PDA

View Full Version : เก็บตกจากบ้านเติมบุญ ต้นเดือนกรกฎาคม ๒๕๖๒


เถรี
01-07-2019, 07:43
ถาม : การอาราธนาตะกรุดมหาสะท้อน สามารถอธิษฐานขอให้ผลของมหาสะท้อนไม่บังเกิดกับคนบางคนได้หรือไม่ครับ ?
ตอบ : ไม่ได้..ถ้าต้องการแบบนั้นมีอยู่อย่างเดียวคืออย่าไปใช้

เถรี
01-07-2019, 07:44
ถาม : ถ้าจิตเกิดความอิจฉาริษยา จะโมทนาบุญคนอื่นได้ผลหรือไม่ ?
ตอบ : ถ้าไปริษยาจะเอากำลังใจที่ไหนไปโมทนา ? กำลังใจที่โมทนาบุญคนอื่นต้องประกอบไปด้วยมุทิตาจิตอย่างแรงกล้า ริษยากับมุทิตาเป็นเหรียญคนละด้านกัน จึงทำไม่ได้อยู่แล้ว

เถรี
01-07-2019, 07:50
ถาม : เรื่องอุปฆาตกรรม ถ้าช่วยชีวิตสัตว์อื่น ๆ เช่น ช้าง ไก่ งู ตัวเงินตัวทองที่เขากำลังฆ่า มีอานิสงส์เช่นเดียวกับการปล่อยปลา โค กระบือ หรือไม่ ?
ตอบ : ส่วนใหญ่พวกเราเข้าใจผิด คิดว่าการปล่อยชีวิตสัตว์เป็นการตัดอุปฆาตกรรม จะเรียกว่าเป็นการเข้าใจผิดก็ไม่ได้ เป็นการเข้าใจถูกแต่ผิด การปล่อยชีวิตสัตว์ที่เขาจะฆ่าจะตัดอุปฆาตกรรมได้ต่อเมื่อมีอุปฆาตกรรมนั้นเข้ามา ถ้าคนไม่มีอุปฆาตกรรมเข้ามาแล้วจะเกิดผลอะไร ? การปล่อยเขาให้มีชีวิตรอด ให้เขาได้รับความสุข ความสะดวก ความสบาย ต่อไปเราทำอะไรก็มีความสุข ความสะดวก ความสบายทั้งหมด ไม่ใช่ปล่อยแล้วไปแก้อุปฆาตกรรมอย่างเดียว

เถรี
01-07-2019, 08:02
ถาม : ปกติจะมีอาการตึงตามระหว่างคิ้วและบริเวณศีรษะอยู่แล้ว ต่อมานำธงมหาพิชัยสงครามมาเลี่ยมคล้องคอ ปรากฏอาการเหล่านี้มีกำลังแรงขึ้น เป็นเพราะธงมหาพิชัยสงครามมาช่วยเสริมหรือไม่ ?
ตอบ : ลองเอาออกดู ถ้าเอาออกแล้วเบาลง ใส่เข้าแล้วเพิ่มขึ้นก็แปลว่าใช่

เถรี
01-07-2019, 08:08
ถาม : การทำบุญ เช่น โอนเงินเป็นค่ารักษาพยาบาลช่วยเหลือสัตว์ที่บาดเจ็บ อาทิ หมา แมว นก ตัวเงินตัวทอง จะเป็นอานิสงส์ผลบุญแบบใด ?
ตอบ : ตัวเราช่วยรักษาอาการเจ็บไข้ได้ป่วยของเขา ถึงเวลาก็ส่งผลให้ตัวเรามีความเจ็บไข้ได้ป่วยน้อยหรือว่าไม่มีเลย เพียงแต่ว่าเราทำบุญกับสัตว์เดรัจฉานซึ่งผลบุญจะมีน้อยกว่าทำกับคน ถึงทำบุญกับคนในลักษณะของการรักษาพยาบาล ผลบุญก็ยังน้อยกว่ารักษาพยาบาลพระภิกษุสามเณร

ถ้าจะรอผลการตอบรับหรืออานิสงส์ที่เราทำ การทำกับสัตว์เดรัจฉานก็ได้น้อยกว่าและมาช้าหน่อย

เถรี
01-07-2019, 08:12
ถาม : ถ้าเรามองเห็นพลังและกำลังกิเลสกับนิวรณ์ของเราเอง อย่างที่ไม่เคยได้เห็นมาก่อนเลยในชีวิต เราควรจะทำอย่างไรต่อไป ?
ตอบ : ถ้ารู้ว่าน่ากลัว..ก็ละและก็เลิกทำสิ่งทั้งหลายเหล่านั้น ถ้ายังไม่รู้ก็จงทำต่อไป..!

เถรี
01-07-2019, 08:12
ถาม : ผู้ที่เสียชีวิตแล้วไปเกิดเป็น ๒ อย่าง เช่น เป็นเปรตในเวลากลางวัน แล้วมาเป็นเทวดาในเวลากลางคืน ล่าสุดที่ได้ทราบคือ เป็นอสุรกายในเวลากลางวัน แล้วเป็นเทวดาในเวลากลางคืน เขาเป็นผู้ที่มีทั้งบุญและบาปเท่ากันหรือไม่ ?
ตอบ : ไม่จำเป็นต้องเท่ากัน ในส่วนที่เขากระทำนั้นมักจะเป็นบุญผสมบาป อย่างเช่นตั้งใจเลี้ยงสัตว์ให้ได้รับความสะดวกสบาย แต่กลับไปกักขังสัตว์นั้น

เถรี
01-07-2019, 08:25
ถาม : สมมติว่ามีชายคนหนึ่งเดินอยู่ริมหน้าผา มองลงไปเห็นเสือกำลังจะกินลูก ตัวเองมีเนื้อปริมาณพอให้เสือกินอิ่ม แต่ปรากฏว่าชายคนนั้นคิดว่า ได้โอกาสบำเพ็ญบารมีจึงสละชีวิตตนเองกระโดดลงไปให้เสือกิน ชายคนนั้นจะได้ปรมัตถบารมีหรือไม่ ?
ตอบ : ไม่แน่...ส่วนใหญ่พวกสละชีวิต ตัดแขนตัดขา ตัดศีรษะ ควักหัวใจ เชือดเนื้อตัวเองถวายเป็นทาน มักจะเป็นกำลังใจระดับอุปบารมีเท่านั้น ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น ? เพราะว่าปรมัตถบารมีมีปัญญามากกว่า รู้ว่ามีวิธีทำที่ดีกว่านั้น

ถาม : และถ้าสามารถสละเนื้อนั้นได้แล้วไม่ทำ จะเป็นเรื่องปัญญาบารมีพร่องหรือไม่อย่างไรครับ ?
ตอบ : เป็นทานบารมีพร่อง ไม่ใช่ปัญญาบารมีพร่อง

เถรี
01-07-2019, 08:27
ถาม : หากภาวนาพระคาถาเงินล้านไปตามความเคยชิน มีสมาธิบ้างไม่มีบ้าง จนถึงส่วน "พุทธะมะอะอุ นะโมพุทธายะ" แต่ไม่แน่ใจว่า ส่วน "มิเตพาหุหะติ" ก่อนหน้าได้ภาวนาหรือข้ามมา ควรย้อนกลับไปภาวนาให้แน่ใจหรือต่อไปเลยครับ ?
ตอบ : ถ้าไม่ได้เน้นคุณภาพก็ว่าต่อไปเลย แต่ถ้าเน้นคุณภาพก็ว่าใหม่ เอาให้ชัดเจนทุกคำ

เถรี
01-07-2019, 08:36
ถาม : มีคนดูแลพ่อแม่ตัวเองแล้วไม่ยอมใส่สายให้อาหารตามที่หมอแนะนำ เพราะกลัวพ่อแม่ตัวเองเจ็บ พี่น้องซึ่งไม่ได้ดำเนินการดูแลพ่อแม่โดยตรงพยายามหว่านล้อมให้ทำ คนที่ดูแลนั้นก็เถียงไปเรื่อย ๆ ไม่ยอมทำตาม พี่น้องระอาใจเลยบอกว่าจะทำอะไรก็ทำ หากพ่อแม่ตายไป พี่น้องที่พูดว่าจะทำอะไรก็ทำ จะได้รับโทษอนันตริยกรรมไปด้วยหรือไม่ครับ ?
ตอบ : อนันตริยกรรมตรงไหน ? จะทำอะไรก็ทำแปลว่าอะไร ? แปลว่าให้ทำสิ่งดี ๆ กับพ่อแม่ก็ได้ อย่าไปตีความผิดสิ

เถรี
01-07-2019, 08:37
ถาม : เรื่องที่หลวงพ่อเตือนเรื่องน้ำแล้ง แล้งเฉพาะกรุงเทพฯ หรือทั้งประเทศครับ ?
ตอบ : รอดูไป

เถรี
01-07-2019, 08:42
ถาม : กรรมฐานกองใด ประเภทใด ที่ฝึกแล้วสามารถแยกกายให้เป็นภาพลวงตาได้จาก ๑ เป็น ๒ จาก ๒ เป็น ๓ ไปได้เรื่อย ๆ ครับ ?
ตอบ : ส่วนใหญ่จะแยกเป็นทวีคูณ ไม่ใช่จาก ๑ เป็น ๒ เป็น ๓ ให้ฝึกมโนมยิทธิเต็มกำลัง ถ้ามีความสามารถจริง สามารถแยกกายในออกมาได้ให้เห็นเป็นหลาย ๆ ร่างพร้อม ๆ กัน หรือไม่ก็ใช้ในส่วนของภูตกสิณทั้ง ๔ คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ ฝึกซ้อมให้คล่อง จะ สามารถอธิษฐานเป็นหมื่นเป็นแสนร่างพร้อม ๆ กันก็ได้

เถรี
01-07-2019, 08:54
ถาม : สมัยที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสรู้ ท่านได้เสวยวิมุตติสุข ๗ สัปดาห์ และใน google อธิบายว่าวิมุตติสุขคือความสุขที่เกิดจากการหลุดพ้น ผมอยากทราบว่า วิมุตติสุขจริง ๆ คือนิโรธสมาบัติหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : คนละเรื่องกัน วิมุตติสุขเป็นความสุขที่ตนเองพ้นจากกิเลสทั้งปวง ส่วนนิโรธสมาบัตินั้นเป็นการใช้กำลังฌานทำให้สภาพจิตของตนเองเป็นกลาง ไม่ปรุงแต่งทั้งดีและชั่ว

ถาม : การที่ได้มโนมยิทธิและถอดจิตไปพระนิพพาน จัดว่าเป็นวิมุตติสุขหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ถ้าไม่หมดกิเลสไม่มีทางเป็นวิมุตติสุขได้

เถรี
01-07-2019, 22:24
ถาม : ผมอ่านมาว่า พระโพธิสัตว์บางท่านได้ถวายมหาทานด้วยการเผาตัวเอง หรือตัดหัวตนเองเพื่อเป็นพุทธบูชา อานิสงส์นี้ทำให้พอตรัสรู้แล้วจะเป็นพระพุทธเจ้าอายุยืนเป็นหมื่น ๆ ปี แต่พระพุทธเจ้าของเราสมัยที่เป็นพระโพธิสัตว์ ท่านได้สละชีวิตตนเองให้เสือกิน เพราะกลัวว่าเสือจะกินลูกเสือ คำถามคืออานิสงส์ที่ถวายชีวิตตนเองให้กับพระพุทธเจ้ากับเสือ ไม่เหมือนกันใช่ไหมครับ ถึงแม้ว่าตนเองจะเสียชีวิต ?
ตอบ : เสือเป็นสัตว์เดรัจฉาน ส่วนพระพุทธเจ้าเป็นสุดยอดของพระอริยเจ้า ถ้าเทียบอานิสงส์ก็คงจะห่างกันชนิดมองไม่เห็น แต่ความจริงแล้วไม่ใช่ เพราะว่าพระพุทธเจ้าของเราจะมีความต่างกันนั้น ต่างกันด้วยขนาดรูปร่าง ต่างกันด้วยฉัพพรรณรังสี ต่างกันด้วยพาหนะที่ออกมหาภิเนษกรมณ์ ต่างกันด้วยต้นไม้ที่ตรัสรู้ เป็นต้น สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ไปศึกษาเอาในพุทธวงศ์ ขุททกนิกาย พระสุตตันตปิฎก

เถรี
01-07-2019, 22:26
ถาม : การที่เราทำผิดกฎหมายในบางประเทศ แต่ไม่ได้ผิดศีล ถือว่าเป็นความชั่วเป็นบาปไหมครับ ? เช่น การปลูกกัญชาในไทยถือว่าผิด แต่บางประเทศไม่ผิด ?
ตอบ : ถ้าตั้งใจฝืนแปลว่าทำชั่วทั้งนั้น ดังนั้น..ถึงที่อื่นเขาไม่ห้าม แต่ในบ้านเราห้าม ถ้าทำเมื่อไรก็ผิด ก็ชั่วทั้งนั้น แปลว่าถ้าตั้งใจฝืนก็เป็นบาป

เถรี
01-07-2019, 22:27
ถาม : การที่บ้านเมืองเราได้นักการเมืองมาโดยที่ไม่ยุติธรรม หรือเรียกง่าย ๆ ว่าด้วยวิธีการโกง อยากทราบว่าเป็นเพราะบาปกรรมของประเทศไทยในอดีตที่ไปตีเมืองอื่น ๆ ทำให้ประเทศอื่นเสียหาย หรือเป็นแค่เพราะเขาพวกนี้มีอำนาจมากกว่าพวกเราครับ ?
ตอบ : รู้จัก "จ่านิว" ไหม ? ถ้ารู้จัก "จ่านิว" ก็เก็บคำถามนี้กลับไปเลย

เถรี
01-07-2019, 22:35
ถาม : จุดประสงค์ของการบวชคือการที่จะเข้าถึงพระนิพพาน แต่ผมอยากทราบว่า ถ้าบวชมาเพื่ออยากให้คนกราบไหว้ และเรียนเพื่อที่จะได้เปรียญสูง ๆ เพื่อจะได้รับความสรรเสริญ แต่ก็ไม่ได้ผิดศีล แต่ผิดด้านอริยมรรค อยากทราบว่าจะลงนรกสถานเดียวไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าศีลสมบูรณ์ก็ไม่แน่ว่าจะต้องไปนรก เพียงแต่ว่าตอนตายถ้ากำลังใจไปเกาะในสิ่งที่เศร้าหมอง ก็อาจจะลำบากหน่อย

เถรี
01-07-2019, 22:41
ถาม : ผมอยากทราบว่าการที่เรามีความเห็นว่า ถ้าเราเป็นพระพุทธเจ้า เราก็จะมีพระญาณต่าง ๆ ที่สามารถนำพาดวงจิตไปแดนพระนิพพานได้ เพื่อเจอความสุขที่แท้จริง เราก็เลยอยากเป็นพระพุทธเจ้า และอีกกรณีหนึ่งถ้าอยากเป็นพระพุทธเจ้าเพราะคิดว่าเท่ดี พรหม เทวดา บูชาสรรเสริญเรา อยากทราบว่าความตั้งใจทั้ง ๒ นี้สามารถทำให้บรรลุเป็นพระพุทธเจ้าได้เหมือนกันเปล่าครับ ?
ตอบ : ความตั้งใจไม่ได้ทำให้บรรลุเป็นพระพุทธเจ้า แต่ความเพียรพยายามในการสร้างบารมีด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ ทำให้บรรลุเป็นพระพุทธเจ้า เพราะฉะนั้น..ถึงเราจะตั้งใจอย่างไร ถ้ามีความเพียรอย่างแท้จริงก็บรรลุได้ทั้งนั้น

เถรี
01-07-2019, 22:47
ถาม : ผมเดิน ๆ อยู่แล้วเห็นรูป ถ้าผมหยุดที่ตาเห็นรูป ไม่ได้ไปคิดว่าคนที่เดินมาเป็นใคร ราคะจะไม่เกิดใช่ไหมครับ ?
ตอบ : แค่เห็นเป็นผู้หญิงกับผู้ชายก็แย่แล้ว แสดงว่าสภาพจิตปรุงแต่งไปแล้ว ราคะพร้อมที่จะเกิดแล้ว

เถรี
01-07-2019, 22:48
ถาม : ถ้าคนที่ไม่ได้เป็นพระอรหันต์แต่อยากจะทรงสังขารุเปกขาญาณต้องใช้ฌานสมาบัติ หรือสมาธิมาช่วยหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : จะเป็นระดับไหนก็ใช้สมาธิทั้งนั้น แต่ยิ่งระดับสูง ด้วยความที่สติปัญญาของท่านแหลมคมว่องไวมาก มีความชำนาญในการตัดละกิเลสหรือป้องกันไม่ให้กิเลสเกิดขึ้นมากกว่า มีความคล่องตัวมากกว่า บางทีการกระทำของท่านก็เหมือนกับไม่ได้ตั้งท่าอะไรเลย หรือบางท่านใช้สมาธิเข้าช่วยโดยไม่รู้ตัว

สิ่งทั้งหลายเหล่านี้จะว่าไปแล้วก็คือ ศีลเป็นพื้นฐานของสมาธิ สมาธิเป็นพื้นฐานของปัญญา ปัญญาไปคุมศีลและสมาธิอีกทีหนึ่งทั้งหมด ผูกพันเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ไม่ว่าเราจะไปในแง่ไหนมุมไหนก็มีส่วนของสมาธิรวมอยู่ด้วยทั้งนั้น

เถรี
01-07-2019, 23:01
ถาม : ในด้านสิทธิของมนุษย์ ทุกคนมีสิทธิที่จะรวมกลุ่มประท้วงในเรื่องต่าง ๆ เช่น ในต่างประเทศส่วนใหญ่จะประท้วงเรื่องโลกร้อนหรือเพศที่ ๓ และในปัจจุบันที่ประเทศไทยเท่าที่ผมติดตามข่าวมา ไม่แน่อาจจะมีการประท้วงในด้านการเมือง ตัวผมอยากทราบว่า ถ้าการที่คนเราไปเข้าร่วมการประท้วงเพื่อจะช่วยเหลือประเทศชาติ จะเป็นบุญหรือไม่ครับ ?
ตอบ : ถ้าไปด้วยใจที่ประกอบไปด้วยโทสะ คิดเบียดเบียนเขา โอกาสที่จะรับบาปมีมากกว่าเยอะ

ถาม : พระสงฆ์ในศาสนาพุทธสามารถรวมกลุ่มประท้วง เพื่อประเทศชาติหรือศาสนาได้หรือไม่ครับ และจะเป็นการขัดพระวินัยหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ถ้าในเรื่องของพระวินัยไม่ได้กล่าวเอาไว้ แต่มีห้ามการกระทำประหนึ่งฆราวาส และขณะเดียวกันท่านก็ให้คล้อยตามพระราชา (กฎหมาย) ถ้ากฎหมายมีห้ามเอาไว้ก็แปลว่าทำไม่ได้

เถรี
02-07-2019, 08:01
ถาม : ที่หลวงพ่อบอกกล่าวเตือนผมว่า "ยังไม่เบื่อที่จะถามใช่ไหม ? จำไว้ว่ายิ่งถามยิ่งฟุ้งซ่าน มีแต่โทษมากกว่าประโยชน์ ถ้ายังไม่เห็นโทษก็ถามมาได้เรื่อย ๆ แต่ถ้าเห็นโทษเมื่อไรก็บอกด้วย" ผมพิจารณาดูแล้วถ้าว่ากันตรง ๆ การที่ผมถามมากสามารถทำให้ผมฟุ้งซ่านได้ พอผมฟุ้งซ่านจิตใจจะไม่สงบ ผมที่จิตใจไม่สงบฌานสมาบัติที่เสื่อมก็เกิดไม่ได้ พอฌานสมาบัติเกิดไม่ได้ ญาณที่เป็นเครื่องรู้ ที่มีอำนาจในการหาเหตุหาผลอย่างไม่น่าเชื่อ ก็ไม่สามารถเกิดได้ พอญาณเกิดไม่ได้ ผมก็ไม่สามารถเอาความสามารถด้านนี้มาใช้ประโยชน์เพื่อช่วยตนเองได้และช่วยคนอื่นไม่ได้อีกด้วย สรุปแล้วกำลังใจผมยังอ่อนแออยู่มาก ๆ อยากถามความเห็นของหลวงพ่อ ว่าผมเข้าใจถูกหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : เขาเรียกว่าดีชั่วรู้หมด แต่อดไม่ได้ ออกแนวปทปรมะเลย..!

เถรี
02-07-2019, 08:06
ถาม : การฆ่าพ่อแม่หรืออนันตริยกรรม จำเป็นหรือไม่ครับที่จะต้องฆ่าด้วยกายอย่างเดียว หรือวาจากับใจ ก็สามารถทำได้ด้วย ?
ตอบ : ทำได้..เช่นเกลี้ยกล่อมว่า “พ่อ...ตายแล้วสบาย รีบตายเถอะ” ในบาลีเขาบอกไว้เลย มรณสังวัณณา แปลว่า สาธยายคุณประโยชน์ของความตาย แล้วอีกฝ่ายหนึ่งยอมตาย โดนอาบัติปาราชิกเท่ากัน

เถรี
02-07-2019, 08:07
ถาม : โยมมักเห็นนิมิตพระพุทธรูปในสมาธิบ่อย ๆ ค่ะ เป็นเพราะเหตุใดคะ และจากนี้จะพิจารณาต่ออย่างไรคะ ?
ตอบ : เป็นเพราะกำลังใจเกาะดีมากกว่าชั่ว วิธีที่ดีที่สุดก็คือ จับภาพพระเป็นอนุสติไปเลย

เถรี
02-07-2019, 08:20
ถาม : ครั้งที่แล้วหลวงพ่อพูดถึงการตายของคนใกล้ตัวสองคน หลวงพ่อได้กล่าวถึงจิตสุดท้าย โยมสงสัยว่าถ้าอย่างคนที่ตายด้วยวิธีการุณยฆาต จะมีโอกาสไปสู่ภพภูมิที่ดีมากกว่าไหมคะ เพราะในจิตสุดท้ายเขาไม่มีทุกขเวทนากัน ?
ตอบ : ต้องดูว่าจิตสุดท้ายของเขาเกาะอะไร ไม่ใช่ดูว่ามีทุกข์หรือไม่มีทุกข์ สภาพจิตเกาะอะไรก็ไปอย่างนั้น

ถาม : อย่างในเนเธอร์แลนด์จะอนุญาตให้ทำการุณยฆาตได้ ถ้าหมอลงความเห็นว่ากำลังจะตายภายในระยะเวลาอันใกล้มาก ๆ แทนที่จะปล่อยให้ทรมาน หมอก็จะฉีดยาให้ค่อย ๆ หลับไป ถ้าเราขอตายแบบนี้ เป็นการละเมิดกฎแห่งกรรมไหมคะ ?
ตอบ : ถือว่าเป็นการฆ่าตัวตายอย่างหนึ่ง ก็คงต้องทำต่อเนื่องไปอย่างน้อย ๕๐๐ ชาติ..! จำเอาไว้ว่าในเรื่องของวิทยาศาสตร์หรือการแพทย์ เอามาเกี่ยวข้องกับศีลธรรมไม่ได้ เพราะว่าเป็นคนละส่วนกัน Euthanasia หรือ Mercy Killing เป็นค่านิยมของต่างประเทศเขา ส่วนใหญ่ที่ทำอย่างนั้นเกี่ยวเนื่องกับเศรษฐกิจ ก็คือถ้าอยู่ต่อไปจะสิ้นเปลืองมาก เพราะว่าลูกหลานต้องจ่ายเงิน แบบบ้านเราที่เข้าโรงพยาบาลเอกชนคืนหนึ่งตั้งสามสี่หมื่นบาท

ในเมื่อเกี่ยวเนื่องกับเศรษฐกิจ วิธีคิดแบบฝรั่งก็คือ ทำกำไรให้มากที่สุด ขาดทุนให้น้อยที่สุด ก็ปล่อยให้ตายไปดีกว่า จะได้หมดเปลืองน้อย ในเมื่อเป็นส่วนของทางโลกที่โยงผลได้ผลเสียของทางเศรษฐกิจ ก็เลยเอามาปนกับเรื่องของศีลธรรมไม่ได้ เพราะว่าเป็นคนละประเด็นกัน

ถาม : ถ้าเราขอตายแบบนี้ จะยังมีโอกาสเข้าพระนิพพานได้ไหมคะ ถ้ายังระลึกถึงพระนิพพานได้ ?
ตอบ : ถ้าความสามารถเท่ากับพระโคธิกะก็ได้ แต่คาดว่าคงไม่มีอย่างพระโคธิกะท่านอีกแล้ว

เถรี
02-07-2019, 08:21
ถาม : ศีลข้อ ๗ เว้นจากการฟ้อนรำ ขับร้อง บรรเลงดนตรี ดูการละเล่นอันเป็นข้าศึกต่อพรหมจรรย์ ถ้าเราเล่นเฟซบุ๊ก ดูยูทูบ ดูละครทีวี จะผิดศีลข้อนี้ไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าไม่ได้ทำไปเพื่อการปฏิบัติธรรม ก็ผิดเต็ม ๆ

เถรี
02-07-2019, 08:25
ถาม : มีคนฝากทำบุญบวชพระมากับผม แต่ทางเจ้าภาพงานบวชบอกไม่รับ เพราะมีเงินเพียงพอแล้ว ผมสามารถนำเงินที่เขาฝากทำบุญบวชพระมานี้ ไปทำบุญสังฆทาน วิหารทาน หรือธรรมทาน จะได้หรือไม่ครับ ?
ตอบ : ระวังจะโดนโทษเท่ากับย้ายเจดีย์ ไปหาที่อื่นซึ่งเขามีบวชพระ แล้วก็ทำให้เขาไปสิ

ถาม : เพื่อนของผมจะบวชเดือนหน้านี้ครับ ผมตั้งใจว่าจะเก็บเงินเพื่อนำไปทำบุญงานบวชของเพื่อนคนนี้ สัปดาห์ละ ๑ ครั้ง ผมอยากทราบว่า ถ้าผมทำบุญไปทั้งหมด ๓ ครั้ง ผมจะได้อานิสงส์การบวชพระแค่ครั้งเดียว หรือว่าได้ทุกครั้งที่ทำบุญครับ ?
ตอบ : ต้องดูว่าเราบวชพระกี่รูป ไม่ใช่ดูว่าบวชกี่ครั้ง เป็นเจ้าภาพบวชพระ ๑ รูป อานิสงส์จะได้เท่าไร ? ถ้าเขาบวช ๒ รูป ก็เพิ่มเข้าไปเท่าตัว ถ้าบวช ๓ รูปก็คูณ ๓ เข้าไป ไม่ใช่ทำเป็นจำนวนครั้ง ต่อให้คุณทำสัก ๑๐๐ ครั้ง ถ้าบวชรูปเดียวกันก็ได้บุญเท่าเดิม

เถรี
02-07-2019, 08:27
ถาม : ปกติผมเป็นคนที่ไม่ห้อยพระในตอนนอน หลังจากตื่นนอนแล้วก็ไปอาบน้ำ ในระหว่างที่กำลังอาบน้ำอยู่ ผมสามารถที่จะอาราธนาวัตถุมงคลเตรียมไว้ก่อนได้หรือไม่ครับ พอหลังจากอาบน้ำเสร็จ ตอนจะออกจากบ้านก็นำวัตถุมงคลมาห้อยคอโดยที่ไม่ต้องอาราธนาใหม่อีกรอบ ไม่ทราบว่าผมทำแบบนี้ได้หรือไม่ครับ ?
ตอบ : ถ้าใจสามารถเกาะพระได้ตลอดก็ไม่ต้องอาราธนาใหม่ ถ้าทำไม่ได้ก็จงอาราธนาเสียดี ๆ..!

เถรี
02-07-2019, 08:30
ถาม : เมื่อเดือนก่อนที่มีผู้ถามหลวงพ่อเรื่องการขายคอนโดที่พัทยา หลวงพ่อบอกว่าให้ไปบนหลวงพ่อสุ่น วัดแหลมสิงห์ อยากทราบว่า หากลูกต้องการขายตึกแถวที่อุดรธานี ควรจะไปกราบขอพรหรือบนที่ไหนดีคะ ?
ตอบ : หลวงพ่อสุ่นอยู่อุดรธานีไหม ? ถ้าอยู่ก็บนได้เลย

ทางภาคอีสานนี่ใครจะบนอะไรก็วิ่งไปหาพ่อปู่ศรีสุทโธกันหมด เพราะฉะนั้น..อยู่อุดรธานีถือว่าเป็นพื้นที่อีสานก็ไปบนทางนั้นแล้วกัน รู้จักท่านไหม ?

เถรี
02-07-2019, 08:30
ถาม : รถที่ได้รับการเสกและมีวัตถุมงคลในรถ ถ้าเราขึ้นไปนั่งหรือยืนบนหลังคารถจะเป็นการสมควรหรือไม่คะ ?
ตอบ : ถ้ารู้ว่ามีวัตถุมงคลเป็นรูปพระพุทธ เป็นรูปพระสงฆ์อยู่ ถ้ายังตั้งใจขึ้นไป แปลว่าโดนโทษปรามาสพระรัตนตรัย

เถรี
02-07-2019, 08:31
ถาม : ที่หอฉันวัดท่าขนุน เวลาที่พระฉันอาหารอยู่ชั้นล่าง การขึ้นไปบนชั้นสองจะเป็นการสมควรหรือไม่คะ ?
ตอบ : ถ้าคิดมากก็ไม่สมควร ถ้าคิดว่าเป็นคนละส่วนกัน ก็ไม่ต้องไปยุ่งกับส่วนนั้น อันนี้เขาเรียกว่าปรุงแต่งหาเรื่องลงนรก..!

เถรี
04-07-2019, 19:41
พระอาจารย์กล่าวว่า "หลายอย่างที่เราได้ยิน ได้ฟัง ศึกษามา บางทีเป็นคนละส่วน คนละประเด็นกัน แต่เราก็จับมาชนกัน อย่างเช่นประเด็นเรื่องการทำแท้ง เรื่องการุณยฆาต เรื่องพวกนี้ถ้าเอาศีลธรรมเข้าไปจับเมื่อไรก็ผิดเมื่อนั้น แต่เราจะเห็นว่าในหลายประเทศมีกฎหมายอนุญาตให้ทำได้ กฎหมายอนุญาต..ไม่ได้แปลว่าไม่ผิดศีลธรรม

เรื่องของการหลงประเด็นเหล่านี้ แม้แต่ในคณะสงฆ์ก็เป็น เช่น การต้องอาบัติหรือทำให้ศีลขาดของพระ ทันทีที่ทำกรรมนั้นสำเร็จ ศีลก็ขาดไปแล้ว แต่ปัจจุบันนี้ส่วนใหญ่แล้วรอให้มีการฟ้องศาล รอให้ศาลตัดสินก่อน..ซึ่งไม่ใช่ เพราะว่าในเรื่องของทางธรรมนั้น โทษของคุณรับไปเต็ม ๆ ทันทีที่ทำกรรมนั้นสำเร็จ ไม่ใช่ไปรับเอาตอนที่ศาลตัดสิน

ปัจจุบันมีมากกว่านั้นอีก อย่างเช่นโดนข้อหาฉ้อโกงเงิน ถ้าจำนวนเงินเกิน ๑ บาท ซึ่งลักษณะนั้นก็คือต้องอาบัติปาราชิก ขาดความเป็นพระไปในทันทีที่ทำ แต่สมัยนี้มีการคืนเงินและหมดโทษด้วย ขอบอกว่าหมดโทษแค่การลงโทษทางโลกที่กฎหมายเขาว่าไว้เท่านั้น ส่วนในเรื่องของทางธรรมคุณยังคงรับไปเต็ม ๆ อยู่ดี"

เถรี
04-07-2019, 19:56
"การหลงประเด็นในปัจจุบันนี้มีมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะบรรดาสื่อต่าง ๆ ถึงเวลาก็พิพากษาตัดสินด้วยตัวเองเสร็จสรรพเรียบร้อย พอเหตุการณ์ไม่ได้เป็นไปตามที่ตนเองคิดว่าคาดว่าเอาไว้ ก็ไม่มีการแก้ข่าวให้ ลักษณะนี้เป็นการสร้างกรรมหนักให้กับตนเอง ถ้าเกิดชาติใหม่เมื่อไร เรื่องที่จะโดนคนอื่นเขาใส่ร้ายหรือใส่ไคล้นินทา โดนสารพัดข้อหาโดยที่ตนเองไม่ได้ทำ ก็ถือเป็นเรื่องปกติสำหรับคนประเภทนี้"

เถรี
04-07-2019, 20:13
พระอาจารย์กล่าวว่า "กำลังใจของเราส่วนใหญ่แล้วมีการยึดมั่นถือมั่นที่แก้ไม่ตก ก็คือมักจะคิดว่าสิ่งที่ตัวเองคิด สิ่งที่ตัวเองพูด สิ่งที่ตัวเองทำนั้นดีแล้ว ถูกแล้ว อาตมาอยากจะบอกว่าดีแค่นั้น ถูกแค่นั้น ถ้ากำลังใจของเราละเอียดขึ้น มีการปฏิบัติที่สูงขึ้น ก็จะมองเห็นว่า ที่ผ่านมานั้นยังไม่ถูก แต่ก็จะไปยึดมั่นถือมั่นว่า ตอนนี้ดีแล้ว ถูกแล้วอีก

ท้ายสุดจะเป็นการตู่ว่าสิ่งที่พระพุทธเจ้ารู้มีแค่นี้ ซึ่งอันตรายมาก เพราะว่าจะกลายเป็นโทษปรามาสพระรัตนตรัยโดยไม่รู้ตัว เหมือนกับหิ่งห้อยในกะลาครอบ แล้วไปเดาว่าดวงอาทิตย์สว่างเท่ากับความสว่างของตนเองในกะลาเท่านั้น

นักปฏิบัติธรรมจะต้องพยายามระมัดระวังตรวจสอบอยู่เสมอ อยู่ในลักษณะของ อัตตนา โจทยัตตานัง คือกล่าวโทษโจทย์ตนเองอยู่เสมอ โดยเอากำลังใจของพระอริยเจ้ามาประกอบ ก็คือ ตราบใดที่ยังมีสังขารร่างกายนี้อยู่ ตราบนั้นยังไม่ดีจริง

เรื่องของกิเลสเป็นเรื่องยาก เพราะว่ากิเลสฝังรากลึกอยู่ในใจของเรามา ชาติแล้วชาติเล่าจนนับไม่ถ้วน มายาของกิเลสก็มาก หลอกเราอยู่ทุกเวลา ทุกนาที ดึงให้เราสนใจสิ่งอื่นที่นอกเหนือไปจากศีล สมาธิ ปัญญาที่เราปฏิบัติอยู่ เมื่อเป็นเช่นนั้นการปฏิบัติธรรมจึงต้องใช้ความระมัดระวัง และใช้ปัญญาให้มากเข้าไว้ ไม่อย่างนั้นก็อาจจะเผลอเดินตามกิเลสไปโดยไม่รู้ตัว"

เถรี
04-07-2019, 20:39
"โดยเฉพาะหลายท่านที่ได้ทิพจักขุญาณ อาตมายืนยันว่ายิ่งรู้เห็นชัดเจนเท่าไร โอกาสโดนหลอกก็ยิ่งมากเท่านั้น ไม่รู้ไม่เห็นเลยจะปลอดภัยกว่า แต่ว่าส่วนใหญ่ก็คัน อยากจะรู้ อยากจะเห็น อยากจะเป็น ถ้าอยากแบบนั้นก็ทำไปเถอะ พอเป็นแล้วจะรู้ว่าสาหัสแค่ไหน เพราะว่าส่วนใหญ่แล้วท่านทั้งหลายเหล่านั้น ก็มีความยึดมั่นอยู่ว่า กูเห็น กูก็เลยเชื่อ ผู้รู้เตือนก็ไม่ฟัง เพราะว่าเห็นมาด้วยตัวเอง

อาตมาเคยเปรียบเทียบให้ฟังหลายครั้งว่า เราเห็นคนเขาไล่ยิงไล่ฟันกันมา เราก็ลากมีดลากปืนไปช่วย จะโดนเขากระทืบตาย เพราะว่าเขากำลังถ่าย Fast 9 กันอยู่ สิ่งที่เราเห็นจริงไหม ? จริง...แต่เรื่องที่เราเห็นนั้นจริงไหม ? ไม่จริง...เพราะว่าเขาแสดงหนังกันอยู่

ฉะนั้น...ยิ่งรู้เห็นชัดเจนเท่าไร โอกาสโดนหลอกก็ยิ่งมาก เพราะว่าเราไปยึดมั่นถือมั่นว่า กูเห็น กูจึงเชื่อ วิธีที่ปลอดภัยที่สุดคือรับรู้ทุกอย่างด้วยความเคารพ ไม่ต้องให้ความสนใจมาก ถ้าเป็นไปตามนั้นก็ขอบคุณที่มาแสดงให้รู้ล่วงหน้า ถ้าไม่เป็นไปตามนั้น เรื่องทั้งหลายเหล่านี้โอกาสผิดมีมากกว่าถูกอยู่แล้ว เราไม่ต้องไปใส่ใจ

เรื่องที่ ๑ ถูก ก็อย่าปักใจว่าเรื่องที่ ๒ จะถูกด้วย เรื่องที่ ๑ ที่ ๒ ถูก ก็อย่าปักใจว่าเรื่องที่ ๓ จะถูกด้วย ถ้าทำอย่างนี้ได้โอกาสโดนหลอกก็น้อยลงหน่อย แค่น้อยลงนะ..ไม่ใช่ไม่โดน

ฉะนั้น...ในส่วนนี้ที่ปลอดภัยที่สุดก็คือ พิจารณาให้เห็นว่า ถ้าเกิดมาก็ต้องโดนแบบนี้ ขึ้นชื่อว่าการเกิดมาแบบนี้จะไม่มีสำหรับเราอีก ต้องบอกว่าพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส ตัดความอยากในร่างกาย ตัดความอยากเกิดเสีย ก็ในเมื่อเขาเอามาหลอกเรา เราก็เบื่อ เบื่อแล้วก็เลิกคบไปเลย"

เถรี
04-07-2019, 20:44
"แบบเดียวกับอาตมา มีอยู่ระยะหนึ่ง มีผีบ้าง มีเทวดามาบ้าง มาบอกว่าขุมทรัพย์อยู่ที่นั่นที่นี่ ให้ไปขุดเพื่อเอามาใช้ในงานของพระพุทธศาสนา พอไปสถานที่ก็ตรงกับที่เขาบอกทุกอย่าง แต่ขุดแล้วไม่ได้ เขาก็อ้างว่าทำผิดอย่างนั้น เวลาไม่ถูกอย่างนี้ ต้องมาใหม่ โดนไปสองครั้งอาตมาเลิกเลย บอกว่า "ถ้าคราวหน้าจะให้ ขนเอาไปขายแล้วโอนเงินเข้าบัญชีมาถึงจะรับ มึงไม่ต้องเสียเวลามาหลอกอีกแล้ว กูไม่ไป...!"

