PDA

View Full Version : เก็บตกจากบ้านเติมบุญ ต้นเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๒


เถรี
04-02-2019, 07:32
ถาม : ถ้าสมมติว่าคนที่มีพ่อแม่ป่วยหนัก ต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล ซึ่งผลตรวจออกมาอย่างไรก็ไม่มีทางรอด และหมอให้เลือกทางรักษา เช่น รักษาแบบประคับประคองโดยไม่ต้องผ่าตัด กับใช้วิธีการผ่าตัด ซึ่งมีความเสี่ยงสูง ถ้าคนที่จำเป็นต้องเลือกวิธีการรักษา ทั้งที่รู้ว่าพ่อแม่ไม่รอดทั้ง ๒ วิธี จะมีโทษอนันตริยกรรมหรือไม่ และควรทำอย่างไรครับ ?
ตอบ : ถ้าคิดฆ่าพ่อแม่ก็มีโทษอนันตริยกรรม ถ้าไม่คิดฆ่า รักษาหรือไม่รักษาก็อยู่ที่เรา ถ้าเป็นอาตมาก็ไม่ต้องรักษา เพราะอย่างไรท่านก็ตาย เสียเงินเปล่า ๆ..!

เถรี
04-02-2019, 07:32
ถาม : อาจารย์ให้โจทย์ทำวิทยานิพนธ์ เรื่องสีทากันเพรียงสำหรับกองทัพเรือที่สัตหีบมาค่ะ อยากขอคำแนะนำจากหลวงพ่อค่ะ และควรทำอย่างไรเพื่อไม่ให้เป็นบาปคะ ?
ตอบ : สีทากันเพรียง ไม่ได้ทาฆ่าเพรียง ก็ทำไปสิวะ..!

เถรี
04-02-2019, 07:33
ถาม : มีข้อสงสัยในระหว่างที่ถือศีล ๘ นั้น ในการดูวีดิโอหรือคลิปที่เป็นเนื้อหาเกี่ยวกับความรู้ทางวิชาการนั้น ทำให้ศีลด่างพร้อยหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ถ้าหากว่านับแล้ว ด่างพร้อยทั้งหมด

ถาม : การจับมือถือแขนของคู่สามีภรรยาในระหว่างที่ถือศีลนั้น ทำให้ศีลด่างพร้อยหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ขาดเลย ถือว่าตั้งใจละเมิดพรหมจรรย์

เถรี
04-02-2019, 07:41
ถาม : บทสวดมนต์และพระสูตรต่าง ๆ ถ้าผู้สวดเป็นพระอริยเจ้าขึ้นไป จะได้รับหรือทำให้เกิดอานิสงส์มากกว่าคนธรรมดาหรือไม่ครับ ?
ตอบ : ถ้าหากว่าผู้บริสุทธิ์มากกว่า แล้วตั้งใจสร้างความดี อานิสงส์ก็ย่อมมีมากกว่า

ถาม : บทสวดโพชฌงค์ ไม่ว่าจะสวดเองหรือฟัง ทำอย่างไรจึงจะสดชื่น หายจากอาการเจ็บป่วยได้นาน ๆ ดังที่ปรากฏตามบทสวด ไม่ใช่เพียงแค่เวลาขณะหนึ่งที่ไม่นานนักครับ ?
ตอบ : เข้าสมาธิสักระดับฌาน ๔ หรือสมาบัติ ๘ แล้วไม่ถอนออกมา จะเอานานแค่ไหนก็ได้

เถรี
04-02-2019, 07:41
ถาม : นอกจากการทรงฌานแล้ว ผู้หญิงควรจะทำเช่นไร จึงจะลดหรือกำจัดอาการคิดมาก คิดเล็กคิดน้อย คิดไปเรื่อย และลดการกระทบกระทั่งทางใจ ซึ่งมาจากจิตใจที่ละเอียดอ่อนมากกว่าผู้ชาย ?
ตอบ : ไปอยู่คนเดียว เพราะอยู่หลายคนแล้วคิดมาก..! ถ้าอยู่คนเดียว คิดคนเดียวก็คิดไม่มาก

เถรี
04-02-2019, 07:43
ถาม : คาถามหาประสาน สามารถใช้ใบตองที่ยังสดมีสีเขียวอยู่ เช่น ที่ขายในตลาดหรือแหล่งอื่น ๆ ได้ไหมครับ ?
ตอบ : อย่างไรก็ได้ ให้เป็นใบตองสดก็แล้วกัน

เถรี
04-02-2019, 07:45
ถาม : ได้นำลูกประคำมือ ไม้โพธิ์ที่มียันต์นะโมตาบอด คล้องไว้มือพระพุทธรูปปางอภัย โดยนำลูกประคำที่มียันต์นะโมอยู่บนสุดตั้งขึ้นแล้วก็ไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าขึ้นลงบ้านจากผู้ไม่มีรูปร่างอีกเลย จะเป็นเหตุเกี่ยวเนื่องกันหรือไม่ครับ ?
ตอบ : ต้องลองเอาออกดู ถ้าเอาออกแล้วได้ยินอีกก็ใช่

เถรี
04-02-2019, 07:52
ถาม : อัตตาหิ อัตตโน นาโถ แปลว่า ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน และ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา แปลว่า ทุกอย่างไม่เที่ยง เป็นทุกข์ และไม่ใช่ตัวตน ผมอยากทราบว่า ทำไมประโยคแรกมีอัตตาที่แปลว่าตัวตน แต่ประโยคที่สองบอกว่าทุกอย่างเป็นอนัตตา ซึ่งมีความย้อนแย้งกันและทำให้ผมสับสน ขอหลวงพ่อเมตตาอธิบายทีครับ ?
ตอบ : ก็เพราะว่ามึงโง่..! อัตตาหิ อัตตโน นาโถ ท่านให้พึ่งตนเองก็พึ่งแค่ชาตินี้ พอหมดจากชาตินี้แล้วเหลืออะไรให้พึ่งเล่า ? และสำคัญที่สุดก็คือ ถ้าไม่พึ่งตัวเองตะเกียกตะกายให้เต็มที่ แล้วจะหลุดพ้นไปได้อย่างไร ?

เถรี
04-02-2019, 07:53
ถาม : ผมสงสัยว่านักปฏิบัติเจริญวิปัสสนา จำเป็นต้องพิจารณาปฏิจจสมุปบาทไหมครับ ? เพื่อจะได้รู้เหตุรู้ผล และตัดเหตุของความทุกข์ได้ครับ ?
ตอบ : ก็รู้อยู่ว่าร่างกายนี้เป็นสาเหตุ ตัดร่างกายก็จบแล้ว จะไปพิจารณาอะไรให้มากมาย ?

เถรี
04-02-2019, 07:56
ถาม : การที่หลวงพ่อวัดท่าซุงสอนให้เห็นทุกข์ของการเกิดเป็นมนุษย์ และทุกข์ของการเกิดเป็นพรหม เทวดา เพราะยังไม่เที่ยง หมดบุญเมื่อไรก็อาจจะตกนรกก็ได้ ถ้าไม่มีความดีรองรับไว้ และให้ตั้งใจว่าชาตินี้เราจะไปแดนพระนิพพานอย่างเดียว เป็นการพิจารณาปฏิจจสมุปบาทหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ก็ให้ดูว่ามีเหตุมีผลเนื่องกันไหม ? ในเมื่อรู้ว่าเหตุคือความทุกข์ เราพยายามจะหนีทุกข์ ก็ต้องใช่อยู่แล้ว

เถรี
04-02-2019, 07:57
ถาม : อยากทราบว่าเวลาเรารู้ตัวว่ากำลังคิดชั่ว และหยุดความคิดได้ด้วยมรณานุสติ จัดว่าเป็นสังขารุเปกขาญาณหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : จัดเป็นมรณานุสติ สังขารุเปกขาญาณนั้นปล่อยวางการปรุงแต่ง คือความนึกคิดต่าง ๆ ของใจ ไม่ใช่หยุดความคิด

เถรี
04-02-2019, 07:57
ถาม : พระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ปฐมทรงมีมหาปุริสลักษณะ อนุพยัญชนะ พระญาณต่าง ๆ มากกว่าหรือเหนือกว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์อื่นหรือไม่ครับ ?
ตอบ : เหมือนกันเพียงแต่รวยกว่า คำว่ารวยกว่าก็คือสร้างบารมีมานานกว่า

เถรี
04-02-2019, 07:58
ถาม : ถ้าพุทธภูมิชาติก่อนเคยได้ปฐมฌาน ชาตินี้จะต้องผ่านปีติทั้ง ๕ อีกรอบหรือไม่ครับ ?
ตอบ : ส่วนใหญ่แล้วต้องเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ทั้งหมด เพียงแต่ได้เร็วกว่าคนที่ไม่เคยผ่านมาก่อน

เถรี
04-02-2019, 07:59
ถาม : เมื่อหลายปีก่อนผมเคยนั่งสมาธิแบบพองยุบ รู้สึกว่ามีสมาธิกับการพองยุบบ้าง แล้วก็ไม่มีบ้าง ปะปนกัน แต่ไม่รับรู้ภายนอก พอเลิกได้มานอนเล่น ทันทีที่นอนเล่นกลับเกิดความรู้สึกหวิวสะท้านในอก มีความสุขอย่างบอกไม่ถูกอยู่ในตัว ผมไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อนในชีวิต สักประมาณนาทีสองนาที เกิดความสงสัยว่านั่นคือขุททกาปีติ ปีติอื่น หรือสุขในองค์ฌานหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ก็ต้องพิจารณาดูว่าตอนนั้นอารมณ์ใจของเราเป็นอย่างไร ถ้าหากว่าตัวเรายังบอกไม่ได้ คนอื่นก็บอกไม่ได้เหมือนกัน

ถาม : ทำไมความรู้สึกนั้นถึงมาหลังจากผมไม่ได้ภาวนาตั้งสมาธิใด ๆ เลยครับ ?
ตอบ : ตอนแรกตั้งใจมากจนเกินไป เมื่อเลิกความตั้งใจนั้นกำลังใจก็ลงช่องพอดี

ถาม : คนที่พบปีติทั้งครบห้าประการ เช่น พุทธภูมิหรือผู้ฝึกอภิญญา ปีติจะมาปรากฏแบบเรียงลำดับตามตำรา หรืออาจจะสลับไปมาแต่ครบทั้งห้าครับ ?
ตอบ : สลับไปสลับมา ไม่จำเป็นต้องไปตามลำดับ

เถรี
04-02-2019, 08:00
ถาม : การทำบุญวันเกิด มีถวายสังฆทาน และพระท่านอาจจะสวดมนต์ให้พรมากกว่าปกติบ้าง ถ้าตรงกับเสาร์ ๕ จะมีผลร้ายหรือไม่ครับ ?
ตอบ : ทำความดีวันไหนก็ทำได้ ทำเมื่อไรก็ดีเมื่อนั้น

เถรี
04-02-2019, 08:06
ถาม : โดยปกติผมจะชินกับการจับลมหายใจพร้อมกับคำภาวนาพุทโธ แต่พอผมมาภาวนาพระคาถาเงินล้าน ควบคู่กับการจับลมหายใจ ช่วงที่หายใจเข้าออก คำภาวนาพุทโธโผล่เข้ามาด้วยพร้อมกับการภาวนาพระคาถาเงินล้าน ผมควรจะปล่อยให้เป็นตามนี้หรือต้องปฏิบัติแบบไหนครับ ?
ตอบ : ถ้าอยากได้ผลของพระคาถาเงินล้าน ก็ต้องทิ้งพุทโธไปก่อน ว่าคาถาเงินล้านจบเมื่อไรแล้วค่อยกลับมาพุทโธใหม่

เถรี
04-02-2019, 08:06
ถาม : โรงเรียนที่ตั้งอยู่ในเขตวัด หรือโรงเรียนวัด ได้ปลูกต้นไม้ชนิดต่าง ๆ เอาไว้ใช้กินใช้สอยในโรงเรียน หากครูและนักเรียนนำมารับประทานหรือนำกลับบ้าน จะติดหนี้สงฆ์หรือไม่ครับ ?
ตอบ : โรงเรียนไม่ใช่วัด ถ้าหากว่าคนปลูกไม่ใช่พระก็หมดปัญหาไป แม้ว่าจะอยู่ในเขตวัดก็ตาม เพราะว่าวัดตั้งใจให้ส่วนนั้นเป็นที่ตั้งของโรงเรียนไปแล้ว แต่ถ้าหากว่าพ้นจากการเป็นโรงเรียนเมื่อไร พื้นที่นั้นกลับเป็นของวัด ทุกอย่างถือเป็นของสงฆ์เหมือนเดิม

เถรี
04-02-2019, 08:07
ถาม : ถ้าเราคิดอยากจะสร้างวิหารพระพุทธรูปบนเนื้อที่ที่บ้านของตนเองเพื่อเป็นพุทธบูชา กราบเรียนถามพระอาจารย์ว่า สามารถสร้างได้หรือไม่ครับ ผิดอะไรไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าสร้างหลังเล็กจะผิดมาก ต้องสร้างหลังใหญ่ ๆ..!

เถรี
04-02-2019, 08:08
ถาม : ผมเคยติดค้างเงินเพื่อนไว้ประมาณสามพันกว่าบาท ผมจะใช้คืนเพื่อน เพื่อนบอกว่าไม่เป็นไร ไม่ต้องให้คืน เเล้วผมบอกกับเพื่อนว่า ถ้าอย่างนั้นผมจะนำเงินของเพื่อนไปทำบุญให้ ทำบุญอะไรเเล้วเเต่ผม เเละผมจะเเจ้งให้ทราบ เเต่เวลาผ่านมานานประมาณสามปีแล้ว ตอนนี้ผมตั้งใจจะนำเงินไปทำบุญ อยากกราบเรียนถามพระอาจารย์ครับว่า ผมต้องนำเงินไปทำบุญเท่าจำนวนที่ค้างเพื่อนไว้ หรือผมจะต้องทำเพิ่มขึ้นจากเดิมอีก เพราะเวลาผ่านมาหลายปีแล้วครับ ?
ตอบ : ให้ดูว่าสามพันบาทช่วงนั้นซื้อทองได้เท่าไร แล้วเอาทองจำนวนนั้นคูณด้วยราคาทองในปัจจุบัน ก็จะเป็นจำนวนยอดเงินที่เราต้องเอาไปทำบุญให้เขา

เถรี
04-02-2019, 08:08
ถาม : พระปางเปิดโลกมีอานุภาพด้านใดครับ ?
ตอบ : ตั้งใจบูชาก็ พุทธะปูชา มะหาเตชะวันโต การบูชาพระพุทธเจ้าย่อมมีเดชมีอำนาจมาก แต่บางคนเชื่อว่า บูชาพระปางเปิดโลกแล้วช่วยให้เส้นทางชีวิตสะดวกสบายกว่าปางอื่น ก็แล้วแต่เขาจะเชื่อถือกัน

เถรี
04-02-2019, 08:09
ถาม : ตอนนี้ที่ห้องเช่ารู้สึกเหมือนถูกรบกวนทั้งจากเสียงของคนข้างห้องและจากผู้ที่มองไม่เห็น ลูกขอคำแนะนำในการคิดและการวางกำลังใจด้วยค่ะ ?
ตอบ : หาสำลีมาอุดหูซะ..!

เถรี
04-02-2019, 08:09
ถาม : หนูมักจะคิดฟุ้งซ่านจากข่าวที่ได้ยินและได้เห็น ขอคำแนะนำหลวงพ่อในการวางกำลังใจด้วยค่ะ ?
ตอบ : ไม่รู้ไม่เห็นก็จบแล้ว

เถรี
04-02-2019, 08:11
พระอาจารย์กล่าวว่า “ส่วนใหญ่แล้วพวกเรามักจะฟุ้งซ่านไม่เข้าท่า เรื่องของการรู้การเห็นเกิดจากเราวางอารมณ์ตรงช่องนั้นพอดี โดยเฉพาะในสิ่งที่ไม่สามารถที่จะรู้เห็นได้เห็นทั่วไป เราก็แค่ลดกำลังใจลงมา หรือไม่ก็เพิ่มกำลังใจขึ้นไป พ้นจากจุดนั้นไปก็ไม่รู้ไม่เห็นแล้ว

อยากจะแนะนำว่าทรงปฐมฌานไว้จะดีที่สุด เพราะว่าทำการทำงานทุกอย่างก็ได้ คนปกติหรือว่าสรรพสัตว์ทั้งหลายจะสร้างเสียงรบกวนเท่าไร เราก็ไม่รำคาญ แล้วขณะเดียวกันก็จะอยู่ในจุดที่ไม่สามารถที่จะรับรู้เรื่องในโลกทิพย์ต่าง ๆ ได้ เพราะว่ากำลังสูงเกินกว่าอุปจารสมาธิซึ่งเป็นจุดรับรู้ แต่ก็ต่ำกว่าฌาน ๔ ซึ่งเป็นจุดรับรู้อีกจุดหนึ่ง ก็แค่ลองเพิ่มขึ้นลดลงนิดหน่อยก็พ้นจากภาวะนั้นไปแล้ว

แต่ส่วนใหญ่แล้วพวกเราขาดความกล้าที่จะทำ หรือไม่ก็ขาดการซักซ้อม ทำให้ไม่เข้าใจ ก็เลยต้องมาเสียเวลาถามกันอยู่บ่อย ๆ”

เถรี
04-02-2019, 08:23
ถาม : คนที่มีกำลังสมาธิสูงกว่า จะสามารถโน้มน้าวคนที่มีสมาธิต่ำกว่าได้ แต่ถ้าเป็นสมาธิชั่วคราว ผลการโน้มน้าวจะเป็นอย่างไร ?
ตอบ : ก็ได้ชั่วคราวเหมือนกัน เพียงแต่ว่าตัวเองจะหมดสภาพ ให้สังเกตดูว่าถ้าเราทุ่มเทกำลังใจมาก ๆ ถึงเวลาเราเองนั่นแหละ ที่เหนื่อยเหมือนกับทำงานมาทั้งวันทั้งคืน

เถรี
04-02-2019, 08:24
ถาม : กรณีที่อาราธนาคุณพระหรือใช้สีผึ้งเพื่อการโน้มน้าว ?
ตอบ : เหมือนกัน เพราะว่าต้องมีกำลังใจของเรารองรับ อานุภาพของวัตถุมงคลถึงจะแสดงได้เต็มที่ คราวนี้ต้นทุนของเราน้อย แต่ดันไปซื้อของราคาแพงมาก ก็แปลว่าต้องหมดสภาพไปพักหนึ่ง

เถรี
04-02-2019, 08:25
พระอาจารย์กล่าวว่า “ส่วนมากแล้วปัญหาในการปฏิบัติธรรม ถ้าเราตั้งใจทำจริง ๆ จะได้คำตอบในตัวอยู่แล้ว เพราะว่าพอทำถึงก็จะหายสงสัย แต่ส่วนใหญ่แล้วมักจะสงสัยโดยไม่ทำ ซึ่งจะมีโทษมากกว่าประโยชน์ ถ้าเราทำแล้วติดขัดตรงไหนค่อยมาถาม ก็จะแก้ไขจุดติดขัดของเราไปได้ ก่อให้เกิดประโยชน์คือมีความก้าวหน้าในการปฏิบัติ

แต่ถ้าเราถามแล้วค่อยไปทำ จะทำให้ทำได้ช้ามากเพราะว่าเราจะไปฟุ้งซ่าน ถึงเวลาก็จะไปเปรียบเทียบว่าท่านบอกมาอย่างนี้ ท่านตอบมาอย่างนี้ ขั้นตอนเป็นอย่างนี้ ตอนนี้เราทำถึงตรงไหนแล้ว โอกาสที่จะเข้าถึงตามที่ตนเองต้องการก็จะยากขึ้น เพราะฉะนั้น..ให้ทำ ติดขัดแล้วค่อยถาม อย่าถามแล้วค่อยไปทำ เพราะว่าโทษจะมีมากกว่า”

เถรี
04-02-2019, 08:26
พระอาจารย์กล่าวว่า “ท่านใดที่ไปซื้อหน้ากากกันฝุ่นเอาไว้ อาตมายืนยันว่าไม่ต้องใช้ ร่างกายเราเก่งพอ สามารถจัดการกับฝุ่นได้ ไอ้ที่ฮือฮากันขึ้นมาเพราะว่าเขาอยากจะขายหน้ากากเท่านั้นเอง”

เถรี
04-02-2019, 10:50
พระอาจารย์กล่าวว่า “การที่วัดจัดงานในวันเสาร์อาทิตย์นั้น สะดวกแก่ญาติโยมที่ไปร่วมงาน แต่ไม่ค่อยสะดวกกับพระที่จะไป เพราะว่าส่วนใหญ่ญาติโยมก็มักจะนิมนต์พระทำบุญกันวันเสาร์อาทิตย์เหมือนกัน ดังนั้น..ก็ขึ้นอยู่กับว่าใครนิมนต์ได้เร็วกว่า ส่วนใหญ่แล้วพระผู้ใหญ่ในกรุงเทพฯ แนะนำว่า ถ้านิมนต์ให้นิมนต์ในวันศุกร์ ถามว่าทำไม ? วันศุกร์เขาไม่เผาศพ อย่างน้อย ๆ ก็ไม่มีงานศพมาขวาง

เรื่องของการไม่เผาศพวันศุกร์มีคติอยู่สองอย่างด้วยกัน อย่างแรก..ไม่ทราบเหมือนกันว่าเขาไปเอามาจากไหน เขาบอกว่าพระพุทธเจ้าเกิดวันศุกร์ เพราะฉะนั้น..ไม่ควรที่จะเผาศพวันศุกร์ซึ่งเป็นวันเกิดของพระพุทธเจ้า..! ส่วนอีกคติหนึ่งเชื่อว่า วันศุกร์มีคำว่า “สุข” ซึ่งไม่ใช่ความทุกข์อยู่ เพราะฉะนั้น..ไม่ควรที่จะไปเผาศพซึ่งเป็นความทุกข์ของบุคคลที่รักของเขา”

เถรี
04-02-2019, 10:51
พระอาจารย์กล่าวว่า “เรื่องการถือมงคล ถ้าจะถือให้ถือตามพระพุทธเจ้า ก็คือมงคล ๓๘ ในมังคลสูตร ตั้งแต่อย่าคบคนพาล ให้คบบัณฑิต บูชาบุคคลที่ควรบูชา ไปจนกระทั่งถึงการปฏิบัติธรรม ทำพระนิพพานให้แจ้ง ทำให้สภาพจิตไม่หวั่นไหวในการกระทบโลกธรรม มีความผ่องใส มีความเบิกบานเป็นปกติ ส่วนมงคลอื่น ๆ นั้น ไม่ใช่เรื่องที่ยั่งยืน ถ้าเราถือสาบางทีก็ทำอะไรลำบาก

อาตมาเจอบางคนศึกษาวิชาพรหมศาสตร์มา ไม่เดินทางเลย เพราะว่าห้ามลอดสะพาน แล้วสมัยนี้ไปด้านไหนก็มีแต่สะพานลอย กลายเป็นว่าสร้างความลำบากให้กับชีวิตตัวเอง เวลาเดินก็ต้องคอยมอง มีอะไรที่ทำมุมเป็นสามเหลี่ยมบ้าง จะได้ไม่เดินลอด ดูแล้วน่าเครียดมากเลย”

เถรี
04-02-2019, 10:53
ถาม : ผู้หญิงที่ปรารถนาพุทธภูมิต้องบำเพ็ญบารมีอีกนานไหมครับจึงจะสำเร็จ ?
ตอบ : นานกว่าผู้ชายเป็นเท่าตัว เพราะว่าถ้าหากว่าไม่ใช่เนื่องด้วยคำอธิษฐานหรือกรรมที่สร้างไว้ ต้องเป็นอุปบารมีถึงจะเกิดเป็นผู้ชาย

ถาม : แปลว่าขั้นต้นก็ยังไม่เป็นผู้ชาย ?
ตอบ : ยังเป็นผู้หญิงอยู่ ยกเว้นบรรดาท่านที่เป็นปรมัตถบารมีแล้วยังต้องเป็นผู้หญิง อย่างเช่นว่าเนื้อคู่พระโพธิสัตว์หรือผู้ที่ตั้งใจขอเป็นพระพุทธมารดา

เถรี
05-02-2019, 08:24
พระอาจารย์กล่าวว่า “เกิดเป็นหญิงแท้จริงแสนลำบาก..ใช่ไหม ? อย่างน้อยก็ทุกข์กว่าผู้ชาย ๕ อย่าง พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า หนึ่ง..ต้องมีระดู เวลาผู้หญิงมีรอบเดือนนี่รู้สึกหงุดหงิดรำคาญไปหมด สอง..ต้องตั้งครรภ์ สาม..ต้องบำเรอสามี สี่..ต้องเลี้ยงบุตร ห้า..ต้องดูแลญาติของสามี

เพราะฉะนั้น..สมัยนี้หาผู้ชายสวย ๆ ดีกว่านะ ทุกข์น้อยลงไปเยอะเลย..! ไม่ต้องมีระดู ไม่ต้องตั้งครรภ์ ไม่ต้องเลี้ยงดูบุตร ทุกข์น้อยลงไปตั้งเยอะ”

เถรี
05-02-2019, 08:33
พระอาจารย์กล่าวว่า “เรื่องของเพศสัมพันธ์ในระหว่างเพศเดียวกัน มีมาตั้งแต่โบร่ำโบราณแล้ว อย่างในบันทึกประวัติศาสตร์จีนเป็นพัน ๆ ปีมาแล้วก็มีอย่างนี้ เขาระบุไว้ชัดเลยว่า บรรดาข้าราชการผู้ใหญ่หรือเศรษฐี จะเลี้ยงดูเด็กผู้ชายในลักษณะของผู้หญิง ถ้าอย่างสำนวนเจ้าพระยาพระคลัง (หน) ใช้คำว่า เอาไว้ “เล่นสวาทกัน” ซึ่งก็คือการมีเพศสัมพันธ์ระหว่างผู้ชายกับผู้ชายด้วยกัน

พระพุทธเจ้าทรงห้ามพระภิกษุนอนใต้ผ้าห่มเดียวกัน ห้ามสัมผัสร่างกายกัน เพราะว่าเกรงเรื่องพวกนี้ ท่านใช้คำว่า “กายะสังสัคคัง” มีกายอันสัมผัสกัน แล้วถ้าหากว่าไม่สัมผัสกัน ไปห่มผ้าผืนเดียวกันก็ไม่อนุญาต พระองค์ท่านกันเอาไว้ทุกอย่าง แต่ก็อย่างที่ปรากฏคือ กันแค่ไหนถ้าหากว่าคิดจะทำ คนเราถ้าไม่ละอายชั่วกลัวบาป ไม่รักศีลตัวเองก็ทำจนได้"

เถรี
05-02-2019, 08:35
“แม้กระทั่งอัจฉริยภาพที่พระองค์ท่านห้ามอุภโตพยัญชนก ก็คือบุคคลที่มีสองเพศในคนเดียวกัน ซึ่งโดยทั่ว ๆ ไปแล้วไม่น่าจะมี แต่ว่ามีจริง ๆ ซึ่งพระองค์รู้ได้อย่างไร ๒,๕๐๐ กว่าปีที่ผ่านมา อุภโตพยัญชนกไม่ใช่บัณเฑาะก์ บัณเฑาะก์คือแค่ผิดเพศ ก็คือตัวเป็นชาย ใจเป็นหญิง เป็นต้น แต่อุภโตพยัญชนกนั้น จะเป็นผู้ชายก็ได้ จะเป็นผู้หญิงก็ได้ สามารถตั้งท้องได้ รับบทของพ่อก็ได้ รับบทของแม่ก็ได้

อาตมาจำไม่ได้แล้ว ตอนนั้นอ่านแล้วไม่ได้ตั้งใจจำรายละเอียด ว่ามีเกาะอยู่แห่งหนึ่ง ซึ่งทุกคนที่อยู่บนเกาะนี้มีสองเพศทั้งหมด จะเป็นผู้หญิงหรือเป็นผู้ชายต้องเลือกเอาเอง”

ถาม : แบบนี้ถือว่าเป็นมนุษย์สมบูรณ์ไหมคะ ?
ตอบ : เขาสมบูรณ์กว่าเราอีก..! สามารถทำในสิ่งที่เราทำไม่ได้

ถาม : ผู้ชายสวยทำบุญพิเศษมากกว่าผู้หญิงสวยอย่างไรคะ ?
ตอบ : พึ่งมีดหมอ..! หรือไม่ก็ถวายดอกไม้พลาสติกบ่อย ๆ

เถรี
05-02-2019, 08:37
สมัยก่อนการผ่าตัดแปลงเพศยังมีน้อยมาก ขนาดช่วงอาตมาอายุยี่สิบกว่าปีแล้ว ก็เพิ่งได้รับรู้เป็นครั้งแรกว่า มีการผ่าตัดแปลงเพศจากผู้ชายให้เป็นผู้หญิง ก็แปลว่าความนิยมต่าง ๆ นี้มาแค่ไม่กี่ปีเท่านั้นเอง แต่เป็นอะไรที่ลำบากสาหัส เพราะไม่ใช่เพศภาวะของตนเอง แล้วอีกอย่างหนึ่ง พอเป็นผู้ชายจะดูแลตนเองให้สวยให้งามเหมือนผู้หญิงอยู่ตลอดก็เป็นเรื่องที่ยาก ลำบาก เหนื่อย สิ้นเปลือง กว่าที่จะสวยมาอย่างที่พวกเราเห็นนี้ ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าเจ็บตัวมากี่รอบ

พอไปผ่าตัดดัดเปลี่ยนแปลงขึ้นมาก็ไม่ยั่งยืน ถึงเวลาก็ต้องไปแก้ไขกันอยู่บ่อย ๆ ไม่ทราบเหมือนกันว่าสร้างเวรสร้างกรรมด้านปาณาติบาตเอาไว้มากมายขนาดไหน ถึงต้องเจ็บตัวเป็นประจำอย่างนั้น บางคนแค่จมูกอย่างเดียวก็ผ่าแล้วผ่าอีก เขาบอกว่าพอผ่านไป ๒-๓ ปี ผิวหนังและกล้ามเนื้อมีการเปลี่ยนแปลง จมูกก็เสียรูป ต้องไปทำใหม่อีกแล้ว

เถรี
05-02-2019, 08:39
พระอาจารย์หยิบรูปหลวงปู่ไดโนเสาร์ “หลวงปู่ไดโนเสาร์ คนชอบไปถามปัญหาแล้วโดนหลวงปู่อัดหงายท้องมาทุกราย เห็นพระแก่ ๆ บ้านนอกบ้านนา แต่หารู้ไม่ว่าท่านเป็นพระระดับไหน”

เถรี
05-02-2019, 08:41
พระอาจารย์กล่าวว่า “เรื่องของการบวชที่ท่านถาม อะนะโณสิ มีหนี้หรือเปล่า ? เพราะไม่อย่างนั้นเดี๋ยวจะหนีหนี้ไปบวชกันมาก แล้วก็จะเป็นที่ครหานินทา ดังนั้น..ถ้าใครเป็นหนี้เป็นสินอยู่แล้วจะบวช ให้หาคนรับภาระหนี้นั้นแทนให้ได้ก่อน เพราะในระหว่างที่บวช ถ้าหากว่าถึงเวลาที่ต้องจ่าย ก็ให้บุคคลนี้รับภาระแทน ถ้าเป็นอย่างนี้เราก็สามารถที่จะบวชได้”

เถรี
06-02-2019, 08:52
ถาม : วันไหว้ครูผมติดเรียน ถ้าผมจะตั้งเครื่องบูชาที่บ้านได้ไหมครับ ?
ตอบ : เขาก็ทำอย่างนั้นกันทั้งนั้นแหละ ส่วนใหญ่การรับยันต์เกราะเพชรไม่จำเป็นต้องไปที่วัด อยู่มุมไหนของโลกถ้าตั้งใจรับด้วยความเคารพก็ได้ทั้งนั้น ถึงเวลาก็ตั้งเครื่องบูชาแล้วภาวนาสัก ๓๐ นาที ตั้งใจว่าบารมีอะไรที่พระท่านสงเคราะห์มา เราขอรับไว้ทั้งหมด

เถรี
06-02-2019, 09:02
พระอาจารย์เล่าว่า "หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านเคยคุยเรื่องพระมเหศวร พระมเหศวรสมัยอาตมาเด็ก ๆ เขาเรียกว่า พระสวน ก็คือด้านหน้าองค์หนึ่งด้านหลังองค์หนึ่ง แล้วก็หันเศียรไปคนละทิศ แต่คราวนี้พอพวกเสือฝ้ายดังขึ้นมา ในหมู่นั้นก็มีเสือมเหศวรอยู่ด้วย แล้วเขาก็ใช้พระรุ่นนี้ คนก็เลยเรียกพระมเหศวรมาตลอด

หลวงพ่อท่านบอกว่า สมัยที่ท่านไปช่วยทางตำรวจปราบพวกโจรผู้ร้าย มีโจรอยู่คนหนึ่งยิงอย่างไรก็ยิงไม่ออก จะคัดของก็แล้ว จะอะไรก็แล้ว ยิงไม่ออกทั้งนั้น ปรากฏว่าวันนั้นโจรโดนยิงตาย หลวงพ่อวัดท่าซุงพอได้ข่าวก็รีบไปดู คนที่ยิงโจรตายก็คือร้อยตำรวจเอกขุนบำราบปรปักษ์ ก็ถามว่าท่านขุนทำอย่างไร ? ท่านบอกว่า “ผมก็ไม่ได้ทำอย่างไรหรอกครับ ผมก็ยิงตามปกตินี่แหละ...แต่มันตาย”

หลวงพ่อท่านบอกว่า ปกติไอ้นี่จะหลับจะตื่นก็ยิงไม่ออกทั้งนั้น ท่านขุนบอกว่า "ครับ...ตอนนี้ก็ยิงไม่ออก" ท่านบอกให้ขยับศพออกจากที่ศอกหนึ่ง ยิงศพเท่าไรก็ยิงไม่ออก ท่านก็เลยถามท่านขุนว่าเป็นเพราะอะไร ? ท่านขุนก็บอกตรงนี้น่าจะเป็นที่ตายของเขา ถ้าพ้นจากตรงนี้ไปแม้แต่คืบเดียว ก็ไม่มีทางทำอะไรเขาได้เลย ก็คือเขาถึงที่จริง ๆ ถึงไปอยู่ตรงนั้น แล้วดวลกับท่าน ขยับศพออกจากที่ศอกเดียวก็ยิงไม่ออกเหมือนเดิม

