ชั่วโมง แล้วที่แน่ ๆ ในฐานะรองเจ้าคณะอำเภอทองผาภูมิ ต้องไปเป็นประจำทุกวัน

มีอยู่วันหนึ่งโชคดี มีร้านค้ามาเปิดจำหน่ายวัตถุมงคล พอเดินเข้าไปถึงเขาก็บอกว่า “นิมนต์พระอาจารย์ตามสบายครับ ผมหิวข้าว..จะไปกินข้าวแล้ว ต้องการองค์ไหนหยิบเอา อยากให้เท่าไรวางไว้ตรงนั้นเลยครับ” อาตมาก็เลยหยิบขึ้นมากอง เสร็จแล้วก็วางเงินไว้ให้ ๖,๐๐๐ บาท กลับมาเขาโวยวายใหญ่ บอกว่าองค์นี้ ๒๕๐ บาท ส่วนองค์นี้ ๑๐๐ บาท รวม ๆ แล้วไม่ถึง ๑,๐๐๐ บาท ก็เลยถามว่า แล้วจะเอาอย่างไร ? “เอาเป็นว่าผมคิดเท่านี้ ที่เหลือหลวงพ่อจะให้เท่าไรก็แล้วแต่จะเมตตา” อาตมาก็เลยให้ไปรวมทั้งหมด ๔,๐๐๐ บาท เพราะว่าเหรียญทูลเกล้าหลวงพ่อทบ วัดชนแดนเหรียญเดียวก็คุ้มแล้ว

ที่ชื่นชมเจ้าของร้านวัตถุมงคลเพราะว่าร้านนั้นเขาเป็นคนเคารพพระจริง ๆ พระทุกองค์ของเขาจะอยู่ในกล่องแล้วก็รองด้วยฟองน้ำทั้งหมด จัดเรียงอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยมาก และที่แน่ ๆ ก็คือเลี่ยมมาหมดเลย เขาบอกว่าเขามาไกล เขารู้ว่าบางคนจะไปหาช่างก็ยาก เขาก็เลี่ยมมาเสร็จเลย

ตอนแรกอาตมาคิดว่าเขาเลี่ยมปิด ไม่ให้ดูหรือเปล่า ? แต่ปรากฏว่าพอดูตำหนิอะไรต่าง ๆ ในเหรียญที่อาตมามีความมั่นใจก็ใช่ทั้งนั้น โดยเฉพาะตัวเขาแขวนเหรียญกูผู้ชนะของหลวงพ่อวัดท่าซุง ถามว่าแขวนหลวงพ่ออะไร ? เขาบอกว่าของหลวงพ่อฤๅษีลิงดำ...เคารพมาก แต่ขำที่ให้องค์ละ ๑,๐๐๐ บาทไม่เอา องค์นี้ได้มาแพงสุด ๒๕๐ บาท คิดแค่นี้แหละ"

เถรี
13-08-2019, 19:22
พระอาจารย์กล่าวว่า "มีใครเคยไปไหว้พระที่วัดกษัตราธิราช อยุธยาบ้าง ? วันก่อนอาตมาไปพุทธาภิเษกเหรียญพระพุทธชินราช หลังสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ที่กองทุนสามสมเด็จของด็อกเตอร์จักรกฤช ศีลาเจริญ เขาจัดพุทธาภิเษกในวิหารหลวงพ่อพระพุทธกษัตราธิราช ปรากฏว่าเป็นงานที่อาตมาไปไม่ได้ทำอะไรเลย เพราะว่าหลวงพ่อพระพุทธกษัตราธิราชท่านส่งพลังลงมาอย่างชนิดที่เรียกว่าเหมือนกับคลื่นทะเล ต่อเนื่องไม่หยุด อาตมาก็มีหน้าที่รับแล้วก็ส่งต่อ ก็เลยกลายเป็นว่าไม่ต้องใช้อะไรเลย แถมยังได้กำไรอีกต่างหาก

พอเริ่มพิธีปลุกเสกพระพุทธชินราชหลังสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ปรากฏว่าองค์แรกที่เสด็จมาเป็นในหลวงรัชกาลที่ ๙ ทรงเครื่องมหาราชภูษิตาภรณ์เต็มอัตรา พร้อมพระแสงขรรค์ไชยศรี มาถึงก็ทรงชักพระแสงขรรค์ไชยศรีปักลงในกองวัตถุมงคล แล้วก็มีภาพสมเด็จพระนเรศวรมหาราชซ้อนขึ้นมา พระแสงขรรค์ไชยศรีกลายเป็นพระแสงหอก เสร็จแล้วบารมีพระหรือเราจะเรียกว่าพลังงานก็ได้ ก็ไหลมาเทมา

ปกติอาตมาก็ว่าพลังงานท่านมาจากข้างบน ทำไมงานนี้มาจากข้าง ๆ ? พอตั้งใจดูปรากฏว่ามาจากหลวงพ่อพระพุทธกษัตราธิราช ก็เลยกลายเป็นงานที่เหมือนอย่างกับไปชาร์จแบตเตอรี่ กินอิ่มอยู่คนเดียว..!"

เถรี
13-08-2019, 19:23
"เพราะฉะนั้น..ถ้าใครมีโอกาสให้ไปกราบขอพรหลวงพ่อพระพุทธกษัตราธิราช พลังงานของท่านเหลือเฟือ เพราะว่าจนกระทั่งพระพิธีธรรมสวดภาณวารเสร็จแล้ว กำลังของท่านก็ยังไม่ได้ลดลงเลย ถ้าใครไม่รู้ว่าจะไปทำบุญวัดไหนก็ลองแวะไปดู

ปรากฏว่าด็อกเตอร์จักรกฤชท่านมานิมนต์และขออนุญาต ขอนำวัตถุมงคลชุดนี้ไปเข้าพิธีส่งท้ายที่วัดท่าขนุน ท่านบอกว่าแฟนคลับเรียกร้อง

ก็เลยนัดกันวันที่ ๒๙ สิงหาคม ทางวัดเราก็ทำบุญวันพระ พอทำบุญวันพระเสร็จอาตมาคงลงโบสถ์ เพราะเขาบอกว่าเสกเดี่ยว ช่วยเสกเดี่ยวปิดท้ายหน่อย ลักษณะอย่างนั้นจะไปทำอะไรได้ ท่านใส่เสียเต็มปานนั้นแล้ว เอาเถอะ...ในเมื่อแฟนคลับเรียกร้องก็เอา

ตั้งใจว่าจะเปิดโบสถ์ให้คณะของท่านไปดำเนินการ ส่วนเราก็ทำบุญวันพระกัน พองานของเราเสร็จเรียบร้อยของเขาก็คงจะเรียบร้อยพอดี ก็พุทธาภิเษกต่อได้เลย เพราะว่าช้าไม่ได้ มีเวลาประมาณชั่วโมงหนึ่งก่อนเพล เสร็จพิธีฉันเพลได้สักพักหนึ่ง พระก็ต้องลงปาฏิโมกข์อีกแล้ว"

เถรี
13-08-2019, 19:26
"งวดนี้ในงานพุทธาภิเษก แต่ละท่านที่ไปมีความก้าวหน้าทั้งนั้น เพราะว่าหลวงพ่อพระเทพวิสุทธิโสภณ วัดราชคฤห์วรวิหารไม่ได้เลื่อนสมณศักดิ์ แต่ว่าได้เลื่อนตำแหน่งเป็นรักษาการเจ้าคณะภาค ๒ พระมหาฐิติวัตร เลขานุการเจ้าคณะจังหวัดชัยนาท เป็นพระครูวิธานสุตาภิรมย์ พระครูปลัดวิชัย วัดหัวเด่น ได้รับพระราชทานตั้งเป็นพระครูโกวิทชัยกิจ

คำว่า ชัย มาจากชัยนาท ส่วนของอาตมานี่เขาเรียกว่ารับพระราชทานเลื่อน จำได้แต่ของมหาฐิติวัตรเพราะแซวกันว่า วิธานสุตะ แปลว่า ให้คุณพยายามเรียนให้เยอะเข้าไว้ จะเรียนอะไรอีกเพราะว่าท่านจบด็อกเตอร์แล้ว"

เถรี
13-08-2019, 19:36
พระอาจารย์กล่าวว่า "อาตมาเอางานที่ตัวเองทำลงไลน์ โดยเฉพาะไลน์กลุ่มศูนย์ประสานงานเจ้าสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดแห่งประเทศไทย ก็มีบางท่านในกลุ่มตำหนิว่า การพุทธาภิเษกวัตถุมงคลไม่ใช่เรื่องของพระพุทธศาสนา ทำให้บุคคลยึดติด พูดง่าย ๆ ก็คือท่านจะให้สอนแต่ธรรมะอย่างเดียว

อาตมาเองก็ได้แต่คิดว่า พระคุณท่านไม่ได้มองสภาพความเป็นจริง ถ้าตามหลักความเป็นจริงแล้ว พระพุทธศาสนาเหมือนกับสามเหลี่ยมด้านเท่าหรือสามเหลี่ยมพีรามิด ฐานใหญ่สุดคือเรื่องราวเกี่ยวกับพิธีกรรม ซึ่งก็รวมพวกวัตถุมงคลเครื่องรางของขลังเข้าไปด้วย ส่วนกลางก็คือเรื่องของทานกับศีล ช่วงปลายหน่อยเดียวนั่นคือเรื่องของธรรมะ

ในเมื่อไม่ได้มองบริบทของสังคมของเรา แล้วหวังจะเอาธรรมะบริสุทธิ์อย่างเดียว อยากจะเรียนถามท่านเหลือเกินว่า "คนเข้าร้านเพชรกับคนเข้าร้านสะดวกซื้อ ใครเยอะกว่า ?" กำลังใจเขาอยู่ในระดับเข้าแค่ร้านสะดวกซื้อ เราจะไปบังคับให้เขาเข้าร้านเพชรย่อมเป็นไปไม่ได้ ไม่ว่าแต่นักวิชาการที่หลงประเด็น แม้กระทั่งพระเราก็หลงประเด็น ต้องบอกว่าฝันเฟื่องอยู่ในทุ่งลาเวนเดอร์ ไม่ยอมออกมาเสียที

การใช้วัตถุมงคลเป็นฐานในการโยงให้เขาเข้าหาทาน ศีล ภาวนา เพราะว่าการใช้วัตถุมงคลก็ต้องมีการอาราธนา มีการใช้คาถากำกับ เท่ากับบังคับเขาอยู่แล้วว่าต้องภาวนา แล้ววัตถุมงคลสายหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค ก็บังคับว่าต้องรักษาศีลอย่างน้อย ๒ ข้อ ก็คือห้ามลักขโมยกับห้ามกินเหล้า เป็นต้น โบราณาจารย์ท่านฉลาดจึงค่อย ๆ จูงเด็กให้เดิน

ส่วนบรรดานักวิชาการและพระของเราจำนวนหนึ่งหลงประเด็น คิดว่าต้องความบริสุทธิ์โดยส่วนเดียวถึงจะเป็นสิ่งที่ใช่ ถ้าเป็นลักษณะอย่างนั้นก็ต้องบอกว่าท่านหลงทางไปไกลมาก ถ้าท่านเน้นในลักษณะอย่างนั้น พระพุทธศาสนาของเราจะอยู่ไม่ได้ ถ้าจะเน้นก็ต้องเน้นปรับแบบลักษณะของพระพุทธเจ้าแสดงโอวาทปาฏิโมกข์ ก็คือกำหนดหลักการวิธีการว่า ถ้าหากว่าพระสงฆ์ของเราออกไปเผยแผ่พระพุทธศาสนาจะต้องทำอย่างไร"

เถรี
13-08-2019, 19:38
"เพราะฉะนั้น..ถ้าเป็นไปได้ เจ้าคณะปกครองก็ควรที่จะลงมากำหนดนโยบายตรงจุดนี้ อย่างเช่นว่าห้ามทำเครื่องรางของขลังที่เน้นออกไปทางด้านสายเสน่ห์ หรือไม่ก็ที่ศาสนาอื่นเขาทำกัน ถ้าทำก็ให้เน้นเป็นรูป พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เหล่านี้เป็นต้น ถามว่ารูปพระธรรมมีหรือ ? ก็มี...ธรรมจักรก็ได้ คัมภีร์เทศน์ก็ได้ หรือไม่ก็ทำเป็นแบบอย่างหลวงพ่อกวย ท่านทำวัตถุมงคลข้างหลังมีอักขระ สัพพะปาปัสสะ อะกะระณัง เว้นจากความชั่วทั้งปวง ธรรมะชัด ๆ เลย

ถ้าหากว่าทำลักษณะอย่างนี้ พระเราก็จะได้มีแนวทางในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาที่เป็นไปในแนวทางเดียวกัน ถ้าใครออกนอกแนวแล้วค่อยไปเฉ่งกัน อาตมาเองก็เข้าใจว่าท่านที่ตำหนิมาในกลุ่มไลน์ จริง ๆ แล้วท่านก็อยากจะทำแบบอาตมา เพียงแต่ว่าบุคคลไม่ยอมรับ กลายเป็นว่าพระอาจารย์เล็กออกงานพุทธาภิเษกเป็นว่าเล่น แต่ท่านไม่เคยได้ไปเลย กำลังใจก็เลยไม่ได้ประกอบไปด้วยมุทิตาจิต ตำหนิมาในลักษณะเหยียบคนอื่นลง ยกตนเองขึ้น แต่ไม่ได้บอกวิธีว่าต้องแก้ไขอย่างไร อย่างนี้อาตมาถือว่าตีหัวเข้าบ้าน ไม่ใช่นักเลงจริง..!"

เถรี
13-08-2019, 19:44
พระอาจารย์กล่าวว่า "พลตำรวจโทนายแพทย์สมศักดิ์ สืบสงวน พวกเราเรียก ลุงหมอบ้าง อาหมอบ้าง อาตมาก็เรียก คุณหมอ เจอหน้ากันทีไรท่านไม่ยอมให้ไปไหนหรอก...ชวนคุย เพราะว่าคุยกับคนอื่นแล้วท่านเหนื่อย คนอื่นตามท่านไม่ทัน

คุณหมอสมศักดิ์เป็นลูกศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุงรุ่นแรก ๆ ปฏิบัติธรรมได้ละเอียดและลึกซึ้งมาก ก็เลยเกิดอาการหาคนคุยด้วยยาก แต่ว่าช่วงหลังท่านก็ ๘๐ กว่าปีแล้ว สภาพร่างกายไม่อำนวยเหมือนก่อนนี้ จึงไปวัดน้อยลง ได้พบกับลูกหลานน้อยลง ไม่อย่างนั้นช่วงก่อนทุกต้นเดือนท่านจะอยู่ที่บ้านสายลม ลูก ๆ หลาน ๆ ติดขัดหลักธรรมตรงไหนให้ไปถามได้"

เถรี
13-08-2019, 19:46
เด็กเดินผ่านผู้ใหญ่แล้วไม่ก้มหลัง "เขารุ่นใหม่ไปหน่อย รุ่นอาตมาเดินผ่านนี่ต้องก้ม เพราะฉะนั้น..ดีใจว่าคุณยังสาวอยู่ รุ่นแก่ ๆ เลข ๖ ขึ้นอย่างอาตมานี่ต้องก้มทุกคนแหละ บางทีผู้ใหญ่เขาประเภทดุว่า “เดินผ่านไม่รู้จักก้ม เดี๋ยวแม่ตีหลังหักเลย..!” สมัยโน้นเขาตำหนิในเรื่องการยืนค้ำผู้ใหญ่ เดินผ่านผู้ใหญ่ไม่รู้จักก้ม ไม่รู้จักขอโทษขออภัย โดนหมด

ครูบาอาจารย์ก็บังคับบอกว่า เดี๋ยวเอาสมบัติผู้ดีไปต้มกินซะ สมัยโน้นเขาบังคับให้ท่อง "สมบัติผู้ดีมีข้อ กล่าวย่อพอยกหยิบอ้าง ภาคหนึ่งระวังท่าทาง รู้วางไว้ตัวชั่วดี ภาคสองสำรวมนิสัย มิให้เสื่อมเสียราศี ภาคสามน้อมกายวจี ท่วงทีคารวะผู้ควร ภาคสี่มีกริยา วาจาน่ารักเสสรวล ภาคห้ากว้างขวางทางชวน ชักมวลหมู่เพื่อนนิยม ฯลฯ" รุ่นหลังไม่โดนบังคับให้ท่อง เพราะฉะนั้น..ก็ต้องไปต้มกิน..!"

เถรี
15-08-2019, 21:03
พระอาจารย์กล่าวว่า "ประมาณกลางเดือนที่ผ่านมา กรรมการวัดท่านหนึ่งคือป้าโอ่งตาย ต้องบอกว่าตายแบบสบาย ก็คือหัวใจล้มเหลวพับลงไปเฉย ๆ ไม่ได้เจ็บไม่ได้ปวดอะไร ด้วยความที่แกเป็นกรรมการวัดท่าขนุน อาตมาก็รับเป็นเจ้าภาพสวดศพให้ ๖ วัน แล้วก็จัดงานฌาปนกิจให้ในวันที่ ๗

ทุกคนโดยเฉพาะแม่อ้วน แม่ของป้าโอ่ง ป้าโอ่งอายุ ๖๑ ปี ลองนึกดูว่าแม่ของป้าแกอายุเท่าไร ? ยายอ้วนบอกว่า “อีโอ่งมีบุญ หลวงพ่อจัดงานให้มันทุกอย่างเลย” ก็เลยถามว่า "ยายอยากมีบุญไหม ?" “ไม่อยาก” เป็นเรื่องที่เห็นได้ชัดว่า แม้แต่ในสิ่งที่คนเห็นว่าเป็นความดี แต่ถ้าตัวเองมีความกลัวอยู่ คือยังกลัวตาย ก็จะปฏิเสธ ทั้ง ๆ ที่สิ่งทั้งหลายเหล่านี้เป็นความเป็นจริงในชีวิต

ป้าโอ่งอายุ ๖๑ ปี ยายอ้วนอายุจะ ๙๐ ปีอยู่แล้ว ยังกลัวตายอยู่อีก ทั้ง ๆ ที่เห็นอยู่ว่าความตายเป็นธรรมดา ตลอด ๖ วันพระก็ผลัดกันแสดงธรรมให้ฟัง อาตมาก็นิมนต์พระวัดอื่นผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาสวดพระอภิธรรมบ้าง สวดพระสหัสสนัยบ้าง สวดมาติกาบ้าง พยายามแปลบาลีเป็นไทยให้ฟัง ก็ยังคงกลัวอยู่ดี ดังนั้น...ที่เขาบอกว่า คนเราถ้าเลิกกลัวตายก็จะเลิกกลัวทุกอย่าง เป็นเรื่องจริง"

เถรี
15-08-2019, 21:05
"ส่วนอีกเรื่องหนึ่ง ช่วงประมาณอาทิตย์หนึ่งที่ผ่านมา อาตมาออกบิณฑบาตตามปกติ พอเดินผ่านทางวังลังกา มีกลุ่มคนใส่บาตรที่ผิดปกติ คำว่าผิดปกติคือไม่เคยใส่ มาดักรอกันอยู่ ๔๐-๕๐ คน ปรากฏว่าเป็นคู่บ่าวสาวกับญาติ ๆ ช่วยกันใส่บาตร พระทั้งแถวได้ขนมหม้อแกงมารูปละ ๑ ถาด ต้องใช้รถมาขนกลับ เพราะว่าช่วงนี้พระวัดท่าขนุนถ้าเดินแถวสายนั้น สูงสุดจะอยู่ที่ ๒๘ รูป แล้วถ้าหากว่าไปเรียนบ้างอะไรบ้าง ต่ำสุดจะอยู่ที่ประมาณ ๑๕ รูป

วันนั้นพอดีอยู่กันพร้อมหน้า รับขนมหม้อแกงไปแบบต้องเอารถมาขนกลับ พอดีว่ามีการปฏิบัติธรรมของพระใหม่ประจำปีนี้อยู่ อาตมาก็เลยเอาไปเลี้ยงพระใหม่ พระใหม่ ๘๗ รูป รวมพี่เลี้ยงกับพระเวรประจำวันก็ราว ๆ ๑๒๐ รูป น่าจะเฉลี่ยกันได้ซักประมาณ ๔ รูปต่อ ๑ ถาด"

เถรี
15-08-2019, 21:07
"ส่วนที่จะพูดไม่ใช่เรื่องนี้ ส่วนที่พูดก็คือว่าหนุ่มสาวเขาปลื้มใจมาก ญาติ ๆ ก็ยิ้มแย้มแจ่มใส แย่งกันเชียร์ให้สาวจับทัพพีสูง ๆ เข้าไว้ หนุ่มก็พยายามที่จะแย่งจับ เพราะเขาถือว่าใครจับข้างบนคนนั้นจะเป็นผู้มีอำนาจในบ้าน โบราณเขาเชื่อกันมาอย่างนั้น

อาตมาเห็นแล้วเกิดความรู้สึกสลดใจว่า เขากำลังหาความทุกข์ใส่ตัว แต่เขากลับรู้สึกปลื้มใจมาก ก็คือตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปคุณไม่ใช่ตัวคนเดียวแล้ว ฝ่ายผู้ชายก็มีภรรยา ฝ่ายผู้หญิงก็มีสามี ลองไปนึกถึงตอนอยู่ตัวคนเดียว ถ้าเล่น LINE ติดพันจะไม่กินข้าวก็ได้ ถ้ายิ่งติดพันมากไม่อาบน้ำก็ยังไหว ตอนนี้ลองไปทำอย่างนั้นดูว่าจะโดนถีบตกเตียงไหม ? เพราะว่าจากขันธ์ ๕ ร่างกายตัวเอง เป็นขันธ์ ๑๐ ก็คือคู่ของตัวเองอีก ความลำบากเพิ่มขึ้นมาเท่าตัวหนึ่ง

ก่อนหน้านี้เราไม่กินก็ได้ แต่ตอนนี้ถ้าเขาจะกินเราต้องหามาให้เขา ก่อนหน้านี้เราไม่อาบน้ำก็ได้ นอนดึกแค่ไหนก็ได้ ตอนนี้ไม่ได้ ต้องคิดเผื่อเขา ทำเผื่อเขา แล้วถ้ายิ่งมีลูกเข้ามาก็ยิ่งลำบากหนักเข้าไปอีก ต้องช่วยกันเลี้ยงลูกกว่าจะโต ของพวกนี้เป็นความทุกข์มาก แต่เขาเห็นเป็นความสุข เห็นเป็นเรื่องที่น่าปีติยินดี

สิ่งเหล่านี้บาลีเขาเรียกว่า วิปลาส วิปลาสนี้เรามักคิดว่าบ้า บาลีเขาแปลว่า ผิดไปจากปกติ ต่างไปจากปกติ เพราะคำว่า วิ เป็นอุปสรรค คือคำนำหน้า แปลได้ความหมายว่า วิเศษ แจ่มแจ้ง แตกต่าง ในที่นี้คือต่างไปจากปกติ"

เถรี
15-08-2019, 21:11
"อันนี้เขาเรียกว่า ทิฏฐิวิปลาส คือ มีความเห็นต่างไปจากปกติ ไปเห็นว่าความทุกข์เป็นความสุข เพราะว่าปัญญาไม่ถึง ก็เลยโดนกิเลสหลอก

อาตมาเดินบิณฑบาตไปก็พิจารณาไปเรื่อยว่า โลกเราโดนหลอกลักษณะนี้มากต่อมากด้วยกัน เราถึงได้เวียนว่ายตายเกิดทุกข์กันอยู่ไม่รู้จบ เขาบอกว่าขอเวลาอีกไม่นาน เราก็ให้เขามา ๕ ปี เกี่ยวกันหรือเปล่า ? ไม่เกี่ยวสินะ..!