เถรี
04-07-2019, 21:05
พระอาจารย์กล่าวว่า "หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านสั่งพระไว้ ว่าพยายามอ่านพระไตรปิฎกให้จบ ท่านบอกว่าท่านอ่านพระไตรปิฎกปีละ ๑ จบ อาตมาลองทำดู ๓๐ ปีได้แค่ ๗-๘ จบ ทั้ง ๆ ที่เป็นคนที่อ่านหนังสือเร็วมาก

เหตุที่เป็นเช่นนั้น เพราะว่าส่วนท้าย ๆ ที่เป็นพระอภิธรรม ๔๒,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ เป็นส่วนที่ทำความเข้าใจได้ยากมาก ถ้าอ่านแล้วไม่เข้าใจ อาตมาก็ไม่อยากอ่าน ก็เลยพยายามอ่านแบบทำความเข้าใจไปด้วย ก็เลยอ่านได้ช้ามาก จากที่หลวงพ่อท่านอ่านปีละจบ อาตมา ๓๐ กว่าปี อ่านได้แค่ ๗-๘ จบ ก็แปลว่าห่างจากที่ท่านต้องการเป็นอันมาก"

เถรี
04-07-2019, 21:29
เครื่องเสียงมีปัญหา "หาสาเหตุด้วยว่าพังเพราะอะไร ไม่ใช่แค่รู้ว่าพัง ถ้าแค่รู้ว่าพัง งวดหน้าก็จะพังอีก ถ้าเป็นไปได้ก็ยกแผงไปให้เขาเช็คว่าจุดไหนเสีย ไดโอดตัวเดียวก็มีปัญหาแล้ว เพราะว่าเครื่องเสียงละเอียดอ่อน

ถ้าจะเอาดังกว่านี้เราก็เพิ่มเสียง ถ้าจะเอาเบาก็พูดเบาลง ถ้ามากกว่านี้แล้วกินกำลังเครื่องมากยังไม่พอ เสียงยังก้องสะท้อนอีก เมื่อวันก่อนพูดอยู่ในงานศพท่านมหาสันติ เจ้าของเครื่องเสียงก็เร่งเสียง เลยต้องด่าไป “มึงจะเร่งไปหาอะไร กูพูดเบาเอง” ของเขาพอดีอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าถ้ารู้สึกว่าดังไปอาตมาจะพูดเบาลง ถ้าหากว่าเบาไป พูดแล้วเหนื่อย จะให้เขาเร่งเสียงขึ้น แต่ไอ้นี่แสนรู้..รีบเร่งเองเลย"

เถรี
04-07-2019, 21:34
พระอาจารย์กล่าวว่า "เมื่อวันที่ ๒๖ มิถุนายน ๒๕๖๒ ไปร่วมงานปฐมนิเทศเจ้าสำนักปฏิบัติธรรมและตัวแทนจากสำนักปฏิบัติธรรม ซึ่งไปทบทวนการปฏิบัติธรรม ๑๕ วัน ที่อาคารปฏิบัติธรรมโพธิญาณมหาวิชชาลัย

พอให้โอวาทเสร็จ เจ้าคณะภาคท่านก็บอกให้นำเจริญพุทธมนต์ถวายสมเด็จพระสังฆราช มีแต่คนเกี่ยงกัน ท่านเจ้าคุณราชรัตนมุนีหรือท่านเจ้าคุณบุญเทียม เลขานุการหนฯ ท่านก็ไม่เอา โยนให้ท่านเจ้าคุณปัญญา ท่านเจ้าคุณปัญญา เลขานุการภาคฯ ก็โยนมาให้พระอาจารย์เล็ก

อาตมาเข้าใจดีว่าทำไมท่านเกี่ยงกัน เวลาพระหรือโยมสวดมนต์มาก ๆ แล้วจะลากจนยืด คนนำสวดเหนื่อยตายเลย พอพระอาจารย์เล็กขึ้นไปปัญหานี้ไม่มี เพราะว่าจะสวดให้เร็วกว่าปกติครึ่งจังหวะ พอเขาเร่งตามก็จะพอดี แต่ก็เหนื่อย เพราะว่าต้องเสียงดังกว่าเขาและต้องคุมจังหวะเขาได้ เพียงแต่ว่าปัญหาสวดมนต์ยืดอืดเป็นเรือเกลือจะไม่มี

แบบเดียวกับที่วัดท่าขนุน สั่งพระท่านไว้เลยว่า ถ้างานใหญ่ ๆ โยมเยอะ ๆ สวดให้เร็วกว่าปกติครึ่งจังหวะแล้วจะพอดี ไม่อย่างนั้นแล้วโดนถ่วงจะอืดเป็นเรือเกลือ แล้วก็ไปกันไม่ได้ พอพระท่านเหนื่อยมาก ๆ ท่านก็จะหยุด ก็ปล่อยโยมกันไป "พุท....โธ" เป็นทุกที่ ไปสังเกตได้ สำคัญที่หัว ถ้าหากว่าหัวเร่งขึ้นเสียงดังได้ พวกนั้นจะตามมาเอง แต่ถ้าหัวเร่งไม่ขึ้นนี่ตายเลย

วันก่อนก็เลยโยนกันไปโยนกันมา ในที่สุดหน่วยกล้าตายอย่างอาตมาก็ต้องขึ้นไป"

เถรี
04-07-2019, 21:38
"โดยเฉพาะบรรดาเจ้าสำนักปฏิบัติธรรมส่วนใหญ่แล้วอาวุโสมาก สังเกตกันว่าถ้าคุยเรื่องการปฏิบัติธรรมว่าสายไหนดีอย่างไร ? เหมาะอย่างไร ? จะเถียงกันแหลกทุกครั้ง ก็คือเอากิเลสไปชนกัน โดยที่ลืมไปว่าการปฏิบัติธรรมทุกสายมาจากพระพุทธเจ้าทั้งหมด เพียงแต่ว่าครูบาอาจารย์ของตนเองนั้นถนัดแบบไหนก็สอนแบบนั้น พอมีคนเชื่อถือมาก ๆ เข้าก็กลายเป็นสายหนึ่งขึ้นมา

อย่างปัจจุบันนี้ถ้าพูดถึงสายธรรมกายก็ยังแยกออกเป็น ๒ สายก็คือธรรมกายแบบวัดปากน้ำ หรือธรรมกายแบบวัดธรรมกาย ถ้าธรรมกายแบบวัดปากน้ำก็ยังมีวัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม เป็นต้นแบบอยู่ เพราะว่าหลวงป๋าท่านปฏิบัติจนกระทั่งทำได้จริง แล้วท่านเป็นพระ

แต่ว่าในวัดปากน้ำ บรรดาท่านที่ทำแล้วอยู่ในระดับหัว ๆ เป็นแม่ชีทั้งหมด ก็เลยกลายเป็นวัดหลวงพ่อสดธรรมกายารามต้องออกหน้า เป็นสายธรรมกายวัดปากน้ำ ส่วนทางด้านธรรมกายสายวัดธรรมกายคลองหลวง ท่านไปไกลแล้ว มีสาขาทั่วโลกเลย"

เถรี
04-07-2019, 21:45
"ในส่วนนี้เราจะเห็นว่า แม้กระทั่งสายการปฏิบัติเดียวกัน พอมีความต่างในแนวทางคำสอนก็แยกสายออกไปได้อีก เหมือนกับกิ่งไม้ มาถึงก็แตกง่าม เพราะฉะนั้น..ตรงนี้ภาษานักวิชาการเขาเรียก อาจาริยวาท ก็คือถือคำสอนของอาจารย์เป็นใหญ่

แม้กระทั่งสายวัดป่าในปัจจุบัน ถ้าเราสังเกตก็จะมีสายหลวงตาบัว ก่อนหน้านี้มีหลวงปู่มั่นสายเดียว ตอนนี้จะมีสายหลวงตามหาบัว มีสายหลวงพ่อชา วัดหนองป่าพง ปัจจุบันนี้ยังมีสายท่านอาจารย์คึกฤทธิ์ วัดนาป่าพงอีก ไปกันใหญ่ แตกหลายกิ่งหลายก้าน ไม่ต้องแปลกใจว่าพระพุทธศาสนาของเราพอมาถึงยุคประมาณ พ.ศ. ๓๐๐ เศษขึ้นมา แตกออกเป็นถึง ๑๗-๑๘ นิกาย

นิกายที่ได้รับความเชื่อถือมากที่สุดก็คือมูลสรวาสติวาท ซึ่งยังถือพระธรรมวินัย ๒๒๗ ข้ออยู่ แต่มีส่วนเสริมเข้ามา อย่างปัจจุบันนี้พุทธมามกะในประเทศอินเดียเขาไม่ได้ถือศีล ๕ เขาถือศีล ๒๒ มากกว่าเราเข้าไปอีก ๑๗ ข้อ เพราะว่าท่านทั้งหลายเหล่านั้นส่วนใหญ่แล้วพื้นเดิมเป็นฮินดู ก็จะต้องมีศีลที่ห้ามกลับไปยุ่งเกี่ยวกับฮินดูด้วย แต่เขาก็ยอมรับกันได้ เพราะว่าศาสนาพุทธของเราไม่มีการถือชั้นวรรณะ เห็นว่าทุกคนเป็นเพื่อนร่วมทุกข์เกิดแก่เจ็บตายเหมือนกันหมด

เพราะฉะนั้น..ทางด้านอินเดีย ศรีลังกา ถ้าประกาศตนเป็นพุทธมามกะแล้วนี่ก็คือทั้งชีวิตเลย ไม่มีการชักเข้าชักออก เพราะว่าถ้าคุณย้อนกลับไป ฮินดูเขาก็ไม่รับแล้ว เพียงแต่ว่าอินเดียหรือศรีลังกาของเขาถ้าปฏิบัติก็คือทุ่มเทจริง ๆ พระไทยเคยไปแล้วไปสูบบุหรี่ให้เห็น คนอินเดียเขากระชากบุหรี่โยนทิ้งเลย “คุณเป็นนักบวช กิเลสแค่นี้ยังละไม่ได้แล้วจะไปสอนใคร” เขาเล่นแรงขนาดนั้น สูบบุหรี่บ้านเราที่ไม่มีความผิดตามพระวินัย แม้ว่าปัจจุบันนี้ถ้าหากว่าสูบผิดที่จะผิดกฎหมาย บ้านเขานี่เห็นความผิดพอ ๆ กับอาบัติปาราชิกเลย ปาราชิกบ้านเรานี่ขาดความเป็นพระไปเลย"

เถรี
04-07-2019, 21:46
พระอาจารย์กล่าวว่า "พอบวชพระฉลองอายุ ๖๐ ปีเสร็จ อาตมากลายเป็นพระอุปัชฌาย์เป็ด คือ ไข่แล้วทิ้ง ไม่มีเวลาอยู่ดูแลท่านเลย แต่ละวันมีแต่งานข้างนอก วิ่งกันทีหนึ่ง ๒ งาน ๓ งานทุกวัน จนป่านนี้ ๑๐๘ รูปเหลืออยู่เท่าไรอาตมายังไม่รู้เลย ต้องรอกลับวัดไปก่อน"

เถรี
05-07-2019, 19:29
"มีพระรูปหนึ่งจะต้องอยู่..ไม่ได้สึก เพราะดันไปบนว่า ถ้าหงส์แดงชนะจะบวช นัดแรกโดนเขาหวดไป ๓-๐ ไม่มีโอกาสชนะอยู่แล้ว จำไว้ว่าอย่าบนส่งเดช บนส่งเดชก็เป็นความเฮงของคุณเอง สรุปแล้วลิเวอร์พูลพลิกกลับมาชนะ ๔-๓ ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่นัดเดียวลิเวอร์พูลจะยิงได้ ๔ ประตู แล้วอีกฝ่ายทำประตูไม่ได้เลย แต่ก็เป็นไปแล้ว สรุปแล้ว ๒ นัดเหย้าเยือนลิเวอร์พูลชนะ ๔-๓

อย่าไปบนพล่อย ๆ จะเดือดร้อนตัวเองด้วยประการฉะนี้ เขาจะไม่บวชก็กลัว ก็เลยต้องบวช อย่างน้อยก็บวชเพราะทีมฟุตบอล ดีกว่าอาตมาที่บวชเพราะหมาหน่อยหนึ่ง ตอนบวชหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบนเอาไว้ เพราะว่าช่วงนั้นหมาในวัดตายเยอะมาก ก็ขอพระท่านสงเคราะห์ ถ้าหากว่าหมาหยุดตายจะบวชพระให้ ๓ รูป"

เถรี
05-07-2019, 20:58
พระอาจารย์กล่าวว่า "เดือนนี้ค่าเทอมออกก็ต้องจ่ายประมาณ ๑ ล้านบาท ที่ส่งเรียนไม่ใช่ของพระวัดท่าขนุนก็ ๑๘ รูปเข้าไปแล้ว บวกของพระวัดท่าขนุนเข้าไปอีกเป็นกี่รูป ? ตอนนี้วัดท่าขนุนรับภาระพระภิกษุสามเณรของอำเภอทองผาภูมิ ถ้าใครไปเรียน มจร. วัดใต้ ถวายค่ารถรูปละ ๓,๐๐๐ บาทต่อเดือน นี่แค่ค่ารถเท่านั้น แล้วเราลองคิดดูว่า ถ้าบวกค่าเทอมเข้าไปด้วยจะแค่ไหน ?

เรื่องพวกนี้จะไม่ช่วยท่านก็ไม่ได้ เพราะว่าท่านมีกำลังใจที่จะเรียน แต่ว่ารายได้ไม่แน่นอน ถ้าไม่มีกิจนิมนต์ ก็ไม่รู้ว่าจะเอาเงินที่ไหนไปเรียน แค่ค่าเดินทางก็แย่แล้ว เมื่อวานนี้ผู้ช่วยศาสตราจารย์ด็อกเตอร์พิเชฐ ทั่งโต ท่านไปบรรยายพิเศษในงานปฐมนิเทศและไหว้ครูประจำปี บอกว่าการสร้างวิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรีช่วยให้พวกท่านไม่ต้องเดินทางไกล สมัยหลวงพ่อเล็กท่านต้องไปเรียนถึงวัดไร่ขิง เดินทางครั้งหนึ่งเกือบ ๓๐๐ กิโลเมตร คราวนี้ ๓๐๐ กิโลเมตรอาตมาสู้ได้ เพราะกำลังใจที่จะเรียนก็มี ค่ารถก็มี แต่คนอื่นเขาไม่ได้อย่างนั้น

แบบเดียวกับที่ส่งท่านกอล์ฟไปเป็นเจ้าอาวาสวัดพุทธบริษัท ๓ ปีมีกิจนิมนต์ครั้งหนึ่ง ได้มา ๑๐๐ บาท ๓ ปีมีรายได้ตั้ง ๑๐๐ บาท..! เพราะฉะนั้น..ถ้าอาตมาไม่ตั้งเงินเดือนให้ท่านก็อยู่ไม่ได้ ก็อาจจะเป็นอานิสงส์ตรงส่งเขาเรียนนี่แหละ ก็เลยโดนถีบให้ไปเป็นรองเจ้าคณะอำเภอ จะได้จ่ายให้ถนัดหน่อย เพราะว่าอยู่ในความรับผิดชอบแล้ว

ตอนนี้การเรียนระดับปริญญาตรี ปริญญาโท ก็แพง แล้วก็ยังมีหลักสูตรเสริมอีกเยอะ อย่างเช่นว่า ปริญญาโทต้องเรียนหลักสูตรภาษาอังกฤษ MCU 003 และ MCU 004 ถ้าของปริญญาเอกก็ต้องต่อ MCU 005 และ MCU 006 อีก"

เถรี
05-07-2019, 21:10
"ในเรื่องการศึกษา เหมือนกับวิทยาลัยสงฆ์ของเราตอนนี้กำลังหลงทาง คำว่าหลงทางก็คือ การตั้งมหาวิทยาลัยสงฆ์ทั้ง ๒ แห่ง ไม่ว่าจะเป็นมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย หรือมหามกุฎราชวิทยาลัย เป้าหมายแรกก็คือ ช่วยให้พระภิกษุสามเณรได้เรียนในระดับสูง แต่ปัจจุบันนี้แค่เรื่องค่าเทอมอย่างเดียว กลายเป็นเตะสกัดไม่ให้ภิกษุสามเณรเรียนกัน เพราะว่าราคาระดับไล่หลังมหาวิทยาลัยของรัฐบาลหรือเอกชนเลย

รุ่นอาตมาเรียนปริญญาตรีหน่วยกิตละ ๒๕ บาท แต่สมัยนี้ไปยันไหนแล้วก็ไม่รู้ ? รู้แต่ว่าเรียนปริญญาตรีนี่ถ้าเทอมไหนค่าเทอมเกิน ๒,๐๐๐ บาท พวกอาตมาโวยแล้ว แต่เดี๋ยวนี้เขามากกว่า ๓-๔ เท่า ปริญญาโทเทอมไหนถ้าเกิน ๑๘,๐๐๐ บาท พวกอาตมาก็โวยกันแล้ว แต่สมัยนี้ราคานี้ไม่ได้ครึ่งเทอม

อาตมาเรียนปริญญาเอกค่าเทอม ๓๕๐,๐๐๐ บาท ตอนนี้ได้ยินว่าจะเป็น ๔๕๐,๐๐๐ บาท ต่อไปจะเหลือสักกี่คนที่จบปริญญาเอกได้ เพราะว่าที่เรียนไม่ไหวออกกลางคันไปก็เยอะ รุ่นพี่ของอาตมาจนป่านนี้เรียนไม่จบก็เยอะ ถ้าดูอย่างหลวงพ่อโก๊ะ วัดดอนขมิ้น ต้องบอกว่าท่านมีความมานะสาหัสเลย เพราะว่าท่านเรียนก่อนอาตมา ๒ ปี แล้วจบทีหลัง ๓ ปี รวมเวลาแล้วท่านใช้ไป ๘ ปี ถามว่าหลวงพ่อโก๊ะจ่ายค่ารักษาสถานภาพไปเท่าไร ? ท่านบอกว่า “ผมเป็นพระครับ เขาเกรงใจเลยไม่คิดค่ารักษาสถานภาพ แต่บอกว่าให้รีบ ๆ จบหน่อย” ขนาดรีบจบใช้เวลา ๘ ปีเรียนปริญญาเอก แปลว่าท่านใช้เวลาทำวิทยานิพนธ์ประมาณ ๗ ปี..!"

เถรี
05-07-2019, 21:13
"ส่วนอาตมาใช้เวลา ๒ เดือนกว่า ๆ เพราะท่านอาจารย์บอกว่าไม่ครบ ๓ ปีไม่ต้องมายื่นขอสอบ อาตมาก็สบายใจ วิทยานิพนธ์คาอยู่แค่บทที่ ๓ ก็ไม่ทำต่อแล้ว...นอนรอ เหลือเวลาอีกตั้งเป็นปี ๆ ปรากฏว่าไป ๆ มา ๆ ท่านอาจารย์มาบอก “อาจารย์เล็ก..เร่งวิทยานิพนธ์หน่อยครับ ถ้าหากว่าเสร็จทันจะให้สอบเลย” ถามว่าทำไม ? “เข็นรุ่นพี่ไม่ไหว..เข็นไม่ไป”

คำว่าเข็นไม่ไป ก็อาจจะเป็นเพราะว่าคนที่มาเรียนในระดับนี้ส่วนใหญ่ก็อายุมาก อายุมากมีข้อเสียอยู่ ๒ อย่าง อย่างแรกก็คือยึดติด อันนี้เป็นข้อเสียมหาศาลเลย การศึกษาระดับปริญญาโท ปริญญาเอก เป็นการศึกษาอิสระ ยึดติดไม่ได้ ต้องเปิดรับของใหม่ ๆ โดยเฉพาะทฤษฎีและแนวความรู้ใหม่ ๆ

ประการที่ ๒ คือ พออายุมากแล้วสมองไปไม่ไหว อาตมาเองไปยืนเข้าคิวกับท่านรออาจารย์ที่ปรึกษา อาจารย์ที่ปรึกษาอธิบายครั้งที่หนึ่งก็แล้ว สองก็แล้ว สามก็แล้ว สี่ก็แล้ว ห้าก็แล้ว ท่านไม่เข้าใจ ส่วนคนยืนฟังอย่างอาตมาเข้าใจทะลุปรุโปร่งหมดแล้ว ไม่ต้องให้อาจารย์อธิบายก็ได้ ต้องบอกว่าเพดานบินท่านไม่ถึง ในเมื่อเพดานบินไม่ถึงแต่พยายามบิน ก็จะเกิดสภาพอย่างนั้น

อาตมาก็เลยใช้เวลาที่เหลืออยู่ประมาณ ๒ เดือนเร่งวิทยานิพนธ์ให้เสร็จ ไม่ได้หลับไม่ได้นอนกันแล้ว บางที ๑๐ กว่าวันไม่ได้นอนเลย ถามว่าทำไมไม่ได้นอน ? ก็ตอนนอนลงไปดันคิดได้ว่าจะเขียนอย่างไร ก็ต้องลุกขึ้นมาใหม่"

เถรี
05-07-2019, 21:16
"สรุปว่ารุ่นของอาตมาที่ช่วยเหลือกัน รักกันจริง เป็นรุ่นเดียวที่จบได้ทั้งรุ่น แม้ว่าจะมีล่าช้าบ้าง แต่จนป่านนี้รุ่นที่ ๑ ยันรุ่นที่ ๘ ยังคากันอยู่เยอะแยะเลย ท่านยี้ต้องบอกว่าน่าเสียดายมาก เพราะว่าตอนนั้นท่านเป็นเลขานุการเจ้าอาวาสวัดท่าขนุน แล้วพื้นฐานภาษาอังกฤษของท่านดีมาก ปรากฏว่าพอเรียนวิชาการจบก็ทิ้งเลย ไม่เรียนต่อ ไม่ทำวิทยานิพนธ์ บอกว่าสู้ไม่ไหว อาตมาก็เสียดาย เพราะว่าเหลือแค่วิทยานิพนธ์อย่างเดียว

ท่านหนึ่งจบด็อกเตอร์แล้ว ตอนที่ขอเรียนจะบอกกับท่านว่ายากก็ไม่ได้ เพราะว่าคนอื่นเห็นพระอาจารย์เรียนพักเดียวก็จบแล้ว จึงปล่อยท่านไปผจญภัยเอาเอง ผ่านไป ๑ เทอม น้ำหนักลดไป ๒๐ กว่ากิโลกรัม ท่านมาบอกว่า “หลวงพ่อครับ ผมรู้แล้วครับว่าปริญญาเอกยากโคตรขนาดไหน..!”

เถรี
05-07-2019, 21:18
"ตอนนี้กาญจนบุรีมีพระภิกษุและแม่ชีจบปริญญาเอก ๑๒ รูป เป็นของวัดท่าขนุนไป ๔ รูป แล้วก็พระที่เคยเป็นเด็กวัดท่าขนุนอีก ๑ รูป รวมแล้วว่าไปเกือบครึ่งจังหวัด ตอนนี้ที่รออยู่ก็คือแม่ชีแก่ ๆ ไปเรียนปริญญาเอกที่ศรีลังกา ป่านนี้ ๖ ปีแล้วยังไม่จบเลย ถ้าเรียนเมืองไทยก็จบไปนานแล้ว

ที่ไม่จบเพราะว่า อันดับแรกต้องไปทดสอบภาษาอังกฤษว่าได้ระดับที่เรียนปริญญาเอกหรือเปล่า ถ้าไม่ได้ระดับก็ต้องเรียนภาษาอังกฤษเพิ่ม และวิทยานิพนธ์ที่ทำเกี่ยวกับหลักธรรมในพระพุทธศาสนา ส่วนใหญ่ก็ต้องค้นคว้าจากตำราที่เขาเขียนเป็นภาษาบาลี-โรมัน ก็คือใช้ตัวภาษาอังกฤษ แต่เวลาเขียนแล้วมีการออกเสียงต่างออกไป ถ้าคนไม่เคยชินกับบาลี-โรมัน จะอ่านไม่ได้เลย

อย่าง SACCA เขาอ่านว่าสัจจะ เพราะตัว C ในบาลี-โรมัน คือ จ.จาน ถ้าหากว่าเป็นเราก็ออกเสียงว่าสัคคะ แม่ชีก็ต้องไปเรียนบาลี-โรมัน สรุปแล้วที่ ๖ ปียังไม่จบนี่ไม่ใช่อะไรหรอก มัวแต่ไปเรียนเพิ่มอยู่ ก็เท่ากับว่าต้องไปเรียนเพื่ออ่านพระไตรปิฎกภาษาบาลี-โรมันให้ได้ เสร็จแล้วก็รวบรวมเนื้อหามาเพื่อเขียนวิทยานิพนธ์เป็นภาษาอังกฤษ ท้ายสุดแม่ชีใช้วิธีง่าย “หลวงพ่อช่วยเขียนเป็นภาษาไทยให้หน่อย เดี๋ยวหนูไปแปลภาษาอังกฤษเอง” “เออดี...ทำไมไม่ให้หลวงพ่อเขียนเป็นภาษาอังกฤษไปเลยล่ะ..!”

เถรี
05-07-2019, 21:21
"เมื่อวานนี้ผู้ช่วยศาสตราจารย์ด็อกเตอร์พิเชฐ ทั่งโต บอกว่าเรียนแล้วได้อะไร ? อันดับแรกได้ความรู้ พระเดชพระคุณท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระมหาธีราจารย์ วัดชนะสงคราม ท่านพูดจนติดปากเลยว่า “นกไม่มีขน คนไม่มีความรู้ ขึ้นสู่ที่สูงไม่ได้” เพราะว่าบ้านเราไม่ได้เชื่อความสามารถของคน ยังเชื่อในกระดาษแผ่นเดียว

ในเมื่อเชื่อกระดาษแผ่นเดียว เราก็ต้องหากระดาษไปยืนยันความสามารถตัวเอง คราวนี้ถ้าความรู้ของเราเพิ่มมากขึ้น จะขยายโลกทัศน์ ขณะเดียวกันวิสัยทัศน์ของเราก็กว้างไกลขึ้น โลกทัศน์นี่ก็คือมุมมองที่มีต่อโลกจะกว้างขึ้น วิสัยทัศน์ก็คือแนวความคิดของตัวเอง จะชัดเจนและกว้างไกลขึ้น เพราะฉะนั้น..ความรู้อันนี้จำเป็นมาก ถ้าเราไม่เข้าไปเรียน เราก็ไม่รู้

ข้อที่ ๒ ได้ปริญญา แน่นอนอยู่แล้ว เพราะถ้าคุณพยายามตะเกียกตะกายจนจบ ก็ต้องได้ปริญญา ก็อย่างที่ว่า เอาไปเพื่อรับรองว่าตัวเองมีความรู้ความสามารถ ตรงจุดนี้ต้องบอกว่ายังเป็นจุดบอดของประเทศไทย คนมีความสามารถแต่ไม่มีปริญญาบัตร ไม่มีประกาศนียบัตรรับรองความรู้ ยังไม่ได้รับการยอมรับ ก็ต้องหางานทำเอง มีกิจการของตัวเอง ไม่อย่างนั้นแล้วจะไปเข้าบริษัทที่อื่นหรือหน่วยงานองค์กรอะไร ก็ต้องการปริญญาบัตรหรือประกาศนียบัตรรับรองทั้งนั้น"

เถรี
05-07-2019, 21:25
"ข้อที่ ๓ เรียนแล้วได้เครือข่าย พรรคพวกเพื่อนฝูงที่รู้จักกันในระหว่างที่เรียน ในแต่ละระดับชั้น ในแต่ละรุ่น อย่างอาตมาเองปัจจุบันนี้ถ้าเดินอยู่ในเขตภาค ๑๔ ร้อยละ ๙๙ ที่ผ่านมาจะยกมือไหว้ เพราะว่าถ้าไม่ใช่เพื่อนร่วมรุ่นก็จะเป็นลูกศิษย์ เนื่องจากว่าสอนมหาวิทยาลัยสงฆ์มา ๑๐ กว่าปีแล้ว

เครือข่ายตรงนี้มีคุณค่ามหาศาล ของบางอย่างที่เราทำเองแล้วจะยาก แต่ถ้ามีเพื่อนก็จะง่าย ถึงเวลาต้องการรู้เรื่องอะไร หรือว่าบางสิ่งบางอย่างที่กำลังหาอยู่ รู้ว่าอยู่ใกล้ทางด้านจังหวัดโน้น จังหวัดนี้ ก็เรามีเพื่อนร่วมรุ่น มีเพื่อนรุ่นน้อง มีครูบาอาจารย์ สมัยนี้ก็ LINE บอก รบกวนหน่อย เดี๋ยวท่านก็ช่วยจัดการให้

ข้อสุดท้ายได้ช่วยเหลือสังคม ช่วยเหลือสังคมนี้ไม่ต้องเอาอะไรมากหรอก แค่เราเดินทางไปเรียน ค่ากิน ค่าอยู่ ค่าน้ำมัน ค่าอาหาร ตกแก่ชาวบ้านทั้งนั้น ท่านพระครูวิบูลเจติยานุรักษ์ (ประไพ ปุญฺญกาโม ป.ธ.๓) ปัจจุบันก็คือรองเจ้าคณะจังหวัดสุพรรณบุรีป้ายแดง เพราะว่าเพิ่งได้รับการแต่งตั้งไล่ ๆ กัน วันก่อนเจอหน้ากันก็ “เฮ้ย...ยินดีด้วยอาจารย์เล็ก” บอก “เออ...ผมก็ยินดีกับคุณด้วย” ต่างคนต่างได้ตั้ง

เพียงแต่ว่าเป็นเพื่อนร่วมรุ่นกันท่านไปไกลกว่า ตำแหน่งท่านจะใหญ่กว่าเสมอ อาตมาขึ้นรองเจ้าคณะอำเภอ ท่านก็ไปเป็นรองเจ้าคณะจังหวัดแล้ว แค่ตำแหน่งเจ้าคณะอำเภออาตมายังกวดท่านไม่ทันเลย"

เถรี
05-07-2019, 21:28
"ท่านพระครูวิบูลย์เจติยานุรักษ์ เรียนด้วยกันที่วัดไร่ขิงตั้งแต่ระดับประกาศนียบัตร ปริญญาตรี ปริญญาโท พอจบโทท่านบอกว่า “อาจารย์เล็ก ผมไม่เอาแล้วนะ ผมไปหาเรียนที่ใกล้ ๆ วัดผมดีกว่า ผมเรียนมาจนจบปริญญาโทมานี่ เฉพาะค่ารถอย่างเดียวนี่เป็นล้านแล้ว” ลองคิดดูว่าต้องเติมน้ำมันเติมแก๊สไปล้านกว่าบาท แล้วเงินนี้ตกอยู่กับใคร ? ก็ตกอยู่กับชาวบ้านเขา

เพราะฉะนั้น..ตัวนี้ที่บอกว่าได้พัฒนาสังคมและท้องถิ่นก็ใช่ แต่ขณะเดียวกันถ้าได้ความรู้ความสามารถมาแล้วไปทำงาน อย่างอาตมาเองไม่ว่าจะเป็นหน่วยอบรมประชาชนประจำตำบล ไม่ว่าจะเป็นชุมชนคุณธรรม ไม่ว่าจะเป็นสภาวัฒนธรรม ก็สามารถใช้ความรู้ในการพัฒนาท้องถิ่นของเราได้

ดังนั้น..เมื่อวานนี้ที่ท่านอาจารย์ด็อกเตอร์พิเชฐบอกว่า "ถ้าเป็นไปได้แล้วให้เรียน โดยเฉพาะถ้ามีเครือข่าย สมมติว่าคุณมาจากจังหวัดอื่นผ่านไปทางวัดท่าขนุน ไม่มีที่กิน ไม่มีที่นอน โผล่ไปหาหลวงพ่อเล็ก บอกว่าเป็นศิษย์ มจร. อยู่ที่นั่นที่นี่ ท่านก็คงจะไม่ไล่คุณออกจากวัดมาหรอก อย่างน้อยก็ต้องมีที่กินที่นอนให้ นี่คือเครือข่าย ท่านบอกสามารถช่วยเหลือเราได้ยามลำบาก ยามเดือดร้อน อะไรที่หนักเกินกำลังก็อาศัยเครือข่ายได้" ตรงนี้เป็นเรื่องจริง

อย่างอาตมาปัจจุบันเป็นประธานองค์กรพระอุปัชฌาย์รุ่นที่ ๕๑ ในเขตปกครองคณะสงฆ์หนกลาง ก็แปลว่า ๒๓ จังหวัดใน ๖ ภาค ไปไหนก็ขอความช่วยเหลือจากเพื่อนฝูงได้หมด เป็นประธานศูนย์ประสานงานสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดกาญจนบุรี ทุกสำนักก็ไปพึ่งพาเขาได้หมด เป็นประธานสภาวัฒนธรรมอำเภอทองผาภูมิ ก็แปลว่าสภาตำบลอีก ๗ ตำบลก็อาศัยเขาได้หมด เครือข่ายพวกนี้มีแต่จะกว้างออกไป ๆ

มีบางคนส่งลูกเรียน หาโรงเรียนที่มีชื่อเสียง พยายามยัดเยียดลูกเข้าไปให้ได้ เขาบอกว่าไม่ได้ต้องการให้ลูกมีความรู้ แต่ต้องการให้ลูกได้รุ่น เราจะเห็นว่าถึงเวลาแล้วนายกรัฐมนตรี บรรดารัฐมนตรี เรียนรุ่นนั้นรุ่นนี้มาด้วยกัน เครือข่ายพวกนี้ทรงพลังกว่าที่เราคิด บางทีลูกหลานหรือคนรู้จักจะทำงานก็ฝากกันได้"

เถรี
05-07-2019, 21:30
"ปัจจุบันนี้มีกองงานพิธีการเกี่ยวกับศพที่ได้รับพระราชทาน อันนี้ต้องบอกว่าเป็นพระมหากรุณาธิคุณของในหลวงรัชกาลที่ ๑๐ โดยตรง ข้าราชการหรือว่าผู้ที่มีความสัมพันธ์กับข้าราชการ ที่สร้างคุณความดีให้แก่แผ่นดิน ถ้าอยู่ห่างไกลพระเนตรพระกรรณก็ลำบาก ปัจจุบันนี้พระองค์ท่านให้ตั้งกลุ่มงานพิธีการนี้ เกาะอยู่กับสำนักงานวัฒนธรรมทุกจังหวัด ปัจจุบันนี้บรรจุคนเข้าทำงานไป ๖,๐๐๐ กว่าตำแหน่งแล้ว และยังมีที่กำลังเพิ่มเติมมาเรื่อย ๆ

ส่วนนี้ที่กล่าวถึงเพราะว่ากลุ่มงานพิธีการของสำนักวัฒนธรรมจังหวัดกาญจนบุรี มีเด็กที่เป็นอดีตมหาเปรียญสึกหาลาเพศไปสมัครงานอยู่ ๔ คน เขาก็มากราบ "หลวงพ่อเล็ก..ช่วยพวกผมด้วยนะครับ" เพราะเห็นว่าอาตมากับวัฒนธรรมจังหวัดสนิทสนมคุ้นเคยกันมาทุกรุ่น ทำงานร่วมกันมา ก็แค่แจ้งกับหัวหน้ากลุ่มงานเขาไปว่า ๔ คนนี้เป็นเด็กวัดเก่า รู้งานเกี่ยวกับทางด้านนี้ดี ถ้าหากว่ามีการบรรจุใหม่อะไรใหม่ ถ้าหากว่าสอบได้ก็ขอให้รับเด็กพวกนี้ก่อน

งานยากของเขาก็กลายเป็นงานง่ายเพราะว่ามีเครือข่าย โดยเฉพาะที่เป็นครูบาอาจารย์คอยสนับสนุน ถ้าหัวหน้ากลุ่มงานมีเด็กของตัวเองอยากจะเอาเข้าไป ของเราเองก็ยังขยับขึ้นไปได้ เพราะว่าผู้อำนวยการหรือท่านวัฒนธรรมจังหวัดก็ยังสามารถที่จะชี้แนะช่องทางให้ได้"

เถรี
07-07-2019, 18:38
พระอาจารย์กล่าวว่า "ช่วงต้นเดือนมาจนถึงวันนี้ งานใหญ่ ๒ งานที่สำเร็จลงแล้ว ทำให้คลายความหนักใจไปมาก ก็คืองานศพของพระมหาสันติ โชติกโร เปรียญธรรม ๙ ประโยค อดีตรองเจ้าคณะอำเภอห้วยกระเจา อดีตเจ้าอาวาสวัดท่ามะขาม ซึ่งพระผู้ใหญ่โดยเฉพาะพระเดชพระคุณพระพรหมโมลี กรรมการมหาเถรสมาคม แม่กองบาลีสนามหลวง รักษาการเจ้าคณะภาค ๕ ท่านชื่นชมว่าจัดได้สมเกียรติของผู้ตาย

แต่ตรงนี้ไม่กล้ารับเป็นความดีของตนเอง เพราะว่าได้รับการอนุเคราะห์สงเคราะห์จากหลวงพ่อพระครูวิสุทธิ์สิทธิคุณ เจ้าคณะตำบลโกรกกราก เจ้าอาวาสวัดโกรกกราก จังหวัดสมุทรสาคร ที่บางคนคุ้นเคยเขาเรียก หลวงพ่อมหาสัมฤทธิ์ ท่านมอบเมรุลอยของวัดมาให้ ไม่คิดค่าใช้จ่ายแม้แต่บาทเดียว แล้วรู้ด้วยนะว่าอาตมาอย่างไรก็ต้องแอบยัดให้ลูกศิษย์ท่าน ตามไปกำชับถึงวัดท่ามะขาม บอก “อาจารย์อย่าให้แม้แต่บาทเดียวนะ ถ้าพวกมันกล้ารับไป ผมรู้เมื่อไรจะให้มันนั่งรถเพื่อคืนให้อาจารย์ที่นี่”

ท่านบอกว่าท่านตั้งใจช่วยงาน ถ้ารับแม้แต่บาทเดียวก็ไม่ใช่ช่วยงานแล้ว กลายเป็นทำเพราะผลประโยชน์ ก็ต้องบอกว่าเบาค่าใช้จ่ายไปมาก เพราะว่าปกติเมรุลอยลักษณะอย่างนั้นต่ำ ๆ ก็ ๓๐๐,๐๐๐ บาท ไปประกอบเป็นเจดีย์ ๕ ยอดอะไรประมาณนั้น แล้วท่านส่งลูกศิษย์ท่านมาทำให้ทั้งหมดเลย ตั้งแต่ติดตั้ง ประกอบ ถอดเก็บ ฯลฯ แม้กระทั่งไฟฟ้าท่านก็ส่งรถของท่านมา เติมน้ำมันเอง ปั่นไฟเอง ไม่ให้ทางวัดเดือดร้อนเลย

เพราะฉะนั้น...งานนี้ที่สำเร็จลงได้ ที่เรียกว่าสมเกียรติยศผู้ตายก็ด้วยความเมตตาของหลวงพ่อมหาสัมฤทธิ์ วัดโกรกกราก ท่านชวนไปดูอุโบสถร้อยล้านของท่านอยู่ ยังไม่มีเวลาไปเลย"

เถรี
07-07-2019, 18:40
"และอีกส่วนหนึ่งที่ผ่านไปได้ด้วยดีก็คือ การเป็นตัวแทนรับตรวจงานหมู่บ้านรักษาศีล ๕ ของจังหวัดกาญจนบุรี เขามาตรวจ ๒ แห่ง คือไทรโยคกับทองผาภูมิ

ทองผาภูมิ วัดท่าขนุน หมู่บ้านท่าขนุน เป็นตัวแทนรับการตรวจ ตรงนี้งานออกมาต้องบอกว่า ที่คณะสงฆ์เขาบอกว่าจัดได้ยิ่งใหญ่มาก ความจริงแล้วเกิดจากท่านนายอำเภอสืบสาย ศักดิ์โสภิษฐ์ ท่านทำหนังสือถึงส่วนราชการและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สั่งเลยว่าทุกคนต้องไปร่วมงาน ถ้าไม่ได้ท่านนี่ทางราชการก็ไม่มาพร้อมเพรียงกันขนาดนั้น แต่ทางชาวบ้านของเราหาได้

คราวนี้การตรวจประเมินเขาไม่มีรายละเอียดให้เราว่าตรวจแบบไหน คุณเดาใจกรรมการก็แล้วกันว่าจะตรวจอะไรบ้างแล้วก็จัดไป หัวข้อนั้นคณะกรรมการท่านถือไว้ ถึงเวลาก็ให้คะแนนกัน ได้ยินว่าเต็ม ๕๐ คะแนน ถ้าตรวจประเมินผ่านก็เป็นชุมชนต้นแบบ แล้วก็ให้คนอื่นเขามาดูงาน"

เถรี
07-07-2019, 18:43
"คราวนี้มีงานเป็นงานที่แทรกเข้ามา คือวันที่ ๑๓ มีคณะของวัฒนธรรมจังหวัดปราจีนบุรีมาขอดูงาน ว่าชุมชนคุณธรรมวัดท่าขนุนจัดงานแบบไหน ? ทำงานแบบไหน ? ถึงเป็นชุมชนคุณธรรมต้นแบบ แล้วก็โดดขึ้นมาเป็นชุมชนคุณธรรมต้นแบบที่มีความโดดเด่นภายในปีเดียว

