PDA

View Full Version : เก็บตกจากบ้านเติมบุญ ต้นเดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๐


เถรี
12-11-2017, 20:21
ถาม : เราจะแยกระหว่างการวางแผนล่วงหน้าและการคิดฟุ้งซ่านได้อย่างไรครับ ?
ตอบ : วางแผนโดยทรงสมาธิไว้จะได้ไม่ฟุ้งซ่าน สรุปก็คือ จะคิดอะไรก็ทำสมาธิให้มั่นคงเสียก่อน ไม่อย่างนั้นแล้วเราจะแยกไม่ออก

อะไรก็ตามที่เราคิดในขณะที่ทรงสมาธิอยู่จะมีเหตุมีผล และสามารถเห็นช่องทางได้ง่าย ส่วนการคิดเรื่อยเปื่อยโดยที่ไม่มีสมาธิกำกับอยู่ เป็นความฟุ้งซ่านอย่างแน่นอน

เถรี
12-11-2017, 20:29
ถาม : เมื่อเราเกิดปัญหาขึ้นในการเรียนหรือการทำงาน และเป็นปัญหาที่หาทางออกที่ดีไม่ได้ จนทำให้เกิดทุกข์ทุกครั้งที่นึกถึง แม้จะทำสมาธิก็ช่วยบรรเทาทุกข์ได้แต่เพียงชั่วครู่ จึงสงสัยว่าจะมีวิธีใดบ้างที่ช่วยให้สามารถแก้ไขปัญหานั้น ๆ ได้ หรือพบคนที่จะมาช่วยเหลือได้ ?

ตอบ : อย่ามัวแต่ไปหวังพึ่งคนอื่นอยู่ ให้คิดดี พูดดี ทำดีเอาไว้ ถ้าสามารถคิดดี พูดดี ทำดีได้ต่อเนื่อง ความดีทั้งหลายที่เกิดขึ้นจะทำให้ปัญหาหมดไปเอง ในเมื่อไม่สามารถที่จะทำได้ เรื่องไม่ดีที่เกิดขึ้นก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ จำเป็นที่จะต้องยอมรับไปก่อน หลังจากนั้นก็เริ่มต้นแก้ไขใหม่

ถาม : มีวิธีใดบ้างที่จะระงับทุกข์ในช่วงที่ยังแก้ปัญหาไม่ได้ ?
ตอบ : หยุดคิด ถ้าหยุดคิดไม่เป็นก็ต้องให้ความรู้สึกของเราอยู่ที่ลมหายใจเข้าออก ส่วนใหญ่ที่เราทุกข์เพราะเราไปคิดปรุงแต่ง เรายิ่งปรุงแต่งมากเท่าไร ความทุกข์ก็ยิ่งมีมากเท่านั้น แต่ถ้าหยุดคิดไม่ได้ก็ต้องหยุดอยู่กับลมหายใจเข้าออก ถ้าลมหายใจเข้าออกทรงตัว ความคิดทั้งหมดจะอยู่เฉพาะหน้าที่ลมหายใจหรือคำภาวนาเท่านั้น เท่ากับเราหยุดคิดไปโดยปริยาย ความทุกข์ก็ไม่เกิด

เถรี
12-11-2017, 20:35
ถาม : การคำนวณและวางดวงพิชัยสงคราม สามารถช่วยหนุนดวง และส่งเสริมชะตาชีวิตให้ดีขึ้นได้จริงหรือไม่ และเพราะเหตุใดครับ ?
ตอบ : เรื่องของการวางดวงเกิดจากการคำนวณของวิชาโหราศาสตร์ โอกาสที่จะทำแล้วเกิดผลมีประมาณ ๖๐ เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ไม่อย่างนั้นแล้วทุกคนไปวางดวงเสียใหม่ก็กลายเป็นดีกันไปหมด รวยเสมอกันหมด ประสบความสำเร็จเหมือนกันหมด

สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ที่เกิดขึ้นจากบุญเก่า กรรมเก่าที่เราสร้างเอาไว้ ถ้าทำแล้วสามารถดีขึ้นได้ แปลว่าต้องมีปุพเพกตปุญญตา คือบุญเก่าที่เราสั่งสมมาตั้งแต่ต้นด้วย ถ้าบุญเก่าตรงนี้ไม่ส่งผล ทำไปก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร แต่ก็อาจจะสบายใจขึ้นว่าเราได้ทำในสิ่งที่ดี ๆ ไปแล้ว ถ้าเราสบายใจ จิตใจสงบลง บางทีอาจจะเห็นช่องทางแก้ปัญหาชีวิตต่าง ๆ ได้ ก็ต้องบอกว่าสิ่งที่ดีขึ้นเกิดจากตัวเราเองอีกตามเคย

เถรี
12-11-2017, 20:44
ถาม : เพื่อนผมได้กินน้ำสลัดซึ่งทำจากน้ำส้มสายชู แต่น้ำส้มสายชูได้ผ่านกระบวนการหมักซึ่งมีขั้นตอนที่แปรสภาพจากแอลกอฮอล์มาเป็นกรด ผมจึงสงสัยว่า ถ้ากินเข้าไปแล้วจะทำให้ยันต์เกราะเพชรหลุดหรือไม่ครับ ?
ตอบ : กรดไม่ใช่แอลกอฮอล์ ท่านห้ามเฉพาะแอลกอฮอล์ เพราะฉะนั้น...โปรดอย่าฟุ้งซ่านมาก

ถาม : ผมสงสัยว่าจะมีวิธีใดที่สามารถตรวจสอบด้วยตนเองได้ว่า ยันต์เกราะเพชรยังอยู่ในตัวเรา แบบที่ไม่ใช่ต้องรอให้ตาย หรือไปให้งูพิษกัดครับ ?
ตอบ : วิ่งไปให้สิบแปดล้อชน ถ้าไม่ตายก็แปลว่ายันต์ยังอยู่...!

เถรี
12-11-2017, 20:49
ถาม : สมมติว่าผมถูกหวยหรือพนันฟุตบอลแล้วได้เงินมา ๑ หมื่น แล้วแบ่งมาทำบุญสัก ๑๐% ของเงินที่ได้มา อยากทราบอานิสงส์จะได้เต็ม ๑๐๐% หรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ถ้าจะให้ได้เต็ม ๑๐๐% ก็เอามาทำบุญทั้ง ๑๐๐% นั่นแหละ...! ความจริงคำถามก็คือ เงินจากการพนันนำมาทำบุญแล้ว จะได้อานิสงส์มากเหมือนกับเงินที่ได้มาโดยสุจริตทั่วไปหรือไม่ ?

ต้องว่ากันตามหลักก็คือ วัตถุทานนั้นบริสุทธิ์ เจตนาในการทำบุญบริสุทธิ์ ผู้ให้บริสุทธิ์ ผู้รับบริสุทธิ์ จึงจะเต็มร้อยส่วน ให้พิจารณาเอาเองก็แล้วกันว่าเงินที่ได้มาบริสุทธิ์ไหม ?

เถรี
12-11-2017, 20:53
ถาม : ถ้าผมให้เพื่อนคนหนึ่งนึกเลขใดก็ได้มาหนึ่งตัวเลข แล้วผมทายถูกติดต่อกันหลายครั้ง อยากทราบว่าเป็นมโนมยิทธิหรือเป็นเจโตปริยญาณ ?
ตอบ : เป็นการเดาล้วน ๆ...! มโนมยิทธิเป็นส่วนของทิพจักขุญาณ เจโตปริยญาณเป็นส่วนของทิพจักขุญาณ ถ้ามีความคล่องตัวจริง จะรู้แม้กระทั่งว่าเขาคิดจะพูดอะไร ไม่ใช่แค่ทายถูกเป็นส่วนมากเท่านั้น