เรื่องพวกนี้ถ้ารู้จักคิด รู้จักพิจารณา คนมีคู่จะเข้าถึงธรรมได้เร็วกว่า เพราะว่าเห็นทุกข์ชัดเจนกว่า อย่างคู่ของปิปผลิมาณพและนางภัททกาปิลานี พ่อแม่ให้แต่ง ไม่กล้าปฏิเสธก็ยอมแต่ง แต่นอนหันหลังให้กัน เอาพวงมาลัยคั่นกลางไว้ ถ้าพวงมาลัยด้านไหนเหี่ยวแปลว่าคนนั้นเกิดจิตกำหนัด ไฟราคะเผาจนพวงมาลัยเหี่ยว ก็จะได้แก้ไขกำลังใจของตัวเองใหม่

ปกติอย่างพวกเรานี่อยู่คนละที่ก็ยังตะกายไปหากัน อันนั้นท่านนอนอยู่เตียงเดียวกัน หันหลังให้กัน แล้วอยู่มาได้ด้วย รอจนพ่อแม่ตายหมด ตัวเองเป็นใหญ่ในบ้าน ปิปผลิมาณพก็บอกนางภัททกาปิลานีว่า “น้องหญิง..เธอจงรับทรัพย์สมบัติทั้งหมดไป ส่วนเราจะออกบวช” นางภัททกาปิลานีก็บอกว่า “สมบัติทั้งหลายประดุจก้อนน้ำลายที่ท่านถ่มทิ้งแล้ว เรื่องอะไรเราจะรับไว้ เราก็จะบวชบ้าง” ต่างคนก็ต่างโกนหัว นุ่งผ้ากาสาวพัสตร์ อธิษฐานว่า ในโลกนี้ถ้ามีพระอรหันต์อยู่ ขอบวชอุทิศเพื่อพระอรหันต์พระองค์นั้น แล้วเสร็จแล้วก็เดินทางออกมาจากบ้านไป ใครอยากได้ทรัพย์สินก็ไปขนกันเอาเอง"

เถรี
15-08-2019, 21:30
"จนกระทั่งไปถึงทางสามแยก ทั้งสองก็บอกแก่กันว่า “ตอนนี้เราถือเพศเป็นนักบวชแล้ว ผู้หญิงกับผู้ชายถ้ายังไปด้วยกัน จะเป็นที่ครหานินทาของผู้คน ดังนั้น..เราแยกกันเถอะ” นางภัททกาปิลานีก็เลี้ยวซ้าย พระมหากัสสปะก็เลี้ยวขวา

นางภัททกาปิลานีไปเจอสำนักภิกษุณี บวชแล้วปฏิบัติธรรมจนกลายเป็นพระอรหันต์ ส่วนพระมหากัสสปะนั้น พระพุทธเจ้าเสด็จมารับกลางทาง ประทานโอวาทให้ ๓ ข้อก็คือ ๑. ดูก่อนกัสสปะ...เธอจงตั้งอยู่ในความเกรงใจในเหล่าภิกษุทั้งหลาย ทั้งที่เป็นผู้ใหม่ ผู้ปานกลาง และผู้เก่าอย่างแรงกล้า ก็คือต้องรู้จักอ่อนน้อมถ่อมตนและละทิฐิมานะของตัวเอง

๒. ดูก่อนกัสสปะ...เมื่อเธอฟังธรรม จงเงี่ยหูฟังและตั้งใจพิจารณาในเนื้อความ คือฟังแล้วต้องคิด คิดแล้วจะได้นำไปปฏิบัติด้วย

๓. ดูก่อนกัสสปะ...เธอจงอย่าละสติที่ไปในกาย ก็คือกายคตาสติ ให้เห็นชัดเจนว่าร่างกายนี้ไม่มีความดีอะไร เราสักแต่ว่าอาศัยอยู่เท่านั้น

พระมหากัสสปะจึงบวชด้วยวิธีพิลึกพิลั่นที่สุด ก็คือเรียกว่าบวชโดยการรับโอวาท ๓ ข้อ เพราะว่าท่านโกนหัวห่มจีวรมาแล้ว ท้ายสุดท่านก็บรรลุมรรคผล เป็นผู้นำในการทำสังคายนาพระธรรมวินัยครั้งที่ ๑ จนกระทั่งทางมหายานถือว่าท่านเป็นพระสังฆราชรูปแรก"

เถรี
15-08-2019, 21:42
"คราวนี้สิ่งที่ปิปผลิมาณพหรือพระมหากัสสปะกับนางภัททกาปิลานีมองเห็น คนส่วนใหญ่ในโลกนี้มองไม่เห็น ท่านหลุดพ้นเป็นพระอรหันต์ พวกเราไม่หลุดพ้นเพราะว่าเรามองไม่เห็นทุกข์เห็นโทษ ไม่เกิดความเบื่อหน่ายอย่างท่าน

อาตมาเองพอเห็นคู่บ่าวสาวคู่นั้นแล้วคิดว่า ธรรมดาของโลกเป็นอย่างนี้ เขาเห็นความทุกข์เป็นความสุข เห็นความไม่เที่ยงเป็นความเที่ยง เห็นความไม่ใช่ตัวตนเป็นตัวตน ก็เลยเดินบิณฑบาตไปปลงอนิจจังไป ยังคงเป็นภาระที่เราต้องเหนื่อยอีกมาก กว่าที่จะชี้แจงให้เขาเห็นแบบเดียวกันได้

ไปนึกถึงที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้แล้ว ทรงเกิดความขวนขวายน้อย ไม่อยากจะแสดงธรรม เพราะเห็นว่าหลักธรรมนี้ลึกซึ้งมาก ยากที่ปุถุชนจะเข้าถึงได้ (ปุถุชนคำนี้แปลว่าผู้หนาด้วยกิเลส) ท้าวสหัมบดีพรหมพอทราบดำริก็ตกใจว่า มนุษย์โลกทั้งหลายจะฉิบหายจากความดีเสียแล้ว จึงลงมากราบทูลอาราธนาให้พระพุทธเจ้าแสดงธรรม โดยใช้คำว่า สัตว์โลกที่ธุลีในดวงตาน้อยนั้นมีอยู่ อาจรู้ทั่วถึงธรรมของพระองค์ได้ ขอให้พระองค์ได้โปรดแสดงธรรมเถิดพระเจ้าข้า

พระพุทธเจ้าถึงได้รับอาราธนา แล้วก็ตรัสสอนสัตว์โลกมาตลอด ๔๕ ปีเต็มจนปรินิพพาน เพราะฉะนั้น...ส่วนใหญ่คำว่า วิปลาส ที่แปลว่าเห็นผิดไปจากความจริง มีทิฏฐิวิปลาส...เห็นผิด จิตวิปลาส...คิดผิด จิตวิปลาสนี่เราถือว่าบ้าแน่ ๆ ในบาลีมีความหมายแค่คิดผิด คิดเห็นว่าสิ่งนี้เป็นความสุข คิดเห็นว่าสิ่งนี้เที่ยงแท้"

เถรี
15-08-2019, 22:01
ถาม : ถ้าหากว่ามีคนเขาฝากเรามาทำบุญ แต่เราลืมไปแล้วว่าทำบุญอะไร ทำอย่างไรดีครับ ?
ตอบ : พยายามหาให้เจอว่าเขาฝากให้ทำบุญอะไร ไม่อย่างนั้นแล้วซวยแน่..!

เถรี
21-08-2019, 19:49
พระอาจารย์เล่าว่า "เมื่อวันก่อนไปงานวัดหนองหญ้าปล้อง เจอทีเด็ดหลวงพ่อโนรีเข้าทำเอาพวกเราวิ่งกันแทบตาย ก็คือตอนแรกในใบฎีกาท่านลงไว้ว่าหล่อพระ ๑๐ โมง พอไปถึงวัดเขาติดป้ายไว้ตรงทางเข้าว่าหล่อพระบ่ายโมง ก็เลยบอกกับท่านว่า ถ้าบ่ายโมงนี้ไม่ทัน เพราะว่าพวกเรานัดถวายสักการะพระผู้ใหญ่ในจังหวัดบ่ายโมงตรงที่วัดกาญจนบุรีเก่า ท่านก็บอกว่า ถ้าอย่างนั้นท่านจะเลื่อนมาเป็น ๑๒.๑๕ น. หลวงพ่อวัดพระแท่นดงรังก็บอกว่า "อยู่ให้เขาหน่อย ๑๒.๑๕ น. น่าจะทัน"

ปรากฏว่า ๑๒.๑๕ น. หลวงพ่อโนรีก็ยังนั่งรับสังฆทานหน้าตาเฉย พวกเราก็ "เป็นเรื่องแล้ว" ท้ายสุดก็ “เฮ้ย...ออกไปนั่งเองเลย ช่วยกันกดดันหน่อย” ขนาดออกไปนั่งเองยังยืดยาดอืดอาด สรุปว่าไปหล่อพระเอาตอนเกือบบ่ายโมงครึ่ง พวกเราก็วิ่งกันขี้แตกสิครับ เพราะนัดไว้บ่ายโมงตรงที่วัดกาญจนบุรีเก่า แล้วจากตรงนั้นวิ่งไปอย่างน้อยก็ ๔๐ นาที

ท้ายสุดก็เลยต้องทิ้งไปวัดหนึ่ง วิ่งเข้าไปวัดเหนือ แล้วไปวัดใต้ ไปวัดพระแท่นดงรัง จนกระทั่งจบที่วัดพระแท่นดงรัง แล้วพวกเราค่อยตีย้อนกลับมาวัดกาญจนบุรีเก่า หลวงพ่อพระราชรัตนวิมล ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี ท่านก็อุตส่าห์นั่งรอ เพราะรู้ว่าพวกเราไม่เคยพลาด ต้องมาทุกปี ย่องไปถามพระเลขาฯ ด็อกเตอร์โจว่า "หลวงพ่อเป็นอย่างไรบ้าง พักหรือยัง ?" ท่านบอกว่า "ยัง..นั่งรออาจารย์อยู่"

ตอนแรกก็เรียนหลวงพ่อโนรีท่านแล้วว่า "ผมอยู่แค่ฉันเพลนะ เพราะว่าต้องรีบไป" ท่านก็บอกว่า "ถ้าอย่างนั้นจะปรับเวลามาหล่อพระตอน ๑๒.๑๕ น." ทุกคนก็ตกลง แต่ ๑๒.๑๕ น.แล้วท่านยังไม่ขยับเลย แล้วลูกน้องของท่านก็ไม่มีการเตรียมพร้อม ต้องเดินไปสั่งถึงจะขยับ ก็เลยกลายเป็นอะไร ๆ ก็ช้าไปหมด จนกระทั่งหลวงพี่สมนึก วัดท่าซุงท่านอยู่ไม่ได้ ต้องกลับก่อน เพราะถ้าช้าท่านจะตกเครื่อง ในเมื่อวัดท่าซุงไปก่อน งานเลยกร่อยไปเยอะ"

เถรี
21-08-2019, 19:51
"ศาลา ๘ ไร่ที่หลวงพ่อโนรีท่านสร้างเอาไว้ใหญ่ ๆ ก็ดี ใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย แต่สำคัญตรงที่ว่าคนอยู่จะรักษาได้ไหม ? ซึ่งท่านก็คงไม่กังวลหรอก แต่เจ้าคณะปกครอง ตลอดจนผู้ที่จะมาเป็นเจ้าอาวาสใหม่นี้เริ่มเครียดแล้ว

ที่ขำที่สุดก็คือบรรดาเจ้าหน้าที่ก็เถรตรงโคตร กูไม่มองหน้าใครเลย จะเข้าไปจอดรถดันไม่ให้จอด ไล่ให้ไปข้างนอก พอเขาจอดเสร็จเดินเข้ามา เห็นหน้าจำได้ ถามว่า “อ้าว..แล้วทำไมไม่จอดข้างใน ?” ก็มึงไล่กูออกไปเอง..!"

เถรี
21-08-2019, 20:47
พระอาจารย์กล่าวว่า "น่าจะสักครึ่งเดือนมาแล้ว มางานในกรุงเทพฯ นอนอยู่บ้านเติมบุญข้างบน ตอนเช้าพอตื่นขึ้นมาก็ภาวนาก่อน ปรากฏว่าพออารมณ์ใจทรงตัว ลืมตาขึ้นมาเห็นแสงสีฟ้า ๆ กลุ่มใหญ่อยู่บนเตียง ก็สงสัยว่าอะไร เดินเข้าไป “อ้าว...อยู่ในย่าม” ก็เลยล้วงหยิบวัตถุมงคลออกมา ๒ ชิ้น ๓ ชิ้น ก็ยังสว่างอยู่ พอล้วงเอาแก้วอินทนิลกับมีดหมอดาบฟ้าฟื้นขึ้นมา แสงถึงได้หายไป อ๋อ...พ่อกับลูกท่านน่าจะคุยกันอยู่"

ถาม : แสงที่เห็นนี่เป็นสีฟ้า ?
ตอบ : สีฟ้า เพราะว่าสว่างทะลุย่ามออกมา

เถรี
21-08-2019, 20:49
พระอาจารย์กล่าวว่า "พระพิฆเณศวร์ถ้าจะเอาขลังจริง ๆ ต้องของหลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา หรือไม่ก็สายเขาอ้อไปเลย"

เถรี
21-08-2019, 20:54
โยมนั่งขวางทางเดิน "ถ้านั่งตรงนั้นคนเดินเข้ามาจะเข้าไม่ได้ บางทีเราก็ไม่ได้สังเกต กลายเป็นขวางทางบุญคนอื่น เรียกว่าเกิดโทษไม่รู้ตัว กว่าจะรู้..ทำอะไรก็ติดขัดไปหมดแล้ว เพราะฉะนั้น...เป็นนักบุญต้องรอบคอบ ยิ่งปฏิบัติธรรมใจต้องยิ่งละเอียด มองไปทางเข้าอยู่ตรงนั้น อาตมามองกี่ทีเห็นแต่หัวคนเรียงเป็นตับขวางทางอยู่"

เถรี
21-08-2019, 20:57
พระอาจารย์กล่าวว่า "ปีนี้ถือว่าเป็นปีแรกที่ในหลวงรัชกาลที่ ๑๐ ทำพิธีบรมราชาภิเษกแล้วก็มีการสถาปนา พระราชทานตั้ง พระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์ ก่อนหน้านี้พระองค์ยังไม่ได้เข้าพิธีบรมราชาภิเษกก็คงคิดว่าไม่น่าจะงาม จึงไม่ได้สถาปนา ทรงตั้ง ทรงเลื่อน

หลวงพ่อเจ้าคุณปัญญา (พระราชวิสุทธิเมธี) เจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี ได้รับพระราชทานเลื่อนเป็นพระเทพปริยัติโสภณ คราวนี้เคยคุยกันไว้ก่อน ท่านบอกว่า "อาจารย์เล็กลูกศิษย์เยอะ ถ้าหากว่าได้ตำแหน่งเจ้าคุณเทพแล้ว ผมถวายฐานานุกรม ๓ ตำแหน่ง" อาตมาก็มาคิดว่า ๓ ตำแหน่งจะเอาใครดี บรรดาพี่น้องเพื่อนฝูงที่ทำงานอยู่นอกวัด ถ้าไม่มียศ ไม่มีตำแหน่ง คนก็ไม่เกรงใจ ก็เลยคิดว่าจะให้หลวงพ่อนิลท่านหนึ่งตำแหน่ง ครูบาหน่อแก้วฟ้าหนึ่งตำแหน่ง อีกตำแหน่งหนึ่งจะให้เลขาฯ ตัวเอง"

เถรี
21-08-2019, 20:59
"ปรากฏว่าพอวันที่ ๒๕ ผลออกมาแน่ชัดว่าได้ บรรดาท่านที่ต้องการตำแหน่งก็วิ่งหา จนกระทั่งหลวงพ่อเจ้าคุณปัญญาท่านเวียนหัว ท้ายสุดก็โทรมา "อาจารย์เล็ก..ผมขอผิดคำพูดหน่อยเถอะ ที่บอกว่าให้ ๓ ตำแหน่ง คงจะให้ได้แค่ ๒ เพราะว่าคนอื่นเขาอยากได้กันมาก นั่งตื๊อผมไม่ยอมไปไหน พาโยมพาอะไรมากดดันด้วย" ก็เลยกราบเรียนว่า "แล้วแต่หลวงพ่อเลยครับ"

ท้ายสุดท่านก็ให้มา ๒ ตำแหน่ง ก็ถามว่าได้อะไร ? ท่านบอกว่าให้พระครูวินัยธรกับพระครูปลัดเดิมของชั้นราช ก็เลยเสนอชื่อหลวงพ่อนิลกับครูบาหน่อแก้วฟ้าไป ปรากฏว่าพอวันที่ ๒๗ ท่านโทรมาบอกว่า "อาจารย์เล็ก..โดยธรรมเนียมแล้ว การขอฐานานุกรมข้ามจังหวัดต้องให้เจ้าคณะจังหวัดทางโน้นเขาอนุญาตถึงจะตั้งได้" ก็ต้องทำหนังสือกันคืนนั้นเลย ส่งไป ปรากฏว่าของหลวงพ่อนิลง่าย เพราะว่าเจ้าคณะจังหวัดท่านสนิทกับหลวงพ่อเจ้าคุณปัญญา ท่านยกหูโทรศัพท์คุยตรงเลย กราบเรียนว่า "เดี๋ยวจะช้า..ขออนุญาตหลวงพ่อตั้งก่อน แล้วค่อยส่งหนังสือขอตามมาทีหลัง" หลวงพ่อเจ้าคณะจังหวัดสกลนครท่านก็บอกว่า "ได้เลย..จะตั้งหมด ๕ ตำแหน่งก็ยินดี..!"