วันที่ ๑๔ ของเราโกนหัวนาคบวชเณร วันที่ ๑๕ บวชพระ ๑๐๘ รูป วันที่ ๑๖ สืบชะตา วันที่ ๑๗ งานฉลองหลวงพ่อสามกษัตริย์ เขามาตรวจหมู่บ้านศีล ๕ วันที่ ๑๘ เจ้าคณะอำเภอท่านมั่นใจ แต่ทางภาคไม่มั่นใจ ท่านเจ้าคุณปัญญา เลขาฯ ภาค ท่านมาถึงตอนบ่ายทำหน้าไม่ค่อยดี “อาจารย์...จะทันไหมนี่ ? ไม่มีอะไรเลย”

เรียนท่านไปว่า "เจ้าคุณไปนอนสบาย ๆ เดี๋ยวตอนเย็นมาดูใหม่ ขอเวลา ๒ ชั่วโมง ศาลาหลังนี้เป็นศาลาปาฏิหาริย์ ๓ วันมานี่เปลี่ยนโฉมทุกวันเลย" ตั้งแต่บวชพระ ๑๐๘ รูป มาทำพิธีสืบชะตา แล้วก็มาเจริญพุทธมนต์ฉลองหลวงพ่อสามกษัตริย์ พอตอนเย็นเจ้าคณะจังหวัดมายกนิ้วให้ทุกนิ้วที่มีเลยว่าอย่างนั้น บอกว่าทำไมเสร็จเร็วแท้"

เถรี
07-07-2019, 18:46
"พอพร้อมตรวจทุกฝ่ายก็สบายใจ แต่อาตมาไม่สบาย พอเช้าวันที่ ๑๘ พระครูศรีธรรมวราภรณ์ เลขานุการรองเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี มาบอกว่า “หลวงพ่อครับ ผมไม่ได้สรุปกล่าวรายงานย่อมาให้ หลวงพ่อต้องว่าปากเปล่านะครับ” เฮ่อ...ก็เห็นใจว่างานท่านเยอะ แต่ถ้าท่านไม่บอกผมก็จะสรุปเอง แต่คราวนี้ท่านบอกว่าท่านจะทำให้ ผมก็ไว้วางใจ เลยใช้เวลา ๑๐ กว่า ๒๐ นาทีว่าปากเปล่าเพื่อสรุปงานตลอดทั้งปีให้คณะกรรมการท่านฟัง

อาตมาไม่รู้หรอกว่าตัวเองพูดอะไรไปบ้าง ไม่รู้ว่ามีใครบันทึกเสียงไว้หรือเปล่า แต่บรรดาส่วนราชการที่มา ตลอดจนทางคณะสงฆ์ท่านบอกว่า อาจารย์เล็กแจกความดีความชอบให้ครบทุกหน่วยงานเลย ก็คือแต่ละงานที่ทำออกไป ใครให้ความร่วมมือ ใครให้งบประมาณ ใครช่วยเหลือด้านไหนบ้าง อาตมาก็ว่าไปตามนั้น อย่าไปเก็บความดีไว้คนเดียว ถ้าเก็บความดีไว้คนเดียวแล้วคุณดันทะลึ่งผ่านไปเป็นหมู่บ้านต้นแบบ ถึงเวลาเขามาดูงาน คนอื่นเขาจะไม่มาช่วย ตอนนี้แหละหนักเลย

ในเมื่อเขารู้ว่าแต่ละส่วนงานที่มานี่อาตมากล่าวถึงทั้งหมด ใครที่ช่วยเหลืองานทางด้านไหนก็บอกหมด ต่อไปถึงเวลาเขาก็มา เพราะเขารู้ว่ามาแล้วเขาได้ผลงานด้วย"

เถรี
07-07-2019, 19:07
"ที่น่าสงสารที่สุดคือหน้าห้องของท่านนายอำเภอ นายอำเภอมาถึง ๖ โมงเช้า บอกว่า “หลวงพ่อ...ขอโทษนะครับ เลขาฯ ผมนิ่งนอนใจ เห็นว่าเป็นงานวัด ไม่รู้ว่าผู้ว่าฯ จะมาเป็นประธาน ผมให้ทำหนังสือแจ้งส่วนราชการและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั้งหมด เขาเพิ่งทำเมื่อวานเย็นนี้ครับ ผมเซ็นแล้วให้เขาวิ่งส่งเลย เอาให้เข็ด”

ปรากฏว่าพอตรวจประเมินเสร็จเรียบร้อย พวกเราก็ถวายของที่ระลึก อาตมารู้ว่าถ้ามอบให้เองนี่คณะกรรมการไม่รับแน่ เพราะว่าเหมือนกับรับสินบน ก็เลยให้ท่านผู้ว่าฯ นายอำเภอ กับหัวหน้าส่วนราชการช่วยกันมอบให้ เป็นกระเช้าเงาะทองผาภูมิ แล้วกระเช้านี้ก็เป็นเครื่องจักสานที่เป็นฝีมือของชุมชน ปรากฏว่าทางด้านคณะกรรมการฉันเงาะทองผาภูมิแล้วติดใจ ท่านบอกว่าเงาะทองผาภูมิชื่อเสียงสู้ทุเรียนไม่ได้ มีทุเรียนบ้างไหม ? ก็เรียนท่านไปว่า “ท่านมาผิดเวลาครับ ทุเรียนนั่นอยู่ในท้องของพวกผมหมดแล้ว ถ้าจะมาฉันทุเรียนต้องมาเร็วกว่านี้หนึ่งเดือนครับ”

เถรี
07-07-2019, 19:49
"เสร็จงานก็จะตามลงไปช่วยหลวงพี่ต๋อง คือพระครูสุทธิสารโสภิต เจ้าคณะตำบลท่าเสาเขต ๑ เจ้าอาวาสวัดพุตะเคียน เพราะว่าท่านเป็นตัวแทนรับตรวจอีกแห่งหนึ่ง ก็คือเขามาตรวจของจังหวัดกาญจนบุรีแค่ ๒ แห่ง ปรากฏว่าพอน้องเล็กสตาร์ทรถ รถเต้นเป็นเจ้าเข้าเลย ลักษณะเหมือนกับวิ่งแค่ ๒ สูบ ทำอย่างไรก็ไปไม่ได้ เปิดเครื่องดูปรากฏว่ามีรอยหนูแทะ ขยะกองเป็นก้อนเลย "มึงเล่นสายไฟกูแล้วแน่นอนเลย" โทรไปหาศูนย์บริการโตโยต้า ทางศูนย์แม่นมาก บอกว่าหนูแทะสายไฟไม่ใช่ความผิดปกติของเครื่อง จัดเป็นอุบัติเหตุ ให้รีบติดต่อประกัน

บอกว่า "ยายบ้า... ! กูจะใช้รถ กูไม่ได้เคลมประกัน" ยายนั่นไม่ฟังเสียง เรียกประกันอย่างเดียว ถามประกันจะมาเมื่อไร ? อีก ๒ ชั่วโมงถึง เออ..เรื่องของมึงเถอะ อาตมาก็เรียกช่างในพื้นที่มาช่วยกันดู ช่างเขาจัดการต่อสายไฟให้เสร็จสรรพ ถามว่าค่าบริการเท่าไร ? "ไม่คิดครับหลวงพ่อ สายไฟเส้นเดียว" ก็เลยให้ไปพันหนึ่ง บอกว่าไปแบ่งกัน อาตมาเองก็วิ่งลงไปไทรโยคเพื่อไปช่วยงานหลวงพี่ต๋อง

ไปถึงกลางทางประกันโทรมาถามว่าวัดท่าขนุนเข้าทางไหน ? บอกว่า "เอ็งกลับไปได้แล้ว ข้าจัดการเสร็จเรียบร้อยแล้ว ไม่ได้ต้องการเคลมประกันโว้ย..! ต้องการใช้รถ" พอตัดสายไปอีกสักพักหนึ่งโทรมาใหม่ ตกลงว่าที่แจ้งไปนี่ไม่รับเคลมใช่ไหม ? ก็บอกไปว่ากี่หมื่นก็ไม่เอา กูบอกแล้วว่าแค่จะใช้รถ"

เถรี
07-07-2019, 19:54
"ท้ายสุดก็เลยไปเกือบไม่ทันงานของหลวงพี่ต๋อง เพราะว่าคณะกรรมการกำลังจะเดินทางเข้าไปตรวจในหมู่บ้านแล้ว ถามว่าทำไมของท่าขนุนไม่มีตรวจในหมู่บ้าน ? เพราะว่าท่าขนุนฝนตกมา ๓ วัน ๓ คืนแล้ว วันตรวจนั้นฝนก็ตก งานทุกอย่างอาตมาเอาเข้าไปอยู่ในศาลาเดียวเลย

อาตมาก็โดดขึ้นรถตู้ของวัฒนธรรมจังหวัดตามเข้าไปตรวจในหมู่บ้าน ปรากฏว่าฝ่ายพระเถระทุกรูปที่เจอหน้าถาม “อ้าว...ยังไม่นอนอีกหรือ ?” เพราะเขารู้ว่างานต่อเนื่องมา ๔ วัน นี่วันที่ ๕ แล้ว เรียนท่านไปว่า "นี่ยังไม่ใช่งานสุดท้ายของวันนี้ครับ" เพราะว่าหลังจากตรวจประเมินร่วมกับของทางไทรโยคเสร็จ อาตมายังต้องวิ่งกลับไปงานศพของพระมหาสันติที่วัดท่ามะขาม เป็นงานส่งท้ายของคืน

ขอแจ้งให้กับทางญาติโยมทราบว่า ถ้าระยะนี้อาตมาวันไหนมีงานเดียว วันนั้นโคตรโชคดีเลย ตอนนี้อีก ๓ ศพที่รอคิวให้อาตมาจัดงานศพให้อยู่ กำลังรอว่าใครจะไปก่อน ก็มีตุ๊ป้อสิงห์ ๘๒ ปี หลวงพ่อมณฑล ๗๓ ปี หลวงพ่อสมคิด ๗๓ ปี กำลังดูว่าใครจะเลิกหายใจก่อน...ฝากกันดีนัก...!"

เถรี
07-07-2019, 20:02
"งานของท่านอาจารย์มหาสันติที่ฝากไว้ ตอนแรกกะว่าจะทำง่าย ๆ ๗ วันเลิก ปรากฏเจ้าตัวสั่งไว้ว่าให้ ๑๖ วัน เพราะว่าคณะสงฆ์จังหวัดกาญจนบุรีมี ๑๓ อำเภอ ผลัดกันเป็นเจ้าภาพอำเภอละวัน แล้วก็ให้ญาติตัวเอง ๓ วัน ถ้าตามนั้นวันเวลาก็จะลงโป๊ะ ๓ มิถุนายน ๒๕๖๒ วันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าสุทธิดาฯ พระบรมราชินี ขืนไปจัดงานวันนั้นก็หัวขาด

เรียนถามหลวงพ่อจังหวัด ท่านบอกว่า "ขยับเป็นอาทิตย์ถัดไป" "อาทิตย์ถัดไปผมไม่ว่างครับ" จำไม่ได้ว่าติดงานอะไร แล้วอีกอาทิตย์หนึ่งก็งานวันเกิด ก็ต้องเลื่อนมาอาทิตย์สุดท้าย เลยถามหลวงพ่อจังหวัดท่านว่าว่างไหม ? ท่านบอกว่าถ้ายาวขนาดนี้ท่านพอขยับได้ ก็เลยเลื่อนมาเผาวันที่ ๒๓ มิถุนายน

อาตมาก็ได้แต่ถอนใจ รวมงาน ๓๖ วัน ค่าใช้จ่ายวันละเฉลี่ยประมาณ ๑๐,๐๐๐ บาท เพราะว่ามีพระสวดอภิธรรม มีพระเทศน์ พรรคพวกก็ง่ายเหลือเกิน เขียนระบุในพินัยกรรมให้พระครูวิลาศกาญจนธรรมเป็นผู้จัดการศพ เรื่องเสียเงินนี่อย่าได้ทำบ่อยนักนะ เพราะว่าตอนนั้นเพิ่งจะจัดการศพให้คุณชยาคมน์ยังไม่ทันจะเสร็จดี

คุณชยาคมน์เผาวันที่ ๑๙ อาจารย์มหาสันติมรณภาพวันที่ ๑๘ วันวิสาขบูชา กลายเป็น ๒ ศพต่อเนื่องกัน จะเป็นผู้เชี่ยวชาญในการจัดงานศพไปแล้ว แต่ว่างานนี้ตรงจุดที่ได้กำไรก็คือ เอาพระวัดท่าขนุนไปฝึกงาน ๕ รูป ต่อไปถ้าในเขตอำเภอทองผาภูมิหรือจังหวัดกาญจนบุรีมีงานพระราชทานเพลิงศพ มีงานสวดอภิธรรม มีงานเทศน์หน้าศพ ๕ รูปนี้ถือเป็นผู้เชี่ยวชาญ เพราะว่าผ่านการอบรมจริงมา ๓๖ วัน ไม่มีหลักสูตรไหนยาวขนาดนี้หรอก"

เถรี
07-07-2019, 20:04
พระอาจารย์กล่าวว่า "ท่านใดที่บูชา Flash Drive ธรรมะ ๖๐ ปีของอาตมาไป ขอแนะนำว่าให้ถ่ายข้อมูลเก็บเอาไว้ในฮาร์ดดิสก์หรือว่าในเครื่อง เพราะว่า Flash Drive ถ้าพกไปพกมาเกิดผ่านอะไรที่เป็นแม่เหล็ก วูบเดียวข้อมูลจะหายเกลี้ยงเลย Copy ทิ้งไว้สัก ๒-๓ ที่ก็ได้ เสร็จแล้วแผ่นข้อมูลนั่นเราก็เอามาเลี่ยมแขวนคอ..! เพราะว่าเป็นวัตถุมงคลที่เป็นรูปพระอาจารย์เล็กชิ้นแรกและชิ้นเดียวเท่านั้น

อาตมาตั้งใจแล้วว่าถ้าจะทำวัตถุมงคลรูปตัวเองก็ขอสักอายุ ๘๐ ปีไปแล้ว ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่เขาออกแบบมาสวยก็เลยใจอ่อน ยอมให้เขาทำ ไปนึกถึงหลวงปู่หมุน วัดบ้านจาน หลวงปู่หมุนท่านบอกว่าถ้าท่านอายุไม่ถึง ๑๐๐ ปี ไม่ต้องมาขอให้ท่านทำวัตถุมงคล หลวงปู่หมุนก็อยู่เสีย ๑๐๐ กว่าปี"

เถรี
07-07-2019, 20:08
พ่อแม่พาลูกมาถวายสังฆทาน "จับเขาสวดมนต์ภาวนาแต่เด็ก ๆ นะ ไม่อย่างนั้นรายนี้โตขึ้น ถ้าเอาไม่อยู่นี่รับประกันได้...โลกแตกแน่"

ถาม : ดื้อค่ะ
ตอบ : สมัยนี้เขาไม่เรียกว่าดื้อ เขาเรียกว่ายึดมั่นต่อความคิดของตัวเอง ไอ้เจ้าหนูนี่เป็นอย่างนั้น เพราะฉะนั้น..ต้องพยายามลากเข้าวัดแต่เนิ่น ๆ นะ ต้องรีบ ๆ ฝึกไว้ ให้เขามายึดมั่นแนวคิดในการทำความดีไว้ก่อน คราวนี้จะดื้อทำเท่าไรก็ทำไปเถอะ

เถรี
07-07-2019, 20:17
พระอาจารย์กล่าวว่า "ใครจะร่วมบุญธรรมทานใหญ่ คือสร้างวิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรี ไปบูชาเหรียญสมเด็จองค์ปฐมเนื้อเขียวเหล็กไหลที่ตู้วัตถุมงคล แพงหน่อยแต่ว่าตั้งใจเอาไปทำบุญใหญ่จริง ๆ

วันที่ ๖ ตุลาคม ๒๕๖๒ อาตมาจะหนีงานเอาเงินตรงนี้เป็นกองผ้าป่าร่วมสร้างวิทยาลัยสงฆ์ เพราะว่าวันที่ ๖ ตุลาคมนี้ จะเป็นวันวางศิลาฤกษ์วิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรี อยู่ตรงพนมทวน ข้าง ๆ โรงเรียนวัดห้วยสะพาน ตอนนี้กำลังทำทางเข้าออกอยู่ ตัวอาคารก็ตีผังแล้ว กว่าจะถึงเดือนตุลาคมก็น่าจะเห็นหน้าเห็นหลังกันมาก

ตั้งแต่รับสังฆทานมานาน ๆ จะมีหนีงานทีหนึ่ง จำได้ว่าเคยหนีไปครั้งหนึ่งไม่ทราบว่างานอะไร เคยหนีไปครึ่งค่อนวันเหมือนกัน งวดนี้ก็น่าจะใกล้เคียงกัน เพราะว่าทอดผ้าป่าฉันเพลเสร็จเรียบร้อย วิ่งมานี่หนึ่งชั่วโมง ก็ราว ๆ บ่ายโมงมารับสังฆทานต่อที่นี่ เพราะฉะนั้น..ใครจะจัดผ้าป่าร่วมสร้างวิทยาลัยสงฆ์ก็เตรียมไว้นะ ถ้าหากว่าไม่มีก็ช่วยกันบูชาวัตถุมงคล อาตมาจะรวมเงินไปเอง

อาคารหลังนี้ต้องบอกว่าแพงขึ้นเรื่อย ๆ เพราะว่าตอนแรกปี ๒๕๕๙ ราคาอยู่ที่ ๓๘ ล้านบาท ไม่ได้ลงมือทำ มาลงมือตอนนี้ปี ๒๕๖๒ เขาประมาณการไว้ที่ ๕๐ ล้านบาท ถ้าขืนช้าราคาคงจะไปอีกไกล"

เถรี
07-07-2019, 20:25
พระอาจารย์กล่าวว่า "ใครจะร่วมไถ่ชีวิตสัตว์กับเว็บพลังจิตบ้าง ? อาตมาปล่อยชีวิตสัตว์มาตั้งแต่ ๑ มกราคม ๒๕๒๙ จนถึงตอนนี้ขึ้นปีที่ ๓๔ แล้วกระมัง ? ไม่รู้เหมือนกันว่าหมดไปกี่สิบล้านบาทแล้ว

อันนี้คุณวีระชัย แก่นภักดี เจ้าของเว็บพลังจิต บอกว่าอยากจะทำถวายตอนหลวงพ่ออายุ ๖๐ ปี ก็เลยเอามาถวายตอนเลย ๖๐ ปีมาหลายวันแล้ว เดี๋ยวนี้เดือนหนึ่งอาตมาปล่อยที ๔๐,๐๐๐-๕๐,๐๐๐ บาท

อันนี้ก็น่าจะอยู่ได้หลายเดือน ยอดของทางเว็บพลังจิตมา ๓๖๕,๐๐๐ บาท บวกกับของเราอีกหน่อยหนึ่งตรงนี้ โมทนากัน ถ้าหากว่าปล่อยสัตว์แล้วอายุยืน ตูจะได้ไม่เฮงอยู่คนเดียว ไม่อย่างนั้นประเภทยืนอยู่คนเดียวไม่มีใครช่วยนี่จะยุ่งมากเลย"

เถรี
07-07-2019, 20:33
พระอาจารย์กล่าวว่า "โยมไม่ต้องกังวลเรื่องเงินทำบุญ อาตมาใช้เป็น ไม่เคยเหลือหรอก มีแต่ใช้เกิน วันก่อนพระครูเกษมกาญจนสิทธิ์ วัดท่าเสด็จ เจ้าคณะอำเภอด่านมะขามเตี้ย ไปอบรมด้วยกัน จับแขนดึงไปหน้าส้วม “อาจารย์เล็กขอเคล็ดลับหน่อย สั้น ๆ ประโยคเดียวนะ อย่ายาว ความจำผมไม่ดี ทำอย่างไรผมจะทำแล้วประสบความสำเร็จอย่างอาจารย์เล็กบ้าง ?”

“เอาประโยคเดียวใช่ไหม ?” “ใช่” “มีเงินเท่าไรใช้ให้หมด” ถ้าใช้เป็นก็ประสบความสำเร็จเอง เพราะหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านสอนพระเอาไว้ว่า “เงินอย่าใช้ข้ามปี ก่อนสิ้นปีใช้เงินให้หมด เป็นหนี้ได้ยิ่งดี” ท่านอธิบายว่าถ้าเราเป็นหนี้ เงินมาจะไม่คิดว่าเป็นของเราเอง ไม่ก็ถือคติแบบพระครูเทพ วัดสี่แยกเจริญพร ‘ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย หน้าบึ้งใส่ให้ครึ่งเดียว พอทวงเมื่อไรหายกัน’

ในส่วนนี้ทำให้พระมหาเถระมีปัญหาเรื่องการใช้เงิน ที่เขาใช้คำว่าเงินทอน ความจริงไม่ใช่ แต่เป็นการแจ้งข้อกล่าวหาส่งเดชไปเรื่อย ข้อกล่าวหาที่แท้จริงก็คือเอาเงินสงฆ์ไปให้โยม แต่ความจริงโยมที่ว่านั่นคือเจ้าหนี้ เพียงแต่ว่าเจ้าหนี้นั่นเป็นผู้หญิง พอถึงเวลาเงินเข้าบัญชีก็โอนต่อไปให้โยมเพื่อใช้หนี้ เพราะค้างเขามานาน แต่คราวนี้คนจะหาเรื่องก็ไม่ฟังเหตุผล เอาท่านเข้าคุกไปเลย

บ้านเราเมืองเราเรื่องของศาสนาลักลั่นมาก เราบอกว่าเรานับถือศาสนาพุทธมากที่สุดในประเทศ แต่งบประมาณที่สนับสนุนนี่แทบจะไม่มีเลย งบบูรณปฏิสังขรณ์วัดนี่อาตมาเลิกขอไปเลย เพราะว่าเคยขอให้วัดพุทธบริษัท ขอ ๒๐๐,๐๐๐ บาท หลักฐานทุกอย่างทำไปคือ ๒๐๐,๐๐๐ บาท แต่เขาจ่ายมาแค่ ๒๐,๐๐๐ บาท อาตมาเลิกขอไปเลย เพราะว่าเท่ากับเราขอเงินให้คนอื่นใช้ ขอไปแล้วก็ต้องเว้นอย่างน้อย ๒ ปีถึงจะขอได้ใหม่"

เถรี
07-07-2019, 20:41
"คราวนี้ศาสนาอื่นเขาไม่ใช่อย่างนั้น ศาสนาอื่นเขาออกเป็นกฎหมายเลยว่าต้องสนับสนุนเขา ส่วนศาสนาพุทธเราที่คิดว่าเป็นศาสนาประจำชาติ ต้องบอกว่าหากันเอาตามมีตามเกิด แล้วแต่ศรัทธาญาติโยม

ดังนั้น...ศาสนาพุทธจึงเป็นศาสนาที่น่าสงสารสุด ๆ พอคนอื่นจะหาเรื่องขึ้นมาก็ อ้าว...พระจับเงินจับทองไม่ได้ เงินสงฆ์ทั้งหมดจะต้องโอนเป็นของกลาง สนับสนุนวัดแม้แต่บาทเดียวยังไม่สนับสนุน แต่ทีเงินวัดนี่จะเอา แล้วพระท่านจะไปบูรณปฏิสังขรณ์วัดอีท่าไหน ? จะทำให้กิจการของศาสนาเป็นไปอีท่าไหน ? เพราะว่าทุกอย่างต้องใช้เงินหมด

ถึงได้ปรารภกับพระวัดท่าขนุนว่า พวกคุณอาจจะโชคดี ได้เป็นพระรุ่นสุดท้ายของศาสนาพุทธในประเทศไทย เพราะว่าเดี๋ยวนี้แม้แต่กฎเกณฑ์กติกาการบวชทุกอย่างก็กลายเป็นทำให้ยากที่สุด เมื่อวันที่ ๒๕ ที่ผ่านมา ไปอบรมสัมมนาพระวินยาธิการในเขตปกครองคณะสงฆ์ภาค ๑๔ และผู้เกี่ยวข้อง

อาตมามาถึงได้กล่าวในที่ประชุมว่า พระวินยาธิการหรือตำรวจพระ เกิดขึ้นมาจากความล้มเหลวของเจ้าอาวาสและพระอุปัชฌาย์ ที่ไม่สามารถอบรมพระเณรของตัวเองให้ดีได้ ถ้าลำพังเจ้าอาวาสและพระอุปัชฌาย์เข้มแข็ง อบรมพระเณรของตัวเองให้ดีได้ พระวินยาธิการไม่จำเป็นต้องมี เพราะว่าพวกที่ทำชั่วแสดงว่าเป็นตัวปลอม...ไม่ใช่พระ ชาวบ้านสามารถแจ้งตำรวจจับได้เลย

ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าว่าแรงไปหรือเปล่า ? เจ้าคณะภาคท่านก็อยู่ เจ้าคณะจังหวัดก็อยู่ ก็ในเมื่อเขาถามว่าใครมีปัญหาอะไรก็ว่ามา ก็เลยบอกว่าก่อนที่จะกล่าวถึงปัญหา ขอพูดความในใจก่อน ใส่ไปเต็ม ๆ เลย"

เถรี
07-07-2019, 20:43
"ปัญหาของอาตมาก็คือ อันดับแรก ขอบเขตการทำงานของพระวินยาธิการ ถ้าไปเจอพวกดื้อด้าน ไม่ยอมฟัง ต่อให้คุณเป็นตำรวจพระพวกนั้นก็ไม่สนใจ เพราะหน้าด้านเป็นปกติอยู่แล้ว เราจะจัดการอย่างไร ?

ประการที่สอง คุณเอาความปลอดภัยเข้าว่า ก็คือพอได้ข่าวว่าเขาทำอะไรไม่ถูกต้องตรงโน้นตรงนี้ แล้วก็ต้องประสานหน่วยงานนั้นหน่วยงานนี้จนครบถ้วน...แล้วค่อยไป ซึ่งจากการปฏิบัติจริงไม่เคยทันรับประทาน เพราะกว่าจะประสานงานเสร็จก็คงเป็นชั่วโมง ขณะที่ความเป็นจริงช้าไปแค่ ๕ นาทีเขาก็เปิดแน่บหนีไปแล้ว"

เถรี
07-07-2019, 20:50
"เสร็จแล้วก็จะมีการตั้งหน่วยงานเพิ่มขึ้นมา อย่างเช่นว่า อาจจะรวมศูนย์ให้ดูแลกันเป็นภาค ๆ บอกว่านี่เป็นวิธีแก้ปัญหาที่เลวร้ายที่สุดในหน่วยงานราชการไทย แล้วเราก็จะเอามาเลียนแบบ เพราะว่าแก้ปัญหาแล้วจะกลายเป็นเพิ่มปัญหา เพิ่มงบประมาณโดยที่งานไม่ได้อะไรเลย เพราะชุดใหม่ก็จะไปตรวจสอบชุดเก่า ชุดใหม่กว่าจะมาตรวจสอบชุดปานกลาง ชุดใหม่ล่าสุดก็จะมาตรวจสอบชุดใหม่ แล้วจะทำอะไรได้ ? งบประมาณก็เปลืองไปเปล่า ๆ

เขาถามว่าแก้วิธีไหน ? ก็แค่อบรมพระเณรของเราให้ละอายชั่วกลัวบาป รักศีลตัวเองก็จบแล้ว ไม่จำเป็นต้องไปมีคณะกรรมการอะไรมากมาย แต่ในเมื่อมาถึงขนาดนี้แล้วก็ว่ากันไปตามหน้าเสื่อ เพราะอาตมาไปว่าคนอื่นเขาว่าอบรมพระเณรได้ไม่ดี ตัวเองงานนี้ก็ลักษณะเดียวกัน บวชพระไป ๑๐๘ รูปนี่แทบไม่ได้อยู่ให้พระท่านเห็นหน้าเลย ตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าเหลือกี่รูป เพราะว่ามีงานต่อเนื่องอยู่ทุกวัน วันไหนมีงานเดียววันนั้นถือว่าดวงดีสุด ๆ

บางทีมอบหมายให้พระท่านไปทำนั่นทำนี่ แล้วท่านก็บอกว่าสู้ไม่ไหว บางรายก็บอกว่าถ้าให้ทำอย่างนั้นแล้วจะสึก เลขาฯ ท่านก็ส่งข้อความมา อาตมาตอบกลับไปว่า “ถ้าจะสึกให้แม่..สึกเดี๋ยวนี้แหละ ถ้ากำลังใจจะเสียสละเพื่อพระศาสนาก็ยังไม่มี มึงอยู่ต่อไปก็ไร้ประโยชน์..!” อาตมาเป็นเจ้าอาวาสหรือเป็นพระอุปัชฌาย์ที่ไม่ง้อพระ เพราะว่าปัจจุบันนี้ก็อยู่กันมากเกินไปแล้ว

เราบวชเข้ามา นิพพานัสสะ สัจฉิกิริยายะ เอตัง กาสาวัง คเหตวา ก็คือเราขอรับผ้ากาสาวพัสตร์นี้มาเพื่อทำให้แจ้งซึ่งพระนิพพาน การที่จะทำให้แจ้งซึ่งพระนิพพานได้ต้องแลกกันด้วยชีวิต งานเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่มอบหมายให้บอกว่าไม่ไหว ถ้าให้ไปจะสึก "อย่างนั้นมึงสึกไปเลย..!

บางทีของบางอย่างเห็นแล้วก็สะท้อนใจ เพราะว่าส่วนใหญ่แล้วเราไม่ได้อยู่ให้ศาสนาหรือวัดได้พึ่ง แต่กลายเป็นบวชเพื่อไปพึ่งวัดหรือพึ่งพระศาสนา ผิดวัตถุประสงค์ในการบวชตั้งแต่แรก"

เถรี
13-07-2019, 18:51
ถาม : สงสัยค่ะว่าญาติตัวเองโดนไสยศาสตร์หรือเปล่า ควรทำอย่างไรคะ ?
ตอบ : ถ้าจะแก้ไสยศาสตร์ให้พาไปเข้าพิธีเป่ายันต์เกราะเพชร

ถาม : ยากมากเลยค่ะ ?
ตอบ : ถ้ายากมากก็เรื่องของเขา อย่าไปยุ่งกับเขา

ถาม : เขาไม่ค่อยเข้าวัดค่ะ ?
ตอบ : ก็ให้เขารับเวรรับกรรมของเขาต่อไป จะไปยุ่งกับเขาทำไม ?

ถาม : สงสารพ่อแม่เขาค่ะ ?
ตอบ : เขาเองยังไม่สงสารเลย

เถรี
13-07-2019, 18:57
พระอาจารย์กล่าวว่า "หลวงพ่อพระธรรมพุทธิมงคล วัดป่าเลไลยก์ บุคคลที่คุ้นเคยเรียกว่า หลวงพ่อเจ้าคุณสะอิ้ง แต่ว่าคนสุพรรณบุรีหรือพระสุพรรณบุรีมักจะเรียกว่า หลวงพ่อเล็ก เพราะว่าก่อนหน้านั้นท่านเป็นรองเจ้าคณะจังหวัด แล้วหลวงพ่อฉลอง (พระธรรมเสนานุวัตร) ท่านเป็นเจ้าคณะจังหวัด เขาเรียกหลวงพ่อฉลองว่าหลวงพ่อใหญ่ ก็เลยเรียกหลวงพ่อสะอิ้งว่าหลวงพ่อเล็ก

ท่านเกษียณจากตำแหน่งเจ้าคณะจังหวัด ก็ไปสร้างผลงานก็คือแกะสลักพระพุทธรูปที่หน้าผามังกรบิน ท่านบอกว่าท่านศึกษาพระไตรปิฎกมาแล้ว การจะอยู่ถึง ๑๒๐ ปีไม่ยาก ถ้าหากว่าใจยังมีงานให้ทำอยู่ก็ต้องอยู่ได้ ท่านหมายถึงมโนสัญเจตนาหาร ท่านบอกว่าเดี๋ยวพระองค์นี้เสร็จท่านก็จะทำอีก สร้างไปเรื่อย ๆ ท่านจะอยู่ถึง ๑๒๐ ปีให้เป็นตัวอย่างคนอื่นเขา

ปรากฏว่าหลังงานวันที่ ๑๗ มิถุนายน บรรดาพระผู้ใหญ่กลับกันหมดแล้ว ท่านติดภาระอยู่ก็มาทีหลัง เดินเข้ามาในศาลา คราวนี้ศาลา ๑๐๐ ปีวัดท่าขนุนกว้าง ท่านมาถึงก็นั่งหอบ อาตมาถามว่า “เป็นอย่างไรครับหลวงพ่อ สัก ๑๐๘ ปีนี่ไม่มีปัญหาใช่ไหมครับ ?” ท่านตอบว่า “ดูท่าจะมีนิดหน่อยว่ะ”

เถรี
13-07-2019, 19:00
"หลวงพ่อพระธรรมพุทธิมงคลท่านบอกว่า ท่านเลื่อมใสหลวงพ่อฤๅษีลิงดำมาก มีโอกาสเจอหลวงพ่อแค่ไม่กี่ครั้ง ไม่ได้สัมผัสใกล้ชิด ไม่รู้ว่าหลวงพ่อเก่งเท่าไร แต่พวกแก (ท่านชี้นิ้วมา) ลูกศิษย์หลวงพ่อมีฤทธิ์ทุกคน ถ้าหลวงพ่อเอ็งไม่มีฤทธิ์ สอนลูกศิษย์อย่างนี้ไม่ได้หรอก

กราบเรียนถามว่ามีฤทธิ์ที่ไหนครับ? ท่านบอกว่าพวกเอ็งไม่ว่าไปอยู่ที่ไหน ก็สร้างวัดเหมือนกับเนรมิตได้ อย่างนี้เขาเรียกว่ามีฤทธิ์ แล้วท่านก็งอนิ้วไล่ให้ทีละคนเลย เพิ่งจะรู้ว่าลูกศิษย์หลวงพ่อไปอยู่ที่ไหนท่านรู้จักหมดเลย เสร็จแล้วท่านก็สรุปว่า ในส่วนของลูกศิษย์ แสดงถึงความสามารถของครูบาอาจารย์ ถ้าหากว่าลูกศิษย์ถอดแบบครูบาอาจารย์มาเต็มที่ อย่างไรไม่เคยได้ถึง ๑๐๐% ลูกศิษย์เต็มที่ก็มักจะได้แค่ ๘๐-๙๐% เพราะฉะนั้น..ลูกศิษย์ยังได้ขนาดนี้ ครูบาอาจารย์ไม่รู้ว่าจะขนาดไหน แล้วถ้าพวกเอ็งเป็นเปอร์เซ็นต์ท้าย ๆ เกิน ๒๐-๓๐% นี่พวกข้าตาย ไม่ต้องไปเทียบกับหลวงพ่อท่านหรอก

ก็เลยกราบเรียนท่านว่า "หลวงพ่อบอกว่าพวกผมมีฤทธิ์ แต่ผมสร้างพระใหญ่อย่างหลวงพ่อไม่ได้นะครับ" ท่านบอกว่า "แกทำได้ พระใหญ่ของข้าแค่ ๘๐ ล้านบาท หลวงพ่อทองคำของแกตั้ง ๑๐๐ กว่าล้านบาท" อาตมานึกถึงแต่ขนาดของพระ ลืมนึกถึงราคาไป"

เถรี
13-07-2019, 19:24
ถาม : ที่บ้านที่ผ่านมาหลายปีนี้ ทรัพย์สินเงินทองสูญไปนับสิบล้านบาท ตอนนี้ก็สูญไปเรื่อย ๆ ?
ตอบ : ต้องถามหมอดูนะ ไม่ใช่ถามอาตมา อาตมาตอบแต่ปัญหาธรรม ถ้าไปถามหมอดูก็เจอวิธีแก้ไขแพง ๆ ทั้งนั้นแหละ

ทรัพย์สินสิ่งของอะไรที่เป็นของเรา ให้วิเคราะห์ดูว่าจุดรั่วไหลอยู่ตรงไหน จะเกิดจากคนกันเอง จากการไม่มีเวลาบริหาร จากการไว้วางใจผู้อื่น หรืออะไร ค่อย ๆ เจาะไปทีละประเด็นแล้วก็ปิดช่องไปก็หมดแล้ว ของแค่นี้ไม่เห็นต้องไปถามใคร

เถรี
14-07-2019, 14:53
ถาม : เวลาเจอเรื่องไม่พอใจ บางทีก็ถึงกับเบื่อมาก แต่ก็เบื่อแบบไม่พอใจ ไม่ใช่เห็นทุกข์ เราควรจะนำเหตุที่เบื่อนี้ไปพิจารณาให้เห็นทุกข์หรือไม่ หรือจะกลายเป็นเอาเรื่องในอดีตมาฟุ้งไป ?
ตอบ : ความจริงถ้าพลิกนิดเดียวก็ได้ประโยชน์มหาศาลเลย เพราะว่าความเบื่อทุกอย่างจัดเป็นนิพพิทาญาณ เพียงแต่ว่าเบื่อแบบไหน ? เบื่อลักษณะไหน ? คราวนี้เบื่อของเราไม่ใช่เบื่อเพราะว่าไม่อยากอยู่ หรือเบื่อเพราะว่าเห็นโทษ แต่เบื่อเพราะว่ากระทบสิ่งที่ไม่ชอบ

เราก็เพิ่มไปว่า ถ้าหากว่าเราเกิดมาอีกเมื่อไรก็พบแต่สิ่งที่ไม่ชอบใจอย่างนี้ ความเบื่อทั้งหมดก็จะลงล็อกพอดี แสดงว่าตอนนั้นปัญญายังไม่พอ ไม่สามารถที่จะเพิ่มเนื้อหาเข้าไปได้

ถาม : เคยเอามาคิดเหมือนกัน แต่ใจก็เถียง ส่วนใหญ่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบ่อย ๆ ก็เกิดจากเราไม่รู้จักอดกลั้น เป็นเรื่องธรรมดามาก ๆ ค่ะ บางทีก็ตึงตังไปว่าเราถูก ความจริงเรานิ่งก็ไม่เสียอะไรแล้ว ?
ตอบ : ไอ้นั่นมาทีหลัง เหมือนกับหวยออกแล้วเราค่อยรู้ว่าจะต้องเล่นตัวไหน แต่ตอนนั้นสติ สมาธิ ปัญญา ของเราไม่พอ โดยเฉพาะตัวกำลังในการยับยั้งตัวเอง ก็แปลว่าตอนนั้นกิเลสมีแรงมากกว่า สมาธิเอาไม่อยู่ เพราะฉะนั้น..เราก็มาพิจารณาหาประโยชน์ตรงที่ว่า เกิดมาเมื่อไรก็เจออย่างนี้ เกิดมาเมื่อไรก็เป็นอย่างนี้ ควรจะพอกันทีหรือยัง ?