อาตมาถามหลวงพ่อท่านว่า "โจรเขาใช้วัตถุมงคลหรือเครื่องรางของอะไร ?" ท่านบอกว่าพระมเหศวร แต่คราวนี้ที่ใช้ได้ขนาดนั้นไม่ใช่เฉพาะพระเครื่อง ต้องเป็นกำลังใจของเขาด้วย คงมีการอาราธนาลักษณะชักพระเข้าตัว ซึ่งสมัยนี้ของเราก็เหมือนกับที่อาตมาสอนให้พวกเราภาวนากำหนดภาพพระนั่นแหละ สมัยก่อนเรียกว่า ชักพระเข้าตัว ใครทำได้ก็จะมีอานุภาพมากกว่าคนอื่น"

เถรี
06-02-2019, 09:09
ถาม : หลวงพ่อนำอธิษฐานเวลาทำกรรมฐานว่า ขอให้รู้เหตุนั้นโดยไม่ต้องกำหนดจิต ปรากฏว่ามีผลจริง ๆ ครับ วันนั้นขึ้นมอเตอร์ไซค์ อยู่ ๆ ภาพพระก็สวนขึ้นมาเลย ก็เลยตกใจ ไม่ทันจะทำอะไร ปรากฏว่ามีรถมาเฉี่ยวตัว ห่างไปนิดเดียว ?
ตอบ : บางอย่างเราจำเป็นต้องรับรู้ ไม่อย่างนั้นก็ตั้งหลักไม่ทัน มีอยู่เที่ยวหนึ่งอาตมาไปกับหัวหน้าประเดิมชัย คุยงานกันไปตลอดทาง ไปถึงตลาดเขตเรื่องหมดพอดี อาตมาก็หลับตานึกถึงพระจะภาวนา เอ๊ะ...ทำไมพระท่านแตกลายงาทั้งองค์ ลืมตาขึ้นมาจะบอกให้หัวหน้าเดิมระวัง ไม่ทันแล้ว เสียงเปรี๊ยะ...! กระจกหน้าแตกทั้งบานเลย

เถรี
06-02-2019, 20:52
พระอาจารย์กล่าวว่า "เดี๋ยววันนี้คุณชลทิตก็คงจะมาอธิบายว่าจะทำพิพิธภัณฑ์ออกไปในรูปแบบไหน พอดีหม้อแปลงเราติดตั้งเสร็จ งานเขาก็คงได้ใช้พอดี

ตอนแรกที่เราติดตั้งหม้อแปลงที่วัด ๒๕๐ kVA นายก อบต. ของเราบอก “อาจารย์..อะไรจะขนาดนั้น ของผมทั้งตำบลเพิ่งจะ ๑๖๐ kVA เอง” ปรากฏว่า ๒๕๐ kVA ที่เราว่า พอถึงเวลาพื้นที่พิพิธภัณฑ์ ๑๖,๐๐๐ ตารางเมตร ต้องใช้เครื่องปรับอากาศประมาณ ๕๐ ตัว ถ้าเปิดพร้อมกันนี่ไฟไม่พอแน่นอน ก็เลยต้องใช้หม้อแปลงอีกใบหนึ่ง

แต่ไม่นึกว่าราคาจะขึ้นไปโหดขนาดนี้ ๑๐ ปีที่แล้วหม้อแปลงใบเก่าราคาล้านเศษ ๆ ส่วนใบนี้ราคา ๒ ล้าน ๖ แสนกว่าบาท เขาลดราคาลงมาเหลือ ๒ ล้าน ๒ แสนกว่าบาท ยังดีว่ามีลดราคาให้"

เถรี
06-02-2019, 21:03
พระอาจารย์เล่าว่า "สมัยอาตมายังทำงานอยู่ ช่วงตรุษจีนกับสงกรานต์ กรุงเทพฯ เกือบจะเป็นเมืองร้าง ขึ้นรถแท็กซี่เขาบ่นเลย “พี่...ทำไมถึงน่ากลัวอย่างนี้” ถามว่า "น่ากลัวตรงไหน ?" เขาบอก "วังเวงมากเลย"

สมัยนั้นตรุษจีนเขานิยมหยุดกัน ๖ วัน ก็คือหยุดตั้งแต่ชิวอิดจนถึงชิวลัก หลัง ๆ ความบีบคั้นทางเศรษฐกิจมีมากขึ้น การหยุดก็น้อยลง พอสองค่ำก็คือชิวยี่เปิดงานกันแล้ว พอมาระยะหลัง ๆ ก็ไม่หยุดด้วย ก็คือสมัยก่อนเจ้านายหรือเถ้าแก่ส่วนใหญ่เชื้อสายจีน การหยุดก็จะหยุดช่วงตรุษจีนเป็นหลัก มีการแจกโบนัสที่เรียกกันว่า "แต๊ะเอีย"

พอมาระยะหลัง ๆ เจ้าของกิจการมีมาก คนไทยมีมากขึ้น ไม่ได้ใส่ใจเรื่องแบบธรรมเนียมอย่างจีน เถ้าแก่รุ่นเก่า ๆ ก็ล้มหายตายจากไป ช่วงหลัง ๆ ไม่กี่ปีมานี้ความสำคัญของตรุษจีนก็หายไป รู้อยู่อย่างเดียวว่าพอถึงตรุษจีนก็จะมีซองแดงแจกกัน แต่ว่าเป็นการแจกตามธรรมเนียมเท่านั้น ไม่ใช่โบนัสเป็นชิ้นเป็นอันเหมือนกับสมัยก่อน

บางกงสีก็คือบริษัทใหญ่หน่อยก็แจกทองคำเลย สมัยนี้ก็ให้กันเพราะเป็นธรรมเนียม และไม่ได้หยุดมากมายเหมือนสมัยก่อน ตรุษจีนก็แทบจะไม่มีคนรู้สึกถึงความต่าง นอกจากว่าพอวันจ่าย - วันไหว้ก็รู้ว่าแถวเยาวราช จักรวรรดิ อย่าได้เข้าไปเพราะว่ารถติดมาก"

เถรี
06-02-2019, 21:06
"สมัยนี้ก็เหลือความสำคัญอยู่ที่สงกรานต์ พอรัฐบาลประกาศให้สงกรานต์หยุดได้ ๓ วันติดกัน ถ้ามีคาบเกี่ยวเสาร์-อาทิตย์ด้วยก็ได้เกิน ๓ วัน ส่วนใหญ่แล้วตอนนี้บรรดาผู้ใช้แรงงานก็มักจะเป็นชาวอีสาน ซึ่งจะพากันกลับบ้านตอนช่วงสงกรานต์ จึงทำให้รถติดหนักตอนสงกรานต์

ส่วนประเพณีจีนที่ยังทำให้รถมีปัญหาก็คือเช็งเม้ง เพราะส่วนใหญ่บรรดาฮวงซุ้ยต่าง ๆ ที่เหมาะจะทำหลุมฝังศพบรรพบุรุษ มักจะอยู่แถวสระบุรี แถวชลบุรี สระบุรีนี่จะได้ภูเขา ชลบุรีนี่จะได้ทะเล แนวเขาทุกแนวเขาถือว่าเป็นมังกร ถ้าหากว่ามังกรลงทะเลได้ก็แปลว่าเจริญรุ่งเรืองสุด ๆ ก็เลยทำให้ถึงเวลาลูกหลานจีนไปไหว้ฮวงซุ้ย ซึ่งจริง ๆ ก็คือหลุมศพ

ฮวงซุ้ยหรือเฟิงสุ่ยของจีนจริง ๆ เป็นศาสตร์ในการดูภูมิประเทศว่า ที่ไหนดี ที่ไหนไม่ดี ซึ่งเรื่องอย่างนี้จะว่าไปแล้วก็มีในทุกชาติทุกภาษา เพียงแต่ว่าถือกันมากบ้างน้อยบ้าง ในเมื่อแห่กันไปพร้อม ๆ กัน ส่วนใหญ่ก็ลูกหลานเชื้อสายจีน แม้จะมีความเป็นไทยมากแล้ว ไล่ขึ้นไปก็ยังมีอากงอาม่ากันอยู่ดี ปีหนึ่งก็ถือว่าไปรวมญาติกันทีหนึ่ง ก็ไปไหว้สุสาน ทำให้รถราติดกันแหลกลาญ ไม่ว่าจะสายตะวันออกหรือว่าสายตะวันออกเฉียงเหนือ"

เถรี
06-02-2019, 21:11
"บ้านเราเมืองเราคนต่างชาติต่างภาษาเข้ามาอาศัย ก็ได้รับความสุขความสบาย ทำมาหากินสะดวก เพราะว่าเจ้าของแผ่นดินไม่ได้รังเกียจ แต่มาระยะหลังนี้ที่มีปัญหาก็คือบรรดาอิสลามิกชน หรือที่เรียกกันง่าย ๆ ว่ามุสลิม ซึ่งบรรดามุสลิมทั้งหลายไปอยู่ที่ไหนก็ตาม จะทำตัวแปลกแยกจากสังคมนั้น ไม่มีวันที่จะยอมเข้ากับเจ้าของพื้นที่เลย

ปัจจุบันนี้รัฐบาลของเราก็พยายามจะใช้ข้อมูลด้านพหุวัฒนธรรม เอามาเพื่อที่จะให้อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขเหมือนสมัยก่อน แต่ว่าเป็นไปไม่ได้แล้ว เพราะว่าส่วนใหญ่ก็ได้ไปรับการปลุกระดมแล้วก็ฝังหัวด้วยความเชื่อว่า แผ่นดินทุกตารางนิ้วในโลกนี้ พระอัลเลาะห์สร้างมาสำหรับมุสลิมเท่านั้น คนอื่นมาแย่งชิงทรัพยากรต่าง ๆ ที่พระเจ้าสร้างให้คนมุสลิม

เมื่อได้รับการปลูกฝังความเชื่อที่ผิด ๆ ถึงแม้ว่าเราจะเห็นเขาเป็นคนไทยด้วยกัน แต่เขาเองไม่เคยเห็นว่าตัวเองเป็นคนไทย โดยเฉพาะบรรดา ๓ จังหวัด ๕ จังหวัดปักษ์ใต้ ได้รับการปลูกฝังแบบฝังหัวไว้เลยว่า ‘เราเป็นมาลายู คนอื่นเป็นซีแย’ ซีแยก็คือสยาม

ในเมื่อเป็นลักษณะอย่างนี้ ก็ไม่มีวันที่จะอยู่ร่วมกันอย่างสงบได้ โดยเฉพาะปัจจุบันมุสลิมทำตัวแปลกแยกจากสังคมเด่นชัด การแต่งตัวก็ต้องเป็นแบบของเขา ไม่ว่าสากลจะนิยมอย่างไรก็บังคับว่ามุสลิมต้องแต่งตัวแบบนี้ ขนาดปิดหน้าปิดตาจนไม่เห็นอะไรเลย ก็ยังอุตส่าห์ไปทำบัตรประจำตัว อุตส่าห์ไปทำหนังสือเดินทาง ซึ่งไม่มีใครรู้ว่าใต้ผ้าคลุมนั้นหน้าตาเป็นอย่างไร

อาหารการกินก็ต้องฮาลาลเท่านั้น สมัยก่อนคนไทยขายอาหารให้มุสลิมได้ มุสลิมขายอาหารให้คนไทยได้ ปัจจุบันนี้มีแต่มุสลิมขายให้คนไทย คนไทยขายให้มุสลิมไม่ได้แล้ว แม้กระทั่งกล้วยทอดข้างถนนยังจะเอาฮาลาล มึงบ้าหรือเปล่า ?"

เถรี
06-02-2019, 21:14
"การเรียนหนังสือเขาก็ไม่ยอมเรียนหนังสือไทย ต้องเข้าปอเนาะ ต้องเข้าตาดีกา เรียนแต่หนังสือของเขา ก็แปลว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เราพยายามจะทำให้กลมกลืนกันในลักษณะของพหุวัฒนธรรม มุสลิมปฏิเสธเอง แต่พอถึงเวลามีปัญหาก็จะอ้างว่าต้องอยู่ร่วมกันแบบพหุวัฒนธรรม

ดังนั้น...ในส่วนนี้เราจะเห็นได้ชัดเจนว่า มุสลิมทั้งหมดไม่เคยคิดที่จะทำอะไรให้กลมกลืนกับเราเลย เพราะว่าได้รับการปลูกฝังจนมีอคติต่อชนชาติอื่นทั้งหมด ตัวเองไม่ว่าจะไปอยู่อาศัยที่ไหนก็ตาม ก็พยายามที่จะขยายฐานอำนาจของตน โดยที่ไม่ได้ใส่ใจว่าจะกระทบกระทั่งกับเจ้าของพื้นที่เท่าไร

อาตมาฟันธงได้เลยว่า ถ้ายังมีมุสลิมอยู่ ปัญหาที่ปักษ์ใต้ของเราจะไม่มีวันสงบอย่างเด็ดขาด เพราะว่าบุคคลที่ไม่ยอมสงบจริง ๆ ก็คือฝ่ายมุสลิมไม่ใช่คนไทย สรุปว่าทุกวันนี้คนไทยของเราไม่ว่าจะเป็นพระ หรือเป็นฆราวาส เป็นข้าราชการ เป็นฝ่ายโดนกระทำมาตลอด แต่พอทำทีไรมุสลิมก็จะอ้าปากโวยวายขึ้นมาเมื่อนั้น ว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้เกิดจากการรังเกียจกันทางชาติพันธุ์ ซึ่งตนเองเป็นฝ่ายทำเองแท้ ๆ แต่ไปโยนความผิดให้กับเจ้าของประเทศ..!

ก็ขอให้ทุกคนพิจารณาดูว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ที่เกิดขึ้น เราต้องการความรัก ความสามัคคี การอยู่ร่วมกันอย่างสงบ แต่ว่ามุสลิมทั้งหลายเคยต้องการความสงบ ต้องการความรักความสามัคคีกับคนไทยบ้างหรือเปล่า ?"

เถรี
06-02-2019, 21:16
"ปัจจุบันนี้มีกระแสต่อต้านมุสลิมทั้งทางยุโรปและเอเชียบางส่วน ถ้าหากว่ามุสลิมยังทำตัวในลักษณะอย่างนี้ต่อไป นอกจากไม่มีแผ่นดินจะอยู่แล้ว อาจจะถึงขนาดมีการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์กันก็ได้

ตัวอย่างที่เห็นได้อย่างชัดเจนก็คือมุสลิมโรฮิงญาในพม่า ทำตัวแปลกแยก ไม่ยอมเข้ากับเจ้าของพื้นที่ พอถึงเวลาขัดใจขึ้นมาก็ประท้วง ทำร้ายอีกฝ่ายหนึ่ง พอโดนตอบโต้เขาก็โวยวายออกไปสู่โลกภายนอกว่า ตัวเองได้รับการปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม บรรดาองค์กรมุสลิมต่าง ๆ ทั่วโลกก็ช่วยกันตีข่าว ทำให้พม่ากลายเป็นผู้ร้ายทั้ง ๆ ที่เป็นเจ้าของบ้าน แต่ว่ามีโจรเข้ามาทำตัวแปลกแยก เจ้าของบ้านขับไล่โจร กลับโวยวายว่าทำไมไม่ยอมให้เขาอยู่บ้านด้วย ?

ก็ต้องบอกว่าปัจจุบันนี้พม่ากลายเป็นประเทศที่น่าสงสาร ก็คืออยู่ในลักษณะม้าอารีที่รู้ตัวแล้วว่าโดนมุสลิมรุกราน จึงพยายามต่อต้าน แต่ว่ามุสลิมทั้งโลกประสานเสียงกันเป็นเสียงเดียว กดดันองค์กรระหว่างประเทศต่าง ๆ และประเทศที่มีอำนาจให้ช่วยกันคว่ำบาตรพม่า ซึ่งเรื่องทั้งหลายเหล่านี้จะมาถึงเมืองไทยในไม่ช้า ถ้ารัฐบาลของเรายังคงโดนมุสลิมจูงจมูกอยู่ลักษณะอย่างนี้ คาดว่าอีกไม่นานบ้านเราจะมีศาสนาอิสลามเป็นศาสนาประจำชาติ"

เถรี
06-02-2019, 21:34
พระอาจารย์กล่าวว่า "ใครมีผลกระทบจากฝุ่นบ่ายสองครึ่งบ้าง ? เขาบอกว่า PM ๒.๕ อาตมาก็เลยเรียกบ่ายสองครึ่ง เพราะว่าถ้าเช้าก็ต้อง AM"

ถาม : ฝุ่นนี้เกิดจากอะไรคะ ?
ตอบ : ก็สารพัดอย่างที่ทำให้เกิดฝุ่น ทำไมต่างประเทศโดยเฉพาะทางยุโรปอากาศเขาดี ? เพราะว่าเขาล้างกระทั่งพื้นถนนทุกเช้า ตี ๔ อาตมาไปเดินดูขณะที่คนอื่นนอนอยู่ เห็นเขาล้างพื้นถนนกันแล้ว มีทั้งฉีดน้ำ มีทั้งใช้รถขัด พูดง่าย ๆ ก็คือไม่เหลือฝุ่นเอาไว้ให้ปลิว แล้วรถขนข้าวของทุกอย่างจะต้องหุ้มผ้าใบมิดชิด ถ้าเข้าเขตเมืองก็ต้องล้างล้อก่อน

เรื่องของการปล่อยควันไอเสียต่าง ๆ ของเขาเองก็ไปถึงมาตรฐานยูโร ๕ ยูโร ๗ ส่วนของเราเองยังยูโร ๒ อยู่เลย พูดง่าย ๆ ว่าเครื่องยนต์บ้านเขาแทบจะไม่ปล่อยควันพิษออกมา ขณะนี้เขาก็พยายามปรับเปลี่ยนไปใช้รถไฟฟ้า คือเขามีจิตสำนึกเพื่อบ้านเกิดตัวเอง ฝรั่งตัวใหญ่กว่าเราเป็นเท่า แต่ยอมอัดเข้าไปอยู่ในรถไฟฟ้าคันเล็ก ๆ เพื่อให้อากาศสะอาด ลูกหลานจะได้อยู่กันอย่างสบาย อย่างมีความสุข แต่บ้านเราไม่ใช่...บ้านเรานี่ทำทุกอย่างเพื่อความสุขเฉพาะหน้าของตัวเอง จอดรถยังไม่ดับเครื่องเลย บอกว่าเดี๋ยวรถร้อน ติดเครื่องปล่อยไอเสียไปเรื่อย

เถรี
06-02-2019, 21:45
ของเราต้องบังคับโดยเฉพาะพวกงานก่อสร้างต่าง ๆ ทำอย่างไรที่จะให้เขาลดฝุ่นละอองลง รถต่าง ๆ ต้องมีการจำกัด บอกแล้วว่าบ้านเราแก้ไขปัญหาจราจรไม่ได้ เพราะว่าส่วนใหญ่แล้วบริษัทรถยนต์มักจะเป็นผู้อุปถัมภ์หรือสนับสนุนพรรคการเมือง ในเมื่อเป็นเช่นนั้นก็ต้องทำให้เขาขายรถให้ได้มากที่สุด ไม่มีการจำกัดจำนวนรถยนต์

ปัญหาหนักที่สุดก็คือรถยนต์ โรงงานก่อสร้าง การเผาป่าเผานาแบบไม่บันยะบันยัง การเผานาเป็นความมักง่าย สมัยก่อนเขาใช้วิธีไถ ไถดะ ไถแปร แล้วก็ตีเลนให้เป็นตมจะได้หว่านข้าว พวกตอซังข้าวต่าง ๆ ก็กลายเป็นปุ๋ยไป สมัยนี้ใช้เผาทิ้ง บางทีเผากันแต่ละทีควันขึ้นมาท่วมถนนจนมองทางไม่เห็น ทำให้รถชนกันอีก

เถรี
06-02-2019, 21:49
ส่วนอีกพวกหนึ่งที่อุบาทว์ที่สุด ก็คือเผานาเพื่อที่จะกินปลาไหล..! พอถึงเวลาหน้าแล้งก็เผานา พอฝนมาก็พาน้ำขี้เถ้าลงไปในรู ปลาไหลก็ต้องเผ่นขึ้นมาอยู่ข้างบน เพราะว่าปลาไหลโดนน้ำขี้เถ้าไม่ได้ เมือกจะเสียหายหมด ถ้าเป็นคนก็เหมือนกับโดนลวกด้วยน้ำร้อน ขึ้นมาก็ไม่รอด เขาเก็บกันทีเป็นหาบ ๆ อาตมาเห็นมากับตายังสลดใจ กินล้างกินผลาญกันขนาดนี้ ตัวเล็กตัวน้อยขึ้นมาหมด บางทีก็เลือกเอาแต่ตัวใหญ่ ตัวเล็กก็ปล่อยให้ตายอยู่ในนาอย่างนั้น

หน้าแล้งบรรดาปลา กบ หอย จะคุดอยู่ในโพรง รักษาชีวิตให้รอดไปจนถึงฤดูฝนใหม่ กำลังคุดอยู่ในโพรงดี ๆ น้ำมา ต้องเรียกว่าน้ำกรด เพราะว่าน้ำขี้เถ้าโดนนี่ก็เหมือนกับเราโดนลวกด้วยน้ำร้อน ดิ้นรนตะเกียกตะกายขึ้นมาเขาก็เก็บใส่หาบไป กลายเป็นผัดกระเพราบ้าง เป็นต้มเปรตบ้าง

บ้านเราใช้ทรัพยากรกันอย่างไม่ระมัดระวัง การเผาป่าเผานาบ่อย ๆ ดินจะแข็งลักษณะกลายเป็นอิฐ ซับน้ำไม่ได้ พอถึงเวลาน้ำมา ก็กลายเป็นว่าดินไม่สามารถจะดึงดูดน้ำเอาไว้ จึงเกิดน้ำท่วม

เถรี
06-02-2019, 21:55
บรรดาฝุ่นละอองต่าง ๆ ในชั้นบรรยากาศส่วนมากเกิดจากการกระทำของพวกเราทั้งนั้น ถ้ามีสำนึกไม่ไปสร้างหรือกระทำให้เกิดผลในลักษณะอย่างนั้น หรือพยายามลดลงก็จะทำให้ฝุ่นน้อยลงได้

แต่ไม่ใช่ไปฉีดน้ำ ฉีดน้ำนั่นเป็นวิธีแก้ปัญหาแบบเด็กปัญญาอ่อน..! ฝุ่นอยู่ในชั้นบรรยากาศแล้วก็ลอยสูง พอกลางคืนอากาศเย็นถึงจะกดต่ำลงมา แต่ก็ไม่ต่ำพอที่คุณจะฉีดน้ำถึง

อาตมาก็สงสัยเหมือนกันว่าบรรดาเจ้าใหญ่นายโตบ้านเรา โดยเฉพาะเหล่ารัฐมนตรีมีปัญญาความคิดแค่นั้นหรืออย่างไร ? แล้วการที่จะไปจำกัดคน อย่างเช่นแท็กซี่นั่งคนเดียวไม่ได้ แล้วโชเฟอร์จะขับไปหาเงินอย่างไร ? ใช้หัวแม่เท้าข้างไหนตรองดูก็รู้ว่าเป็นไปไม่ได้...!

เถรี
06-02-2019, 21:57
ก็แปลว่าเราต้องทำขนส่งสาธารณะให้พอเพียง ให้ถึงจุดหมายปลายทางตามเวลา และราคาอยู่ในระดับที่ชาวบ้านรับได้ ถ้าอย่างนั้นคุณจะจำกัดจำนวนรถชนิดไม่ให้เพิ่มเลยก็ไม่มีปัญหา

ต่างประเทศบางประเทศ เช่น ออสเตรเลีย ถึงเวลาถ้าคุณจะซื้อรถใหม่ต้องเอาคันเก่าไปให้เขายุบเป็นเศษเหล็กก่อน แล้วเอาทะเบียนเก่าไปทำประวัติใหม่ หรือไม่ก็บางประเทศอย่างญี่ปุ่น ถ้าจะซื้อรถต้องมีที่จอด ถ้าไปจอดเกะกะแถวข้างทางเดี๋ยวบริษัทขายรถจะซวย เขาไม่เล่นงานคนซื้อนะ เขาเล่นคนขาย

ที่จอดรถที่ญี่ปุ่นนี่แพงหูดับ อาตมาไปดูมา ชั่วโมงแรก ๘๐๐ เยน จอดตลอดคืนชั่วโมงละ ๒๐๐ เยน ๒๐๐ เยนปาเข้าไป ๗๐ บาทไทย ชั่วโมงละ ๗๐ บาท คืนหนึ่งจอดกี่ชั่วโมง ? ตีเสียว่า ๘ ชั่วโมง คืนหนึ่งค่าจอดรถปาไป ๕๐๐ กว่าบาท มีปัญญาก็ซื้อรถไปสิ อาตมาจ้างรถไป พลขับเขาก็บอกว่า "รถยนต์ที่เห็นวิ่ง ๆ อยู่ ส่วนใหญ่เป็นของหน่วยราชการหรือบริษัทครับ น้อยคนที่จะใช้รถส่วนตัว เพราะว่ารถส่วนตัวไปช้า แต่ถ้าหากว่าไปรถไฟฟ้านี่ถึงตรงเวลาและเร็วมาก "

เขามีวลีเด็ดของเขาว่า ถ้าอยากเร็วให้ไปรถไฟฟ้า ถ้าอยากช้าให้ไปรถส่วนตัว เนื่องจากว่าประเทศญี่ปุ่นจำกัดความเร็วไม่เกิน ๘๐ กิโลเมตรต่อชั่วโมง แล้วต้องเว้นห่างจากคันหน้า ๒๕ เมตร ก็ต้องคลานตามกันไป ประเทศฮ่องกงไม่ห้าม อยากมีรถมีไป แต่เก็บค่าจอดรถโหดร้ายกว่าญี่ปุ่นอีก แน่จริงก็ซื้อรถมาเลย...!

เถรี
06-02-2019, 21:58
การแก้ไขมลพิษทางอากาศต้องเป็นวาระแห่งชาติ ทุกหน่วยงานต้องร่วมมือกัน ยุโรปเขาแก้ไขทั้งปัญหาเรื่องมลพิษในอากาศ เรื่องของอาหาร เรื่องของน้ำ เรื่องของป่า เขาแก้ไขพร้อมกันหมดทุกหน่วยงาน เขาก็เลยทำได้ แต่ก็อย่างว่าแหละ...อยู่บ้านเขาก็ราคาแพง

โดยเฉพาะหลายประเทศเก็บภาษีระดับ ๖๐-๗๐% แปลว่าทำงานได้เงิน ๑๐๐ บาท ต้องจ่ายค่าภาษี ๖๐-๗๐ บาท แต่เขาก็คืนให้คุ้ม เพราะว่าไม่ว่าจะเรื่องการศึกษา เรื่องการรักษาพยาบาล เรื่องการช่วยเหลือเมื่อยามชรา เขามีให้เต็มที่ แต่ละปีมีตั๋วเครื่องบินให้ไปเที่ยวต่างประเทศด้วย แต่นั่นหมายความว่าต้องจ่ายภาษีอย่างสม่ำเสมอเป็นเวลา ๑๐ ปี ๒๐ ปี แล้วแต่กติกาที่เขากำหนด

ส่วนบ้านเราก็ยังเกรงใจอยู่ จ่ายภาษีร้อยละ ๗ ร้อยละ ๙ ปกติแล้วยิ่งคนรวยหาเงินได้มาก อัตราการจ่ายภาษีก็ต้องยิ่งทบทวีไป แต่บ้านเราไม่มี บ้านเราเกรงใจคนรวย

เถรี
07-02-2019, 07:44
พระอาจารย์กล่าวว่า "พูดเรื่องของบ้านของเมืองแล้วก็ลำบาก ต้องบอกว่าคนของเราไม่ใช่ไม่มีวิสัยทัศน์ มี...แต่ไม่มีโอกาสทำงาน ส่วนคนที่มีโอกาสทำงานก็ทำเพื่อพวกพ้องและตัวกู ไม่ได้ทำเพื่อประเทศชาติ ก็เลยทำให้บ้านเราพิกลพิการอย่างที่เห็น

แต่ละหน่วยงานเวลาทำงานไม่มีการมาประชุมปรึกษากันว่าใครมีโครงการจะทำอะไร ถึงเวลาไฟฟ้าขุดฝังท่อเสร็จสรรพเรียบร้อย ประปามาขุดใหม่ ประปากลบเสร็จโทรศัพท์มาขุดต่อ...เจริญ..! ทำไมไม่ตั้งโต๊ะคุยกันว่าคุณมีโครงการที่จะทำอะไรตรงนี้ ถึงเวลาก็ทำพร้อม ๆ กัน ก็เพราะว่าถ้าทำพร้อมกันแล้วใช้งบประมาณน้อย เงินทอนก็น้อย ในเมื่อเงินทอนน้อยไม่พอกิน ก็เลยต้องต่างคนต่างทำ บ้านเราสามารถคอรัปชั่นได้ทุกหัวระแหง เป็นอะไรที่น่าเกลียดน่าชังมาก"

เถรี
07-02-2019, 07:48
"แม้กระทั่งรัฐบาล คสช.ที่เข้ามา บอกว่าจะแก้ไขปัญหาคอร์รัปชั่น จะสร้างจิตสำนึกให้เด็กโตไปไม่โกง ก็โกงกันตั้งแต่ต้นยันปลาย ในเมื่อตัวเองเป็นพ่อปูแม่ปูแล้วจะไปเดินตรงทางให้ลูกปูตามได้อย่างไร ? โดยเฉพาะจริยธรรมหรือสามัญสำนึกเพื่อส่วนรวมไม่มี เป็นรัฐมนตรีโดนด่าทั่วบ้านทั่วเมืองว่าไปสังกัดพรรค ถึงเวลาอาจจะใช้อำนาจหน้าที่อำนวยประโยชน์ให้พรรคใดพรรคหนึ่ง ก็ไม่สนใจ อ้างว่าต้องทำงาน พอโดนเขาด่าไปทั่วโลกค่อยลาออก บอกว่าสร้างบรรทัดฐานให้กับคนอื่นเขา บรรทัดฐานบิด ๆ เบี้ยว ๆ แบบนี้จะไปอวดชาวบ้านเขาได้ที่ไหน ?

ต่างประเทศอย่างเกาหลี ญี่ปุ่น เป็นเอเชียด้วยกัน ถึงเวลามีอะไรผิดพลาด รัฐมนตรีลาออก นายกรัฐมนตรีลาออก ผู้นำหน่วยงานลาออก ผู้จัดการบริษัทลาออก เพื่อรับผิดชอบ บ้านเราเคยเห็นใครลาออกบ้างไหม ? จนกระทั่งโดนด่าทั่วบ้านทั่วเมืองแล้วค่อยขยับลาออก

เรื่องของคุณธรรมจริยธรรมต้องบ่มเพาะตั้งแต่เด็ก ซึ่งก็ต้องเป็นหน้าที่ของพ่อแม่ แต่ปัจจุบันพ่อแม่ไม่สามารถที่จะดูแลลูกได้ อยู่ในลักษณะสถาบันครอบครัวล่มสลาย เพราะว่าพ่อก็ไปทำงาน แม่ก็ไปทำงาน ต้องเลี้ยงลูกด้วยโทรศัพท์กับเงิน"

เถรี
07-02-2019, 07:55
"อย่าฝากความหวังให้พระอบรมลูก เพราะว่าจากพ่อแม่ ๓ ขวบครึ่งก็เริ่มเข้าชั้นอนุบาล ก็เป็นหน้าที่ของครู กว่าจะพ้นเกณฑ์การเรียนตามที่รัฐบาลกำหนดก็คือ ๑๒ ปี ก็ต้องจบ ม. ๖ อายุเท่าไร ? เต็มที่ก็ไม่เกิน ๑๘ ปี ก็ยังไม่ถึงมือพระ เพราะว่ากว่าจะบวชได้ต้องอายุ ๒๐ ปี แล้วบวชได้เฉพาะผู้ชายอีก ถ้าคิดว่าเป็นหน้าที่พระนี่โปรดทราบว่าคิดผิด เป็นหน้าที่ของพ่อแม่ก่อน ถัดไปก็คือครูบาอาจารย์ กว่าจะมาถึงมืออาตมานี่แก่เกินแกงแล้ว เป็นไม้แก่ดัดไม่ไหว

บางคนมาถึงก็ “หลวงพ่อเจ้าขา ลูกอิฉันเกเหลือเกิน บวชแล้วช่วยดัดสันดานมันให้เป็นคนดีกับเขาบ้างเถอะ” “แล้วโยมให้ลูกบวชนานเท่าไร ?” “เจ็ดวันเจ้าค่ะ” แม่งเหอะ...! เลี้ยงมา ๒๐ กว่าปีดัดสันดานไม่ได้ ให้พระแค่ ๗ วันต้องดัดสันดานได้ อาตมาไม่ใช่ผู้วิเศษนี่หว่า..!"