เถรี
21-08-2019, 21:02
"คราวนี้ก็เหลือแต่ครูบาหน่อแก้วฟ้า ปรากฏว่าครูบาหน่อแก้วฟ้า เอกสารช้า ท่านบอกว่า "อาจารย์เล็ก..ถ้าเกินวันที่ ๒๘ ผมตั้งไม่ได้แล้วนะ เพราะว่าตำแหน่งพระครูปลัดเดิมที่คนเก่าท่านเลื่อนขึ้นมาใหม่ ถ้าหลังวันที่ ๒๘ ผมไม่มีสิทธิ์ตั้งแล้ว เนื่องจากว่ากลายเป็นเจ้าคุณชั้นเทพฯ ตำแหน่งชั้นราชถึงตอนนั้นก็หลุดมือไปแล้ว" จึงกราบเรียนถามว่า "แล้วหลวงพ่อจะให้ทำอย่างไร ?" บอกว่า "ให้พระครูปลัดทางด้านนี้ก็แล้วกัน ทางด้านนั้นเอาพระครูสมุห์ไป ก็เลยกลายเป็นว่า ของครูบาหน่อแก้วฟ้าเหลือแค่พระครูสมุห์ ทั้ง ๆ ที่ควรจะได้เป็นพระครูปลัด"

ก็ต้องบอกว่าเกิดจาก ๒ สาเหตุ สาเหตุเแรกคือพวกเรารู้ตัวช้า เดินเอกสารช้า สาเหตุที่สองก็คือ ทางด้านนี้เขาก็อยากได้พระครูปลัดมากกว่า เพราะว่าพระครูปลัดนั่งสูงกว่าพระครูสมุห์ ก็ต้องบอกว่าเอาเท่าที่ได้ ตอนนี้ก็นัดกันว่า วันอังคารที่ ๖ นี้จะพาครูบาหน่อแก้วฟ้าเข้าไปกราบรับฐานานุกรม ส่วนพระครูสมุห์เดิมที่ว่าจะเอาไว้ให้ท่านเก่ง เลขานุการตัวเองก็เลยอด รอต่อไป ครั้งหน้าเผื่อจะมีให้"

เถรี
21-08-2019, 21:03
"เรื่องของยศของตำแหน่ง ภาษาพระเรียกว่า ยศช้างขุนนางพระ ก็คือได้มาก็ยังคงเหมือนเดิมทุกอย่าง แต่มีอยู่จำนวนหนึ่งที่ได้มาแล้วรู้สึกว่าท่านจะตื่นเต้นหวั่นไหวมาก อยากได้มาก ซึ่งเรื่องพวกนี้ต้องระวังเป็นอย่างสูง

อาตมาเอง ถ้าเจ้านายให้จะรับ แต่ถ้าให้ขอไม่เคยขอให้ตัวเอง แม้กระทั่งหลวงพ่อเจ้าคณะจังหวัด ๓ รูปต่อเนื่องกันมา ท่านก็ล้วนแต่ปรารภบอกว่า "อาจารย์เล็กไม่เคยขอให้ตัวเองเลย" กราบเรียนว่า "ครับ..เพราะว่าสำหรับตัวผมเองแล้วไม่ต้องมีก็ได้ แต่ว่าพี่น้องทำงานอยู่ข้างนอก ถ้าไม่มียศ ไม่มีตำแหน่ง คนเขาไม่เกรงใจ ก็เลยต้องให้มีเอาไว้บ้าง"

ท่านก็บอกว่าทำอย่างนี้ถูกแล้ว เพราะว่าท่านก็ทำแบบนี้เหมือนกัน ก็คือถ้าให้ดิ้นรนไขว่คว้านี่ไม่เอา แต่ถ้าหากว่าเจ้านายให้จะรับไว้ ก็เลยกลายเป็นว่าถูกจริตนิสัยกัน พอถึงเวลาท่านมีตำแหน่ง ท่านก็เสนอให้เองเลย อาตมาเองก็รับความเมตตาของพระเถระเอาไว้ แต่ว่าในเมื่อท่านให้ได้แค่นี้ก็ถือว่าพวกเราค่อยเป็นค่อยไป"

เถรี
21-08-2019, 21:05
"อาตมาเองยังเริ่มจากตำแหน่งต่ำสุดคือพระใบฎีกา ฐานานุกรมของหลวงพ่อวัดท่าซุง แล้วตอนนั้นหลวงพ่อถวายนิตยภัตก็คือเงินเดือน ให้เดือนละ ๒๖๐ บาทด้วย หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านตั้งให้ ท่านบอกว่า ให้รับไปตลอดชีวิต

ช่วงนั้นถือว่าเป็นเงินเดือนเยอะมาก เพราะว่าช่วงนั้นหลวงพ่อท่านเป็นเจ้าคุณ ท่านรับนิตยภัตของสำนักพุทธ ฯ หรือก่อนหน้านั้นคือกรมการศาสนา เดือนละ ๔๔๐ บาท ท่านเป็นเจ้าคุณรับ ๔๔๐ บาท แล้วอาตมาเป็นฐานานุกรมต่ำสุดได้ ๒๖๐ บาท ถือว่าหลวงพ่อท่านให้เยอะมาก ท่านบอกว่าท่านให้เท่าพระครูชั้นเอก ตอนนั้นสมเด็จพระสังฆราชรับนิตยภัตเดือนละ ๓,๕๐๐ บาท คนอื่นจะไปเอาอะไรมากมาย

เพิ่งจะมาขึ้นเงินเดือนสมัยท่านนายกฯ ทักษิณ ตอนนั้นเจ้าอาวาสเงิน ๕๐๐ บาทต่อเดือน สมัยท่านนายกฯ ทักษิณ ท่านจะให้ ๓,๓๐๐ บาท งัดข้อกันไป เถียงกันมา ท้ายสุดได้มาแค่ ๑,๕๐๐ บาท ก็ยังดี เพราะว่าได้มากกว่าเดิมตั้ง ๓ เท่า"

เถรี
21-08-2019, 21:08
"พอมายุคท่านนายกฯ ยิ่งลักษณ์ก็เพิ่มมาให้อีก ๓๐๐ บาท เป็น ๑,๘๐๐ บาท ส่วนอาตมาเป็นพระครูสัญญาบัตร เจ้าอาวาสวัดราษฎร์ ชั้นโท กินเงินเดือน ๒,๕๐๐ บาท เยอะกว่า ก็เลยต้องเอานิตยภัตพระครูสัญญาบัตร เพราะว่านิตยภัตเจ้าอาวาสน้อยกว่า ๗๐๐ บาท

โยมอย่าไปคิดว่าเยอะนะ ค่ารถเที่ยวหนึ่งก็จะหมดแล้ว พวกเราต้องทำงานทั้งปี ยังโดนหักไปอีก ๒ เดือน เพราะว่าเดือนแรกหักเงินวัดช่วยวัด เอาเข้ากองทุนไว้ ถ้าวัดไหนเดือดร้อน น้ำท่วม ไฟไหม้ ก็เอาไปช่วยเขา แล้วมาตอนหลังก็หักเข้ากองทุนช่วยชาวพุทธอีก ๑ เดือน ก็คือเก็บเงินเผื่อว่าชาวพุทธเดือดร้อนที่ไหนก็สามารถกู้กองทุนนี้ได้ ไป ๆ มา ๆ เขาเห็นว่าเป็นกองทุนที่ห่วยแตกมาก กลายเป็นพระปล่อยกู้ ก็เลยมีการส่งเงินคืน

คราวนี้ส่งคืนมา ของคณะสงฆ์อำเภอทองผาภูมิสองแสนกว่าบาท พวกเราก็เลยว่า เงินหลุดมือไปแล้ว เอากลับมาก็เท่านั้นแหละ เพราะฉะนั้น..เอาเข้ากองกลางไว้ใช้ในกิจการสงฆ์ดีกว่า เพราะว่าเวลามีงานมีการอะไร เราก็เก็บจากเจ้าอาวาส เจ้าคณะตำบล เจ้าคณะอำเภออยู่แล้ว แต่ว่าตอนนี้เท่ากับว่าพระครูสัญญาบัตร ๒๒ รูปของทองผาภูมิแบกภาระนี้เอาไว้แทนเจ้าอาวาสทั้งหมด แบกไปจนกว่ากองทุนนี้จะหมดลงค่อยมาเก็บแบบเดิมกันใหม่

เสร็จแล้วหลวงพ่อเจ้าคณะอำเภอท่านก็ให้อาตมาเป็นคนถือเงิน เพราะรู้ว่าถ้าเบิกแล้วมีให้แน่ ถ้าให้คนอื่นถือเงินอาจจะหมด ได้ใช้ไปปีกว่าเงินก็หมด ปีนี้มาเริ่มเก็บใหม่ อาตมากำลังตั้งความหวังไว้อย่างหนึ่งว่า จะต้องตั้งกองทุนเพื่อบริหารงานคณะสงฆ์อำเภอทองผาภูมิ ปรากฏว่ามีงานสร้างวิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรีแทรกขึ้นมาพอดี"

เถรี
21-08-2019, 21:56
ถาม : เรื่องความมั่นใจ ในวัตถุมงคลนี่ว่ากันไม่ได้เลยนะครับ เชื่อแล้วเชื่อเลย ?
ตอบ : พวกเรื่องประสบการณ์วัตถุมงคล ส่วนใหญ่พอคนเขาพบอย่างไหนมาโดยตรง ก็เกิดความศรัทธาเลื่อมใสมาก

ถาม : ล่าสุดนี่ชัดเจนเลย ที่หลวงพ่อเคยสอนตอนที่บวช ทำเป็นธงมหาลาภผืนครูไว้สำหรับค้าขาย ให้น้องเอาไปใช้ รุ่นพี่ของเขายืมธงนี้ไปใช้อีกที อาราธนาพกติดตัวชิ้นเดียวไปประมูลงานแข่งกับเขา ปรากฏว่าชนะการประมูล ได้มาสองพันกว่าล้าน ทีนี้เลยโดนยึดธงไปเลย เงินก็ไม่แบ่งให้ด้วย ?
ตอบ : ธงยึดไปไม่เป็นไร แต่ควรที่จะแบ่งเงินเราบ้าง...(หัวเราะ)...

ถาม : กราบขออนุญาตนำไปทำให้พระอาจารย์นิลออกเป็นกฐินของอาศรมฯ ปีนี้ เข้าพุทธาภิเษกสิ้นเดือนพร้อมกับของมูลนิธินะครับ ?
ตอบ : มั่นใจนะว่าทำทัน ? ถ้าทันก็เอาเลย จะได้มีเงินล้านกันทุกคน

เถรี
23-08-2019, 21:20
พระอาจารย์เล่าว่า "เมื่อสักครู่นี้กล่าวถึงกองทัพไทยใหญ่ว่า ส่วนใหญ่เน้นใช้เหรียญหลวงพ่อทบ วัดชนแดน เพราะว่าเขารบกับพม่าเป็นประจำ มีประสบการณ์มาก โดนปืนโดนระเบิดไม่ระคายผิวเลย เขาจะหาเหรียญหรือตะกรุดหลวงพ่อทบติดตัวกัน

หลวงพ่อทบ วัดชนแดน ท่านดังช่วงสงครามคอมมิวนิสต์ เพราะว่าทหารของเรารบกับพวกคอมมิวนิสต์ มีเจ็บมีตายปีละมาก ๆ แต่ลูกศิษย์หลวงพ่อทบไม่เคยที่กระสุนหรือระเบิดจะระคายผิว บางทีทหารทั้งกองร้อยลงไปนอนเฝ้าที่วัด ให้หลวงพ่อทบท่านทำตะกรุดให้ หลวงพ่อท่านก็จาร ทำทีละดอก ๆ เสกเสร็จเอาไปลอง ถ้ายิงออกไม่ต้องเอาไป ปรากฏว่ายิงไม่ออกสักดอก ถ้ายิงไม่ออกท่านก็มาถักแล้วก็เสกทับอีกที แล้วค่อยมอบให้ทีละคน"

เถรี
23-08-2019, 21:22
"สมัยนั้นเพชรบูรณ์ก็ไม่ค่อยจะมีไฟฟ้า ส่วนใหญ่ก็อาศัยแสงเทียนจารตะกรุด หลวงพ่อทบท่านเพ่งมาก ๆ ท้ายสุดก็ตาเสีย มองไม่เห็นไปเลย น่าเสียดายมาก

ต้องบอกว่าความรักลูกศิษย์ ความห่วงประเทศชาติ อยากให้ลูกศิษย์ปลอดภัย อยากให้ประเทศชาติปลอดภัย ท่านก็ทุ่มเทจนตามองไม่เห็น ตอนหลังต้องลาออกจากเจ้าอาวาสวัดชนแดน ย้ายกลับมาอยู่วัดช้างเผือกที่บ้านของท่าน แล้วก็ไปมรณภาพที่นั่น ที่ย้ายกลับมาใกล้บ้านเพื่อให้มีญาติไปคอยดูแล

แต่ว่าขนาดตามองไม่เห็น เสกของอะไรก็ขลัง ยิงไม่ติดสักชิ้น"

เถรี
23-08-2019, 22:05
ถาม : วัดนาสักเดี๋ยวนี้เงียบไหมครับ ?
ตอบ : พอสิ้นหลวงพ่อมุมแล้ว ไม่มีใครต่อแล้ว

ถาม : แต่สังขารท่านยังอยู่นี่ครับ ?
ตอบ : คือพระเรามี ๒ อย่าง อย่างแรกก็คือยกวัด ทำให้วัดดัง อีกอย่างหนึ่งก็คือวัดยก ถ้าวัดยกไม่ลำบาก เพราะว่าใครไปอยู่ก็ต้องดัง อย่างเช่นวัดไร่ขิง วัดโสธรฯ นี่วัดยก ถ้าคนยกวัดนี่เหนื่อย

เถรี
23-08-2019, 22:09
พระอาจารย์ให้พรญาติโยม "ตอนนี้หลวงพ่อเลื่อนแล้ว พวกเราจะเลื่อนอะไรก็เลื่อนเถอะ

ตอนสืบชะตา ๖๐ ปี พอพระท่านเสด็จก็เลยกราบทูลว่า "ปีนี้มีกี่รางวัล ผมเอาหมดนะครับ ผมเหนื่อย" เพราะว่าตอนนั้นขอไป ๒ - ๓ รางวัล ใครจะไปนึกว่ากระทั่งสมณศักดิ์ก็ยังมา"

เถรี
23-08-2019, 22:26
ถาม : วิรุฬหะ แปลว่า อะไรครับ ?
ตอบ : แปลว่าความเจริญไพบูลย์ ก็คือสมบูรณ์พร้อมอย่างวิเศษ ก็แปลว่าเจริญพร้อมทุกด้าน

ถาม : คุณสารสมบัติ และธรรมสารสมบัติ ?
ตอบ : ธรรมสาระคือธรรมอันเป็นแก่นสาร คุณสาระคือสิ่งที่เป็นประโยชน์อย่างเป็นแก่นสาร

เถรี
23-08-2019, 22:34
พูดถึงประคำปราบหงสาวดี "อาตมาไปเจอของพระใบฎีกาสามารถ เพื่อนร่วมรุ่นพระอุปัชฌาย์ ท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดน้อย (หลวงพ่อเนียม) ท่านบอกว่าสมัยโน้นหลวงปู่บุญแวะไปวัดน้อยหลายครั้ง ก็น่าจะถวายหลวงปู่เนียมเอาไว้ ก็เลยกลายเป็นสมบัติคู่วัดมา

ท่านบอกว่าราคาหนึ่งล้านบาท จะเอาไปสร้างศาลา ด้วยความที่แกนเป็นตะกั่วแร่ขี้นกเขาเปล้า หนักอย่าบอกใครเลย ทั้งเส้นลงมานี่ตึงคอเลย"

เถรี
27-08-2019, 16:11
ถาม : ตั้งใจว่าจะตั้งคาถาเงินล้านตลอดเวลา ตอนแรกก็งง ๆ เบลอ ๆ จนเมื่อสองสามวันที่ผ่านมา ท่องไปแล้วรู้สึกว่า...
ตอบ : เป็นไปเอง ไม่ต้องบังคับ

ถาม : ใช่ค่ะ แล้วใจไม่ใช่เรา ขอแค่อยากจะท่อง แล้วก็ชัดขึ้นมา เราขับรถท่อง ๆ ไป ตาไปกระทบบ้านอยู่หลังหนึ่ง ก็ดึงความทรงจำเก่าในอดีตกลับมา อารมณ์ก็เกิด เหตุการณ์ก็เกิดว่า เราเคยโดนตำหนิ แล้วก็จบ ขับรถต่อไป เจออีกสถานที่หนึ่ง หนังก็จะเล่นอีกม้วนหนึ่ง แล้วก็จบ คืออะไรคะ ?
ตอบ : จริง ๆ ก็คือพอสมาธิเริ่มทรงตัว ความทรงจำเก่า ๆ สิ่งที่เราเรียนรู้เก่า ๆ บางทีถึงขนาดข้ามชาติข้ามภพจะย้อนกลับมา ถ้าลักษณะนี้เหมือนอตีตังสญาณก็คือการย้อนอดีต แต่ต้องระมัดระวังให้ดีว่า เราอย่าไปยินดียินร้าย อย่าไปรัก โลภ โกรธ หลง ตามไป เรามีหน้าที่เป็นผู้ดูเฉย ๆ เหมือนที่เราดูตอนภาวนา

ตัวภาวนาเป็นเองโดยอัตโนมัติ เรามีหน้าที่ดูอย่างเดียว ฉะนั้น...เรื่องอะไรเกิดขึ้น เราดูไป ลักษณะอย่างนั้นถ้าเราไปยินดียินร้ายเมื่อไร ถ้า รัก โลภ โกรธ หลง จะเข้ามา พวกนี้ก็สลายตัวหมด

ถาม : หนูรู้สึกว่าทำคาถาเงินล้าน ถ้าปล่อยปุ๊บเหมือนข้าศึกจะโจมตี เฮเข้ามา ?
ตอบ : แน่นอน ปล่อยไม่ได้

ถาม : รู้สึกตัว ต้องรีบภาวนา ?
ตอบ : ทำถูกแล้ว ต่อไปเราก็ใช้สติระมัดระวังไว้ ทั้งหลับและตื่น ต้องอยู่กับตรงนี้ตลอด เพราะว่าตอนนี้เท่ากับเราทำตัวออกห่างจาก รัก โลภ โกรธ หลง ชั่วคราว ถ้าแนวป้องกันพังเมื่อไรก็โดนซัดเยินเมื่อนั้น

เถรี
27-08-2019, 16:25
ถาม : เวลาหลุด อารมณ์จะแรงค่ะ ?
ตอบ : ต้องมีหลุด หลุดแน่นอน แต่ว่าพอถึงเวลาแล้ว ให้รู้ว่าไม่ใช่เจตนาของเราที่จะหลุด อย่าไปเศร้าหมอง อย่าไปเสียดาย อย่าไปเสียเวลา ให้เริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ทันที ไม่อย่างนั้นบางคนมัวแต่ไปเสียดาย โอย...ประคองมาได้ตั้งนานแล้วไม่น่าหลุดเลย อะไรอย่างนี้ มัวแต่ไปเสียดาย มัวแต่ไปจิตตกอยู่ เสียเวลาการปฏิบัติ

ให้เรารู้ว่าเป็นธรรมดา ตราบใดที่สติเราไม่สมบูรณ์เต็ม ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ อาการอย่างนี้เกิดกับเราแน่ แต่เราจะพยายามยืดระยะให้นานที่สุด เราจะอยู่กับความดีให้นานที่สุด ถ้าหลุดไปเมื่อไร เราต้องรีบเริ่มต้นฟื้นตัวใหม่ทันที

เถรี
27-08-2019, 18:52
ถาม : การที่เราเห็นกาย และเห็นใจ...?
ตอบ : ก็คืออาการของใจที่ทำงานอย่างหนึ่ง กับตัวใจหรือจิตที่แท้จริงอีกอย่างหนึ่ง เพียงแต่ว่าอย่าไปให้ปรุงเป็น รัก โลภ โกรธ หลง พอเริ่มจะออก ตอนช่วงนี้ปัญญาเราเริ่มมีชัด เราจะเห็นว่าจะมาในมุมไหน เพราะฉะนั้นระวังเอาไว้ ตัดเสียตั้งแต่ต้น อย่าไปแตะ

ถาม : มีคนบอกว่า ทำงานใช้สมองอย่างหนึ่ง สามารถแยกอีกตัวหนึ่งมาคิด ?
ตอบ : อย่าเพิ่งไปถึงขั้นนั้น ถ้าไปถึงขั้นนั้นแล้วจะมีส่วนเสียทีหลังก็คือว่า ใจหนึ่งเราทรงสมาธิได้ อีกใจหนึ่งจะไปฟุ้ง ตอนนี้อย่าเพิ่งไปเอาแบบนั้น นั่นเกินความจำเป็น อันนั้นเป็นลักษณะของการแยกจิตทำงานหลาย ๆ อย่างพร้อมกัน ก็คือควบคุมการทำงานปกติของเราอย่างหนึ่ง แล้วก็แยกไปคิด ไปทำ ไปภาวนา อีกอย่างหนึ่งได้

เถรี
27-08-2019, 19:03
ถาม : ในอภิธรรมบอกว่าจิตมีการเกิดดับ ?
ตอบ : ก็เกิดดับนั่นแหละ แต่เพียงแต่ว่าพอถึงเวลาเราคุมเอาไว้ ใช้กำลังสมาธิคุมอีกที ของพระอภิธรรมท่านกล่าวถึงอาการปกติของจิต แต่ไม่ได้กล่าวถึงอาการของจิตที่เป็นมหคตะ ก็คือดำเนินหน้าที่ไปตามที่เราสั่งการ ต่างกันตรงจุดนั้น พวกอภิธรรมบางทีเขากล่าวถึงเบื้องต้น ไม่ได้กล่าวไปถึงรายละเอียดมากกว่านั้น คือว่าไปตามตำราก็ใช่ แต่พอถึงเวลาเราทำเกินตำรา

อย่างเขาบอกว่า ๑ + ๑ เป็น ๒ ถ้าเราไปตามตำราก็คือ ๑ + ๑ เป็น ๒ แต่พอถึงเวลาเราไปแหกคอกว่า ๒ - ๐ ก็ออกมาเป็น ๒ ได้เหมือนกัน หรือไม่ก็ ๓ - ๑ เหลือ ๒ ก็ยิ่งไปกันใหญ่ ตัวนี้อยู่ที่เราพลิกแพลงไป ซึ่งจะเรียกว่านอกตำราก็ไม่ใช่ แต่ให้เรารู้ว่าเป็นไปได้

ถาม : มีคำแนะนำอื่นอีกไหม ?
ตอบ : ไม่มี ระวังสุดตัว อย่างไรก็ต้องล้มแน่ ล้มแล้วรีบลุก อย่าไปเสียดายอยู่กับของเก่า เราเคยทำได้แล้ว เราต้องทำได้อีก แค่นั้นเอง หลวงพ่อเองก็มัวแต่ไปเสียดาย เสียเวลามาเยอะแล้ว

เถรี
27-08-2019, 19:05
ตรงจุดนี้อาตมาเคยพูดอยู่เสมอ แต่โยมหลายคนไปไม่ถึง ที่บอกว่าปัญหาเกือบทุกอย่างในการปฏิบัติ คำตอบจะลงตรงสมาธิ ทำถึงเมื่อไรจะหายสงสัยเอง แต่บางคนก็สงสัยหนักขึ้น เพราะอยากรู้ว่าเรียกว่าอะไร ทำไมต้องไปเรียกด้วย ? ทำได้ก็พอ ไม่ต้องไปสนใจว่าคุณเรียกว่าอะไรหรอก ให้คุณอยู่ตรงนี้ก็แล้วกัน

เถรี
27-08-2019, 19:08
พระอาจารย์กล่าวว่า "เป็นสาว ๆ จำไว้ว่าอย่ากลัวอ้วน อ้วนไม่เป็นไร อาตมายืนยัน ให้แข็งแรงเอาไว้ก็แล้วกัน ส่วนใหญ่แล้วพวกเราก็ไปอด ๆ ๆ บางคนไม่มีเรี่ยวไม่มีแรงจะเดิน ทำงานหน่อยก็เป็นลม อดไปทำอะไร ? ร่างกายต้องการขนาดนั้นแล้วให้กินนิดเดียว

อาตมาเป็นผู้ชาย ขอยืนยันว่าผู้หญิงอ้วน ๆ หน่อย น่ารักกว่าเยอะ ไม่มีใครเขาอยากได้แฟนมีแต่หนังหุ้มกระดูกหรอก เคยได้ยินเพลงไหม ? เขาบอก มีแฟนอ้วนดีกว่า สุดโสภาเพราะไม่มีกระดูก อยู่ร่วมเรือนเหมือนได้นอนฟูกฯ เกิดไม่ทันใช่ไหม ? มาไม่ทันเพลงนี้กันใช่ไหม ?