เถรี
14-07-2019, 15:06
พระอาจารย์เล่าว่า "พระเดชพระคุณท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุทธชินวงศ์ อาตมารู้จักคุ้นเคยกับท่านตั้งแต่ยังเป็นเจ้าคุณพระราชปริยัติโมลี ท่านไปหาหลวงพ่อวัดท่าซุง ขอเงินไปทำหนังสือมูลกัจจายน์ ซึ่งเป็นตำราบาลีรุ่นเก่า หลวงพ่อเห็นความตั้งใจจริง ก็ไม่ได้คิดว่าท่านจะเป็นพระใหม่พระหนุ่ม หลวงพ่อให้เงินไปหนึ่งล้านบาทเลย ให้ไปทำอย่างที่ตั้งใจเอาไว้

เวลาไปวัดท่านก็ไปตามเวลา อย่างเช่นว่าถ้าหลวงพ่อออกมารับแขกตอน ๑๐ โมง ๔๕ นาที ท่านก็จะนั่งรอจนกว่าจะพบหลวงพ่อ ก็นั่งคุยกัน คุยกันไปคุยกันมา ท่านก็บอกว่า "ไอ้อย่างคุณ อย่างผมนี่ โบราณเขาเรียกว่าพวกเหลือเดนห่า รุ่นของผมบวช ๓๐ รูป เหลือผมคนเดียว รุ่นของคุณบวช ๓๖ รูป เหลือคุณคนเดียว"

ท่านบอกว่าสมัยโบราณ เวลาห่าหรืออหิวาต์ลง มักจะตายยกหมู่บ้าน คนไหนรอดได้ เรียกว่าเหลือเดนห่า ฉะนั้น...อย่างท่านหรืออย่างอาตมา เรียกว่าเหลือเดนห่า นั่งคุยกันอยู่แทบทุกเดือน"

เถรี
14-07-2019, 15:11
"ตอนนั้นหลวงพ่อสมเด็จฯ วัดพิชัยญาติฯ ท่านชวนอาตมาเรียนหนังสือ ช่วงนั้นต้นปี ๒๕๓๓ มีข่าวว่าอาตมาสอบนักธรรมเอกได้ที่ ๑ ของจังหวัด หลวงพ่อท่านไปชวนให้มาเรียนที่กรุงเทพฯ กราบเรียนท่านว่า การเรียนเขาเรียนกันอย่างไร ? ท่านบอกว่าท่านเปิดเป็นส่วนหนึ่งของมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เป็นบาลีพุทธศาสตร์ ต้องลงทะเบียนเรียนตามเวลาเหมือนมหาวิทยาลัยอื่น

อาตมาบอกว่า ถ้าอย่างนั้นก็ถวายท่านเจ้าคุณไปหาทางด้านอื่นเถอะ ผมไม่มีเวลาขนาดนั้น ท่านก็บอกว่าน่าเสียดายนะ เรียนเก่งขนาดนี้ น่าที่จะไปเรียนต่อ ก็ลืม ๆ กันไป จนกระทั่งหลวงพ่อวัดท่าซุงมรณภาพ อาตมาจัดงานศพถวายท่านครบ ๑๐๐ วัน ส่งท่านขึ้นมณฑปที่วิหาร ๑๐๐ เมตรแล้วก็ไปธุดงค์ เปะปะไปอยู่ทางทองผาภูมิ จนกระทั่งกลายเป็นเจ้าอาวาส กลายเป็นเจ้าคณะตำบล พอเป็นเจ้าคณะตำบล ทางคณะสงฆ์ส่งให้ไปเรียนต่อ บอกว่าจะได้มีความรู้มาบริหารงานคณะสงฆ์

หลักสูตรแรกที่เรียนเลย คือประกาศนียบัตรบริหารกิจการคณะสงฆ์ ก็ปรากฏว่าตอนนั้น หลวงพ่อสมเด็จฯ วัดพิชัยญาติฯ ท่านเลื่อนจากพระราชปริยัติโมลีขึ้นมาเป็นถึงพระธรรมโมลีแล้ว พอเห็นหน้าท่านก็หัวเราะ ท่านบอกว่า "เป็นอย่างไรล่ะ ? ท้ายสุดก็ต้องมาเป็นลูกศิษย์ผมจนได้" อาตมาก็เลยเรียนไปเรื่อยจนจบปริญญาเอก ช่วงระหว่างกลางก็แวะไปกราบท่านเป็นระยะ ไปทีหนึ่งก็ต้องพกพระเครื่องไปถวายท่าน เพราะว่าท่านชอบ"

เถรี
14-07-2019, 15:13
"มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ท่านดีใจสุด ๆ ก็คือถวายพระผงสุพรรณเนื้อสีดำไป ๑ องค์ กราบเรียนท่านว่า องค์นี้สวยเกินเหตุครับ ก็คือมีหัวหูหน้าตาครบถ้วน ที่ภาษาเซียนเขาบอกว่างามหูตากระพริบ ผมไม่มั่นใจ ถวายพระเดชพระคุณพิจารณาก็แล้วกัน พออาทิตย์ต่อมาเจอหน้ากัน ท่านบอกว่า "เฮ้ย..ใช่ว่ะ" คือพระผงสุพรรณเนื้อสีดำก็หายากอยู่แล้ว แล้วนี่ยังมีหน้ามีตาครบถ้วน ส่งประกวดเมื่อไรได้ที่หนึ่งเมื่อนั้น ก็ได้ถวายท่านไป

บางทีถ้าไปตามงาน เจอท่านนั่งเป็นประธานอยู่ เห็นไม่สะดวกที่จะสนทนาก็ย่องไปข้างหลัง ไปสะกิดท่าน ส่งซองเล็ก ๆ ให้ พอท่านคว้าหมับอาตมาก็ถอยออกมา ท่านก็รู้ ก็ซุกเอาไว้ในอกตรงใต้สังฆาฏิ กลับวัดไป มีเวลาท่านก็ไปนั่งส่อง ท่านชอบของท่านแบบนั้น ท่านได้มาจากท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระมหาธีราจารย์ วัดชนะสงคราม หลวงพ่อสมเด็จ ฯ วัดชนะสงครามก็ชอบพวกนี้ ท่านดูของเก่าเก่งมาก"

เถรี
14-07-2019, 15:16
"อาตมาเคยเอาพระนาคปรกกรุนาดูนสนิมเขียวหน้าตัก ๕ นิ้วไปถวายหลวงพ่อสมเด็จพระมหาธีราจารย์ วัดชนะสงคราม กราบเรียนท่านว่า "พระเดชพระคุณครับ กระผมดูไม่ขาด"

คำว่าดูไม่ขาด ก็คือไม่แน่ใจ ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ ท่านบอกว่า "มา..มานี่ เดี๋ยวผมจะสอนให้ว่าดูอย่างไร" แล้วก็ว่าไปเป็นชั่วโมงเลย หลังจากนั้นเวลาไปกราบหลวงพ่อสมเด็จพระมหาธีราจารย์ น้องเล็กเขาสังเกต เห็นว่าตั้งพระนาคปรกองค์นั้นไว้ข้างองค์เลย ท่านรักมาก ของเก่าขนาดนั้น หายากสุด ๆ เพราะว่าส่วนใหญ่กรุพระบรมธาตุนาดูนเป็นแต่เนื้อดินเผา องค์นี้เป็นเนื้อโลหะ น่าจะเป็นสำริดสนิมเขียว หน้าตัก ๕ นิ้ว ตั้งเอาไว้โชว์ น้องเล็กก็ไปแอบถ่ายรูปมา ภูมิใจแทนประมาณนั้น"

เถรี
14-07-2019, 15:25
"คราวนี้หลวงพ่อสมเด็จฯ วัดพิชัยญาติฯ ท่านเป็นผลผลิตรุ่นแรก ๆ ที่หลวงพ่อสมเด็จฯ วัดชนะสงครามท่านภูมิใจ ฉะนั้น...แม้กระทั่งความชอบก็ชอบคล้าย ๆ กัน ชอบวัตถุมงคลรุ่นเก่า ๆ ท่านมีความสามารถที่จะดูด้วยองค์ท่านเอง

ตอนนี้ที่น่าเสียดายก็คือท่านทำงานจนกระทั่งมรณภาพ สิ่งที่ท่านต้องการยังไม่ปรากฏผล ท่านสามารถเปิดหลักสูตรวิปัสสนาภาวนา ปริญญาตรี ปริญญาโท ปริญญาเอกได้อย่างที่ต้องการแล้ว ปริญญาเอกเปิดปีนี้ รับรุ่นแรก ๒๕ รูป นี่เขาสมัครเป็นร้อยเลย แต่ว่าสิ่งที่ท่านต้องการไม่ใช่แค่นี้ ท่านต้องการเปิดเป็นกองวิปัสสนาธุระ ก็คือบ้านเรามีแม่กองธรรมควบคุมเกี่ยวกับการเรียนนักธรรมและธรรมศึกษา

แม่กองบาลีควบคุมการเรียนบาลีของคณะสงฆ์ทั้งประเทศ ท่านบอกว่า ท่านอยากได้กองวิปัสสนาธุระที่ควบคุมเกี่ยวกับการปฏิบัติสมถวิปัสสนาทั่วประเทศ ยังทำไม่สำเร็จ อาตมาเป็นผลผลิตของท่าน เป็นพระธรรมทูตสายวิปัสสนารุ่น ๑ จบตอนที่ท่านยังเป็นพระธรรมโมลี"

เถรี
14-07-2019, 15:29
"ต้องบอกว่าทุกวันนี้ ในเรื่องของกรรมฐาน ในเรื่องของสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดที่มีอยู่ทั่วประเทศ และวัดท่าขนุนเป็นรุ่นแรก ๆ ที่ได้รับรางวัลสำนักปฏิบัติธรรมดีเด่นประจำจังหวัด ก็เป็นการผลักดันของพระเดชพระคุณท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุทธชินวงศ์ ตั้งแต่สมัยยังเป็นพระธรรมโมลี พระพรหมโมลี จนกระทั่งขึ้นมาเป็นสมเด็จพระพุทธชินวงศ์ ท่านผลักดันเรื่องนี้มาตลอด

ก่อนมรณภาพ ท่านเพิ่งจะไปเปิดการปฏิบัติธรรมของเจ้าสำนักปฏิบัติธรรมและตัวแทนเจ้าสำนักปฏิบัติธรรมในเขตปกครองคณะสงฆ์หนกลาง ๒๓ จังหวัดที่พุทธมณฑล ที่อาตมาบอกว่าติดภารกิจแล้วไม่ได้ไป ก็เลยไปล่วงหน้าคืนนั้น ท่านเองไปเปิดเสร็จสรรพเรียบร้อย ไปตรวจเยี่ยมวิทยาลัยสงฆ์บาฬีพุทธโฆส แล้วเข้าโรงพยาบาล ฟอกไต แล้วก็มรณภาพ ท่านทำงานจนวินาทีสุดท้ายจริง ๆ"

เถรี
14-07-2019, 15:32
"พระเดชพระคุณพระธรรมโพธิมงคล รักษาการแทนเจ้าคณะภาค ๑๔ ท่านย้ำกับบรรดาเจ้าสำนักปฏิบัติธรรมและตัวแทนที่ปฏิบัติธรรมอยู่ว่า "อย่าทำให้สมเด็จฯ ผิดหวัง" ก็คือท่านตั้งความหวังกับพวกเราจริง ๆ ว่าจะทำให้พุทธศาสนาด้านปฏิบัติเจริญขึ้นมา เพราะว่าศาสนาพุทธของเราโดนแยกปริยัติกับปฏิบัติออกจากกัน ตั้งแต่สมัยสมเด็จกรมพระยาวชิรญาณวโรรส ไม่อย่างนั้นก่อนหน้านี้ปริยัติและปฏิบัติอยู่คู่กันมา

เราจะเห็นว่าพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ มักจะมีตำแหน่งหน้าที่เป็นเจ้าคณะปกครอง อย่างหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว ท่านเป็นเจ้าคณะมณฑล หรือสมัยนี้คือเจ้าคณะภาค ปัจจุบันนี้ภาคหนึ่งก็ดูแล ๓ - ๔ จังหวัด แล้วแต่จังหวัดใหญ่เล็ก อย่างหลวงปู่เปลี่ยนท่านเป็นพระวิสุทธิรังษีสังฆปาโมกข์ สังฆปาโมกข์นี่ตำแหน่งเจ้าคณะจังหวัด ฉะนั้น...สมัยโน้นพระปริยัติกับปฏิบัติเขาเรียนคู่กัน แล้วส่วนใหญ่จะสนับสนุนพระปฏิบัติให้ขึ้นมาเป็นเจ้าคณะปกครอง

แต่พอมาสมัยของสมเด็จกรมพระยาวชิรญาณวโรรส วัดบวรนิเวศวิหาร ท่านทำหลักสูตรนักธรรมขึ้นมา แล้วก็แยกการเรียนออกจากวิปัสสนา กลายเป็นปริยัติส่วนปริยัติ ปฏิบัติส่วนปฏิบัติ แล้วก็สนับสนุนแต่ปริยัติ จนปฏิบัติเสื่อมโทรม"

เถรี
14-07-2019, 15:35
"สมเด็จกรมพระยาวชิรญาณวโรรสนี่แหละ ที่เอา ๑๐ สุดยอดฝีมือไปทดสอบพลังจิตกันที่ลานพระปฐมเจดีย์ เอาท่อนซุงวางไว้ แล้วเอากบไสไม้วางไว้ นิมนต์พระนักปฏิบัติไปบังคับให้กบไสไม้เลื่อนไปจนสุดแล้วเลื่อนกลับได้ ถ้าใครทำได้แบบนั้น ท่านจึงถือว่าสอบผ่าน ปรากฏว่าพระเกจิอาจารย์ที่ท่านเอาไปทดสอบเป็นร้อยเลย ผ่านจริง ๆ แค่ ๑๐ รูปเท่านั้น

ด้วยเหตุที่ท่านไม่เข้าใจว่า พระที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบนั้น แบ่งออกเป็นหลายประเภท ก็คือ

สุกขวิปัสสโก เข้าถึงมรรคถึงผล แต่ไม่มีความสามารถพิเศษอื่นมากไปกว่านั้น
เตวิชโช เข้าถึงมรรคถึงผลพร้อมความสามารถพิเศษ ๓ อย่าง
ฉฬภิญโญ เข้าถึงมรรคถึงผลพร้อมความสามารถพิเศษ ๖ อย่าง
ปฏิสัมภิทัปปัตโต เข้าถึงมรรคถึงผลพร้อมความสามารถคลุม ๓ หมวดก่อนหน้านี้ และมีความสามารถพิเศษอีก ๔ อย่าง"

เถรี
14-07-2019, 15:37
"ในเมื่อท่านไม่เข้าใจตรงนี้ ก็คิดว่าทุกรูปต้องเหมือนกันหมด เหมือนอย่างกับว่าเอาเด็กจบปริญญาตรีมาวิ่งแข่งกัน พวกจบพลศึกษามาก็ชนะขาดทั้งชาติ แล้วพวกจบหมอจบวิศวะมา จะทำอีท่าไหน ? กว่าจะคลานถึงเส้นชัยก็คงจะแทบตายเลย

บางทีในส่วนของเจ้าคณะปกครองก็ต้องบอกว่า ถ้าขาดความเข้าใจตรงจุดนี้ ก็อาจจะทำให้ปริยัติและปฏิบัติรุ่งเรืองและเสื่อมโทรมสลับกันไป"

เถรี
14-07-2019, 17:36
"หลวงพ่อสมเด็จพระพุทธชินวงศ์ ท่านพยายามที่จะผลักดันเรื่องการปฏิบัติให้สำเร็จ ตั้งใจว่าจะให้ตั้งเป็นกองวิปัสสนาธุระ ซึ่งพวกเราก็คิดว่าถ้าท่านผลักดันสำเร็จ แม่กองวิปัสสนาธุระองค์แรกก็ต้องเป็นท่านนั่นแหละ แต่ปรากฏว่าไม่สำเร็จ ท่านมรณภาพเสียก่อน ก็ต้องรอดูว่าท่านใดจะมาแทน เพราะว่าตอนนี้ฝ่ายมหานิกายของเราก็เท่ากับว่าเหลือหลวงพ่อสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ วัดปากน้ำภาษีเจริญ ซึ่งก็ ๙๐ กว่าปีเข้าไปแล้ว

หลวงพ่อสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ วัดญาณเวศกวัน องค์ท่านก็สุขภาพไม่ดีมาตั้งแต่เด็ก ท่านพยายามระมัดระวังรักษาสุขภาพมาตลอด แต่ก็ออด ๆ แอด ๆ สมเด็จพระพุฒาจารย์ วัดไตรมิตร ออกงานอยู่ได้รูปเดียว ปัจจุบันนี้ท่านอื่นไปไกลก็ยาก หลวงพ่อสมเด็จพระพุทธชินวงศ์อุตส่าห์ไปงานที่พุทธมณฑลแล้วก็มามรณภาพ"

เถรี
14-07-2019, 17:38
"หลวงพ่อสมเด็จฯ วัดสุทัศน์ฯ ก็มรณภาพจนกระทั่งต้องยกตำแหน่งตำแหน่งสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ให้วัดญาณเวศกวันไป

ถ้าหากว่าไม่มีคดีเงินทอน หลวงพ่อพระพรหมดิลก วัดสามพระยา ต้องได้ตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่งแน่นอน คราวนี้พอมีคดีเงินทอนขึ้นมาก็เลยกลายเป็นอย่างที่เห็น"

เถรี
14-07-2019, 17:40
"ถ้าพูดถึงวัดพิชัยญาติฯ คนหนึ่งที่จะลืมไม่ได้เลยก็คือแม่ชีทศพร ต้องบอกว่าท่านทำให้วัดพิชัยญาติฯ โด่งดังขึ้นมา เมื่อวันที่ ๑๖ มิถุนายนที่จัดงานสืบชะตาหลวงของอาตมา ช่วงบ่ายงานหมด กำลังตรวจสอบรายชื่อผู้ปฏิบัติธรรมอยู่ แม่ชีก็เดินยิ้มหวานเข้ามา ถวายปัจจัยมาแสนกว่าบาท บอกว่าร่วมจัดงานถวายหลวงพ่อด้วย

รุ่นของอาตมาเรียนปริญญาตรี ปริญญาโท ต้องไปปฏิบัติธรรมที่สำนักปฏิบัติธรรมธรรมโมลี ตำบลหนองน้ำแดง อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา เป็นสถานที่ซึ่งแม่ชีทศพรท่านสร้างถวายพระเดชพระคุณท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุทธชินวงศ์ ตอนที่ยังเป็นพระธรรมโมลี พอไปปฏิบัติธรรมที่นั่นก็เลยคุ้นเคยกับแม่ชี

พอเรียนปริญญาโท ก็เรียนรุ่นเดียวกับหลวงพ่อปรีชา วัดเขาอิติสุคโตที่เป็นอาจารย์ของแม่ชีมาโดยตรง ก็เลยสนิทสนมคุ้นเคยกัน บางคนก็สงสัย อยู่ ๆ เห็นแม่ชีไปเปิดโรงทานที่วัดท่าขนุนบ้าง เผลอ ๆ ก็เดินขึ้นมาทำบุญบ้าง รู้จักกันได้อย่างไร ? รู้จักกันมาเป็น ๑๐ ปีแล้ว

ตอนนี้แม่ชีน่าจะเปิดโรงทานอยู่ที่พุทธมณฑล ก็คือเลี้ยงบรรดาเจ้าสำนักปฏิบัติธรรมและตัวแทนที่ไปทบทวนการปฏิบัติธรรมอยู่ที่อาคารปฏิบัติธรรมมหาโพธิญาณวิชชาลัย ถ้าท่านมีธุระปะปังไปที่อื่น ก็มีลูกศิษย์ท่านดูแลแทน ซึ่งส่วนใหญ่ก็รู้จักกัน อาตมาเดินเข้าไปก็กรูกันเข้ามากราบทั้งกลุ่ม คนอื่นก็สงสัยว่าอาตมาเป็นผู้ยิ่งใหญ่มาจากไหน ?"

เถรี
14-07-2019, 17:42
"อาตมามีข้อเสียของคนอื่น แต่เป็นข้อดีของตนเอง ก็คือถ้าไม่จำเป็นจะไม่เรียกใช้ใคร บรรดาท่านทั้งหลายเหล่านี้ก็รอ เมื่อไรวัดท่าขนุนมีงานแล้วจะโทรไปเรียก ไม่โทรหรอก ถ้าจะไปก็ไปกันเอง"

เถรี
14-07-2019, 17:57
พระอาจารย์กล่าวว่า "วันนี้อาตมาทำโอที ลงมาเช้าหน่อย เดี๋ยวจะสะสมชั่วโมงไว้ เพราะวันที่ ๖ ตุลาคม ๒๕๖๒ จะต้องหนีงานครึ่งค่อนวัน ๖ ตุลาคมเป็นวันรับสังฆทาน-สอนกรรมฐานที่บ้านเติมบุญ แต่จะเอาผ้าป่าไปสร้างวิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรี เพราะฉะนั้น..ขอหนีไปทำบุญหน่อย ญาติโยมท่านใดจะไปจัดรถ ให้ตรงไปยังที่ซึ่งกำลังสร้างวิทยาลัยสงฆ์อยู่ได้เลย ก็คือข้างโรงเรียนวัดห้วยสะพาน อำเภอพนมทวน

จากทางด้านบ้านเติมบุญนี้ ถ้าวิ่งไปจะง่ายมากเลย ตรงไปทางด้านสุพรรณบุรีจนถึงสี่แยกนพวงศ์ก็เลี้ยวซ้าย วิ่งผ่านอำเภอบางเลน กำแพงแสนเข้าพนมทวนก็ถึงแล้ว จากนี่วิ่งไปประมาณชั่วโมงเดียว กะว่าไปถวายเงินร่วมสร้างวิทยาลัยสงฆ์ คราวนี้อยู่ในฐานะประธานจัดหาทุนให้ ก็ต้องบอกว่าทั้งวิทยาลัยสงฆ์ก็คือภาระของอาตมา ใครร่วมทำบุญมามากเท่าไรก็ลดภาระอาตมาไปเท่านั้น

ตอนนี้ที่ได้ยินมาก็มีหลวงพ่อเต้ วัดพุน้ำร้อน เพื่อนกันท่านให้หนึ่งล้าน หลวงพ่อท่านเจ้าคุณพระราชวิสุทธาภรณ์ หรือหลวงพ่อเจ้าคุณทองดำ วัดพระแท่นดงรังวรวิหาร บอกว่าจะให้หนึ่งล้าน เพราะฉะนั้น...อาคารเรียนหลังแรก ๕๐ ล้าน ตอนนี้ก็น่าจะได้มาบ้างแล้ว"

เถรี
15-07-2019, 16:28
"ช่วงนี้จะหาเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี ถ้าไปวัดใต้แล้วไม่เจอ ให้ไปที่สร้างวิทยาลัยสงฆ์นั่นแหละ ท่านอยู่นั่นทุกวัน โดยเฉพาะพระครูศรีธรรมวราภรณ์ เดินตากแดดเหงื่อไหลซิกอยู่ทุกวัน เพราะว่าช่วงนี้กำลังทำถนนอยู่ ซึ่งเป็นนโยบายที่ถูกต้องเลย ถ้าถนนเรียบร้อยก็จะเอาของทุกอย่างเข้าง่ายมาก คราวนี้ทางด้านท่าน นายก อบจ. กาญจนบุรี ก็คือท่านรังสรรค์ รัศมีฤกษ์เศรษฐ์ ส่งรถส่งเครื่องมือเครื่องไม้ พร้อมกับให้งบประมาณในส่วนการสร้างถนนไปด้วย ให้งบเสร็จแล้วก็ไปสร้างเอาเงินคืน เอาเถอะ...ขอให้ได้ถนนก็แล้วกัน

ท่านใดที่คอยจัดรถไปวัดท่าขนุน วันที่ ๖ ตุลาคม ๒๕๖๒ นี้ก็จัดรถไปพนมทวน ไปให้เขาเห็นบ้างว่าเด็กวัดท่าขนุนหน้าตาเป็นอย่างไร ถ้าไม่มีข้าวให้เรากินก็ไม่เป็นไร แค่แวะสถานีบริการน้ำมัน หาซื้อข้าวกล่องกินกันเอง อาตมาเป็นขาประจำข้าวกล่อง ถึงเวลาก็แวะซื้อ ผัดกะเพราไข่ดาว ๑ กล่อง...จบ ไม่ต้องเสียเวลานั่งรอนาน เข้าไปถึงก็อุ่นให้ ๓ นาที แล้วนั่งฉันไปบนรถ"

เถรี
15-07-2019, 16:30
"ไปนึกถึงพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระธรรมโพธิมงคล วัดนิมมานนรดี รักษาการเจ้าคณะภาค ๑๔ ก็เหมือนกัน ท่านไปตระเวนตรวจงานที่นั่นที่นี่ วิ่งทั้งวัน ถึงเวลาก็แวะซื้อข้าวกล่อง ท่านเป็นเจ้าคุณชั้นธรรม ใหญ่ ๆ โต ๆ พระอาจารย์เล็กเป็นแค่พระครูสัญญาบัตร เป็นแค่รองเจ้าคณะอำเภอ แต่ก็เป็นสาวกข้าวกล่องเหมือนกัน ไม่ได้เข้าร้านอาหารใหญ่ ๆ โต ๆ เพื่อความหรูหราอะไรหรอก ถ้าที่ไหนหรูมากก็ไม่เข้า ที่ไหนถวายอาหารฟรี ไปครั้งเดียวแล้วก็ไม่เข้าอีก..เกรงใจเขา

ร้านวุ้นเส้นท่าเรือ เข้าไปด้วยความปลาบปลื้มยินดี ตั้งใจจะเลี้ยงพวก เข้าไป ๕ - ๖ รูป สั่งเต็มที่เลย ก็เราตั้งใจเลี้ยง คิดว่าจะจ่ายเอง จึงสั่งเต็มที่เลย ปรากฏว่าพอฉันเสร็จ ทางร้านบอกว่าถวาย งวดหน้าขอให้แวะมาใหม่ อย่าหวังเลยว่าจะแวะไป..! อีกที่หนึ่งก็ครัวชุกโดน พระท่านสอบได้ก็พาไป ๗ -๘ รูป ไปฉลองกัน นั่นก็สั่งมาฉันเต็มที่ โดยเฉพาะหอยทอดกะทะร้อน สั่งกันมาแบบไม่ต้องยั้ง ฉันเสร็จ จะไปจ่ายเงิน เจ้าของร้านบอกขอถวายครับ..!"

เถรี
15-07-2019, 16:37
พระอาจารย์กล่าวว่า "ในพิธีสืบชะตา ทางเจ้าพิธีเขามาขอเล็บมือ เล็บเท้า เส้นผม แล้วก็จีวรเก่า บอกว่าจะเอาไปเผาสะเดาะเคราะห์ ก็เลยแจ้งไปว่า "คุณขอช้าไป ตอนนี้โกนหัวล้านเหม่งอยู่แล้ว คุณจะให้ไปเอาที่ไหนมา เล็บมือเล็บเท้าก็เพิ่งจะตัดไปเอง" ท้ายสุดก็เลยต้องเอาพวกจีวรไปเท่านั้น โดยเฉพาะที่เสียดายก็คือสบงกับอังสะ เย็บจนไม่มีที่จะให้เย็บแล้ว ใส่มา ๑๐ กว่า ๒๐ ปี พอถึงเวลาซักบ่อย ๆ ก็เปื่อยขาด แม่ชีชื่นก็เย็บให้ ถึงเวลา "หลวงพ่อ..เดี๋ยวแม่ชีตัดให้ใหม่" "ไม่เอา..ของเก่ายังใช้ได้" ก็ใช้มาเรื่อย

เผาไปเรียบร้อยแล้ว ทางเจ้าพิธีจะเป็นลมตาย เพราะว่าเอาไปเผาในเตาขยะ ทั้ง ๆ ที่เตาเมรุก็มี มีคนเขามาถามว่าทำไมต้องไปเผาในเตาเผาขยะ ? อ้าว...ของเหลือใช้แล้วก็เป็นขยะสิครับ"

เถรี
15-07-2019, 16:39
พ่อแม่พาเด็กอ่อนมาถวายสังฆทาน "เจ้านี่เก็บเงินเก่ง เพราะฉะนั้น..หาซื้อพันธบัตร ซื้อสลากออมสินอะไรใส่ชื่อเขาไปตั้งแต่เล็ก ๆ

เรื่องของโหงวเฮ้ง เสียดายที่ว่าครูบาอาจารย์ท่านไม่ให้ถ่ายทอดต่อ ครูบาอาจารย์ของอาตมานี่เก่งเรื่องโหงวเฮ้งสุด ๆ ขนาดบอกได้ว่าใครจะตายเวลาไหน โดยเฉพาะส่วนหนึ่งที่อยากจะถ่ายทอดมากเลยก็คือ ดูออกว่าผู้ชายหรือว่าผู้หญิงคนนั้นมีผัวมีเมียหรือยัง หลอกกันไม่ได้เลย อยากจะถ่ายทอดให้เด็ก ๆ สมัยนี้ จะได้ไม่ต้องให้คนอื่นเขาหลอก ต่อให้บอกว่าไม่มี ถ้าโหงวเฮ้งยืนยันว่ามี ก็แปลว่ามีแน่นอน"

เถรี
15-07-2019, 16:53
"ที่เสียดายเพราะว่าครูบาอาจารย์ท่านสั่งห้ามไว้ตั้งแต่แรก เพราะว่าเรื่องอย่างนี้เอาไป "แบล็คเมล์" คนได้ เขากลัวว่าถ้าลูกศิษย์นอกคอก นอกทุ่งนอกท่าเมื่อไร อาจจะเอาวิชาไปหากิน ไปข่มขู่ชาวบ้านเขา ก็เลยให้สาบานเอาไว้สาหัสเลยว่าจะไม่บอกใครต่อ ไม่อย่างนั้นท่านก็ไม่สอนให้

ที่บอกว่าเขาดูอาเจ็กข้างบ้านว่าวันนี้ลื้อจะตายก่อนเพล อาเจ็กข้างบ้านแกก็ไม่เชื่อ จะเก่งแค่ไหนวะ ? วันนั้นอาเจ็กแกก็ไม่ไปไหน แกนอนอยู่ในมุ้ง "กูอยู่ในมุ้ง ให้รู้ไปว่าจะตาย..!" ปรากฏว่าสัก ๑๐ โมง แม่ไก่ออกไข่ แล้วก็บินขึ้นไปบนขื่อ ไปกะต๊ากอยู่ข้างบน ปรากฏว่าบนขื่อเขาพาดหอกเอาไว้ แม่ไก่เหยียบปลายหอกพอดี พุ่งปราดลงในมุ้ง โดนเสียบตายคามุ้งเลย..!

ด้วยความที่เป็นเด็กอยากรู้อยากเห็น อาตมาก็ทึ่งมาก ขนาดบอกเวลาตายได้เลยหรือ ? ท่านบอกว่าบอกได้ แบ่งใบหน้าเป็นส่วน ๆ แต่ละส่วนนี่ ช่วงอายุเท่าไรดูได้เลย ถ้ามีลักษณะอย่างไร จะเกิดอะไรขึ้น ท่านบอกได้หมด"

เถรี
15-07-2019, 17:10
ถาม : ช่วงนี้เจอเรื่องแย่ ๆ เยอะค่ะ อยากขอกำลังใจ ?
ตอบ : ไม่มีอะไรหรอก ภาวนาพระคาถาเงินล้านให้เยอะเข้าไว้ ถ้าภาวนาแล้วกำลังใจทรงตัว ทุกอย่างจะดีขึ้น ส่วนใหญ่พวกเราพอถึงเวลาแล้วก็ไปนั่งกลุ้มอยู่กับเรื่องแย่ ๆ ถ้าเห็นว่าปกติของเราต้องเป็นอย่างนั้น เราก็จะไม่ไปนั่งเครียด อะไรที่มาถึงก็ตั้งหลักรับเอาไว้ ถึงเวลาก็หาทางทำดีของเราไปเรื่อย เดี๋ยวสิ่งดี ๆ ก็เข้ามาเอง

เถรี
15-07-2019, 22:35
ถาม : ไม่ลงปาฏิโมกข์โดนอาบัติไหมครับ ?
ตอบ : อาบัติ ๒ เด้ง เด้งแรกก็คือโดนอาบัติทุกกฎ เด้งที่สองก็คืออาบัติปาจิตตีย์ ข้อ ไม่เอื้อเฟื้อพระวินัย

ถาม : ถ้ามอบฉันทะ ?
ตอบ : ต้องมีความจำเป็น ถ้าไม่มีความจำเป็นต้องลงเอง ฉันทะส่วนใหญ่ที่มอบเพราะว่าป่วยจนลงปาฏิโมกข์ไม่ได้ หรือติดภารกิจที่อื่นกลับมาไม่ทัน ถ้าอยู่ในวัดอย่างไรก็ต้องลง

เถรี
18-07-2019, 08:36
โยมถวายปัจจัยร่วมบวชพระ "ขออนุโมทนา มีแต่ทำบุญบวชพระ ไปบวชเองบ้างสิ มีหลายคนเขาใช้คำพูดแบบมักง่ายว่า บวชพระแล้วดี...สบาย สบายแล้วทำไมเอ็งไม่ไปบวชวะ ? ข้านี่สงสัยเป็นอย่างยิ่งเลย"

เถรี
18-07-2019, 08:39
พระอาจารย์กล่าวว่า "ดินฟ้าอากาศเปลี่ยน บางทีก็ทำให้สัตว์บางชนิดระบาดมาก ช่วงนี้เป็นช่วงที่แมลงวันระบาด ไม่ว่าไปทางไหนก็จะเจอแต่แมลงวัน ยังดี..เพราะว่าต่างประเทศบางแห่งนี่ตั๊กแตนระบาด ตั๊กแตนปาทังก้าระบาด กินทุกอย่างจนหมด แม้กระทั่งต้นไม้ใหญ่ ๆ ก็เหลือแต่ก้านที่เคี้ยวไม่เข้าเท่านั้นแหละ

มีอยู่ปีหนึ่งที่เกาะพระฤๅษีมีหนอนใบสักระบาด กินใบไม้ทุกใบที่มีอยู่จนเกลี้ยงเลย แม้กระทั่งใบสัก แล้วก็อพยพเข้ามาจะหาที่สำหรับเข้าดักแด้ ที่เกาะพระฤาษีเลี้ยงไก่ป่าไว้เกือบ ๒๐๐ ตัว เจ้าพวกไก่กินหนอนจนไม่มีปัญญาจะกิน ท้ายสุดก็ได้แต่ยืนมองแบบหมดอาลัยตายอยาก เพราะว่าเยอะมาก เดินกันมานี่เหมือนอย่างกับพื้นเคลื่อนที่ได้อย่างนั้นเลย"

เถรี
18-07-2019, 08:44
"โบราณที่เขาทำไร่นาสวนผสม ที่เรียกว่าสวนสมรม ก็เพราะป้องกันการระบาดของพวกนี้ เพราะว่าสัตว์ชอบอาหารแต่ละชนิดไม่เหมือนกัน ถ้าปลูกต้นไม้อย่างเดียวกันแล้วไปเป็นอาหารที่เจ้าพวกหนอนพวกแมลงชนิดนี้ชอบก็พอดี...เป็นอันว่าหมด ไม่เหลืออะไร

แต่ถ้าปลูกหลาย ๆ อย่าง อย่างที่ไม่ชอบก็จะเหลืออยู่บ้าง แต่ในชีวิตส่วนที่เจอสัตว์รวมกลุ่มกันมาก ๆ ก็คือปลา ช่วงเด็ก ช่วงวัยรุ่นเจอหลายครั้ง ถึงเวลาเขาเรียกว่า "ปลาออ" ปลาจะจับฝูงกัน น่าจะขึ้นไปผสมพันธุ์ แห่กันมาเต็มแม่น้ำไปหมด โดยเฉพาะพวกปลาสร้อย ซึ่งเป็นปลาที่นิยมที่สุดในการเอามาหมักน้ำปลา ไม่ต้องทำอะไรหรอก แค่เอาเข่งตักก็ได้เต็มเข่งแล้ว

เวลามาเสียงปลาจะดังอุบอิบ ๆ ดังไปหมดทั้งแม่น้ำ แซ่ไปหมด ปลาดุกมาก็เสียงออด ๆ ๆ ๆ ที่น่ากลัวก็คือพวกงูที่ตามหลังปลามา คอยกินตัวที่รั้งท้าย ถ้าจะจับปลาพวกนั้นก็ต้องหัว ๆ ขบวน ถ้าท้ายขบวนอาจจะติดงูเห่ามาด้วย"

เถรี
19-07-2019, 21:10
พระอาจารย์สอนโยมว่า "เวลายกของหนัก ให้หายใจเข้าให้สุด หายใจออกจนหมดแล้วค่อยยกขึ้น ส่วนใหญ่พวกเราไปเข้าใจว่าต้องหายใจเข้าแล้วยกขึ้น..ใช่ไหม ? หนักตายเลย"

เถรี
19-07-2019, 21:20
ถาม : ที่บ้านงูมาก จะทำอย่างไรดีคะ ?
ตอบ : กำมะถันผงโรยไว้รอบ ๆ บ้าน งูกลัวกำมะถัน เพราะกำมะถันเหม็น งูได้กลิ่นแต่ไกลก็ไม่เข้ามา

ถาม : ยุงก็ชุมด้วยค่ะ ?
ตอบ : ไล่งูไปก่อน เดี๋ยวค่อยว่ากันทีหลัง ถ้าหากำมะถันผงไม่ได้ ก็ซื้อกำมะถันแท่ง ๆ เอามาตำ แล้วก็ไปโรยไว้รอบ ๆ รั้วบ้าน ความจริงบ้านไหนงูเยอะก็ดีนะ หนูกับคางคกจะไม่มี เพราะว่าโดนงูกินเรียบ

ถาม : งูกินกบเยอะเลยค่ะ ?
ตอบ : แสดงออกว่า ถ้าไม่ใช่ในบ้านรก ก็ข้างบ้านรกมาก ข้างบ้านเป็นที่รกร้างว่างเปล่าใช่ไหม ?