เถรี
07-02-2019, 08:00
"แต่ครูบาอาจารย์บ้านเราก็ต้องบอกว่าเป็นอะไรที่น่าสงสารมาก ทุกวันนี้จะโดนงานเอกสารท่วมตาย จะเอาเวลาที่ไหนไปสอนเด็ก เดี๋ยว มคอ.๒ เดี๋ยว มคอ.๓ เดี๋ยว มคอ.๕ เดี๋ยว มคอ.๗ เดี๋ยวต้องทำ SAR ต้องทำผลงานทางวิชาการ ไม่ทำก็ไม่ได้...เพราะว่าระเบียบบังคับ ต้องมีงานวิจัยอย่างน้อยปีละ ๑ เรื่อง แล้วจะเอาเวลาที่ไหนไปดูแลเด็ก ? แค่งานเอกสารอย่างเดียวก็กินเวลาไปหมดแล้ว

ถึงเวลาเด็กปิดเทอมครูได้ปิดไหม ? จะไปปิดอะไร ถึงเวลาก็ต้องมาตัดเกรด ต้องมากรอกคะแนน ต้องให้เด็กเข้าไปประเมินได้ภายในหนึ่งอาทิตย์ แล้วสมัยนี้ถ้าเด็กเข้าไปดูเกรดไม่ได้ก็เริ่มฟ้องแล้ว กลายเป็นความซวยของครูบาอาจารย์อีก ไม่ผ่านเกณฑ์ประเมิน โดยเฉพาะเงินเดือนไม่พอใช้ เราก็เลยเห็นครูหลายท่านต้องขายประกัน ต้องขายสินค้าขายตรง

ถ้าเอาในอาเซียนของเราด้วยกัน อย่างสิงคโปร์ประสบความสำเร็จในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์มาก เงินเดือนครูสิงคโปร์อย่างต่ำ ๆ ๑๒๐,๐๐๐ บาท บ้านเราทำได้อย่างนั้นไหม ? ถ้าเอาในเอเชียด้วยกันก็เกาหลี เงินเดือน ๒๕๐,๐๐๐ บาท ถ้าบ้านเราเงินเดือนครูได้ขนาดนั้น เราจะได้คนเก่งไว้สอนคนรุ่นใหม่เยอะมาก แต่ว่าบ้านเราเงินเดือนครูน่าสงสารมาก

ส่วนที่น่าสงสารสุดคือครูพระ ครูพระสอนศีลธรรมในโรงเรียนเงินเดือน ๒,๕๐๐ บาท ต้องทำรายงานส่งต้นสังกัดทุกเดือนว่าสอนที่ไหน สอนอะไร สอนไปกี่ชั่วโมง มีเนื้อหาอะไรบ้าง"

เถรี
07-02-2019, 08:02
"เราลองคิดดูว่าเงินเดือนยังไม่พอค่ารถไปโรงเรียนเลย อาตมาเองทุกวันนี้ถ้าอย่างของ มจร.วัดใต้ ไปบรรยายเช้าบ่ายได้เดือนละ ๔,๐๐๐ บาท อาตมาไปเดือนหนึ่งอย่างน้อยก็ ๔ ครั้ง ครั้งหนึ่งไปกลับเฉพาะแค่ค่าแก๊สอย่างเดียวก็ตก ๑,๐๐๐ กว่าบาท แปลว่าเขาให้อาทิตย์ละประมาณ ๑,๐๐๐ บาท เราจ่ายไปอาทิตย์ละ ๑,๐๐๐ กว่าบาท ยังไม่ต้องนับถึงเอกสารอะไรต่าง ๆ ที่จะต้องให้กับเด็กหรือส่งตามลำดับ ซึ่งค่าใช้จ่ายจะเยอะมาก ถ้าหากว่ามาถึงวัดไร่ขิง ค่าใช้จ่ายก็หนักกว่านั้นอีก

ฉะนั้น...ในเมื่อครูบาอาจารย์ของเรางานหนัก เงินเดือนก็ไม่จูงใจ หนี้สินก็มาก กู้สหกรณ์ออมทรัพย์ครูบ้าง กู้นอกระบบบ้าง หนี้ท่วมหัวแล้วจะเอากำลังใจที่ไหนมาสอนเด็ก ? แล้วทำไมถึงสงสัยว่าเงินเดือนครูน้อย อาตมาก็สงสัยเหมือนกัน เพราะว่ากระทรวงศึกษาธิการได้รับการจัดสรรงบประมาณมากที่สุดในจำนวนกระทรวงทั้งหมด มากกว่ากระทรวงกลาโหมอีก แล้วหายไปไหนหมด ?

ลองฝากให้บรรดาผู้มีอำนาจในบ้านในเมืองขบคิดดูบ้างว่า ทำไมเงินเดือนครูของบ้านเราถึงได้น้อยนิดจนน่าเวทนา ขณะเดียวกันก็งานท่วมหัว แล้วทำไมประเทศอื่นเขาสามารถจัดสรรงบประมาณจ่ายเงินเดือนครูเป็นแสน ๆ ได้ ถ้าจะหาว่างบประมาณรั่วไหลไปทางไหน อาตมาอยากจะเชื่อว่ากระทรวงศึกษาคงต้องหาข้าราชการใหม่ทั้งหมด แตะไปตรงไหนก็ใช่ตรงนั้นแหละ"

เถรี
07-02-2019, 08:05
"สมัยอาตมาเด็ก ๆ ครูถามอยากจะเป็นอะไร ? อยากจะเป็นหมอ อยากจะเป็นทหาร อยากจะเป็นตำรวจ สมัยนี้ลองไปถามเด็กดูสิอยากเป็นอะไร ? อยากเป็นดารา อยากเป็นนักร้อง ตูจะบ้า...! อนาคตไกลมาก ดาราบ้านเรามีอนาคตสักกี่ปี ? ถึง ๕ ปีไหม ? พอรุ่นน้องมาคุณก็แก่ ต่อให้อายุเพิ่ง ๒๐ ปีก็แก่ พอเริ่มแก่ก็ตกงาน มีเวลาในการที่จะทำเงินสั้นมาก

นักร้องก็เหมือนกัน พอถึงเวลาไม่มีอัลบั้มออกมา ไม่มีท่าเต้นที่ยั่วยวนกวนราคะก็ไม่ดัง ทำอย่างไรที่จะนุ่งน้อยห่มน้อยเพื่อเป็นข่าวให้มากที่สุด บ้านเราเขาต้องการแค่เป็นข่าวไม่ว่าจะด้านดีหรือด้านร้าย เพื่อที่จะได้ไม่สูญหาย ยังเป็นที่สนใจของผู้คนอยู่เพื่อที่จะได้มีงาน แล้วลองคิดดูว่าทำไมเด็กของเราถึงคิดแต่ในเรื่องฉาบฉวยแบบนี้ ?

อยากเป็นดารา อยากเป็นนักร้อง ก็เพราะว่าอยากดังอยากเด่น แล้วทำไมไม่คิดจะดังจะเด่นในทางที่ถาวร ในทางที่ดี ที่ยอมรับของสังคมทั่วไปบ้าง ? ก็เกิดจากสังคมพิกลพิการของเรานี่แหละที่ทำให้เป็นอย่างนั้น สมัยนี้เขามีเน็ตไอดอล ภาษาจีนว่า "โอเซี่ยง" ภาษาอะไรก็ตามไปถึงประเทศจีน มีภาษาจีนหมด อาตมาเองก็งงมาตั้งแต่เด็ก รองเท้ายี่ห้อนันยางคืออะไร ? ความจริงคือหนานหยาง ทะเลจีนใต้ คนไทยอ่านตามภาษาอังกฤษว่า “นันยาง”

เถรี
07-02-2019, 08:31
ถาม : ทำไมประเทศจึงมีคอร์รัปชันทุกหัวระแหง ?
ตอบ : ถ้าหัวไม่ส่ายหางก็ไม่กระดิก ก็ต้องให้หัวเลิกส่ายหางจะได้ไม่กระดิก แล้วเป็นไปได้ไหมเล่า ? ขนาดหน่วยงานที่มีหน้าที่ปราบปรามคอร์รัปชันยังหูหนวกตาบอด อยู่ ๆ มีนาฬิกาเรือนละล้าน ๒๒ เรือนบอกว่ายืมเพื่อนมายังเห็นเป็นเรื่องปกติ ยืมเพื่อนคนไหนเพื่อนคนนั้นตายหมดแล้วก็บอกปกติ แล้วก็ไม่คิดจะคืนลูกคืนหลานของเพื่อนเลยก็ยังบอกว่าปกติ

ถาม : ที่บิดเบี้ยวทุกวันนี้ก็คือตำรวจ ?
ตอบ : ทั้งหมดนั่นแหละ ไม่ใช่เฉพาะตำรวจ อาตมาเจอตำรวจดี ๆ เยอะแยะ วงการไหนก็เหมือนกัน เพียงแต่ว่าตอนนี้ไม่ใช่ปลาตายตัวเดียวแล้วเน่าทั้งข้อง ปัจจุบันนี้ปลาตายเกือบทั้งข้อง ปลาดี ๆ ก็เลยพลอยเหม็นไปด้วย

อาตมาเองได้รับคำเตือนด้วยความหวังดีจากตำรวจจราจร เพราะว่ารถไปติดแถวยาวเหยียดที่เขาตรวจ เขาบอก “อาจารย์ครับ เดือนธันวาคมไม่จำเป็นอย่าไปไหนนะครับ พวกผมต้องหาเงินส่งนาย ต่อให้ไม่ผิดผมก็ต้องเอาจนผิด” นี่คือคำเตือนจากตำรวจที่มีให้กับพระนะ ปีใหม่ต้องหาเงินส่งนาย เขาบอกเอง

ในเมื่อเป็นลักษณะอย่างนั้นก็ไม่รู้จะว่าอย่างไร เพราะว่าบ้านเรากินกันตั้งแต่หัวยันท้าย ต้องบอกว่าตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ อาตมาเองที่ออกมาบวชนี่เพราะไม่ยอมกินกับเขา ไปขวางทางก็เลยโดนเขาแซะออกมา

เถรี
07-02-2019, 08:39
เริ่มจากตัวเรา ถ้าตัวเราไม่ทำก็จบ คนอื่นไม่ต้องไปหวัง อาตมาลาออก ปรากฏว่าคุณหมอนพพรไม่ออก คุณหมอนพพรฉลาด มีปัญญา ไม่เอาแต่อารมณ์อย่างอาตมา คุณหมอแก้ไขปัญหาแค่ในอำนาจตัวเอง สูงขึ้นไปไม่แตะ ตอนที่หมอนพพรเป็นผู้บังคับกองพันเสนารักษ์ กองพลทหารราบที่ ๙ กองพันเสนารักษ์มีรถประจำตัวนายทหาร ๒๒ คัน ก็คือจัดหาให้ตามงบประมาณ ก็ในเมื่อเจ้านายไม่กินก็ถึงลูกน้อง กองพันอื่นอย่างเก่งก็มี ๒-๓ คัน ที่เหลือหายไปไหนก็ไม่รู้ ?

ในเมื่อมีอำนาจแค่ไหนแก้ไขปัญหาภายใต้ขอบเขตอำนาจตัวเอง ก็ไม่ไปแตะเจ้าใหญ่นายโตข้างบน ส่วนอาตมานี่เพื่อนด่าตลอด “มึงนะเก่งจริง กูไม่เถียงหรอก แต่มึงรู้อะไรทำไมต้องพูดด้วย” พูดแล้วเจ้านายก็เดือดร้อน แต่บังเอิญว่าอาตมาเลือดร้อนมาแต่เกิด เรื่องจะไปทำไม่รู้ไม่ชี้ให้เขาโกงให้เขากินก็ทำไม่ได้ ท้ายที่สุดขนาดผู้บังคับกองพันที่ไม่โกงไม่กินก็อยู่ได้แค่ ๒ เดือนกว่าเอง

เถรี
07-02-2019, 08:43
ตอนนั้น.......ขึ้นมาเป็นผู้บังคับกองพัน อาตมาเองก็แปลกใจ ทำไมวันนี้อาหารโรงเลี้ยงดีแท้วะ ? น้ำพริกปลาทู มีปลาทู ๒ ตัวใหญ่ ๆ เลย ต้มจืดวุ้นเส้น เต้าหู้อ่อนหมูสับ ผัดผักรวมมิตรใส่เนื้อหมูมาเพียบเลย ความจริงก็คือพอผู้พันเขาขึ้นเป็นผู้บังคับกองพัน เขาก็ตรวจสอบรายการที่สูทกรรมส่งมา “มึงเขียนรายการมาอย่างไร มึงทำอย่างนั้นนะ บ่าย ๒ โมงต้องมีกาแฟให้ทหารด้วย”

ปรากฏว่าบรรดานายสิบนายร้อยต่าง ๆ วิ่งไปขอร้องผู้พัน “อย่าถึงขนาดมีกาแฟบ่ายสองเลยครับ ถ้ามีนี่ทหารไม่เป็นอันทำอะไรกันหรอก ถ้าผู้พันต้องการอาหารตามนี้ก็ว่าตามนี้ แต่กาแฟขอเถอะครับ...อย่าให้มีเลย” ก็ตอนเช้ารายการเขาลงมา มีกาแฟไข่ลวก มีข้าวต้มกุ้ง มีข้าวต้มหมูสับ “มึงทำมา...ก็ในเมื่อมึงเขียนเบิกงบอย่างนี้ก็ต้องทำตามนี้”

อยู่ได้ ๒ เดือนก็โดนย้าย เพราะว่าจากที่ปกติเขากินอาหารที่มีแต่วิญญาณหมู วิญญาณไก่ แต่ละงวดก็มีข้าวแกงทั้งกาก ผักบุ้งทั้งราก ฯลฯ อยู่ ๆ กลายเป็นอาหารขึ้นเหลา ส่วนที่จะพึงถึงคนอื่นก็ไม่เหลือ ในเมื่อไม่เหลือก็อยู่ไม่ได้ อยู่ได้ ๒ เดือนกว่าโดนย้าย ๒๔ ชั่วโมง เก็บข้าวของยังไม่ทันเลย นั่นอนาถกว่าอาตมาเยอะ ท่านเป็นระดับผู้บังคับกองพันแล้วนะ

เถรี
08-02-2019, 08:09
ถาม : (การเผาป่า)
ตอบ : บ้านเรากฎหมายบ้า ก็คือถ้าป่าเสื่อมโทรมสามารถที่จะเข้าไปใช้งานได้ เขาก็ช่วยกันจ้างเผาป่าสิ ไม่เผาแล้วจะโทรมได้อย่างไร...! กฎหมายของเราขัดกันเอง แทนที่จะไปในทางเดียวกัน

สมัยอาตมาอยู่ที่เกาะพระฤๅษีก็เหมือนกัน เกาะพระฤๅษีเป็นเขตป่าสงวน กฎหมายว่าสามารถขอใช้พื้นที่ป่าสงวนได้ แต่ต้องปลูกต้นไม้คืนเขา ๓๐% อาตมาปลูกให้ ๓๐ ไร่เลย ใช้ในเกาะ ๒ ไร่เท่านั้นแหละ

ภูเขาหลังเกาะพระฤๅษีเป็นเขาหัวโล้น ช่วยกันปลูกต้นไม้ แต่ก็ค่อย ๆ แห้งตายหมด จนกระทั่งในที่สุดได้นักวิชาการจากหน่วยวัฒนวิจัย กรมป่าไม้ เข้ามาแนะนำว่า “อาจารย์ครับ ต้องใช้โพลิเมอร์โรยก้นหลุมครับ” พอถามว่าโพลิเมอร์คืออะไร ? เขาบอกว่าเป็นวัสดุประเภทหนึ่งที่น้ำลงไปถึงก็จะดูดเอาไว้ ตัวสารจะพองขึ้นมาเหมือนวุ้น แล้วน้ำทั้งหมดจะไม่ไปไหน จะอยู่กับวุ้นนั่นแหละ ต้นไม้สามารถแทงรากลงไปเพื่อดูดน้ำมากินได้ ก็ทำตามนั้น อาตมาซื้อมาเป็นถัง ๒๐๐ ลิตร ถังหนึ่งราคาเป็นหมื่น เอามาโรยก้นหลุมแล้วปลูกต้นไม้ เออ...รอดมาได้

เถรี
08-02-2019, 08:11
ตอนนี้ภูเขาหลังวัดต้นไม้ท่วมเลย แต่วันดีคืนดีก็มีไฟป่า ไฟป่าก็คือคนเผานั่นแหละ บ้านเราไม่มีไฟป่า ไฟป่าทั้งหมดที่เกิดขึ้นในประเทศเราเกิดจากคนเผา ๑๐๐% เพราะว่าบ้านเราความชื้นมีมาก การที่ไม้จะเสียดสีกันจนไฟไหม้นั้นมีไม่เพียงพอ ไม่เหมือนต่างประเทศที่แห้งแล้ง ถึงขนาดที่เรียกว่าพอใบไม้ปลิวกระทบกันแล้วเกิดประกายไฟจากไฟฟ้าสถิต

บ้านเราจะไฟไหม้ก็ต่อเมื่อฟ้าผ่า แต่คราวนี้บ้านเราถ้าฟ้าผ่าแปลว่าฝนมาด้วย ดังนั้น..โอกาสที่จะไหม้เป็นศูนย์เลย ทุกวันนี้ที่ไฟป่าไหม้เกิดจากคนเผาทั้งนั้น ถึงได้บอกว่าอาตมาเองยอมให้อากาศทองผาภูมิบ้า ๆ บอ ๆ อย่างนี้แหละ เดี๋ยวฝน เดี๋ยวร้อน เดี๋ยวหนาว ตูยอมป่วย แต่ให้ฝนมาบ่อย ๆ แล้วกัน จะได้เผาป่าไม่ได้

เถรี
08-02-2019, 08:24
ขอให้พยายามเป็นต้นแบบให้คนอื่น ก็คืออยู่ในศีลกินในธรรมตามแบบของเราไป ใครเขาจะว่าโง่ ใครเขาจะว่าบ้า ก็ช่างมัน อย่างน้อยจะได้เป็นตัวอย่างที่ดีให้คนอื่นเขาทำตามได้ โดยเฉพาะอย่าท้อถอย อย่าหมดกำลังใจ ถ้าจะท้อถอยจะหมดกำลังใจ ให้ดูในหลวงรัชกาลที่ ๙ ตลอดระยะเวลา ๗๐ ปีที่ทรงครองราชย์ ต่อสู้ทุกอย่างเพื่อความอยู่ดีกินดีของประชาชน โดยไม่เห็นแก่สุขภาพของพระองค์ท่านเลย พูดง่าย ๆ ก็คือไม่เห็นแก่ชีวิต

หรือไม่ถ้าจะดูไกลกว่านั้นก็ดูพระพุทธเจ้า พระองค์ท่านตรัสว่า ในสังสารวัฏที่ยาวไกลไม่เห็นต้นเห็นปลายนี้ ขึ้นชื่อว่าความท้อแม้แต่น้อยหนึ่งไม่เคยปรากฏในดวงใจของพระองค์ท่านเลย ตั้งหน้าทำไป ส่วนผลจะเกิดหรือไม่เกิดช่าง ตักน้ำรดหัวตอต่อไปเรื่อย ๆ ถึงไม่งอกให้เปียกก็ยังดี อย่างน้อย ๆ เราก็ได้ทำแล้ว

อย่าเอาแต่งอมืองอเท้าอยู่อย่างเดียว ถ้าเราไม่กล้าทำ ไม่กล้าคิด ไม่กล้าพูด สิ่งที่ไม่ดีไม่งามจะมีมากขึ้นเรื่อย ๆ ที่ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ตรัสว่า ต้องพยายามสนับสนุนให้คนดีมีอำนาจในบ้านในเมือง ถ้าหากว่าคนดีมีอำนาจในบ้านในเมือง คนชั่วก็จะแสดงอำนาจไม่ได้

เถรี
08-02-2019, 08:36
พระอาจารย์เล่าว่า "วันก่อนมีนางฟ้าสวยเช้งมา คุยกันจนจบเพิ่งนึกได้ว่านี่คุณชม้อย ทองดีแสน หัวหน้าคณะแม่ชม้อยที่ทำความสะอาดวัดท่าซุง ...(หัวเราะ)... คุยกันอยู่ตั้งนานแกก็ไม่บอกไม่กล่าวอะไร ก่อนไปทำหน้าให้ดูแล้วก็แวบไปเลย ก็เลยต้องมาตามข่าวว่ายังอยู่หรือเปล่า ปรากฏว่าหลวงพี่อาจินต์แจ้งว่าตายไปหลายปีแล้ว"

เถรี
13-02-2019, 08:08
พระอาจารย์เล่าว่า "ประเทศจีนพยายามแก้มลพิษทางอากาศ โดยห้ามจุดธูปกับประทัดช่วงตรุษจีน ลองคิดดูว่าคนเป็นพันล้าน ถ้าจุดทุกบ้านแล้วจะขนาดไหน ? แต่ปักกิ่งนี้แก้ยากเพราะว่าใกล้ทะเลทราย ถึงเวลาพายุทรายก็พัดมา เขาพยายามที่จะปลูกต้นไม้เพื่อที่จะชิงพื้นที่ทะเลทรายคืนมา แต่ก็ไม่ค่อยจะไหว เพราะว่าเวลาทรายพัดมา ต้นไม้ไม่ทันจะสูงก็โดนกลบหมด

ตอนนี้เขามีการทำแผ่นตั้งเป็นแนว พอทรายมาแล้วก็จะเหินข้ามไป ต้องค่อย ๆ หาวิธีแก้ไขไป แต่ถ้าหากดูอย่างพม่าแล้ว พม่าแก้ปัญหาเรื่องของพื้นที่กึ่งทะเลทราย ปลูกอะไรก็ไม่งาม แต่ไปงามที่ต้นตาล อาจจะเป็นไปได้ว่าต้นตาลคล้าย ๆ กับอินทผาลัมที่โตในทะเลทราย อาตมาเห็นเขาปลูกอย่างอื่นนี่แคระ ๆ แกร็น ๆ หงิก ๆ ง่อย ๆ หมด แต่ต้นตาลกลับโตเอา ๆ"

เถรี
13-02-2019, 08:10
ถาม : (การฉีดละอองน้ำ)
ตอบ : ถ้าหากว่าจะฉีดน้ำให้ได้ผลต้องฉีดที่ชั้นบรรยากาศ ซึ่งเป็นไปไม่ได้ จึงแก้ได้ไม่ถึง ๕% หรือ ๑๐% มีอยู่อย่างเดียวก็คือต้องจำกัดจำนวนรถ ขณะเดียวกันพวกการก่อสร้างต่าง ๆ ก็ต้องบังคับให้มีการกันฝุ่น ไม่น่าเชื่อว่าบ้านเราอยู่ ๆ มลพิษจะทวีพรวดพราดไปถึงระดับติด ๑ ใน ๑๐ ของโลก อาจจะเป็นเพราะว่า เขาระดมก่อสร้างทางรถไฟฟ้าพร้อม ๆ กันก็เป็นได้

เถรี
13-02-2019, 08:18
พระอาจารย์กล่าวว่า "เด็กบ้านเราไม่เห็นคุณค่าของเรื่องการเรียน รู้สึกว่าเสียเวลาด้วยซ้ำไป ต้องโทษว่า Mark Zuckerberg ทำให้เป็นอย่างนี้ ก็คือคนที่ไม่ประสบความสำเร็จในการเรียน ดันรวยอื้อเป็นอันดับหนึ่งของโลก

สังคมบ้านเราเป็นสังคมฉาบฉวย เขาเห็นว่าถ้ามีเงินแล้วจะทำอะไรก็ได้ จึงกลายเป็นว่าทุกคนเอาเงินเป็นใหญ่ ไม่ได้เอาความรู้ ไม่ได้เอาคุณธรรมเป็นใหญ่ เรื่องพวกนี้เกิดขึ้นเกิดจากการบังคับใช้กฎหมายต่าง ๆ ของเรานี่แหละ ประเภทตาสี ตาสา ยายมี ยายมา เข้าป่าเก็บเห็ดก็ติดคุก ส่วนคนที่ประเภทยิงเสือจนจะหมดป่าอยู่แล้ว ป่านนี้ก็ยังไม่เห็นตัดสินคดีสักทีหนึ่ง

คราวนี้เห็นหรือยังว่าการบังคับใช้กฎหมายของเราเป็น ๒ มาตรฐานมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว จึงทำให้เกิดภาพที่ให้เด็กจำว่า ถ้ารวยทำอะไรก็ได้ กลายเป็นสังคมบูชาเงิน กฎหมายนั้นดี สำคัญที่ผู้บังคับใช้ต่างหาก บ้านเรากฎหมายดีแค่ไหนก็กลายเป็นเครื่องมือหาเงิน

ประเทศไหน ๆ ก็มีคนดีคนชั่วปะปนกัน เพียงแต่ว่าอย่างยุโรปอเมริกานั้น การบังคับใช้กฎหมายของเขาเข้มงวดกว่าบ้านเรา แล้วบุคคลของเขาที่มีจริยธรรมนั้นยังมีมาก

บ้านเราขอให้มีเงินก็ทำได้ทุกอย่าง เหมือนกับที่เขาว่า ‘แข็งดั่งเหล็ก เงินง้าง อ่อนได้ดั่งใจ’ สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ต้องบอกว่าเป็นธรรมชาติของมนุษย์ ถ้ายังมี รัก โลภ โกรธ หลง ก็เสร็จหมด"

เถรี
13-02-2019, 08:39
พระอาจารย์กล่าวว่า "เคยได้ยินเด็กที่ได้สัญชาติอเมริกันบอกว่า คนไทยขาดความภูมิใจในชาติตัวเองอย่างแรง เพราะฉะนั้นการตั้งชื่อชื่อร้าน การตั้งชื่อสถานที่ มักจะใช้ภาษาอังกฤษ

แต่คราวนี้การที่จะตั้งชื่อให้น่าสนใจและติดตลาด คำนั้นต้องติดหูเขาก่อน ถ้าอย่างของประเทศไทย ถ้าจะตั้งยี่ห้อหรือว่าแบรนด์ใหม่ อาจจะประมาณว่าต้มยำกุ้ง ฝรั่งเขาจะรู้จักมากกว่า ถ้าเราสังเกตจะเห็นว่าภาษาญี่ปุ่น ภาษาเกาหลี ซึ่งมียี่ห้อสินค้าที่ติดตลาดอยู่ตอนนี้ และเป็นที่ยอมรับกันค่อนข้างมาก พอบอกว่าซัมซุง แดวู ฮุนได เขาก็รู้ว่าเป็นของเกาหลี ถ้าหากว่าเป็น Panasonic เขาก็รู้ว่าเป็นของญี่ปุ่น เป็นต้น"

เถรี
13-02-2019, 08:46
พระอาจารย์กล่าวว่า "หวยหลวงพ่อคูณออกตรง ๆ ๐๔ น่าจะรวยกันครึ่งประเทศเลย ถ้าหากว่ารัฐบาลบอกว่า GDP ขึ้น ขอให้รู้ว่าเป็นฝีมือของหลวงพ่อคูณ ไม่ใช่ฝีมือรัฐบาลหรอก เห็นเจ้าของแผงจำหน่ายวัตถุมงคลบอกว่า วันหนึ่งขายเหรียญหลวงพ่อคูณได้เป็นพันเหรียญเลย พันเหรียญนี้รับประกันว่าไม่ใช่เหรียญละ ๑๐๐ บาท

ถนนทุกสายมุ่งสู่พุทธมณฑลขอนแก่น เราจะเห็นว่าบุคคลที่ตั้งใจสร้างความดีจริง ๆ อย่างหลวงพ่อคูณ สิ่งที่ท่านทำเป็นความจริงแท้ออกจากใจ ตั้งใจสงเคราะห์ผู้อื่น ถึงขนาดบอกว่าจะมาเกิดอีกเพื่อสร้างบารมีต่อ อาตมาเคยเข้าไปในห้องของท่าน...ไม่มีอะไรเลย เตียงยังไม่มีเลย ทำไมนิสัยเหมือนอาตมาก็ไม่รู้ ? มีแต่เสื่อปูกับพื้น หมอนใบหนึ่ง ใช้จีวรเป็นผ้าห่ม

ไปถึงตี ๕ กว่า หลวงพ่อออกมาเดินดูรอบวัด สมัยก่อนเวลาอาตมาไปกิจนิมนต์ทางภาคอีสาน ขนเครื่องสังฆทานกลับมาเป็นคันรถ แวะวัดบ้านไร่ถวายหลวงพ่อคูณต่อ ท่านเอาไปทำประโยชน์แน่นอน เขาเปิดตัวเลขการช่วยเหลือของหลวงพ่อคูณ อาตมายอมรับว่าไม่มีทางทาบท่านได้แม้แต่เสี้ยว หลวงพ่อคูณช่วยสถานที่ต่าง ๆ ไปเป็นเงิน ๖,๐๐๐ กว่าล้านบาท"

เถรี
13-02-2019, 08:47
"พระบ้านนอก ท่านบอกท่านพูดไม่เป็น ท่านเทศน์ไม่เป็น ขอให้ทุกคนตั้งใจรักษาศีลก็พอแล้ว ถึงเวลาก็พูดมึงพูดกู แต่นั่นก็คือน้ำใสใจจริงของท่าน โดยเฉพาะท่านั่งเป็นเอกลักษณ์มาก นั่งยอง ๆ อาตมาอยากจะบอกว่าพระพม่านั่งยอง ๆ กันทั้งบ้านทั้งเมือง...ไม่เป็นเอกลักษณ์ บ้านเรามีหลวงพ่อคูณนั่งยอง ๆ ท่านเดียว...นับเป็นเอกลักษณ์

อาตมาก็สงสัย ไม่ว่าจะพิธีกรรมทางศาสนาอะไรพระพม่านั่งยองหมด เขาบอกว่านี่แหละคือคำว่า นั่งกระโหย่ง ในภาษาบาลี ส่วนนั่งกระโหย่งในภาษาบาลีของเรา เราถือว่านั่งคุกเข่า ก็เลยกลายเป็นความนิยมที่ต่างกัน ถึงเวลาถ้าเห็นพระพม่าไหว้พระสวดมนต์แล้วนั่งยอง ๆ กันทั้งวัดก็ไม่ต้องแปลกใจ นั่นคือการนั่งที่เขาบอกว่าถูกต้อง ส่วนนั่งคุกเข่าแบบพระไทยนี่ยังไม่ถูกตามบาลี เขาว่าอย่างนั้น"

เถรี
13-02-2019, 08:56
พระอาจารย์กล่าวว่า "เมื่อวันสวดพระคาถาเงินล้าน ญาติโยมถวายทองร่วมหล่อพระกองพะเนิน อาตมาก็ต้องรีบวิ่งไปงานศพของพระครูประโชติรัตนานุรักษ์ ที่สุไหงปาดี ก็ฝากย่ามที่ใส่ทองกลับมาก่อน พอขึ้นจากสุไหงปาดีมาก็ไปต่อที่เชียงใหม่ เชียงราย กลับมาหมดสภาพอยู่ ๒ วัน แล้วค่อยมานั่งลงบัญชี ทองของญาติโยมก็กองรออยู่นั่นแหละ

อยากจะบอกว่าญาติโยมทำบุญกันมาเยอะมาก แต่ทำกันแบบไม่ดูตาม้าตาเรือ ไม่ได้ดูความเหมาะสม อย่างเช่นว่าอาตมาไปที่สุไหงปาดี เอาปัจจัยไปช่วยงานศพเขา ถวายหลวงพ่อเจ้าคณะจังหวัดนราธิวาส แล้วคนโน้นก็มาถวายเงินสร้างพระทองคำ คนนี้มาถวายเงินสร้างพระทองคำ คนนั้นมาถวายทองสร้างพระทองคำ แล้วอยู่ในงานของเขา อาตมาก็ต้องเก็บกลับมา ดูพิลึก ๆ อยู่

ถ้าหากว่าจะทำอะไรให้ดูสถานที่ด้วย เพราะว่าส่วนใหญ่อยู่ที่ไหนอาตมารับมาก็จะให้ที่นั่นไว้ คราวนี้พอไประบุจำเพาะเจาะจง เอาไว้ที่นั่นไม่ได้ก็ต้องเอากลับ โยมอาจจะรู้สึกว่าดี แต่สำหรับอาตมาแล้วรู้สึกว่าอึดอัดใจมาก เพราะว่าปกติไปแล้วมักจะกลับตัวเปล่า"

เถรี
13-02-2019, 09:13
"อีกไม่กี่วันก็มีงานบวงสรวงไหว้ครูประจำปีกับเป่ายันต์เกราะเพชร ต้องบอกว่าปีนี้มีเสาร์ ๕ สองครั้ง อยู่ในวาระที่ผ่อนหนักเป็นเบา ช่วยสถานการณ์ประเทศชาติ ต้องเรียกว่าประคับประคองให้อยู่ในลู่ในทาง ไม่ทราบเหมือนกันว่าจะได้สักเท่าไร เพราะถ้าว่ากันตามฤกษ์ผานาที การโคจรของดวงดาวแล้ว ต้องพังบรรลัยกันไปข้างหนึ่ง..!