ยิ่งคนโบราณแล้ว เขาต้องการผู้หญิงท้วม ท้วมนี่คืออวบระยะสุดท้าย คือน้ำหนักประเภท ๕๕ กิโลกรัมขึ้น เหตุที่เขาต้องการอย่างนั้น เพราะว่าผู้หญิงจะต้องมีลูก ถ้าหากว่าร่างกายไม่แข็งแรง ไม่อ้วนนี่ไปไม่รอดหรอก"

เถรี
27-08-2019, 19:32
ถาม : ขอความกรุณาขอคาถากันมด ?
ตอบ : คาถากันมด ทนเอา...! มดเข้าบ้านใช่ไหม ? ฉีดยากันเอาไว้ตามขอบตึกตามขอบบ้าน ที่วัดก็มีปัญหาเดียวกัน โดยเฉพาะต้นไม้อยู่ใกล้ มดลงจากต้นไม้มาเลย ใช้วิธีฉีดยากันไว้ ต้องขยันหน่อย ๓ วัน ๔ วัน ฉีดทีหนึ่ง

เถรี
27-08-2019, 19:34
พระอาจารย์กล่าวว่า "เดี๋ยวนี้ชาวบ้านร้ายมากนะ เจ้าอาวาสไม่อยู่วัด ส่งรูปมาให้ดูว่าพระที่วัดทำอะไรบ้าง...ร้ายกาจ..! อาตมาถึงได้เตือนพระ เตือนนักเตือนหนาว่าเราอยู่ในสายตาชาวบ้านเขาเสมอ เพราะฉะนั้น...ทำอะไรต้องระมัดระวังตัว อยู่คนเดียว ทำเหมือนอย่างกับอยู่หลายคน อยู่หลายคนทำเหมือนกับอยู่คนเดียว"

เถรี
27-08-2019, 19:38
พูดถึงการถวายสังฆทาน "เขาถวายจนเสร็จแล้ว คุณเพิ่งจะเริ่ม ไม่ทันกินกับใครก็เพราะอย่างนี้แหละ ถึงได้บอกว่าให้มาทีเดียวพร้อมกัน ยังอุตส่าห์ไม่ยอมพร้อมกับเขาอีก กลัวว่าจะรวยพร้อมเขา ขอรวยช้ากว่าเขาหน่อย

อาตมาตั้งข้อสังเกตว่าบางคนบุญได้ยากมาก ที่ได้ยากมาก เพราะว่านอกจากจะทำช้าแล้ว ยังไม่ยอมทำร่วมกับคนอื่นอีก

ใครทำเราทำด้วย พูดง่าย ๆ คือรถคันไหนมาเราก็โดดขึ้นด้วย อย่างไรก็ไปถึงจุดหมายปลายทางเองแหละ ไม่ใช่ต้องไปรอทำของตัวเองทีละชุด ๆ แบบนั้นเหนื่อยตายชัก"

เถรี
27-08-2019, 19:39
พระอาจารย์กล่าวกับคุณยาย "กลับไปเหนื่อยต่อนะ..ยายนะ ชีวิตลำบากมาตั้งแต่เกิดจนป่านนี้ ยังไม่สบายกับใครสักที แก้ไม่ได้หรอก เป็นบุญที่ทำมาอย่างนั้น"

เถรี
27-08-2019, 19:41
พระอาจารย์กล่าวว่า "ท่านใดที่ลืมแหวนไว้ที่วัด ตอนนี้คนเขาเอามาคืนแล้ว โปรดแสดงหลักฐานมารับคืนด้วย ของแพง ยังเหลืออีกหนึ่งวง ไม่ได้หายวงเดียว ไปเผลอถอดลืมไว้ในห้องน้ำ ถ้าไม่จำเป็นจริง ๆ ใส่อาบน้ำไปเถอะ..ไม่เป็นไรหรอก ดันไปถอดลืมเอาไว้

มีอยู่ที่เที่ยวหนึ่ง โยมลืมพระไว้ทั้งพวงเลย ๕ องค์ เลี่ยมทองไว้ ๓ องค์ ยังดีว่าของอยู่ที่วัดท่าขนุนแล้วไม่ค่อยหายหรอก คนเขาค่อนข้างที่จะเคร่งครัดต่อศีล ถึงเวลาก็เอามาคืน อาตมาก็รับไว้ ใครของหายก็ไปถามหาที่เลขานุการ ตอนนี้พระเลขาฯ เก็บไว้เป็นกองเลย

กติกาของพระก็คือ ถ้าโยมทำของตกหล่น หรือหลงลืมไว้ที่วัด ต้องเก็บรักษาไว้จนกว่าเจ้าของมาทวงคืน ลำบากตรงนี้แหละ เพราะว่าต้นตำรับเลยคือคุณย่าวิสาขา"

เถรี
27-08-2019, 19:43
"คุณย่าวิสาขาอายุ ๑๒๐ ปี อายุมาก ๆ แล้วก็เผลอ ถอดเครื่องมหาลดาปสาธน์เอาไว้เพื่อที่จะเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า ตอนกลับบ้านเลยลืม ลืมได้เหมือนกันนะ..ของแพงขนาดนั้น ถามว่าของขนาดนั้นราคา ๙ โกฏิ ตีเป็นสมัยนี้ก็ ๙๐ ล้านบาท แต่จริง ๆ แล้วถ้านับค่าของเงินของวัตถุ แพงกว่านั้นหลายเท่า

เครื่องมหาลดาปสาธน์เขาบอกว่าสร้างด้วยเงิน ๑,๐๐๐ แท่ง สร้างด้วยทอง ๑,๐๐๐ แท่ง อันนี้เอามารีดเป็นเส้นลวดเฉย ๆ ร้อยแก้วมณี ร้อยแก้วประพาฬ ร้อยแก้วไพฑูรย์ อย่างละ ๒๐ - ๓๐ ทะนาน แก้วมณีนี่เพชรนะ โคตรเพชรอีกต่างหาก เป็นลักษณะเหมือนอย่างกับมงกุฎรูปนกยูงรำแพน แล้วก็มีชายลงมาเป็นเสื้อคลุม น้ำหนักมากจนคนบุญไม่ถึงใส่ไม่ได้ ยกไม่ขึ้น

ในพระไตรปิฎกมีแค่ ๓ ท่านเท่านั้นที่มีเครื่องมหาลดาปสาธน์ ก็คือนางวิสาขามหาอุบาสิกา นางมัลลิกาภรรยาของพันธุลเสนา แล้วก็อีกคนหนึ่งตลกมาก เป็นเมียโจรชื่อเทวนานิยะ แสดงว่าแกทำบุญมาเยอะ แต่ต้องไปเป็นเมียโจร

ผู้หญิงที่จะมีเครื่องประดับมหาลดาปสาธน์นี่ ในอดีตชาติต้องเคยถวายผ้าไตรไว้ในพระพุทธศาสนา โดยเฉพาะได้ถวายต่อพระพุทธเจ้า พวกเรานี่ถ้าไปเกิดใหม่พร้อม ๆ กันนี่ รับรอง..ร้านเพชรได้เจ๊งเลย สร้างเครื่องประดับชิ้นนี้ชิ้นเดียวก็ไม่มีวัตถุดิบแล้ว"

เถรี
27-08-2019, 19:47
"ปรากฏว่าคุณย่าวิสาขาลืมเครื่องประดับ พระอานนท์ยกไหว เพราะว่ามีกำลัง ๗ ช้างสารเท่ากัน ในเมื่อพระอานนท์ยกไหวก็เอาไปเก็บ จึงกลายเป็นธรรมเนียมว่า ถ้าใครลืมของหรือทำของตกหล่นไว้ในวัด ต้องเก็บรักษาจนกว่าเจ้าของจะมารับคืน

นางวิสาขาพอนึกขึ้นมาได้ ก็บอกสาวใช้ว่าให้กลับไปเอาเครื่องประดับคืนให้ที นางปุณณทาสีก็สร้างบุญไว้ดี มีกำลังเท่ากับเจ้านาย สามารถแบกมาคืนได้ ไปถึงปรากฏว่าพระอานนท์เก็บเอาไว้แล้ว ซึ่งนางวิสาขาท่านก็คาดว่าเป็นอย่างนั้น เลยบอกว่า พระคุณเจ้าเป็นผู้เก็บไว้ เป็นของกึ่งกลางสงฆ์ ไม่ควรที่จะรับคืน ขอถวายท่านไปเลย

คราวนี้ถวายไปแล้วพระจะใช้อย่างไร ? ในเมื่อเป็นของที่กึ่งกลางสงฆ์ไปแล้ว นางวิสาขาก็เลยเอาไปตระเวนขาย ใครซื้อเครื่องประดับชิ้นนี้ จะเอาเงินไปสร้างวัด เอาเครื่องประดับใส่เกวียน ตอนที่สวมนี่สวมเองได้นะ ตอนคนเอาไปขาย ต้องใส่เกวียนไป ตระเวนจนทั่วเมืองไม่มีใครซื้อ เพราะนอกจากราคาแพงแล้ว ยังไม่มีใครสวมได้ แบกไม่ไหว"

เถรี
27-08-2019, 19:50
"เราลองนึกถึงเสื้อคลุมมหาราชภูษิตาภรณ์ของในหลวง อันนั้นรวมเส้นทองที่ปักด้วย ๒๐ กว่ากิโลกรัม ไม่แข็งแรงจริง ๆ ไม่ต้องไปใส่หรอก ถึงเวลาเราเห็นรัชกาลที่ ๑๐ ใส่เครื่องทรง เสด็จประพาสทางสถลลมารค กว่าจะจบ..เหนื่อยแทน

นางวิสาขาก็เลยต้องซื้อเอง สรุปก็คือ ซื้อของตัวเองคืน แล้วก็เอาเงินไปสร้างวัดบุพพาราม หมดไป ๙ โกฏิ จัดงานฉลองหมดไปอีก ๙ โกฏิ รวม ๆ แล้วหมดเงินไป ๒๗ โกฏิ ประมาณ ๒๗๐ ล้านในอัตราตัวเลขปัจจุบัน แต่ถ้าเป็นราคาแท้จริงก็น่าจะ ๒,๐๐๐ กว่าล้าน ก็เลยกลายเป็นอีกวัดหนึ่งของพระพุทธศาสนาที่เมืองสาเกต"

เถรี
27-08-2019, 20:04
"เมืองสาเกตเป็นเมืองแฝดกับสาวัตถี ใครเคยไปเชียงใหม่จะเห็นว่าเชียงใหม่กับลำพูนอยู่ติดกันเลย โดยเฉพาะถนนเส้นทางลำพูน - สารภี ติดกันจนแยกไม่ออกว่าเมืองไหน

นางวิสาขาเป็นลูกของธนัญชัยเศรษฐี ทางด้านแคว้นโกศล คือกรุงสาวัตถี ไม่มีเศรษฐีเลย อาจจะเป็นเพราะว่าพระเจ้าปเสนทิโกศลไม่ค่อยอำนวยความสะดวกในการค้าขาย แต่พระเจ้าพิมพิสารอำนวยความสะดวก บรรดาพวกพ่อค้า พวกเศรษฐีใหญ่ ๆ ก็เลยอยู่เต็มแคว้นมคธ ทางแคว้นโกศลไม่มีเลย

ในเมื่อแคว้นโกศลไม่มี พระเจ้าปเสนทิโกศลจึงทำหนังสือถึงพระเจ้าพิมพิสารว่า ขอเศรษฐีไปอยู่สักท่านหนึ่งเถอะ จะได้ทำให้เศรษฐกิจหมุนเวียนดีขึ้น ทุกอย่างจะดีขึ้น เพราะฉะนั้น..ต้องให้นายกฯ ตู่ของเราทำหนังสือขอมาร์ค ซัคเคอร์เบิร์กมาอยู่ประเทศไทย เอาวอร์เร็น บัฟเฟตต์ ดีกว่านะ ดูท่าจะมั่นคงกว่า..ใช่ไหม ?"

เถรี
27-08-2019, 20:07
"ในเมื่อขอไป พระเจ้าพิมพิสารก็หาอาสาสมัคร ธนัญชัยเศรษฐีที่ถือว่าหนุ่มกว่าเพื่อนก็อาสาสมัครไป ขนทรัพย์สมบัติ ขนข้าทาสบริวารไป ไปถึงบริเวณที่เป็นที่ตั้งเมืองสาเกต เห็นว่าเนื้อที่กว้างขวางใหญ่โตเพียงพอ ก็เลยส่งทูตก็คือตัวแทน เข้าไปหาพระเจ้าปเสนทิโกศล บอกว่าขออนุญาตสร้างเมืองตรงนี้ เพราะว่าถ้าเข้าไปในสาวัตถีจะทำให้เขาเดือดร้อนกันมาก เนื่องจากว่าเฉพาะบริวารที่ท่านพาไปก็สองแสนคนเข้าไปแล้ว..!

เศรษฐีสมัยก่อนส่งกองเกวียนไปค้าต่างเมือง ไปทีหนึ่ง ๓๐๐ เล่ม ๕๐๐ เล่ม เราลองนึกดูว่า ถ้าคนดูแลวัว ๑ คน คนดูแลสินค้า ๑ คน ถ้ากองเกวียนมีแค่นี้ ๕๐๐ เล่มก็ ๑,๐๐๐ คนแล้ว แล้วไหนจะต้องมีกองกำลังส่วนตัวไปป้องกันสินค้าอีก ไม่อย่างนั้นอาจจะโดนโจรปล้น โดนอะไรขึ้นมาก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ฉะนั้น...เศรษฐีสมัยก่อนจึงเหมือนอย่างกับมีกองทัพส่วนตัว

พระเจ้าปเสนทิโกศลเห็นด้วย ก็เลยยกที่ตรงนั้นให้ บอกให้ตั้งเมืองได้ตามสบายเลย ธนัญชัยเศรษฐีจึงตั้งเมืองขึ้นมาชื่อว่าเมืองสาเกตอยู่ที่ตรงนั้น นางวิสาขามหาอุบาสิกาสร้างบุพพารามที่เมืองสาเกต นิมนต์พระพุทธเจ้าไปอยู่ประจำ พระพุทธเจ้าประจำอยู่สาวัตถีแล้ว ถ้าหากว่าบิณฑบาต ชาวบ้านก็จะสังเกต ออกประตูทิศเหนือหรือทิศตะวันออก

ถ้าออกประตูทิศเหนือก็ไปวัดเชตวัน ถ้าออกทางทิศตะวันออกก็จะเป็นวัดบุพพาราม ชาวบ้านเขาจะไปฟังธรรมกัน เพราะว่าเดินถึงกันง่าย ๆ"

เถรี
27-08-2019, 20:13
"เพราะฉะนั้นช่วงสุดท้าย ๒๕ พรรษาของพระพุทธเจ้า ประจำอยู่ที่สาวัตถีและบุพพาราม รวมแล้ว ๒๔ พรรษา เขาแบ่งเฉลี่ยว่าไปจำพรรษาที่บุพพาราม ๙ พรรษา อยู่ที่สาวัตถี ๑๕ พรรษา เพราะฉะนั้น ในเมื่ออยู่สาวัตถีมากที่สุด เวลาเราอ่านพระสูตร พระอานนท์ท่านก็

เอวัมเม สุตัง ข้าพเจ้าได้สดับมาดังนี้
เอกัง สะมะยัง ในสมัยหนึ่ง
ภะคะวา องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า
สาวัตถิยัง วิหะระติ ประทับอยู่ที่เมืองสาวัตถี
เชตะวะเน อะนาถะปิณฑิกัสสะ อาราเม ในเชตวันมหาวิหาร อารามของอนาถบิณฑิกเศรษฐี

ถ้าขึ้นด้วย สาวัตถิยัง วิหะระติ ก็คือจำพรรษาอยู่ที่เมืองสาวัตถี"

เถรี
27-08-2019, 20:14
"ส่วนใหญ่แล้วพระพุทธเจ้าเทศน์และพระอานนท์ก็จำมา ในเมื่อเทศน์สอนชาวบ้าน เนื้อหาข้อใหญ่ใจความเป็นอย่างไร ก่อนจะบอกกล่าวก็ต้องมีพาดหัวก่อน ในลักษณะใส่ข้อมูล ให้รายละเอียด เทศน์ที่ไหน เรื่องอะไร"

เถรี
27-08-2019, 20:15
พระอาจารย์กล่าวว่า "ปีนี้ความจริงที่วัดท่าขนุนมีพระจำพรรษา ๕๓ รูป แต่คราวนี้ต้องแบ่งปันให้วัดอื่น ไปเป็นเจ้าอาวาส รองเจ้าอาวาส ลูกวัด ให้ยุ่งไปหมด เลยเหลืออยู่แค่ ๔๐ รูป"

เถรี
28-08-2019, 22:46
ถาม : เมื่อวานเจ้านายบอกว่า หนูทำงานละเอียดแต่ช้า ต้องทำอย่างไรถึงจะทำงานละเอียดและเร็วคะ ?
ตอบ : สมาธิต้องดีกว่านี้ ถ้าสมาธิดีขึ้น ใจจดจ่ออยู่กับงาน ความละเอียดจะมี แล้วก็เร็วขึ้น

ถาม : ให้จับลมหายใจหรือคะ ?
ตอบ : ไม่ใช่จับลมหายใจ ถ้าจับลมหายใจ บางทีทำอะไรไม่ได้เลย นั่งแข็งทื่ออยู่นั่นแหละ ให้ซักซ้อมการเข้าออกสมาธิให้คล่องตัว ชนิดที่ว่าต้องการเข้าเมื่อไร ต้องการออกเมื่อไร ต้องได้ทันที

ถาม : สมาธิแบบนั้นหน้าตาเป็นอย่างไร ?
ตอบ : หน้าตาเป็นอย่างไร ? อย่างเช่นว่า รู้ลมหายใจอัตโนมัติ ไม่ต้องบังคับก็รู้เองได้ อย่างนี้เป็นต้น