ถาม : ใช่ค่ะ ?
ตอบ : นั่นแหละสาเหตุเลย เพราะว่างูกับยุงอาศัยอยู่ในนั้น

เถรี
19-07-2019, 21:33
พระอาจารย์เล่าว่า "เรื่องการสร้างวิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรี ถ้าดูจากหนังสือแต่งตั้ง จะเห็นว่าท่านแต่งตั้งอาตมาเป็นประธานการจัดหาทุนตั้งแต่ปี ๒๕๕๙ ลองนึกดูว่าทำไมมาเริ่มต้นปีนี้ ? ก็เพราะว่าเรื่องของที่ดินสำหรับสร้างวิทยาลัยสงฆ์ไม่ลงตัว

ตอนแรกจะใช้ที่ของกรมธนารักษ์ตรงบริเวณกรมการสัตว์ทหารบก ปรากฏว่าผู้ว่าราชการจังหวัดคนเก่าอนุมัติให้ใช้ พอไม่นานท่านย้ายไป รองผู้ว่าฯ ขึ้นมาเป็นผู้ว่าฯ บอกว่าไม่ให้ใช้ ก็ต้องเปลี่ยนที่ใหม่ ไปดูที่ของหลวงพ่อลำใย ตรงหลังศูนย์สงเคราะห์คนชรา ปรากฏว่าคนแถวนั้นเขากลัวความเจริญจะมาถึงลูกหลาน มีอยู่ ๗ - ๘ คนออกมาต่อต้านไม่ให้สร้าง ในเมื่อกลัวว่าลูกหลานจะเจริญ เราก็เลยต้องหาที่ใหม่

ก็ไปได้คุณหญิงสมทรง อดีต ส.ส. ๕ สมัยของกาญจนบุรี คุณหญิงถวายที่ให้ประมาณร้อยไร่อยู่ตรงวังด้ง แต่ปรากฏว่าเป็นชื่อของลูก ๒ คน คุณหญิงท่านก็สุขภาพไม่ค่อยดี ลูกก็ไปต่างประเทศบ่อย พอแม่บอกว่าให้มาเซ็นยกที่ให้ทำมหาวิทยาลัยสงฆ์เขาหน่อย ลูกก็อยู่ต่างประเทศทุกครั้ง ท้ายสุดทางเรารอไม่ไหว เพราะว่าผ่านมาหลายปีแล้ว จากปี ๒๕๕๙ มาถึงปี ๒๕๖๒ ก็เลยไปขอที่ดินของกรมธนารักษ์ตรงบริเวณข้างโรงเรียนบ้านห้วยสะพาน ซึ่งห่างออกจากตัวเมืองไป ๒๐ กว่ากิโลเมตร ปรากฏว่าที่นั่นเหมือนอย่างกับธรรมะจัดสรร ชาวบ้านเขาบอกว่าหลวงพ่อพระธรรมคุณาภรณ์ อดีตเจ้าคณะจังหวัดเคยมาดูไว้แล้ว"

เถรี
19-07-2019, 21:36
"เมื่อประสานกับทุกฝ่าย ที่ตรงนี้กลับได้มาง่าย ๆ กรมธนารักษ์ก็พยายามทำเรื่องที่จะให้เสียค่าเช่าให้ถูกที่สุด โดยการดึงเอาสำนักงานพุทธศาสนาจังหวัดเข้ามาด้วย ให้สร้างอาคารสักหลังหนึ่ง ให้เป็นที่ทำงานของสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด จะได้เป็นการขอใช้ที่ของหน่วยราชการซึ่งจะเสียค่าเช่าถูกมาก

ต่อไปถ้าหากว่าจะเรียนก็ต้องมีคนเดินทางเพิ่มขึ้นประมาณ ๒๐ กิโลเมตร แต่ก็จะได้ลงตัวสักที ขยับไปขยับมาเพิ่งจะมาลงตัวเอาปีนี้แหละ หนังสือแต่งตั้งจะสร้างตั้งแต่สมัยเฉลิมพระเกียรติในหลวงรัชกาลที่ ๙ พระชนมายุ ๙๐ พรรษา ปรากฏว่า ๘๙ พรรษา พระองค์ท่านก็ไปแล้ว ถ้าจำไม่ผิด หลังจากแต่งตั้งอาตมาได้อาทิตย์หนึ่ง ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ก็สวรรคต

ถ้าเห็นหนังสือแต่งตั้ง จะเห็นว่ายังสร้างวิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรี เพื่อเฉลิมพระเกียรติในหลวงรัชกาลที่ ๙ พระชนมายุ ๙๐ พรรษา รวมแล้วเนื้อที่ตรงนั้นประมาณ ๑๓๖ ไร่ ก่อนหน้านี้ทางวัดถาวรวรารามของหลวงพ่อองสรภาณมธุรส ให้ที่ตรงบริเวณเขาตองไว้เกือบ ๑๒๐ ไร่เหมือนกัน ปรากฏว่าที่เขาสวยเกินไป คำว่าสวยเกินไปก็คือติดถนนยาว ๆ ไปเลย เป็นกิโลเมตร ซึ่งถ้าจะสร้างอาคารพาณิชย์หรืออะไรนี่จะสุดยอดมากเลย เพราะด้านหน้าติดถนนตลอดแนว

คราวนี้ถ้าหากว่าสร้างวิทยาสงฆ์ แล้วเราลองนึกดูว่า อาคารก็จะยาว ๆ ไปตามถนน จะไม่เหมาะ ต้องบอกว่าทางด้านหลวงพ่อองสรภาณมธุรสท่านเสียสละมาก ที่สวยขนาดนั้นยังยกให้สร้างวิทยาลัยสงฆ์ ที่ดินลักษณะอย่างนั้นถ้าให้เช่าทำอาคารพาณิชย์ก็รวยตายชักเลย"

เถรี
19-07-2019, 21:45
"เมื่อไม่ได้ใช้ที่ของทางด้านวัดญวน ก็ต้องหาที่กันใหม่ ถึงได้ยืดเยื้อกันมาจนกระทั่งมาลงตัวเอาปีนี้

ตอนนี้มีปัญหาอยู่ก็คือว่า ที่ดินนั้นเราดูด้วยสายตา จะราบเรียบน่าสนใจมาก ที่สวยจริง ๆ แต่พอถึงเวลาจับระดับน้ำเพื่อจะสร้างอาคาร ตัวอาคาร ๓๐ เมตร หัวท้ายสูงต่างกัน ๒ เมตร..! ก็คงต้องถมดินกันเยอะ แล้วสถานที่ ถ้าถมดินก็มีโอกาสทรุดได้ คราวนี้มีอย่างเดียวก็คือ หาให้ได้ว่าจะต้องตีเสาเข็มกี่เมตร เอาให้อยู่ก่อน หลังจากนั้นพอถมดินขึ้นมาเสร็จสรรพเรียบร้อย ก็ใช้วิธีเหมือนอย่างกับก่อกำแพงกันดินทรุด"

เถรี
19-07-2019, 22:25
โยมถวายที่ดินให้พระอาจารย์ "อาตมาไม่คิดจะรับที่ดินใครเลย ส่วนใหญ่พวกเราถวาย เป้าหมายคือจะให้ไปสร้างวัด แล้วตูจะเอาเวลาที่ไหนไปสร้าง ? ถ้าหากว่าอยากจะสร้างวัด ไปถวายที่อื่นที่เขาคิดจะสร้าง ถวายอาตมาก็อยู่แค่นั้นทั้งปีทั้งชาติ อาจจะไม่ได้ทำอะไรเลย

พวกนี้ถ้าหากว่าโอนเป็นของวัดเมื่อไร ก็จะเป็นของสงฆ์ไปจนชั่วฟ้าดินสลาย"

เถรี
19-07-2019, 22:29
"ทางด้านคุณวีรชัย เจ้าของเว็บพลังจิตแจ้งมาว่าทางแคลิฟอร์เนียจะถวายที่ให้ ๕ เอเคอร์ ก็บอกกับเขาไปว่า ถ้าตั้งใจให้สร้างวัดให้ไปถวายท่านอื่น แต่ถ้าถวายแล้วไม่รู้ว่าชาติไหนจะไปสร้างให้ อาตมาก็จะรับไว้

ปีที่แล้วเพิ่งจะปฏิเสธทางด้านเชียงรายไป ตรงนั้น ๒๒ ไร่ พื้นที่สวยมาก มีทั้งเขา มีทั้งห้วย ก็เลยบอกเขาว่าให้ขายทำรีสอร์ทหรือไม่ก็ถวายวัดอื่นไป ท้ายสุดเจ้าของก็ไปถวายหลวงพ่อเยื้อน"

เถรี
20-07-2019, 20:56
พระอาจารย์กล่าวว่า "ของทุกอย่างต้องพอดีถึงจะก่อประโยชน์ มากเกินไปก็เป็นโทษ หลายคนรู้ว่าสิ่งนี้ดีก็กินไปเรื่อย กว่าจะรู้ก็เกือบตายแล้ว มีอยู่บ้านหนึ่งเป็นลูกคนจีน ได้แต่เห็นปู่ย่าตายายต้มน้ำรากบัวให้ลูกกิน ก็ไม่รู้ว่าเขาต้มให้กินแก้ร้อนใน ก็ต้มให้ลูกชายกินไปเรื่อย ลูกชายอายุ ๓๐ ปีหมดสมรรถภาพ เพราะว่ากินแต่ของเย็นเข้าไป ทำลายธาตุร้อนหมด ไฟราคะหมดเลย

ดังนั้น...ที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้นั้นใช้ได้ทุกอย่าง ต้องพอดีถึงจะเกิดประโยชน์ ขาดหรือเกินก็เป็นโทษ แต่พวกเราส่วนใหญ่ไม่มีคำว่าพอดี พออะไรเห่อขึ้นมาก็แห่ตามกัน ถั่งเช่าของแท้ยากที่จะปรากฏในโลก เพราะว่าบรรดาเศรษฐีจีนหรือเจ้าของร้านยาใหญ่ ๆ ไปจ่ายเงินให้ชาวบ้านล่วงหน้าแล้ว พอถึงเวลาขุดได้ต้องขายให้เขา ได้ของแท้มาปรากฏว่าได้มาแต่เปลือก เพราะว่าเขาเอาไปต้มสกัดเอาตัวยาไปหมดแล้ว เอาเปลือกมาตากแห้งขายให้เราอีกรอบหนึ่ง

ตอนไปทิเบต เขาขายเฉลี่ยตัวละ ๒,๕๐๐ บาท ต้มกินวันละ ๓ ตัว วันละเกือบหมื่น..! อาตมาก็ได้แต่นั่งหัวเราะ แพงขนาดนี้ตูไม่กินหรอก"

เถรี
20-07-2019, 21:12
พระอาจารย์กล่าวว่า "พิธีสามหาบคือเอาข้าวของเครื่องใช้ที่ควรแก่สมณบริโภค แล้วก็ข้าวปลาอาหารใส่หาบ ไปเดินวนรอบเมรุเรียกผู้ตาย ถามว่าเขาทำอย่างนั้นทำไม ? เผื่อว่าผู้ตายยังไม่ไปไหน ยังวนเวียนอยู่ จะได้มาทำบุญครั้งสุดท้าย ถึงเวลาเรียกวนครบ ๓ รอบก็มาประเคนพระ พระรับเสร็จก็ฉันตรงนั้นเลย แล้วให้พร

พิธีกรรมหลายอย่างที่โบราณเขาทำมีจุดมุ่งหมายชัดเจน เพียงแต่คนรุ่นหลังรู้ทันหรือเปล่า ? เห็นหาบเรียกผีเหย็ง ๆ ก็ไปคิดว่าเรียกทำไม ? ที่ตลกยิ่งกว่านั้นก็คือไม่มีใครหาบเป็นสักคน ท้ายสุดพระต้องไปแนะนำว่า เวลาคุณหาบเอามือขวาจับกระจาดหน้า มือซ้ายไขว้ไปจับกระจาดหลัง เวลาหาบต้องย่อตัวหน่อยหนึ่ง จังหวะไม้คานจะเด้งพอดีกับจังหวะเดินของเรา

พวกนี้ไม่เคยหาบ เด็กบ้านนอกอย่างอาตมาหาบมาเยอะแล้ว โดยเฉพาะหาบน้ำ ถึงเวลาน้ำกินน้ำใช้ในบ้านต้องไปเอาในบ่อ หาบแล้วเดินมา ยิ่งลูกเจ๊กอย่างอาตมาส่วนใหญ่ทำไร่ผัก ต้องหาบน้ำรดผักเดินกันจนน่องโต"

เถรี
20-07-2019, 21:20
"เห็นเขาทำอะไรไม่ค่อยเป็น ก็เลยสงสัยว่าทำไมตูทำเป็นทุกเรื่องเลย ? ถึงได้บอกว่าภูมิใจในความเป็นเด็กบ้านนอก จะหาอยู่หากินอย่างไรก็ต้องเป็น ถ้าไม่เป็นก็อด โดยเฉพาะการเรื่องวางกับดักสัตว์ สุดยอดมือฉมังเลย มีไอ้บ้าที่ไหนถือเบ็ดตกปลาลุยน้ำลงไปครึ่งตัวยังตกได้กิน สร้างเวรสร้างกรรมอะไรขึ้นได้ขนาดนั้น...! ปกติคนลงน้ำปลาก็หนีหมดแล้ว ผู้ใหญ่เขายึดทำเลดี ๆ บนริมฝั่งหมด อาตมามองซ้ายมองขวาไม่มีที่ดี ๆ เหลือเลย จึงลุยลงไปกลางน้ำ แช่น้ำอยู่ครึ่งตัวตกปลา

สิ่งที่โบราณเขาบอกว่าส่วนใหญ่เป็นภูมิปัญญาที่ตกผลึกแล้ว มักจะเป็นความจริงเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ ท่านบอกว่าลำบากก่อนแล้วสบายเมื่อปลายมือ พอทำเรื่องยากได้แล้วต่อไปไม่มีอะไรยากเกินนั้นอีก ถึงเวลาอาตมามักจะวิ่งหางานยากทำ ส่วนพวกเรามักจะหาที่ง่าย ๆ หรือไม่ก็อู้ไม่ต้องทำได้เลยยิ่งดี ความสำเร็จถึงได้ต่างกัน"

เถรี
20-07-2019, 21:28
"เรื่องของการปฏิบัติธรรมเป็นการทวนกระแส ไม่สังเกตหรือว่าเรานั่งหลับตาเมื่อไรก็จะมีเสียงว่า “อยากจะเป็นพระอรหันต์หรือ ?” “อยากจะบรรลุหรืออย่างไร ?” “เดี๋ยวก็บ้าหรอก” สารพัดจะว่า ในเมื่อทวนกระแสก็ต้องแกร่งพอ โดนเขาว่าต้องไม่ยุบ มีใครเคยอ่านไหม ? เรื่อง "ปากคน" ที่อาตมาเขียนไว้ ตั้งแต่พรรษาแรกเลยนะ

เมื่อแรกทำความดีสิ่งที่พบ........คือประสบความเจ็บปวดรวดร้าวแสน
ถูกเยาะเย้ยถากถางทั้งดินแดน.........ซ้ำหมิ่นแคลนดั่งเราไซร้ไร้ฝีมือ
คนทำดีมีเท่าใดหล้าโลก................คิดว่าโชคจะเข้าข้างเจ้าหรือ ?
อยากจะเป็นคนดีที่โลกลือ..............ช่างซื่อบื้อน่าทุเรศสังเวชใจ ฯ

ไปหาอ่านเอา..ยังเหลืออีกครึ่งหนึ่ง

เขียนมา ๓๔ ปีแล้ว ๓๔ ปีแล้วยังจำได้ นั่นก็คือประสบการณ์จริงที่เจอมา คือนอกจากไม่ยินดี ไม่โมทนาด้วยแล้ว ยังสารพัดจะเยาะเย้ยถากถาง แม้กระทั่งคนในครอบครัวเดียวกันก็เป็น แต่ถ้าเราฝ่าฟันฝืนสู้ไป ท้ายที่สุดก็จะประสบความสำเร็จ ต้องสู้ทนจนถึงครายามฟ้าคืน กลับพลิกฟื้นเป็นรุ้งทองผ่องอำไพ"

เถรี
20-07-2019, 22:04
"อาตมากับพระครูแสง (พระน้องชาย) นอนอยู่ห้องเดียวกัน อาตมาก็ฝึกกสิณของตัวเองไป เจ้านั่นวันดีคืนดีก็โผล่หน้ามา “ใกล้จะบ้าแล้ว” คราวนี้พอตัวเองบวชได้ ๓-๔ พรรษาก็มาบ่น “รู้อย่างนี้ผมทำอย่างหลวงพี่ตั้งแต่ตอนนั้น..ผมก็สบายแล้ว” “อ้าว...ก็ตอนนั้นเอ็งว่าข้าบ้าไม่ใช่หรือ ?”

ตอนที่ฝึกกสิณใจจะคลาดจากดวงกสิณไม่ได้ ก็ต้องมีดวงกสิณอยู่รอบทิศรอบทาง แม้กระทั่งหลังคามุ้งนอนอยู่ก็ต้องเห็น คราวนี้สิ่งที่ทำไม่เหมือนเด็กวัยรุ่น เด็กวัยรุ่นที่ไหนจะมาตั้งหน้าตั้งตาฝึกกรรมฐาน ก็มีแต่กินแต่เที่ยว ทุกคนเลยว่าบ้า เพื่อนฝูงก็ว่าบ้า ครูบาอาจารย์ก็ว่าบ้า คนในครอบครัวก็ว่าบ้า ก็สำคัญที่ว่าเรามั่นคงแค่ไหน ? รู้จริงหรือไม่ว่าสิ่งที่ทำมีประโยชน์ ? ถ้ารู้จริงก็ไม่จำเป็นต้องฟังใคร ก็บ้าของเราไปเรื่อย ๆ ท้ายสุดคนอื่นก็ต้องบ้าตามเราเอง"

เถรี
20-07-2019, 22:22
"ส่วนใหญ่พอพวกเราโดนหน่อยก็ไม่ไหวแล้ว เลิกดีกว่า...เกรงใจกิเลส แต่ถ้ารู้ว่าสิ่งที่เราทำจะเป็นทุกข์เป็นโทษกับคนอื่นก็แอบทำ ฝึกฝนมาจนป่านนี้แล้วปัญญาต้องมี อย่าไปทำต่อหน้าคนอื่น ไม่อย่างนั้นแล้วต่อให้เราไม่ได้คิด ไม่ได้พูดอะไรที่เป็นโทษกับเขา แต่โทษก็จะเกิด เพราะเขาคิด เขาพูด เขาทำกับเรา

ถึงเวลารักษาศีลก็ไม่จำเป็นต้องไปบอกว่าเรารักษาศีล เขาชวนกินเหล้าก็ “กินไม่ได้หรอก แพ้แอลกอฮอล์” ถ้ายังจะตื๊ออีกก็บอกว่า “หมอบอกว่าคนที่แพ้แอลกอฮอล์กินเข้าไปก็ถึงตาย” นั่นคนแพ้แอลกอฮอล์...ไม่ใช่เรา ส่วนเราแพ้เพราะว่าเราไม่กิน ถึงเวลาเหมือนอย่างกับน้ำกลิ้งบนใบบอน ก็กลิ้งไปได้เรื่อย

ถึงเวลารักษาศีล ๘ เขาชวนกินข้าวเย็น ก็ไม่จำเป็นต้องไปบอกว่ารักษาศีล ๘ ก็บอกว่า “อ้วนแล้ว ขอลดความอ้วนหน่อย ตอนนี้ยังไม่กินข้าวเย็น” อันนี้เขารับได้ แต่ถ้าบอกว่ารักษาศีล ๘ เขาจะมองตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าเลย กลายเป็นสัตว์ประหลาดไป"

เถรี
23-07-2019, 23:11
พระอาจารย์กล่าวว่า "วันนี้หลวงพี่มหาเอถวายทองคำ น่าจะประมาณ ๒๕ บาท ให้เนื่องในวันเกิด ถ้ารู้ว่าวันเกิดเขาให้อะไรเยอะขนาดนี้อาตมาคงเกิดไปนานแล้ว เพราะว่าจนป่านนี้ยังไม่ได้กลับวัดไปดูเลย เมื่อคราวงานวัดรับมาก็แยก ๆ ใส่กะละมังไว้ จำได้ว่ามีพระเลี่ยมทองหลายองค์ ยังไม่ได้ดูว่ามีอะไรบ้าง เวลาจะดูยังไม่มีเลย ถ้าอยู่ถึงก็พบกันอีกทีตอนอายุ ๗๒ ปี จะจัดงานวันเกิดอีกรอบหนึ่ง พยายามกัดฟันหายใจไว้ เดี๋ยวก็ถึงเอง แค่อีก ๑๒ ปีเท่านั้น..!

พอถึงเวลาวีซ่าหมด ถ้าต่อไม่ทัน ก็ขอบ๊ายบายไปก่อน อาตมาสร้างเวรสร้างกรรมไว้เยอะ ตั้งแต่อายุ ๒๗ ปีก็หมดวาระแล้ว ที่อยู่มาจนบัดนี้ใช้วีซ่ามาตลอด ตอนตายเพื่อนผู้หญิงเห็น โอ๊ย...ใจคอไม่ดี จะขาดใจตายแทน พออาตมาฟื้นคืนมาใหม่ ดันหัวเราะเยาะอาตมาเหมือนคนบ้าเลย..!"

เถรี
23-07-2019, 23:13
"จริง ๆ แล้วเพื่อนหญิงคนนี้เขาเป็นนักปฏิบัติที่สุดยอดมาก เป็นคู่แข่งกัน คราวนี้อาตมารู้ว่าบอกไปแล้วเขารับได้ ก็เลยบอกว่าวันนี้หมดอายุ จะตายวันนี้แหละ เขาก็เฝ้าดู ตอนไปเขาทำท่าจะตายแทน พอฟื้นคืนมาใหม่ ดีใจเป็นไอ้บ้าไปเลย สรุปว่าไล่อาตมาไม่ทัน ยินดียินร้ายมากเกินไป กำลังใจไม่มั่นคง โดนอาตมาแซงเลย ไม่อย่างนั้นปกติแล้วหนีกันไม่พ้น อาตมาได้อะไรเขาได้อย่างนั้น เขาได้อะไรอาตมาได้อย่างนั้น

ที่ชอบที่สุดก็คือ เวลาไปหาท่านที่ทำได้มากกว่า ทั้งสองคนนิสัยขโมยเหมือนกัน ถ้าคนที่ทำได้มากกว่าเล่าให้ฟังว่าทำแบบไหน พวกเราจะทำได้เดี๋ยวนั้น ขโมยกันต่อหน้าต่อตา ทั้งสองคนเป็นเหมือนกัน ฟังอารมณ์ปฏิบัติของรุ่นพี่หรือรุ่นอาจารย์ เขาทำถึงตรงไหน อาการเป็นอย่างไร จะขโมยมาต่อหน้าต่อตาเลย ทำได้เหมือนเขาเดี๋ยวนั้นเลย

ตรงจุดนี้ต้องบอกว่า เกิดจากคุณูปการที่ฝึกสมาธิไว้มาก เหมือนคนมีเงินเยอะ พอจะซื้ออะไร ถ้าเขาซื้อได้ บอกว่าซื้อได้ด้วยวิธีนี้ พวกเราก็ควักกระเป๋าซื้อเลย ถึงได้กล้ายืนยันว่าสมาธิเป็นคำตอบในการปฏิบัติเกือบทุกอย่าง ยกเว้นตอนเปลี่ยนอารมณ์เป็นพระอริยเจ้าเท่านั้น"

เถรี
23-07-2019, 23:19
"ฉะนั้น...ใครบอกว่าฝึกสมาธิมากจะติดในสมาธิ คนพูดประเภทยังทำไม่ได้จริง ถ้าทำได้จริงต้องรู้ว่าสมาธิมีคุณค่าอย่างไร ขนาดพระพุทธเจ้ายังยืนยันว่าถ้าทรงฌานได้ มารจะมองไม่เห็น รัก โลภ โกรธ หลง โดนกดดับชั่วคราว กิเลสต่าง ๆ เกิดไม่ได้ชั่วคราว แล้วมารที่ไหนจะครอบงำได้ ? หลังจากนั้นก็อาศัยกำลังสมาธิมาช่วยในการพิจารณาตัดกิเลส

ถ้าหากว่าพวกเรามีคู่แข่งในการปฏิบัติลักษณะเดียวกับอาตมา จะทำอะไรได้เร็วมาก เพราะว่าไม่อย่างนั้นเราจะตามเขาไม่ทัน มีอยู่อย่างหนึ่งก็คือหนีเขาได้ไหม ? ถ้าหนีเขาไม่ได้ต้องตามเขาให้ทัน พอดีอาตมาโชคดีเจอคู่แข่งลักษณะนั้นเข้า เจอหน้ากันแต่ละทีก็มาไล่อารมณ์การปฏิบัติกัน ที่หลวงพ่อฤๅษีท่านใช้คำว่า ถึงเวลาแล้วยันกัน ก็คือความรู้เท่ากัน ไม่มีใครได้มากกว่า ของอาตมาก็หมดกระเป๋าพอดี ของเขาก็หมดกระเป๋าพอดี มีคู่แข่งแล้วจะกระตือรือร้น ถ้าไม่มีก็ต้องแข่งกับตัวเอง

จริง ๆ แล้วสมาธิในการเล่นเกมส์ บางคนระดับนิโรธสมาบัติเลย เห็นเด็กฝรั่งคนหนึ่งที่เล่นเกมจนตาย เล่นต่อเนื่องกันเป็นเดือน กำลังระดับนั้นถ้าเอามาตัดกิเลสก็บรรลุไปนานแล้ว

ถึงเวลาอาตมากับเขาก็นั่งคุยนั่งไล่อารมณ์การปฏิบัติกัน พ่อเขาก็สงสัย มาจีบลูกสาวทำไมไม่เอ่ยปากขอเสียที ถึงเวลาก็หิ้วกาน้ำชา ถือถ้วยมา นั่งซดน้ำชาไป ๒ กา "คุยอะไรกันวะ ? ฟังไม่รู้เรื่อง ไปดีกว่า" ก็พ่อเขาไม่ใช่นักปฏิบัติ คิดว่าอาตมาไปจีบลูกสาวเขา

พวกเราถ้าไม่มีใครเป็นคู่แข่ง ก็ให้แข่งกับตัวเอง"

เถรี
24-07-2019, 17:09
พระอาจารย์กล่าวว่า “ญาติโยมที่ซื้อเทียนพรรษามาถวาย ไม่ต้องเอาแบบแกะลายมา แบบแกะลายนั้นแพง จะแกะหรือไม่แกะมา อาตมาก็หลอมทำผางประทีปหมด เพราะฉะนั้น...ลายจึงไม่มีประโยชน์ ยกเว้นว่าชอบของสวยก็ว่าไปอีกอย่าง”

เถรี
24-07-2019, 17:15
พระอาจารย์กล่าวว่า “เมื่อวานหลวงปู่ปวง สมณศักดิ์ คือ พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ สมเด็จพระราชาคณะชั้นหิรัญบัฏ วัดศรีโคมคำ จังหวัดพะเยา ท่านมรณภาพด้วยอายุ ๑๐๒ ปี พรรษา ๘๒

ต้องบอกว่าเป็นพระเถระที่อาวุโสพรรษาสูงสุดในประเทศของเรา แต่ยังไม่ทำลายสถิติ สถิติเดิมเป็นของหลวงปู่สี ฉนฺทสิริ วัดเขาถ้ำบุญนาค อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ ท่านมรณภาพอายุ ๑๒๘ ปี พรรษา ๘๘ คนเราจะอยู่ให้ได้ ๘๘ ปีก็ยากแล้ว นี่เฉพาะที่บวช ๘๘ ปี..!

หลวงปู่สีท่านเคยบวชตามประเพณี เสร็จแล้วก็สึกมามีครอบครัว มีลูกมีเมีย ทำมาหากินเหมือนคนอื่นเขา จนอายุ ๔๐ ปี ท่านเห็นว่าแก่มากแล้ว ลูกเมียครอบครัวก็ไม่เดือดร้อนอะไรแล้ว จึงขอไปบวช กะว่าจะตายในผ้าเหลือง ท่านกลับอยู่มาอีก ๘๘ ปี หลวงปู่มรณภาพตอนอายุ ๑๒๘ ปี อาตมาตอนนั้นยังไม่ได้เศษอายุของท่านเลย”

เถรี
24-07-2019, 17:17
ถาม : หลวงปู่ท่านมรณภาพปีไหนครับ ?
ตอบ : จำไม่ได้ น่าจะปี ๒๕๒๐ ตอนนั้นอาตมายังไม่ได้เศษ ๆ ๒๘ ปีของท่านเลย อย่าว่าแต่ร้อยปี จำได้แต่ว่าพระน้องชายตอนนั้นยังเป็นวัยรุ่นอยู่ด้วยกัน พาไปตามหาเหรียญหลวงปู่ เพราะว่าของหลวงปู่ท่านเหนียวชนิดเชื่อขนมกินได้ ขนาดชานหมากท่านเคี้ยวอยู่ในปาก คายออกมาเดี๋ยวนั้น ทหารชักปืนลองยิง ไม่ออกสักนัดเดียว..!

ไปหาเหรียญหลวงปู่กัน ตอนนั้นเหรียญนวโลหะของท่านราคา ๘๐ บาท ในความรู้สึกของอาตมาคือ โคตรแพงเลย..! เพราะว่าช่วงวัยรุ่นนั้นทำงานเป็นลูกจ้างรายวัน วันละ ๒๕ บาท เหรียญหลวงปู่ราคา ๘๐ บาท เท่ากับค่าแรงสามวันกว่า

ด้วยความที่เป็นเด็ก เงินทองก็ไม่ได้มีมาก จ่ายค่ารถไปกลับแล้ว เหลือเงินบูชาเหรียญท่านได้เหรียญเดียว ...(หัวเราะ)... ตอนหลังเก็บเงินได้ใหม่ก็ไปใหม่ ไปบูชาพระปิดตาท่านมา ปรากฏว่าใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อตอนซ่อมรถ ตอนถอดเสื้อทำงาน เอาเสื้อพาดประตูรถไว้ ถึงเวลาเปิดปิดประตูรถเพื่อเข้าออกทำงาน ดันไปหนีบพระของท่านแตก ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร แตกเป็นชิ้น ๆ แล้ว จึงกลืนลงท้องไปเลย ...(หัวเราะ)...

เถรี
24-07-2019, 17:18
สมัยที่หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านรวมพระสุปฏิปันโน เพื่อให้ลูกหลานได้ทำบุญกับเนื้อนาบุญชั้นสุดยอด พี่อรรณพตอนนั้นมียศร้อยตำรวจโท ยังเป็นตำรวจตระเวนชายแดนอยู่ ตอนหลังพี่อรรณพย้ายจาก ตชด. มาอยู่ส่วนกลาง พี่อรรณพเป็นคนไปนิมนต์หลวงปู่ หลวงปู่ท่านบอกว่า “ตัวไปไม่ได้” คำว่าตัวไปไม่ได้ก็คือ ร่างกายไปไม่ไหว เพราะว่าท่านอายุเป็นร้อยปีแล้ว ท่านอั้นปัสสาวะไม่ได้ ถ้าปวดนี่ต้องเข้าห้องน้ำเดี๋ยวนั้นเลย จึงไปงานเขาลำบาก แต่ท่านก็มอบสังฆาฏิของท่านมาให้ทำวัตถุมงคล

หลวงปู่สีท่านเล่าว่าที่ท่านอายุยืนมาก เพราะว่าช่วงธุดงค์ตอนอยู่รอยต่อไทย–พม่า ท่านไปเจอชาวลับแล เขาทำยาอายุวัฒนะกินกัน หลวงปู่ไปถึง เขากินกันเสร็จแล้ว เขาก็เลยรวบรวมเศษ ๆ ที่หกติดใบไม้อยู่ให้หลวงปู่ฉันเข้าไป นั่นขนาดกินเศษนิดเดียว อายุถึง ๑๒๘ ปี ถ้ากินเต็มที่ตามสูตรเขา ไม่รู้ว่าจะอายุเท่าไร..!?

เถรี
24-07-2019, 17:21
หลังจากหลวงปู่สีแล้ว ก็ไม่มีพระมหาเถระที่อายุขัยยืนยาวขนาดนั้นอีก ส่วนใหญ่ก็อยู่ที่ร้อยปี ร้อยปีนิดหน่อย ก็จะมีหลวงปู่สุภา วัดเขารัง จังหวัดภูเก็ต ท่านอายุได้ ๑๑๔ ปี ส่วนหลวงปู่น้อย วัดภูกำพร้า กับหลวงปู่ละมัย ที่เพชรบูรณ์ อันนั้นท่านไม่มีหลักฐาน มีแต่วาจา บอกว่าอายุเท่านั้นเท่านี้

อีกท่านหนึ่งก็คือ หลวงปู่สรวง ออยเตียนสรูล มีแต่คนบอกว่า ตอนปู่ย่าตาทวดเป็นเด็กก็เห็นหลวงปู่อยู่แล้ว จนกระทั่งมารุ่นหลาน ๆ แก่หมด หลวงปู่ก็ยังอยู่ ก็เลยไม่รู้ว่าท่านอายุเท่าไร ? นี่ก็มีแค่คำบอกเล่า เพราะว่าหลักฐานชัดเจนไม่มี ถ้าหากว่าอย่างของหลวงปู่สี หลักฐานชัดเจนนั้นมี เพราะว่ามีบันทึก มีหนังสือสุทธิในการบวช แม้ว่าหนังสือสุทธิจะมามีในปี ๒๔๘๐ แต่ว่าหลวงปู่ก็ไปขึ้นทะเบียนลงประวัติไว้ชัดเจน

เถรี
24-07-2019, 17:23
พระอาจารย์กล่าวว่า “ถ้าจากประสบการณ์ของอาตมาเอง ชาวลับแลมีอยู่ทั่ว ๆ ไป เหมือนอย่างกับว่าเขาซ้อนอยู่กับโลกของเรานี่แหละ เพียงแต่ว่าเขาจะเปิดให้เราเข้าไปหรือเปล่า ? ถ้าไม่เคยมีเวรมีกรรมเนื่องกันมาก็ไม่มีโอกาสได้เข้าไป

ที่รอยต่อระหว่างจังหวัดสุพรรณบุรี กาญจนบุรี กับอุทัยธานี มีอยู่จุดหนึ่งเรียกว่า เขาเทวดา ตรงนั้นเป็นแดนลับแล ชาวบ้านเขาบอกว่า ก่อนหน้านี้พวกชาวลับแลยังออกมาช่วยเกี่ยวข้าว ช่วยนวดข้าว แต่พอผู้ชายไปวุ่นวายกับสาวของเขามาก ๆ เขาก็เลยไม่ออกมาอีก ช่วงที่ยังเป็นพระใหม่เดินธุดงค์อยู่ อาตมาก็เตือนรุ่นน้องว่า ตรงจุดนั้นถ้าจะเข้าไปต้องระวังให้ดี เพราะถ้าพลาดจะหลุดเข้าไปในเขตของลับแล”

เถรี
24-07-2019, 17:25
“ปรากฏว่ารุ่นน้องจากวัดท่าซุงคือ พระสหชาติ สุธมฺมเทวธฺมโม ท่านธุดงค์ไปเจอชาวบ้านแล้วถามทาง เดินหายไปหนึ่งวันกับอีกหนึ่งคืน ออกมาแล้วบอกสั้น ๆ แค่ว่า "หลงทาง" แล้วไม่พูดเรื่องอะไรอีกเลย ส่วนอีกท่านคือ ท่านชาติชาย สุธมฺมธนปาโล ก็รุ่นน้องที่วัดท่าซุงเหมือนกัน ท่านบอกว่าก้มหน้าก้มตาเดินแล้วรู้สึกผิดปกติ เพราะว่าแสงสว่างไม่เหมือนกับดวงอาทิตย์ คือสว่างมาทุกทิศทุกทาง ไม่มีเงา ท่านก็เลยรีบถอยออกมา ท่านบอกว่าตอนที่เดินเข้าไป ดูนาฬิกาแล้วประมาณแปดโมงครึ่ง แค่ไม่กี่นาทีถอยออกมา เกือบบ่ายสองโมง ระยะเวลาของเขาต่างกับเรามาก

ส่วนอาตมาเองนั้นไปเจอที่ทางฝั่งพม่า วันพระญาติโยมเขามาทำบุญกันมาก ดูวุ่นวาย อาตมาก็หลบไปหลังวัด นั่งกรรมฐานเงียบ ๆ อยู่คนเดียว ปรากฏว่ามีคนโผล่มาตรงหน้า เห็นแล้วผิดปกติ มาลักษณะอย่างนี้ จู่ ๆ มาปรากฏอยู่ตรงหน้า ไม่น่าจะใช่คนทั่วไป ก็เลยถามว่าเขาเป็นใคร มาจากไหน ? เขาบอกว่าเขาเป็นหัวหน้าชาวลับแลอยู่ตรงจุดนั้น ก็เลยถามเขาว่าการปรากฏตัวแบบนี้ เป็นอภิญญาหรือกัมมวิปากชาฤทธิ์ ?”

เถรี
24-07-2019, 17:27
“กัมมวิปากชาฤทธิ์คือฤทธิ์ที่ติดตัวมา เขาบอกว่าเป็นกัมมวิปากชาฤทธิ์ ชาวลับแลทุกคนจะมีฤทธิ์นี้ ก็เลยถามเขาว่า “ลองแข่งกันไหม ?” คืออยากจะรู้ว่าฤทธิ์โดยกำเนิด กับฤทธิ์ที่เกิดจากการฝึกอย่างของเรา ต่างกันมากหรือเปล่า ? เขาบอกว่าถ้าแข่งกันเฉย ๆ ไม่สนุก ขอมีเดิมพันหน่อย ก็ถามเขาว่าจะเดิมพันอะไร ? เขาหยิบถุงเงินให้ดู เป็นเหรียญเงินใหญ่ ๆ น่าจะเป็นรูปของควีนอลิซาเบธที่หนึ่งของอังกฤษ เป็นเหรียญเงินใหญ่ ๆ ทั้งถุงเลย

เขาบอกว่า “ถ้าท่านชนะ ผมให้หมดเลย แต่ถ้าท่านแพ้ ให้ท่านพาพระอีก ๔ รูป รวมท่านแล้วเป็น ๕ รูป เข้าไปให้ผมทำบุญ ๑ วัน” อาตมาเคยได้ยินว่าวันหนึ่งของเขาเท่ากับ ๑ ปีของเรา ก็เลยไม่ตกลง เพราะไม่แน่ใจว่าเราจะสู้เขาได้ เนื่องจากว่าพวกนี้เขาเป็นฤทธิ์โดยกำเนิด เท่ากับว่าเขาซ้อมอยู่ทุกวัน ส่วนของพวกเราถ้าสนิมขึ้นนี่เจ๊งแน่เลย

ก็เลยบอกว่า ถ้าอย่างนั้นไม่ตกลง เพราะว่าโอกาสแพ้มีมาก เขาก็เลยเปิดทางเข้าให้ดู คือถ้าไปถึงหลังวัดแล้วจะมีซอกเขาไป ข้ามไปจะเป็นลำห้วยแห้ง ข้ามลำห้วยแห้งไปก็เป็นเขตของเขา เขาบอกว่าถ้าท่านจะไป เปลี่ยนใจเมื่อไร ให้พาพวกมายืนอยู่ที่ห้วยแห้งฝั่งนี้ แล้วเรียกเขา เขาจะมารับ จนป่านนี้อาตมายังไม่ได้ไปเลย เกิน ๒๐ ปีแล้ว”

เถรี
24-07-2019, 17:29
“ตรงส่วนนี้ทำให้เข้าใจว่า ชาวลับแลจริง ๆ เขาก็คือคนเหมือนกับพวกเรานี่แหละ เพียงแต่ว่ากำลังบุญยังไม่พอที่จะเป็นเทวดา แต่ก็ดีเกินกว่าที่จะมาอยู่ร่วมกับพวกเรา ก็เลยต้องมีเขตต่างหากของตัวเอง แต่ทึ่งตรงที่ว่าฤทธิ์โดยกรรมวิบากของเขา เขาสามารถปรากฏตัวตรงจุดไหนก็ได้ที่ต้องการ ลักษณะเหมือนกับอภิญญา เขาบอกว่า วันพระเขาก็เลยออกมาทำบุญหากุศลใส่ตัว

เรื่องนี้ก็ไปพบที่วัดหลวงปู่ครูบาไชยวงศ์ วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม ที่วัดหลวงปู่ครูบาไชยวงศ์จะมีชาวลับแลออกมาทำบุญเสมอ แต่ว่าพอชาวบ้านตามไป เขาก็จะหายไปเฉย ๆ เหมือนอย่างกับเดินตามไม่ทันนี่แหละ เพียงแต่หายไปต่อหน้าต่อตา ก็คงจะลักษณะเดียวกัน คือเขาใช้ฤทธิ์อำนาจนี้เพื่อที่จะไปให้พ้นจากพวกเรา หลวงปู่ครูบาไชยวงศ์บอกว่าให้สังเกต ชาวลับแลนั้นถ้ามาทำบุญ เขาจะมีกล้วยมาด้วย กล้วยน้ำว้าธรรมดานี่แหละ แต่ไม่ธรรมดาตรงที่ว่า เครือหนึ่งจะมีอย่างน้อย ๑๓ หวี หวีหนึ่งจะมีอย่างน้อย ๑๖ ลูก..!

ล่าสุดเมื่อปีที่แล้ว อาตมาไปเจอที่วัดห้วยน้ำอุ่นของหลวงปู่ครูบาบุญยัง ลูกศิษย์รุ่นแรกของหลวงปู่ครูบาไชยวงศ์ ที่ท่านส่งให้ไปดูแลวัดห้วยน้ำอุ่น แล้วท่านก็ทำจนเจริญ ท่านจัดงานสืบชะตา อาตมาเองก็ไปเป็นพระเถราจารย์นั่งภาวนาให้ท่าน ปรากฏว่าลืมตาขึ้นมา กล้วยตรงหน้าเครือสูงท่วมหัวเลย..! มีเกิน ๒๐ หวี ก็เลยบอกน้องเล็ก จำไม่ได้ว่าน้องเล็กได้ถ่ายรูปมาหรือเปล่า ? บอกว่านี่ของลับแล ไม่ใช่ของชาวบ้านหรอก ของบ้านเรามีถึง ๑๐ หวีก็เก่งตายชักแล้ว จำไว้นะ…อย่างน้อยเครือหนึ่งมี ๑๓ หวีขึ้นไป หวีหนึ่งอย่างน้อยมี ๑๖ ลูก”

เถรี
24-07-2019, 17:48
“มีอยู่เที่ยวหนึ่งธุดงค์อยู่ที่ป่าลึกของเมืองกาญจน์ ไม่มีอะไรจะกิน เสบียงหมด เจอโยมเดินหาบของกินสวนมา อะไรรู้ไหม ? ส้มตำเดลิเวอรี่..! หาบส้มตำ เหมือนกับพร้อมที่จะวางขายที่ไหนก็ได้ แล้วเขาก็ทำส้มตำถวายพระ อาตมาก็ตั้งหน้าตั้งตาฉัน ฉันไปก็มองไป ท้ายสุด ยถา สัพพีฯ เสร็จก็ต่างคนต่างไป กูจะไม่พูดเรื่องนี้กับเขา เพราะว่าเดี๋ยวจะอด..!

เพราะว่าที่เขาหาบมา มีมะละกออยู่ลูกเดียว โตเต็มหาบเลย อีกด้านหนึ่งเป็นเครื่องใช้ไม้สอย ครกกระบากสากกะเบือที่เขาเอาไว้ทำส้มตำนี่แหละ แต่อีกด้านหนึ่งใส่มะละกอมาลูกเดียว เห็นก็รู้ว่าผิดปกติ แต่พูดไม่ได้ เพราะว่าถ้าพูดแล้วจะอด ...(หัวเราะ)... เพราะฉะนั้น..ตั้งหน้าตั้งตากินก่อน เพราะว่าเคยพูดมากจนอดมาแล้ว..!