เมื่อเสร็จจากงานเป่ายันต์ฯ ก็ต้องวิ่งตาลีตาเหลือกไปวัดท่าซุง เพราะว่าวันรุ่งขึ้น คือวันที่ ๑๐ มีงานเผาศพหลวงพ่อเจ้าคุณอนันต์ ซึ่งอาตมาต้องไปสวดพุทธมนต์ เวลาตามฎีกาก็คือ ๑๐ โมง แต่มีหลวงพ่อพระเทพปฏิภาณมุนีเทศน์ตอน ๙ โมงครึ่ง ถ้าพระผู้ใหญ่เทศน์อยู่ แล้วเราเดินดุ่ม ๆ เข้าไปก็ดูไม่ดี ก็แปลว่าจะต้องไปให้เร็วกว่าท่าน น่าจะเป็นอะไรที่เรียกว่าหลุดเป็นชิ้น ๆ ไม่เป็นไร...เดี๋ยวกลับมาแล้วค่อยประกอบร่างกันใหม่"

เถรี
13-02-2019, 09:17
"ถัดไปก็ช่วงมาฆบูชา จัดบวชปฏิบัติธรรมและอุปสมบทหมู่ แล้วก็ยังมีงานปิดทองรอยพระพุทธบาท พร้อมกับถนนสายวัฒนธรรม ให้แต่ละชุมชนซึ่งเป็นชุมชนคุณธรรมในเครือข่ายของวัดท่าขนุน เอาสินค้าในชุมชนของตัวเองมาขาย เปิดโอกาสให้ ๔ วัน แต่คาดว่าวันแรกก็น่าจะหมดไปมากแล้ว

ส่วนใหญ่แล้วพวกสินค้าจะสู้นักท่องเที่ยวไม่ไหว เขาทำกันอยู่ในลักษณะของอุตสาหกรรมในครัวเรือน หรืออุตสาหกรรมเล็ก ๆ พอต้องมาตั้งร้านขายจริง ๆ ก็มีแค่คนละนิดคนละหน่อย หลายต่อหลายอย่างก็เป็นงานฝีมือที่หาคนทำได้ยากแล้ว

เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ท่านวัฒนธรรมจังหวัดกาญจนบุรีมาปรึกษาว่า จะทำโครงการหางบประมาณสนับสนุนให้คนกะเหรี่ยงมีรายได้เพิ่มขึ้น อาตมาบอกว่าเลิกคิดไปได้เลย คนกะเหรี่ยงมักน้อย สันโดษ และพอเพียงยิ่งกว่าพระเสียอีก คือถ้ามีข้าวพอกินก็แปลว่าหยุดทำงานทุกอย่าง...พอแค่นั้น

อาตมาซื้อด้ายให้ไปทอผ้า ขายผ้าได้มีเงินใช้..เขาก็พอแล้ว..ไม่ทำต่อแล้ว โดยเฉพาะในเรื่องของการที่จะให้นักท่องเที่ยวเข้าไปในชุมชน เป็นการรบกวนวิถีชีวิตของเขามาก พวกกะเหรี่ยงมีนิสัยรักสงบ ไม่ชอบความวุ่นวาย โดยเฉพาะความวุ่นวายจากคนภายนอก พอถึงเวลาชุมชนเริ่มเติบโตขึ้น นักท่องเที่ยวมีมากขึ้น คนต่างบ้านต่างเมืองเข้าไปมากขึ้น ก็ย้ายหนีลึกเข้าไปเรื่อย เหมือนกับกลัวความเจริญ จนกระทั่งปัจจุบันไม่มีที่ให้หนีแล้ว แต่นิสัยเขาก็ยังไม่เปลี่ยน ในเมื่อนิสัยไม่เปลี่ยน ถ้าเราจัดโครงการอะไรลงไปมาก ทำให้นักท่องเที่ยวเฮไปมาก ๆ เขาก็คงจะอึดอัดใจ มีชีวิตอยู่อย่างไม่มีความสุข"

เถรี
13-02-2019, 09:18
"เมื่อคุยกันไปแล้วท่านวัฒนธรรมก็นั่งกุมหัวเหมือนกัน ถามว่าแล้วจะช่วยเขาอย่างไร ? อาตมาก็บอกท่านว่า ถ้าเราเข้าใจนิสัยของเขาก็พอที่จะช่วยได้ ก็คืออย่าไปหวังความเจริญก้าวหน้าและการทำงานที่ต่อเนื่อง ถ้าไปหวังลักษณะอย่างนั้นไปไม่รอดอย่างแน่นอน ถ้าคิดจะลงทุนทำโครงการอะไรให้ลงทุนกับคนรุ่นใหม่ เด็กหนุ่มเด็กสาวรุ่นใหม่ ๆ เพราะว่าคนทั้งหลายเหล่านี้ส่วนใหญ่มีการศึกษา แล้วก็เห็นโลกมากกว่ารุ่นผู้เฒ่าผู้แก่ มีความเข้าใจดีว่าเรื่องทั้งหลายเหล่านี้เป็นเรื่องที่จำเป็นแล้ว"

เถรี
13-02-2019, 19:14
พระอาจารย์กล่าวว่า "เครื่องบวงสรวงวันเป่ายันต์เกราะเพชร ตั้งแต่มหาเอท่านรับภาระไป อาตมาก็เบาไปเยอะ ไม่อย่างนั้นแต่ละงวดก็ ๔๐,๐๐๐-๕๐,๐๐๐ บาท เดี๋ยวนี้พวกงานฝีมือจะราคาแพง โดยเฉพาะบายศรีคณะนี้ท่านทำประณีตมาก แต่ละต้นสูงท่วมหัว แล้วยิ่งทำก็ยิ่งคล่องตัว เพราะว่าสมัยก่อนกว่าที่จะทำบายศรีเสร็จก็เกือบ ๓ วัน เดี๋ยวนี้ครึ่งวันก็ได้บายศรีไหว้ครูแล้ว"

เถรี
13-02-2019, 19:34
พระอาจารย์กล่าวว่า "งานทำบุญ ๕ รอบของอาตมามีการบวชพระ ๑๐๘ รูป แต่รับสมัครนาคเอาไว้ ๑๑๐ ท่าน สำรองไว้ ๒ ท่าน เผื่อว่ามีใครติดภารกิจเร่งด่วนถอนตัวไป ๒ ท่านนี้จะได้เข้าไปแทน ต้องบอกว่า ๒ ท่านนี้เป็นผู้เสียสละอย่างมาก เพราะว่าโอกาสที่จะได้บวชมีน้อยมาก แต่ก็ยังอุตส่าห์สมัครเข้ามา

ก่อนหน้านี้ทางด้านคู่สวดยังไม่พร้อม ไม่มีความคล่องตัว การบวชแต่ละครั้งก็บวชช้า เดี๋ยวนี้สามารถที่จะประกันได้ว่าชั่วโมงหนึ่งได้ไม่ต่ำกว่า ๔ ชุด ถ้า ๔ ชุดก็เท่ากับ ๑๒ รูป ชั่วโมงหนึ่งได้ ๑๒ รูป ๙ ชั่วโมง ๑๐๘ รูป...หมดพอดี เราเริ่มบวชตั้งแต่เช้า ๖ โมงครึ่งถึง ๑๐ โมงครึ่ง ๔ ชั่วโมงได้ ๔๘ รูปก็พักไปฉันเพล บางวันอาตมาก็ลากยาวเลย จนกระทั่ง ๑๑ โมงครึ่งแล้วค่อยไปฉันเพล ก็ได้เพิ่มมาอีกประมาณ ๖ รูป ช่วงเช้าจึงน่าจะอยู่ที่ ๕๔ รูป ตอนช่วงบ่ายเที่ยงครึ่งก็เริ่มลงมือ น่าจะประมาณไม่เกิน ๔ โมงเย็นหรือ ๕ โมงเย็นก็ได้พระครบถ้วน

ปัจจุบันนี้ทางมหาคณิสสร ซึ่งเป็นคณะทำงานที่มีอำนาจรองลงมาจากมหาเถรสมาคม มีมติให้พระฝ่ายมหานิกายบวชแบบอุกาสะฯ ซึ่งเป็นแบบดั้งเดิมมา แล้วมาโดนเปลี่ยนโดยสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ให้บวชแบบเอสาหังฯ ซึ่งเป็นการบวชแบบพระธรรมยุต แต่ก็ยังมีบางวัดที่ยึดแบบอุกาสะฯ อยู่ เมื่อบวชแบบเอสาหังฯ กันทั้งประเทศ พอเปลี่ยนกลับมาเป็นแบบอุกาสะฯ ก็ยากแล้ว

อย่างกาญจนบุรีตอนนี้ก็มีวัดท่าขนุนที่บวชแบบอุกาสะฯ เต็มรูปแบบ เพราะว่าพระอุปัชฌาย์คู่สวดบวชแบบนี้ได้หมด ส่วนวัดอื่น ๆ พระอุปัชฌาย์ฝึกซ้อมแบบอุกาสะฯ มา คู่สวดบวชแบบเอสาหังฯ มาตลอด ก็ประสาทรับประทานกันไปข้างหนึ่ง ปรับสมองกันไม่ไหว ก็ต้องบวชแบบเอสาหังฯ กันต่อไป"

เถรี
13-02-2019, 23:46
มีโยมหลายคนเอาหน้ากากกันฝุ่นมาถวายพระอาจารย์ "หน้ากากกันฝุ่นอาตมามีมากพอที่จะเปิดร้านขายได้แล้ว ไม่ต้องซื้อเพิ่มมาอีก เพราะว่าถึงซื้อมาถวาย อาตมาก็ไม่ได้ใช้อยู่ดี เนื่องจากว่าอาตมาไม่กลัวฝุ่น สมัยเป็นฆราวาสก่อนจะไปเรียนวิชาทหาร เคยทำงานอยู่ในโรงงาน เป็นช่างสีอยู่หลายปี ฝุ่นสีหนักกว่านี้อีก ดังนั้น..อากาศแบบนี้อาตมายังสบายดี สมัยนั้นเป็นทั้งฝุ่นสีด้วย เป็นทั้งกลิ่นทินเนอร์ด้วย"

เถรี
15-02-2019, 18:07
ถาม : เป็นเบาหวาน ?
ตอบ : เบาหวานให้ใช้เม็ดลูกตาล ๕ เม็ด ล้างสะอาดแล้วผ่าครึ่งก็จะเป็น ๑๐ ซีก ใส่น้ำหม้อใหญ่ ประมาณหม้อเบอร์ ๓๕ ต้มเดือดแล้วกินแทนน้ำ กินสัก ๓-๔ วันแล้วรีบตรวจเลือด อย่าช้าเพราะว่าน้ำตาลลดเยอะ เดี๋ยวจะร่วง..!

วันก่อนมีโยมมาถามเหมือนกันว่ากำลังท้องอยู่ แล้วอาจจะต้องเอาเด็กออกเพราะเป็นเบาหวาน อาตมาเลยบอกให้ไปกิน ๓ วันแล้วไปให้หมอตรวจเลือด เขาบอกจาก ๔๐๐ เหลือ ๒๐๐ ทำอย่างไรต่อ ? จึงบอกกินอีก ๒ วันแล้วรีบไปตรวจเลือด เพราะไม่อย่างนั้นน้ำตาลลดมากเดี๋ยวตาย เป็นอะไรที่ลดน้ำตาลในเลือดได้เร็วมาก แต่ลดแรงน่ากลัว ถ้าคนกินไม่รู้จักบันยะบันยัง กินเกินคำสั่งเดี๋ยวจะตายเอา

ถาม : แสดงว่ากินอย่างนี้เราก็ต้องไปลดอาหารคุมด้วย ?
ตอบ : ถึงเวลาถ้าเราไม่ไปกินของแสลงใหม่ก็คงไม่ขึ้นหรอก แต่ว่าลดน่ากลัว ไม่กล้าแนะนำใคร เพราะว่าพวกที่ชอบนอกคอกมีเยอะ แต่ว่ารายนี้ที่แนะนำไปเพราะว่าเขาท้องแล้วต้องผ่า

ถาม : จาวข้างในไม่ต้องใช้ใช่ไหมครับ ?
ตอบ : ผ่าลงไปทั้งอย่างนั้นแหละ

ถาม : ใยไม่ต้องเอา ?
ตอบ : ล้างสะอาดแล้วก็ผ่า ใส่ลงไปเถอะ ใยอะไรก็ติดอยู่อย่างนั้นแหละ ล้างหน่อยก็จะขาว ๆ ซีด ๆ

เถรี
15-02-2019, 18:09
ถาม : ตอนนี้เราต้องกินอะไรจะได้ไม่เป็นภูมิแพ้ ?
ตอบ : ไม่ให้เป็นภูมิแพ้ก็เลิกกินนมวัว ภูมิแพ้ในเมืองไทยส่วนใหญ่เป็นเพราะแพ้นม สาเหตุของภูมิแพ้เกิดจากแพ้นมก่อน บางคนอาการไม่ได้ออกหนัก ไม่ได้ท้องเสีย แต่ลำไส้จะค่อย ๆ บวม

เถรี
15-02-2019, 18:14
ถาม : ฝุ่นบ้านเรานี่เยอะเป็นปกติหรือตามธรรมชาติคะ ?
ตอบ : ตามธรรมชาติ แต่ธรรมชาติของบ้านเราเป็นอย่างนี้เอง ...(หัวเราะ)...

ถาม : เห็นในกาญจนบุรี พื้นที่สีแดงเลย ?
ตอบ : ไม่รู้สิ ทองผาภูมิยังไม่รู้สึกอะไร โดยเฉพาะปีนี้ไม่มีไฟไหม้ ก็เลยยังเฉย ๆ กันอยู่

กาญจนบุรีที่แดงก็น่าจะเป็นพวกเผาอ้อย เพราะว่าฤดูนี้เป็นฤดูหีบอ้อย ส่วนใหญ่ที่เผาก็คือโรงงานจ้างเผา น่าตายมาก..! เพราะว่าอ้อยโดนเผาแล้วไม่สามารถที่จะไปไกลได้ ไปที่ไกล ๆ ไม่ได้เพราะว่าจะเปรี้ยวหรือบูดเสียก่อน ต้องรีบเอาเข้าโรงงานใกล้ ๆ โรงงานที่นครสวรรค์ เขาให้คนขับตันละ ๕๐ บาท แล้วคันหนึ่งอย่างต่ำก็ ๔๐ ตัน คุณเอาไปที่อื่นหมด เดี๋ยวผมไม่มี เพราะฉะนั้น...ก็จ้างเผาไปเลย

สมัยเด็ก ๆ ก็มีคนสอนให้เผาไร่อ้อย แต่อาตมายังไม่ชั่วพอเลยเผาไม่ได้ เอาไม้ขีดสัก ๔-๕ ก้านพันกับก้านธูป แล้วก็จุดธูปเอาไปปักไว้ใกล้ ๆ ใบอ้อยแห้ง แล้วคุณจะไปไหนก็ไป พอหัวไม้ขีดประทุไฟก็ติดใบอ้อยแห้งเลย แล้วหลักฐานทุกอย่างก็หมดเพราะว่าโดนไฟไหม้ นี่สอนวิธีทำชั่วให้แล้วนะ...!

ถาม : อย่างนี้วิบากเป็นอะไร ?
ตอบ : ถึงเวลาทรัพย์สินตัวเองก็ไม่เหลือ ถ้าไปทำให้คนหรือสัตว์ตายก็พลอยจะโดนไปด้วย

เถรี
15-02-2019, 18:18
บ้านโยมที่ด่านช้างมีไร่อ้อยอยู่ ๒๐๐ กว่าไร่ มีคนจะเผาอยู่เรื่อย ถามว่าจะป้องกันอย่างไร ? ก็เลยบอกว่าให้ยิงปืนเล่นทุกวัน ไม่มีอะไรจะทำก็ยิงเปรี้ยง ๆ ไปเรื่อย ดูซิว่าใครจะกล้ามาเผา ? สรุปก็คือยังรอดได้อยู่

เวลาไฟไหม้ไร่อ้อยน่ากลัวมาก เพราะว่าใบอ้อยครึ่งหนึ่งจะแห้ง พอใบอ้อยแห้งไหม้ครบ ใบสดก็หมดไปด้วย เพราะว่าใบสดทนไฟความร้อนสูงขนาดนั้นไม่ได้ ก็ติดไฟ ถึงเวลาอ้อยโดนไฟไหม้ไปไกลไม่ได้ ต้องไปโรงงานใกล้ ๆ เขาให้ราคาแค่ไหนก็ต้องรับแค่นั้น แล้วน้ำหนักส่วนหนึ่งก็หายไป เพราะว่าความชื้นโดนไฟไล่ไป

มีคนเขาบอกว่าเพชรสีเลือด...ใช่ไหม ? นี่คือน้ำตาลสีเลือด เผาเพื่อไม่ให้เขาไปไกล จะได้ไปขายให้โรงงานที่อยู่ใกล้ ๆ อย่างเมืองกาญจนบุรีจะไปวังขนายหรือไม่ก็ไปนครสวรรค์ ส่วนสุพรรณบุรี ถ้าหากว่าหลัก ๆ ไม่เข้ามิตรผลก็ออกอุทัยธานี ไปนครสวรรค์เหมือนกัน เพราะฉะนั้น...เขาต้องเผาจะได้อยู่ใกล้ ๆ ไม่ไปไหน

เถรี
15-02-2019, 18:22
ถาม : เมื่อครั้งที่แล้วสอบถามเรื่องล้มไปเฉย ๆ เป็นเพราะใจไปก่อนแล้ว ร่างกายมันแก่ตามไม่ทัน อย่างนั้นถือว่าเราขาดสติจดจ่อกับอิริยาบถไหมคะ ?
ตอบ : ก็จะบอกอย่างนั้นก็ได้ คือควรจะนึกรู้ว่าเราแก่แล้ว ควรที่จะไป ๆ ช้าหน่อย

ถาม : ลักษณะของการที่เราจดจ่อกับอิริยาบถอย่างนี้ ไม่ถือว่าฝึกสติให้ยึดในร่างกายหรือคะ ?
ตอบ : แค่มีสติรู้อยู่ทุกอิริยาบถ ถ้ามีปัญญาพอจะพลอยรู้ไปเลยว่า ทุกอิริยาบถนี้เป็นของร่างกายหรือไม่ใช่ของเรา

เถรี
15-02-2019, 18:51
พระอาจารย์สอนโยมเรื่องการเลี้ยงลูกเลี้ยงหลาน "ต้องตีนะ เลี้ยงแล้วไม่ตี แทนที่จะเลี้ยงเด็กเป็นลูกเป็นหลาน ก็จะกลายเป็นพ่อเราหรือบรรพบุรุษเรา เสียลูกไปคนหนึ่งแล้ว ถ้าหากว่ายังไม่ตีเดี๋ยวจะเสียหลานไปอีกคนหนึ่ง ถ้าไม่กล้าตีเอามาฝากวัด เดี๋ยวจะช่วยจัดการให้ ส่วนใหญ่พ่อแม่ทำใจไม่ได้ ไม่กล้าตีลูก กลายเป็นเมตตาในทางที่ผิด"

เถรี
15-02-2019, 19:05
ถาม : เวลาชวนคนที่บ้านเขาทำบุญ บางคนก็มีใจร่วมด้วย บางคนก็ไม่มี ?
ตอบ : อย่าชวนคนทำบุญ เป็นการกระทำที่โง่มาก มีแต่เสมอตัวกับขาดทุน ไม่มีกำไรเลย เสมอตัวก็คือถ้าทำแล้วดีอย่างที่เราว่า เขาก็ไม่ได้ตำหนิอะไรเรา แต่ถ้านอกจากเขาไม่ทำแล้วยังมีการคัดค้าน ดีไม่ดีอาจจะเป็นโทษปรามาสพระรัตนตรัย กลายเป็นซ้ำเขาหนัก เจอแค่ประโยคว่า “เธออยากบ้าก็บ้าไปคนเดียวเถอะ ฉันไม่บ้าไปด้วยหรอก” แค่นี้เขาก็แย่แล้ว

ถาม : บุญได้จากการที่เราไปบอกบุญคนไม่ใช่หรือคะ ?
ตอบ : ต้องรู้กาลเทศะ เคยได้ยินคำว่าหน้าบอกบุญไม่รับไหมเล่า ? ในเมื่อหน้าตาไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่บอกบุญแล้วจะรับ ทำอะไรทุกอย่างต้องดูกาลเทศะ ต้องทำแบบคนมีปัญญา ไม่ใช่มีแต่ศรัทธาอย่างเดียว ศรัทธาอย่างเดียวพาเละมาเยอะแล้ว

พวกที่มีศรัทธาจนขาดปัญญาอย่างชัดเจนที่สุดก็คือบรรดากัลยาณมิตร พวกนั้นนี่คนหนึ่งจะต้องไปบอกบุญต่อให้ได้ ๕ คน ก็เลยกลายเป็นอยู่ในลักษณะที่ไปจิกคนอื่นมา แล้วคนอื่นเขารู้สึกไม่ดี หลังจากนั้นแทนที่เขาจะคิดทำบุญสุนทานอะไรอีก เขาก็ไปเหมาว่าทั้งหมดก็คงเหมือนกัน ตัวเขาเองก็ไม่มีโอกาสสร้างความดี โทษใหญ่ก็เกิดขึ้นเพราะปรามาสพระรัตนตรัย

เถรี
15-02-2019, 19:23
พระอาจารย์กล่าวว่า "วันนี้มีโยมถามว่า ถ้าถวายทองคำหล่อสมเด็จองค์ปฐมครั้งละ ๑ กรัมไปเรื่อย ๆ กับถวายทีเป็นบาทเลย อย่างไหนได้อานิสงส์มากกว่า ? ก็ต้องบอกว่าถ้าทำต่างกรรมต่างวาระ หลายครั้งจะได้อานิสงส์มากกว่า แบบเดียวกับที่เราทำผิดแล้วศาลตัดสิน ถ้าหากว่าทำผิดหลายกระทงก็โดนหลายปีหน่อย"

เถรี
15-02-2019, 19:33
ถาม : ทางที่ผมเลือกถูกไหม ?
ตอบ : ไปถามหมอดู ตรงนี้ตอบปัญหาธรรมะ ไม่ได้ตอบปัญหาของหมอดู ถามว่าทางที่ผมเลือกถูกไหม ? ต้องให้ไปถามหมอดู

ไปถามท่านอาจารย์เอกลักษณ์ที่วัดพุทธพรหมยานก็ได้ รายนั้นดูหมอแม่นเด็ดขาด ทั้ง ๆ ที่ยังเป็นพระหนุ่ม ๆ ทายไอ้ทิดที่วัดของอาตมาว่า ปีนี้ถ้าแก้ไม่ได้ก็ตาย ปรากฏว่าตายจริง ๆ แสดงว่าแก้ไม่ได้

เถรี
15-02-2019, 20:38
โยมมาถวายสังฆทาน "ถวายเส้นผมจะได้อานิสงส์อะไร ...(หัวเราะ)... (โยมบอกว่ากำลังจะไปถวายเส้นผมพอดีเลย) แอบไปรู้เรื่องชาวบ้านก็เลยขอคุยด้วย

ถวายเส้นผมน่าจะได้เบญจกัลยาณีแบบผมงาม บาลีเขาบอกว่า นางวิสาขามีความงามที่เรียกว่าเบญจกัลยาณีอยู่ ๕ อย่าง คือผมงาม ผิวงาม ปากงาม ฟันงาม วัยงาม

ผมงามท่านบอกว่าผมจะมีความยาวพอเหมาะพอดี ต้องการยาวแค่ไหนก็แค่นั้น ต้องการทรงไหนก็ทรงนั้น ดีเหมือนกัน ไม่ต้องเสียเวลาไปหาช่าง

ผิวงาม ท่านบอกว่า ผิวส่วนที่บางที่สุดของร่างกายคือริมผีปาก เพราะฉะนั้นดูปากก็รู้ว่าผิวสวยไหม ส่วนกระดูกที่เห็นชัดที่สุดก็คือฟัน ฉะนั้นก็ฟันงาม เขาบอกว่า งามทนต์ยลปลั่งดั่งสังข์ขัด"

เถรี
15-02-2019, 20:39
"ผิวงาม ถ้ายุคสมัยนั้นนิยมผิวสีอะไรก็จะสวยแบบผิวสีนั้น ถ้ามาชนิดตกใต้ถุนต้องจุดไฟหา ก็จะงามแบบคนผิวดำ เคยเห็นผู้หญิงผิวดำที่สวยที่สุดในโลกไหม ? เขาดำก็จริงแต่ผิวเนียนละเอียดมากเลย

วัยงาม งามด้วยอายุ ท่านกำหนดไว้ว่าคลอดลูกคนแรกอายุเท่าไร หน้าตาจะอยู่ประมาณนั้นตลอดไป คราวนี้นางวิสาขาคลอดลูกคนแรกตอนอายุ ๑๗ ปี หน้าตาก็เป็นสาวอายุ ๑๗ ปีไป ๑๒๐ ปี ไม่ต้องไปฉีดโบท็อกซ์ ไม่ต้องไปดึงหน้า"

เถรี
15-02-2019, 20:43
"วันก่อนมีคนบอกว่าอดีตนางงามจักรวาลของไทยอายุ ๗๒ ปีแล้ว ยังมีความงาม หน้าตาเหมือนสาวอยู่เลย ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจ่ายไปเท่าไร เรื่องของคนแก่ที่ไม่ยอมรับว่าแก่ ก็ต้องเหนื่อยกับการรักษาความสาวของตัวเองไว้

สมัยอาตมาเด็ก ๆ บรรดาป้าน้าอารุ่นนั้น ถ้าหากว่ามีลูกสัก ๒ คนก็ปล่อยตัวแก่ไปเลย คนอายุ ๓๐ ปีในยุคนั้นรู้สึกว่าเป็นผู้ใหญ่มาก รุ่นของเรา ๓๐ ปีแล้วยังเป็นเด็กอยู่เลย ฉะนั้น...อย่าพยายามไปปิดบังในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ เพราะร่างกายร่วงโรยเป็นปกติ ถ้าหากว่าเราต้องการให้ดูดีอยู่ตลอด ก็ต้องเหนื่อย แล้วก็สิ้นเปลืองมาก

ที่เหนื่อยก็อย่างโยมบางคน กว่าจะแต่งหน้าออกจากบ้านได้ เกือบ ๒ ชั่วโมง ยิ้มแต่ละที เกรงว่าหน้าจะแตกหรือเปล่าก็ไม่รู้ โปะหนาไปหน่อย บางคนถึงเวลาต้องไปดึงหน้า ดึงผิว ดึงไปทั้งตัว ดึงทำไม ? คนแก่ผิวเหี่ยว ๆ น่ารักจะตาย อาตมาตอนเด็ก ๆ จับใต้แขนยายดึงเล่นยืด ๆ ถ้าดึงแล้วถึงจะหลับได้ ถ้าไม่ดึงแขนยายแล้วนอนไม่หลับ แปลว่าถ้าไม่มีอะไรเหี่ยว ๆ อยู่ใกล้แล้วจะนอนไม่หลับ"

เถรี
15-02-2019, 20:48
"ฉะนั้น...ต้องเป็นไปตามวัยจึงเรียกว่างามวัย แต่ของนางวิสาขางามวัยในลักษณะงามด้วยบุญ หน้าตาอายุ ๑๗ ปีไปจนกระทั่ง ๑๒๐ ปี ถือว่าสร้างบุญไว้ดี

โยมเมื่อครู่จะไปบริจาคเส้นผม ถึงได้ถามว่าบริจาคผมได้บุญแบบไหน ? โยมไม่ได้ถาม อาตมาถามเอง เล่นเอาโยมช็อก จะไปบริจาคผมยังอุตส่าห์ไปรู้เรื่องเขาอีก

นางวิสาขาผมงาม ถ้ายุคนั้นนิยมแบบนางตานีนี่ยุ่งเลย เคยเห็นแม่ตานีไหม ? มาแต่ละที ห่มสไบเขียว ๆ ผมยาวถึงน่อง เห็นใครผมยาว ๆ อาตมาไปก่อนนึกแล้ว ยายนี่ไม่ตะเคียนก็ตานีแน่เลย"

เถรี
15-02-2019, 20:49
"เมื่อ ๒ ปีก่อนต้องไปปรามแม่ตะเคียนไว้ ออกดอกสะพรั่งไปทั้งวัดเลย โตเป็นสาวแล้ว ได้โปรดอย่าไปยุ่งกับพระนะลูก เขาปลูกมาตั้งแต่โน่น...ยุคของท่านอาจารย์สมเด็จ ท่านอาจารย์สมพงษ์ ต้องบอกว่า ๑๐ กว่าเกือบ ๒๐ ปี เพราะว่าอาตมาเป็นเจ้าอาวาสที่นี่ปีที่ ๑๑ บานทีดอกตกเกลื่อนโคนต้นเลย

มีใครเคยเห็นต้นตะเคียนออกดอกไหม ? ออกยากหน่อยนะ เสียดายอยู่อย่างเดียวว่า พวกเราส่วนใหญ่ที่อยู่ในวัดมีพระกับชี เจ้าอาวาสไม่เล่นหวย จึงห้ามพวกที่เหลือไม่ให้เล่นด้วย ไม่อย่างนั้นได้ไปขูดกันสนุก เสียดายว่าดอกหมดไปแล้ว รองวดใหม่ก็แล้วกัน เผื่อว่าจะออกบ้าง

งวดนี้ได้หวยหลวงพ่อคูณ รวยไปตาม ๆ กัน หลายคนก็บอกว่าทำมาหากินไม่ดี แล้วก็เป็นเรื่องแปลก แปลกตรงไหน ? หนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ทุกช่อง ลงข่าวคนถูกหวยหลวงพ่อคูณ ซื้อใต้ดิน แต่ทำไมตำรวจไม่รู้ ? ก็แปลว่าคนเขารู้กันทั้งประเทศแต่ตำรวจไม่รู้ ดีเหมือนกันนะ"

เถรี
15-02-2019, 21:11
ถาม : จิตเราไปนึกถึงคาถาบทนี้ ๆ แต่ไม่ใช่บทที่เราชอบ ?
ตอบ : ถ้านึกถึงพระได้ก็ใช้ได้เหมือนกัน ยกเว้นว่าเราต้องการอานุภาพอะไรที่พิเศษต่างหากออกไป ค่อยไปใช้บทเฉพาะแบบนั้น

สภาพจิตเคยชินก็ตามที่จิตเราชิน อาตมาเจอหลวงปู่หลวงพ่อหลายรูป ท้าย ๆ ก็เหลือคาถาบทเดียว ใครไปท่านก็เล่นแต่บทนั้น ขออะไรก็บทนั้นแหละ...แล้วได้ทุกเรื่องเหมือนกัน เพราะว่าสภาพจิตของท่านทรงตัวแล้ว

เถรี
15-02-2019, 21:14
พระอาจารย์กล่าวว่า “เมื่อเดือนที่แล้วมีดราม่า น้องน้ำใส บีเอ็นเค๔๘ ใส่เสื้อลายสวัสดิกะไปร้องเพลง ปรากฏว่าโดนด่าทั่วโลกเลย เรื่องนี้จะไปโทษเด็กก็ไม่ได้ เพราะว่าทำไปโดยไม่รู้ ที่น่าโทษที่สุดก็ต้องระบบการศึกษาไทย ทำไมไม่เน้นย้ำอะไรที่เป็นประวัติศาสตร์และเป็นความอ่อนไหวของโลก ?

ที่บอกว่าโทษเด็กไม่ได้ เพราะว่าเด็กสมัยนี้พอถามว่าสวัสดิกะเป็นเครื่องหมายอะไร ? ตอบไม่ได้สักคน ต้องบอกว่าอ่อนประวัติศาสตร์เป็นพิเศษ ก็เลยสงสัยว่ารุ่นของอาตมาเรียนภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ สารพัดสารเพ รุ่นนี้ไม่ได้เรียนกันหรืออย่างไร ? เราจะรู้ว่ายิวกับคริสต์มีรากฐานมาจากบุคคลเดียวกัน แล้วก็จะได้รู้ว่ายิวอย่างตาไชล็อกเป็นอย่างไร ..(หัวเราะ).. รุ่นนี้ไม่มีใครเรียนแล้วกระมัง..เวนิสวาณิช"

เถรี
15-02-2019, 21:17
"คราวนี้การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ยิวของนาซีซึ่งนำโดยฮิตเลอร์ ผู้นำประเทศเยอรมัน เป็นเรื่องเลวร้ายที่ไม่มีชาติใดในโลกยอมรับได้ เขากะจะให้เหลือแต่เผ่าพันธุ์อารยัน ซึ่งก็คือเยอรมันอย่างเดียว โชคดีที่ว่าผู้นำทางทหารของเยอรมันตัดสินใจวางแผนรบผิด ไม่อย่างนั้นเยอรมันก็ครองโลกไปแล้ว

เหตุที่วางแผนรบผิดเพราะว่า ช่วงนั้นไปล้อมประเทศโซเวียตโดยเฉพาะสตาลินกราดเอาไว้แล้วไม่บุก ล้อมอยู่เป็นปีจนกระทั่งทหารหมดเสบียง ทนสภาพอากาศโหดร้ายของรัสเซียไม่ไหว จึงแพ้สงครามไปเอง

ไม่ทราบเหมือนกันว่าตอนนั้นผู้นำทัพของเยอรมันคิดอะไรอยู่ ? เพราะว่าปกติไปที่ไหนก็ถล่มเขาราบเป็นหน้ากลอง โดยเฉพาะกรุงวอร์ซอ ประเทศโปแลนด์ ไม่เหลืออะไรที่มีสภาพเดิมอยู่เลย แต่พอไปรัสเซียกลับล้อมไว้เฉย ๆ เหมือนเกรงใจ กลัวว่าจัตุรัสมอสโกในปัจจุบัน ซึ่งสมัยก่อนคือสตาลินกราด จะพังหรืออย่างไร ?"

เถรี
15-02-2019, 21:20
"อาจจะเป็นเพราะว่าประเมินกำลังใจของคนรัสเซียผิด คิดว่าเจอแสนยานุภาพของอาณาจักรไรซ์ที่สาม ก็น่าจะยอมแพ้ง่าย ๆ ไม่อยากจะเปลืองทรัพย์สิน ไม่อยากจะเปลืองกำลังพล ก็เลยล้อมเอาไว้เฉย ๆ ปรากฏว่ารัสเซียสู้ใจขาดเลย เป็นตายก็ไม่ยอมแพ้ เขาบอกว่ายุคนั้นในสตาลินกราด หนูสักตัวก็ไม่มีเหลือ เพราะว่าคนไม่มีอะไรจะกิน จับหนูกินหมด อดอยากถึงขนาดนั้นก็ยังไม่ยอมแพ้ จนกองทัพเยอรมันแพ้ภัยไปเอง เพราะว่าไปไกล ส่งกำลังบำรุงไม่ไหว และอากาศสุดที่จะทน เพราะว่าหนาวสุด ๆ ลบยี่สิบกว่าองศาเซลเซียสขึ้นไป

ตอนนั้นเยอรมันจับมือกับญี่ปุ่นว่า ถ้าชนะสงครามแล้วจะแบ่งกันครองครึ่งโลก โดยมีเป้าหมายร่วมกันอยู่ที่อินเดีย ญี่ปุ่นทำได้สำเร็จตามเป้าหมาย ไปรออยู่ที่พม่าแล้ว แต่เยอรมันติดอยู่ที่รัสเซียหน่อยเดียว เพราะว่าถ้าเลยรัสเซียกลางลงมาทางด้านนี้ สารพัดประเทศ ‘สถาน’ ทั้งหลาย อย่างอุซเบกิสถาน ทาจิกิสถาน คาซัคสถาน ก็เป็นเอเชียแล้ว คือติดอินเดียไปแล้ว เพราะฉะนั้น..ถ้าหากว่าผู้นำทหารเยอรมันตัดสินใจบุกตั้งแต่แรก ป่านนี้โลกนี้ก็คงเหลือแค่สองภาษา ก็คือภาษาเยอรมันกับภาษาญี่ปุ่น แต่บังเอิญว่าตัดสินใจผิด"

เถรี
15-02-2019, 21:21
"การที่เยอรมันเข่นฆ่าล้างผลาญชาวยิวเป็นล้าน ๆ นั้นไม่มีใครยอมรับได้ กลายเป็นบาดแผลที่ฝังลึก กระทบเมื่อไรก็เป็นเรื่องเมื่อนั้น คราวนี้เด็กของเราไม่เข้าใจประวัติศาสตร์ ต้องบอกว่าเด็กสมัยนี้หาที่ตั้งใจเรียนได้ไม่ถึง ๑๐ เปอร์เซ็นต์ ส่วนมากเรียนเพื่อให้จบ ไม่ได้เรียนเพื่อให้รู้ ก็เลยไปย้อนเกล็ดมังกรของชาวโลกเขา ..(หัวเราะ)..