เถรี
28-08-2019, 22:50
ถาม : เวลานั่งสมาธิหรือทำอะไรจะปวดหัว ปวดหน้าผากค่ะ ?
ตอบ : นั่งสมาธิแล้วปวดหัว โดยเฉพาะปวดหน้าผาก เกิดจาก ๓ สาเหตุด้วยกัน
สาเหตุที่หนึ่ง คือเราเผลอใช้สายตาเพ่งโดยไม่รู้ตัว
สาเหตุที่สอง เขาเรียกว่าขันธมาร ก็คือร่างกายกลั่นแกล้ง
ส่วนสาเหตุที่สาม เกิดจากไฟฟ้าสถิต มันรวมอยู่ตรงจุดที่เรียกว่าตาที่ ๓ มากไป วิธีง่ายที่สุดก็คือหาอะไรเย็น ๆ มาแปะสักหน่อย หายแล้วก็เริ่มต้นใหม่

ถาม : หนูรู้สึกว่าเป็นเวทนา เข้าใจว่าคุมร่างกายไม่ได้นะคะ แต่ว่า...?
ตอบ : ไม่มีใครคุมร่างกายได้ เพียงแต่เขาไม่สนใจร่างกายเท่านั้น คำว่า คุมร่างกาย หมายถึงว่าเราสั่งงานร่างกายทุกอย่างได้ ซึ่งเป็นไปไม่ได้ มีทางเดียวก็คือระงับ คือไม่ไปสนใจมัน ถ้าไม่ไปสนใจร่างกาย อาการจะแย่เท่าไรก็เรื่องของร่างกาย เราก็ทำงานของเราไป

เถรี
28-08-2019, 22:53
ถาม : วิธีทำงานแล้วไม่ให้เครียดไปกับงาน ทำอย่างไรคะ ?
ตอบ : อันดับแรกก็คือไม่ตั้งความหวัง เพราะว่าส่วนใหญ่ที่เราทำงาน ก็คือเรามีความหวัง หวังว่าจะได้เลื่อนขั้น หวังว่าจะได้ตำแหน่ง
วิธีที่สอง คืออย่าไปรับแรงกดดัน จะเร่งใช่ไหม ? ได้..นั่งรอสักพักนะ อยากเร่งก็เร่งไป เราก็ทำของเราไปเรื่อย ๆ

ถาม : แต่เจ้านายเขาคาดหวังค่ะ ?
ตอบ : ก็ปล่อยเขาคาดหวังไปสิ "รอเดี๋ยวค่ะ เดี๋ยวเสร็จ" เคยเห็นไหม ? ร้านค้าบางร้านขายนี่ดีมากเลย ไอ้โน่นก็ตะโกนสั่ง ไอ้นี่ก็ตะโกนสั่ง อาแปะก็ “ฮ่อ ๆ รอเหลียว เหลียวไล่” อาแปะแกไม่รับแรงกดดันใด ๆ ทั้งสิ้น แกก็ทำของแกไปเรื่อยนั่นแหละ

ถาม : ตั้งใจทำแต่อย่าไปกดดันมากใช่ไหมคะ ?
ตอบ : อย่าไปใส่ใจกับแรงกดดัน รับปากทุกเรื่อง ส่วนทำได้แค่ไหนอยู่ที่เรา แต่ไม่ใช่นิสัยของหลวงพ่อนะ เพราะว่านิสัยหลวงพ่อคือรับปากแปลว่าต้องเสร็จ แล้วต้องดีด้วย

เถรี
28-08-2019, 22:58
พระอาจารย์กล่าวว่า “บรรพบุรุษของเราเลือกกรุงเทพมหานครเป็นเมืองหลวงเพราะว่าฝนฟ้าตกต้องตามฤดูกาล เนื่องจากสมัยก่อนต้องทำนา คราวนี้พวกเราเลิกทำนามาปลูกตึก ฝนก็ยังคงตกตามฤดูกาล ในเมื่อระบายไม่ทันก็มีปัญหา ต้องบอกว่าโบราณเขาเก่ง...เลือกสถานที่ได้ถูกต้อง แต่ลูกหลานเหลนอย่างพวกเราเอาไปใช้ผิดประเภท แทนที่จะทำไร่ทำนา เราก็ไปปลูกตึก

สมัยก่อนขุดคลองเอาไว้มากเพื่อจะได้ช่วยระบายน้ำ เราก็ไปถมคลองทำถนน สารพันปัญหาก็เลยตามมา แล้วบ้านเราจะทำอะไรก็ขาดการศึกษาอย่างถ่องแท้ ทำอุโมงค์ยักษ์ระบายน้ำก็เลยกลายเป็นสิ้นเปลืองงบประมาณเสียเปล่า ๆ แทบจะไม่ได้ช่วยอะไรในการระบายน้ำเลย อุโมงค์จะระบายน้ำได้ก็ต่อเมื่อท่อย่อยไม่ตัน

คราวนี้ท่อย่อยตัน ไม่มีการเตรียมการตั้งแต่หน้าแล้ง ต่อให้เตรียมการ บ้านเราก็ยังมักง่าย ทิ้งขยะไม่เป็นที่เป็นทาง พอทิ้งขยะส่งเดช ถึงเวลาก็ลงท่อ รวมกันมาก ๆ ก็ท่อตัน วันดีคืนดีหลุดลงคลองไปได้ คนก็ตกใจว่าขยะมาจากไหนมากมาย มาจากความมักง่ายของพวกเรานั่นแหละ

ที่วัดท่าขนุนเคยมีเด็กตัวเล็ก ๆ น่าจะประมาณ ๓-๔ ขวบ กำมือเดินตามแม่ไปเรื่อย จนกระทั่งเจอถังขยะถึงได้ทิ้ง นั่นพ่อแม่เขาสอนมาดีมาก ว่าต้องทิ้งขยะเป็นที่เป็นทาง ผู้ใหญ่เห็นแล้วอายเขา โดยเฉพาะที่วัดท่าขนุนเป็นถังขยะแยกประเภท ผู้ใหญ่ยังทิ้งไม่ค่อยจะถูกถังเลย”

เถรี
28-08-2019, 23:00
พระอาจารย์กล่าวว่า “เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา อยู่ ๆ ก็เป็นข่าวดังแบบไม่รู้ตัว ก็คือพระยิงพระด้วยกันมรณภาพ เจ้าคณะอำเภอบอกว่าสายเกือบไหม้ ทั้งทางคณะสงฆ์ ทั้งทางบ้านเมือง ทั้งนักข่าวโทรมาทั้งวัน ถามว่าสาเหตุที่แท้จริงคืออะไร

ความจริงเรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อ ๒ ปีที่แล้ว เกิดจากพระกาญจน์ที่ไปยิงเขาตาย เขามายื่นหนังสือฟ้องกับอาตมาเอง ยื่นฟ้องกับพระครูวิลาศกาญจนธรรม เจ้าคณะตำบลท่าขนุน เขต ๒ ว่าพระครูพิสุทธิ์กาญจนาภรณ์ เจ้าคณะตำบลท่าขนุน เขต ๑ ทำไสยศาสตร์ใส่เขา เพราะว่าเขาเป็นตุ่มไปทั้งตัว นอนไม่ค่อยได้ คันไปหมด

อาตมาก็ว่าท่าจะไม่ดีกระมัง ท่านอาจารย์วิสุทธิ์จะทำอะไรเป็นนอกจากดูหมอ ก็เลยบอกกับท่านว่า “อันดับแรก ตั้งแต่คบหาสมาคมกันมา ไม่คิดว่าท่านอาจารย์วิสุทธิ์จะทำไสยศาสตร์ใส่ใครได้ ประการที่สอง คุณฟ้องผิดที่ วัดอู่ล่องอยู่ในเขตตำบลชะแล เขต ๑ คุณจะมาฟ้องที่ท่าขนุน เขต ๒ ไม่ได้ ถือว่าฟ้องผิดเจ้าคณะ ถ้าจะฟ้องต้องไปฟ้องหลวงพ่อพระครูอุทัย (พระครูสุวิมลกาญจนวัฒน์) เจ้าคณะตำบลชะแล เขต ๑”

เถรี
28-08-2019, 23:01
“พระกาญจน์ท่านก็ออกจากวัดไป อาตมาก็โทรหาเจ้าคณะอำเภอกับพระครูวิสุทธิ์ ทั้งสองรูปมาตอนกลางคืนเลย ท่านบอกว่า “ท่านอาจารย์..ผมว่าท่าจะไม่ค่อยดีนะ” “ใช่ครับ ผมดูท่าว่าจะไม่ดี ท่านเหมือนกับไม่เต็ม ทำอย่างไรจะให้ท่านไปพ้น ๆ ทองผาภูมิเราไปก่อน ?” เจ้าคณะอำเภอท่านบอกว่า “คงต้องใช้ตำรวจทหารจัดการ” ก็เลยโทรไป ปรากฏว่าทางทหารเขามาช่วยเอาตัวออกนอกพื้นที่ หายไป ๒ ปีก็กลับมาใหม่

กลับมาคราวนี้ต้องบอกว่า เป็นความเฮงของท่านวันชัย เพราะว่าเขาย้อนกลับไปที่วัดโชคผาสุกิจ ซึ่งพระครูวิสุทธิ์ท่านอยู่ประจำ พอเจอท่านวันชัย ท่านก็ยิงเลย ใช้ปืนลูกซองไทยประดิษฐ์ ซัดตูมเข้าไปให้ ๙ เม็ดเต็ม ๆ ตอนที่ไปงานศพท่านวันชัย ยังปรารภกับพระครูวิสุทธิ์ว่า “ท่านตั้งใจยิงคุณนะ” ท่านบอกว่า “ใช่ครับ เขาบอกตำรวจเลยว่า เจอใครก็ยิง”

ตำรวจเขาจับสึกแล้วดำเนินคดี แต่ที่เสียดายคือท่านวันชัย อายุ ๕๓ ปี พรรษา ๓๓ คือบวชตั้งแต่เป็นเณร แล้วอีกนานเท่าไรกว่าเราจะได้พระพรรษา ๓๓ มาอีกสักรูปหนึ่ง ? ญาติโยมให้ความศรัทธามาก เพราะว่าบวชตั้งแต่เป็นเณร งานศพมีโยมไปเป็นพันเลย ทั้ง ๆ ที่เป็นพระลูกวัดธรรมดา”

เถรี
28-08-2019, 23:03
“ส่วนทิดกาญจน์ที่สึกไป ชาวบ้านเขาวิเคราะห์ว่า ทิดกาญจน์ไปฝึกหลอมปรอท น่าจะแพ้สารปรอท ก็เลยเกิดเป็นตุ่มพุพองขึ้นมาในตัว แล้วก็ดันไประแวงว่าคนอื่นทำตัวเอง ก็คงเห็นว่าหลวงพ่อพระครูวิสุทธิ์มีญาติโยมขึ้นเยอะ มีการทำพิธีโน่นนี่ สะเดาะเคราะห์ต่าง ๆ ตามแบบของหมอดู ไอ้นี่ต้องทำกูแน่เลย เขาสรุปง่าย ๆ แบบนั้นแหละ

แล้วที่ดวงเฮงที่สุดคือพระครูวิลาศกาญจนธรรม พอขึ้นเป็นรองเจ้าคณะอำเภอทองผาภูมิไม่กี่วันเอง ทางด้านนี้ยิงกันตาย ท่านพ้นจากตำแหน่งไปแล้ว แหม..กูเกือบจะซวยไปด้วย..! เพราะว่าดูแลวัดนั้นอยู่ ...(หัวเราะ)... คือวัดโชคผาสุกิจอยู่เขตปกครองคณะสงฆ์ตำบลท่าขนุน เขต ๒ แต่ท่านอาจารย์วิสุทธิ์เป็นเจ้าอาวาสวัดอู่ล่อง อยู่ในเขตชะแล เขต ๑ แล้วลุงกมล ใจมั่น ถวายที่ไว้ให้ ท่านอาจารย์วิสุทธิ์จึงมาสร้างวัดโชคผาสุกิจขึ้นมา ก็เลยกลายเป็นคาบเกี่ยวกันอยู่ระหว่างสองพื้นที่ ก็คือวัดเก่าอยู่ในเขตตำบลชะแล เขต ๑ วัดใหม่อยู่ในเขตตำบลท่าขนุน เขต ๒”

เถรี
28-08-2019, 23:05
“ก่อนหน้านั้นแค่ไม่กี่วัน ระหว่างที่เจริญกรรมฐานช่วงเช้า มีเสียงพระท่านบอกว่า “จะมีผู้ปองร้ายผู้ใต้บังคับบัญชาถึงตาย” อาตมาเองก็..ตายละวา..แล้วใครก็ไม่บอก เลยไล่แจกอาวุธ ก็คือแจกเบี้ยแก้ มีดหมอ ให้กับพระของวัดท่าขนุนที่ไปเป็นเจ้าอาวาส ไปเป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาสหลายรูป หมดไปเยอะเลย ถ้าคิดเป็นมูลค่าตามท้องตลาดก็หลายแสน

แต่ปรากฏว่าพอเรื่องตูมขึ้นมา อาตมาก็เอ๊ะ..อ๋อใช่ ถ้ายังเป็นเจ้าคณะตำบลท่าขนุน เขต ๒ อยู่ ท่านวันชัยก็เป็นผู้ใต้บังคับบัญชา เพราะว่าท่านอยู่วัดโชคผาสุกิจ ตอนนี้เป็นรองเจ้าคณะอำเภอ ท่านก็เป็นผู้ใต้บังคับบัญชา เพราะว่าทั้งอำเภอเท่ากับอยู่ใต้การปกครอง การใบ้หวยแบบนี้อาตมาตีออกทะเลหมดเลย ...(หัวเราะ)...

เรื่องไม่คาดฝันบางทีก็เกิดขึ้นในวงการสงฆ์แบบนึกไม่ถึง ใครจะไปนึกว่าท่านจะไปตัดสินคนง่าย ๆ แล้วก็บอกตำรวจแบบไม่สะทกสะท้านเลยว่าเจอใครก็ยิง ที่น่าเสียดายมากเพราะว่าพระท่านพรรษาขนาดนั้น พวกเรากำลังเล็งมองกันอยู่ ว่าจะให้ท่านเป็นเจ้าอาวาสในวัดซึ่งมีชาวมอญเยอะ ๆ เพราะว่าท่านวันชัยเป็นมอญ ยังไม่ทันจะได้ใช้งานเลย...มรณภาพเสียแล้ว”

เถรี
28-08-2019, 23:06
พระอาจารย์กล่าวว่า “ใครที่เป็นฝ้า จะฝ้าเลือด ฝ้าลมอะไรก็ช่าง อย่าไปเสียเวลารักษา เพราะว่าเป็นที่เลือดลมข้างใน เอายาทาข้างนอกไปก็ไร้ประโยชน์ ให้ไปฝึกโยคะ วิธีหายใจแบบโยคะจะช่วยฟอกเลือดลมของเราให้สะอาดขึ้น แล้วฝ้าจะหายไปเอง หรือถ้าขี้เกียจฝึกโยคะก็นั่งสมาธิ ถ้าถึงปฐมฌานละเอียดขึ้นไปก็หายไปเอง เพราะว่าถึงจุดนั้นแล้ว ลมหายใจจะละเอียด ลึก และยาว ก็จะฟอกธาตุขันธ์ภายในได้เองเหมือนกัน

ถ้าไปฝึกซ้อมหายใจแบบโยคะ เขาให้หายใจเข้า ๓๐ วินาทีเป็นอย่างน้อย หายใจออก ๓๐ วินาทีเป็นอย่างน้อย หายใจลงท้อง หายใจลงปอดช่วงล่าง หายใจลงปอดช่วงบน..สารพัดเลย ถ้าไม่เคยหัด บอกไปแค่นี้คงตาย ทำกันไม่ได้หรอก ...(หัวเราะ)...”

เถรี
28-08-2019, 23:08
พระอาจารย์กล่าวว่า “สมัยก่อนคนท้องเขาให้ดูแต่สิ่งสวย ๆ งาม ๆ สมัยนี้อาตมาว่าที่เหมาะกับคนท้องที่สุดก็คือเสียงสวดแบบทิเบต โดยเฉพาะเสียงเด็ก ๆ สวด เพราะมากเลย ฟังแล้วเพลิน ลูกในท้องพลอยได้ไปด้วย ดีไม่ดีได้ภาษาทิเบตตั้งแต่ยังไม่ทันจะคลอด ...(หัวเราะ)... เดี๋ยวนี้เขามีให้โหลดเยอะแยะไปหมด ฟังแล้วสุขภาพจิตของแม่ดี ลูกก็ดีไปด้วย ถึงเวลาก็ก่อนนอนไหว้พระ เปิดเสียงสวดไป

อย่างทางด้านเหนือเขาก็มีชินบัญชรล้านนา นั่นก็เพราะมากเลยนะ เปิดไว้ในบ้านเถอะ เทวดามาฟังกันเพียบเลย แต่ว่าเนื้อหายาวกว่าชินบัญชรภาคกลางมาก เพราะว่ามีหัวมีท้ายด้วย ชินบัญชรเป็นไส้กลางเท่านั้นเอง ต้องบอกว่าปราชญ์ทางล้านนาของเราเก่งมาก สามารถแต่งต่อปิดหัวปิดท้ายได้

นักปราชญ์ล้านนาสมัยพระเจ้าติโลกราชนี่สุดยอดมาก มังคลัตถทีปนีของพระสิริมังคลาจารย์ยังใช้งานอยู่จนทุกวันนี้ สอบประโยค ๘ เมื่อไรก็เจอมังคลัตถทีปนีเมื่อนั้นแหละ”

เถรี
28-08-2019, 23:08
พระอาจารย์กล่าวว่า “ถ้าไม่ไปผูกสัมพันธ์ กรรมก็ต่อไม่ได้ ก็จบอยู่แค่นั้นแหละ”

เถรี
28-08-2019, 23:09
พระอาจารย์กล่าวกับพระว่า “มหาเถรสมาคมท่านทำงานแต่ละอย่างนี่เคยถามพวกเราไหม ? ตั้งกองผ้าป่าทุนเล่าเรียนหลวง ทุนเล่าเรียนหลวงก็หลวงจ่ายสิวะ..! กลายเป็นหลงประเด็น ก้าวล่วงพระราชอำนาจหรือเปล่าก็ไม่รู้ ?

ของเดิมในหลวงรัชกาลที่ ๙ ถวาย คราวนี้จะจัดสรรจากส่วนไหนก็ต้องดูว่าเป็นสำนักพระราชวังหรือว่าอะไร จะเป็นมูลนิธิราชประชาสมาสัย มูลนิธิราชประชานุเคราะห์อะไรก็ว่าไป คราวนี้อยู่ ๆ มามีมติให้พระเราตั้งผ้าป่าทุนเล่าเรียนหลวง แล้วจะเป็นทุนเล่าเรียนหลวงได้อย่างไร ? ต้องเป็นผ้าป่าจากคณะสงฆ์สิครับ”

เถรี
28-08-2019, 23:10
พระอาจารย์กล่าวว่า “พระปิดตาหลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์ ปกติองค์เดี่ยว ๆ ราคาก็เลข ๘ หลัก คือสิบล้านขึ้น ส่วนองค์นี้เป็นองค์สามเกลอหันหลังชนกัน หลวงพ่อแก้วท่านทำเอาไว้ประดับยอดบายศรี ถือเคล็ดว่าเป็นยอดเหนือคนอื่น ล้มไม่เป็นเพราะว่าค้ำทุกด้าน อาตมาออกไป ๕ แสนบาท ไม่นึกว่าจะมีคนกล้าบูชา แถมแย่งกันอีกต่างหาก..!

แต่พระปิดตาหลวงพ่อแก้วอันตรายนะ สมัยก่อนแค่ตำผงแล้วปลิวไปโดนสาวนี่ เขาตามยันบ้านเลย ยังไม่ทันจะเป็นองค์พระเลยนะ อาตมาสงสัยว่าทำไมราคาเป็นสิบล้านแล้วคนกล้าสู้ ก็เพราะว่าของท่านดีจริง สมัยก่อนท่านทำเอาไว้แลกไม้ซุงสำหรับสร้างศาลา เขาเรียกว่า “พระปิดตาแลกซุง” ใครต้องการก็ไปตัดไม้มา ๑ ต้น แลกพระ ๑ องค์ ไม้ท่านกำหนดไว้ด้วยนะว่าต้อง ๑๐ กำ ขนาด ๓ - ๔ โอบได้ ...(หัวเราะ)...”

เถรี
28-08-2019, 23:11
พระอาจารย์กล่าวว่า “ตอนนี้งานใหญ่ ๒ งานมาติดกันก็คือ สร้างวิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรี อาคารหลังแรก ๕๐ ล้านบาท กับสร้างพิพิธภัณฑ์วัดท่าขนุน ประมาณการแรกเริ่มอยู่ที่ ๕๐ ล้านบาท วันศุกร์ที่ผ่านมาเซ็นสัญญาออกแบบไป ๒.๔ ล้านบาท เจอ VAT ร้อยละ ๗ เข้าไปอีกเกือบ ๒ แสนบาท ก็คือบริษัทของเขาพอถึงเวลาต้องจ่ายภาษีมูลค่าเพิ่มก็กลายเป็นภาระเป็นของลูกค้า ก็คืออาตมาเองนั่นแหละ

ออกแบบ ๒.๔ ล้านบาท ก่อสร้างประมาณการขั้นต้น ๕๐ ล้านบาท แต่อาตมาว่าเกินแน่นอน เพราะว่าคราวที่แล้วที่สร้างศาลาร้อยปีหลวงปู่สาย ประมาณการขั้นต้น ๔๐ ล้านบาท ทำเสร็จหมดไป ๘๓ ล้านกว่า..! ถามเขาว่า “ทำไมประมาณการได้ห่วยแตกขนาดนี้ เกินไปเป็นเท่าตัว ?” เขาบอกว่า “ถ้าบอกทีเดียว เดี๋ยวหลวงพ่อไม่ทำครับ” เข้าท่านะ..สารภาพตรง ๆ ดีเหมือนกัน..!”