โดนกับตัวเองมาจนจำเป็นบทเรียนเลยว่า ถ้าอะไรผิดปกติอย่าเพิ่งพูด มะละกอเขาก็ลูกอ้วน ๆ สั้น ๆ นี่แหละ แต่ทำไมถึงใหญ่เต็มหาบ ? ถ้าไม่ใช่ของที่ออกมาจากลับแล ไม่มีทางที่จะใหญ่ได้ขนาดนั้น

ถ้าใครอยากดู ที่วัดพระธาตุศรีจอมทองมีเม็ดข้าวชาวลับแล เม็ดเดียวโตเกือบเท่ากล้วยหอม..! หลวงปู่ทอง วัดพระธาตุศรีจอมทอง ท่านเก็บไว้ให้ดู นั่นพระมหาเถระรัตตัญญูอีกรูปหนึ่ง ปัจจุบันท่านเป็นสมเด็จพระราชาคณะ ชั้นหิรัญบัฏเหมือนกัน สมณศักดิ์ที่พระพรหมมงคล”

เถรี
24-07-2019, 17:51
“ที่ว่าพูดจนอดกินก็คือ สมัยที่อยู่เกาะพระฤๅษี ออกบิณฑบาตทุกเช้า เดินขึ้นเขาไปห้ากิโลฯ กว่า..! ก็คือเข้าป่าลึกไปดี ๆ นี่เอง พยายามซักซ้อมมโนมยิทธิไว้ทุกวันตามที่หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านสั่ง กำหนดใจดูว่าวันนี้ใครใส่บาตรเป็นคนแรก ผู้หญิงหรือผู้ชาย หน้าตาเป็นอย่างไร ใส่เสื้อผ้าสีสันแบบไหน เดินไปเกือบจะถึงเขตหมู่บ้านเขาแล้ว ห่างไม่ถึงร้อยเมตร มีผู้หญิงคนหนึ่งใส่ผ้าเก่า ๆ ดักใส่บาตรอยู่เป็นคนแรก

ด้วยความเคยชิน ถึงเวลาเปิดบาตรแล้วก้มหน้า เพราะว่าพระเขาห้ามมอง ให้มองดูได้แต่ในบาตร ปรากฏว่าตอนก้มมองเห็นผ้าสวย ๆ แลบซ้อนผ้าเก่าขึ้นมา ก็เลยปิดบาตร บอกว่า “เดี๋ยว..อย่าเพิ่งใส่บาตร คุยกันก่อน ถามจริง ๆ ว่าเธอเป็นใครมาจากไหน ?” เขาก็เลยแสดงตนให้ดู ปรากฏว่าเป็นรุกขเทวดาอยู่แถวนั้น แต่บุญน้อยมาก จะมาทำบุญเพิ่มบุญให้ตัวเอง ก็ดูรูปร่างหน้าตาสะสวย แต่ว่าเนื้อหนังเหมือนของพวกเรา แสดงว่าบุญน้อยจริง ๆ เพราะว่าพวกนางฟ้าเทวดายิ่งบุญมากเท่าไร เนื้อจะใสมากเท่านั้น นั่นขนาดจน ๆ นะ แม่เจ้าประคุณใส่เข็มขัดทองเส้นเกือบเท่าฝ่ามือ..!

ก็เลยบอกว่า ถ้าอย่างนั้นผลบุญทั้งหมดที่เราทำมาตั้งแต่ต้นจนบัดนี้ ขออุทิศให้แก่เธอ ขอให้เธอโมทนา เราจะได้รับประโยชน์ความสุขเท่าไร ขอให้เธอได้รับด้วย แม่เจ้าประคุณก็โมทนาสาธุ แทบจะกลายเป็นแก้วทั้งตัว แล้วก็ไปเลย..! พอได้บุญแล้วดันไม่ใส่บาตร ตั้งแต่นั้นมาก็จำเลยว่า ต้องใส่บาตรเสียก่อนแล้วค่อยให้เขา ไม่อย่างนั้นไม่ให้หรอก..!”

เถรี
24-07-2019, 17:52
“เจตนาเขาก็คือมาสร้างบุญ ในเมื่อได้บุญแล้ว เขาก็ไปเลย ดังนั้น..ต่อไปถ้าทุกคนเจอลักษณะอย่างนี้ จำไว้เลยนะ อย่าพูดมาก สงสัยให้หุบปากไว้ ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวจะเหมือนกับญาติโยมที่หลงทางอยู่ในป่า ไปเจอบ้านชาวบ้าน มีคุณยายแก่ ๆ แต่ว่าหน้าตาผ่องใส เรียกลูกเรียกหลานมา ช่วยกันทำอาหารเลี้ยง แต่กลุ่มนั้นเขาฉลาด เขาเห็นว่าผิดปกติเขาไม่พูดอะไร ขอบอกขอบใจ กินตามที่เขาเลี้ยงนั่นแหละ แล้วก็นอน ตื่นขึ้นมาอยู่ใต้ต้นตะเคียน แต่ว่าตอนนอนนั้นนอนอยู่บนบ้าน ...(หัวเราะ)...

ตอนเขาเลี้ยง ตอนเขาหาที่นอนให้นั่นอยู่บนบ้านเขา ถึงแม้ว่าจะเป็นกระต๊อบเก่า ๆ ในป่าก็เถอะ ตอนตื่นมาดันอยู่ใต้ต้นตะเคียน ...(หัวเราะ)... แต่คณะนี้เก่งนะ พอเห็นผิดปกติเขาสะกิดกันเลย ห้ามพูด มีอะไรว่ากันตามมารยาท ห้ามสงสัย ห้ามถาม เขาน่าจะมีบุญเนื่องกันมาก่อน รุกขเทวดาถึงได้มาสงเคราะห์ ถ้าลักษณะอย่างนั้นต่อให้นอนอยู่กลางดงเสือดงช้างก็ปลอดภัย”

เถรี
24-07-2019, 18:50
“พระธุดงค์ที่เข้าป่ามักจะมีประสบการณ์อย่างนี้อยู่มาก มีอยู่รายหนึ่งต้องปีนต้นไม้ลง เพราะว่ามีโยมในป่านิมนต์ไปทำบุญ ดันไปหวังดีปรารถนาดีอีท่าไหนไม่รู้ ไปสวดภาณยักษ์เข้า ท่านบอกว่าเรือนชานบ้านช่องหายหมดเลย ตัวเองนั่งอยู่บนคาคบต้นยาง..!

แล้วต้นยางสูงจากพื้นเกือบ ๓๐ เมตร โตตั้ง ๓-๔ คนโอบ ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร ท้ายสุดต้องยอมสละจีวรตัวเอง ฉีกจีวรเป็น ๓ ชิ้นแล้วต่อกัน เสร็จแล้วก็เอากระติกน้ำมาผูกปลายจีวร แล้วเหวี่ยงอ้อมต้นไม้ จนกระทั่งสามารถจับปลายสองข้างได้ ก็รั้งข้อมือตัวเองทำเป็นบ่วงแล้วค่อย ๆ ไต่ลงมา เพราะว่าต้นไม้ตรงแหน็ว ไม่มีกิ่ง ไปมีกิ่งอยู่บนยอด ถ้าท่านไม่มีสติแล้วไม่รู้ว่าจะแก้ไขปัญหาอย่างไร ก็มีสองอย่าง ไม่ตกลงมาตาย ก็คงจะอดตายอยู่บนนั้นแหละ..!

ดังนั้น..เวลาสวดมนต์ในป่า อย่าไปสวดบทภาณยักษ์ภาณพระ ไปสร้างความสุขความเจริญให้ชาวบ้านก็จริง แต่ผีเขาอยู่ไม่ได้ ...(หัวเราะ)… ถึงเวลาเขาไป บ้านหายไปกลายเป็นต้นไม้ตามเดิม

หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านเคยเล่าเรื่องผีทำบุญนี่แหละ ท่านบอกว่าเขาก็นิมนต์พระทำบุญตามปกติ ถึงเวลาพระไป ก็เป็นเรือนชานบ้านช่อง มีบันไดขึ้นบ้าน มีอะไรเหมือนปกติ แต่ผิดปกติตอนสวดถึงบทวิรูปักเขฯ “วิรูปักเขหิ เม เมตตัง เมตตัง เอราปะเถหิ เม ฯ” ท่านบอกว่าชาวบ้านลุกขึ้นรำกันทั้งบ้านเลย ไม่รู้ว่าจังหวะมันมากหรืออย่างไร..!”

เถรี
24-07-2019, 18:52
“ทีนี้พอไปขึ้น “นักขัตตะยักขะภูตานัง” ท่านบอกว่าบ้านหายทั้งหลังเหมือนกัน แต่นี่ไม่ใช่ต้นไม้ใหญ่ ไปอยู่บนกอไผ่ ลงไม่ได้เพราะว่าเป็นไผ่หนาม..! ต้องตะโกนเรียกชาวบ้านกันเสียงแหบเสียงแห้ง ชาวบ้านก็เลี้ยงควายอยู่ในทุ่งไกลลิบโน่น จนกระทั่งชาวบ้านเขาได้ยิน มาดูใกล้ ๆ เห็นเข้า ก็เอามีดเหน็บฟันเข้าไป กว่าจะเข้าไปถึงโคนไผ่ กว่าจะเลาะให้ท่านลงมาได้ก็ล่อไปครึ่งค่อนวัน..!

จำกันไปจนวันตายเลยว่า อย่าไปสวดพวกบทวิปัสสิสฯ นักขัตตะฯ เพราะว่าผีเขากลัว พระอาจารย์สำราญ วัดเขาวงพระจันทร์ ท่านสวดวิปัสสิสฯ ไปไล่ผี ท้ายสุดขุนด่านทนไม่ได้ เล่นเสียน่วมคากุฏิเลย ไล่ได้แต่ผีเล็ก ๆ ระดับอินทกะอย่างขุนด่านนี่ไล่ไม่ได้ โดนเข้าไปเต็ม ๆ..!

เพราะฉะนั้น..ที่ผีจ้างหนังที่ไปดูที่คำชะโนดนั่น ไม่ใช่เรื่องแปลก ผีก็อยากดูเหมือนกัน ตอนที่ผิดปกติก็คือว่า หนังสนุกแค่ไหน คนดูก็นั่งเงียบ..ดูอย่างเดียว แล้วตอนจ่ายค่าหนังให้ เป็นเหรียญบาทล้วน ๆ ไอ้เหรียญที่เขายัดปากเมื่อก่อนเผานั่นแหละ เขาไปรวบรวมกันมาจ่ายเป็นค่าดู”

เถรี
24-07-2019, 19:04
“เรื่องพวกนี้นานไปวิทยาศาสตร์น่าจะไล่ทันเข้าไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวนี้พวกกล้อง พวกทีวีวงจรปิดมีความละเอียดคมชัดมากขึ้น จับภาพแปลก ๆ พวกนี้ได้มากขึ้น แต่บางอย่างเขาก็ยังอธิบายไม่ได้

อย่างที่มีคนเขาสงสัยว่า ทำไมเขานอนดิ้นได้ขนาดนั้น ทุกคืนข้าวของในห้องกระจายหมด ก็ไปติดวงจรปิด ปรากฏว่าภาพที่ออกมาตลกมาก ก็คือเขานอนอยู่ ผ้าห่มโดนกระชากพรืดไปจากตัว ไม่เห็นคนกระชากหรอก แต่ผ้าโดนกระชากไปทั้งผืน ถ้าไม่มีวงจรปิดเป็นที่ยืนยันก็คิดว่าตัวเองทำเอง”

เถรี
24-07-2019, 20:31
พระอาจารย์กล่าวว่า “เมื่อเช้าดูรูปที่คุณบิ๊กถ่ายเอาไว้ตอนงานสืบชะตา ดู ๆ แล้วก็เออ..บ้าดี..! ถามว่าบ้าตรงไหน ? คือถ่ายรูปแล้วหามุมปกติยาก ไม่เสยขึ้นก็กดลง ไม่กดลงก็ตะแคงข้าง เอียงซ้าย เอียงขวาไปหมด ถ่ายปกติอย่างชาวบ้านไม่ได้หรืออย่างไรวะ..?! ดูแล้วเวียนหัว แต่ก็แปลกดี เพราะว่ามุมไม่เหมือนกับชาวบ้านเขา

แต่ว่ามีอยู่ ๒ รูปที่ตรงกับของคนอื่น ก็คือตอนที่ขึ้นนั่งบนซุ้ม เปลวเทียนผิดปกติ ได้ดูกันหรือเปล่า ? เปลวเทียนยาวเป็นคืบเลยนะ เขาจะบอกว่ายังมีไฟอยู่หรือเปล่า ? ...(หัวเราะ)...”

เถรี
24-07-2019, 20:34
ถาม : ได้รูปพระโพธิสัตว์มัญชุศรีมาจากเนปาล ปกติเถรวาทกับมหายานต่างกันเยอะไหมครับ ?
ตอบ : เอาแค่พวกเทพพิทักษ์พระพุทธศาสนา ของเราก็สู้เขาไม่ได้แล้ว ของเขามีสารพัดรูปแบบ พูดง่าย ๆ ก็คือ คุณจะอยู่ภพไหนภูมิไหน ถ้าหากว่ามานี่ เขาเอามาช่วยงานหมด

ถาม : ไม่จำเป็นต้องเป็นภุมมเทวดาเหมือนเรา ?
ตอบ : ไม่จำเป็น จะเป็นพวกอสุรกาย เปรต หรืออะไร หลงเข้าไป โดนปราบได้ก็เอามาใช้งานหมด ส่วนใหญ่ทางด้านทิเบต - เนปาล ก็จะเป็นรูปพระธยานิพุทธเจ้าทั้ง ๕ ท่าน ท่านมิลาเรปะ หรือไม่ก็ดาไลลามะองค์ที่ ๕ ที่แน่ ๆ ก็คือมันดาลา หรือมณฑลสุขาวดีพุทธเกษตร

เถรี
24-07-2019, 20:37
ถาม : หนูเปลี่ยนมาเป็นพุทธได้ไม่นาน พยายามฝึกสมาธิ ดูจิต ดูกาย บางทีก็รู้สึกเหมือนพอทำได้ บางทีก็รู้สึกว่ายาก ?
ตอบ : ก็เราไปทำของยากเข้า ฝึกใหม่ ๆ เอาสมาธิภาวนา ดูแค่ลมหายใจเข้าออกก่อน อยู่แค่ตรงนี้ จะใช้คำภาวนาอะไรก็ได้ หายใจเข้า...ตามดูไปจนสุด หายใจออก...ตามดูไปจนสุด ถ้าเราเผลอคิดถึงเรื่องอื่นเมื่อไรก็ดึงกลับมาตรงนี้ เอาแค่ตรงนี้ให้ได้ก่อน เราทำข้ามขั้นไปเยอะ เหมือนกับเด็กหัดใหม่แล้วไปเรียนปริญญาเลย

ถาม : ยังแยกธาตุแยกขันธ์ไม่ได้ ?
ตอบ : ไม่ต้องไปแยก เอาแค่ลมหายใจแค่นี้ก่อน จนกระทั่งอารมณ์ใจทรงตัว รู้สึกนิ่งเบาสบาย รัก โลภ โกรธ หลง ไม่เกิด แล้วค่อยมาต่อ แบบนี้เขาเรียกว่าเรียนเกินระดับตัวเอง

เถรี
24-07-2019, 20:50
พระอาจารย์กล่าวว่า “เรื่องของพระภูมิเจ้าที่ บางคนก็เรียกว่าเจ้าที่เฉย ๆ ปัจจุบันนี้เราไม่ค่อยให้ความสำคัญกับท่าน เกิดจาก ๒ สาเหตุด้วยกัน สาเหตุแรกก็คือ อ้างว่าไม่มีเวลา สาเหตุที่สองคือ หาคนรู้จริงทำให้ไม่ได้ พระภูมิเจ้าที่นั้นถ้าหากว่าเราตั้งศาล บวงสรวงบอกกล่าวท่านถูกต้อง อันตรายต่าง ๆ ที่ไม่เกินวิสัยจะเข้ามาในเขตไม่ได้ เพราะว่าท่านจะช่วยกันให้ โดยเฉพาะบรรดาพวกผีเร่ร่อน หรือว่าบรรดาพวกคุณผีคุณคนที่เกิดจากอำนาจไสยศาสตร์

สมัยที่อาตมายังเป็นฆราวาส ตั้งศาลให้พี่ชายตัวเอง พี่เขาเปิดอู่รถ ถึงเวลาเข้าก็บอกท่าน ถึงเวลาออกก็บอกท่าน ซอยที่บ้านมีแต่พวกยาเสพติด ลักเล็กขโมยน้อยสารพัด แต่ของที่บ้านไม่มีหาย ทั้ง ๆ ที่ไม่มีรั้วบ้าน

แต่หลังจากที่บวชมาน่าจะเป็นพรรษา กลับบ้านไปเห็นว่ารอบบ้านมืดไปหมด ยกเว้นสว่างอยู่ที่ศาลพระภูมิประมาณ ๒ ตารางเมตรเท่านั้น ก็เลยถามพระภูมิท่านว่าเป็นเพราะอะไร ? ท่านบอกว่าพี่ชายไปเอาของไสยศาสตร์เข้ามา ก็คงประมาณว่าเอามาช่วยให้กิจการดีนั่นแหละ คราวนี้ในเมื่อเจ้าของบ้านเอาเข้ามาเอง พระภูมิก็กันไม่ได้ ท่านก็ได้แต่รักษาตัวเอง ก็เลยสว่างอยู่แค่รอบ ๆ ศาล นอกนั้นก็มืดไปทั้งบ้าน”

เถรี
24-07-2019, 20:52
“จนกระทั่งออกจากวัดท่าซุงไปอยู่เกาะพระฤๅษี อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี พอไปพักอยู่ที่นั่นคืนที่สอง เจ้าที่ท่านก็มาหา ท่านบอกว่าท่านเป็นอากาสเทวดา ชาวบ้านแถวนี้เรียกท่านว่าพ่อปู่ดำ ถามท่านว่ามีหลักฐานอะไรที่ยืนยันเรื่องนี้ได้บ้าง ? ท่านบอกว่า มีศาลของท่านอยู่ที่บริเวณก่อนถึงนิคมสหกรณ์ทองผาภูมิ พวกคนงานรู้ดีทุกคน แล้วถามท่านว่า “แล้วพ่อปู่มามีธุระอะไร ?” ท่านบอกว่า ตรงนี้ยังอยู่ในเขตพื้นที่การดูแลของท่าน ช่วยตั้งศาล ๔ เสา ๖ เสา ๘ เสาอะไรก็ได้ ให้ท่านสักหลังหนึ่ง ท่านจะได้ช่วยดูแลให้

ถามท่านว่าเอาศาลแบบไหน ? ท่านก็บอกว่า เป็นศาลประมาณ ๖ เสา หลังคาเขียว ๆ ก็ถามต่อว่าเป็นศาลไม้ทรงไทย หลังคาสังกะสีเขียว ๆ ใช่ไหม ? ท่านบอกว่าไม่ใช่ อาตมาก็นึกไม่ออกว่าหน้าตาเป็นอย่างไร ก็เลยบอกว่า เอาอย่างนี้แล้วกัน ถ้าวิ่งผ่านตรงไหนมี พ่อปู่สะกิดให้ที ท่านก็ตกลง

อาตมาก็เลยไปคุยกับหัวหน้าศูนย์จัดการต้นน้ำ ถามว่าแถวนี้มีเจ้าที่เป็นเจ้าพ่อชื่อว่าพ่อปู่ดำไหม ? ท่านก็บอกว่ามี ถามว่าศาลอยู่ที่ไหน ? ท่านบอกว่าห่างจากที่นี่ไป ๗ กิโลเมตร แสดงว่ารัศมีดูแลไกลมาก ๗ กิโลเมตรยังคุมถึง ก็เลยขอให้ช่วยพาไปดูที่ศาลหน่อยว่ามีจริงหรือเปล่า ? ปรากฏว่ามีจริง ๆ”

เถรี
24-07-2019, 20:53
“คราวนี้ก็มีปัญหาตรงที่ว่า แล้วจะหาศาลมาตั้งให้ท่านได้อย่างไร ? ปรากฏว่ามีอยู่วันหนึ่ง กำลังนั่งรถเพลิน ๆ ผ่านไปทางอู่ทอง จะออกด่านช้าง เพื่อไปเข้าบ้านไร่ แล้วก็หนองฉาง มาวัดท่าซุง วิ่งก่อนจะเข้าตัวเมืองอู่ทอง เสียงพ่อปู่ดำบอกว่า ซ้ายมือมีศาลที่ต้องการ ก็เลยต้องบอกโชเฟอร์ให้เลี้ยวเข้าไปดูหน่อย ปรากฏว่าเป็นศาลคอนกรีตหลังใหญ่ มี ๖ เสา แล้วหลังคาเขียวของท่านไม่ได้เขียวเฉย ๆ แต่เป็นสีเขียวเหลือบทอง

ไปถามราคาเขาว่าเท่าไร ? เขาบอกว่า ๑๒,๐๐๐ บาท แต่เนื่องจากว่าช่วงนี้เป็นช่วงราคาตก เพราะว่าในพรรษาเขาไม่ตั้งศาลกัน ถ้าพระอาจารย์จะเอาจริง ๆ คิดค่าส่งไปถึงทองผาภูมิด้วย ๙,๐๐๐ บาท ก็เลยบอกให้เขาไปส่งหน่อย สรุปก็คือศาลหลังเดียว ขึ้นรถกระบะเต็มท้ายรถเลย

จากนั้นก็ไปตั้งศาลให้ท่านที่ปลายเกาะ ถึงเวลามีอะไรก็จุดธูปบอกกล่าว จัดงานที่เกาะพระฤๅษีนี่สบายใจได้ ต่อให้เมฆดำมืดมาติดหัว ฝนก็ไม่ตก ต้องรอจนกว่างานจะเสร็จแล้วค่อยว่ากัน”

เถรี
24-07-2019, 20:55
พระอาจารย์กล่าวว่า “เมื่อวันที่ ๒๑-๒๓ มิถุนายนที่ผ่านมา เป็นช่วงเข้าด้ายเข้าเข็ม เพราะว่าต้องตั้งเมรุลอย ต้องลองไฟ เพื่อเตรียมงานพระราชทานเพลิงศพพระมหาสันติ โชติกโร ป.ธ. ๙ อดีตเจ้าคณะอำเภอห้วยกระเจา และอดีตเจ้าอาวาสวัดท่ามะขาม

ด้วยความมั่นใจว่าฝนไม่ตก แต่สิ่งที่เกิดขึ้นนั้น ถ้าไม่ใช่คนที่ชินจริง ๆ คงฝ่อตายทุกราย เพราะว่าเมฆมืดติดหัวยังไม่พอ กลิ่นฝนมารอบทิศเลย จนกระทั่งหลวงพ่อพระครูวิสุทธิ์สิทธิคุณมาถามว่า “กำหนดการเผาจริงกี่โมง ?” บอกท่านว่า “สองทุ่มครับ” ท่านบอกว่า “ถ้าพร้อมแล้วก็เผาเลย ถ้าฝนลงเดี๋ยวจะยุ่ง”

ก็เลยถามเจ้าหน้าที่ เมื่อทุกฝ่ายพร้อม ก็เริ่มพิธีเผากันตอน ๑๘.๓๐ น. จากเดิมที่ตั้งเอาไว้ ๒๐.๐๐ น. เผาเสร็จเที่ยงคืนกว่า จนกระทั่งตอนเช้าประมาณ ๐๖.๓๐ น. ไปเก็บกระดูกทำพิธีสามหาบ พอเก็บกระดูกเสร็จ ทำบุญเสร็จ ฝนก็เริ่มลง ก่อนหน้านั้น ๓ วัน ๓ คืน ไม่มีแม้แต่หยดเดียว ทั้ง ๆ ที่ฟ้ามืดล้อมอยู่รอบวัด ที่น่ากลัวคือกลิ่นฝนมารอบข้างเลย แสดงว่ารอบวัดตกหมดแล้ว

พอวันที่ ๒๔-๒๕ มิถุนายน ฝนก็กระหน่ำท่วมกรุงเทพฯ เขาว่าไม่ท่วมไม่ใช่หรือ ? มีแต่น้ำรอระบาย..! ต้องบอกว่าเล่นไปเสีย ๔๑ จังหวัด แสดงว่า ๓ วันที่อั้นเอาไว้ เล่นคืนทีเดียวคุ้มเลย”

เถรี
24-07-2019, 20:58
พระอาจารย์กล่าวว่า “พระอาจารย์มหาอุดรบอกว่า วันเสาร์ห้านี้ ท่านพลโทที่เป็นประธานงานของท่านจะขึ้นไปที่วัดด้วย ไม่เป็นไร...ไปเถอะ แล้วก็จะรู้ว่าชาวบ้านธรรมดาเยอะกว่า..! โดยเฉพาะไปวัดท่าขนุนนี่ยุติธรรมมาก นั่งแบกับดินเหมือนกันหมด คุณหญิงคุณนาย นายพลนายพันก็ต้องกองกับพื้นเหมือนกันหมด

บางรายไปครั้งเดียวเข็ด เพราะรู้สึกว่าไม่สมกับเกียรติยศของตัวเอง ปกติเขาจะต้องมีเก้าอี้รับแขกอย่างงามมาต้อนรับ วัดท่าขนุนให้ลงไปช่วยกันถูพื้นศาลา นั่งไถกันคนละทีสองที...สะอาดเอี่ยม..!

ถ้าหากว่าศัพท์วัยรุ่นสมัยนี้เขาเรียกว่า “เยอะ” ถ้าใครที่ “เยอะ” อย่าไปวัดท่าขนุน เพราะว่าเจ้าอาวาสวัดท่าขนุนไม่ “เยอะ” ใครมา “เยอะ” ด้วย โดนด่าแน่นอน..!”

เถรี
24-07-2019, 20:59
“เมื่อหลายเดือนก่อนทางผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ ๙ จะขึ้นไป ทหารก็ขึ้นไปจัดการนี่นั่น พอชี้นิ้วสั่งพระ อาตมาก็ด่าเลย “มึงจะให้เกียรติเจ้านายมึงขนาดไหนก็ตาม เจ้านายมึงยังต้องไหว้พระอยู่ มึงอย่าเสือกทะลึ่งมาสั่งพระ..!” พวกนี้ไปที่อื่นไม่เคยโดน คือบางรายเขาจะเอาแต่งานตัวเอง ลืมไปว่าที่นี่คือวัด เพราะฉะนั้น..เขาเคารพเกรงกลัวเจ้านายเขา แต่ลืมไปว่าเจ้านายเขามาเพื่อมาไหว้พระ ดันทะลึ่งมาชี้นิ้วสั่งพระ ต้องช่วยเตือนสติสักหน่อย บังเอิญอาตมาเตือนสติค่อนข้างจะแรงด้วย..!

มีหลายงานที่อาตมาไป ประธานทางฝ่ายพระก็คือหลวงพ่อเจ้าคณะจังหวัด ประธานฝ่ายฆราวาสก็คือผู้ว่าฯ ปรากฏว่าบรรดาหน่วยราชการและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น แห่ไปหาผู้ว่าฯ อะไร ๆ ก็ให้ผู้ว่าฯ ก่อน ยังดีที่ผู้ว่าฯ ไม่บ้าจี้ ผู้ว่าฯ ท่านหันมานิมนต์หลวงพ่อเจ้าคณะจังหวัดก่อน เพราะว่าเจ้าคณะจังหวัดก็คือผู้ว่าราชการจังหวัดของพระ

ผู้ว่าราชการจังหวัดส่วนใหญ่ถึงเวลามีงานมีการอะไร ก็ต้องเข้าหาเจ้าคณะจังหวัด เพื่อประสานงานขอความร่วมมือจากคณะสงฆ์ แต่พวกสารพัดหน่วยงานกลัวแต่ผู้ว่าฯ แล้วก็ลืมพระไป ต้องบอกว่าลำดับความสำคัญผิดตั้งแต่ต้น ตรงจุดนี้เป็นที่น่าอนาถใจมาก เพราะแสดงให้เห็นชัดว่า เขาไม่เห็นความสำคัญของพระพุทธศาสนาเลย ให้ความสำคัญแต่กับผู้บังคับบัญชาตัวเอง แล้วที่พบมาก็เริ่มมีมากขึ้นเรื่อย ๆ”

เถรี
24-07-2019, 21:02
พระอาจารย์กล่าวว่า “วันที่ ๖ ตุลาคม ซึ่งปกติเป็นวันรับสังฆทานและสอนกรรมฐานที่บ้านเติมบุญ อาตมาจะหายไปประมาณครึ่งค่อนวัน เพื่อเอาผ้าป่าไปทอดให้สร้างวิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรี ในฐานะประธานจัดหาทุนสร้างวิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรี ก็เลยทิ้งงานเขาไม่ได้

ส่วนกำหนดการที่จะมาที่บ้านเติมบุญของเรานั้น กำหนดข้ามปี แต่ทางวิทยาลัยสงฆ์นั้นเกิดตั้งแต่ดำริของหลวงพ่อพระธรรมคุณาภรณ์ หรือหลวงพ่อเจ้าคุณไพบูลย์ อดีตเจ้าคณะจังหวัดเก่า เขาก็เลยเอาวันเกิดของท่าน คือวันที่ ๖ ตุลาคม เป็นวันวางศิลาฤกษ์ ในเมื่อเป็นเช่นนั้น อาตมาก็ต้องสละงานของตัวเอง

เพราะฉะนั้น..ญาติโยมท่านใด ถ้าหากว่าจะทำบุญ หรือว่าจะร่วมเดินทางไป ก็คอยดูในเว็บวัดท่าขนุนหรือเว็บพลังจิต ถ้าเขาจัดรถก็แห่กันไปหน่อย ถ้าเขามีอาหารเลี้ยง ก็ไปช่วยกินคืนให้ที เพราะว่าอาตมาคงต้องจ่ายหลายสิบล้าน..! จากที่นี่ถ้ารถวิ่งจากบ้านเติมบุญไปก็ประมาณ ๑ ชม. เพราะว่าอยู่ตรงข้างโรงเรียนบ้านห้วยสะพาน เขตอำเภอพนมทวน เราวิ่งจากนี่ไปทางสุพรรณบุรี เลี้ยวซ้ายเข้าสี่แยกนพวงศ์ ทางด้านที่ทะลุออกมาบางเลน กำแพงแสน ก็เข้าพนมทวนแล้ว

ถ้าไปไม่ถูก สมัยนี้ถ้ามีรถยนต์ส่วนตัวก็เปิด Google Maps "พี่กู" พาไปถูกทุกที่ แต่บางที่พาไปนี่ เจ้าประคุณพาวิ่งไปเป็นชั่วโมง แต่หาห้องน้ำไม่ได้..! เพราะว่าพาเข้าป่าเข้าดงไปเรื่อย แต่ว่าไปเร็ว ต้องยอมรับว่าเขาเก่ง วิ่งไป ๆ ใจหาย ไปอยู่กลางดงอ้อย มองไปทางไหนไม่เห็นอะไรนอกจากต้นอ้อย ก็ต้องไปตามแผนที่อย่างเดียว

แต่ว่าสถานที่สร้างวิทยาลัยสงฆ์อยู่ข้างถนนใหญ่ ไม่ต้องกลัวว่าจะต้องหายเข้าไปอยู่ในไร่อ้อยหรือในป่าหรอก..!”

เถรี
24-07-2019, 21:03
พระอาจารย์กล่าวว่า “พระไตรปิฎกพอนานไปต้องมีอรรถกถาจารย์มาแปลความ ว่าคำนี้แปลว่าอะไร พอนาน ๆ ไปก็ต้องมีฎีกาจารย์มาแปลอรรถกถาจารย์ ว่าคำนี้แปลว่าอะไร พอนาน ๆ ไปก็มีเกจิอาจารย์มาอธิบายฎีกาจารย์ ว่าคำนี้แปลว่าอะไร เพราะว่ายุคสมัยเปลี่ยนไป คำที่นิยมใช้ก็เปลี่ยนไป ถึงเวลาพอไปรุ่นต่อไป เขาจะไม่เข้าใจว่าแปลว่าอะไร

อย่างเช่นคำว่า “กิ๊ก” แปลว่าอะไร ? อรรถกถาจารย์ก็ต้องมาอธิบายว่า “กิ๊ก” เป็นยิ่งกว่าเพื่อนแต่ไม่ใช่แฟน..! ก็ต้องอธิบายกันเป็นชั้น ๆ ไปแบบนี้”

เถรี
24-07-2019, 21:05
“คำสแลง เขียนคล้ายกับแสลง ก็คือคำศัพท์ที่เกิดขึ้นใหม่ ไม่ตรงกับเนื้อหาใจความเดิม แต่ความหมายเป็นอย่างนั้น บางคำตอนสมัยอาตมาเด็ก ๆ หาที่มาไม่ได้ ผ่านไป ๓๐-๔๐ ปี กว่าจะเจอว่ามาจากไหน อย่างสมัยอาตมาเขามี “นางกะแหร่ง” เคยได้ยินไหม ? พอถึงเวลาดูหนัง ก็จะมีนางเอก ส่วนตัวร้ายเขาเรียกว่านางกะแหร่ง อายุ ๔๐ กว่า ไปพม่าแล้วถึงรู้ว่าเป็นภาษาพม่า แปลว่า อีตอแหล..!

คำศัพท์บางอย่างยุคสมัยเปลี่ยน ทำให้รุ่นหลังไม่เคยได้ยิน ก็แปลไม่ออก ต้องอธิบายซ้อนอธิบายกันไปเรื่อย ๆ สมัยนี้เขาก็ไม่ค่อยใช้ตอแหลกันแล้ว..ใช่ไหม ? เขาใช้สตรอว์เบอร์รี่..!”

ทาสสุธรรม
24-07-2019, 21:15
พระอาจารย์กล่าวว่า “เมื่อวานหลวงปู่ปวง สมณศักดิ์ คือ พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ สมเด็จพระราชาคณะ ชั้นหิรัญบัฏ วัดศรีโคมคำ จังหวัดพะเยา ท่านมรณภาพด้วยอายุ ๑๐๒ ปี พรรษา ๘๒

ต้องบอกว่าเป็นพระเถระที่อาวุโสพรรษาสูงสุดในประเทศของเรา แต่ยังไม่ทำลายสถิติ สถิติเดิมเป็นของหลวงปู่สี ฉนฺทสิริ วัดเขาถ้ำบุญนาค อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ ท่านมรณภาพอายุ ๑๒๘ ปี พรรษา ๘๘ คนเราจะอยู่ให้ได้ ๘๘ ปีก็ยากแล้ว นี่เฉพาะที่บวช ๘๘ ปี..!

หลวงปู่สีท่านเคยบวชตามประเพณี เสร็จแล้วก็สึกมามีครอบครัว มีลูกมีเมีย ทำมาหากินเหมือนคนอื่นเขา จนอายุ ๔๐ ปี ท่านเห็นว่าแก่มากแล้ว ลูกเมียครอบครัวก็ไม่เดือดร้อนอะไรแล้ว จึงขอไปบวช กะว่าจะตายในผ้าเหลือง ท่านอยู่มาอีก ๘๘ ปี หลวงปู่มรณภาพ อายุ ๑๒๘ ปี อาตมาตอนนั้นยังไม่ได้เศษอายุท่านเลย”


ด้วยความเคารพครับ ควรเป็น “พระราชาคณะ” สมเด็จพระราชาคณะ ไม่มีชั้นหิรัญบัฏครับ

เถรี
25-07-2019, 08:17
โยมถวาย Flash drive สื่อธรรมะ ๖๐ ปี พระอาจารย์จึงกล่าวว่า “เอาสิ่งที่อาตมาสอนมาถวายให้อาตมาฟัง ดูแปลก ๆ เหมือนกันนะ..! แต่ก็ดี..ไม่อย่างนั้นตัวเองก็ไม่มี เดี๋ยวจะลงลายเซ็นแล้วเอาไปขายต่อแพง ๆ..!”

เถรี
25-07-2019, 08:21
ถาม : การชำระพระไตรปิฎกคือการแปลพระไตรปิฎกตั้งแต่เริ่มต้นใช่ไหมครับ ?
ตอบ : ไม่ใช่ ถ้าสังคายนาพระไตรปิฎกก็คือการทบทวนเนื้อหาให้ถูกต้อง ไม่มีผิดพลาด ส่วนใหญ่ต้องมีเหตุ เช่น ความเข้าใจผิดเพี้ยนกันในระหว่างหลักการปฏิบัติ ก็ต้องมาทบทวนว่าของเก่าที่ถูกต้องเป็นอย่างไร การชำระพระไตรปิฎกในปัจจุบัน ส่วนใหญ่ได้แค่แก้คำผิด

แต่ชำระพระไตรปิฎกในปัจจุบัน ชำระให้ตาย ไอ้ที่ผิดจนกระทั่งกลายเป็นถูกไปแล้วก็มี ถ้าพวกเราไปสวดมนต์วัดท่าขนุน จะเห็นว่า “อัญชะลิกะระณีโย” แต่พวกเราจะเคยชินกับอัญชลี “อัญชะลิ” มาตามพระไตรปิฎก มาตามบาลี เพราะว่าถ้าใช้อัญชลีจะไม่สามารถที่จะแปลได้ เนื่องจากว่าผิดวิภัตติ ผิดสระ

ต่อให้แก้ในพระไตรปิฎกบาลีถูกก็ตาม ถึงเวลาคนสวดร้อยละ ๙๙ ก็ยังอัญชลีกันอยู่นั่นแหละ อัญชลีเป็นรากศัพท์อีกคำหนึ่งที่แยกออกมาต่างหาก หมายถึงพนมมือ คราวนี้ในเรื่องของศัพท์ภาษาบาลี จะมีการเข้าวิภัตติ ถึงเวลาเขาจะรู้ว่าคำนี้ควรแปลว่าอะไร อย่างเช่นว่าถ้าเป็นทุติยาวิภัตติ ก็จะต้องแปลใจความอย่างหนึ่ง ตติยาวิภัตติแปลโดยใจความเป็นอีกอย่างหนึ่ง

เถรี
25-07-2019, 08:24
ถาม : การสังคายนาพระไตรปิฎกคือทำทั้งหมด หรือเฉพาะบางบท ?
ตอบ : ถ้ามีสาเหตุที่เข้าใจไม่ตรงกันเมื่อไร ถ้าเห็นว่าสมควรก็รวมกันสังคายนาขึ้นมา เพราะฉะนั้น..การสังคายนาพระไตรปิฎกที่ได้รับการยอมรับจริง ๆ ก็คือการสังคายนาครั้งที่ ๑ หลังพระพุทธปรินิพพาน ๓ เดือน การสังคายนาครั้งที่ ๒ หลังปรินิพพานแล้ว ๑๐๐ ปี การสังคายนาครั้งที่ ๓ หลังการปรินิพพานแล้ว ๓๒๕ ปีโดยประมาณ

นอกนั้นส่วนใหญ่แล้วสาเหตุยังไม่เพียงพอ อย่างเช่นการสังคายนาพระไตรปิฎกครั้งที่ ๔ ที่ลังกาทวีป นำโดยพระมหินทเถระ ต้องบอกว่าเป็นการสวดสาธยายทบทวนพระไตรปิฎก ให้บรรดาพระภิกษุที่บวชที่นั่นได้ฟังกัน เพราะว่าเขาบวชกันทีเป็นร้อยเป็นพัน แต่ว่านักวิชาการบางท่านก็จัดให้เป็นการสังคายนาพระไตรปิฎก

การสังคายนาครั้งที่ ๔ และ ๕ ทำที่ลังกาทวีป หรือที่ภาษาบาลีเรียกว่า “ตัมพปัณณิทวีป” ส่วนครั้งที่ ๖ เขาว่าทำที่ประเทศพม่า เนื่องในวาระ ๒,๕๐๐ ปีหลังปรินิพพาน พระไทยรูปหนึ่งที่ได้รับเชิญเข้าไปในงานฉัฏฐสังคายนา ก็คือพระมหาเกี่ยว อุปเสโณ ซึ่งสมณศักดิ์สุดท้ายของท่านก็คือ สมเด็จพระพุฒาจารย์ ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ท่านบอกว่า “ท่านเล็กเอ๋ย..หกเดือนไม่ได้ไปไหนเลย อยู่แต่ไอ้กะบ้าเอนั่นแหละ จนจะบ้าตามมันอยู่แล้ว” วัน ๆ อยู่กับตัวหนังสืออย่างเดียว

เถรี
25-07-2019, 08:26
ถาม : จัดเมื่อปีไหนครับ ?
ตอบ : พ.ศ. ๒๔๙๙ แต่คราวนี้ที่เขานับเป็น พ.ศ. ๒๕๐๐ เพราะว่าหลายประเทศเขานับวันแรกที่พระพุทธเจ้าปรินิพพาน พอครบรอบปีก็นับเป็น ๑ ปี ส่วนประเทศไทยนับครบรอบปีปรินิพพานเป็น พ.ศ. ๑ ก็เลยช้ากว่าเขา ๑ ปี ของเขา พ.ศ. ๒๔๙๙ ของเราจริง ๆ ก็คือ พ.ศ. ๒๕๐๐ นั่นแหละ

เถรี
25-07-2019, 08:45
พระอาจารย์กล่าวว่า “เวลาคนอยู่รวมกันเป็นพันหรือหลายพันจะเห็นว่า มนุษย์เราล้างผลาญทรัพยากรอย่างมหาศาลเลย แค่กินข้าวเหลือคนละเม็ดสองเม็ดเท่านั้นแหละ เศษอาหารเป็นถัง ๆ เลย ถึงเวลาแม่ชีเขาล้างผ่านที่กรอง เขาก็เทใส่รวมกัน ไม่น่าเชื่อว่าเศษอาหารจะเป็นถัง แล้วเราลองคิดดูว่า มนุษย์โลกของเรา ถ้าหากว่ายังใช้ทรัพยากรขนาดนี้ แล้วยังไม่จำกัดการเกิดอีก ทรัพยากรจะพอไหม ?