โบราณเขาบอกว่า ใต้คางมังกรมีเกล็ดย้อนอยู่แถวหนึ่ง ถ้าใครไปกระทบถูก มังกรจะโกรธมาก..! พอไปย้อนเกล็ดมังกรเข้า ชาวยิวรับไม่ได้ บรรดาผู้ที่รักความยุติธรรมและต่อต้านสงครามทั่วโลกรับไม่ได้ ประเทศไทยเลยโดนด่าจมธรณี จากเครื่องหมายสวัสดิกะบนเสื้อนักร้องอันเดียว

ยังดีที่ว่าทางด้านผู้บริหารของบริษัทเขาทำงานเป็น พอรู้ตัวว่ากระทบเรื่องอ่อนไหวเข้าก็รีบไปขอขมา โดยเฉพาะพานักร้องไปขอโทษที่สถานทูตอิสราเอล เรื่องบางอย่างไม่น่าเชื่อว่าเด็กรุ่นใหม่จะไม่รู้เรื่องเลย แต่ก็เป็นไปแล้ว คือบ้านเรามีอินเทอร์เน็ตเอาไว้ไม่ได้ค้นคว้าหาความรู้ ส่วนใหญ่มีเอาไว้เพื่อเล่นเฟซบุ๊ก เอาไว้เล่นไลน์ เป็นต้น..!”

เถรี
16-02-2019, 07:31
พระอาจารย์กล่าวว่า “การเรียนบาลีนี่บางทีก็ขึ้นอยู่กับบุญเหมือนกัน บางคนดวงยากเข็ญก็สอบอยู่นั่นแหละ

ไปนึกถึงหลวงพ่อเจ้าคุณพระเทพมหาเจติยาจารย์ เป็นเจ้าคุณศรีฯ ประโยค ๙ อยู่เกือบสามสิบปี จนกระทั่งเพื่อนขึ้นเป็นรองสมเด็จพระราชาคณะ ก็คือท่านเจ้าคุณพรหมมุนี ปัจจุบันเป็นสมเด็จพระวันรัต วัดบวรนิเวศวิหาร ก็ดันท่านขึ้นไปเป็นเจ้าคุณชั้นราช ที่พระราชรัตนมุนี แล้วก็ค่อยขยับขึ้นมาเป็นพระเทพมหาเจติยาจารย์ คนหนึ่งเป็นสมเด็จ คนหนึ่งเพิ่งจะไปแค่ชั้นเทพ

ถึงได้บอกว่าเรื่องของการแข่งเรือแข่งพายแข่งกันได้ แต่แข่งบุญวาสนานั้นแข่งกันไม่ได้ แบบที่เมื่อเช้าพูดถึงท่านเจ้าคุณแย้ม ท่านบอกแล้วว่า 'อย่าเกเรอย่างกู ถ้ามึงเก มึงก็ต้องให้ได้อย่างกู' ก็คือตอนนี้ท่านเป็นเจ้าคุณชั้นเทพแล้ว เป็นเจ้าอาวาสพระอารามหลวงแล้ว รับงานใหญ่ ๆ โต ๆ ทั่วประเทศ”

เถรี
16-02-2019, 07:36
ถาม : น้องที่บ้าน ลูกเขาแท้งสองรอบ เขาไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร ?
ตอบ : ต้องดูว่าสาเหตุของการแท้งคืออะไร ?

ถาม : เขาบอกว่าเขาแท้งรอบแรกประมาณสองเดือน รอบที่สองก็ประมาณสองเดือน อยู่ ๆ เขาก็ดร็อปไปเฉย ๆ ?
ตอบ : ถ้าอย่างนั้นก็คงประเภทเดียวกับโพธิราชกุมารกระมัง ไม่เป็นไร อายุยังน้อยอยู่ ผลิตใหม่ได้..!

ถาม : เนื่องด้วยกรรมหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : บางอย่างผู้หญิงเวลาท้อง ถ้าทำงานอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์นาน ๆ ก็แท้งเอาง่าย ๆ เลย ต้องถามเขาด้วยว่าทำงานเกี่ยวกับพวกนี้หรือเปล่า ?

ถาม : ทำงานโรงงานพลาสติกครับ เขาอยากได้ลูกมาก ถึงกับร้องไห้เลย ?
ตอบ : นี่ถ้าตูมีลูกตูจะร้องไห้..! ส่วนนี่ไม่มีลูกแล้วร้องไห้ ..(หัวเราะ).. เขาเรียกว่าความต้องการไม่เสมอกัน

เถรี
16-02-2019, 07:37
ลองไปบนขอกับหลวงพ่อโสธรดู บอกขอลูกสักคน ขอให้เด็กที่เกิดมาปลอดภัย สมบูรณ์ แข็งแรง เลี้ยงง่าย โตเร็ว อะไรก็ว่าไป ไปขอที่อื่นอาตมาก็ไม่ค่อยไว้ใจ ขอหลวงพ่อโสธรดีกว่า

หลวงพ่อโสธรท่านขลังขนาดขออย่างไรได้อย่างนั้น มีอยู่คนหนึ่งไม่อยากให้ลูกตัวเองดื้อ ก็ขอว่า “ขอให้เป็นคนซื่อ ๆ ตรง ๆ” พอเกิดมาลูกตัวแข็งทื่อกระดิกไม่ได้..! ไปถามหลวงพ่อวัดท่าซุง หลวงพ่อถามว่า “ไปขอมาจากไหน ?” “ไปขอมาจากหลวงพ่อโสธร” ถาม “ขออย่างไร ?” “ขอให้ลูกเป็นคนซื่อ ๆ ตรง ๆ” ท่านบอกว่า “มึงไปบอกใหม่ บอกเอาลูกเป็นคนซื่อตรงและให้ขยับได้ด้วย..!” ท่านแค่ทำให้รู้ว่าเราขอไม่รอบคอบ

เถรี
16-02-2019, 07:50
ถาม : ถ้าขอให้ผมสอบผ่านบาลี ผมขอหลวงพ่อได้ไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าจะขอแบบนั้น ขอให้ผมสอบแทนเลยจะดีกว่าไหม ?

เถรี
16-02-2019, 07:51
ถาม : สอบบาลีปีนี้ หลวงพ่อช่วยสงเคราะห์ได้ไหมครับว่าจะออกเรื่องไหนครับ ?
ตอบ : จะมักง่ายไปไหม ? แบบนี้เรียกว่าไร้ฝีมือ...ต้องทำเอง

ตั้งแต่ปีที่มหาเอสอบ ต้องบอกว่าเรื่องบางอย่างนี่ฝืนไม่ได้จริง ๆ โทรไปเท่าไรก็ไม่ติด มาติดตอนสอบเสร็จแล้ว ท่านว่า “พระอาจารย์มาบอกทำไมตอนนี้” “ก็ผมโทรไปตั้งแต่ก่อนคุณสอบแล้ว คุณไม่รับสายนี่หว่า..!” “อ๋อ...เข้าห้องแล้วเขาให้ปิดโทรศัพท์ครับ” ..(หัวเราะ)..

ถาม : แบบนี้ต้องไลน์มาเลยครับ ?
ตอบ : หลักฐานคาจอ จะพาซวยทีหลังนะสิ..!

เถรี
16-02-2019, 08:04
ปีที่มหาเอสอบประโยค ๗ หลวงพ่อสมเด็จฯ วัดปากน้ำ ท่านก็นั่งเป็นประธานอยู่ตรงหน้าพอดี โยชนาเขาอนุญาตให้เปิดหนังสือดูได้ทุกคน คราวนี้ตัวเองนั่งอยู่ตรงหน้าหลวงพ่อสมเด็จฯ แล้วก็เป็นพระวัดปากน้ำด้วย ก็เลยไม่กล้าเปิด คนอื่นเขาสอบได้กันหมด ท่านตกอยู่คนเดียว..!

อย่างสมัยผมสอบปริญญาตรี ท่านอาจารย์ ดร.ชิต คุมห้องสอบ ท่านค่อนข้างจะเข้มงวด ผมนั่งอยู่ท้ายห้อง ท่านก็มานั่งคุยอยู่ข้างหู ท่านรู้ว่าถึงชวนคุยผมก็ทำข้อสอบได้ คราวนี้พระอื่นก็ตายหมด อยู่ท้ายห้อง มองไปข้างหน้าห้องก็เห็นหมด จะขยับอะไรก็ไม่ได้เลย ก็ได้แต่ภาวนาให้ท่านอาจารย์เมื่อยสักที จะได้ไปนั่งที่โต๊ะหน้าห้อง..(หัวเราะ).. ส่วนผมทำเสร็จก็ไปแล้ว ท่านอาจารย์ ดร.ชิต เป็นประโยค ๙ รุ่นแรก ๆ เลยที่จบด็อกเตอร์

เถรี
16-02-2019, 08:19
ไปนึกถึงพระรุ่นเก่า ๆ ที่ท่านเรียนบาลี เพียรพยายามกันขนาดต้องนอนหนุนมะพร้าวอย่างนี้ ถึงเวลาพลิกทีหนึ่ง หัวหล่นก็ตื่น..ท่องบาลีต่อ ไม่มีไฟก็เอาธูปมา ๒ ดอก ๓ ดอกจุดเอา ถึงเวลาเป่าทีหนึ่งมองตัวหนังสือได้ตัวสองตัวก็ท่องไป พอท่องได้แล้วก็เป่าธูปใหม่ดูคำต่อไป

เถรี
16-02-2019, 08:24
เวลาไปงานอบรมผมก็ชอบเดินไปดูตามห้องว่าเขาทำอะไร ผมว่าที่อบรมนี่ได้ผลไม่ถึง ๓๐ เปอร์เซ็นต์ บางคนยังไม่มีพื้นฐานเลยแล้วไปอบรม อย่าลืมว่าอบรมบาลีเป็นการติว แค่ทบทวนเนื้อหาสำคัญเท่านั้น ไม่ใช่ไปเริ่มต้น สิ โย อํ โย เสียเมื่อไร เพราะฉะนั้น..พอพื้นฐานตัวเองไม่แน่น ก็นั่งสัปหงกไปเถอะ เพราะว่าฟังไม่รู้เรื่อง

บางทีอาจารย์พูด ผมเองผมก็สงสัยทำไมเป็นอย่างนี้วะ ? "อันว่าสามเณรชั่วเรวัตตะนั้น..อันว่าสามเณรชั่วเรวัตตะนั้น" มาจากไหนวะ ? ท้ายสุดต้องไปเปิดดู อันว่าสามเณร “ชื่อว่า” เรวัตตะ เขาพูดกล้ำเร็วมากเลย ผมก็ว่าคำนี้มาจากไหน..สามเณรชั่ว กูไม่เคยได้ยิน..! ไปเจออาจารย์แบบนี้ถ้าลูกศิษย์ไม่ขวนขวายก็คลั่งเลย ไม่เข้าใจว่ามาได้อย่างไร

เถรี
16-02-2019, 08:25
เรื่องบาลีก็อย่างที่ว่านั่นแหละ บางคนก็ดวงเฮงอ่านถูกที่พอดี ต้องเชื่อสัญชาตญาณตัวเอง ถ้าบอกว่าตรงนี้ใช่ก็เน้น ๆ หน่อย แต่ถ้าจะเอาอย่างท่านอาจารย์มหาสันติก็คงไม่ได้หรอก รายนั้นไปท่องบาลีอยู่หลังพระประธาน เทวดาเดินออกมาบอกเลย “เอาสองหน้านี้” ท่านก็เชื่อนะ สอบประโยค ๗ ด้วย..! ท่องอยู่แค่สองหน้าแล้วสอบได้เลย

พอประโยค ๘ รีบไปใหม่ ไม่ให้เว้ย ..(หัวเราะ).. ประโยค ๘ คุณไปเหนื่อยเอาเองเถอะ..! ท่านก็สงเคราะห์ตามวาระ พอพ้นวาระไปแล้วก็ไม่ได้อีก โบสถ์วัดสร้อยทอง ท่านเหนื่อย ๆ ก็นอนภาวนาแล้วก็หลับไปเลย เห็นเทวดาเดินออกมาบอกเลย

ส่วนมหาปรีชาสอบปีแรกก็ตก ถามว่าทำไม ? อ่านไปถึงตรงนั้นพอดี แต่อ่านได้แค่ครึ่งเดียว น่าเจ็บใจกว่าอ่านไม่ถึงตั้งเยอะ..!

เถรี
16-02-2019, 08:26
บางทีเจออาจารย์หักหลัง ออกปณามคาถา ..(หัวเราะ).. เคยไปเปิดดูข้อสอบเก่าไหม ? ออกอะไรไม่ออก ออกปณามคาถา ถ้าเป็นของไทยก็คำนำ แทนที่จะออกเนื้อหาดันไปออกคำนำ..!

อย่างผมสอบพระอุปัชฌาย์ก็เหมือนกัน เขาถามว่า เมื่อวันปฐมนิเทศ ประธานให้โอวาทว่าอย่างไร ? ผมตอบได้อยู่คนเดียวจริง ๆ คนอื่นลืมหมด ๗ วันมาแล้ว ..(หัวเราะ).. เป็นเราก็คงไม่นึกหรอกว่าเขาจะออกอย่างนั้น เขาต้องออกเนื้อหาในกฎมหาเถรสมาคม นี่เล่นออกโอวาทของประธาน ท่านคงอยากจะรู้ว่ามีใครสนใจสิ่งที่ประธานพูดและจดจำได้บ้าง

เถรี
16-02-2019, 08:31
ถาม : คำภาวนาโสตัตตะภิญญาใช้ฝึกมโนมยิทธิได้ไหมครับ ?
ตอบ : มโนมยิทธิเขาให้ใช้ นะมะพะธะ โดยตรง เหตุที่ต้องใช้โดยตรงเพราะว่าเหมือนกับเป็นสัญญาณบอกฝ่าย ก็คือถ้าหากว่าใครใช้คำภาวนานี้แล้วท่านจะสงเคราะห์ ถ้าเราไปใช้ผิดท่านไม่ช่วย ก็ต้องใช้กำลังตัวเอง เหนื่อยตายเลย

เถรี
16-02-2019, 08:36
ถาม : การที่เป็นคนมีความเชื่อมั่นในตัวเองสูงกับมานะ ต่างกันอย่างไร ?
ตอบ : คล้าย ๆ กัน คนที่มีความเชื่อมั่นในตัวเองสูง ถ้าหากว่าขาดปัญญาหรือไม่รู้กาลเทศะในการปฏิบัติตน วางตน จะกลายเป็นมานะไป

เคยได้ยินคำว่า “ขัตติยมานะ” ไหม ? นั่นแหละ..เต็ม ๆ เลย พระมหาอุปราชาไม่คิดจะรบกับพระนเรศวร แต่ขัตติยมานะทำให้ต้องรบ เพราะว่าโดนท้าทายต่อหน้าสมัครพรรคพวกตั้ง ๑๒ คน ซึ่งบรรดาลูกเจ้าเมืองต่าง ๆ ก็เป็นลูกไล่ของท่านมาทั้งนั้น ถ้าหากว่าตัวเองไม่ยอมรับ ถ้าเกิดรอดไปได้นี่ก็ไม่รู้ว่าจะมองหน้าใครได้

เถรี
16-02-2019, 08:53
ถาม : มีนักการเมืองคนหนึ่งเคยเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เขาบอกว่าไม่ต้องเรียนประวัติศาสตร์ เมื่อไม่ต้องเรียนประวัติศาสตร์แล้วให้แต่งตำราออกมาว่าฝันไป ในเมื่อฝันไป ประวัติศาสตร์ไทยจึงรางเลือนไป โทษเด็กนักเรียนไม่ได้ ในระยะเวลาเดียวกันก็ออกมาด้วยว่า ห้ามเขียนว่าพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติไทย ?
ตอบ : อาตมาถึงบอกว่าไม่ได้โทษเด็ก แต่โทษระบบการศึกษาของเรา แล้วระบบการศึกษามาจากไหน ? ก็มาจากบรรดาท่านทั้งหลายที่มีอำนาจนั่นแหละ โดยเฉพาะเห็นเด็กเป็นหนูทดลองยา พอตัวเองมาก็เปลี่ยนหลักสูตรใหม่ เปลี่ยนวิธีการใหม่ ยุ่งไปหมด แล้วดูระบบ “ควายเซ็นเตอร์” จนป่านนี้สำเร็จไหมเล่า ? ๒๐ กว่าปีแล้ว

ถาม : ระบบเอาเด็กเป็นศูนย์กลาง มาจากที่ภรรยาของผู้มีอำนาจบริหารตอนนั้นเรียนปริญญาโท เขาอยากทดลองเอามาสอนเด็กพิเศษ แต่สามีดันอยากมีผลงาน เลยเอามาใช้ทั้งประเทศไปเลย ก็เลยมาจนถึงบัดนี้ ?
ตอบ : ในส่วนของเอาเด็กเป็นศูนย์กลางจริง ๆ ถูก แต่ไม่ถูกตรงที่เขาไม่ได้ดูบริบทของสังคมบ้านเรา ไปเลียนแบบต่างประเทศมาโดยไม่ลืมหูลืมตา ต่างประเทศเขาให้เด็กทำอะไรด้วยตนเอง คิดด้วยตนเองมาตั้งแต่ยังไม่ทันจะเดินได้ เคยเห็นฝรั่งกี่คนอุ้มลูกบ้าง ? ถึงเวลาเตาะแตะ ๆ ได้ก็จูงเดินแล้ว จะเดินหรือไม่เดิน ? ถ้าแหกปากร้องก็ทิ้งไว้ตรงนั้นเลย เด็กก็ต้องตามมาเอง ก็ต้องพยายามตะเกียกตะกายเอง ก็ทำให้เขารู้จักคิด รู้จักเอาตัวรอด ในเมื่อใช้ระบบให้เด็กเป็นศูนย์กลางเขาก็สามารถที่จะรองรับได้

ส่วนบ้านเรานี่ไม่มีหรอก ตัวเล็กกว่าควายนิดเดียวยังโอ๋อยู่ตลอด..! ก็เลยทำให้เด็กของเราคิดไม่เป็น ทำไม่เป็น ในเมื่อคิดไม่เป็น ทำไม่เป็น ไปเอาระบบที่ให้เด็กเป็นศูนย์กลางก็ไปไม่รอด

เถรี
16-02-2019, 08:55
ระบบนั้นดี แต่ไม่เหมาะสมกับสังคมของเรา ของเก่าเราให้ท่องจำ เขาก็บอกว่าไม่เหมาะ ไม่ควร ไม่ดี เพราะว่าได้แต่จำอย่างเดียว ถึงเวลาก็มาทดสอบวิธีใหม่ คือให้คิด คราวนี้เด็กของเราไม่รับอนุญาตให้คิด เข้าใจไหม ? ขนาดถามว่า “ลูกโตขึ้นอยากเป็นอะไร ?” “อยากเป็นนักร้อง” “ทำไมไม่เป็นหมอ ?” เอ้า..ตกลงจะให้ลูกคิดเองไหม ? ก็คือโดนตีกรอบทางความคิดมาตั้งแต่เด็ก จะคิดเองเมื่อไร ผู้ใหญ่ก็บังคับให้คิดเรื่องอื่นเมื่อนั้น ก็เลยทำให้เด็กเราคิดไม่เป็น ระบบก็เลยพิกลพิการ ครึ่ง ๆ กลาง ๆ อย่างที่เห็นนี่แหละ ลงทุนเกี่ยวกับการศึกษามากที่สุด แต่ผลที่ได้รับน้อยที่สุดจนน่าเวทนา

ดังนั้น..อาตมาถึงเห็นว่า ถ้าหากว่าพ่อแม่มีศักยภาพเพียงพอ ส่งลูกไปเรียนต่างประเทศเถอะ ประเทศไหนก็ได้ ในอาเซียนของเราส่งไปสิงคโปร์ก็ได้ ถ้าหากว่าต่างประเทศสามารถไปอังกฤษหรืออเมริกาได้ก็ดี ถ้าไม่ได้เอาแค่จีน ญี่ปุ่นก็พอ

เถรี
16-02-2019, 08:56
ถาม : แล้วระบบการใช้เหตุใช้ผล ให้เด็กเป็นศูนย์กลางนี่ มีผลตรงที่ว่าเด็กไม่ใส่ใจใคร เอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง อยากได้อะไรก็ทำเลย ไม่คิดถึงคนรอบข้าง ?
ตอบ : เมื่อวานนี้ที่มีโจรจี้ร้านสะดวกซื้อที่โคราช แล้วพนักงานอยู่กันสองคน คนหนึ่งล็อกเพื่อนหันเข้าหาโจร เพราะว่าเอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง โจรก็แทงเพื่อนฟุบไปเลย คือเพื่อนกำลังจะกระโดดข้ามเคาน์เตอร์หนีแล้ว ด้วยความที่ตัวเองกลัวโจร เอาตัวเองรอดดีกว่า ก็เลยกระชากเพื่อนมาบังหน้าตัวเองไว้

ลักษณะอย่างนี้ถ้าว่าไปแล้วก็คือเป็นธาตุแท้ของเขา เป็นธาตุแท้ลักษณะที่เห็นแก่ตัว แต่ก็เป็นการเอาตัวรอดอย่างหนึ่ง เราจะเห็นว่า บุคคลที่รู้จักเอาตัวรอด ก็สามารถอยู่รอดในสังคมได้ ถ้าไม่รู้จักเอาตัวรอด ก็โดนสังคมกลืนกินไป เพียงแต่ว่าสิ่งที่เขาทำนี้ ไม่มีใครเห็นด้วยสักคน ก็โดนด่าจมดินไป คาดว่าอีกไม่กี่วันน้องเขาคงลดความอ้วนได้ เพราะว่าเครียดจนกินไม่ลง..!

เถรี
16-02-2019, 09:52
ถาม : เรื่องฮิตเลอร์ ที่จริงหลวงพ่อฤๅษีฯ ท่านบอกว่าฮิตเลอร์ไม่ได้สั่งฆ่าคนขนาดนั้น แต่สามทหารเสือเป็นคนสั่ง ?
ตอบ : ใครจะทำก็แล้วแต่ ผู้นำต้องรับผิดชอบ

พลโทไดทริช ฟอน วอลทริซ คุมทหารเยอรมันบุกฝรั่งเศส คำสั่งก็คือ “เผาให้ราบ” โดยเฉพาะถล่มพระราชวังแวร์ซายและโบสถ์นอเตรอะดามให้ดังไปถึงเบอร์ลิน ท่านนายพลไดทริชบอกไม่ทำ สั่งทหารทุกคนเลย ยึดพื้นที่อย่างเดียว ถ้าเขาไม่ต่อต้านอย่าไปทำ ฝรั่งเศสจึงรอดมาได้ ไม่อย่างนั้นจะมีสภาพไม่ต่างจากวอร์ซอ ทหารอยู่แนวหน้าพิจารณาตามสถานการณ์ ไม่จำเป็นต้องฟังคำสั่งแนวหลัง แต่ว่าส่วนใหญ่แล้วก็คือไม่กล้าคัดค้าน

ถาม : ทำแบบนั้นจะโดนโทษทางปฏิบัติ ?
ตอบ : ก็คงคล้าย ๆ กับอาตมานั่นแหละ ถ้าเจ้านายกลัวก็ไม่มีปัญหา ถ้าเจ้านายไม่กลัวก็โดน..!

ถาม : แสดงว่านายพลคนนี้ต้องเสียสละมาก ถึงไม่ยอมทำตามคำสั่ง ?
ตอบ : ก็พลโท คนอื่นเขาพลเอกกันหมด ..(หัวเราะ).. คุณก็เลยได้แค่พลโท เพราะคุณไม่ยอมเผาปารีส..! ลองไปเสิร์ชคำว่า “วอร์ซอ โปแลนด์ World War II” ดูสิ จะเห็นอะไรที่ราบ..น่าสยองมาก

ถาม : หรือว่าเห็นคนตายมาก เลยไม่กล้าทำ ?
ตอบ : อยู่ที่สามัญสำนึก บางคนก็กระหายเลือด แบบที่ญี่ปุ่นยึดนานกิง มีนายทหารญี่ปุ่นอยู่สองคน แข่งกันกับเพื่อน ว่าใครจะใช้ซามูไรฆ่าคนจีนได้มากกว่ากัน แล้วก็ตัดหัวไปคนละสองร้อยกว่า อันนั้นเป็นสันดานส่วนตัว ประเภทว่าโหดเหี้ยมอำมหิตจนเห็นชีวิตเพื่อนมนุษย์เป็นผักเป็นปลา

เถรี
16-02-2019, 09:56
ถาม : เครื่องหมายสวัสดิกะเขาว่าคล้ายกับเครื่องหมายของมนุษย์ต่างดาว ?
ตอบ : ดาวไหน ? สวัสดิกะก่อนหน้านี้คือธรรมจักร อย่าลืมว่าคำว่า “สวัสดิกะ” เป็นภาษาสันสกฤต แล้วเอาไปใช้กันทั่วโลก คือเครื่องหมายธรรมจักรในพระพุทธศาสนา แสดงการหมุนวนที่ไม่มีที่สิ้นสุดของหลักธรรมของพระพุทธเจ้า

ถาม : นอกจากญี่ปุ่นที่ว่าเป็นมนุษย์ต่างดาวแล้วมีชาติไหนอีกบ้างไหมคะ ?
ตอบ : ไปเอาที่ไหนมาว่าญี่ปุ่นเป็นมนุษย์ต่างดาว ?

ถาม : ตอนนั้นที่หลวงพ่อฤๅษีฯ ท่านเล่าว่าพระเจ้าจักรพรรดิไปเอามนุษย์ต่างดาวมา แล้วมีหนึ่งชาติคือญี่ปุ่นที่เอามาหนึ่งพันคน ?
ตอบ : บังเอิญว่าอาตมาไม่เคยได้ยิน

เถรี
16-02-2019, 09:58
ญี่ปุ่นไปจากเมืองจีนสมัยรัฐฉินรุ่งเรือง จิ๋นซีฮ่องเต้รวมประเทศจีนเป็นหนึ่ง แล้วจัดให้วัยรุ่นชายหญิง ๕๐๐ คน ออกไปเดินทางเพื่อหายาอายุวัฒนะ คราวนี้พวกนี้ไปติดอยู่ที่ ๓ เกาะบูรพา แล้วก็เลยกลายเป็นต้นตระกูลของญี่ปุ่นสืบมา

ถามว่าทำไมต้องส่งวัยรุ่นไป ? เพราะว่าไปแต่ละทีเป็นสิบ ๆ ปี ส่งคนแก่ไปอาจจะตายเสียก่อน เพราะฉะนั้น..จะเห็นว่าอักษรคันจิของญี่ปุ่น จริง ๆ แล้วก็คือตัวหนังสือจีนครึ่งซีก ก็คือเด็กจะไปจำอะไรได้มากมาย ในเมื่อจำได้แค่นั้น ถึงเวลาก็กลายเป็นภาษาญี่ปุ่นขึ้นมาแค่นั้น

เถรี
16-02-2019, 10:02
ถาม : เรื่องท่านจี้กงนี่ท่านเป็นพระหรือเปล่าคะ ?
ตอบ : จี้กงเทียบกับบ้านเราก็ประเภทหลวงพ่อขี้วัว สนุกสนานเฮฮาไปเรื่อย ปกปิดจริยาตัวเอง กลัวคนเขาจะไปรบกวนมาก ทำตัวเหมือนคนบ้า คนก็ไม่ไปกวนมาก แต่ก็อย่างว่านั่นแหละ คนมีความสามารถ จะแกล้งบ้าขนาดไหนก็ตาม เผลอ ๆ ก็หลุดออกมา

ถาม : ท่านเอากายเนื้อไปเที่ยวนรกเลยหรือคะ ?
ตอบ : ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับระดับนั้น ที่หลวงพ่อฤๅษีฯ ท่านสอนมโนมยิทธิ เพราะว่าท่านเอากายเนื้อไปจนเหนื่อยเต็มทีแล้ว เอาตัวจริงไปก็เหนื่อยเท่าตัวจริงนะสิ แต่ถ้าเอาใจไปก็ไม่เหนื่อยเท่านั้น

เถรี
17-02-2019, 08:02
ถาม : เคยบวชแล้วโยมที่บ้านถวายของ พอสึกแล้วเราเอาของกลับบ้านมาด้วย ต้องถวายคืนวัดที่สึกมาหรือต้องทำอย่างไรครับ ?
ตอบ : ก็ถือว่าติดหนี้สงฆ์ ชำระหนี้สงฆ์เท่าราคาปัจจุบันก็หมดเรื่อง

ส่วนใหญ่แล้วถ้าวัดที่ครูบาอาจารย์ท่านไม่ได้เข้มงวดจริงจัง ท่านที่ไม่รู้ก็มักจะทำแบบนั้นกัน หลายรายถึงเวลาได้ถ้วยโถโอชามมาก็ส่งกลับบ้านหมด เขาถวายมาเพราะว่าเราเป็นพระ เราเป็นสงฆ์ ถ้าเป็นฆราวาสปกติก็คงไม่มีใครเขาให้แบบนี้

ดังนั้น..เขาถึงได้เรียกว่า “ของสงฆ์” ถวายมาต้องคิดว่าเป็นของส่วนรวม ไม่ใช่ของส่วนตัว ถ้าของยังอยู่ในสภาพดีก็เอาไปคืนวัด ถ้าไม่ได้อยู่ในสภาพดีก็คิดราคาปัจจุบัน ถวายเป็นเงินชำระหนี้สงฆ์ไป

ถาม : ชำระหนี้สงฆ์ที่ไหนครับ ?
ตอบ : ชำระหนี้สงฆ์ที่ไหนก็ได้ แต่ถ้าหากว่าจะคืนของนั้น ต้องคืนที่วัดเดิม

เถรี
17-02-2019, 08:08
ถาม : ถ้าหมาแมวที่วัดวิ่งชนข้าวของพังจะติดหนี้สงฆ์ไหมครับ ?
ตอบ : มีโทษเหมือนกัน แต่โทษน้อยกว่าคน เพราะว่าเขาไม่รู้ ความมืดบอดในภพภูมิที่ต่ำกว่าก็เลยทำให้โทษของเขาน้อยกว่า

ถาม : อย่างอีกาในธรรมบทที่บินมาเอากับข้าวที่เขาจะถวายสงฆ์ จะติดหนี้เยอะกว่า ?
ตอบ : ก็ไม่น่าจะเท่าคน คนทำทั้ง ๆ ที่รู้นี่สาหัสกว่าเยอะ สมมติว่าเราลงอเวจี ๑ กัป อีกานั้นอาจจะลงแค่ ๕,๐๐๐ ปี

เถรี
17-02-2019, 08:19
ถาม : หนูดูรายการสัตว์โลก อย่างสัตว์เขาไม่ได้จะปองร้ายกัน แต่เป็นการเอาชีวิต ล่ากันไปล่ากันมา จะมีเวรมีกรรมต่อกันไหมคะ ?
ตอบ : มี...แต่ก็บอกแล้วว่าโทษน้อยกว่า เราจะเห็นว่าสัตว์เขาล่าแค่อิ่ม แต่กักตุนไม่เป็น พอถึงเวลากินอิ่มแล้ว สิงโตก็นอนมองพวกม้าลาย เก้ง กวาง เดินไปเดินมา ไม่มีใครสนใจ แต่ถ้าหิวเมื่อไรก็ล่าใหม่

ถาม : พอฆ่าเขา อย่างนี้ก็มีกรรมก็ต้องฆ่ากลับกันไปมาสิคะ ?
ตอบ : ส่วนใหญ่ก็ประมาณ ๕๐๐ ชาติ อย่างนางยักษิณีกับนางกุลธิดา อโหสิกรรมต่อกันก็จบ นางกุลธิดาเอานางยักษิณีไปอยู่ด้วย สร้างกระต๊อบให้อยู่กลางนา ถึงเวลาก็หาอาหารไปให้ นางยักษ์ก็ไม่ต้องไปล่าหากินเอง พอถึงเวลาหน้านี้น้ำจะแล้ง ก็บอกว่าให้ปลูกข้าวในที่ลุ่ม หน้านี้น้ำจะมากก็ให้ปลูกข้าวในที่ดอน นางกุลธิดาก็ได้รับความสะดวก หากินสบาย จึงกลายเป็นธรรมเนียมเซ่นนาตาแฮกของทางอีสานเรา

เถรี
17-02-2019, 08:29
ถาม : ทางอีสาน พระบวชใหม่เขาเรียกว่าครูบา ?
ตอบ : บวชใหม่ก็คือพระ

ถาม : เพื่อนไปบวชแล้วเขาเรียกครูบา ?
ตอบ : ถ้าหากว่าได้รับการสรงน้ำจากโยม ๓ ครั้งขึ้นไป เขาเรียกว่า “จารย์” ถ้าหากว่าเป็นที่เคารพนับถือของคนทั้งบ้านทั้งเมืองเขาเรียก “ญาคู” ถ้าสึกออกมาก็เป็น “เซียง” ถ้าไม่เรียกญาคูก็เรียก “ญาท่าน” คำนี้มาจาก “อาชญา” หรือ “อาญา” ก็คือมีอำนาจในการที่จะลงโทษคนอื่น ถ้าสั่งสอนแล้วไม่ฟังก็ “ผัวะ” ได้เลย..!