เถรี
01-09-2019, 08:57
ถาม : หนูไปส่งพระที่ชะอำ รถหนูถูกชน ตัวหนูไม่ได้เป็นอะไรเลย แต่หนูจำทางไม่ได้ ส่วนพี่อีกคนที่นั่งมากับหนูก็มีอาการช้ำใน ต้องพาไปโรงพยาบาล รถกระบะวิ่งมาชนที่ประตูอย่างแรงฝั่งคนขับ ซึ่งหนูเป็นคนขับ แต่ไม่เป็นอะไรเลย เลยไม่รู้ว่าเป็นเพราะอานุภาพยันต์เกราะเพชรด้วยไหม ? ที่แปลกคือหนูจำความไม่ได้เลย หนูก็เลยถามพี่อีกคนว่าหนูสลบไปหรือเปล่า เขาก็บอกว่าหนูไม่ได้สลบ ยังออกมายกแขนยกขาเหมือนไม่ได้เป็นอะไร เขาก็เลยไม่ได้พาหนูไปโรงพยาบาล หนูเป็นอะไรคะ ?
ตอบ : ระบบร่างกายเราตัด แบบที่คนไข้บางคนช็อค เพราะว่าระบบร่างกายจะตัดเอง บางทีสมาธิทรงตัว ตัดแค่ตรงจุดนั้นเอง เพราะว่าเข้าถึงตรงจุดหยาบ ในเมื่อสติตามไม่ทันเลยจำอะไรไม่ได้

ถาม : คนในเหตุการณ์เขาตกใจกันมาก ถามว่าหนูห้อยพระอะไร แต่หนูไม่ตกใจ เพราะว่าจำเหตุการณ์อะไรไม่ได้เลย ร่างกายก็ไม่เจ็บ ไม่มีแผลเลย ขณะที่รถที่มาชนหม้อน้ำแตก คิดว่าเป็นเพราะอานุภาพยันต์เกราะเพชรค่ะ ?
ตอบ : เป็นอันว่าครูบาอาจารย์ท่านสงเคราะห์ พระท่านสงเคราะห์ก็ดีแล้ว คราวหน้าชวนกันไปอีก จะได้ช้ำในหน่อย ถ้าไม่ได้พกพระอะไรเลย ค่อยถือว่าเป็นอานุภาพของยันต์เกราะเพชร

เถรี
01-09-2019, 08:58
พระอาจารย์กล่าวกับญาติโยมบางคนว่า “ทำตัวทำใจให้เหมือนกับลม ลมพัดไปทุกที่ในโลกโดยไม่ติดอยู่ในที่ใด ๆ มีใครเห็นลมติดอยู่ตรงไหนบ้าง ? ถึงเวลาแล้วแรงกระทบจะเกิดขึ้นกับเรา แค่ตัวกูของกูก็แย่แล้ว ไปเอาของข้างนอกมาเป็นของกูอีก ท้ายสุดก็มีกระทั่งที่นั่งกู...ทุเรศนะ”

เถรี
01-09-2019, 08:59
พระอาจารย์กล่าวกับโยมคนหนึ่งว่า “อยู่มานาน ต้องยิ่งอยู่ยิ่งก้าวหน้า ไม่ใช่อยู่มานานแล้วก็ให้คนอื่นเขาแซงไปเรื่อย วิธีก้าวหน้าก็คือต้อง อัตตนา โจทยัตตานัง กล่าวโทษโจทย์ตัวเองไว้เสมอ อย่าเข้าข้างตัวเอง ให้คิดอยู่เสมอว่า กาย วาจา ใจ ที่ดีกว่านี้ยังดีมีอยู่ เราต้องทำ กาย วาจา ใจ เหล่านั้นให้ได้”

เถรี
01-09-2019, 09:00
พระอาจารย์กล่าวว่า “ลูกศิษย์สายหลวงพ่อวัดท่าซุง ไปไหนก็คล้าย ๆ กัน เพราะฉะนั้น..ถึงจะมาครั้งแรก เดี๋ยวก็ชินไปเอง แต่ที่ไม่ชินจะมีอยู่อย่างหนึ่งก็คือโดนด่า ถ้าโดนด่า อย่างไรก็ไม่ชิน..!”

เถรี
01-09-2019, 18:45
พระอาจารย์กล่าวว่า “เลี้ยงลูกอย่าทะนุถนอมมากเกินไป ลงมือลงเท้าบ้าง ปล่อยเขาไปคลุกดินคลุกทรายบ้าง เลี้ยงดีเกินไปเดี๋ยวลูกจะเอาตัวไม่รอด ให้เขารู้แต่เนิ่น ๆ ว่าโลกนี้โหดร้ายกว่าที่คิด ต้องบอกว่าเป็นโลกของคนกินคน แม้กระทั่งเด็กเพิ่งเข้าเรียนอนุบาลก็รังแกกันจะเป็นจะตายแล้ว ถ้าไม่ใช่รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี ก็ต้องแข็งแกร่งกว่าเขา ถามว่าอย่างนี้คือนิสัยของสัตว์เดรัจฉานใช่ไหม ? ก็คนเราก็ใกล้เข้าไปทุกวันแล้ว ไม่กลัวความดี..แต่กลัวคนที่ชั่วกว่า..!

เพิ่งจะกึ่งพุทธกาลมานิดหน่อย อะไรที่เป็นอรรถเป็นธรรมก็ไม่ค่อยจะเอากันแล้ว ทำทุกอย่างเพื่อประโยชน์ของพวกพ้องและตัวกูเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นหลักการ ศีลธรรม คุณธรรม จริยธรรม ก็ไม่เอาแล้ว พวกเราที่ยังอยู่ในศีลกินในธรรมกลายเป็นพวกแปลกแยกจากสังคม เข้ากับเขาได้ยาก..อนาถมาก..!

ถ้าใครดูเรื่องเพชรพระอุมา แงซายที่เป็นตัวเอกหนึ่งในสอง เขาบอกกับรพินทร์ว่า หลวงปู่พระธุดงค์ท่านสอนว่า ‘เจ้าจงตื่นในขณะที่โลกหลับ’ แต่คราวนี้เราตื่นอยู่ ในขณะที่เขาหลับกันทั้งโลกนี่..อนาถมาก คือไม่รู้ว่าจะปลุกอย่างไรให้เขาตื่น ก็ต้องดูเขาเดินละเมอลงเหวไปเรื่อย ๆ ตะโกนกันเสียงแหบเสียงแห้งก็ไม่ฟัง”

เถรี
01-09-2019, 19:49
พระอาจารย์กล่าวว่า “ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่สร้างขยะต่อคนต่อหัวมากที่สุดในโลก เพราะว่าเขาเน้นการบรรจุให้สวยงามน่าซื้อ ทั้งที่ของบางอย่างก็ไม่ได้ดีมากอะไร เพราะว่า P ก็คือ product สินค้าน่าสนใจ price ราคาเป็นที่น่าสนใจ package การบรรจุหีบห่อน่าสนใจ promotion การโฆษณา หรือว่าเพิ่มเติมเงื่อนไขให้น่าสนใจในสินค้าของเขา ถ้ามี P สี่ตัวนี้ครบ นักการตลาดเขาบอกว่าขายได้ทุกอย่าง ญี่ปุ่นเขาเลยเน้นการบรรจุหีบห่อเป็นพิเศษ กลายเป็นประเทศที่สร้างขยะต่อคนมากที่สุดในโลก”

ถาม : ค่าเงินบาท ...(ไม่ชัด)... ?
ตอบ : แพงหูดับครับ ผมเจอกาแฟแก้วละ ๕๐๐ เยนมาแล้ว เกือบ ๆ ๑๘๐ บาท กาแฟธรรมดาบ้านเรานี่แหละ รู้สึกว่าบ้านเขา ของทุกอย่างจะเริ่มต้นที่ ๓๐๐ เยน ยกเว้นพวกเครื่องดื่มที่หยอดจากตู้ แบบนั้นค่อยมี ๑๒๐–๑๓๐ เยน กินอาหารบ้านเขามื้อหนึ่งก็ต้องคิดแล้วคิดอีก ไกด์เคยเตือนว่า “หลวงพ่อ..อย่าไปคิดเป็นตัวเลข คิดเป็นเงินไทยแล้วไม่มีความสุขหรอก”

ตอนนั้นไปยุโรป น้ำขวดหนึ่ง ๒ ยูโร ๘๐ บาท บ้านเรา ๑๐ บาทก็บ่นแล้วใช่ไหม ? เขาบอกว่า “หลวงพ่อ..อย่าไปคิดอย่างนั้น เราต้องคิดว่า ๒ บาท” กูพยายามแล้วแต่กูคิดไม่ได้..! ไปเจอน้ำแร่ขวดหนึ่ง ๖ ยูโร ๒๔๐ บาท โอ้โฮ..สะดุ้งสุดตัว บ้านเรา ๒๕ บาทนี่บ่นกันเสียไม่มี แล้วไปซื้อน้ำบ้านเขา เขาไม่ขายง่าย ๆ นะ พอบอกไปซื้อน้ำเปล่า pure aqua เขาไม่ขาย เขาไล่ไปกินในห้องน้ำเลย เขาว่าเราบ้าหรือเปล่าไปซื้อน้ำ ? ที่ไหนก็มีกิน

เถรี
01-09-2019, 19:50
ถาม : พระพุทธศาสนาในญี่ปุ่น ?
ตอบ : พระพุทธศาสนาในญี่ปุ่นนั้นสับสน เพราะว่าคนญี่ปุ่นไม่ยึดติด คนญี่ปุ่นนั้น เด็กเกิดอาจจะทำพิธีแบบชินโต แต่แต่งงานแบบคริสต์ ถึงเวลาตายแล้วฝังแบบพุทธ ยุ่งจะตายชัก คล้าย ๆ กับเนปาล เนปาลก็ไม่ยึดติด ศาสนาอะไรดีกูเอาหมด

ถาม : เป็นคล้าย ๆ ศาลเจ้า ?
ตอบ : อย่าลืมว่าศาลเจ้าก็คือเทวาลัย เทวาลัยก็จัดเป็นพุทธานุสติ แต่ถ้าประมาณศาลเจ้าจิ้งจอกนั่นก็เกินไปเหมือนกัน โอ้โฮ..ขลังอย่าบอกใครเลย ใครบนแล้วสำเร็จ ก็ไปสร้างซุ้มประตูให้เขาอันหนึ่ง เจ้าประคุณเอ๋ย..ซุ้มประตูเขายาวเป็นกิโลฯ เดินนับกันไม่หวาดไม่ไหว ไปถามว่า “เอ็งเป็นอะไรวะ..ถึงได้ขลังขนาดนี้ ?” เขาเป็นอชคราทิเปรต เป็นเปรตที่มีอิทธิฤทธิ์มาก ถ้าหากว่าเป็นเทวดาชั้นต่ำ ๆ ยังต้องหลีกให้เขาเลย

เถรี
01-09-2019, 20:23
ถาม : ยกกำลังใจไปสวดคาถาเงินล้านที่พระนิพพาน ถ้าสวดไปแล้วสวดไม่จบ ไม่อยากสวดต่อ ต้องพยายามสวดให้จบไหมครับ ?
ตอบ : ถ้ากำลังไม่ไหวจริง ๆ ได้แค่ไหนก็ต้องพอใจแค่นั้น ถ้าไม่จบแล้วเขาไม่เอาด้วย แสดงว่าบารมีไม่ถึง สัจจบารมีพร่องเยอะมาก

ถาม : เหมือนกับว่าเราอยากอยู่กับพระแล้ว ไม่อยากท่องแล้ว ?
ตอบ : ประมาณว่าเข้าสมาธิเป็น แต่ออกไม่เป็น ถ้าหากว่าเราหยุดไว้ในระดับที่พอดีก็จะทำงานได้ ของเราเข้าลึกไปก็จะนิ่งอย่างเดียว

เถรี
01-09-2019, 20:27
ถาม : บทที่ว่า ธรรมใดเกิดแต่เหตุ พระพุทธเจ้าทรงแสดงเหตุแห่งธรรมเหล่านั้น และความดับแห่งธรรมเหล่านั้น ทำไมท่านถึงพูดแต่เหตุ ไม่ต้องมีผลหรือครับ ?
ตอบ : ท่านพูดถึงเกิดกับดับ เหตุคือการเกิด การดับก็คือดับ เพราะฉะนั้น..อะไรเกิด สิ่งนั้นต้องดับ อะไรมี ก็ต้องพัง

ถาม : บทนี้ไม่ใช่เหตุกับผลหรือครับ ?
ตอบ : คุณจะใช้คำไหนก็ตาม ก็สรุปรวมตรงนี้ เพราะฉะนั้น..เราแค่เปลี่ยนคำพูดเท่านั้นเอง ต้องเข้าใจคำว่า ไวพจน์ คือคำที่ใช้แทนกันได้

เถรี
01-09-2019, 20:39
ถาม : วันศุกร์ส่งใจมาที่นี่แล้วมีคนเห็นเราด้วยตาเนื้อ กำลังใจของเขาตอนนั้นเป็นอย่างไรถึงได้เห็นคะ ?
ตอบ : ลงร่องพอดี เป็นกำลังใจมากกว่าตอนนี้นิดเดียว แทบจะทำอะไรตามปกติทุกอย่างด้วยซ้ำไป เพียงแต่ว่าใส่ความอยากรู้ หรือไม่ก็บางทีเผลอ ๆ ลงร่องเองก็ได้แล้ว

ถาม : แปลว่าเขาภาวนาอยู่ตลอด ?
ตอบ : ไม่จำเป็น แค่ตั้งใจมากกว่าปกตินิดเดียวก็พอแล้ว ส่วนใหญ่ที่ไม่รู้เห็นกันเพราะว่าเราตั้งใจมากเกินไป

เถรี
01-09-2019, 21:00
พระอาจารย์กล่าวว่า “การสร้างวัตถุมงคล ต้องคำนึงอันดับแรกก็คือ ความเคารพในพระรัตนตรัย อย่าเผลออย่าพลาด ถ้าพลาดเมื่อไรกลายเป็นเราปรามาสโดยไม่รู้ตัว อย่างที่สองก็คือ สร้างให้สวยที่สุดเท่าที่จะสวยได้ คนเห็นของสวยแล้วจะชอบใจ อย่างที่สาม อย่างสุดท้าย..อย่าสร้างให้ออกนอกพระพุทธศาสนามากนัก บางวัดทั้งปลัดทั้งอะไรต่อมิอะไร มาเยอะแยะไปหมด

อะไรที่ออกนอกทุ่งนอกท่า นอกพระพุทธศาสนา อย่างบางสายเขาตำหนิเรื่องพรหม เรื่องเทวดา เราจะเห็นว่าหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านสร้างเหรียญ ท่านก็เอาท้าวเวสสุวรรณไว้หลังรูปท่าน คนจะว่าตรง ๆ ก็ว่าไม่ได้ เพราะว่าอย่างไรก็เป็นรูปพระสงฆ์

ดังนั้น..ไม่ใช่ว่าทำไปเรื่อยเปื่อย จะทำก็ต้องมีหลักยึดว่า ทำเพื่อค้ำจุนพระศาสนา ไม่ใช่ว่าทำแล้วกลายเป็นตัวทำลายพระศาสนา

ระยะหลังพวกที่รู้มากเขาโจมตีพวกเครื่องรางของขลังมากขึ้นเรื่อย ๆ ส่วนใหญ่จะเอาธรรมะบริสุทธิ์ อยากจะถามว่าในชีวิตประจำวัน คนเข้าร้านขายข้าวแกงกับคนเข้าร้านเพชรมีต่างกันเท่าไร ? ในเมื่อคนเข้าร้านข้าวแกงมากกว่า จะให้คนไปเข้าร้านเพชรก็เป็นไปไม่ได้ มีทางเดียวคือ ทำอย่างไรให้คนกินข้าวแกงรู้ว่าเพชรมีคุณค่า สักวันหนึ่งเขาจะได้แวะไปซื้อหาของเขาเอง”

เถรี
01-09-2019, 21:10
ถาม : ภาวนาแล้วหัวใจเต้นเร็ว เหนื่อย ?
ตอบ : ลักษณะนั้นจะเป็นการออกไปแบบเต็มกำลังของมโนมยิทธิ คือสภาพจิตรวมตัว ต้องเร่งพลังงานเพื่อที่จะเหวี่ยงเราออกไป บางทีก็เลยเหมือนกับหัวใจเต้นเร็วขึ้น อันนี้เป็นอาการปกติ คนไม่เข้าใจบางทีไปกลัว ต้องนึกถึงคำที่หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอกว่า “ตายลงไปเราก็ยอม” ถ้าหากว่าเราทำใจได้ถูกก็หลุดไปแบบเต็มกำลังเลย นั่นเป็นอาการเบื้องต้น ปล่อยอีกหน่อยเดียวก็ไปแล้ว

ถาม : ขาดความมั่นใจ ?
ตอบ : ไม่ใช่ไม่มั่นใจ แต่ยังไม่มอบกายถวายชีวิตจริง ๆ ถ้ามอบกายถวายชีวิตจริง ๆ ก็ไปนานแล้ว

เถรี
01-09-2019, 21:11
วันที่ ๒๑ กันยายน พ.ศ. ๒๕๒๘ หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านฝึกทบทวนมโนมยิทธิเต็มกำลัง พระก็ไปนั่งรอ ตั้งเครื่องบูชาไหว้ครูแล้วก็นั่งภาวนารอท่าน อาตมาก็ภาวนาใช้มโนมยิทธิครึ่งกำลังของตัวเองไปเรื่อยเปื่อยตามแบบ ได้ยินเสียงหลวงพ่อท่านมาถึง ท่านถามว่า “เอ้า..พร้อมกันหรือยัง ?” เสียงโยมส่วนใหญ่บอกว่าพร้อมแล้ว “พร้อมแล้วก็ไปเลยสิ จะรออะไรกัน ?” พอได้ยินนี่เหมือนสัญญาณให้ออกจากเส้นสตาร์ท อาตมาก็ไปเลย ประเภทลงไปนอนเป็นท่อนไม้ ไม่รับรู้อะไรแล้ว นั่นคืออาการที่เชื่อแบบหมดใจ ในเมื่อท่านบอกว่าไปก็ไป ก็เท่านั้นเอง

เหมือนกับที่เด็กสองพี่น้องมาหาอาตมา อาตมาก็สอนมโนมยิทธิให้ไป สอนแทบตาย น้องกลับไปก็ไปนั่งภาวนา พี่ก็สงสัยว่าทำไมนั่งเงียบ ๆ เลยถามน้องว่าทำอะไร ? น้องบอกว่าไปดูนรก ดูสวรรค์ เด็ก ๕-๖ ขวบเองนะ พี่ถามว่าทำอย่างไร น้องก็บอกว่าให้หลับตาแล้วไปด้วยกัน แค่นั้นแหละ พี่เขาไปได้แล้ว อาตมาเองสอนแทบตาย..! ก็เพราะเขาเชื่อว่าถ้าหลับตาแล้วไปได้ เชื่อแบบหมดใจจริง ๆ เชื่อแบบเด็ก เชื่อแบบไม่ลังเลสงสัย

เถรี
01-09-2019, 21:12
เรื่องพวกนี้ต้องมีประสบการณ์บ่อย ๆ ก็จะคลำทางได้ถูก ถ้าไม่มีประสบการณ์ก็หกล้มหกลุกเสียหน่อยจะได้ดีขึ้น ถ้าไม่มีก็ไปไม่รอดหรอก

ขอให้มั่นใจว่ามโนมยิทธิของหลวงพ่อวัดท่าซุงเป็นของจริง เป็นของแท้ แต่ทำอย่างไรที่เราจะซักซ้อมให้ใช้งานได้ทุกเวลา และตัวที่ลืมไม่ได้โดยเด็ดขาดเลยก็คือ ไม่ใช่ความสามารถของเรา เป็นเรื่องของพระ เรื่องของพรหมเทวดา เรื่องของครูบาอาจารย์ท่านสงเคราะห์ เราเป็นผู้รับกระแสที่ผ่านลงมาเท่านั้น ท่านเมตตาสงเคราะห์ให้รู้เรื่องไหน ให้เห็นอะไร เราก็รับไว้ด้วยความเคารพ อย่าเอาใจไปปรุงไปแต่ง อย่าไปยินดียินร้ายด้วย ถ้าไปยินดียินร้ายด้วยเดี๋ยวก็เฝือ

เถรี
01-09-2019, 21:15
ถาม : สติคืออะไรครับ ?
ตอบ : รู้ตัว รู้ว่าตอนนี้เราคิดอะไร รู้ว่าตอนนี้เราทำอะไร รู้ว่าตอนนี้เราพูดอะไร โดยเฉพาะถ้าเป็นสติที่เป็นมหาสติก็จะรู้ทั่วพร้อมหมด