แต่ว่าส่วนใหญ่แล้วปัจจุบันนี้เขาพยายามที่จะคิดหาว่า การปลูกพืชผักที่เป็นอาหาร ทำอย่างไรจะใช้พื้นที่เท่าเดิม แล้วปลูกได้มากกว่าเดิม ? มีการตัดต่อพันธุกรรม มีการค้นหาพันธุ์ใหม่ ๆ แต่โอกาสที่จะเป็นไปได้ก็ยาก เพราะว่าความอุดมสมบูรณ์ของดินน้อยลงไปเรื่อย ๆ ยกเว้นบรรดาท่านทั้งหลายที่ทำในลักษณะเศรษฐกิจพอเพียง ไม่ได้ทำเพื่อการค้า ถ้าลักษณะอย่างนั้นเขาค่อย ๆ ปรับปรุงดินได้ ไม่ว่าจะเป็นการปลูกปอเทือง แล้วไถกลบฟื้นดิน หรือว่าการปลูกพืชหมุนเวียนเพื่อให้ผลัดกันใช้สารอาหาร”

เถรี
25-07-2019, 08:48
“เมื่อสองวันที่ผ่านมา มีข่าวว่าคนอินเดียเป็นร้อยล้านกำลังอดน้ำ ประเทศอินเดียนั้นหาน้ำยากตั้งแต่สมัยพุทธกาลแล้ว บรรดากุมภทาสีก็คือ พวกทาสหญิงที่มีหน้าที่ตักน้ำ ไปหาน้ำเข้าบ้านอย่างเดียว เดินกันทีหนึ่งครึ่งค่อนวันกว่าจะถึงแหล่งน้ำ ตักแล้วก็เอาเทินหัวมา อาตมาไปเนปาลเห็นชาวบ้านไปรุมอยู่รอบบ่อ ๑๐–๒๐ คน น้ำก้นบ่อสูงประมาณครึ่งนิ้ว ไปยืนรอจนน้ำสูงพอที่จะถึงขอบถัง เวลาเอียงถังแล้วน้ำจะพอไหลเข้าถังได้ ตักขึ้นมาก็เทใส่คนโทน้ำ หม้อน้ำทองเหลืองทองแดงของตัวเอง รอตักไปเถอะ กว่าจะได้พอก็เป็นวัน..!

ท่านวิปัสสี เจ้าอาวาสวัดมุนิวิหารที่อาตมาเอากฐินปลดหนี้ไปให้ ท่านบอกว่าคนรวยของเนปาลนิยมให้ทานด้วยน้ำ พอถึงเวลาก็ซื้อน้ำมาเทลงในอ่างน้ำสาธารณะที่มีก๊อกอยู่ ถ้าใครโชคดีเจอคนรวยซื้อน้ำมาใส่ ก็ไปเปิดเก็บเข้าบ้านตัวเอง ถ้าช้าคนอื่นก็เอาไปหมด

จะว่าไปแล้ว น้ำจืดแต่ละปีที่เกิดจากฝนตกนั้นมหาศาล แต่ว่าการบริหารจัดการไม่ดี ทำให้ไม่สามารถที่จะเก็บกักเอาไว้ใช้งานได้จนครบรอบปี ใครมีที่มีทาง ถ้าจะทำแหล่งน้ำ ขอให้รู้ไว้เลยว่า แหล่งน้ำจะเล็กจะใหญ่ หน้ากว้างหน้าแคบแค่ไหนก็ตาม น้ำจะระเหยออกวันละ ๑ เซนติเมตรโดยประมาณ ถ้าจะทำแหล่งน้ำให้มีน้ำครบปี อย่างน้อยก็ต้อง ๓๖๕ เซนติเมตร หรือถ้าประมาทหน่อยว่ามีฤดูฝน ๓–๔ เดือน ก็เอาสัก ๓ เมตรก็ได้ อีก ๖๕ เซนติเมตรไม่ต้องไปคิด”

เถรี
25-07-2019, 08:57
พระอาจารย์กล่าวว่า “สำหรับวันบวงสรวงไหว้ครูและเป่ายันต์เกราะเพชรตามสายกรรมฐานของเรา โดยเฉพาะการฝึกมโนมยิทธิ จะต้องมีเครื่องบูชาครูทุกครั้ง คราวนี้ถ้าหากว่าเราจัดบูชาครูทุกครั้ง บางเวลาก็ไม่สะดวก ก็ใช้วิธีจัดเครื่องบวงสรวงใหญ่ถวายท่านปีละครั้ง เป็นการไหว้ครูประจำปี คราวนี้ในเมื่อทางวัดจัด เราก็ไปร่วมด้วย ทำบุญร่วมด้วยสัก ๕ บาท ๑๐ บาท เครื่องบวงสรวงก็เป็นของเราไปด้วย

ปัจจุบันนี้ในส่วนของเครื่องบวงสรวง ต้องบอกว่าเบาแรงเบาเงินของอาตมาไปมาก เพราะว่าพระมหานันทวัฒน์ เขมธมฺโม เปรียญธรรม ๖ ประโยค วัดปากน้ำภาษีเจริญ ท่านรับภาระแทนมาหลายปีแล้ว อย่าลืมว่าการสืบชะตานั้น เขาคิดมูลค่าทั้งหมด ๕๕๐,๐๐๐ บาท พอเขาไปเจอชุดบวงสรวงของท่านมหาเข้า เขาถามว่าชุดนี้กี่แสน ? อาตมาบอกว่าไม่ได้จ่ายสักบาทเดียว

เรื่องของบายศรีบวงสรวงเป็นงานที่เหนื่อยมาก ทำล่วงหน้าหลายวันแต่ใช้แค่พักเดียว แค่ชั่วธูปเทียนหมด โบราณเขาถึงได้บอกว่า “เหมือนบายศรีเมื่อมีงานท่านถนอม เจิมแป้งหอมน้ำมันให้หรรษา ครั้นเสร็จงานท่านทิ้งลงในคงคา ก็ลอยไปลอยมาเป็นใบตอง” โดนรื้อทิ้งแล้วก็ไม่เป็นต้นบายศรี ..(หัวเราะ)..”

สุธรรม
25-07-2019, 10:25
ด้วยความเคารพครับ ควรเป็น “พระราชาคณะ” สมเด็จพระราชาคณะ ไม่มีชั้นหิรัญบัฏครับ


:4672615: คำเรียกอย่างเป็นทางการคือ "สมเด็จพระราชาคณะชั้นหิรัญบัฏ" ครับ ไม่เป็นทางการเรียกว่า "รองสมเด็จ" หรือบางทีก็เรียกว่า "พระราชาคณะชั้นพรหม" ครับ

เถรี
25-07-2019, 17:23
พระอาจารย์กล่าวว่า “เดือนนี้ปล่อยปลาช่อนไป ๑๖ กิโลกรัม ปลาดุก ๔๕ กิโลกรัม ปลาหมอ ๑๑ กิโลกรัม แล้วก็ควาย ๒ ตัว รวมทั้งหมด ๕๖,๐๙๐ บาท ที่เน้นปล่อยควาย ไม่ใช่อย่างที่ทุกคนคิด เพราะว่าถ้าเกิดมาโง่คงจะแก้ได้ยาก ปล่อยควายให้ตายก็แก้ไม่ได้..! ที่อาตมาเน้นการปล่อยควาย เพราะว่าบ้านเราควายน้อยลงไปเรื่อย ๆ แล้วอาจจะเป็นเพราะว่าเป็นการผสมพันธุ์สายเลือดชิด ก็เลยทำให้ควายตัวเล็กลงไปเรื่อย ๆ

สมัยอาตมาเด็ก ๆ ควายแต่ละตัวสูงท่วมหัว ไม่ใช่เป็นเพราะว่าเราตัวเล็กแล้วเห็นว่าควายตัวใหญ่ เพราะว่าน้ำหนักยืนยันได้ ตัวเล็ก ๆ ก็ ๘๐๐–๙๐๐ กิโลกรัม ตัวใหญ่หน่อยก็ ๑,๐๐๐–๑,๒๐๐ กิโลกรัม สมัยนี้ควายตัวหนึ่งน้ำหนักถึง ๔๐๐–๕๐๐ กิโลกรัม ถือว่าใหญ่มากแล้ว ควายบ้านเราน้อยลงไปเรื่อย ๆ ถ้าเราไม่พยายามปล่อยเอาไว้ เดี๋ยวก็หมด

ความฝันสมัยเด็ก ๆ ของอาตมาคืออยากเป็นเด็กเลี้ยงควาย เป็นความฝันที่ยิ่งใหญ่มาก ไม่รู้หรอกว่านั่นเป็นวิสัยที่ข้ามชาติข้ามภพมา ด้วยความที่เป็นแม่ทัพนายกองคุมทหารมาแทบทุกชาติ พอถึงเวลาเห็นเด็กเลี้ยงควาย พกไม้ตะพด ห้อยหนังสติ๊ก สะพายย่าม คุมควายฝูงเบ้อเริ่ม รู้สึกว่าเท่สุด ๆ เวลาคนอื่นอยากเป็นทหาร อยากเป็นตำรวจ อยากเป็นหมอ ไม่เอาหรอก อาตมาอยากเป็นเด็กเลี้ยงควาย ...(หัวเราะ)...

เพิ่งจะมาเข้าใจหลังจากฝึกกรรมฐานแล้ว ว่าเป็นสัญญาเดิมที่ข้ามชาติข้ามภพมา เป็นผู้นำกองกำลังมาตลอด ถึงเวลาเห็นเขาสามารถพาควายทั้งฝูงไปได้ ก็เลยชื่นชม อยากจะเป็นเด็กเลี้ยงควายบ้าง”

เถรี
25-07-2019, 17:26
พระอาจารย์กล่าวว่า “พระอาจารย์บ๊ะท่านสั่งให้ฉันชาให้ได้วันละสองกาใหญ่ ๆ ก็เลยต้องมานั่งกรอกให้ตัวเองอยู่ทุกวัน ชาอะไรก็ได้ให้เป็นชาก็แล้วกัน แล้วสั่งด้วยว่าเวลาชง ห้ามแช่เกิน ๒ นาที ไม่อย่างนั้นสารที่อยากให้รักษาโรคจะเปลี่ยนไป ถ้าแทนนินออกมา ก็จะท้องผูกแทน แทนนินเป็นสารที่มีรสฝาด ถ้าหากว่าฉันเข้าไปเยอะ ๆ จะท้องผูก”

เถรี
25-07-2019, 17:27
พระอาจารย์กล่าวว่า “อาตมาคงจะเหมือนกับโยมแม่นั่นแหละ บอกให้อยู่เฉย ๆ ไม่เคยอยู่ได้ คนเคยทำงาน บอกว่าอยู่เฉย ๆ แล้วรำคาญ หางานทำไปเรื่อย ๆ ท้ายสุดก็ไปโดนรถชน เพราะว่ากวาดบ้านแล้วเอาขยะไปทิ้ง ถนนซอยที่บ้านก็ไม่ได้ใหญ่ แต่มอเตอร์ไซค์ก็บิดกันกระจาย ท้ายสุดเขาหลบคนอื่นแล้วมาชนแม่ ความขยันทำให้เจ็บตัวได้ คราวนี้ก็ได้พักแล้ว พักระยะยาวเพราะว่าโดนมอเตอร์ไซค์ชนสะโพกหลุด

ถึงเวลาไปโรงพยาบาล หมอบอกให้นอนนิ่ง ๆ จะได้ต่อกลับไปตามเดิมได้ นิ่งได้ไม่ถึงครึ่งวันก็ลุกเข้าห้องน้ำแล้ว ทั้งหมอทั้งพยาบาลโวย แม่บอกว่า “ก็ยังไปได้” ก็จริง..ยังไปได้ก็ไป เพียงแต่ว่าไปสภาพไหน เขย่งขาเดียวยังอุตส่าห์ไป จะว่าคนแก่ดื้อก็ไม่ใช่ คนเคยทำงานแล้วอยู่เฉยไม่เป็น ให้อาตมาไปนั่งนิ่ง ๆ ก็ตายเหมือนกัน วัน ๆ ต้องทำนั่นทำนี่ไปเรื่อย”

เถรี
25-07-2019, 17:36
โยมถวายซองทำบุญ พระอาจารย์กล่าวว่า “เห็นแล้วอยากเหวี่ยง หน้าซองขนาดนี้ไม่เขียน เขียนแต่ข้างใน ถ้าเมื่อครู่ไม่ได้เหลือบเห็นก็ยัดลงถังสังฆทานไปแล้ว ทำอะไรให้เหมือนชาวบ้านชาวเมืองเขาหน่อย จะได้เป็นขี้ปากชาวบ้านเขาน้อยลง..!

พอ ๆ กับคุณสุเมธ สมประดีกุล หรืออดีตพระสุเมธ ฉฬภิญโญ เวลาทำบุญเขาจะต้องเขียนธนบัตรทุกใบ ถ้าเป็นอาตมาสมัยก่อนจะถามว่า มึงจะเขียนไปทำส้น..อะไร..!? แต่สมัยนี้เลิกถามแล้ว ถามไปก็เท่านั้น สันดานแก้ไม่หาย ก่อนหน้านี้อาตมาบอกว่า เหมือนอย่างวิสัยหมา หมาไปไหนก็เยี่ยวรดเสาทำเครื่องหมายไปเรื่อย นี่เขาต้องทำเครื่องหมายแบงค์ทุกใบเหมือนกัน

ของบางอย่างเป็นวาสนา ภาษานักประพันธ์เขาเขียนสวยมาก วาสนาที่ตัดไม่ขาด ภาษาไทยแท้เขาว่า “สันดาน” สันดานมาจากบาลีว่า สนฺตติ แปลว่า ความสืบเนื่อง ชาติแล้วชาติเล่าเป็นอย่างนั้น ก็เลยไม่สามารถจะแก้ไขได้ เพราะว่าเคยชิน แบบเดียวกับพระปิลินทวัจฉะ"

เถรี
25-07-2019, 17:38
“พระปิลินทวัจฉะเป็นพระมหาสาวกที่ได้รับเอตทัคคะทางด้านเป็นที่รักของเทวดา ไปไหนพรหมเทวดาห้อมล้อมกันเป็นร้อยเป็นพัน แต่ท่านอยู่ร่วมกับชาวบ้านเขาไม่ได้ เพราะชาวบ้านเขาว่าท่านพูดจาหยาบคาย ก็คือปกติท่านเรียกคนอื่นว่า “ไอ้ถ่อย” ถึงเวลาก็ “เฮ้ย..ไอ้ถ่อย เป็นอย่างไรบ้าง ?” เกิดจากการที่ท่านเคยเกิดเป็นพราหมณ์ต่อเนื่องมา ๕๐๐ ชาติ อยู่ในตระกูลพราหมณ์ที่ถือว่าสูงที่สุด แม้แต่พระมหากษัตริย์ยังต้องเคารพกราบไหว้ ก็เลยเห็นคนอื่นเป็นคนต่ำไปหมด

หรือก็เหมือนนกุลปิตา นกุลมาตา สองท่านเมื่อเจอพระพุทธเจ้า ตรงเข้าไปกอดเลย ถามว่า “ลูกไปไหนมา หายไปนานขนาดนี้ ?” ท่านเคยเกิดเป็นพ่อแม่ของพระพุทธเจ้าต่อเนื่องมา ๕๐๐ ชาติ คนอื่นเขาตกอกตกใจ พระพุทธเจ้าท่านเห็นเป็นเรื่องปกติ”

ถาม : ทำไมท่านถึงไม่ได้เป็นพุทธมารดาคะ ?
ตอบ : ชาติสุดท้ายต้องสร้างบารมีมาเกิดเป็นพุทธมารดาโดยเฉพาะ ถ้าสร้างไม่ถึงก็เป็นไม่ได้ พระพุทธมารดาเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลก นอกจากมีเบญจกัลยาณีแล้วยังต้องประกอบไปด้วยอิตถีลักษณะที่งามสมบูรณ์อีก ๖๔ อย่าง ไม่สูงเกิน ไม่ต่ำเกิน ไม่อ้วนเกิน ไม่ผอมเกิน ไม่ขาวเกิน ไม่ดำเกิน สารพัดที่จะกำหนด ถามว่าทำไม ? อย่างเช่นว่า ถ้าช่วงตัวยาวเกิน ถึงเวลาพระโพธิสัตว์จะกินนมก็ต้องยืดคอ เดี๋ยวเด็กคอยาว ทำให้เสียพุทธลักษณะไป

ดังนั้น...ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ ที่จะเกิดเป็นพุทธมารดา ก็ไปเป็นในชาติอื่นแทน นกุลปิตากับนกุลมาตาเป็นฆราวาสที่ได้รับเอตทัคคะทางเป็นผู้คุ้นเคยยิ่งของพระพุทธเจ้า

เถรี
25-07-2019, 17:49
ถาม : ตอนที่เราจับภาพพระหรือดวงแก้ว ถ้าภาพที่เห็นไม่ตรงกับของจริง แล้วในแต่ละครั้งที่เราทำก็ไม่เหมือนเดิม ?
ตอบ : ถ้าหากว่าไม่เหมือนของจริง ก็ลืมตาดูใหม่ เมื่อตั้งใจจับภาพพระหรือภาพดวงแก้ว ถ้าไม่เหมือนเดิม โอกาสที่จะได้ดีก็ยาก อย่างน้อยก็ต้องยึดของเก่าไว้ก่อน ทีนี้การจับภาพของเรา ส่วนใหญ่ใช้นึกเอา ไม่ได้ใช้ของจริง ให้ย้อนกลับไปหาของจริง

ถาม : เวลาใช้ของจริง พอทำไปสีกลายเป็นขาวขุ่น ?
ตอบ : ขอให้เหมือนเดิม จะสีอะไรก็เรื่องของเขา เพราะว่าสีสันขึ้นอยู่กับกำลังสมาธิตอนนั้น

ถาม : ถ้าขนาดไม่เท่าเดิมละครับ ?
ตอบ : ขนาดไม่จำเป็น แต่รูปร่างต้องเป็นของเก่าตามต้นฉบับ

ถาม : ใหญ่น้อยก็ได้ เป็นสีอะไรก็ได้ แต่เป็นทรงเดิม ?
ตอบ : ส่วนใหญ่ก็คือ ต้องสีเดิมทรงเดิม ยกเว้นสมาธิขึ้น สีจะเปลี่ยน แต่ว่าทุกอย่างจะเหมือนเดิม

เถรี
25-07-2019, 17:50
ถาม : เราจับลูกแก้วที่มีรูปพระ ถือเป็นพุทธานุสติหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : สำคัญที่คุณนึกถึงพระหรือเปล่า ? ถ้าไม่ได้นึกถึงพระ ก็เป็นแค่อาโลกกสิณ ถ้านึกถึงพระด้วยก็มีส่วนของพุทธานุสติอยู่

เถรี
25-07-2019, 17:51
ถาม : พระนิพพานนี่อุปจารสมาธิก็ไปได้หรือครับ ?
ตอบ : อุปจารสมาธิได้แค่เห็นเท่านั้น

เถรี
25-07-2019, 17:53
ถาม : เวลาที่จับภาพดวงแก้วหรือภาพพระ จับไว้ที่กลางกาย ไว้ที่ส่วนต่าง ๆ ของกาย ไว้ที่พระนิพพาน มีความแตกต่างกันอย่างไรบ้างครับ ?
ตอบ : จะไว้ที่ไหนก็ได้ การที่เราไว้ใน ไว้นอกเป็นส่วนของกีฬาสมาธิ ก็คือเราซักซ้อมไว้ให้เกิดความคล่องตัว จะได้ไม่เบื่อหน่าย เพราะว่าถ้าอยู่ที่เดียว บางคนนิสัยขี้เบื่อ ส่วนจะไว้ที่ไหนก็ตามไม่ได้สำคัญ สำคัญตรงผลของสมาธิ

ถาม : ตอนแรกเราไว้ที่จมูก ทรงไปได้ระยะหนึ่ง แล้วก็ทรงไม่ได้ ก็เลยย้ายไปที่อื่น แล้วก็ทรงได้ อย่างนี้ถือว่ายังใช้ได้ไหมครับ ?
ตอบ : ก็บอกแล้วว่าไม่ได้มีความสำคัญ สำคัญตรงที่เราทรงสมาธิได้ไหม ? จะย้ายไปตรงไหนก็ย้ายไปเถอะ

เถรี
25-07-2019, 17:55
ถาม : อย่างถ้าเราเคยจับภาพพระมาก่อน พอมาจับดวงแก้วก็ทำได้ระดับหนึ่ง เวลาเกิดเหตุการณ์อะไรก็ตาม แก้วนี้ก็จะมา แต่ว่าบางทีถ้าจวนตัวสุด ๆ ภาพพระจะแทรกขึ้นมา อย่างนี้ถือว่าโอเคหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ไม่ตั้งแต่แรกแล้ว เพราะว่ากรรมฐานกองไหนก็ตาม ต้องทำให้ถึงที่สุดก่อน แล้วค่อยเปลี่ยนกอง คุณยังไม่ทันจะได้เต็มที่ก็เปลี่ยนไปเรื่อย ชาตินี้เอาดีได้ก็เก่งตายห่..!

เถรี
25-07-2019, 17:58
ถาม : ถ้าเราภาวนาแล้วรู้สึกว่าลมหายใจไม่มี อย่างไรเราก็ไม่ตายใช่ไหมครับ ?
ตอบ : ก็ไม่แน่ ถ้าทรงฌานอยู่ กำลังของฌานรักษาก็อยู่ได้ แต่ถ้าหากว่าสภาพร่างกายไม่ไหว จิตหลุดออกไปเลย ก็อาจจะตาย เพียงแต่ว่าการปฏิบัติธรรมทุกอย่างเขาให้แลกกันด้วยชีวิต ไม่อย่างนั้นเรื่องแค่นี้ยังกลัวตายอยู่ ก็ไม่ต้องไปคิดว่าจะสำเร็จหรือไม่

ถาม : ถ้าตายตอนนั้นอย่างไรก็คุ้มใช่ไหมครับ ?
ตอบ : ก็ไม่แน่เหมือนกัน ตอนขาดใจตายดันไปนึกถึงนรกก็ช่วยไม่ได้ อาสันนกรรมเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอนที่สุดว่าใจสุดท้ายจะเกาะอะไร เพราะว่าแค่เสี้ยววินาทีเดียว

ถาม : ต่อให้เราสร้างความเคยชินมามาก ๆ ?
ตอบ : ขนาดคนได้อภิญญายังร่วงเลย คุณจะชินกว่าเขาหรือ ? คุณไม่สงสัยเลยหรือว่าทำไมชั้นจาตุมหาราช เทวดามากมายจนนับไม่ถ้วน ? นั่นทรงฌานได้ทั้งนั้น แล้วก็หลุด

ถาม : ไม่ใช่ว่าท่านตั้งใจที่จะหลุดเพื่อไปรับตำแหน่งใช่ไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าเป็นคุณจะเอาไหมเล่า ? แทนที่จะไปกินเงินเดือนปริญญาตรี ปริญญาโท กูก็ขอแค่อัตรา ป.๔..!

เถรี
25-07-2019, 17:59
ถาม : จาคานุสติกับทาน ต่างกันอย่างไรครับ ?
ตอบ : คิดให้กับลงมือให้ ถ้าแค่คิดเป็นจาคานุสติ ถ้าลงมือให้เป็นทานบารมี

ถาม : ถ้าให้ทานโดยไม่ลังเล เห็นหน้าแล้วให้เลย ถือว่ามีจาคานุสติอยู่ไหมครับ ?
ตอบ : มี..แสดงว่าจาคานุสติเต็มที่พร้อมที่จะสละออก ทานบารมีก็มีเพราะว่าลงมือทำแล้ว

เถรี
25-07-2019, 18:00
ถาม : เวลาที่เราเอาดวงแก้วมาไว้ข้างในกาย แล้วเราเห็นร่างกาย บางทีก็รู้สึกสกปรกโสโครก แต่ว่าไม่ใช่ของจริง แต่ก็ใช้ได้ คือเรารู้สึกสงัดกับอารมณ์นี้ อย่างนี้คือวิปัสสนาหรือสมถะครับ ?
ตอบ : ขึ้นอยู่กับตัวเราตอนนั้นว่าเราคิดอย่างไร ? ถ้าสภาพจิตยอมรับว่าแท้จริงเป็นเช่นนี้ ก็เป็นวิปัสสนาญาณ ถ้าไม่ใช่ก็เป็นแค่ส่วนหนึ่งของสมถะในกายคตานุสติกรรมฐานเท่านั้น

วิปัสสนาญาณจะเป็นได้ก็ต่อเมื่อใจยอมรับ เพราะคำว่า “วิ” คือ วิเศษ แจ้ง ต่าง “ปัสนา” ก็คือการเห็น การเห็นอย่างวิเศษคือเห็นแล้วยอมรับ

เถรี
25-07-2019, 18:02
ถาม : ถ้าเกิดว่าเราทำธุรกิจ แล้วต้องการที่จะเอาชนะคู่แข่ง จะบาปไหมครับ ?
ตอบ : อยู่ที่ว่าเรามุ่งร้ายเขาหรือเปล่า ? ถ้าจะทำลายเขาก็ประกอบไปด้วยวิหิงสาวิตก ตรึกในการพยาบาทผู้อื่น ก็แปลว่านรกรออยู่

ถาม : ถ้าเราไม่พยาบาทผู้อื่น แต่ว่าหลักก็คือ เราต้องกินปลาเล็กละครับ ?
ตอบ : แล้วทำไมต้องกินปลาเล็ก ? สนับสนุนปลาเล็กให้โตด้วยกันไม่ได้หรือ ?

เถรี
25-07-2019, 18:33
ถาม : หนูไปฝึกกสิณสีขาวมาค่ะ หนูไม่แน่ใจว่าต้องทำอย่างไร ?
ตอบ : ลืมตามอง หลับตานึกถึง สมมติว่ากระดาษขาวแผ่นหนึ่ง ลืมตามอง หลับตานึกถึง เราจะเห็นได้แค่แวบ ๆ หนึ่ง พอหายไปก็ลืมตามองใหม่ หลับตานึกถึง พร้อมกับคำภาวนา “โอทาตกสิณัง...โอทาตกสิณัง” ซึ่งถ้าว่าบาลียาก ก็ว่า “สีขาว....สีขาว” ในใจเหมือนกัน ว่าไปเรื่อย ๆ อาจจะเป็นแสน ๆ ครั้ง คราวนี้ภาพนี้จะเริ่มชัดขึ้นเรื่อย ๆ จะชัดจนเหมือนตาเห็น

หลับตาก็เห็น ลืมตาก็เห็น คราวนี้ก็ไม่ต้องใช้ภาพของจริงแล้ว เราก็แค่นึกถึงแล้วภาวนาไว้ตลอด จะหลับจะตื่น ก็นึกถึง

เถรี
25-07-2019, 18:36
ถาม : เรื่องสีตามวัน ?
ตอบ : วันอาทิตย์สิทธิโชคโฉลกดี......ให้ใช้สีแดงทรงเป็นมงคล
เครื่องวันจันทร์นั้นควรสีนวลขาว..........จักยืนยาวชันษาสถาผล
อังคารช่วงม่วงงามสีครามปน.............เป็นมงคลอดิเรกอุดมดี
เครื่องวันพุธสุดจะดีด้วยสีแสด............กับเหลือบแปดปนประดับสลับสี
พฤหัสทรงเครื่องเขียวเหลืองดี............วันศุกร์สีเมฆหมอกออกสงคราม
วันเสาร์ทรงเครื่องดำจึงล้ำเลิศ............แสนประเสริฐเสี้ยนศึกจะนึกขาม

สรุปว่าไม่ตรงกับตำราที่เรารู้ ปัจจุบันนี้ก็อาทิตย์สีแดง จันทร์สีเหลือง อังคารสีชมพู พุธสีเขียว พฤหัสสีแสด ศุกร์สีฟ้า เสาร์สีม่วง พวกนี้ตอนอาตมาเรียนมาก็คนละอย่างกัน

เถรี
25-07-2019, 18:40
สมัยนั้นเขาว่า
สัปดาห์หนึ่งนั้นมี..................จำให้ดีมีเจ็ดวัน
สีแดงนั้นวันอาทิตย์................เหลืองจับจิตคือสีวันจันทร์
วันอังคารสีสวยงาม.................สมนามคือสีชมพู
พุธนั้นดูเขียวขจี....................พฤหัสบดีเป็นสีน้ำเงิน (ไปคนละทิศแล้วนะ)
วันศุกร์สวยเกิน.....................มองเพลินเป็นม่วงงามขำ
เสาร์สีดำจำเอาไว้...................ท่องให้ขึ้นใจอย่าได้ลืมเอย

แค่ช่วงอาตมาเรียนหนังสือมาจนถึงเดี๋ยวนี้ยังเพี้ยนไปตั้งเยอะแล้ว เพราะฉะนั้น..อย่าไปถือสาหาความอะไรมากมาย

ถ้าโบราณหนักเข้าไปอีก
รวิสิทธิด้วยอาภรณ์....................งามพิจิตรอลงกรณ์ ก่องแก้ว
ทรงแสงธนูศรลีลาศ..................เสด็จสู่สงครามแผ้วผ่อง พ้นไพรี
จันทรวารภูษณพื้นโขมพัสตร์..........กรกลึงดาบขัดเพริศแพร้ว ฯลฯ

ไปคนละทิศเลย อย่าไปเอาเรื่องเอาราวอะไรมากนัก

เถรี
25-07-2019, 18:41
ถาม : ทำไมเขาสีดำเป็นสีไม่เป็นมงคลคะ ?
ตอบ : โบราณเขาถือว่าเป็นการแช่งตัวเอง คราวนี้ถ้าใส่แล้วสบายใจก็ใส่ไปเถอะ เห็นสาวบางคนใส่ดำทั้งตัวแล้วกลับดูเด่น เพราะว่าเขาขาว

เถรี
25-07-2019, 18:43
ถาม : หนูนั่งสมาธิ แล้วมีความคิดแวบออก ก็รู้สึกว่า เอ๊ะ..นี่ไม่ใช่ความคิดเรา หนูก็ดูว่าความคิดไม่ใช่ของเรา หนูก็มองมัน ?
ตอบ : เป็นความชำนาญของใจ อย่าไปสนใจว่าเป็นเราหรือไม่เป็นเรา ให้ดึงความรู้สึกทั้งหมดกลับมาที่ลมหายใจใหม่ ถ้ามัวแต่ไปนั่งเถียงว่าเป็นมันหรือเป็นเรานี่ กิเลสชอบมากเลยนะ เพราะว่าเราฟุ้งซ่านแล้วไม่ได้ปฏิบัติ

ถาม : ก็คือกลับมาภาวนา ?
ตอบ : กลับมาอยู่ที่ลมหายใจกับคำภาวนาใหม่ เผลอหลุดไปเมื่อไรก็ดึงกลับมาใหม่ พอกำลังสมาธิเราเริ่มสูงขึ้น ก็จะโดนบังคับให้อยู่กับลมได้ไม่ไปไหน

เถรี
25-07-2019, 18:45
ถาม : ฟังเพลงแล้วรู้สึกอินกับเพลงค่ะ ?
ตอบ : ถ้าอินแปลว่าเราปรุงแต่งตามไป โทษเกิดเป็นรัก โลภ โกรธ หลงแล้ว ทำอย่างไรที่เราสักแต่ว่าได้ยิน ก็คือสมาธิต้องสูงพอ ถ้าสูงไม่พอก็จะไหลตามไป

ถาม : ทำอย่างไรจึงจะไม่ไหลตามคะ ?
ตอบ : ก็ฝึกสมาธิให้มากขึ้น อยู่กับลมหายใจเข้าออกให้มากขึ้น

เถรี
25-07-2019, 18:47
ถาม : (การแต่งตัวเพื่อให้สวยงาม กับศีล ๘)
ตอบ : ในเรื่องของการแต่งเนื้อแต่งตัวตามหลักของศีล ๘ ถ้าผิดจริง ๆ ก็คือตั้งใจแต่งไปเพื่อดึงดูดเพศตรงข้าม แต่ว่าบางคนด้วยความที่แต่งหน้าจนชิน ถ้าไม่แต่งแล้วออกจากบ้านไม่ได้ เจตนาที่จะไปดึงดูดเพศตรงข้ามไม่มี ก็แต่ง ๆ ไปเถอะ ไม่อย่างนั้นออกไปเดิน เขาจะคิดว่าศพเดินได้

เถรี
25-07-2019, 18:48
ถาม : เขียนหนังสืออย่างไร ให้คนอ่านรู้สึกได้ ?
ตอบ : อันนี้ต้องรู้จริง เขียนแล้วต้องให้เขารู้สึกเหมือนกับที่เราเห็น นึกอยู่เสมอว่าเรื่องนั้นคนอ่านไม่รู้ ในเมื่อคนอ่านไม่รู้ ทำอย่างไรเราจะอธิบายเพื่อให้เขาเข้าใจ ให้เห็นภาพพจน์มากที่สุด

เถรี
25-07-2019, 18:54
พระอาจารย์กล่าวว่า "ท่านที่เป็นเจ้าของบาตรน้ำมนต์ ๖๐ ปี พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. สีบาตรที่เห็นนั่นไม่ใช่เนื้อจริง ๆ เขาเคลือบสีไว้ชั้นหนึ่ง เพราะว่าเนื้อเป็นนาก ในเมื่อเป็นนาก ซึ่งมีส่วนผสมของเงินอยู่ ถ้าทิ้งไว้นาน ๆ แล้วจะดำ พอหลาย ๆ ปีดำแล้วขัดไม่ออกด้วย เพราะว่าสนิมเงินจะหนาขึ้นไปเรื่อย ๆ

ทางโรงงานก็เลยแนะนำว่าให้เคลือบสีสักชั้นหนึ่ง ก็จะรักษาเนื้อไว้ในสีระดับนี้ได้ตลอดไป ฉะนั้น..ถ้าเห็นว่าเหรียญทำไมดำ แล้วเนื้อบาตรน้ำมนต์ไม่ดำก็โปรดทราบตามนี้ เหรียญที่เห็นนั่นก็คือเนื้อนาก ทิ้งไว้นาน ๆ โดนลมเดี๋ยวก็ดำ เนื้อเดียวกัน แต่ทำไมบาตรน้ำมนต์สีเข้มกว่า เพราะว่าอันนั้นเขาเคลือบสีไว้ชั้นหนึ่ง

อาตมาเองรีบบูชาไว้ ๓ ใบตั้งแต่ต้น กลัวว่าจะไม่ได้ คราวนี้มีคนมาขอต่อในราคา ๒๐๐,๐๐๐ บาท เดี๋ยวขอคิดดูก่อน ใบละ ๒๐๐,๐๐๐ บาทนะ ไม่ใช่ ๓ ใบ ๒๐๐,๐๐๐ บาท ความจริงก็อยากจะสร้างให้มากกว่านี้ แต่เนื่องจากว่าชนวนหลวงพ่อนากมีจำกัด ในเมื่อมีจำกัด ทำได้แค่ไหนก็ต้องแค่นั้น"

เถรี
25-07-2019, 19:03
ถาม : สมเด็จองค์ปฐมแต่ละที่ไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ที่สร้างหรือคะ ?
ตอบ : อยู่ที่ฝีมือช่าง ช่างแต่ละคนฝีมือปั้นไม่เหมือนกัน เหมือนกับคนเขียนหนังสือ ลายมือจะไม่เหมือนกัน ต่อให้ลอกแบบกัน ก็จะมีจุดต่างให้จับได้ ฉะนั้น..ขึ้นอยู่กับฝีมือช่าง

องค์ปูน ๒๑ ศอกที่อยู่หน้าวัดท่าขนุน เขาสร้างไปทั่วประเทศจะ ๑๐๐ องค์แล้ว แต่สวยที่สุดอยู่ที่วัดท่าขนุน เกิดจากสาเหตุที่ว่าช่างหล่อหรือว่าช่างที่ปั้น ถ้าเขาสบายใจ เขาจะทำออกมาสวย เพราะฉะนั้น..เขาไปวัดท่าขนุนก็เลยปล่อยเขาสบายใจที่สุด ถึงเวลา อาหารไปส่ง คุณไม่ต้องไปสวดมนต์ ทำวัตร บิณฑบาต กรรมฐานอะไรกับใครทั้งนั้น นึกอยากตื่นตอนไหนเชิญ นึกอยากทำตอนไหนเชิญ พอถึงเวลาอาทิตย์หนึ่ง ควักค่าบุหรี่ให้ ๕,๐๐๐ บาท เฉพาะบุหรี่อย่างเดียว ดูดให้ตายไปเลย...!