ถาม : เวลาเขาบอกว่า มีพระเถรานุเถระจากอีสาน ก็จะมีครูบานั้นครูบานี้ ?
ตอบ : อาจจะเป็นธรรมเนียมเฉพาะที่ อย่างบางที่อาตมาไป เขาเรียกพระทุกรูปว่า “ครูบา” คำนี้เป็นธรรมเนียมภาคเหนือไม่ใช่ธรรมเนียมอีสาน

เถรี
17-02-2019, 08:29
ครูบาภาคเหนือแบ่งเป็นสองส่วนด้วยกัน ส่วนหนึ่งก็คือได้รับการอภิเษก คำว่าอภิเษกนี้แบ่งเป็นสองอย่างด้วยกัน อย่างแรกคือ ทางคณะสงฆ์เห็นสมควรก็สวดยกขึ้นเป็นครูบา อีกส่วนหนึ่งก็คือ ทางบ้านเมืองเห็นสมควร เป็นครูบาอาจารย์ที่บรรดาเจ้าใหญ่นายโตเขาเคารพนับถือ ก็ขอร้องพระให้ช่วยสวดยกขึ้นเป็นครูบา แต่ว่าทั้งสองอย่างเหมือนกันก็คือ ต้องมีอายุสมควร มีพรรษาสมควร มีความดีเป็นที่เคารพนับถือเลื่อมใสของผู้คนจริง ๆ

ส่วนอีกประเภทหนึ่งท่านเรียกว่า “ครูบาเจ้า” ครูบาเจ้าก็คือต้องสืบเชื้อสายมาจากเจ้าเจ็ดตนสมัยก่อน ที่ครองเชียงใหม่ ลำปาง ลำพูน น่าน แพร่ ฯลฯ คราวนี้ในส่วนของครูบาเจ้า เราเรียกส่งเดชไม่ได้ อย่างครูบาเจ้าเกษม เขมโก เรียกได้เพราะว่าท่านเองมีเชื้อสายเจ้าอยู่ แต่ถ้าคนทั่วไปเป็นได้แค่ครูบาเฉย ๆ แล้วก็ไม่ใช่เรียกกันส่งเดช แต่ต้องได้รับการสวดยกขึ้นให้เป็น

เถรี
17-02-2019, 08:32
ถาม : อย่างคำว่าเกจิ ของไทยเราจะหมายถึงว่าพระท่านโดดเด่นในเรื่องของการปลุกเสกอะไรทำนองนี้ แต่ของบาลีคืออาจารย์บางพวก ไปคนละทางเลย ?
ตอบ : ความหมายเพี้ยนไป เขาถึงได้ต้องมีบาลี เพราะว่าบาลีกี่ปีกี่ชาติก็แปลอย่างนั้น แต่ว่าภาษาทั่ว ๆ ไปเขาเปลี่ยนไปเรื่อย

เถรี
17-02-2019, 08:51
ถาม : หนูเห็นเวลาเด็กผู้ชายคนหนึ่งมากราบหลวงพ่อ ท่าทางเวลาเข้าไปหาหลวงพ่อเหมือนกับเข้าเฝ้าเลย ไม่ใช่แค่คลานเข่าธรรมดา แสดงว่าติดมาจากชาติที่แล้วใช่ไหมคะ ?
ตอบ : ไม่แน่ ถ้าอย่างท่านอาจารย์กระโจมทองนั้นติดจากชาตินี้ เพราะว่าท่านเป็นพระเอกลิเกมาก่อน ท่านอาจารย์กระโจมทอง วัดเขาสามชั้น กับท่านอาจารย์บูรพา วัดถ้ำเสือดาว เล่นลิเกวงเดียวกันมา ท่านอาจารย์กระโจมทองเป็นตัวเอก ท่านอาจารย์บูรพาเป็นตัวโกง แล้วไม่รู้นึกอย่างไร ท้ายสุดก็ไปบวชทั้งคู่ แล้วก็กลายเป็นเจ้าอาวาสทั้งคู่ แต่ท่านอาจารย์กระโจมทองติดเป็นนิสัย พอเจอหน้าผู้บังคับบัญชา ท่านจะถวายบังคมก่อนเลย ถามท่านว่ากราบธรรมดาได้ไหม ? ท่านว่า “ชินแบบนี้ครับ” ถึงได้บอกว่าไม่แน่ว่าจะเป็นของเก่า อาจจะเป็นของใหม่ก็ได้

ท่านอาจารย์บูรพาท่านเป็นศิษย์หลวงพ่อวัดท่ามะขาม เป็นฐานานุกรมคู่กันกับอาตมา ท่านเป็นพระครูวินัยธร อาตมาเป็นพระครูธรรมธร เป็นสัญญาบัตรก็เป็นปีเดียวกัน แล้วราชทินนามก็สลับกันด้วย เพราะว่าของท่านฉายา กาญจนธโร ก็คือพระครูวิลาศกาญจนธรรม ของอาตมาฉายา สุธมฺมปญฺโญ คือพระครูสุธรรมกาญจนาภรณ์ เสร็จแล้วเจ้าหน้าที่เขาทำราชทินนามสลับกัน ก็เลยกลายเป็นว่า คู่นี้มีเวรมีกรรมผูกพันกันมาแต่ชาติไหนก็ไม่รู้..!?

เจ้าหน้าที่เขามาขอโทษ เขาบอกว่า “พระอาจารย์ ไม่ได้ผิดแค่คู่นี้หรอก ผิดหลายคู่ด้วย” ถามว่าทำไม ? เขาบอก “ขนของหนีน้ำ ข้อมูลก็เลยสลับกันมั่วไปหมด” เพราะว่าไปรับ พ.ศ. ๒๕๕๔ เป็นรุ่นน้ำท่วม

เถรี
17-02-2019, 08:55
ถาม : สมมติถ้ามีเพื่อนยืมเงินเราระหว่างที่เป็นพระด้วยกัน ไม่ได้มีเจตนาที่จะโกง แต่เขามีเหตุให้สึกไป แล้วเกิดเปลี่ยนใจภายหลังไม่คืนเรา จะปรับอาบัติปาราชิกได้ไหมครับ ?
ตอบ : ปรับไม่ได้ ปาราชิกนั้นเถยยจิตต้องเกิดก่อน ตอนนั้นจิตเขาไม่เกิด เขาไม่ได้คิดที่จะทำ ก็กลายเป็นฉ้อโกงตอนฆราวาสแทน ท่านบอกแล้วว่า มีเถยยจิตคิดจะขโมย

ถาม : แล้วฉ้อโกงตอนฆราวาส กับตอนเป็นพระอันไหนหนักกว่ากันคะ ?
ตอบ : ทำในขณะเป็นผู้บริสุทธิ์ก็บาปหนักกว่าอยู่แล้ว

เถรี
17-02-2019, 09:09
ถาม : ช่วงนี้จะรำคาญเสียงค่ะ ?
ตอบ : รำคาญเสียงก็อุดหูสิ ทรงสมาธิไว้ ถ้าสติสมาธิอยู่กับลมหายใจตรงหน้า จะไม่รำคาญอะไรสักอย่างหนึ่ง ถ้าหลุดออกไปเมื่อไรก็รำคาญ

ถาม : การที่กายเรา ..(ไม่ชัด).. ?
ตอบ : ก็อยู่ที่ว่าเรายึดว่าเป็นเราหรือเปล่า

ถาม : บางครั้งแยกไม่ออกว่าเป็นจิตหรือเป็นกาย ?
ตอบ : จิตเป็นตัวรู้ ดังนั้น..ส่วนใหญ่แล้วเขาแสดงอาการรับรู้โดยผ่านทางร่างกายคือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ คราวนี้พอตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เป็นของร่างกาย เราก็พลอยไปยึดว่าเป็นเราไปด้วย ต้องแยกให้ออก ร่างกายส่วนร่างกาย ใจส่วนใจ ไม่ได้เกี่ยวกัน

เถรี
17-02-2019, 09:10
ถาม : หนูพยายามถือศีล ๘ แต่ก็ชอบดูหนัง ถ้าเราดูหนังแล้วพิจารณา ?
ตอบ : ถ้าไม่ไหวก็ถือเป็นเวลา ตอนดูหนังก็กองไว้ชั่วคราวเหลือ ๗ ข้อ

ถาม : ทำไมเวลาถือศีล ๕ แล้วไม่สบาย แต่พอกลับไปถือศีล ๘ แล้วหายเป็นปกติ ?
ตอบ : แสดงว่าเหมาะกับเรามากกว่า เพราะฉะนั้น..เลิกดูหนังได้แล้ว..!

เถรี
17-02-2019, 09:17
ถาม : ช่วงนี้จับภาพพระแล้วบางทีก็สลับกับภาพคนที่หนูไม่ชอบหน้า ?
ตอบ : ถึงเวลาก็นึกถึงพระแทน ก็คือพวกนี้เขาลักษณะเป็นกสิณโทษหรือไม่ก็ความฟุ้งซ่านของเรา ลักษณะเหมือนกับขันธมารหรือกิเลสมารเขาตั้งใจมากวน ดังนั้น..ถึงเวลาถ้าภาพเขามาก็นึกพระ เดี๋ยวกำลังเราสูงกว่าก็จะนึกถึงพระได้ตลอดไปเอง

ถาม : แล้วสลับกับคนที่ตอนนี้หนูไม่ค่อยถูกชะตาด้วย ?
ตอบ : ก็นั่นแหละ บอกแล้วว่าพยายามนึกถึงพระเอาไว้ ถึงเวลาก็เปลี่ยนมานึกถึงพระแทน

เถรี
17-02-2019, 09:28
ถาม : เทวดาวันหนึ่ง ๆ ท่านทำอะไรบ้างครับ ?
ตอบ : เยอะแยะไปหมด รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ธรรมารมณ์ ของท่านมีความประณีต ละเอียดกว่าเรานับเท่าไม่ได้ แค่เพลินอยู่กับความสุขพวกนั้นก็หมดวันแล้ว ส่วนบรรดาท่านที่มีหน้าที่ท่านก็ทำหน้าที่ของท่านไป บางชั้นอย่างเช่น ชั้นยามาท่านก็นั่งสมาธิไป สวดมนต์ของตัวเองไป ไม่ได้อยู่ว่าง ๆ เหมือนกับเราหรอก..!

เถรี
17-02-2019, 09:31
ถาม : ตอนสวดพระคาถาเงินล้าน ๑๐๘ จบ เวลาสวดแล้วรู้สึกว่า ๒๔ ชั่วโมง การรับรู้ตัวเหมือนกับว่าเวลาหายไป ?
ตอบ : ถ้าหากว่าสติสมาธิเราอยู่กับปัจจุบันตรงหน้า ไม่ใช่แต่เวลาอย่างเดียว บางทีภาพและเสียงก็หายไปด้วย เพราะว่าเราไม่ได้สนใจ ยิ่งสมาธิลึกเท่าไร เวลาจะผ่านไปโดยที่เราไม่รู้ตัว เราจะรู้สึกว่าพักเดียวทำไมนานแท้ บางทีเรารู้สึกว่าเดี๋ยวเดียว อย่างอาตมาสวดจบหนึ่งใช้เวลา ๒ ชั่วโมงครึ่ง

ถาม : เวลามานั่งช่วงกรรมฐาน เมื่อก่อนรู้สึกว่านาน ?
ตอบ : ถ้าเราไม่ได้ใส่ใจ เวลาจะผ่านไปไม่รู้ตัว ถึงนานก็รู้สึกเหมือนกับครู่เดียว

เถรี
17-02-2019, 10:10
ถาม : ทำงานเป็นนักจิตวิทยา มีผู้มารับบริการบอกว่าเขาย้อนอดีตไปได้ตั้งแต่ตอนคลอด อาการเหมือนกับถูกเบ่งคลอดออกมา แล้วเขาบอกว่าย้อนไปได้ตั้งแต่ชาติที่แล้ว โยมเลยตกใจค่ะ ?
ตอบ : มีอะไรน่าตกใจ ให้เขาเล่ามาเราก็บันทึกไว้ ถึงเวลาก็เก็บไว้เป็นตัวอย่าง เป็นเรื่องปกติ

ถาม : กลัวค่ะ ?
ตอบ : มีอะไรกลัว เจ้าของเรื่องเขายังไม่กลัวเลย

เป็นเรื่องที่ถ้าหากว่าใคร ๆ ทำถึงก็ได้ทุกคนแหละ จะว่าไปแล้วเป็นเรื่องธรรมดาเสียด้วยซ้ำ เพียงแต่ว่าคนที่ทำได้มีน้อย ก็เลยกลายเป็นเรื่องแปลก

ถาม : แปลว่าเขาทำได้จริงใช่ไหมคะ ?
ตอบ : จริงหรือไม่จริงก็บันทึกเอาไว้ ถึงเวลาจะได้เปรียบเทียบกับคนอื่น ๆ เขาได้

เจอเรื่องแบบนี้ก็คือแหล่งข้อมูลชั้นดี โดดใส่ไปเลย ถามเขาไปสิ อดีตอยู่ที่ไหน ใครเป็นพ่อ ใครเป็นแม่ มีญาติพี่น้องกี่คน แต่งงานมีครอบครัวหรือเปล่า มีลูกกี่คน ก่อนตายตายอายุเท่าไร ถึงเวลามีโอกาสก็ลองไปสืบหาดู ถ้าหากว่าใช่ก็แปลว่าจริง ถ้าไม่ใช่ก็แล้วไป

ใช้ข้อมูลให้เป็นประโยชน์ก็จะทำให้เห็นว่า สิ่งที่พระพุทธเจ้าพูดถึงการเวียนว่ายตายเกิดเป็นเรื่องจริง ความศรัทธาในพระพุทธศาสนาของเราก็จะมีมากขึ้น ไม่ใช่ว่าถึงเวลาเขาเล่าให้ฟังเราก็ไปตกใจกลัว น่ากลัวตรงไหน ? ตัวเองยังตายเกิดมานับชาติไม่ถ้วน ดันไปกลัวเรื่องของคนอื่น

ถาม : จำได้ว่า หลวงพ่อเคยแนะนำให้ผนวกเอาพระพุทธศาสนากับจิตวิทยาเข้าด้วยกัน ?
ตอบ : ของพระพุทธศาสนาจริง ๆ เป็นเรื่องของจิตเกือบทั้งหมด อย่าลืมว่าสมาธิและปัญญาก็คือส่วนของจิต มีแต่ศีลเท่านั้นที่เป็นเบื้องต้น แต่ก็ต้องอาศัยจิตไปควบคุมอยู่ดี

เถรี
18-02-2019, 08:21
ถาม : เมื่อก่อนผมไม่สนใจพระพุทธศาสนาเท่าไร มาเจอแม่ชีทศพร ท่านสอนเรื่องละความชั่ว สร้างความดี ทำจิตใจให้บริสุทธิ์ ผมจึงลองเลิกความชั่วและอบายมุขต่าง ๆ ตามที่ท่านบอก ปรากฏว่าชีวิตดีขึ้นจริง ๆ ถูกหวย นอนอยู่ก็เห็นเลขสามตัวตรง ๆ เอาไปใช้หนี้ได้หมด ชีวิตเปลี่ยนเลย ผมเลยรักพระพุทธศาสนามากขึ้น เวลามีคนมาถามว่าทำไมชีวิตดีขึ้น ผมเลยบอกให้เขาละความชั่ว สร้างความดี แต่ว่าเวลาบอกไปเขาก็ไม่ค่อยทำตามกัน ผมเลยเข้าใจที่แม่ชีเคยบอกว่า หนึ่งพันคน ขอคนดีแค่คนเดียว ยากมากเลยครับที่จะไปสอนคนให้เป็นแบบนี้ ?
ตอบ : ทำตัวเราให้ดีก่อน พอตัวเรามีการเปลี่ยนแปลงทาง กาย วาจา ใจ อย่างชัดเจน คนอื่นที่สนใจเขาจะมาเอง อย่าไปยัดเยียดให้เขา การไปยัดเยียดให้เขา ถ้าเขาทำตามก็เสมอตัว ถ้าเขาปรามาสขึ้นมา โทษใหญ่จะเกิดขึ้นกับเขาด้วย ดังนั้น..ต้องค่อยเป็นค่อยไป แต่อย่างที่บอกนั่นแหละ หนึ่งพันคนขอคนเดียว ส่วนคนที่หนึ่งพันนี้จะมาเมื่อไรก็เรื่องของเขา

ถาม : ผมยกตัวอย่างให้เขาดูว่า ผมทำแบบนี้มาแล้วมีผล เปลี่ยนชีวิตผมได้ขนาดไหน ?
ตอบ : บางคนวาระเขายังมาไม่ถึง ยังเสียดาย กลัวความชั่วจะเศร้าหมอง ขอทำต่ออีกหน่อย ก็ปล่อยเขาไปเถอะ..!

เรามีเมตตา มีกรุณาแล้ว อุตส่าห์แนะนำแล้ว ถ้าเขาไม่ทำตามเราก็อุเบกขา รอคนที่หนึ่งพัน ก็แปลว่าแนะนำไป ๙๙๙ คน ถ้าเขาไม่สนใจ เราก็แนะนำคนที่หนึ่งพันต่อไป

ถาม : แนวทางการทำให้ชีวิตดีขึ้น โดยการละความชั่ว สร้างความดี รักษาศีล แบบนี้ถูกต้องแล้วใช่ไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าทำได้จริง ๆ ก็ทำอย่างพระอรหันต์ เพียงแต่ว่าเราทำได้ดีจริงหรือเปล่าเท่านั้น

เถรี
18-02-2019, 08:30
ถาม : ถ้าเรามีรายได้เพิ่มขึ้นเยอะ สมมติว่าจากห้าหมื่นบาทเป็นแปดแสนบาทต่อเดือน ถ้าเราได้ทุกเดือนจะเหมือนเป็นการดึงบุญในสต็อก คลังสินค้าของเราจะหมด แล้วต้องรีบเติม แบบนี้ไหมครับ ?
ตอบ : คล้าย ๆ กัน แต่ว่าบุญเป็นสินค้าหมุนเวียน ถ้าของเก่าไม่ออกไป ของใหม่ก็ไม่มา เพราะฉะนั้น..ต้องมีการหมุนเวียน จ่ายออก รับเข้า คนที่ฉลาดเขาถึงได้มีการต่อบุญอยู่เสมอ

ถาม : เคยเห็นเพื่อนเขาทำธุรกิจแล้วไหว้แม่ตานี เอากล้วยแม่ตานีมาไหว้หน้าบริษัท ผมเลยคิดว่าเขาขอแม่ตานีอย่างเดียว แม่ตานียังเอาตัวไม่รอด แล้วถ้าหมดขึ้นมา ไม่มีบุญเสริมมาต่อ ต้องหมดลู่ทางแน่ ๆ เลย เพราะแม่ตานีคงจะช่วยไม่ได้ตลอดไป ?
ตอบ : ก็เหมือนกับคนที่รับเงินเดือนมาแล้วใช้ไปเรื่อยเปื่อย ไม่ทำงานเพิ่มแล้วจะเอาอะไรมากิน ?

ถาม : ต้องเติมบุญอยู่ตลอด ?
ตอบ : ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนไปเรื่อย ๆ ยิ่งให้ยิ่งได้ อย่างที่หลวงพ่อคูณท่านบอกนั่นแหละ

เถรี
18-02-2019, 08:33
ถาม : ที่บ้านไม่จำเป็นต้องมีศาลพระภูมิก็ได้ใช่ไหมครับ ?
ตอบ : ถามว่าไม่จำเป็นใช่ไหม ? ไม่ใช่....ควรจะมี เราเผลอได้แต่ว่าเทวดาท่านไม่เผลอ ถ้าหากเราให้ความเคารพ ถึงเวลาก็สามารถที่จะได้รับการสงเคราะห์จากท่าน ถ้าใช้แต่กำลังของเราเอง เดี๋ยวสักวันหนึ่งก็เดี้ยง..!

เถรี
18-02-2019, 08:41
ถาม : ถ้าเราเอามวลสารไปพุทธาภิเษก แล้วเราก็เอามวลสารมาทำเป็นพระ หรืออะไรก็แล้วแต่ ความศักดิ์สิทธิ์นี่ ต้องเสกอีกรอบหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : จริง ๆ แล้วใช้ได้เลย ยกเว้นอย่างเดียวคือพวกที่เป็นโลหะ พวกโลหะถ้าหลอมแล้วก็ต้องเสกใหม่

ถาม : แต่ถ้าเป็นมวลสารโลหะก็ได้อยู่ ?
ตอบ : ได้

เถรี
18-02-2019, 08:52
พระอาจารย์กล่าวว่า "สงสัยว่ารองเท้าพม่าเขาทำด้วยอะไร ? พื้นรองเท้าแข็งดีแท้ ตอนแรกอาตมาก็ไม่รู้ เห็นก็ไปซื้อใส่ พระพม่าเห็นก็หัวเราะ บอกว่านี่รองเท้าผู้หญิง อาตมาก็สงสัยว่าต่างกันตรงไหน ? เขาชี้ให้ดูหัวรองเท้า รองเท้าผู้หญิงหัวจะลีบเข้ามาหน่อย รองเท้าผู้ชายหัวจะบาน อาตมาก็ว่าหน้าตาเหมือนกันหมดทุกอย่าง ใส่ได้พอดีก็ซื้อมาใส่ แต่ถ้าเราไม่ใช่คนพม่า จะรู้ไหมว่าอันไหนของผู้หญิง อันไหนของผู้ชาย ?

พื้นรองเท้าก็เป็นหนังธรรมดานี่แหละ แต่แข็งแรงมากเลย ใส่เดินธุดงค์เป็นปีก็ยังไม่พัง อาตมาก็ว่าพระพม่าท่านเดินกันมาก เขาก็เลยทำรองเท้าแข็งแรงทนทานออกมา บ้านเรานี่ลงน้ำหน่อยก็พื้นหลุด เพราะของบ้านเราใช้อัดกาว ลงน้ำพื้นหลุด พอแห้งขึ้นมาก็กัดอีก หนังพอโดนน้ำแล้วแห้งนี่กัดเท้าสะเด็ดเลย

ไป ๆ มา ๆ ท้ายสุด มีคนแนะนำรองเท้าธุดงค์ ๒ ยี่ห้อ ถ้าไม่นันยางก็ตราช้างดาว จะขึ้นเขาลงห้วยได้หมด รองเท้ายี่ห้ออื่นไปก็พังกระจาย มีบางเที่ยวนี่อาตมาเดินเท้าเปล่าเป็นครึ่งค่อนเดือน กว่าจะหลุดออกมาเจอบ้านคนแล้วซื้อรองเท้าได้"

เถรี
18-02-2019, 09:01
"เรื่องของรองเท้า ในบาลีมีอยู่ ๒ ประเภท ก็คือ ปาทุกา รองเท้าพื้นบาง กับอุปาหนา รองเท้าพื้นหนา บางคนเขาบอกรองเท้าพื้นหนาน่าจะเป็นพวกเกี๊ยะ แต่คราวนี้ถ้ามาดูอีกที พระพุทธเจ้าทรงอนุญาตให้ปัจจันตประเทศใช้รองเท้าพื้นหลายชั้นได้ ปัจจันตประเทศก็คือบรรดาบ้านนอกไกล ๆ ถนนหนทางไม่ดี ใช้รองเท้าพื้นบางจะพังง่าย ก็เลยสงสัยว่าอุปาหนานี่น่าจะเป็นรองเท้าพื้นหลายชั้นหรือเปล่า ถ้าเป็นสมัยนี้ก็ประมาณว่าเสริมพื้นเสริมส้น"

เถรี
18-02-2019, 09:07
พระอาจารย์กล่าวว่า "เดือนที่แล้วมีลูกศิษย์อยู่คนหนึ่ง ก็คือคุณนรินทร์ อัครโชติกวนิชย์ ที่ไปโดนพระปลอมฟันตาย อาตมากำลังวิ่งลงใต้ขึ้นเหนืออยู่อุตลุด จึงไม่ได้ไปงานศพ เขารู้ว่าเป็นพระปลอมแล้วไปตามถ่ายคลิป จึงโดนเขาฟันตาย

นักท่องเที่ยวฝรั่งที่เข้าไปช่วยด้วยเจตนาดี แต่ไม่มีความรู้ทางกายวิภาค ถ้าเขาไม่ไปอุดที่หัวแล้วไปอุดที่คอ ยังอาจจะรอด เขาโดนฟัน ๒ ที่ โดนฟันหัวกับคอ ก็คือบริเวณเส้นเลือดใหญ่ที่คอ ถ้าอุดข้างล่างเลือดจะไม่เสียมากขนาดนั้น เขาไปอุดที่หัวเพราะว่าเห็นแผลใหญ่ที่หัว ต้องบอกว่าความตายมาถึงเราแน่ ๆ แต่ไม่บอกเลยว่าจะมาตอนไหน ใครจะไปคิดว่าหนุ่ม ๆ อย่างนั้นก็ตายได้

นรินทร์จะว่าไปแล้วก็ตั้งใจสร้างบุญสร้างกุศล คงประเภทเห็นของปลอมแล้วทนไม่ได้ ไปตามถ่ายคลิป กะว่าจะแจ้งตำรวจ เขารู้ตัวก็เลยเจอของมีคมเข้าไป แต่ก็ดี..ส่งพระปลอมเข้าคุกไปเลย..หมดเรื่อง"

เถรี
20-02-2019, 22:00
พระอาจารย์กล่าวกับพระใหม่ “ทำอะไรให้ทำตามระเบียบวินัยเอาไว้ เรายังไม่ได้ ๕ พรรษา แล้วเราไปอยู่ที่อื่น เท่ากับอาบัติติดตัวอยู่ทุกวัน เพราะเราฝืนคำสั่งพระพุทธเจ้า ผมเองไม่ใช่ว่าจะหวงพวกคุณเอาไว้หรอก ผมเองก็ ๘ พรรษาถึงจะออกมา เรื่องของพระวินัยเราอย่าไปเห็นว่าเป็นอาบัติเล็กน้อย ถ้าเราเห็นอย่างนั้นแสดงว่าสภาพจิตของเราหยาบ ไม่ควรแก่ธรรมะ”

เถรี
20-02-2019, 22:33
พระอาจารย์เล่าว่า “อาตมาเจ็บตัวตอนไปเชียงราย ยังดีว่าได้น้ำมันมะพร้าวของพระอาจารย์บ๊ะ ไม่อย่างนั้นก็ซวยไม่รู้จบ

ตอนนั้นคนที่นั่งข้างหลังเขาขยับเบาะไม่เข้าที่ อาตมาก็เลยช่วยเขาขยับ มือก็ยังจับประตูค้างอยู่ แล้วเขาก็ปิดประตูปัง...! นิ้วหนึ่งมี ๓ ร่องตามแนวประตูเลย อาตมาก็ “โอ๊ย” ก็ยังไม่มีใครรู้อีก นึกว่าล้อเล่น จนต้องบอกว่า “เปิดประตูก่อน”

พอดีเขามีน้ำมันของพระอาจารย์บ๊ะอยู่ก็เลยทาให้ ตอนแรกก็ยังรู้สึกตึง ๆ หน่อย พอตอนเย็นก็ยุบเกือบหมดแล้ว เหลือสัก ๒๐ เปอร์เซ็นต์ รุ่งขึ้นทาซ้ำอีกทีก็หาย ไม่มีเจ็บไม่มีอะไร ก็ต้องบอกว่าโชคดีนะที่ไม่แตก นิ้วหนึ่ง มี ๓ ร่องตามรูปประตูเลย เคยโดนหนีบทีหนึ่งเจ็บไปตั้งหลายวัน แสดงว่าน้ำมันของท่านดีจริง”

เถรี
20-02-2019, 22:51
ถาม : ลูกชายจะไปบวชที่วัดท่าขนุน ต้องทำอย่างไรบ้างครับ
ตอบ : ก็ดูตามกำหนดการที่ประกาศไว้ในเว็บเป็นระยะ เราก็ลงชื่อสมัครแล้วก็ไปตามกำหนด บอกเขาด้วยว่าวัดท่าขนุนเข้มงวดนะ แต่ไม่ว่าจะเข้มงวดแค่ไหน พอเจ้าอาวาสไม่อยู่ก็ตัวใครตัวมัน ว่าไปหลายครั้งแล้วว่า ต่อหน้าและลับหลังให้ทำเหมือนกัน ส่วนใหญ่ก็ “แล้ว ๆ กันไป”

เขาคิดว่าอาตมาไม่รู้จริง วันก่อนก็เพิ่งจะเตือนบางท่านไป พอเวลาเข้าแถวบิณฑบาต ท่านมาแล้วก็มุดหาที่ตัวเองไม่เจอ ก็เลยถามไปว่า เวลาผมไม่อยู่แล้วคุณไม่บิณฑบาตใช่ไหม ? เขาก็ทำหน้างง ๆ ถึงได้บอกว่า ส่วนใหญ่พวกคุณไม่เชื่อว่าผมรู้ เพียงแต่ว่ารู้แล้ว ถ้าเรื่องไหนไม่เสียหายถึงส่วนรวมผมก็ปล่อยไป ตัวคุณไม่เอาดีก็เป็นเรื่องของคุณ อะไรที่เสียหายถึงส่วนรวมก็จะว่ากล่าวลงโทษ

ส่วนใหญ่แล้วท่านจะให้ครูบาอาจารย์จ้ำจี้จ้ำไช ว่าเขาตรง ๆ เรื่องเดียวคนเดียว ลักษณะนั้นเป็นไปไม่ได้

เถรี
20-02-2019, 23:11
ถาม : เอาพระกรุสมเด็จพระนางพญามาถวาย มีกำไลสำริดมาถวายด้วย ว่าจะถวายเข้าพิพิธภัณฑ์วัดท่าขนุนครับ รอหลวงพี่เปิดไหดูครับ ?
ตอบ : ไม่ต้องเปิดหรอก พวกนี้เขาเรียกว่าผียัดกรุ สมัยนั้นจะมีแต่ดินเผา ไม่มีไหเคลือบเผาหรอก ไหพวกนี้เป็นไหหูแล้วเคลือบ ซึ่งผิดยุค

ถาม : (เครื่องสำริดโบราณ)
ตอบ : ไอ้นี่จริง ๆ เป็นแกนปั่นด้ายของเขา เขาจะเอาแกนไม้ใส่ตรงกลางแล้วปั่น คนไม่รู้จะไปนึกว่าเป็นประคำ เรื่องพระกรุนี่พวกเซียนปลอมกันมาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ แล้วก็ยัดกรุ หลายปีค่อยขุดขึ้นมา เขาก็เล่นเป็นกรุวังมะสะ ถ้าเล่นพวกนี้อย่าไปฟัง พวกนี้เขาเรียกว่านิทาน เขาจะเล่านิทานจนเราฟังแล้วเกิดความเลื่อมใส แล้วควักสตางค์ให้เขา อีกอย่างคือปูนสมัยนั้นเป็นปูนเปลือกหอยตำ แต่นี่เป็นปูนซีเมนต์

เล่นวัตถุมงคล "เซียนแท้" เขาบอกว่าต้องเล่นด้วยตา อย่าเล่นด้วยหู คือต้องดูให้เป็น คุณเอาไว้แจกญาติโยมเวลามาทำบุญก็แล้วกัน

เถรี
20-02-2019, 23:44
ถาม : ขอเอาไปเข้าพิธีเสาร์ห้านะครับ ?
ตอบ : ได้...ไหหู รู้ไหมว่าทำไมต้องมีหู ? เพราะว่าเขาเอาไว้บรรจุของหนัก อย่างเช่นพวกน้ำปลา น้ำมัน กระเทียมดอง เพราะฉะนั้น..ใบหนึ่งจึงสูงเกือบเท่าเอวของเรา แล้วคุณคิดว่าไหใบแค่นี้จำเป็นต้องใช้หูไหม ? เขาพยายามจะปลอมกันแต่ลืมไปว่าไหหูต้องใบใหญ่ ใบเล็ก ๆ ไม่ต้องมีหูหรอก ถึงเวลาเขาร้อยเชือกแล้วเอาไม้คานสอดแล้วหามไป บรรจุพวกน้ำมันตังอิ๊วบ้าง น้ำปลาบ้าง เต้าหู้ยี้บ้าง แล้วก็พวกกระเทียมดอง มีน้ำมีเนื้อต้องแบกกันหลังแอ่น ก็เลยต้องทำหูเอาไว้หามแทน

แล้วที่ว่าผิดยุคเพราะว่ายุคนั้นยังไม่มีไหเคลือบ มีแต่ดินเผา หลาย ๆ จุดพอรวมกันเข้ามา ก็ฟันธงได้เลยว่าพวกเซียนทำปลอม บางที่เขาพาไปขุดให้เห็นเลยนะ

แต่พวกกำไลสำริดที่เอามานี่ใช้ได้ เพราะว่าบ้านเก่าเป็นชุมชนโบราณมาก่อน แล้วพวกสำริดอายุบอกได้ชัดเจน แต่เรื่องของพระเครื่องนี่ลำบาก ถ้าเราไม่เคยชินจะมองดูไม่รู้ แบบเดียวกับโยมเมื่อวานเดินมา ถามโยมว่าขาเป็นอะไรมา ? โยมบอกว่าโดนรถชน คนอื่นยังไม่รู้เลยว่าท่าเดินของเขาเหมือนใครที่ไหน เป๋ไปข้างหนึ่ง มองนิดเดียวก็สังเกตออก เรื่องอย่างอื่นละเอียดกว่าตั้งเยอะ เขาเรียกว่าการประมวลผลแบบเชอร์ล็อกโฮม ...(หัวเราะ)...

เถรี
22-02-2019, 19:19
พระอาจารย์กล่าวว่า “ใส่หน้ากากมาเป็นหวัดหรือเปล่าจ๊ะ ? ไม่ต้องไปใส่กันฝุ่นหรอก ฝุ่นมีมาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ ถ้าฝุ่นจะทำให้เราตายก็คงจะตายกันหมดแล้ว ฝุ่นจะมีผลเฉพาะเด็กอ่อนกับคนที่แก่จนหมดสภาพ

ร่างกายของเรามีระบบป้องกันแก้ไขฝุ่นอยู่แล้ว ส่วนหยาบก็ติดอยู่ที่จมูก ส่วนละเอียดที่เข้าไปข้างในก็มีพวกเมือกพวกเสมหะคอยดักจับ ถ้าพวกที่ละเอียดเกินกว่าเมือกในร่างกายจะจับได้ ก็แปลว่าต้องหลุดออกมาพร้อมกับลมหายใจนั่นแหละ ไม่อย่างนั้นบรรพบุรุษของเราก็ตายกันหมดแล้ว

ที่เขาปั่นเรื่องขึ้นมาเพราะว่าจะขายหน้ากาก อาตมายืนยันเพราะว่าตัวเองเคยทำสีรถมา ๘ ปีไม่ได้กันอะไร วันไหนพ่นรถสีไหน สั่งน้ำมูกออกมาเป็นสีนั้นเลย

ส่วนใหญ่แล้วบ้านเราพอมีอะไรก็ฮือตามกันไปแบบขาดสติ ไม่เห็นหรือที่เขาลือกันว่าจะเกิดภัยพิบัติ ? เข้าไปตามห้าง บรรดาชั้นวางของว่างเปล่าเลย ซื้อกันจนไม่มีอะไรเหลือ แล้วยังมีบรรดาพวกที่ไปซื้อที่สร้างบ้านไว้ตามภาคเหนือ จังหวัดที่เหนือกว่านครสวรรค์ไป ตอนนี้ก็สาหัส ป่านนี้ผ่อนที่หมดหรือยังก็ไม่รู้ ? วันก่อนก็มีโยมถามว่าแผ่นดินไหวที่กาญจนบุรีเป็นอย่างไรบ้าง ? บอกว่าเพลินดี ตื่นอยู่ก็เหมือนกับนอนเปล...!"