เถรี
12-11-2017, 21:05
ถาม : วันนั้นพักจากงานหนูไปเข้าห้องน้ำ ตอนนั่งในห้องน้ำหนูก็จับลมหายใจไปเรื่อย ๆ แล้วหนูก็ยกมือขึ้นมาเพื่อจะเกาศีรษะ แต่จู่ ๆ ความรู้สึกมันไหลลงมารวมที่ลมหายใจไม่รู้สึกถึงอย่างอื่นเลยค่ะ เพียงครู่เดียวมันก็ออกจากอารมณ์นั้น ความรู้สึกแรก คือ งงว่าตัวเองว่าอยู่ที่ไหน กำลังทำอะไรอยู่ จนกระทั่งความรู้สึกขยายไปทั่วทั้งตัวจึงเห็นว่ามือที่ยกขึ้นเกาศีรษะก็ยังยกค้างอยู่ท่าเดิม จากนั้นความจำทุกอย่างเริ่มกลับมาค่ะ จากอาการข้างต้น หนูควรแก้ไขหรือทำอย่างไรเพื่อพัฒนาสติให้ดีขึ้นกว่านี้คะ ?

ตอบ : ไม่ต้องแก้ไข แสดงว่าเป็นลูกหลานหลวงปู่พระอานนท์ พระอานนท์ตั้งใจจะเร่งการปฏิบัติ เพื่อให้เข้าถึงอรหัตผลก่อนที่จะสังคายนาพระไตรปิฎก ปรากฏว่าทำเท่าไรก็ไม่ได้ จนกระทั่งรุ่งเช้าวันสังคายนาท่านเหนื่อยเต็มทีแล้ว คิดว่าจะขอพักสักหน่อย ก็เลยหย่อนตัวลงที่เตียง เอนตัวลง เท้าพ้นพื้นข้างหนึ่ง ตัวก็ยังไม่ทันจะกระทบพื้นเตียง บรรลุอรหันต์ตอนนั้นพอดี

สภาพจิตตอนที่ท่านเร่งรัดมรรคผลเป็นตอนที่กำลังใจเกิน ส่วนตอนที่ท่านคลายออกมาเป็นกำลังใจที่พอดี จึงไปได้อรหัตผลเอาตอนนั้น ลักษณะเดียวกับโยมที่ถาม ในขณะที่ตัวเองกำลังจะทำกิริยาใดกิริยาหนึ่ง บังเอิญว่าอารมณ์ใจลงช่องพอดี เมื่อลงตรงจุดนั้นเข้าสู่อัปปนาสมาธิแบบหยาบ ก็ทำให้ตัดอาการรับรู้ภายนอกไป

มีอย่างเดียวก็คือ ซักซ้อมให้สามารถเข้าออกได้ทุกเวลาตามที่เราต้องการ ก็จะแก้อาการนั้นไปได้เอง ถ้าเป็นสายวัดป่าท่านบอกว่าเป็นอาการที่จิตรวม เพียงแต่อาการที่ว่ามารวมแล้วเป็นสมาธิหยาบไปหน่อย สติตามไม่ทัน จึงเหมือนกับหายไปเฉย ๆ

เถรี
12-11-2017, 21:07
ถาม : การภาวนาโดยบริกรรมพุทโธไปเรื่อย ๆ กับการกำหนดลมหายใจเข้าออกพร้อมบริกรรมพุทโธ ทำแบบใดจึงจะทรงฌานได้ง่ายและมีคุณภาพมากกว่ากันคะ ?
ตอบ : จำไว้ว่า ถ้าอยากจะทรงฌานห้ามทิ้งลมหายใจเข้าออก ถ้าทิ้งลมหายใจเข้าออกไม่มีทางที่จะทรงฌานได้ เพราะฉะนั้น...ไม่ต้องถามต่อ

เถรี
12-11-2017, 21:24
ถาม : การศึกษาด้านจิตใต้สำนึกหรือหลักสูตร NLP ( Neuro-Linguistic Programming ) ตามแบบศาสตร์ตะวันตก มีประโยชน์หรือโทษอย่างไรครับ ?
ตอบ : ถ้าถามว่ามีประโยชน์หรือโทษอย่างไร ก็ขึ้นอยู่กับคนที่ศึกษาและเอาไปใช้ บางคนก็ใช้ในการสะกดจิตคนอื่นแล้วก่ออาชญากรรมก็มี