ถาม : ต้องมีสมาธิก่อนหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : สติจะช่วยประคับประคองให้เกิดสมาธิ สมาธิจะหนุนเสริมให้สติแหลมคมว่องไวยิ่งขึ้น

เถรี
01-09-2019, 21:18
ถาม : คำว่าสัมปชัญญะละครับ ?
ตอบ : เป็นอาการระลึกรู้ได้ อย่างเช่นว่า ตอนนี้เราหิว ตอนนี้เรากระหาย ตอนนี้เราร้อน ตอนนี้เราหนาว อดีตเราเป็นอย่างไร ปัจจุบันเป็นอย่างไร ถ้าหากว่าคนรู้ลึกซึ้งไป อนาคตเป็นอย่างไรก็รู้ สัมปชัญญะเป็นของคู่กับสติ สติคิดขึ้นมาได้ สัมปชัญญะรู้ว่าต้องทำอย่างไร

ถาม : ถ้าหากว่าเรามีสติสัมปชัญญะ เราก็จะคิดถูก พูดถูก ทำถูกใช่ไหมครับ ?
ตอบ : ไม่แน่...พวกที่คิดชั่ว พูดชั่ว ทำชั่ว ก็มีสติสัมปชัญญะ เพียงแต่ว่าเป็นในลักษณะของมิจฉาสมาธิ รู้ว่าจะต้องหนีตำรวจอย่างไร รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรถึงจะซิกแซกไปได้โดยที่ไม่โดนจับ ดังนั้น..ขึ้นอยู่กับการใช้งาน ก็เหมือนกับมีด ถ้าใช้หั่นผัก ใช้ผ่าฟืนก็แล้วไป แต่ถ้าเอาไปฟันชาวบ้านเขาก็เดือดร้อน

เถรี
01-09-2019, 21:20
ถาม : พวกที่ปรารถนาพุทธภูมิ จำเป็นไหมครับว่าต้องสร้างบารมีในโลกมนุษย์ สร้างบารมีอยู่ข้างบนได้ไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าหากว่าไปรอสร้างข้างบนนั่นเป็นการประมาทเกินไป โอกาสทำความดีข้างบนมีน้อยมาก เพราะว่ามักจะเผลออยู่กับความเป็นทิพย์ที่สุขสบายกว่ามนุษย์หลายเท่า มีอย่างเดียวก็คือตอนยากลำบากในโลกมนุษย์นี่แหละ ต้องตะเกียกตะกายทำให้มากที่สุด

ถาม : ถ้าเรามีอารมณ์เคารพกฎแห่งกรรมมาก ๆ ...(ไม่ชัด)... ?
ตอบ : ถ้าหากว่ามียถากัมมุตาญาณอย่างหนึ่ง หรือว่าเข้าถึงธรรมสักระดับหนึ่งจะเคารพกฎของกรรมโดยอัตโนมัติ แต่ถ้าหากว่าไม่มีก็ยากที่จะยอมรับกฎของกรรม

เถรี
01-09-2019, 21:21
โยมนำน้ำข้าวโพดมาถวายช่วงบ่าย “พระฉันหลังเพลไม่ได้ ข้าวโพดเป็นอาหาร ถ้าจะถวายพระ โดยเฉพาะพระธรรมยุต ให้ไปถวายก่อนเพล ถวายหลังเพลท่านไม่รับหรอก

ระยะหลังนี้หลายแห่งเขาถวายน้ำข้าวโพด น้ำฟักทอง น้ำเผือก น้ำถั่วเขียว..นี่เป็นอาหารทั้งนั้น ไม่ใช่ปานะ อะไรที่เป็นอาหาร พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า ถึงเป็นทำเป็นปานะก็ไม่ควร ดังนั้น..ให้ถวายก่อนเพล แต่ว่าบางท่านรู้ทั้งรู้ ก็กูอยากกิน กูก็กินไปเรื่อย ก็เลยผิดจนเป็นถูกไปแล้ว”

เถรี
01-09-2019, 21:22
ถาม : ทำบุญผ่านระบบ e-donation กับมาทำบุญที่นี่ บุญที่ได้จะเท่ากันไหมครับ ?
ตอบ : อยู่ที่กำลังใจของเรา ถ้ากำลังใจของเราตั้งใจสละออก กำลังใจตอนนั้นบางทีอาจจะบุญมากกว่าตอนนี้ เพราะว่าตอนนี้เราต้องเสียเวลาในการเดินทาง ถ้าไปเจออุปสรรคอะไร เกิดอารมณ์เสียขึ้นมา ดีไม่ดีบุญก็น้อยกว่า

ถาม : แล้วถือเป็นสังฆทานไหมครับ ?
ตอบ : ก็เป็นเหมือนกัน คุณตั้งใจอะไรก็เป็นอย่างนั้นแหละ หรือไม่ก็ระบุไปเลย เพราะว่าเขามีช่องให้ติ๊กว่าทำอะไร

เถรี
01-09-2019, 21:22
ถาม : ถ้าเราสร้างพระพุทธรูป ๒ องค์ไว้ที่เดียวกัน แต่องค์หนึ่งคนบูชามาก อีกองค์หนึ่งไม่ค่อยมีคนมาบูชา บุญเราได้เท่ากันไหมครับ ?
ตอบ : บุญเราได้เต็มตั้งแต่แรกแล้ว เราคิดจะทำก็เป็นบุญแล้ว ส่วนที่เหลือว่าคนบูชามากบูชาน้อยเป็นอานิสงส์เพิ่มเติม อย่างเช่นว่าเราสร้างโบสถ์ เราได้อานิสงส์วิหารทานเต็มที่แล้ว แต่ถ้าพระท่านลงทำสังฆกรรมกี่ครั้ง เราก็ได้อานิสงส์เพิ่มไปตามจำนวนนั้น เพราะฉะนั้น..ต้นทุนเราได้ครบแล้ว ส่วนที่เหลือเป็นกำไร กำไรมากกำไรน้อยก็ขึ้นอยู่กับสภาพตอนนั้นแล้ว

เถรี
01-09-2019, 21:23
ถาม : ในเรื่องของกฎแห่งกรรม ถ้าเราเคยถูกต่อยมาในชาติก่อน พอมาชาตินี้เราต้องต่อยเขาใช่ไหมครับ ?
ตอบ : แล้วทำไมเราต้องต่อยเขา ?

ถาม : ก็จะต้องมีเหตุให้เราเป็นคนทำครับ ?
ตอบ : แล้วอภัยให้เขาไม่ได้หรือ ?

ใจคิดเป็นมโนกรรม ปากพูดเป็นวจีกรรม ร่างกายทำเป็นกายกรรม ถ้าทำอย่างไรก็ต้องเป็นกรรม ก็เท่ากับว่าเป็นการผูกกรรมสืบเนื่องกันต่อไป เขาเตะฟุตบอลมาแทนที่เราจะหยุด เรากลับไปเตะต่อ..ก็ไปเรื่อยสิ

เถรี
04-09-2019, 20:42
พระอาจารย์ภาสกร มาบ้านเติมบุญ "พวกเราส่วนหนึ่งอาจจะไม่รู้จักท่านอาจารย์ภาสกร ภูริวฑฺฒโน ก็ต้องบอกว่าลูกของศาสตราจารย์ด็อกเตอร์ระวี ภาวิไล ท่านบวชมานานแล้ว พรรษาใกล้เคียงกับอาตมาเลย ส่วนใหญ่ประจำธรรมสถานวัดฝายหินที่เชียงใหม่ วันนี้ออกจากถ้ำมาได้

โยมบางคนบอกคุ้น ๆ แต่นึกไม่ออก อ๋อ...ท่านอ้วนขึ้นมานิดเดียว เจ้าของสถิติหนังสือที่ตีพิมพ์มากที่สุดในประเทศไทย อาจจะถึงมากที่สุดในโลกไปแล้วกระมัง ?"

เถรี
04-09-2019, 20:46
สนทนากับพระอาจารย์ภาสกร "ตอนนี้ผมรับตำแหน่ง ๒๐ กว่าตำแหน่งครับ เจ้านายเขาเคยใช้ใครได้ เขาก็ใช้แต่คนนั้นแหละ กลายเป็นว่าแค่ประชุมอย่างเดียวก็หมดเวลาแล้ว โดยเฉพาะคณะกรรมการปฏิรูปพุทธศาสนา ปกติเขาก็เป็นแค่ฝ่ายละตำแหน่ง ผมโดนไป ๒ ฝ่าย โดนฝ่ายการศึกษาในฐานะที่คุณจบปริญญาเอก แล้วก็โดนฝ่ายการเผยแผ่ ในฐานะที่สอนธรรมชาวบ้าน

พอถึงเวลาบางทีเขาประชุมพร้อมกัน เขาบอกเอาอย่างนี้แล้วกัน นั่งโต๊ะนี้ให้ผมถ่ายรูปก่อน แล้วเดี๋ยวค่อยไปโต๊ะโน้น ถึงเวลาเขาจะเรียกประชุมเพื่อที่จะวางแนวทางวางยุทธศาสตร์อะไร แต่บางอย่างผมก็เห็นว่าไปไกลเกิน อย่างที่ไปกำหนดกฎเกณฑ์ว่าชาวบ้านต้องถวายอาหารอย่างนั้นอย่างนี้กับพระ..ไม่ใช่ครับ ของจริงคือ พระเราต้องมีโภชเนมัตตัญญุตาเอง..ใช่ไหม ? อันนี้ไปกำหนดว่าอาหารอย่างนั้นถวายพระไม่ได้ อาหารอย่างนี้ถวายพระได้ ญาติโยมเขาลำบากตายชัก..!

ผมเองเข้าไปกลายเป็นฝ่ายค้าน ผมบอกว่าหลงประเด็นไปไกล ไปกำหนดธรรมนูญสุขภาพพระสงฆ์ จะต้องเป็นอย่างนั้น ต้องเป็นอย่างนี้ มีการเซ็นเอ็มโอยูอย่างโน้นอย่างนี้ ผมบอกว่าไปไกลเกิน พระเราถ้ามีโภชเนมัตตัญญุตา ก็ไม่ป่วยแหง็ก ๆ ขนาดนั้นหรอก"

ถาม : โชคดีที่พระอาจารย์ไปขวางไว้ ?
ตอบ : ขวางไม่อยู่ครับ เพราะว่าเสียงท่านเยอะกว่า ท่านจะเอาอย่างนั้น แต่ให้ท่านรู้ว่ามีคนค้าน ผมก็เหมือนท่านอาจารย์นั่นแหละ ถึงเวลาก็ค้านไว้ก่อน เห็นไม่เข้าท่าก็ใส่ไว้ก่อน

เถรี
04-09-2019, 20:52
ถึงเวลาก็กำหนดว่าตอนนี้พระสังฆาธิการจะต้องมีวุฒิ มจร.ห้อยท้าย ไม่อย่างนั้นไม่แต่งตั้งนะ สอนพระเราให้ละอายชั่ว กลัวบาป รักศีลของตัวเองก็จบแล้ว จะต้องเอาวุฒิอะไร ?

ถาม : นักธรรมเอกก็เหลือเฟือแล้ว ต้องไปสร้างเงื่อนไขอะไรมากมาย ?
ตอบ : ผมค้านจนเขาเหม็นขี้หน้ากันหมด พูดง่าย ๆ ว่า พอถึงเวลายืนขึ้นมา เดี๋ยวก็ได้เรื่องละ เดี๋ยวต้องมีคนค้าน

ถาม : พวกหน้าใหญ่ แต่ไม่มีศีล มีจำนวนเยอะ ?
ตอบ : ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร แต่ผมก็ในฐานะที่ไปคอยกระตุกให้เขาได้สติ ผมถือว่าผมได้ทำหน้าที่แล้ว ส่วนจะสำเร็จหรือไม่สำเร็จนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง

ปัจจุบันนี้มหาวิทยาสงฆ์ของเรากลายเป็นว่าสะดุดขาตัวเอง คือเราตั้งขึ้นมาตอนแรกเพื่อเพิ่มความรู้ให้พระสงฆ์ แต่ปัจจุบันนี้กลายเป็นเตะสกัดพระสงฆ์ ปริญญาโทคุณต้องได้โทเฟิล ๓๐๐ คุณต้องมีคะแนนคอมพิวเตอร์ ๑๗๐ ปริญญาเอกต้องมีโทเฟิล ๕๐๐ ต้องมีคะแนนคอมพิวเตอร์ ๒๒๐

พระเราส่วนใหญ่บวชมาพื้นฐานแค่ ป.๔ ป.๖ แล้วคุณจะเอาคะแนนขนาดนั้นที่ไหนมา ? ตอนแรกเขาตั้งวิทยาลัยสงฆ์ขึ้นมาเพื่อที่จะสนับสนุนพระ ตอนนี้กลายเป็นตั้งขึ้นมาเพื่อตัดโอกาสพระ ผมเองก็ไม่รู้จะว่าอย่างไร มีประชุมเมื่อไรก็เหมือนกับไปด่าเขา เพราะว่าเขาเองเหมือนกับว่ากลายเป็นการค้าเต็มรูปแบบ ไม่ใช่ธรรมทานแล้ว รุ่นผมเรียนปริญญาตรี เทอมไหนถึง ๑,๘๐๐ บาท นี่บ่นแล้วนะ เดี๋ยวนี้ปริญญาตรี ๕,๐๐๐ กว่าบาท แค่ ๘ หน่วยกิตนะ กลายเป็นว่าเล่นเต็มรูปแบบเหมือนอย่างกับภายนอก

ถาม : วันก่อนมีประชุมที่กองทัพอากาศ ของธรรมยุต ผมจงใจไปป่วน ไปนั่งฟังอยู่พักหนึ่งแล้วขอพูดบ้าง ปรากฏว่าวงแตก ?
ตอบ : พวกเราอยู่ที่ไหนก็วงแตก ผมว่าพวกเรานี่โดนขึ้นบัญชีดำไปนานแล้ว

เถรี
04-09-2019, 20:56
พวกที่บอกว่าปรัชญาพระพุทธศาสนานี่ผมด่าเลย ศาสนาพุทธไม่ใช่ปรัชญา เป็นอริยสัจ เกินปรัชญาไปเยอะ ปรัชญาคือเรื่องที่คุณเถียงกันไม่จบ เถียงจบก็กลายเป็นศาสตร์ ดันเอาพระพุทธศาสนาไปเป็นปรัชญา บ้าหรือเปล่า ? ของเรานี่เกินทฤษฎีครับ เพราะทฤษฎีเขายังค้านได้ ของพระพุทธเจ้ามีใครค้านได้บ้าง ? ถ้าหากว่าเป็น theory บอกว่าเป็นทฤษฎีเป็นปรัชญา ของพระพุทธเจ้า ผมหาได้คำเดียวคือ theorem ทฤษฎีสัมบูรณ์ ไม่มีใครค้านได้ ไม่รู้จะว่ากันอย่างไร เหมือนอย่างกับว่ายิ่งเรียนยิ่งพาให้ต่ำไปเรื่อย ความรู้เยอะขึ้นนะครับ แต่กลายเป็นว่าเห็นความสำคัญของพระพุทธศาสนาน้อยลง

ถาม : ยิ่งรู้ยิ่งออกห่าง ?
ตอบ : ก็ที่เขาไปนั่งวิเคราะห์กันว่าพระพุทธเจ้าเทศน์พระสูตรนี้ ระหว่างนั้นพระองค์ท่านคิดอะไร บ้าหรือเปล่า ? ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ยังไม่สามารถจะคำนวณความคิดของพระพุทธเจ้าได้เลย แล้วจะมานั่งวิเคราะห์ว่าพระพุทธเจ้าคิดอะไร

เหมือนอย่างกับเท่นะ เรามานั่งวิเคราะห์ว่าพระพุทธเจ้าคิดอย่างไร มีพระประสงค์อะไรถึงเทศน์พระสูตรนี้ บางอย่างก็พอได้อยู่ แต่ประเภทท่านคิดอะไร เราไม่ทันแน่ เพราะว่าสัพพัญญุตญาณ ใครจะไปคำนวณทันพระองค์ท่าน ต่อให้ "เทียนกง" ซูเปอร์คอมพิวเตอร์เจ๋งที่สุดในโลกก็ไล่พระองค์ท่านไม่ทันหรอก

เถรี
04-09-2019, 21:01
ท่านอาจารย์ภาสกรเป็นคนมั่นคงกับแนวคิดตัวเอง ก็เลยต้องชนกับเขามาตลอด ท่านเองก็อ่อนไหว เพราะว่าบวชแบบธรรมยุต พอถึงเวลาก็ขยับยาก

เถรี
04-09-2019, 21:03
จริง ๆ ฝ่ายค้านอย่างพวกเราจำเป็นต้องมี เพียงแต่ว่าฝ่ายรัฐบาลเขาไม่ชอบใจหรอก ค้านได้ตะบันราด ค้านได้ทุกเรื่อง เห็นออกไปไกลก็ต้องค้าน ไม่ค้านได้อย่างไร อยู่ ๆ คุณก็ตั้งธรรมนูญสุขภาพพระสงฆ์ขึ้นมา อาหารแบบนั้นโยมเหมาะที่จะถวาย แบบนี้ไม่เหมาะที่จะถวาย ชาวบ้านเขาลำบากตายเลย

ถ้าหากว่าพระเรามีโภชเนมัตตัญญุตา รู้ประมาณในการกินก็จบแล้ว แล้วก็ไปโทษว่าญาติโยมถวายมาแต่อาหารที่ทำให้พระอ้วน บ้า...! จะขึ้นภาษีน้ำตาลขึ้นอะไรอาตมาไม่ค้านหรอก เพราะว่าน้ำตาลทำร้ายคนไทยมาเยอะแล้ว อย่างน้อย ๆ ก็ให้ทหารมีเงินไปซื้อเรือดำน้ำเพิ่มขึ้นอีกหน่อย อาตมาก็ขำ ๆ ถ้าใช้สำนวนอาตมาตอนเด็ก ๆ บอกว่า "น้ำไม่ทันจะท่วมหลังเป็ด" ดันเอาเรือดำน้ำลงไป แล้วจะไปหลบใครได้

ถึงเวลาชาวบ้านขอให้ช่วยพยุงราคายาง บอกว่าไม่มีเงิน ขายในประเทศไม่ได้ก็ไปขายที่ดาวอังคารโน่น พูดจบก็ซื้อเรือดำน้ำ บ้า...! ไม่มีเงินพยุงราคายาง แต่มีเงินซื้อเรือดำน้ำ...ตลก บางทีไม่รู้จะพูดภาษาไทยว่าอย่างไร ก็ต้องอุทานเป็นภาษาอังกฤษว่า "You are boss." มึงเป็นเจ้านาย มึงก็ทำไปเถอะ กูไม่ว่าหรอก

เถรี
04-09-2019, 21:04
ปัจจุบันนี้เสียงปืนไม่ดัง กฎหมายรับใช้ผู้มีอำนาจ โดยเฉพาะบางท่านที่ถือว่าเป็นเซียนกฎหมาย อยู่มา ๗ - ๘ รัฐบาลแล้ว น่าผิดหวังมาก เพราะว่าการใช้อำนาจตุลาการ ใช้ในนามพระมหากษัตริย์ ใช้ในพระปรมาภิไธยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว คุณต้องสำนึกอยู่เสมอว่าทำอะไรต้องตรงไปตรงมา จะต้องไม่ทำให้พระองค์ท่านเสื่อมพระเกียรติ

แต่ปัจจุบันนี้ใช้กฎหมายเล่นงานฝ่ายหนึ่ง แต่อีกฝ่ายหนึ่งไม่มีเลย ฟ้องกี่คดีก็หลุดหมด แล้วลักษณะอย่างนี้ไปใช้ในพระปรมาภิไธยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว คุณไม่ละอายใจบ้างหรือ ? อาตมาขวางคลองเขามาเรื่อย จนกว่าเราจะเบื่อแล้วถึงไป สมัยรับราชการอยู่ก็บอกกับเจ้านายว่า "เหม็นขี้หน้าผมก็ไล่ผมออกสิ ผมไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย" ก็ไม่มีใครกล้าไล่ออก เพราะว่าไม่ได้ผิดระเบียบอะไรเลยสักอย่าง ผิดอยู่อย่างเดียว คือเถียงเจ้านาย ซึ่งไม่ได้เขียนไว้ในระเบียบ

เถรี
04-09-2019, 21:15
พระอาจารย์เล่าว่า "ปีที่อาตมาไปเป็นเลขานุการหลวงพ่อเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี วัดท่ามะขาม ไปเห็นเขาคุมทหารมาช่วยทำความสะอาดวัด พอเจอหน้าจำได้ว่านี่รุ่นพี่ทหารนี่หว่า ถามว่า "พี่รวยใช่ไหม ?" เขาบอกว่า "ใช่ครับ" "แล้วพี่มาได้แค่นี้เองหรือ ?" "ก็ใครจะเก่งเหมือนกับท่านล่ะ" แล้วกัน..มีการสวนคืนด้วย ตอนนั้นใคร ๆ ก็ว่าอาตมาไม่เอาเพื่อนไม่เอาฝูง สอบเมื่อไรก็ได้เมื่อนั้น ก็หนีพวกไปไกล