เถรี
22-02-2019, 19:42
พระอาจารย์กล่าวกับลูกศิษย์ว่า “รางวัลเป็นแค่ของแถม จะมีหรือไม่มีรางวัลเราก็ตั้งใจทำงานของเราไป”

เถรี
22-02-2019, 19:57
พระอาจารย์กล่าวว่า "ฝรั่งส่วนใหญ่แล้วเขาเน้นเอาผลการปฏิบัติ เขาไม่ได้เอาเปลือกนอกอย่างพวกเรา พวกเราส่วนใหญ่ติดอยู่แค่พิธีกรรม ที่วัตถุมงคล ไม่ได้ไปไกลเกินกว่านั้น

ต้องบอกว่าบารมีไม่เท่าเขา อาตมาสร้างวัตถุมงคลขึ้นมาเพื่อต้องการไประดับภาวนา ของพวกเราก็ยังไปแค่ทาน แค่ศีลอยู่เลย แบบเดียวกับหลวงพ่อสุเมโธ มีคนไปถามหลวงพ่อว่าอาชีพก็ดี การงานก็ดี อยู่ในประเทศใหญ่ประเทศเจริญ ทำไมถึงมาบวชในเมืองไทย ท่านบอกว่า “อเมริกามีซูเปอร์ไฮเวย์ แต่ไม่มีทางไปพระนิพพาน” เจอหลวงพ่อสุเมโธทุบจมดินไปเลย

เสียดายว่าคนไทยเราส่วนใหญ่อยู่กับของดีแล้วไม่รู้จักของดี เดี๋ยวนี้ทุกมหาวิทยาลัยมีหลักสูตรหมด ยิ่งอังกฤษนี่หนัก อังกฤษก่อนประชุมรัฐสภาต้องนั่งสมาธิก่อน ๒๐ นาที เพราะว่าเขาเห็นประโยชน์จริง ๆ ว่าสมาธิทำให้คุมอารมณ์ได้

มหาดเล็กราชวัลลภ ๔,๐๐๐ คนของเจ้าฟ้าชายชาร์ล โดนบังคับฝึก Meditation หมด ทหารเขายืนยันว่าเวลาฝึกสมาธิแล้ว หน้าที่การงานทุกอย่างของเขาละเอียดรอบคอบขึ้น"

เถรี
22-02-2019, 20:08
"เสียดายว่าบ้านเราหลักสูตรดี ๆ โดนเอาออกหมด ตั้งแต่สมัยนายแพทย์บุญสม มาร์ติน รัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการเป็นคริสต์ เขาก็เอาหลักสูตรหน้าที่พลเมืองและศีลธรรมออกไป ระยะหลังพวกคุณสุรินทร์ พิศสุวรรณ วันมูฮัมหมัดนอร์ มะทา มีอำนาจขึ้นมาก็ตัดออกเลย เหลือแต่จริยธรรม

ปัจจุบันนี้มีอิสลามศึกษาแล้ว เพราะว่าพวกนี้ฉลาด เขาเล่นใช้กฎหมายบังคับ ถ้าเราไม่ทำก็ผิดกฎหมาย ในเมื่อเป็นหลักสูตรของกระทรวงผ่านมาก็ต้องเรียน ตั้งแต่ประถมก็มีอิสลามศึกษาแล้ว พุทธศาสนาโดนเขี่ยออก เอาอิสลามศึกษาเข้ามาแทน"

เถรี
22-02-2019, 22:09
"เราเสียรู้เขามาตลอด แต่ว่าตอนนี้ดีใจอยู่อย่างหนึ่งตรงที่ว่าพอหลวงหว่างตาย ก็ปลุกให้คนไทยตื่นขึ้นมาหน่อยหนึ่ง ที่อาตมาไม่ต้องเอากฐินลงไป เพราะว่าปิดยอดบริจาคที่ ๑๑,๒๔๕,๒๖๕ บาท ๙๔ สตางค์ มีหนี้อยู่เก้าแสนกว่าไปได้ ๑๑ ล้านกว่าบาท ก็เลยตั้งใจซื้อที่ขยายวัดออกไปอีก พอขึ้นถึงสี่ล้านอาตมาก็สั่งยุบขบวนรถไฟ คืนเขาไปเถอะ ไม่ต้องไปแล้ว

ถ้าเราไม่แสดงออกซึ่งความสามัคคีเหนียวแน่นกันแบบนี้ ก็โดนเขาตีตาย เพราะว่าแนวปฏิบัติของเราก็สู้เขาไม่ได้ เอาแค่พระเณรของเรามีวัดไหนบ้างที่สวดมนต์ทำวัตรเช้าเย็นทุกวัน น้อยมากนะ อาตมาไปอยู่ทองผาภูมิใหม่ ๆ ปี ๒๕๓๒ เขาสวดมนต์ทำวัตรกันเฉพาะในช่วงเข้าพรรษา ลงปาฏิโมกข์กันเฉพาะช่วงเข้าพรรษา

อาตมาก็เลยดุไปเพราะว่าตัวเองอาวุโสกว่า บอกว่า “นี่คุณจะลองฉันข้าวเฉพาะช่วงเข้าพรรษาไหม ? ถ้าคิดว่าฉันข้าวเฉพาะช่วงเข้าพรรษาแล้วอยู่ได้ทั้งปีก็เอา” ท้ายสุดก็เลยฟื้นการทำวัตรสวดมนต์เช้าเย็นขึ้นมา ฟื้นการลงปาฏิโมกข์ทุกกึ่งเดือนตามพระธรรมวินัยขึ้นมา แล้วเราสู้เขาได้ไหม ? อิสลามเขาละหมาดวันละ ๕ เวลา ของเราแค่เช้าเย็นก็ยังน้อยกว่าเขาอีก ๓ เวลา

สามัคคีเราก็สู้เขาไม่ได้ สมาธิกำลังใจเราก็สู้เขาไม่ได้ เพราะว่าการซักซ้อมเราไม่มี ยังไม่ค่อยจะสำนึกกันเลย ถึงเวลาลำบากหน่อยก็ตะกายไปอยู่ที่อื่น บอกว่าวัดท่าขนุนบ้า ทำวัตรเช้าทำวัตรเย็นทั้งปี"

เถรี
22-02-2019, 22:13
ถาม : ในกรุงเทพฯ ที่เจอมาก็มีวัดสระเกศฯ ?
ตอบ : ถ้าวัดที่เจ้าอาวาสเข้มงวดจะเป็นอย่างนี้ และที่สำคัญก็คือวัดสระเกศฯ นั้น หลวงพ่อสมเด็จฯ ท่านลงทำวัตรเอง ถ้าเจ้าอาวาสไม่ลงก็ไม่มีประโยชน์

วัดท่าขนุนที่ทำวัตร ๓ เวลาจริง ๆ แล้วรอบหกโมงเย็นไม่ใช่เวลาทำวัตรหรอก แต่เดิมตั้งแต่สมัยหลวงปู่สาย เป็นเวลาที่ท่านกำหนดให้พระใหม่ไปซ้อมสวดมนต์ แต่คราวนี้ลำพังถ้าพระใหม่ไปซ้อมอยู่ แล้วใครจะนำจังหวะให้ ก็ได้แต่มั่วกันไป

อาตมาอยู่ก็ไปนั่งเฝ้า พอไปนั่งเฝ้าเจ้าอาวาสเขาอาวุโสน้อยกว่า เห็นว่าพระอาจารย์มาก็เลยต้องมาด้วย พอเจ้าอาวาสมา บรรดาแม่ชีก็มาด้วย ท้ายสุดก็เลยเล่นกันอย่างเป็นทางการไปเลย หมดเรื่องหมดราว ก็เลยกลายเป็นทำวัตรเย็น ๒ รอบ

สมัยหลวงปู่สายท่านถึงขนาดลงมาคุมเอง ถึงเวลาให้พระสวดมนต์ให้ฟังทีละบทเลย ถ้าสวดไม่ได้ก็เจอเขกกบาล ถ้าปลงอาบัติกับหลวงปู่ไม่ได้ก็เตรียมตัวไว้เถอะ ท่านเขกหัวเอาจริง ๆ ถึงได้บอกกับพระใหม่ว่า ผมให้เวลาตั้ง ๓ วัน หลวงปู่ท่านให้วันเดียวเอง

เถรี
25-02-2019, 21:59
ถาม : เขาจะออกกฎหมายให้ศาลอิสลาม ?
ตอบ : ใครทำความผิด ถ้าคู่กรณีเป็นอิสลาม ก็ต้องขึ้นศาลอิสลามไป แปลว่าถ้าใครมาอยู่ประเทศไทยและเป็นอิสลาม ก็จะไม่อยู่ในกฎหมายไทย แต่คราวนี้เรามักจะไม่ทันเขา เพราะว่าในส่วนกลางหรือระดับบริหาร ส่วนใหญ่แล้วถ้าไม่ใช่คนของเขาก็คือคนที่เขาเลี้ยงไว้ เราเผลอเมื่อไรเขาก็จะออกมาเป็นกฎหมาย

เดี๋ยวนี้เวลาลงไปใต้ที่สนามบินภูเก็ต พนักงานนี่แทบจะเป็นอิสลามล้วน ๆ เลย เวลาเดินผ่านแล้วเครื่องดัง ไม่มีใครมาค้นตัวเพราะว่าเป็นผู้หญิงล้วน ๆ ถ้าไม่ค้นอาตมาก็ไปแล้วนะ เจ้าหน้าที่ข้างนอกเป็นผู้หญิงหมด เหมือนกับเขาตั้งใจโชว์ว่าที่นี่เป็นเขตของอิสลาม เพราะว่าผู้หญิงอิสลามเขาจะแต่งตัวเด่นชัดมาก

เถรี
25-02-2019, 22:16
ถาม : ใช่ลายมือหลวงพ่อวัดท่าซุงหรือเปล่าคะ ?
ตอบ : ไม่ใช่...น่าจะเป็นพวกที่คัดลอกตำราต่อไปจากอาตมาอีกที ลายมือหลวงพ่อวัดท่าซุงประเภทเขียนแล้วต้องเดา ถึงเวลาเล็งแล้วต้องเดาอีกต่างหาก

มีอยู่ครั้งหนึ่งท่านก็เขียนส่งมา บอกว่า “เล็ก..ไปตามมาซิ” อาตมาก็ดูรายชื่อ วัชรชัย อาจินต์ สุรจิตร ไล่โทรเรียกทีละคน หลวงตาวัชรชัยมาถึงก็ตูดร้อน ผุดลุกผุดนั่ง “เฮ้ย..เล็ก...พ่อมีอะไรวะ ?” “ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับ ท่านให้ตาม” พอถึงเวลาท่านออกมาก็กราบท่านเสร็จ ท่านก็มองหน้าแล้วถาม“อ้าว...เอ็งมาทำอะไร ?” หลวงตาก็ทำท่าโล่งใจ รอดตายไปที หลวงพ่อท่านบอกว่า “ไอ้คนที่ดูแลเรื่องประปาน่ะ” “อ๋อ...ธวัชชัยครับ” “เออ..นั่นแหละ” กราบเรียนว่า "เห็นหลวงพ่อเขียนวัชรชัยผมก็ตามมาเลย" เล่นหลวงตาเอาเกือบจะหัวใจวาย

ถาม : ลายมือหลวงพี่อาจินต์ก็เหมือนกันครับ อ่านยาก ?
ตอบ : สถิติสูงสุดคือท่านฝากซื้อของ แล้วผมก็อ่านตามทีละรายการ ไปเจอตัวที่อ่านไม่ออก ก็เลยถามว่า “พี่..อันนี้คืออะไร ?” ท่านดันบอกว่า “ไม่รู้..ผมก็อ่านไม่ออกเหมือนกัน” แล้วกูจะรู้ไหมวะ ? ขำที่สุดก็คือตัวเองอ่านไม่ออกนี่แหละ ผมก็กลัวว่าจะซื้อของผิด ก็เลยพยายามอ่านทวนก่อน ไปถามท่านท่านดันอ่านไม่ออกเองด้วย

ความจริงลายมือหลวงพ่อวัดท่าซุงผมเก็บไว้เยอะนะ แต่ไม่รู้ว่าเก็บไว้ไหน เวลาท่านเขียนสั่งงานอะไรมาผมก็เก็บไว้

เถรี
26-02-2019, 00:16
พระอาจารย์กล่าวว่า “ด้านหลังเหรียญพุทธบารมีรุ่นนี้ ไม่ใช่ยันต์ทำน้ำมนต์โดยตรง แต่ว่าเป็นยันต์สุริยันทรงกลด ที่หมายถึง ความยิ่งใหญ่ ความรุ่งเรือง ความยั่งยืน”

เถรี
26-02-2019, 21:59
พระอาจารย์กล่าวว่า “พวกเราเองเข้าใจคำว่า เพล แต่ที่มาที่ไปไม่ค่อยจะรู้

สมัยก่อนเขาจะมีการแบ่งเวลาเป็นช่วง ๆ เช้า สาย เพล เที่ยง บ่าย เย็น ค่ำ คราวนี้พวกเราส่วนใหญ่แล้วพอนาน ๆ ไปลืมว่าเขาแบ่งกันอย่างไร ช่วงเช้าถ้าภาษาเก่าเขาเรียก งาย ช่วงเย็นเขาเรียก แลง ปัจจุบันนี้อีสานยังใช้คำว่ากินข้าวงาย กินข้าวแลง กันอยู่ ส่วนภาคกลางลืมกันหมดแล้ว

ถึงเวลาพระตีกลอง เพื่อที่จะประกาศบอกชาวบ้านว่าได้เวลากินมื้อสุดท้ายของวันแล้ว เวลาช่วงนั้นจึงเรียกว่าพระตีกลองเพล ก็เลยกลายมาเป็นพระฉันเพล ถ้ามื้อเช้าเขาเรียกว่าฉันจังหัน จังหันที่ภาคอีสานก็ยังใช้อยู่ ส่วนภาคกลางไม่ได้ใช้แล้ว เรียกฉันเช้าฉันเพลกันหมด

บางทีก็ถามพ่อออกแม่ออกว่า 'ไปไสล่ะ ?' 'ไปจังหัน' ก็คือเอาอาหารเช้าไปส่งพระ ทางอีสานส่วนใหญ่ตอนบิณฑบาตเขาจะใส่แต่ข้าว ส่วนกับข้าวที่เรียกว่าจังหันจะใส่ปิ่นโตไปถวายต่างหาก”

เถรี
26-02-2019, 22:01
พระอาจารย์กล่าวว่า "ญาติโยมไม่ต้องซื้อหน้ากากมาฝากพระนะ ตอนนี้อาตมามีพอเปิดร้านขายได้แล้ว โดยเฉพาะอาตมาไม่กลัวฝุ่น เพราะว่าตอนเช้า ๆ ก็อาราธนาพระและยันต์เกราะเพชรกันไว้ก่อน ไม่ตายเพราะฝุ่นแน่นอน..รับประกันได้"

เถรี
26-02-2019, 22:23
พระอาจารย์กล่าวถึงเรื่องรถชนข้างฝาพังว่า "ใครสามารถชนข้างฝาศาลา ๑๐๐ ปี วัดท่าขนุนให้พังได้นี่ต้องระดับรถถังนะ เพราะว่าข้างฝาของศาลา ๑๐๐ ปี วัดท่าขนุนหนาเกือบเมตร ๘๐ เซนติเมตร ใช้อิฐมอญก้อนใหญ่พิเศษเรียงขวาง ไม่ได้เรียงตามยาวนะ...เรียงขวาง

โรงงานเขาบอกว่าตั้งแต่ผลิตอิฐรุ่นนี้มา เพิ่งจะมีวัดท่าขนุนที่สั่งมากที่สุดในประเทศไทย โรงงานผลิตอยู่อ่างทอง วิ่งไปส่งที่วัดท่าขนุนเขาไม่คิดค่าส่ง เพราะว่าสั่งมาก"

เถรี
26-02-2019, 22:26
พระอาจารย์เล่าว่า "เห็นวัดจีนในประเทศอื่น ๆ หรือแม้แต่ในประเทศไทยก็ดี เขามีการบูชาพระพุทธรูปประจำตระกูลหรือประจำตัวเอง แล้วก็มีการถวายไฟเป็นพุทธบูชา ถึงเวลาทางวัดแต่ละวัดก็จะทำผนังเป็นช่องเล็ก ๆ สำหรับตั้งพระพุทธรูปหน้าตัก ๓ นิ้วได้ เต็มที่ก็ ๕ นิ้ว หรือไม่ถ้าเป็นพระพุทธรูปยืนก็สูงประมาณศอกหนึ่ง แล้วก็มีไฟอยู่ ๑ ดวง เปิดบูชาทั้งวันทั้งคืน เพื่อความรุ่งโรจน์ของชีวิตและวงศ์ตระกูล

แล้วก็ไปเจอวัดร่องขุ่นของท่านอาจารย์เฉลิมชัย ให้บูชาใบโพธิ์ ใบละ ๓๐ บาท จารึกชื่อ-นามสกุล แล้วก็ไปแขวนถวายเป็นพุทธบูชาไว้ เอาเงินที่ได้ไปสร้างวัด แขวนไว้เป็นแสน ๆ ใบ เห็นว่าเป็นวิธีหาเงินที่ดีอย่างหนึ่ง

แต่ถ้าให้อาตมาไปทำอย่างนั้นก็ไม่ทำ เหตุที่ไม่ทำก็เพราะว่า เรื่องของพิธีกรรมเป็นพื้นฐานเบื้องต้นของศาสนาเท่านั้น อาตมาต้องการกำลังใจที่สูงกว่านั้น เมื่อต้องการกำลังใจที่สูงกว่านั้น เรื่องพวกนี้ก็ต้องลดลงให้เหลือน้อยที่สุด ถึงเวลาก็ตั้งใจให้เขาไปปฏิบัติธรรมกัน"

เถรี
26-02-2019, 22:28
"ระยะหลังมีฝรั่งหลายคนที่บางทีก็มาอยู่ไทย ๓ เดือน ๖ เดือน แล้วก็หาเงินใช้ด้วยการรับจ้างสอนภาษาอังกฤษ พวกนี้ทำตัวกลมกลืนกับคนไทยเร็วมาก มีการไปวัด มีการไปทำบุญ มีการนั่งสมาธิ เห็นแล้วเสียดายแทนคนไทย เพราะว่าคนไทยเราแทบจะทำบุญอย่างเดียว โอกาสที่จะไปเจริญกรรมฐาน นั่งสมาธิภาวนาน้อยมาก

ตอนนี้ที่วัดท่าขนุนมีขาประจำอยู่ไม่กี่คนที่มาสวดมนต์ทำวัตรทุกวัน แล้วก็ยังมีขาประจำวันพระ ก็คือมาเฉพาะวันพระเท่านั้น พวกนี้นาน ๆ ไปก็จะค่อย ๆ เพิ่มมากขึ้น

ที่บอกว่าเสียดายเพราะว่าเป็นคนไทย แต่ว่าสละเวลามาเข้าวัดไม่ได้ ขณะที่ฝรั่งเดินเข้าวัดเป็นว่าเล่น โดยเฉพาะบางคนใช้ภาษาไทยดีมาก ช่วง ๕ โมงกว่าก่อน ๖ โมงเย็น ซึ่งก็ปิดศาลาใหญ่แล้ว อาตมาเห็นไปยืนเก้ ๆ กัง ๆ ที่หน้าประตู ก็เดินเข้าไปบอกเขาว่าเปิดเข้าไปข้างในเพื่อกราบพระได้ เขาตอบเป็นภาษาไทยชัดแจ๋วว่า เข้าไปแล้วครับ ตอนนี้ยืนรอเพื่อนอยู่"

เถรี
26-02-2019, 22:31
พระอาจารย์กล่าวว่า "พระพุทธเจ้าตรัสว่า สัพเพ สัตตา อาหารัฏฐิติกา สัตว์ทั้งหลายจะอยู่ได้ด้วยอาหาร ถ้าขาดอาหารตายแน่

ถามว่าอาหารมีอะไรบ้าง ? กวฬิงการาหาร อาหารทั่ว ๆ ไปอย่างข้าว น้ำ ขนม เป็นต้น ผัสสาหาร อาหารคือลมหายใจเข้าออก ต้นไม้ก็ต้องหายใจ...ใช่ไหม ? คนก็ต้องหายใจ สัตว์ก็ต้องหายใจ วิญญาณาหาร อาหารก็คือรูป รส กลิ่น เสียงสัมผัส ธรรมารมณ์ ที่เข้าทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้นทางกาย ทางใจ ไม่มีนี่บางคนเฉาตายเลยนะ ลองเอาคนไปขังคุกมืดดูสิ"

เถรี
26-02-2019, 22:36
"สมัยก่อนของอินเดีย พวกนักปราชญ์เขาจะมีการโต้วาทีตรรกวิภาษ โต้กันว่าใครความรู้สูงกว่า แบบสัจจกนิครนถ์ ถึงขนาดต้องเอาเหล็กมาขึงคาดพุงเอาไว้ กลัวว่าความรู้มากจนพุงจะแตก แต่ความจริงแล้วท่านอ้วนมากต่างหาก

ปัญหาหนึ่งที่เขาถามกันประจำ ก็คือ เอกัง นาม กิง ? อะไรชื่อว่าหนึ่ง สิ่งที่จะเป็นหนึ่งได้ ก็คือทุกคนต้องการเหมือนกันหมด ต้องตอบว่าอาหาร

คราวนี้ไปดูในโสปากสูตร พระพุทธเจ้าท่านตรัสพยากรณ์ปัญหาอะไรชื่อว่าหนึ่ง ๑ อะไรชื่อว่า ๒ ไล่ยาวไปเลย โสปากสามเณร เป็นเณรเล็ก ๆ อายุ ๗ ขวบ ตอบได้ทุกข้อ พระพุทธเจ้าก็เลยยกให้เป็นพระเลย เรียกว่าพระเถระ ทำพิธีบวชที่เรียกว่า ปัญหาพยากรณูปสัมปทา อุปสมบทด้วยการตอบปัญหา เป็นวิธีการบวชประหลาด ๆ หนึ่งในไม่กี่อย่าง เด็ก ๗ ขวบฉลาดขนาดตอบปัญหาพระพุทธเจ้าได้ทุกข้อนี่น่ากลัวมาก"

เถรี
26-02-2019, 22:42
"สามเณรที่มีชื่อปรากฏในพระไตรปิฎกมีไม่กี่รูป เริ่มต้นก็ราหุลสามเณร โสปากสามเณร ปัณฑิตสามเณร สมัยนั้นจะกลุ่มสามเณรตัวเล็ก ๆ เรียกว่า สัตตรสวัคคีย์ สามเณร ๑๗ รูป โดนพระแกล้งอยู่เรื่อย จนกระทั่งไปแกล้งเอาพระลกุณฏกภัททิยเถระเข้า เพราะเห็นว่าท่านตัวเล็ก ไม่ได้คิดว่าท่านเป็นผู้ใหญ่ นึกว่าท่านเป็นเณร พระพุทธเจ้าถึงต้องตรัสห้าม แล้วก็มีศีลพระบางข้อว่าห้ามพระภิกษุแกล้งทำผีหลอก ไม่เช่นนั้นจะโดนอาบัติปาจิตตีย์ เพราะว่าไปหลอกเณรจนร้องห่มร้องไห้

สัตตรสแปลว่า ๑๗ ปัณณรสก็ ๑๕ โสฬสก็ ๑๖ อัฏฐรส ๑๘ ไม่มีนวรส มีแต่เอกูนวีสติ แปลว่า ๒๐ หย่อนหนึ่ง บาลีนี่ค่อนข้างบ้า มี ๑๙ ไม่ใช้ บอกว่า ๒๐ หย่อนหนึ่ง ขาดไปหนึ่งก็คือ ๑๙

แทนจะมีอัฏฐวีสติ ๒๘ แล้วนววีสติ ๒๙ ไปเลย เขาไม่เอา ไปเอาเอกูนัตติงส สามสิบหย่อนหนึ่ง เจอบาลีเข้าถ้าเราเขียนเพลินก็ผิดไปเลย"

เถรี
26-02-2019, 22:48
พระอาจารย์กล่าวว่า "อาการของออฟฟิศซินโดรม จะมีลมไปอั้นอยู่เป็นก้อนแข็ง เกิดจากธาตุลมมากเกินไป ถ้าธาตุไหนมากหรือน้อยเกินไปก็จะป่วย ที่เขาบอกว่าลมกำเริบก็คือเป็นลมนั่นแหละ

พวกเราส่วนใหญ่ที่เส้นเอ็นตึง เกิดจากการนอนห้องปรับอากาศ พอโดนเครื่องปรับอากาศหนาว ๆ เส้นเอ็นจะหดตัวอัตโนมัติ บางทีนวดมาดี ๆ คืนเดียวเจ๊งหมดเลย เพราะว่าเปิดเครื่องปรับอากาศเย็นมาก มีบางบ้านเล่น ๑๘ องศา อาตมาจะหนาวตาย"

เถรี
27-02-2019, 19:20
สนทนากับพระ เรื่องการที่ไม่ค่อยไปงานที่วัดท่าซุง "อาตมาเบื่อคนเยอะ ๆ ไปแล้วคนมาหามากกว่าเจ้าอาวาส ลองนึกดูสิว่าภาพจะสวยไหม ? ถ้าเป็นสมัยโบราณเขาถือว่ามีคุณูปการเหนือฮ่องเต้ ต้องโดนประหารชีวิต ถึงเวลาเขานิมนต์ก็เลยไม่ค่อยไป ไปแล้วไปแย่งซีนเขา

โดยส่วนตัวแล้ว ไม่มีอะไรกัน แต่คราวนี้ญาติโยมมักจะเรื่องมาก พอเห็นแล้วก็ไปวิพากษ์วิจารณ์กัน มีแต่โทษมากกว่าประโยชน์ เราไม่ไปเสียก็หมดเรื่อง

ถ้าอ่านในพระไตรปิฎก เราจะเห็นว่าพระมหากัจจายนะพาพระมากราบพระพุทธเจ้า มากันทีสองสามร้อย พระพุทธเจ้าก็ประทานสาธุการ ตรัสชมว่าพระมหากัจจายนะเป็นพระเถระที่เพียบพร้อมด้วยสีลาจารวัตร สามารถฝึกสอนลูกศิษย์ได้ดี สร้างความเลื่อมใสในพระศาสนาได้มาก หรือว่าพระมหากัสสปะพาคณะออกธุดงค์มากราบลา พระไปกันทีเป็นร้อย ท่านก็ประทานสาธุการ เอ่ยคำชม แนะนำวิธีให้

ถ้าเราดูจะเห็นว่า เรื่องแบบนี้พระพุทธเจ้าท่านนอกจากจะไม่อิจฉาริษยาแล้วยังยินดีด้วย เพราะว่าพระองค์ท่านหมดกิเลสจริง ๆ แต่คราวนี้คนทั่วไปไม่ได้หมดกิเลส ในเมื่อคนทั่วไปไม่หมดกิเลส ถึงเวลาก็นินทาว่าร้ายของเขาไปเรื่อยเปื่อย จะเกิดโทษมากกว่า จึงไม่ไปเสียเลย"

เถรี
27-02-2019, 19:22
"ตั้งแต่หลายสิบปีก่อน อาตมาก็เข้าใจเลยว่า เราไม่ควรทำตัวให้เป็นทุกข์เป็นโทษแก่คนอื่น ทั้งด้วยกาย ด้วยวาจา และด้วยใจ อะไรที่พอเลี่ยงได้ ไม่ให้เกิดโทษกับเขาก็พยายามเลี่ยง

ยิ่งในช่วงที่เปลี่ยนเจ้าอาวาสใหม่ ๆ กำลังใจของคนยังเคว้งคว้าง ไม่มีที่เกาะ ถ้าหากว่าอาตมาไป จะกลายเป็นที่เกาะของเขา ก็จะมีคนจำนวนหนึ่งที่เขาคิด เหมือนอย่างกับว่าเราตั้งใจไปแย่งลูกศิษย์มา ซึ่งคำพูดของคนโดยปกติไม่ต้องไปใส่ใจก็ได้ แต่ก็อย่างว่านั่นแหละ...ต่อให้เราไม่ใส่ใจก็ช่วยเมตตาเขาหน่อย"

เถรี
27-02-2019, 19:33
ถาม : แต่ก่อนหนูปฏิบัติแบบยกมือของหลวงปู่เทียน ตอนนี้หนูเลิกแล้ว หันมาดูลมแบบอานาปานสติ ทำ ๆ ไปเหมือนสมถะก็ไม่แน่น ภาวนาไปแล้วก็ดีบ้างไม่ดีบ้าง แล้วก็จะฟุ้ง คราวนี้พอฟุ้งก็รับมือกับมันไม่ถูกเหมือนแต่ก่อน ไม่เคยเห็นว่าความคิดมาเยอะขนาดนี้ อารมณ์ก็เยอะ กลายเป็นว่าเห็นว่าเราเลวแบบที่เราไม่เคยเห็น รู้สึกว่ากิเลสหยาบ ๆ เราก็เอาชนะไม่ได้ เลยไม่รู้ว่าเราทำผิดหรือเราทำถูกค่ะ ?

ตอบ : การปฏิบัติ ถ้าเห็นความเลวของตัวเอง จริง ๆ แล้วก็คือความก้าวหน้า ถ้าหากว่าความก้าวหน้าไม่มี เราจะไม่เห็นโทษตรงนี้ ก็แปลว่าจริง ๆ แล้วดีมากกว่า เพียงแต่ว่าเราอย่าไปฟุ้งซ่านตาม ให้อยู่กับลมหายใจเข้าออกตามปกติ ถ้าเราสามารถรักษาความรู้สึกอยู่กับลมหายใจเข้าออกได้ รัก โลภ โกรธ หลง จะโดนดับไปชั่วคราว

จริง ๆ แล้วก็คือความก้าวหน้า เพียงแต่ว่าก้าวหน้าโดยที่เราเห็นตัวเรามีความชั่วมากขึ้นเรื่อย ๆ การเห็นลักษณะนี้แหละที่จะทำให้เราเบื่อหน่าย พอเบื่อแล้วเราก็ไม่อยากได้ใคร่ดี ไม่อยากเกิดมามีร่างกายอย่างนี้ ไม่ต้องการเกิดมาในโลกนี้ ก็จะได้กำลังใจในส่วนที่เหลือ เหมือนอย่างกับว่าพร้อมที่จะสลัดหลุดไปทุกเวลา

เถรี
27-02-2019, 19:37
ถาม : ถ้าบางทีเราดูลม เหมือนกับเผลอบังคับมากไป จนรู้สึกอึดอัด จนทำต่อไปไม่ได้ เหมือนจิตพยศ ควรทำอย่างไรดีคะ ?
ตอบ : เปลี่ยนอิริยาบถ ไปเดินไปทำงานทำการอะไรก็ได้ แต่เอาสติรับรู้ตามไป ลักษณะเหมือนอย่างกับชาร์จแบตฯ จนเต็มแล้ว หม้อแบตฯ จะระเบิด คือทำเกินแล้วก็ไม่รู้จักใช้ ปกติแล้วถ้าทำลักษณะนั้นให้คลายกำลังใจออกมาพิจารณาวิปัสสนาญาณ

ถาม : คำว่าพิจารณาวิปัสสนาญาณหมายความว่าอย่างไรคะ ?
ตอบ : ดูให้เห็นว่าสภาพร่างกายเราก็ดี คนอื่นก็ดี ทุกอย่างในโลกนี้ก็ดี มีความไม่เที่ยงเป็นปกติ มีความทุกข์เป็นปกติ ไม่มีอะไรยึดถือมั่นหมายได้เป็นปกติ พอกำลังใจเราไปคิดด้านนั้น ก็เหมือนกับเราเอากำลังไปใช้ ก็เท่ากับใช้กำลังไฟเรื่อย ๆ พอจะหมดก็ชาร์จใหม่ ต้องสลับไปสลับมา เราไปชาร์จไฟอย่างเดียว เดี๋ยวหม้อระเบิด..!

เถรี
27-02-2019, 19:39
ถาม : ตอนนี้เวลาหนูมีความฟุ้งซ่าน ความรู้สึกเหมือนกับกระชากความรู้สึกมาไว้ให้กับลม แรงเกินไปไหมคะ ?
ตอบ : ทำได้...แต่ว่าบางทีพอโดนมาก ๆ เข้าจิตก็ดื้อ เพราะฉะนั้น..เราเปลี่ยนไปทำอิริยาบถอื่น ไปอ่านหนังสือก็ได้ ไปทำการทำงานก็ได้ ไปเดินจงกรมก็ได้ ให้พ้นจากตรงนั้นไปสักพักหนึ่ง พอสภาพจิตหายดื้อแล้วเราค่อยมาว่ากันใหม่ เหมือนอย่างกับเลี้ยงเด็กดื้อ แล้วเราก็ไปปะทะกันตรง ๆ ต้องมีเทคนิคพลิกแพลงบ้าง ไม่อย่างนั้นเหนื่อยตาย..!