เถรี
25-07-2019, 19:04
ความจริงเขาไปทำเป็นทาน แต่ว่าบางที่ก็เกินไป อย่างที่กำแพงเพชร เป็นวัดป่า ท่านฉันมื้อเดียว ท่านก็เลยเลี้ยงพวกช่างวันละจานเดียว แล้วจะเอาเรี่ยวเอาแรงที่ไหนไปทำ ? คราวนี้พระครูไพโรจน์ท่านเป็นเจ้าของแบบ พอถึงเวลาลูกน้องโทรมา บอกว่าไม่มีเรี่ยวแรงจะทำงาน ไม่มีอาหารจะกิน ท่านก็ต้องส่งขึ้นไปช่วยเขาเป็นคันรถ

แต่วัดท่าขนุนของเราให้ทุกอย่าง ขาดอะไรขอให้บอก แล้วไม่เร่งงาน คุณอยากจะทำกี่วันกี่เดือนเรื่องของคุณ ผมเลี้ยงไหว แล้วก็เตรียมรถเทรลเลอร์ไว้ให้เขา ๒ คัน ถึงเวลาขนแบบไปส่งต่อที่ใหม่ เขาก็ไม่ต้องกังวล ถ้าถามว่าค่าเช่ารถเทรลเลอร์คันละเท่าไร ? เป็นหมื่น วันที่ส่งเขากลับ ถวายปัจจัยไป ๑๐๐,๐๐๐ บาท บอกว่า "นี่ไม่ใช่ค่าแรง แต่อยากให้พวกท่านมีเอาไว้ใช้ เพราะว่าที่อื่นไม่แน่เหมือนกันว่าเขาจะเลี้ยงได้แบบที่วัดท่าขนุน ให้มีเงินเอาไว้สำรอง ถ้าเจ้าของเขาเลี้ยงไม่ไหว เราจะได้มีกินเอง" ทำให้ช่างเขาสบายใจที่สุด ผลงานจะออกมาสวยเอง

ฉะนั้น...ในเรื่องของการสร้างพระ ถ้าใครไปสร้างที่ไหน หรือเห็นเขาสร้างที่ไหน ให้คำแนะนำเขาด้วย บอกเขาว่าถ้าช่างอยู่สุขอยู่สบาย เขาก็จะมีกำลังใจ ทำแล้วจะออกมาสวย

เถรี
25-07-2019, 19:07
ถาม : อานิสงส์ที่เขาทำตรงนี้ ?
ตอบ : นั่นเขาได้อยู่แล้ว อานิสงส์สร้างพระเลย พุทธบูชา มหาเตชะวันโต สร้างกี่องค์เขาได้เท่านั้นองค์

ถาม : ได้ไปพระนิพพานไหมคะ ?
ตอบ : อยู่ที่ใจ สุดท้ายเขาเกาะอะไร อย่าลืมว่านี่เป็นแค่บุญเบื้องต้นเท่านั้น จัดเป็นอามิสบูชา ไม่ใช่ปฏิบัติบูชา การจะไปพระนิพพานอยู่ในส่วนของปฏิบัติบูชา

เถรี
25-07-2019, 19:33
ถาม : เวลาหนูทุกข์มาก ๆ ทำกรรมฐานมากแล้วได้แค่นี้ แล้วมันกด ?
ตอบ : อย่าเพิ่งไปกด ไปวิ่ง ไปออกกำลังกาย ไปฟิตเนสไปอะไรให้หายบ้าไปสัก ๒ -๓ วันแล้วค่อยกลับมา ถ้าหากว่าตอนกำลังทุกข์ ถ้ากำลังเราไม่พอนี่เราจะไปกดกิเลสไม่อยู่ เดี๋ยวโดนฟัดหงายท้อง หรือไม่ก็ไปดูหนังฟังเพลง เต้นแอโรบิคให้หายบ้าสัก ๒ - ๓ วันก่อน เพียงแต่ว่าประคองศีลเอาไว้ อย่าให้ศีลขาด สมาธิไว้ทีหลัง

ตอนนั้นพังไปแล้ว เราสู้ไม่ไหวหรอก ถ้าทำอย่างอาตมาสมัยฆราวาสก็โน่น ปั่นจักรยานจากซอยอ่อนนุชไปสมุทรปราการ ไปกลับสัก ๒ - ๓ เที่ยวก็หายบ้าไปเอง

ถาม : เรื่องวิปัสสนาค่ะ ?
ตอบ : วิปัสสนาให้เห็นเป็นวิปัสสนาธรรมชาติ จะเหมาะสมที่สุด อย่างเช่นว่าเห็นว่านี่เด็ก โน่นกลางคน โน่นแก่ ไอ้นั่นใกล้ตายแล้ว ข้าวของทุกอย่างก็เหมือนกัน นี่ใหม่ นี่กลางเก่ากลางใหม่ นั่นเก่า นั่นพังหมดสภาพแล้ว ท้ายสุดก็โยงกลับมาหาตัวเราว่าเราก็เป็นอย่างนี้เหมือนกัน ถ้าไม่เห็นเป็นธรรมชาตินี่เราจะสู้ไม่ไหว ถึงเวลาแล้วค่อยไปพิจารณานี่เดี๋ยวตาย

เถรี
25-07-2019, 19:52
พระอาจารย์กล่าวว่า "เรื่องเจ้ากรรมนายเวรอย่าไปเครียด มีโอกาสก็ทำให้เขา เพราะว่าแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว กว่าจะมาเป็นเจ้ากรรมนายเวร แปลว่าเราลงมือสำเร็จไปนานแล้ว มีอย่างเดียวก็คือทำบุญให้เขาบ่อย ๆ แต่ไม่ใช่ไปผูกใจปักใจอยู่ตรงนั้น

เจอผู้หญิงบางคน โอย...หน้าตาดูไม่ได้ ถามว่าทำอะไรมา ? ท้ายสุดสารภาพว่าไปทำแท้งมา นึกถึงแต่เรื่องที่ตัวเองฆ่าลูก บอกว่า “อย่างนี้ลงนรกแน่นอน คุณรีบเปลี่ยนกำลังใจใหม่ กรณีนี้มีความจำเป็น ในเมื่อเราทำไปแล้ว มีวิธีเดียวก็คือทำอย่างไรที่จะแก้ไขให้ดีที่สุด ก็เอา ทาน ศีล ภาวนา เข้าสู้ เรื่องอย่างนี้ ต่อไปเราจะไม่ทำอีก ตั้งใจขออโหสิกรรมกับเขา แล้วก็ตั้งหน้าตั้งตาทำบุญอุทิศให้เขาไป ไม่อย่างนั้นใจก็จะผูกอยู่ตรงนั้น” โน่นก็เจ้ากรรมนายเวร นี่ก็เจ้ากรรมนายเวร ไม่ต้องไปไหนกันพอดี”

เถรี
25-07-2019, 19:59
ถาม : ทำไมเวลาถวายสังฆทาน หลวงพ่อให้พรไม่เหมือนกันคะ ?
ตอบ : ให้ซ้ำ ๆ ก็เบื่อ ต้องเปลี่ยนบ้างสิ

ถาม : แต่ละบทต่างกันตรงไหนคะ ?
ตอบ : ต่างกันตรงเนื้อหา อันหนึ่งให้สำเร็จ อีกอันหนึ่งก็สำเร็จหลายอย่าง ขอมากก็ต้องหลายอย่างหน่อย

ความจริงยาวนะ เริ่มตั้งแต่โน่น สัพพะพุทธานุภาเวนะ แต่อันนี้ตัดท้าย เอาแค่ ชะยะสิทธิ ธะนัง ลาภัง

ชะยะสิทธิ ธะนัง ลาภัง ความชนะ ความสำเร็จ ทรัพย์สมบัติ ลาภผล
โสตถิ ความสวัสดี
ภาคะยัง ส่วนของ
สุขัง ความสุข
พะลัง กำลัง
สิริ มิ่งขวัญ
อายุ อายุ
วัณโณ วรรณะ ชาติตระกูล
โภคัง โภคทรัพย์
วุฑฒี จะ ยะสะวา ขอให้เจริญขึ้น ก็คือมีแต่ความเจริญรุ่งเรืองในสิ่งทั้งหลายที่ว่ามา
สะตะวัสสา จะ อายุ ขอให้มีอายุ ๑๐๐ ฤดูฝน ก็ ๑๐๐ ปีนั่นแหละ อยากอยู่ก็อยู่ไป

บาลีก็เหมือนภาษาไทย เพียงแต่เราฟังไม่ออก ก็เลยรู้สึกว่าขลัง

เถรี
25-07-2019, 20:23
เอาอย่างเด็กคนนั้น ที่โดนหมอฉีดยา “ขอให้มีความสุขความเจริญ ๆ ขอให้สวย ๆ ขอให้รวย ๆ รักทุกคนนะครับ” โอ้...เด็กพูดคำหยาบไม่เป็นเลย พูดดี ๆ ทั้งนั้น ทั้ง ๆ ที่หมอฉีดยา ร้องซะขนาดนั้น แสดงว่ากำลังใจเขาเคยชินกับสิ่งดี ๆ ที่ผู้ใหญ่สอนให้

“ผมรักคุณหมอนะครับ หมอสงสารผมบ้างนะครับ” เด็กแค่ ๓ - ๔ ขวบเอง ผู้ใหญ่สามารถฝึกออกมาได้ขนาดนี้ ประเภทนี้แทบจะพระโสดาบันแล้ว ทำชั่วไม่เป็น

เถรี
25-07-2019, 20:45
ถาม : ทำไมหลวงพ่อฤๅษีสร้างพระปัจเจกพุทธเจ้าพระเกตุเป็นแบบนั้นครับ ?
ตอบ : ตอนแรกต้องบอกว่าด้วยความรีบ ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรให้ ก็เลยบอกว่า เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ให้ช่างปั้นพระเกตุมาลาแล้วแยกแฉกออกมาหน่อยหนึ่ง คราวนี้ช่างโรงงานมักง่าย แทนที่จะแยก ดันเอาพระเกตุมาลาขององค์อื่นมาแปะใส่

จริง ๆ แล้วปลายเกตุมาลาให้แยกออกหน่อย แต่คราวนี้องค์ที่ช่างเสริฐปั้นให้หลวงพ่อดู ท่านไม่ชอบใจ เพราะเขาไม่ได้แยก เขาใช้วิธีทำให้ปลายเกตุงอนไปข้างหลัง หลวงพ่อก็เลยถามว่าเอ็งทำไว้แขวนรองเท้าหรือ ? ท้ายสุดองค์นั้นอาตมาก็เลยรีบขอช่างเสริฐ บอกว่าคิดเท่าไร เอามาเลย เดี๋ยวจะเอาไว้บูชาเอง เพราะหน้าตัก ๓๐ นิ้ว ปรากฏว่าสุดท้ายหลวงพี่นิพัทธ์ขอไปไว้ที่วัดพุทธไชโย ไม่รู้ว่ายังอยู่หรือเปล่า ?

เถรี
25-07-2019, 21:30
พระอาจารย์กล่าวว่า "เรื่องจ่านิวโดนทำร้าย บางทีเป็นเรื่องของบริวารที่โง่แล้วขยัน กลัวเจ้านายจะมีงานน้อย เห็นว่าเจ้านี่ประท้วงรัฐบาลบ่อยก็เลยไปช่วยกันตี หารู้ไม่ว่ากำลังจะจุดไฟเผารัฐบาลชัด ๆ ถ้าหากว่าเป็นทางด้านการทหาร เขาบอกว่าไอ้พวกโง่แล้วขยัน ให้ฆ่าทิ้งให้หมด..!"

เถรี
25-07-2019, 21:46
ถาม : พระโสดาบันที่เป็นภรรยาของนายพราน เขาคิดอย่างไรจึงไม่ยุ่งกับสามี ?
ตอบ : พระโสดาบันใครเขาห้ามยุ่งกับสามี ?

ถาม : ไม่ใช่ค่ะ ไม่ยุ่งกับหน้าที่ของสามีค่ะ
ตอบ : เขาคิดแค่ว่าผัวสั่ง ตัวเองเป็นเมีย แค่ทำตามที่ผัวสั่ง ผัวสั่งให้ส่งบ่วงเชือกก็ส่ง ให้ส่งแหลนก็ส่ง ให้ส่งหน้าไม้ก็ส่ง แต่ผัวเอาไปทำอะไรไม่รับรู้ เพราะว่าตัวเองไม่ทำความชั่ว

เรื่องของกรรมนี่เราต้องเข้าใจนะว่า ต่างคนต่างทำ ต่างคนต่างได้ นั่นสามีทำ ตัวเองเป็นภรรยาไม่ได้ทำ ต้องแยกให้ออก เราแยกไม่ออก เพราะไปยึดติดตรงที่ว่าในเมื่ออยู่ด้วยกัน ก็ต้องโดนด้วยกันสิ

เถรี
25-07-2019, 21:51
พระอาจารย์กล่าวว่า "ชุมชนคุณธรรมคริสตจักรมาถึงทองผาภูมิแล้วนะ ชุมชนคริสตจักรแบ็บติสต์ทองผาภูมิจัดกิจกรรมโครงการคุณธรรมเริ่มต้นที่บ้าน อาตมาก็ไม่นึกว่าคริสต์จะบุกแรงขนาดนี้ เร็วมากเลย วันก่อนยังอยู่ในเมืองอยู่เลย ขึ้นไปถึงทองผาภูมิแล้ว

พวกคริสต์เขามีทุนเยอะ เพราะเขาเก็บ ๑๐ เปอร์เซ็นต์จากรายได้ศาสนิก ในเมื่อมี ๑๐ เปอร์เซ็นต์ สมมติว่าเงินเดือนของเรา ๑๕,๐๐๐ บาท ก็ต้องให้เขา ๑,๕๐๐ บาท ในเมื่อบังคับบริจาคในลักษณะอย่างนั้น เขาก็เลยมีทุนรอนที่แน่นอน มีศาสนิกกี่คน เขาจะรู้เลยว่ามีรายได้เดือนละเท่าไร ในเมื่อต้นทุนแน่นอน เขาก็สามารถทำโครงการได้ ส่วนของเรานี่แล้วแต่ญาติโยมศรัทธา"

เถรี
26-07-2019, 07:14
ถาม : มีอยู่วันหนึ่งนอนพิจารณา แล้วก็เห็นกิเลสของตัวเองกระเด็นออกมา เหมือนเป็นเห็บที่ติดอยู่กับหมา แล้วหมากินยาขึ้นมาทำให้เลือดเป็นพิษ เห็บอยู่ไม่ได้ก็กระเด็น กระโดดออกมา หนูก็โวยวายใหญ่เลยที่มันออกมา หนูก็ตกใจว่าคืออะไร ?
ตอบ : ก็แค่ให้เห็นเท่านั้น เรายังฆ่าเขาไม่ได้

ถาม : หนูก็กำหนดจิตดูว่าคืออะไร เห็บก็คือตัวที่เกาะอยู่กับตัวหนู แล้วก็บงการให้เป็นไปตามทุกอย่างที่อยากให้เป็น หนูยังไม่ค่อยวางใจเท่าไร ก็ค่อย ๆ ดูไปเรื่อย ๆ หนูก็ใช้วิธีว่าเราก็ดู ถ้าเราเห็น ก็แสดงว่าเขาไม่ได้อยู่กับเรา
ตอบ : ต้องทำอย่างนั้นแหละ คือตอนนี้เรายังฆ่าเขาไม่ได้ ก็ระวังอยู่อย่างเดียวก็คืออย่าให้เขากลับเข้ามาหาเราใหม่

ถาม : วันรุ่งขึ้น หนูตื่นมาก็มาหาว่าเขาอยู่ไหน เราก็เห็นตัวอย่างแล้วรู้สึกว่ากิเลสเต็มกบาล หนูรู้สึกว่าโมหจริตความหลงครอบเราไปหมดทั้งตัว เหมือนเราอยู่ใต้น้ำ เราขึ้นไปไม่ได้ แต่เราต้องขึ้นไป พอสมาธิขึ้นไปถึงสุดแล้ว เรามีสติเยอะพอแล้ว เราจะต้องพยายามฮึดสู้ขึ้นมาควบคุมเขาบ้าง แต่เราก็ทำไม่ได้ทุกวัน เราต้องแหวกว่ายอยู่ใต้กิเลสอยู่ตลอด
ตอบ : ก็เรื่องปกติ ให้เรายื่นหัวเข้าไปหายใจได้ก็ใช้ได้แล้ว อย่างน้อย ๆ ก็มีกำลังสู้เขาได้บ้าง คราวนี้ก็มีอยู่อย่างเดียวคือพยายามพิจารณาให้เห็นชัดว่าถ้าหากว่ายังเป็นเช่นนี้ จะก่อทุกข์ก่อโทษให้เราเวียนว่ายตายเกิดนับชาติไม่ถ้วน ควรจะพอกันทีหรือยัง ถ้าใจบอกว่าพอ ก็จะไม่ไปแตะไม่ไปยุ่งอีก

ถาม : กิเลสคุมเราอย่างนี้ตลอดไปไหมคะ ?
ตอบ : ตลอด..ไม่ใช่แค่ชาติเดียว มาทุกชาติและจะต่อไปอีก น่ากลัวไหม ? อันนี้เราเรียกภยตูปัฏฐานญาณ ปรีชาคำนึงเห็นว่าสังขารเป็นของน่ากลัว

เถรี
26-07-2019, 07:19
ถาม : ที่เรารู้สึกว่าความหลงครอบเรา เป็นเพราะเราอยู่ในร่างกายนี้หรือเปล่าคะ เราจึงตกอยู่ภายใต้อำนาจของเขา ?
ตอบ : ถูก...แต่คราวนี้เราจะตกอยู่ใต้อำนาจเขาก็เพราะร่างกาย เราจะพ้นจากเขาได้ก็เพราะร่างกาย อยู่แค่มุมมองที่เราใช้มองร่างกายเท่านั้น ถ้าเราเห็นว่าไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา เขาอยู่กับร่างกาย ก็แปลว่าเขากับเราไม่ได้เกี่ยวกันเลย แต่ถ้าเราไม่สามารถเห็นถึงตรงนี้ได้ เขาก็ครอบงำเราต่อไป เพราะเรายึดมันเมื่อไร เขาก็ครอบงำเราเมื่อนั้น

ถาม : แปลว่าตอนที่หนูสมาธิขึ้นถึงจุดสูงสุด แล้วเราไม่ถูกครอบ แสดงว่าตอนนั้นรวมการพิจารณาไปด้วย ?
ตอบ : อันนั้นเขาเรียกว่าวิกขัมภนวิมุตติ พ้นได้ด้วยการข่มกิเลสไว้ด้วยอำนาจของสมาธิ ก็ยังมีโอกาสหายใจได้หน่อยหนึ่ง

ถาม : พระอรหันต์ท่านอยู่กับร่างกาย ท่านทำอย่างไร จึงไม่โดนครอบ ?
ตอบ : ก็ท่านเห็นชัดแล้วว่าร่างกายไม่ใช่ท่าน สักแต่ว่าอาศัยอยู่เท่านั้น เอ็งอยากจะมีก็มีไป ข้าไม่ไปยุ่งกับเอ็ง ฟังดูเหมือนง่ายนะ

ถาม : หนูหาตัวอยากเจอ แต่ก็ยังมีตัวอื่นที่ยังครอบอยู่ ฟังแล้วท้ออย่างไรก็ไม่รู้ ?
ตอบ : เรื่องปกติ ค่อย ๆ ดูไปเรื่อย ๆ ยิ่งไปจะยิ่งละเอียดไปเรื่อย ๆ ตอนนี้ ส่วนที่เราเห็นแค่ส่วนหยาบเท่านั้น

สู้ต่อไป อย่างน้อย ๆ เราก็ยังพอหายใจได้บ้าง ไม่โดนครอบจนอึดอัดตาย

เถรี
26-07-2019, 07:26
สนทนากับพระ "ไปนึกถึงหลวงพ่อสมเด็จฯ วัดพิชัยญาติฯ ท่านตายคางาน พวกเราก็คงไม่แคล้วแบบนั้น ท่านไปคนหนึ่ง บางที่ก็ขาดที่พึ่งไป ของพวกนี้สำคัญตรงที่ว่าเรายืนหยัดด้วยตัวเองได้ไหม ? ถ้ายืนหยัดด้วยตัวเองได้ ไม่ต้องพึ่งผู้อื่น ผลกระทบก็น้อย ถ้ายืนไม่ได้ ไม่มีท่าน โลกก็มืดไปเลย"

เถรี
26-07-2019, 07:33
ถาม : อย่างที่พิจารณาว่าร่างกายไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา รวมถึงรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ อะไรอย่างนี้ ?
ตอบ : ทุกอย่าง

ถาม : แล้วบางทีเราคิดขึ้นมา ?
ตอบ : เราคิด เพราะฉะนั้น..จงหยุดคิด..!

วิธีหยุดคิดที่ดีที่สุดก็คืออยู่กับปัจจุบัน คราวนี้การอยู่กับปัจจุบันได้ดีที่สุด ก็คืออยู่กับลมหายใจเข้าออก ถ้าหากว่าสติสมาธิทั้งหมดอยู่กับลมหายใจเข้าออกตรงหน้า การปรุงแต่งอื่นไม่มี ก็คิดไม่ได้แล้ว หยุดไปโดยปริยาย แต่คราวนี้ถ้ายังไม่เห็นโทษ เดี๋ยวเผลอเมื่อไรก็ปรุงใหม่อีก ก็ต้องทำไปจนกระทั่งเห็นว่าโทษของการปรุงแต่งการคิด ว่าก่อรัก โลภ โกรธ หลงขนาดไหน ดึงเราให้เวียนว่ายตายเกิดไม่รู้จบขนาดไหน เกิดความกลัวขึ้นมา เกิดความเข็ดขึ้นมา ก็จะถอยห่างออกมาเอง

ถ้าหากว่ากำลังสมาธิเพียงพอ ปัญญาเพียงพอ ก็จะไม่คิดอีก เลือกเฉพาะในส่วนที่เป็นประโยชน์มาคิด ส่วนที่เป็นโทษก็ไม่ไปคิดไปปรุง ค่อย ๆ ขยับไปทีละขั้น จนกระทั่งสติสมบูรณ์พร้อม มองไปก็รู้ว่ากิเลสจะเกิดมุมไหน ไม่ไปแตะมุมนั้นก็จบแล้ว

เถรี
26-07-2019, 07:42
สนทนาเรื่องลูกศิษย์ฆราวาสของหลวงพ่อรุ่นเก่า ๆ "รุ่นเก่า ๆ ส่วนใหญ่พอเขามีหลัก เขาก็ไม่ค่อยจะไปวัดแล้ว เกิดจากสาเหตุหลายอย่างด้วยกัน อย่างแรกก็คือมีหลวงพ่อหนึ่งเดียวในดวงใจ อย่างที่สองก็คือสิ่งที่ตัวเองทำได้ เพียงพอที่จะเป็นหลักยึดแล้ว"

เถรี
26-07-2019, 08:23
ถาม : จะสอบ ต้องบนกับท่านใดจึงจะรู้คำตอบได้ ?
ตอบ : ใช้คาถาท่านปู่พระอินทร์ดีกว่า ไม่ต้องบนด้วย

ถาม : เคยใช้แล้ว แต่วางกำลังใจไม่เป็นค่ะ ?
ตอบ : ต้องยึดมั่นเหมือนอย่างกับที่พึ่งสุดท้ายของชีวิต กำลังใจต้องทุ่มขนาดนั้นเลย ตัวอย่างชัดที่สุดก็น้องพลอย ไปเรียนต่างประเทศแล้วไม่เข้าใจวิชาสถิติและการวิจัย ก่อนสอบวันหนึ่งโทรมาหาหลวงพ่อ จะทำอย่างไรดี ? ตายละวา....เอ็งโทรมาตอนนี้ ข้าจะไปอธิบายอะไรทัน ก็เลยบอกให้ใช้คาถาท่านปู่พระอินทร์ เขาบอกว่าพอเขาใช้ เนื้อหาตรงที่เป็นคำถาม เขาอ่านผ่านไปรอบเดียวแต่โผล่มาตรงหน้าชัด ๆ เลย ก็เลยเท่ากับลอกตำรา สรุปก็คือ เรียนไม่รู้เรื่องแต่สอบได้

เถรี
26-07-2019, 08:26
พูดถึงวัดท่ามะขาม "หลวงพี่มหาเอรับเป็นนายทุนให้ เจ้าอาวาสก็เบาใจไปหน่อย ไม่อย่างนั้นท่านเองไม่ไหว ตอนแรกจะให้หลวงพี่มหาเอเป็นเจ้าอาวาสเอง ท่านก็บอกว่าสุขภาพแบบนี้ ไปเป็นก็ได้ตายคาวัด ก็เลยบอกว่าพระครูบ่าวไม่ไหว จะไม่เป็น ท่านบอกให้บอกพระครูบ่าวว่าเป็นแล้วเดี๋ยวท่านจะช่วย

ตอนนี้ที่วัดท่ามะขาม ถึงเวลาไปพี่น้องเพื่อนฝูงมีที่พักครึ่งทาง เวลาไปเรียนที่วัดใต้ ถ้าหากไม่มีที่พัก วัดท่ามะขามมีเยอะแยะไป ต้องบอกว่าบุญของพระครูบ่าว อยู่ป่ามานานแล้ว มาอยู่ในเมืองบ้าง แล้วท่านเป็นพระที่แปลกมาก สร้างบุญไว้ดี ไปที่ไหนก็มีแต่คนรัก จังหวัดก็บอกเอาท่าน รองจังหวัดก็บอกเอาท่าน อำเภอก็จะเอาท่าน รองอำเภอก็จะเอาท่าน เออ...อย่างนั้นก็ง่ายหน่อย ไม่มีใครเหลือ ก็เหลืออยู่อย่างเดียวก็คือตำบล ปรากฏว่าตำบลเป็นเพื่อนเรียนมาด้วยกันกับอาตมา...ก็สบาย บอกช่วยเซ็นให้หน่อย ท่านเซ็นให้..ก็จบ"

สร้อยทอง
28-07-2019, 09:58
:4672615: คำเรียกอย่างเป็นทางการคือ "สมเด็จพระราชาคณะชั้นหิรัญบัฏ" ครับ ไม่เป็นทางการเรียกว่า "รองสมเด็จ" หรือบางทีก็เรียกว่า "พระราชาคณะชั้นพรหม" ครับ

ขอเพิ่มเติมด้วยความเคารพ หลวงปู่ปวง ท่านทรงสมณศักดิ์ที่ พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ พระราชาคณะเจ้าคณะรอง ชั้นหิรัญบัฏ หรือ รองสมเด็จพระราชาคณะ ส่วน สมเด็จพระราชาคณะ ชั้นหิรัญบัฏ หาข้อมูลไม่เจอครับ เจอแต่ สมเด็จพระราชาคณะ ชั้นสุพรรณบัฏ หากผิดพลาดประการใด กราบขออภัยครับ

เถรี
01-08-2019, 20:35
พระอาจารย์กล่าวว่า "โต๊ะกราบนี้ ทางกาญจนบุรีทั้งหมดเลิกใช้ตามพระอาจารย์เล็กแล้ว เพราะว่าบ้านเรากราบเบญจางคประดิษฐ์ ถ้าใช้โต๊ะกราบ ๑ ศีรษะ ๒ ศอก ๒ เข่า จะไม่ถึงพื้น แปลว่าโต๊ะกราบทำให้เรากราบไม่ถูกแบบ อาตมาก็แสดงวิสัยทัศน์เรื่องนี้อยู่หลายปี ตอนนี้เขาตามกันหมดแล้ว แรก ๆ ผู้ใหญ่มาก็งง ๆ ว่าทำไมไม่มีโต๊ะกราบ ?"

เถรี
01-08-2019, 20:36
ถาม : เมื่อก่อนนั่งสมาธิแล้วมีแต่ความนิ่ง พอตอนหลังนั่งสมาธิแล้ว คิดปัญหา แก้ปัญหาได้ออก ไม่ทราบว่าแบบนี้ดีขึ้นหรือแย่ลงครับ ?
ตอบ : ปัญหาอะไร ?

ถาม : ปัญหาชีวิต พอนั่งสมาธิแล้วคิดออก แก้ได้ สมาธิแบบนี้ใช้ได้ไหมครับ ?
ตอบ : แบบนี้เป็นแค่เบื้องต้น พอใจของเราสงบ ปัญญาจะเกิด ใช้ได้ทั้งทางโลกและทางธรรม แต่คราวนี้ของเราใช้ได้แค่ทางโลก ก็แปลว่าใช้ได้ ๑๐ เปอร์เซ็นต์ของประโยชน์ที่แท้จริง ทางธรรมอีก ๙๐ เปอรเซ็นต์เราไม่ได้เลย

เถรี
01-08-2019, 20:38
ถาม : เวลาถวายสังฆทาน นำพระพุทธรูปมาตั้ง ควรหันหน้าเข้าหรือออกจะดีครับ ?
ตอบ : เอาที่สบายใจ ด้านไหนก็ได้ ส่งให้ถึงมือพระก็แล้วกัน ส่วนใหญ่พวกเราจะไปคิดว่าต้องหันหน้าเข้าจึงจะถูก ต้องหันหน้าออกจึงจะถูก ซึ่งเป็นแค่ส่วนเสี้ยวเดียว หลัก ๆ ที่แท้จริงก็คือส่งให้ถึงมือพระให้ได้ เพราะว่าถ้ายังไม่ถึงมือพระ อย่างไรก็ยังไม่เป็นทานที่เราถวาย

เถรี
01-08-2019, 21:04
พระอาจารย์กล่าวว่า "เงินที่ญาติโยมบริจาคเพื่อจัดงานวันเกิด อาตมาใช้ไม่หมด ก็เลยถวายจัดงานวันเกิดตุ๊พ่อสิงห์ต่อไป ๕๐๐,๐๐๐ บาท สรุปว่าได้สืบชะตาสองรายติดกัน ต้องบอกว่าพยายามล้างผลาญแล้วแต่จ่ายไม่หมด ก็เลยต้องช่วยตุ๊พ่อสิงห์ท่าน เพราะว่าค่าใช้จ่ายท่านมาก ทั้งโบสถ์ ทั้งพระประธาน ทั้งพระจุฬามณี ท่านกำลังเครียดว่าจะสร้างไม่เสร็จ กลัวว่าจะมรณภาพเสียก่อน ก็เลยถวายท่าน ๕๐๐,๐๐๐ บาท

ที่ประหยัดไปมากเพราะว่าวันเกิดของอาตมาเป็นวันพระใหญ่ พระเถระระดับเจ้าคณะภาคท่านมาไม่ได้ ท่านต้องอยู่เป็นแบบอย่างให้กับทางคณะสงฆ์ พระก็ต้องลงปาฏิโมกข์ ส่วนอาตมาอยู่กับวัด ลงปาฏิโมกข์ได้อยู่แล้ว ในเมื่อระดับเจ้าคณะภาคหลายรูปท่านไม่มา อาตมาก็เลยประหยัดไปได้มาก"

เถรี
01-08-2019, 21:07
"อยู่ในลักษณะมีเงินใช้ไม่รู้จักหมด ก็เลยต้องหาเรื่องทำบุญต่อ ต้องอนุโมทนากับญาติโยมจริง ๆ ที่ตั้งใจทำบุญกัน แต่อาตมาก็หาเหรียญพุทธบารมียันต์ทรงกลดเนื้อนากให้คนละเหรียญ ตอนนี้เหรียญเนื้อชินไม่รู้ รู้แต่เหรียญเนื้อนากว่าเขาเอาไปปล่อยในเว็บเหรียญละหกหมื่นบาท น่าตายมาก...! ให้ฟรี ๆ ดันเอาไปปล่อยตั้งหกหมื่นบาท ถ้าคิดมูลค่าว่าเป็นนากก็ได้อยู่ แต่ถ้าคิดว่าเรามอบให้เป็นสินน้ำใจเฉย ๆ ไปเล่นคนอื่นหกหมื่นบาทก็แพงไป"

เถรี
01-08-2019, 21:44
พระอาจารย์กล่าวว่า "ไม่กี่วันที่ผ่านมา พระมหาเถระที่เป็นหลักของพระพุทธศาสนามรณภาพไป ๒ รูป ในส่วนนี้ต้องบอกว่าสถานการณ์ประเทศชาติของเราค่อนข้างจะแย่ถึงแย่มาก ก็เลยต้องมีพระเถระที่เป็นหลักมรณภาพ ตัดเคราะห์ตัดกรรมให้กับประเทศชาติของเรา

อาตมาพูดไว้ตั้งแต่เดือนที่แล้วว่าสถานการณ์ไม่ค่อยดี กลัวว่าจะมีการนองเลือด อย่างไรก็ขอให้งานเป่ายันต์ฯ ผ่านไปก่อน เพราะว่าการเป่ายันต์เกราะเพชรสงเคราะห์คนหมู่มาก เป็นการตัดกรรมประเทศชาติไปส่วนหนึ่ง ซึ่งเรื่องพวกนี้เหมือนอย่างกับว่า อาตมาพยายามโยงเรื่องให้มีความสำคัญกับตัวเอง..แต่ไม่ใช่ ที่พูดนี่คือข้อเท็จจริงเลย

เพราะว่าบ้านเราปัจจุบันนี้จะบอกว่ามีประชาธิปไตยก็ไม่ใช่ จะบอกว่าเป็นประชาธิปไตยครึ่งใบเหมือนกับสมัยพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ องคมนตรีสองรัชกาลและรัฐบุรุษก็ไม่ใช่ เป็นการเลือกตั้งพอเป็นพิธี เพื่อสร้างความชอบธรรมในการขึ้นเป็นรัฐบาลเท่านั้น ความไม่พอใจของคนเรามีขีดจำกัด ถ้าไปถึงจุดหนึ่งระเบิดออกมาก็น่ากลัวมาก"

เถรี
01-08-2019, 21:53
"ช่วงที่ผ่านมาฮ่องกงซึ่งเป็นเขตปกครองพิเศษของจีนก็ประท้วง คนออกมาเป็นแสนประท้วงกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดน จริง ๆ แล้วก็ไม่ใช่ข้ามแดน เพราะว่าฮ่องกงก็ถือเป็นส่วนหนึ่งของจีน อังกฤษเช่าไป ๙๙ ปี ส่งคืนให้กับจีนแล้ว แต่ด้วยความที่ใช้กฎหมายและการปกครองของตัวเองมาตลอด ทำให้เขามีความรู้สึกว่าตัวเองไม่ใช่จีน

เมื่อรัฐบาลจีนยื่นมือเข้ามา โดยให้ผู้ปกครองของฮ่องกงออกกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามไปพิจารณาโทษที่ประเทศจีน ซึ่งก็เพียงผู้ร้ายบางประเภทเท่านั้น แต่ก็มีคนจำนวนหนึ่งเกรงว่าจะมาถึงตัว ก็เลยต้องปลุกระดมออกมาประท้วง"

เถรี
01-08-2019, 21:54
"ส่วนบ้านเราปัจจุบันนี้ทำทุกอย่างเพื่อที่จะให้ได้เป็นรัฐบาล แม้ว่าจะต้องใช้ความยุติธรรมแบบสองมาตรฐาน สามมาตรฐาน เขาก็ทำกัน ซึ่งตรงจุดนี้จะเป็นสาเหตุใหญ่ที่ทำให้ความไม่พอใจของคนปะทุขึ้นมาได้ แล้วยังมีการโหมฟืนใส่ไฟในแต่ละวัน

ถ้าเรื่องเกิดขึ้นแล้วพูดให้น้อยลง ก็จะไม่ร้ายแรง แต่ปัจจุบันนี้พวกโซเชียลมีเดียเข้าถึงได้โดยง่าย ทุกคนก็พยายามออกข่าวตามแง่มุมที่ตนเองคิดว่าใช่ โดยที่ทางฝ่ายผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ยังไม่ได้สรุปคดี แล้วคราวนี้การทำงานของตำรวจก็ช้ามาก ไม่ทันใจประชาชน พอกระแสในโซเชียลไปแรงมาก บวกกับพยานหลักฐานต่าง ๆ ที่ขอกันยาก เหมือนอย่างกับตั้งใจเตะถ่วง ก็ยิ่งสร้างความไม่พอใจให้กับผู้ที่รักความยุติธรรมมากขึ้น ซึ่งตรงจุดนี้จะทำให้เป็นการผลักผู้ที่เคยสนับสนุนตนไปยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามได้ เพราะทำให้เขาเห็นว่าตนเองไม่ได้รับความยุติธรรม หรือไม่ได้รับการปฏิบัติที่เท่าเทียมกัน

ดังนั้น พวกเราต้องใช้สติสัมปชัญญะให้มาก ๆ กับสถานการณ์ประเทศชาติตอนนี้ อย่าไปยินดียินร้ายด้วย รอดูผู้มีหน้าที่เขาจัดการ ถ้าใช้ภาษารุ่นของอาตมาคือ รอให้ฝุ่นจาง ตอนที่กำลังมั่วกันก็ฝุ่นตลบ ไม่รู้ว่าใครเป็นใคร ใครมีหน้าที่การงานทำหน้าที่ของตนเองให้ดี รักษางานของตัวเองให้ดี เพราะว่าในสถานการณ์ที่ยากลำบาก ก็ต้องประคับประคองกันให้ผ่านไปได้"

เถรี
01-08-2019, 22:37
พระอาจารย์กล่าวว่า "เรื่องของสังฆทานเวียน ก็คือผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันนำมาถวาย มีบางคนบอกว่าได้บุญเฉพาะคนแรกเท่านั้น นั่นเป็นการเข้าใจผิด เพราะว่าเราใช้ภาษาพระที่ว่า ผาติกรรม ก็คือแลกเปลี่ยนแล้ว ทีนี้การแลกเปลี่ยนเท่ากับชุดสังฆทานนั้นเป็นสมบัติของเรา ในเมื่อเป็นของเราแล้ว เราจะถวายเมื่อไร บุญก็เป็นของเราเมื่อนั้น

คราวนี้ในการที่เราจะจัดหามาเองก็ถือว่าเป็นเรื่องดี แต่บางทีก็เสียเวลาเดินทางไปซื้อหา เจอของแพงหรือคนขายกิริยาไม่ดี เราก็จะไปโกรธเขาอีก กว่าจะหอบหิ้ว กว่าจะขนมาถึงสถานที่ ก็ต้องลำบาก ต้องเหนื่อย อารมณ์เสีย ซึ่งจะทำให้กำลังบุญของเราลดน้อยถอยลง

ดังนั้น ในส่วนของสังฆทานเวียนที่เขาเตรียมเอาไว้ จึงเป็นทางออกที่ดีที่สุดว่าเราไม่ต้องเหนื่อย ไม่ต้องลำบากในการหอบหิ้วขนย้าย ที่สำคัญก็คือไม่แพงเหมือนกับไปซื้อเอง อย่างเช่นว่าโยมจะหาพระพุทธรูปแบบนี้ ทรงเครื่องปิดทองประดับเพชร ก็องค์ละ ๔๕,๐๐๐ บาท กว่าจะหาเงินขนาดนี้มาได้ก็คงไม่ได้ถวายกันหรอก แต่พอใช้การผาติกรรมแลกเปลี่ยน โดยเฉพาะที่นี่ไม่คิดมูลค่า จะมากจะน้อยแล้วแต่ท่านพอใจ เราก็สามารถเป็นเจ้าของพระองค์ใหญ่ ๆ ได้ ทำให้การสร้างบุญกุศลของเราสะดวกและได้บุญมาก

ฉะนั้น..ของบางอย่างที่เป็นอัตโนมติ คือความเห็นเฉพาะตัวของบุคคลบางคน ฟังดูเหมือนใช่ แต่คราวนี้ใช่ของเขา เราเองต้องใช้ปัญญาพินิจพิจารณา ดูว่าบริบทการกระทำนั้นมุ่งอะไร ก็จะสามารถได้คำตอบที่แท้จริง ถ้าหากสติปัญญาไปไม่ถึงจริง ๆ ก็ถาม แต่ถ้าถามผิดที่ก็เจอเข้าป่าเข้าดงไปเยอะ"

เถรี
01-08-2019, 23:10
ถาม : กรรมที่เกิดจากวาจา เราเคยทำในลักษณะฤๅษีแปลงสาส์น เราเห็นกรรมตรงนี้แล้ว แต่อารมณ์ที่เราจะทำต่อกลับ ยังคลุมเครืออยู่ ?
ตอบ : รู้ว่าเป็นกรรมก็เลิกทำเท่านั้น จะคลุมเครืออะไร ?

ถาม : อยากจะต่อยอดจากตรงนี้ ?
ตอบ : จะต่อยอดอย่างไร ? มีวิธีเดียวก็คือสร้างเวรสร้างกรรมต่อ เราแค่หยุดเท่านั้นก็จบแล้ว

เถรี
01-08-2019, 23:11
มีเด็กใส่แว่นมา "ถ้าไม่อยากใส่แว่นให้ปิดไฟนอน เปิดไฟนอนก็ใส่แว่นแต่เด็กแบบนี้แหละ ม่านตาของเรามีปฏิกิริยาที่ไวต่อแสงมากที่สุด แสงสว่างแม้แต่นิดเดียว ม่านตาก็ขยายตัวเท่ากับว่าทำงาน ทีนี้ไปเปิดไฟนอนเท่ากับม่านตาต้องทำงานทั้งวันทั้งคืน ไม่มีโอกาสได้พักก็พังเร็ว ฉะนั้น...ไม่ต้องแปลกใจว่าเด็กสมัยนี้ใส่แว่นกันตั้งแต่เล็ก เพราะว่าไปเปิดไฟนอน"

เถรี
01-08-2019, 23:12
:cebollita_onion-17::cebollita_onion-17: เก็บตกเดือนกรกฎาคม ๒๕๖๒ หมดแล้วค่ะ :cebollita_onion-17::cebollita_onion-17:
ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย ทาริกา คะน้า เถรี เผือกน้อย นายกระรอก และน้องผักชี