แล้วถามว่าเรียนเก่งทำไมไม่ไป จปร. ? เชื่อไหมว่าสมัยนั้นอาตมาไม่รู้ ? ไม่รู้ว่าทหารเรียนฟรี บ้านอยู่ต่างจังหวัดไกล ๆ ไม่มีการแนะแนวเลย คราวนี้พอแม่บอกว่าไม่มีเงินส่งเรียน อาตมาเองก็หมดสภาพแล้ว ปีนั้นพาณิชยการบ้านโป่งเปิดเป็นปีแรก เพื่อน ๆ หลายคนก็ไปสมัคร เขาชวนอาตมาไปด้วย

ไปถึง ผอ.โรงเรียนเขาก็ขอดู สมัยนั้นเขาเรียกว่าใบสุทธิก็คือ รบ.สมัยนี้แหละ พอเขาเห็นเขาบอกว่ารับเลย คุณจ่ายค่าเทอมแล้วเข้าเรียนได้เลย ไม่ต้องสอบ ค่าเทอม ๑,๒๐๐ บาท อาตมาไม่มีให้เขา เพราะว่าขนาดตอนที่เรียนมัธยม ค่าเทอม ๒๒๐ บาท ยังต้องผลัดจนกระทั่งเทอมสุดท้ายกว่าจะหามาจ่ายได้

ทุกวันนี้ที่อาตมาให้ทุนการศึกษาพระเณรและเด็กนักเรียน ให้ปีละหลายล้าน เกิดจากสมัยโน้นตัวเองอยากเรียนแล้วไม่มีเงิน สมัยนี้ก็เลยเห็นความสำคัญ ในเมื่อเราไม่มีโอกาส เราต้องให้โอกาสคนอื่นเขา"

เถรี
04-09-2019, 21:20
ถาม : พระอาจารย์เคยบอกว่าเดือนสิงหาคมจะเกิดเหตุร้ายแรง จะมีแรงกว่านี้อีกไหมคะ ?
ตอบ : อย่างนี้ยังไม่แรงใช่ไหม ? ถ้าอย่างนี้ยังไม่แรง เดี๋ยวหาให้แรงกว่านี้ได้ ไม่เป็นไรหรอก...อย่างน้อยเป่ายันต์เกราะเพชรไปแล้ว ก็ผ่อนหนักเป็นเบาได้ ไม่อย่างนั้นก็คงไม่ตูมแค่ ๕ - ๖ ลูกหรอก แล้วก็อย่ามาโทษอาตมาอีกนะ ว่าเพราะอาตมาพูดเขาก็เลยทำ อุตส่าห์บอกให้ระวังภัยแล้ง ให้เตรียมพร้อม หาว่าเป็นเพราะหลวงพ่อพูดก็เลยแล้ง บอกล่วงหน้ามาตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคมมาจนป่านนี้ ตอนนี้ก็คงไม่แล้งไปกว่านี้แล้วแหละ แต่ว่าแล้งในที่ ๆ ไม่ควรแล้ง แล้วก็ท่วมในที่ ๆ ไม่ควรท่วม ตอนนี้เป็นกรรมของประเทศชาติเลย

สังเกตไหม ? ตั้งแต่ในหลวงรัชกาลที่ ๙ สวรรคต ภัยธรรมชาติก็แรงขึ้นเรื่อย ๆ เพราะว่าบุคคลที่ต้องเกรงใจไม่อยู่แล้ว

เถรี
04-09-2019, 22:43
ถาม : พระพุทธเจ้าจำเป็นต้องมีคู่ไหมคะ ?
ตอบ : เขาเรียกว่าคู่บารมี คือพระพุทธเจ้าไม่มีคู่บารมี แต่พระโพธิสัตว์มี บวชแล้วจะมีได้อย่างไรเล่า ?

ถาม : ตอนเป็นพระโพธิสัตว์มี ?
ตอบ : ตอนเป็นพระโพธิสัตว์มี เพราะว่าส่วนใหญ่จะอธิษฐานตามกันมา

ถาม : มีไหมที่พระโพธิสัตว์ท่านจะไปของท่านโดยไม่ต้องมีคู่บารมี ?
ตอบ : ยกเว้นชาติที่เป็นเนกขัมมะบารมี ถ้าหากว่าไม่ใช่ชาติที่เป็นเนกขัมมะบารมี อย่างไรก็ต้องมี

เถรี
04-09-2019, 22:44
ถาม : ท่านแม่จันทนาที่หลวงพ่อวัดท่าซุงสร้างขึ้นที่มณฑปหลวงปู่ปาน เกี่ยวเนื่องอะไรกันคะ ?
ตอบ : คุณโยมสุวรรณกับคุณโยมจันทนา วีระผล เป็นอุปัฏฐากใหญ่ของวัดท่าซุง แล้วตอนที่ตายท่านก็ไปดีด้วย หลวงพ่อวัดท่าซุงก็เลยสร้างรูปเอาไว้ให้ลูกหลานได้กราบ ได้ระลึกถึง จะได้รู้ว่าคนธรรมดาก็ไปพระนิพพานได้

เถรี
04-09-2019, 22:52
พระอาจารย์เล่าว่า "ที่วัดท่าขนุนมีอยู่อย่างหนึ่ง ถึงเวลาออกพรรษาโยมเขาจะมาขอน้ำมนต์ เขาเรียกว่าน้ำมนต์ออกพรรษา เขาว่าอย่างนั้น เขาบอกว่าเป็นเคล็ด ถ้าใครท้องกินแล้วจะคลอดลูกง่าย ก็เลยบอกกับพระทุกรูปเลยว่า ถ้าใครมาขอน้ำมนต์เสาร์ ๕ ใครมาขอน้ำมนต์หลวงปู่สาย ใครมาขอน้ำมนต์ออกพรรษา ชี้ไปตรงนั้นแหละ บาตรใบนั้นแหละ ทุกอย่างอยู่ในนั้นหมดแล้ว พวกเราเองเสกอยู่ทุกวันยังไม่พอ วันพระยังมีพิเศษอีกต่างหาก ที่ชาวบ้านเขาเอาไปใช้แล้วได้ผลมาก เพราะว่าพระทั้งวัดทำวัตรสวดมนต์ตรงนั้นอยู่ทุกวัน

แม้กระทั่งทางด้านฝรั่งเขาก็ทำวิจัยแล้วว่า น้ำมนต์หรือน้ำที่ผ่านการสวดหรือเสกด้วยพุทธมนต์มา พอถึงเวลาเขาเอาไปแช่แข็งแล้ว รูปทรงผลึกสวยงามกว่าปกติ แล้วก็สมบูรณ์ ขณะที่น้ำจากแหล่งน้ำเดียวกัน แต่ไม่ได้มาเข้าพิธี ถึงเวลาแช่แข็งแล้วผลึกก็ขาด ๆ วิ่น ๆ ของบางอย่างเขาก็ต้องทดสอบทางวิทยาศาสตร์ เพราะว่าเขาไม่เชื่อ ในเมื่อทดสอบแล้วเห็นความต่าง เขาถึงจะเชื่อ ฝรั่งเขาเรียกน้ำมนต์ว่า Holy water

ถึงเวลาพรมน้ำมนต์ก็ Shower holy water ศัพท์ทางศาสนาเป็นศัพท์เฉพาะ จุดเทียนว่าอะไรนะ Light the candle"

เถรี
04-09-2019, 22:56
ถาม : เวลาที่เราพูดถึงใคร ใจเราสามารถจะไปได้ทันที อันนี้เป็นจินตนาการหรือคะ ?
ตอบ : อันนั้นแหละที่เขาเรียกว่ามโนมยิทธิ

ถาม : เร็วขนาดนั้นเลยหรือคะ ?
ตอบ : ถ้าพูดถึงดวงอาทิตย์ ตอนนี้ก็ถึงดวงอาทิตย์เลย ขนาดแสงเดินทางเร็ว ๑๘๖,๐๐๐ ไมล์ต่อวินาที ใช้เวลา ๘ นาทีกว่าจะมาถึง ของเราต้องใช้เวลาที่ไหน ? ปรื๊ดเดียวถึงเลย

มโนมยิทธิไม่จำกัดด้วยสถานที่ ไม่จำกัดด้วยเวลา แวบเดียวถึงเลย ถึงได้บอกว่า คนที่บอกว่าถ้าต้องมาภาวนานะมะพะธะแล้วค่อยไป ไม่ทันรับประทานหรอกเอ็ง ไม่ทันกิน คนอื่นเขาไปนานแล้ว

เถรี
05-09-2019, 08:49
พระอาจารย์เล่าว่า "วันก่อนมีโยมโทรมาว่า “จะบูชาแผ่น ๆ ยังเหลือไหม ?” ก็เลยถามว่า “ตกลงโยมไม่รู้หรือว่าเรียกว่าอะไร ?” เขาก็บอกว่า “ไม่รู้หรอก แล้วช่วยพูดเร็ว ๆ หน่อย เพราะว่าโทรจากต่างประเทศ” ก็เลยบอกว่ามีคนรู้จักอยู่เมืองไทยนี้ไหม ? บอกเขาให้ไปบ้านเติมบุญช่วงวันที่ ๒ - ๓ - ๔ สิงหาคม เขาเปิดบ้าน แล้วก็ไปถามหาเอา มีขายแน่ “แล้วจะเหลือถึงไหม ?” อ้าว...ใครจะไปรับรองได้วะ ?"

เถรี
05-09-2019, 08:54
พระอาจารย์แนะนำอาหารสำหรับผู้หญิงวัยทอง "พวกยาเพิ่มฮอร์โมนอย่ากินมาก อันตราย เอาแค่พออยู่ได้ พวกเม็ดบัว ลูกเดือย ถั่วเหลือง ทดแทนฮอร์โมนได้ กินอาหารเป็นยาดีกว่า อย่าไปกินยาเป็นอาหาร

ผู้หญิงพอถึงวัยทอง แล้วขาดฮอร์โมน บางคนไปตัดมดลูก ตัดรังไข่ออกหมด หมอต้องให้ฮอร์โมนทดแทน ทีนี้หมอสมัยใหม่มักง่าย แทนที่จะแนะนำอาหารที่กินแล้วทดแทนได้ เขาไปให้ฮอร์โมนเลย โดยเฉพาะน้ำถั่วเหลืองเหมาะกับผู้หญิงมาก กินแล้วทดแทนฮอร์โมน คราวนี้ผู้ชายถ้ากินไปเยอะ ๆ เดี๋ยวก็ได้เรื่อง ถึงเวลาอยู่ ๆ ทำไมเซ็กส์เสื่อม..!

อาหารทุกชนิดเป็นยา เพียงแต่ว่าเลือกให้เหมาะกับอาการตอนนั้นเท่านั้น คนเรายุคนี้มักง่าย กินยาเป็นอาหาร โน่นก็อาหารเสริม นี่ก็อาหารเสริม ยุ่งไปหมด"

เถรี
05-09-2019, 08:56
โยมมารับวัตถุมงคล "หนุมานหลวงพ่อสุ่น วัดศาลากุน อาตมากำลังจะเรียกคืนอยู่ โดยปกติของท่านแกะด้วยงาช้างหรือไม่ก็รากพุดซ้อน ตนนี้เขาใช้เหง้าไผ่ตันแกะ ถ้าไม่ได้ความเก่าอย่างนี้ อาตมาก็ไม่เชื่อว่าเป็นของหลวงพ่อสุ่น แต่คราวนี้ความเก่าชัด ฝีมือแกะก็ใช่

อาตมาส่งพีเอ็มหา "ตัวเล็ก" ตั้งแต่ก่อนสิ้นเดือน บอกว่าถ้าสิ้นเดือนแล้วขอเก็บของพวกนี้คืนหมด ถึงคนจะสู้ราคาไม่ไหวหรือไม่รู้คุณค่า ก็จะเก็บไว้เข้าพิพิธภัณฑ์ โยมดันมาสอยไปวันนี้เลย

ส่วนพระปิดตาสามเกลอยอดบายศรี หลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์ ในตลาดราคาถึงเลข ๘ หลัก อาตมาคิดแค่ ๕๐๐,๐๐๐ บาท ยอดบายศรีคือความสุดยอด แล้วความที่เป็นสามเกลอ ก็ล้มไม่เป็น เพราะว่าค้ำไว้ทุกด้าน ฉะนั้น...บรรดาผู้นำส่วนใหญ่เขาจะแสวงหามา แพงขนาดไหนก็สู้ แต่บางทีก็ต้องบอกว่าบุญไม่ถึง ไม่ใช่หาง่าย เพราะว่าถ้าหลวงปู่ท่านไม่มีพิธีอะไร ท่านก็ไม่ปั้นขึ้นมาใช้ พอถึงเวลามีพิธีขึ้นมา ท่านก็ปั้นขึ้นมา เพื่อที่จะเอาไว้ติดบนยอดบายศรี ก็แปลว่านาน ๆ ถึงจะมีสักองค์หนึ่ง"

เถรี
05-09-2019, 08:58
พระอาจารย์กล่าวว่า "วันก่อนคุยกับด็อกเตอร์จักรกฤช ศีลาเจริญ แบบขำ ๆ ว่าเราไปพุทธาภิเษกที่วัดพระพุทธชินราช หลวงพ่อเจ้าอาวาสท่านก็เลื่อนเป็นชั้นพรหม มาพุทธาภิเษกที่วัดสุทัศน์ฯ หลวงพ่อเจ้าอาวาสท่านก็เลื่อนเป็นชั้นพรหม คราวนี้ไปพุทธาภิเษกที่วัดกษัตราธิราช หลวงพ่อเจ้าอาวาสท่านเป็นแค่เจ้าคุณราช ท่านจะได้ชั้นไหน ? ...(หัวเราะ)..."

เถรี
05-09-2019, 09:09
พระอาจารย์กล่าวว่า "อาตมาจะขึ้นไปสลบต่อ ฤทธิ์ยาเริ่มหมดแล้ว แต่พอฉันยาไปก็ซึม ต้องตั้งสติ ไม่อย่างนั้นจะหลับเลย ดีอยู่อย่างที่เห็นว่าร่างกายนี้ไม่ใช่ของเรา ในเมื่อไม่ใช่ของเรา เราก็ต้องสั่งร่างกาย อย่าให้ร่างกายสั่งเรา คำว่า อนัตตา แปลอีกความหมายหนึ่งว่า บังคับบัญชาไม่ได้"

เถรี
05-09-2019, 09:09
พระอาจารย์กล่าวว่า "ในคลิปที่ส่งมา คนเขาพูดอะไรค้านกับตัวเอง เขาบอกว่าโกรธง่ายหายเร็ว แต่กูจำฝังใจ จำฝังใจนี่ไม่ใช่โกรธเฉย ๆ แต่เป็นพยาบาทด้วย"

เถรี
05-09-2019, 09:15
ถาม : (ไม่ชัด)
ตอบ : คบทุกฝ่ายก็หมดเรื่อง เอาเป็นว่าคนเราต่อให้ไร้ประโยชน์แค่ไหน สักวันหนึ่งเขาจะแสดงคุณค่าของเขาออกมา เพราะฉะนั้น..ถ้าเป็นไปได้ให้คบทุกฝ่าย แต่เพียงแต่ว่าถ้าฝ่ายไหนเรื่องมาก เราก็คบด้วยความระมัดระวัง

สมัยที่อาตมายังเป็นทหารอยู่ มีสิบตรีกองประจำการท่านหนึ่ง เรียนหลักสูตรนายสิบแค่ ๖ เดือน เพื่อที่จะบรรจุทดแทนตำแหน่งที่ขาด เขาเรียกหมู่คนนี้ว่า "ไอ้มึน" วัน ๆ ก็นั่งตาลอยเหมือนอย่างกับหิวกัญชา คราวนี้สูตรของทหารเขามีอยู่ว่า ถ้าพวกโง่และขี้เกียจ ให้เอาไปอยู่กับพวกฉลาดและขยัน จะได้ช่วยกันลากไป

ฉะนั้น...พอออกฝึกหมู่ตอนหมวด อาตมาก็เลยได้รับสิบตรีสำอางค์ นันมี มาในฐานะพลเครื่องยิงลูกระเบิด ซึ่งก็คือ เอ็ม. ๗๙ ที่หน้าตาเหมือนกระบอกข้าวหลาม แล้วต่อด้ามเป็นปืน ลูกระเบิดก็โตประมาณถ่านไฟฉาย ๓ ท่อน ปรากฏว่าพอข้าศึกเข้าตีแล้วทางเราสั่งยิงฉาก แปลว่าข้าศึกเขาทุ่มกำลังสุดตัวแล้ว ยิงฉากนี่ปืนทุกกระบอกจะประจำจุดตัวเองแล้วส่งกระสุนออกไป ห้ามยิงมั่ว ยิงได้เฉพาะทิศรับผิดชอบของตัวเอง เพราะว่าทิศอื่นมีคนรับผิดชอบแล้ว

เถรี
05-09-2019, 09:19
ปรากฏว่าสิบตรีสำอางค์ นันมี แกยิงเอ็ม. ๗๙ ซึ่งคนหนึ่งจะมีกระสุนอยู่ ๓ สาย สายหนึ่ง ๖ นัด รวมแล้ว ๑๘ นัด แกกวาดหมดภายในไม่กี่นาที กระสุนตกอยู่หน้าฐาน..บึ้ม..บึ้ม..บึ้ม แทบจะต่อเนื่องเป็นเสียงเดียว แล้วข้าศึกที่ไหนจะเข้ามาได้ ? นั่นแหละก็คือคนที่นั่งตาลอยอยู่ทั้งวัน ได้เห็นคุณค่าของเขาตอนนั้น

จ่าสิบเอกดฤษดุลย์ จันทวงศ์ กุมหัวตัวเองซุกพื้นเลย "ไอ้อางค์..เดี๋ยวกูตาย" คือแกยิงออกไปจากช่องที่เขาเจาะเอาไว้ประมาณจานข้าว เพราะว่ามุดไปซ่อนอยู่ในกอไผ่ ส่วนเอ็ม. ๗๙ กระทบเม็ดฝนยังระเบิด แล้วเขากล้ายิงออกไปอย่างนั้น แต่ไม่เป็นอะไรเลย จากคนที่คนอื่นเขาเห็นว่าไม่มีราคาเลย ได้ แสดงคุณค่าสุดยอดออกมาในนาทีที่ฉุกเฉินที่สุด

อาตมามาถามว่า ทำไมมึงยิงได้ขนาดนี้ ? เขาบอกว่า "ผมเล่นอีโบ๊ะมาก่อน" คำว่า "อีโบ๊ะ" ก็คือปืนลูกซองตราควาย เป็นระบบเดียวกัน ก็คือหักลำ ใส่ลูก ปิดแล้วก็ยิง ในเมื่อเขาเล่นมาก่อน ปืนเล็ก ๆ เขายังถนัด กระบอกใหญ่ ๆ จึงง่ายสำหรับเขาเลย เรียงกระสุนไว้ตรงหน้าเลย ๑๘ นัด เท่ากับลูกระเบิดมือ ๑๘ ลูก

ตั้งแต่นั้นมาจัดกำลังเมื่อไร มีคนจะเอาแต่หมู่สำอางค์ไปเป็นพลเครื่องยิงลูกระเบิดประจำหมู่ อาตมาบอกว่า "มึงไม่ต้องยุ่งเลย ตอนแรกมึงไม่เอา ตอนนี้กูไม่ให้" ฉะนั้น...คบทุกคนแหละ เพียงแต่ว่าลึกซึ้งแค่ไหนอยู่ที่เรา แล้วสักวันเขาจะแสดงคุณค่าของเขาออกมาเอง

เถรี
05-09-2019, 09:20
แบบเดียวกับที่วัด ที่วัดจะมีหม่องมิดกับยายแดง สองคนวัน ๆ ไม่ทำอะไรหรอก ถึงเวลาก็มากินข้าวที่โรงครัว บางทีจานชามก็ไม่ล้าง ทิ้งไว้ให้คนอื่นล้าง แล้วก็ไป

อาตมาก็ไม่ได้ว่าอะไร จนกระทั่งท้ายสุด หม่องมิดคิดอะไรของเขาก็ไม่รู้ ไปช่วยกวาดพื้น กวาดซะลื่นเลย ก็คือกวาดซ้ำแล้วซ้ำอีก ๆ จากพื้นธรรมดากลายเป็นขึ้นเงาเลย บางทีพระท่านก็บอกว่า "มันไม่ทำอะไรเลย ทำไมหลวงพ่อไม่ไล่ออกไป ?" "ปล่อยเขาเถอะ หมาเรายังเลี้ยงไว้ตั้งสองสามร้อยตัว เลี้ยงคนแค่ ๒ คนไม่มีปัญหาอะไรหรอก"

เถรี
05-09-2019, 09:25
:cebollita_onion-17::cebollita_onion-17: เก็บตกเดือนสิงหาคม ๒๕๖๒ หมดแล้วค่ะ :cebollita_onion-17::cebollita_onion-17:
ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย ทาริกา คะน้า เถรี เผือกน้อย นายกระรอก และน้องผักชี