เถรี
27-02-2019, 19:49
ส่วนใหญ่แล้วญาติโยมเวลาปฏิบัติมักจะมีปัญหาทั้งนั้น แต่มีแล้วไม่กล้าถาม อายบ้าง อะไรบ้าง ก็เลยเสียประโยชน์ของตัวเอง การถามปัญหาเป็นการเรียนลัด การเรียนลัดทำให้เราไม่ต้องไปเสียเวลานาน โบราณถึงบอกได้ว่า อายครูบ่รู้วิชา มัวแต่อายอยู่ กลัวคนจะรู้ว่าเรามีความเลวแบบไหน

นักปฏิบัตินี่เขาจะอายถ้าคิดว่าตัวเองมีความดี แต่ถ้าความเลวนี่ต้องรีบขนออกมาเลย กำจัดได้ ต้องรีบกำจัด ฆ่าทิ้งได้ต้องรีบฆ่าทิ้ง ถึงเวลารีบหาความเลวให้เจอ หลายต่อหลายคนพอถึงเวลาจิตตก สมาธิตก กรรมฐานแตก โอ๊ย...ตะเกียกตะกายอยู่เป็นเดือนเป็นปี ไม่กล้ามาหา...อาย รู้สึกว่าตัวเองเลว พยายามตะกายอยู่จนเกือบจะหมดสภาพ

กำลังใจดีขึ้นมาหน่อยแล้วค่อยมาหา โดยที่ลืมไปว่าตอนที่ตัวเองแย่ที่สุด จำเป็นต้องไป เพื่อให้ครูบาอาจารย์ท่านช่วยเหลือ ตอนดีแล้วไปทำอะไร ? จะไปอวดท่านว่าดีแล้วเราจะได้อะไร ?

พระท่านไม่ได้ดูว่าใครดีใครเลว พระท่านดูแค่ว่าจะสงเคราะห์ให้ดีอย่างไร ส่วนใหญ่แล้วก็กลัวกัน อีกพวกหนึ่งก็อยากรู้อยากเห็น ถึงเวลาอธิษฐานมาตั้งแต่บ้าน ผมคิดเรื่องอย่างนี้ไว้ ถึงเวลาพระอาจารย์ต้องทักให้ตรงกับที่ผมคิด กินอิ่มไปหรืออย่างไร ? ดูความผิดความชั่วของตัวเองก็ดูไม่หวาดไม่ไหวแล้ว จะให้ไปดูคนอื่นอีก

เถรี
27-02-2019, 19:57
มีโยมเข้าไปร่วมทำบังสุกุล "รู้ไหมว่าเขาทำอะไรกัน ? เห็นเขาทำก็ทำตาม ๆ กันใช่ไหม ? เขาเรียกว่าไม่รู้ก็ยังจะทำ

จะทำอะไรต้องรู้จุดหมาย รู้คุณค่า ถึงจะได้เต็มที่ ไม่ใช่ไม่รู้เรื่องอะไร เห็นเขาทำก็ทำตามไปเรื่อย"

เถรี
27-02-2019, 20:01
โยมเดินไม่ปกติ "ไปโดนอะไรมาจ๊ะ ? ขาเจ็บ (รถชนค่ะ)

รถชนถลอกแค่นั้น โยมเดินเข้ามาท่าไม่ปกติก็รู้ว่าขาเจ็บ เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องการสังเกตเล็ก ๆ น้อย ๆ ถ้ากำลังใจไม่ละเอียดพอ ไม่เห็นกิเลสตัวเองหรอก เพราะฉะนั้น..เรื่องหยาบ ๆ แค่นี้เห็นง่ายจะตายไป"

เถรี
27-02-2019, 20:23
พูดถึงเรื่องฝุ่น "ถ้ากลัวฝุ่นก็ใช้พลังจิตป้องกัน เพราะว่าถ้าฝึกพลังจิตดี ๆ กันได้แม้แต่พวกรังสีนิวเคลียร์ ซึ่งละเอียดกว่าเยอะ ฝุ่นยังเป็นของหยาบ เช้า ๆ ขึ้นมาก็นั่งปลุกพระ ภาวนายันต์เกราะเพชรก็ได้ หรือไม่ก็พระคาถาชินบัญชรก็ได้ นึกถึงภาพพระครอบเราเอาไว้ ประมาณว่าบริเวณนี้ห้ามเข้า"

เถรี
27-02-2019, 20:24
ถาม : อาราธนายันต์เกราะเพชรแล้วหายใจผ่านยันต์ รู้สึกว่าสดชื่น ?
ตอบ : อย่างไรก็ได้ ใครได้กสิณลมก็สร้างเกราะลมไว้ป้องกันตัวเอง

ถาม : ใครได้กสิณลมให้เขาโบกออกไปได้ไหมคะ ?
ตอบ : ได้...ถ้าหากว่าไม่กลัวกฎของกรรม ก็กวาดแทนเขาทั้งกรุงเทพฯ ไปเลยก็ได้

ถาม : เดี๋ยวไปหาคนที่กวาดก่อนนะคะ ?
ตอบ : ไม่ต้องมาหาอาตมานะ ตูไม่ไปทำให้หรอก

ถาม : วันก่อนมีคนเขาบอกว่าอยากทำ หนูก็เลยถามว่ารับไหวใช่ไหม เขาก็เลยนิ่งไป ?
ตอบ : ถ้าคิดว่ารับกรรมแทนคน ๑๐ ล้านได้ก็เอาเลย ดูว่าจะถึงตายไหม ? ในหลวงรัชกาลที่ ๙ รับกรรมแทนคนทั้งชาติ สุขภาพชำรุดจนกู้ไม่กลับเลย

เถรี
27-02-2019, 20:25
ถาม : พระเครื่องของหลวงพ่อวัดท่าซุงกันรังสีได้ ?
ตอบ : ขนาดนั้นยังกันได้ กะอีแค่ฝุ่น ไปกลัวอะไร

เถรี
27-02-2019, 20:30
ถาม : เราชาวพุทธจะ...(ไม่ชัด)...?
ตอบ : นั่นก็ต้องบอกว่าอยู่ที่ความมั่นคงของกำลังใจเราด้วย กำลังใจของคนส่วนมากก็คือรักษาตัวเองไม่ได้ ไม่ต้องไปคิดถึงว่ารักษาคนอื่น กำลังใจส่วนน้อยรักษาตัวเองได้ ช่วยคนอื่นไม่ได้ ที่รักษาตัวเองได้ ช่วยคนอื่นได้นั้น มีน้อยจริง ๆ

เถรี
27-02-2019, 21:05
ถาม : หนูจับภาพพระวิสุทธิเทพ แต่ไม่เคยจับเป็นทั้งองค์ได้ จะไปทีละจุดแล้วไล่ ๆ จากหัวจรดเท้า เท้าจรดหัว บางทีท่านก็หมุนรอบตัวเอง หนูต้องบังคับให้ท่านอยู่นิ่ง ๆ ไหมคะ ? หรือว่าควรทำอย่างไรคะ ?
ตอบ : ความจริงเราแค่กำหนดใจเฉย ๆ ว่ามีพระอยู่กับเรา แล้วก็ภาวนาของเราไป จะพุทโธหรืออะไรก็ได้

ถาม : ไม่จำเป็นต้องเอารายละเอียด ?
ตอบ : ไม่จำเป็น พอสมาธิทรงตัวแล้วความชัดเจนจะค่อย ๆ มีขึ้นเอง เราไปตั้งใจที่จะเอาชัด เอาดีตั้งแต่แรก...เหนื่อยตาย ไม่เป็นไร ส่วนใหญ่แล้วกว่าจะรู้เคล็ด ก็ต้องลำบากก่อน ค่อย ๆ ทำไป อย่ารีบ เดี๋ยวจะเก่งเกินพระ..!

ถาม : หนูทุกข์มากเลยค่ะ รู้สึกปฏิบัติแล้วหนัก..ทุกข์ ไม่รู้จะถามใคร ?
ตอบ : ก็เพราะว่าเราไปแบกไว้ ทำแล้วอยากได้ดี อย่าไปอยาก ตัวอยากเป็นตัวฟุ้งซ่าน เรามีหน้าที่ทำ ส่วนจะได้หรือไม่ได้ เป็นเรื่องของเขา เราก็ว่าของเราไปเรื่อย ๆ

ถาม : แค่กำหนดใจว่ามีพระเฉย ๆ ใช่ไหมคะ ?
ตอบ : แค่นั้นแหละ จะชัดหรือไม่ชัด จะดีหรือไม่ดี...ช่างมัน เรามีหน้าที่กำหนดภาพพระ มีหน้าที่ภาวนา ส่วนจะชัดหรือไม่ชัดปล่อยเขา สมาธิดีขึ้นละเอียดขึ้น ความชัดจะมีมากขึ้นเรื่อย ๆ เอง ไม่ใช่ไปบังคับให้ชัด

ถาม : ควรทำทั้งวันใช่ไหมคะ ?
ตอบ : ถ้าทำได้ก็ดี แต่ก็จะเครียดอีก ต้องรู้จักผ่อนหนักผ่อนเบา ไม่ไหวก็ไปทำอย่างอื่น พอรู้สึกว่าไหวค่อยกลับมาเริ่มต้นใหม่

เถรี
27-02-2019, 21:10
ถาม : ระบบประสาทเสื่อมค่ะ ทำให้หูดับเฉียบพลันไปข้างหนึ่ง ตอนนี้รักษาเริ่มได้ยินแล้ว อยากทราบว่ามีวิธีรักษาให้ดีขึ้นได้บ้างไหมคะ ?
ตอบ : พวกประสาทเสื่อมนี่ลำบากนะ เพราะว่าเสื่อมแล้วเสื่อมเลย ฉะนั้น...ทำใจว่าต้องใส่เครื่องช่วยฟังก็แล้วกัน อาจจะได้ใส่เร็ว ๆ นี้

ถาม : มีวิธีแก้ไหมคะ ให้อย่างน้อยได้ยินได้ฟังปกติ ไม่ต้องใส่เครื่อง ?
ตอบ : ร่างกายมีสภาพเสื่อมเป็นธรรมดา ถ้าเราไปฝืนธรรมดา เราก็จะทุกข์ อยากพังก็ปล่อยพังไป อยากอยู่ก็ปล่อยอยู่ไป จะเดือดร้อนอะไร...ทำใจ

ถาม : พี่เขาบอกว่า เสื่อมเพราะว่าขี้โกรธค่ะ ?
ตอบ : เรื่องของประสาทเสื่อมขึ้นอยู่กับกรรม เคยทำเอาไว้ ถึงเวลาก็เป็น

ถาม : ถ้าหากว่าทำกรรมฐานแล้วจะดีขึ้นไหมคะ ?
ตอบ : ลองดูสิ...เผื่อว่าบรรเทากรรมลงได้ก็จะดีขึ้น ของพวกนี้ต้องทำ...อย่าถาม

เถรี
27-02-2019, 21:13
ถาม : หนูตั้งใจจะมาถวายเพล แต่หนูมาไม่ทัน คราวนี้เคยได้ยินคนพูดว่า ถ้าตั้งใจก็เหมือนได้ทำบุญแล้ว จริงไหมคะ ?
ตอบ : เจตนาเป็นบุญอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าบุญนั้นไม่เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์เท่านั้น ถ้าหากว่าได้ทำก็เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์

เถรี
27-02-2019, 21:13
ถาม : คุณพ่อท่านตั้งพระพุทธรูปไปทางทิศใต้ แต่หนูค้านแล้ว ท่านบอกว่ากันอัปมงคล หนูเลยไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร ?
ตอบ : เอาตามท่าน เดี๋ยวท่านไม่อยู่แล้วเราค่อยไปขยับให้ถูก

เถรี
27-02-2019, 21:14
ถาม : ตอนนั่งทำกรรมฐานที่นี่ ตอนที่หลวงพ่อพูด หนูคิดถึงใบหน้าหลวงพ่อ แล้วอยู่ดี ๆ ก็เปลี่ยนเป็นใบหน้าหลวงปู่โตชัดมาก สักพักหนึ่งแล้วก็หายไป หลังจากนั้นท่านก็ไม่มาอีกเลย ควรทำอย่างไรคะ ?
ตอบ : ไม่ต้องทำอย่างไร ทำไม่รู้ไม่ชี้แบบเดิม ถ้าอยากได้จะไม่มา เรามีหน้าที่ภาวนา ทำไม่รู้ไม่ชี้ไป เดี๋ยวท่านก็มาเอง

เถรี
28-02-2019, 22:04
ถาม : เดือนที่แล้วที่ให้แผ่เมตตากำหนดใจคลุมทั้งจักรวาล แต่ว่าทำแล้วเหมือนตัวเราหายไป สมัยบ้านอนุสาวรีย์ฯ ที่หลวงพ่อสอน หนูทำตัวใหญ่ ๆ แบบนั้นได้ ตอนนี้ไม่ใช่ กลับไปเป็นอณูอยู่ในนั้น ?
ตอบ : ให้เป็นส่วนหนึ่งของตรงนั้นได้ก็ดี

ถาม : เข้าไปอยู่ในนั้นเลย ตัวตนเราก็หายไป ?
ตอบ : ไม่เป็นไร ขอให้ยังควบคุมได้ก็พอ ก็คือความรู้สึกนึกคิดทุกอย่างยังเป็นปกติก็ใช้ได้ สภาพนั้นเป็นที่สมาธิ

ถาม : เป็นผลของการฝึกอรูปฌานหรือเปล่า ?
ตอบ : จะเรียกว่าอย่างนั้นก็ได้

ถาม : แต่หนูไม่ได้บังคับนะคะ ?
ตอบ : แล้วจะไปบังคับไปทำไม ?

ถาม : คือว่าเป็นเอง หนูไม่ได้ตั้งใจให้เป็น ?
ตอบ : ก็ปล่อยไปตามนั้น ถึงเวลาท้ายสุดก็ไม่มีอะไรเหลือ เราก็ขอไปพระนิพพาน จิตสุดท้ายเราก็เกาะที่พระนิพพาน

ถาม : เราจะบังคับให้ไม่เป็น แล้วไปทำอย่างอื่นแทนได้ไหมคะ ?
ตอบ : ก็แค่คลายสมาธิออกมาแล้วเริ่มต้นใหม่

ถาม : แค่ลดระดับลงมาแค่เองนั้นใช่ไหมคะ ?
ตอบ : แค่นั้นเอง ไปแล้วกลับไม่เป็น เขาเรียกว่ามีสมาปัชชนวสี ความสามารถในการเข้า แต่ไม่มีวุฏฐานวสี ไม่มีความสามารถในการออก

เถรี
28-02-2019, 22:13
โยมดื่มพวกกาแฟน้ำหวาน "ที่ลดน้ำหนักไม่ได้เพราะไอ้ที่ถืออยู่นั่นแหละ เปลี่ยนเป็นน้ำเปล่าก็ลดไปนานแล้ว

บางคนบอกว่าไม่กินแล้วไม่มีแรง น้ำตาลในเลือดต่ำ ไอ้ที่ไม่กินแล้วไม่มีแรง เพราะว่ากินจนติดแล้ว ร่างกายขี้เกียจผลิตน้ำตาลจากคาร์โบไฮเดรตแล้ว"

เถรี
28-02-2019, 22:30
ถาม : กำลังเรียนเรื่องสัตว์หิมพานต์ ควรจะเขียนสัตว์หิมพานต์ตัวไหน ?
ตอบ : ชอบตัวไหนก็เขียนตัวนั้น

ถาม : ตัวไหนที่มีความหมายสักอย่างหนึ่ง ?
ตอบ : เขียนนกหัสดีลิงค์แล้วกัน เห็นเขากำลังนิยมกันอยู่

ถาม : หลวงพ่อคิดว่าตัวไหนมีคุณค่า ?
ตอบ : อยู่ที่เรา ศิลปะทุกอย่างเขามีคุณค่าในตัวอยู่แล้ว

ถาม : ตัวไหนที่มีคุณค่า เกี่ยวข้องกับตำนานศาสนาพุทธ ?
ตอบ : พญานาค

อาทิตย์ก่อนไปงานครูบาเหนือชัย แวะวัดร่องขุ่น ไปเจอสี่หูห้าตาที่น่ารักที่สุดในโลกที่วัดร่องขุ่น ส่วนใหญ่สี่หูห้าตาที่เราเคยเห็นปั้นมาลักษณะเหมือนกับลิง แต่ที่วัดร่องขุ่นนี่ปั้นออกมาน่ารักมาก ปั้นออกมาเป็นช่างวาด เป็นจิตรกร

เถรี
28-02-2019, 22:32
ถาม : ปีที่แล้วลูกชายรับยันต์เกราะเพชรอยู่ที่บ้าน ตัวในเขาหลุดไป แล้วเขาตกใจ ถ้าปีนี้รับเป็นอย่างนั้นอีก ควรทำอย่างไรครับ ?
ตอบ : ชินแล้วนี่ เคยไปแล้ว ถ้าไปอีกทีก็เลิกตกใจได้แล้ว

คนเขาฝึกกันแทบเป็นแทบตายกว่าจะออกไปได้ นี่ออกไปได้เอง ดันไปกลัว บอกแล้วว่าถ้าจะกลัว ให้กลัวว่าไปไม่ได้ อย่ากลัวที่ไปได้ ออกไปไม่มีอะไรน่ากลัวหรอก ถึงเวลานึกอยากกลับก็กลับแล้ว บางทีไม่ทันนึกอยากจะกลับ ก็ชิงกลับก่อนแล้ว ฉะนั้น...จะไปไหนก็ไปเถอะ หรือไม่ก็ตั้งใจไว้ว่าเราจะไปไหว้พระที่พระจุฬามณี เราจะไปไหว้พระที่พระนิพพาน...แล้วก็ไปเลย

เถรี
28-02-2019, 22:36
พระอาจารย์กล่าวว่า "มีญาติโยมจำนวนมากตั้งใจร่วมสร้างพระพุทธรูปทองคำ แต่สิ่งที่ส่งไปมีทั้งทองเหลือง มีทั้งทองแดง อาตมาเก็บรวบรวมไว้เป็นลังใหญ่ จะส่งไปร่วมหล่อพระ ๒๘ องค์กับตุ๊พ่อสิงห์ที่วัดพระพุทธบาทถ้ำป่าไผ่ ยังสงสัยอยู่เหมือนกันว่า อาตมาระบุชัด ๆ ว่าหล่อพระพุทธรูปทองคำ แล้วทำไมเขาส่งทองเหลือง ทองแดงไปให้ ? อาจจะคิดว่าเหมือนกับวัดอื่น ก็คือมีทองคำอยู่หน่อยหนึ่ง นอกนั้นเป็นทองเหลือง ทองแดงก็ได้ แต่ของวัดท่าขนุนไม่ใช่ วัดท่าขนุนเป็นทองคำแท้ทั้งองค์

ฉะนั้น...ในส่วนที่ท่านทั้งหลายตั้งใจหล่อพระ ก็ไม่ได้หล่อพระทองคำวัดท่าขนุน แต่ไปหล่อพระ ๒๘ องค์ของวัดพระพุทธบาทถ้ำป่าไผ่หรือวัดอื่น ๆ มีคนถามอาตมาว่า ทำอย่างนั้นไม่กลัวย้ายเจดีย์ใช่ไหม ? บอกว่าไม่กลัวหรอก เจดีย์ประเภทนี้อาตมารื้อทิ้งมาเยอะแล้ว ก็คือไม่รู้ภาษา บอกว่าหล่อพระทองคำแล้วเอาทองเหลืองส่งไปให้ จะไปใช้อย่างไร ? อาตมาพยายามหาที่ลงให้แล้ว"

เถรี
28-02-2019, 23:17
ถาม : เมื่อวันศุกร์ไปวัดสุทัศน์ฯ ปกติไม่เคยไปที่โบสถ์ ไปแค่วิหารตรงที่อยู่หน้าเสาชิงช้า แต่พอเดินไปด้านหลัง ไปที่โบสถ์ รู้สึกว่ามีความสงบมาก บอกไม่ถูก น่าตกใจมากที่วัดกลางเมืองแท้ ๆ แต่กลับสงบได้ขนาดนั้น ?
ตอบ : วัดสุทัศน์ฯ มีของอะไรดี ๆ อยู่เยอะแยะไปหมด ตำหนักสมเด็จพระสังฆราช (แพ) ก็มีข้าวของอะไรที่น่าสนใจอยู่เยอะมาก เคยได้ยินชื่อหลวงพ่อกลักฝิ่นไหม ? สมัยก่อนฝิ่นบรรจุไว้ในกลักโลหะประมาณพวกทองเหลือง ทางราชการยึดฝิ่นมาได้ก็เผาทำลาย แล้วก็เอาทองเหลืองไปหล่อเป็นพระ ไปค่อย ๆ ดูยังมีอีกเยอะ

ถาม : สงบยิ่งกว่าอยู่วัดโพธิ์อีกค่ะ ?
ตอบ : เหมือนกัน สถานที่ดีเพราะว่าเคยมีพระดีอยู่มาก่อน อย่างสมเด็จพระสังฆราช (แพ) วัดสุทัศน์ฯ ก็ดี สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เสงี่ยม) วัดสุทัศน์ฯ ก็ดี ท่านเป็นพระสายปฏิบัติ แล้วหลวงพ่อสมเด็จพระพุฒาจารย์ (เสงี่ยม) ท่านก็ไปแล้วไปลับไม่กลับเหมือนกัน ฉะนั้น...ท่านทั้งหลายเหล่านี้อยู่ที่ไหน พลังงานหลงเหลืออยู่ที่นั่นก็สบายสำหรับนักปฏิบัติ

เถรี
28-02-2019, 23:20
ถาม : (โยมอยากถวายพระไตรปิฎก)
ตอบ : ที่วัดมีเป็นร้อยชุด ต้องไปไล่แจกวัดอื่นอยู่ ปัจจุบันนี้ที่วัดยังมีอยู่ ๖ ชุด แล้วก็มีอีกชุดหนึ่งที่ไม่มีตู้ รวมแล้วก็คือ ๗ ชุด อาตมากำลังจะหาวัดที่ท่านไม่มีแล้วก็ถวายอยู่เหมือนกัน ช่วงที่ผ่านมาก็ถวายวัดอื่นไปหลายชุด

ถาม : หลวงพ่ออยากจะรับสักชุดไหมคะ ?
ตอบ : ไม่มีความอยากเลย เพราะว่าที่มีอยู่ก็มีแต่อาตมาอ่านอยู่คนเดียว คนอื่นเขาก็ไม่ค่อยจะอ่านกัน

เถรี
28-02-2019, 23:23
พระไตรปิฎกชุดหนึ่งราคาประมาณ ๒๐,๐๐๐ บาท ตู้อีกต่างหาก ค่อนข้างจะราคาสูง แต่ไม่ค่อยได้ใช้ให้คุ้ม หลวงพ่อวัดท่าซุงบอกกับอาตมาว่า พยายามอ่านพระไตรปิฎกให้ได้ปีละจบ แต่ผลที่เกิดขึ้นก็คือตั้งแต่บวชมาจนป่านนี้เพิ่งอ่านไปได้ ๗ - ๘ จบ ถ้าอ่านได้ปีละจบนี่ต้องสุดยอดมากเลย เพราะว่าช่วงท้าย ๆ พวกพระอภิธรรม ทำความเข้าใจยากมาก เนื้อหาเป็นหลักธรรมล้วน ๆ

ถ้าหากว่าจะเข้าใจพระอภิธรรมต้องไปศึกษาพระอภิธรรมเองต่างหากเลย ซึ่งเท่าที่เจอพรรคพวกที่ไปเรียนมาก็เรียนแค่ครึ่ง ๆ กลาง ๆ สู้ไม่ไหว...ถอยกันหมด เพราะว่าพระพุทธเจ้าไม่ได้สอนพระอภิธรรมให้คนทั่วไป พระองค์ท่านสอนพรหมเทวดาที่เป็นอุคฆฏิตัญญูบุคคล ฟังเฉพาะหัวข้อก็บรรลุธรรมเลย ซึ่งในลักษณะอย่างนั้นพระองค์ท่านยังเทศน์อยู่ตั้ง ๓ เดือนของโลกมนุษย์ แล้วคิดดูว่าจะมีใครทนฟังพระอภิธรรมได้ ๓ เดือน โดยไม่เป็นลมตายเสียก่อนบ้าง ?

ฉะนั้น...ในส่วนนี้พระองค์ท่านตั้งใจโปรดพุทธมารดาและพรหมเทวดา แต่ว่าปัจจุบันนี้มีหลักสูตรเรียนพระอภิธรรมกัน ต้องบอกว่าท่านเหล่านี้น่าจะเก่งกว่าพรหมเทวดา ก็เลยตั้งใจไปเรียนกัน

เถรี
28-02-2019, 23:24
แต่ว่าการเรียนก็เป็นสิ่งที่ดี เพราะว่าการเรียนถ้าทรงจำไว้ได้ ก็เท่ากับเป็นการรักษาพระธรรมไว้อย่างหนึ่งเหมือนกัน ถ้าเรียนแล้วทำความเข้าใจได้ สามารถปฏิบัติตามได้นั่นก็ยิ่งวิเศษเข้าไปใหญ่

แต่ส่วนใหญ่แล้วพระอภิธรรมเป็นส่วนที่เข้าใจได้ยาก เพราะว่าเป็นหลักธรรมล้วน ๆ มีแต่กระดูกให้เคี้ยว ไม่มีน้ำ ไม่มีเนื้อเลย แล้วพระไตรปิฎกที่ออกมา ฉบับของมหาจุฬาฯ ก็เป็นอย่างหนึ่ง ฉบับของมหามกุฏฯ ก็เป็นอย่างหนึ่ง ก็คือคล้าย ๆ กับว่าคำสอนของพระพุทธเจ้าเหมือนกัน แต่ว่าในเมื่อมหามกุฎฯ ทำมาอย่างนี้ มหาจุฬาฯ ก็ต้องไปอีกทางหนึ่ง

อาตมาไปเปิดหาอปริหานิยธรรม ๗ เสียแทบตาย ปรากฏว่าหาไม่เจอ ในสารบัญก็ไม่มี ท้ายสุดต้องไปเปิดดูทีละหน้า ปรากฏว่าของมหาจุฬาฯ เขาใช้คำว่า ปฐมสัตตกสูตร เพราะว่าอปริหานิยธรรมมีหลายอย่าง มีทั้งอปริหานิยธรรมของพระ อปริหานิยธรรมของฆราวาส แล้วมีหมวดหนึ่งที่ไม่ได้เข้า ๗ กับเขาเลย แต่ว่ามาด้วยกัน ก็คือสาราณียธรรม ๖

เถรี
28-02-2019, 23:37
ถาม : ลูกชาย ๙ ขวบ ว่าจะให้ไปบวชเณรที่วัดท่าขนุน รับไหมคะ ?
ตอบ : รับ...แต่ถ้ากินข้าวเย็นเจอไม้เรียว...! อยู่ที่โน่นถ้ากินบะหมี่สำเร็จรูป พระพี่เลี้ยงท่านนับเส้นตี เส้นละที ก็สงสัยนับเส้นได้อย่างไร ? กินลงท้องไปแล้ว สงสัยจะไปนับจากซองที่ยังไม่ได้กิน

ตอนแรกเห็นพระพี่เลี้ยงตีเณรไม่หยุด ถามว่าตีอะไรเยอะแยะ เขาบอกเณรกินบะหมี่ครับ แล้วกินบะหมี่ต้องตีเยอะขนาดนั้นด้วยหรือ ? ท่านว่านับเส้นตี เล่นเส้นละที ไปถามเณรว่าเอาบะหมี่มาจากไหน ? เพราะว่าโรงครัววัดนี้หลังเที่ยงก็ปิดหมดแล้ว เณรบอกว่าพ่อแม่มาเยี่ยมแล้วเอามาฝาก

เถรี
28-02-2019, 23:48
เรื่องของการบวชสามเณรภาคฤดูร้อน ปัจจุบันมีหลายแห่งที่มีพวกวิปริตชอบเด็กผู้ชาย ประเภทบวชเป็นพระแล้วก็พยายามแทรกเข้าไปในงานพวกนี้

เมื่อปีก่อนทางวัดท่าขนุนก็มีอยู่รายหนึ่ง ตอนเป็นนาคก็ทำตัวเรียบร้อยมาก พอบวชเป็นพระก็ลายออก ก็คือเห็นพระรูปไหนหน้าตาดีหน่อยก็ตามตื๊อ กลางคืนไปเคาะประตูเรียก ถามแล้วยังเถียงอีกว่าไม่ได้ทำ ก็เลยต้องเอาหลักฐานให้ดู เพราะว่าที่วัดมีกล้องวงจรปิดอยู่ ๕๐ ตัว เอ็งจะมามุมไหนก็หลบไม่ได้

พอจนด้วยหลักฐานแต่ไม่ยอมสึก...หนีไปที่ลำปาง แทรกเข้าไปที่งานบวชสามเณรเขาอีก เสร็จแล้วก็ไปทำอนาจารสามเณร ปรากฏว่าโดนพระพี่เลี้ยงช่วยกันจับตัวได้ เจ้าคณะอำเภอแม่ทะให้เลขาฯ โทรมา ถามว่าจะจัดการอย่างไร ? อาตมาบอก "หลวงพ่อจับสึกไปเลยครับ แล้วส่งตัวให้ตำรวจไปเลย"

เถรี
28-02-2019, 23:51
ส่วนใหญ่เวลาพระท่านทำผิดอะไร โดยหลักปฏิบัติแล้วเขาต้องแจ้งพระอุปัชฌาย์ที่เป็นคนบวชให้ ซึ่งก็คืออาตมาเอง ถามความเห็นว่าพระอุปัชฌาย์จะเอาอย่างไร หลายรายก็ปกป้องลูกศิษย์ตัวเองอย่างไม่ลืมหูลืมตา ก็คืออย่างไรลูกศิษย์ของกูจะต้องไม่ผิด ซึ่งลักษณะอย่างนั้นจะทำให้คนชั่วได้ใจ

แต่สำหรับอาตมาไม่มี เพราะว่าจะจับเขาสึกเองแล้วเขาหนีไปอยู่วัดอื่น ไปเจอลักษณะอย่างนั้นพยานหลักฐานคาตา โดยเฉพาะในโทรศัพท์มีแต่ภาพประเภทนี้เยอะแยะไปหมด ก็เลยมีหลักฐานให้เจ้าคณะอำเภอแม่ทะท่านจับสึก แต่ไม่ทราบว่าท่านส่งตัวให้ตำรวจหรือเปล่า ? ประเภทนี้เดี๋ยวก็คงไปขอบวชใหม่ที่วัดไหนวัดหนึ่ง แล้วก็ไปทำแบบเดิมอีก ฉะนั้น...เวลาบวชสามเณรภาคฤดูร้อน อาตมาให้พระพี่เลี้ยงนอนสี่มุมศาลาเลย เฝ้าเณรไว้...ไม่ได้กลัวเณรหนีเที่ยว แต่กลัวพวกวิปริตอย่างนี้จะเข้าไป

เถรี
01-03-2019, 12:12
ถาม : ตอนที่ท้องแรก รับยันต์เกราะเพชรไปแล้ว คลอดลูกชายออกมา ก็ไม่รู้ใช่ลายหรือเปล่า ถึงตอนนี้ยังไม่หาย ?
ตอบ : ปล่อยไป เดี๋ยวคนต่อไปค่อยก็ดูใหม่

ถาม : คนต่อไปก็จะรับยันต์เกราะเพชรวันที่ ๙ นี้แหละค่ะ
ตอบ : ลวดลายที่เกิดจากยันต์เกราะเพชรบางทีเหมือนกับว่าเป็นปาน เป็นลายอะไรเฉย ๆ บางทีก็เป็นจุด เป็นแต้ม เป็นขีดอะไรก็มี น้อยคนที่จะเป็นรูปร่างสมบูรณ์ แต่ว่าหลักเดียวกันก็คือ ภายใน ๗ วันหายเข้าไปอยู่ในกระดูกหมด

มีอยู่รายหนึ่ง ขึ้นเต็มตัวเลย จนกระทั่งหมอเขาเรียกว่าเด็กตุ๊กแก เป็นจุด ๆ ทั้งตัว พ่อแม่บอกว่าไม่เป็นไร หมอก็ไม่ยอม จับเจาะเลือด ตรวจเลือดอยู่นั่นแหละว่าติดโรคอะไรหรือเปล่า เจาะจนกระทั่งต้องบอกว่าเด็กเกิดมาซวย พอโดนเข้าไปเต็ม ๆ แล้ว ๗ วันก็หาย หมอก็ยังคงคิดว่าตัวเองมีฝีมือรักษาหาย

เถรี
01-03-2019, 12:30
ถาม : แล้วคนที่ ๒ จะมีไหมคะ ?
ตอบ : บอกไม่ได้ ต้องรอดู ปกติแล้วจะมีเฉพาะลูกชายคนแรก มีอยู่รายหนึ่งอยู่ที่ลพบุรี ลายขึ้นเป็นรูปกงจักรบนหัว แล้วขึ้นทุกวันพระขึ้น ๑๕ ค่ำ เขามารายงานหลวงพ่อวัดท่าซุง ท่านก็แปลกใจ ถามว่าทำอย่างไรถึงได้พิเศษอย่างนี้ ? เขาบอกว่าทันทีที่ท้อง แม่ก็แยกห้องกับพ่อเลย ไปนอนอยู่ห้องพระแทน ตั้งใจรักษาศีล ๘ ให้ลูก

ฉะนั้น...คนนี้เป็นตัวอย่างเรื่องยันต์เกราะเพชรที่ชัดมาก เพราะว่าทุกวันพระ ๑๕ ค่ำจะขึ้น แต่ก็คงต้องไปโกนหัวดู ต้องบอกว่าแม่ใจเด็ดมาก พอรู้ว่าท้องนี่ประเภทปล่อยพ่อนอนคนเดียวไป ตัวเองหนีไปสวดมนต์ไหว้พระอยู่ในห้องพระ

เถรี
01-03-2019, 12:41
ถาม : เวลาทำกรรมฐาน แผ่เมตตาไปทั่วจักรวาล ก็สว่างนิ่ง แต่ไม่ชุ่มชื่นเหมือนกับเห็นสัตว์เห็นคนเดือดร้อน แล้วเราพุ่งเข้าไปช่วย ?
ตอบ : แผ่เมตตา ถ้าหากว่าสมาธิทรงตัว ก็จะต้องนิ่งอยู่แล้ว

ถ้าสมาธิทรงตัวจะเป็นฌาน จะไปรู้สึกรู้สาอะไร ก็แค่นิ่งอย่างเดียว ไปช่วยบ้านสวนรักที่ชุมพรก็ได้ เลี้ยงหมาไว้สามสี่ร้อยตัว อยากจะเมตตามากก็เอา

เถรี
01-03-2019, 12:42
:cebollita_onion-17::cebollita_onion-17: เก็บตกเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ หมดแล้วค่ะ :cebollita_onion-17::cebollita_onion-17:
ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย ทาริกา คะน้า เถรี เผือกน้อย รัตนาวุธ และนายกระรอก