ถาม : การศึกษาในเรื่องนี้สามารถช่วยในเรื่องการตัดกิเลส เพื่อเข้าสู่พระนิพพานได้หรือไม่ครับ ?
ตอบ : บุคคลที่ฝึกจะมีสมาธิจิตที่เข้มแข็งกว่าคนทั่ว ๆ ไปอยู่ในระดับหนึ่ง ถ้ารู้จักธรรมะในพระพุทธศาสนา ตั้งใจปฏิบัติเพื่อมรรคผล ก็จะสามารถเข้าถึงได้ง่ายกว่าคนทั่วไป แต่ส่วนใหญ่แล้วเป็นการฝึกของคนทางตะวันตก ซึ่งไม่มีความเข้าใจหลักธรรมในจุดนั้น จึงป่วยการที่จะไปกล่าวถึงเรื่องพระนิพพาน

เถรี
12-11-2017, 21:30
ถาม : มีคนเคยตั้งถามหลวงพ่อว่าทำไมตะกรุดมหาสะท้อนเมื่อนำไปเป็นมวลสารแล้ว ยังมีอานุภาพสะท้อนอยู่ ทั้งที่ทำออกไปจำนวนมาก เช่น พระปิดตามหาเศรษฐีเงินล้านรุ่นหนึ่ง หลวงพ่อตอบว่าก็เพราะว่าไม่ใช่ตะกรุด คำถามคือ แล้วทำไมไม่ทำเป็นรูปพระไปเลยครับ น้ำหนักจะได้ไม่ถึงหนึ่งบาท ?
ตอบ : ก็กูจะทำให้ได้บาท...! คนเขาต้องการตะกรุด ดันจะให้ทำเป็นพระ

ในเรื่องของการเอาตะกรุดไปทำเป็นมวลสาร ถ้าสมมติว่าตะกรุดเป็นเกลือ ๑ ตัน เอาไปผสมเป็นมวลสารตรงนั้นบ้าง ตรงนี้บ้าง ความเค็มไม่ได้หมดไปหรอก แต่ก็ลดลงไปบ้าง จะให้เค็มเท่ากับเกลือ ๑ ตันนั้นเป็นไปไม่ได้ ขณะเดียวกันจะบอกว่าไม่เค็มก็เป็นไปไม่ได้อีกเหมือนกัน ฉะนั้น...โปรดเข้าใจด้วยว่าเป็นเพราะอะไร

ถาม : แล้วการอาราธนาวัตถุมงคลที่มีมวลสารของตะกรุดมหาสะท้อน เช่น พระกริ่งปลดหนี้เนื้อเงินให้เป็นมหาสะท้อนนั้น ใช้บท เม สัมมุกขา สัพพาหะระติ เตสัมมุกขา หรือใช้อิทธิฤทธิ พุทธะนิมิตตังฯ ครับ ?
ตอบ : ถ้าจะเอามหาสะท้อนก็ใช้ เม สัมมุกขาฯ

เถรี
13-11-2017, 09:31
ถาม : สตรีที่บรรลุธรรมตั้งแต่พระอนาคามีขึ้นไปจะสามารถดำรงขันธ์อยู่ได้ หรือต้องละขันธ์ภายใน ๓ วัน ๗ วันคะ ? เพราะเรื่องการบรรลุธรรมเป็นเรื่องของจิตไม่เกี่ยวกับกาย หนูจึงไม่เข้าใจค่ะ ?
ตอบ : ถ้าเป็นพระอนาคามีก็ยังอยู่ได้ แต่ก็คงอยู่ในลักษณะที่สร้างเวรสร้างกรรมให้กับคนที่ไม่รู้อีกมาก ถ้าใครมาถึงตรงจุดนี้ วิธีที่ปลอดภัยก็คือรีบบวชเป็นแม่ชีเสีย เพราะแม่ชีเป็นเพศที่คนทั่วไปให้การเคารพ จะได้ไม่ล่วงเกินด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ

แต่ถ้าเป็นถึงพระอรหันต์ไม่เกิน ๗ วัน ตายแน่นอน เพราะว่าอยู่แล้วเป็นโทษใหญ่กับคนอื่น แค่เพื่อนที่ไม่รู้เรื่องอะไรตบหลังป้าบเดียว เจ้านั่นก็ซวยไป ๕๐๐ ชาติแล้ว เราลองคิดดูว่า การล่วงเกินเพียงเล็กน้อย โทษยังหนักขนาดนั้น ถ้าเป็นการล่วงเกินที่หนักกว่านั้น โทษจะขนาดไหน ? ดังนั้น...ความดีของท่านมีมากเกินไป จึงไม่สมควรจะอยู่เป็นโทษเป็นทุกข์แก่คนอื่น จึงต้องตัดให้ตายไป

เถรี
13-11-2017, 10:01
ถาม : ในขณะที่ผมกำลังนั่งอยู่ในรถ ผมก็นึกถึงภาพพระพุทธรูปไปเรื่อย ๆ ตอนแรก ๆ ไม่เห็นอะไร ส่วนลมหายใจก็ปล่อยไปตามปกติไม่ไปบังคับ รู้ลมบ้างไม่รู้บ้าง พอพยายามนึกถึงพระพุทธรูปไปเรื่อย ๆ จิตก็เริ่มคิดไปว่าตอนนี้เรามีพระพุทธรูปเป็นที่พึ่ง ท่านอยู่กับเรา คิดแบบนี้ไปเรื่อย ๆ อยู่ ๆ ก็ปรากฏว่าเห็นภาพเป็นพระพุทธรูปสีทองสวยงามมาก แวบขึ้นมาในจิต เห็นชัดเจนมาก และพร้อมกันนั้นก็รู้สึกเหมือนกับว่าสิ่งรอบข้างนั้นหายไป อยู่ดี ๆ พระพุทธรูปและบรรยากาศรอบข้างก็เข้ามาแทนที่ตรงที่ผมอยู่ขึ้น พร้อมกับลมหายใจก็กำลังจะหายไปด้วย รู้สึกเหมือนอีกนิดเดียวก็จะขาดใจแล้ว เป็นเวลาแค่ชั่ววินาที แต่ความรู้สึกนั้นชัดเจนมาก

พอรู้สึกอย่างนั้น ผมก็ตกใจกลัว ลืมตาขึ้นทันที ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น พอเริ่มทำอีก ก็รู้สึกเหมือนเดิมอีก เหมือนลมหายใจจะหายไป ก็เลยเลิกทำไป ไม่ทราบว่า เหตุการณ์ที่ผมเจอนี้มันคืออะไรครับ ?

ตอบ : คือความโง่ของเราเอง...! ทำต่อไปอีกหน่อยก็ทรงฌานในพุทธานุสติแล้ว ดันไปกลัวตายเพราะหายใจไม่ออก

ลักษณะนั้นเขาเรียกว่าพุทธานุสติ คือการตามระลึกถึงความดีขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อสภาพจิตทรงตัวถึงระดับหนึ่ง ก็ปรากฏภาพของท่านขึ้นในลักษณะเป็นอุคหนิมิต ถ้าหากเราสามารถรักษาสติต่อเนื่องตามกันโดยไม่กลัว หรือไม่หวั่นไหว สภาพจิตก็จะทรงเป็นฌานไปได้

คราวนี้พอสภาพจิตเราจะทรงเป็นฌาน ลมหายใจจะละเอียดขึ้นจนเหมือนไม่มี เรากลับไปกลัว ก็ช่วยไม่ได้เหมือนกัน เพราะว่าถ้าครั้งหน้าทำแล้วอยากได้ก็จะไม่ได้อีก ทำอย่างไรที่จะไม่อยากและทำไปเรื่อย ๆ ถึงจะได้ใหม่

ถาม : และการฝึกสมาธิโดยการนึกถึงแต่ภาพพระโดยไม่ต้องสนใจลมหายใจ เป็นการฝึกที่ถูกต้องไหมครับ ?
ตอบ : ไม่ถูก ยกเว้นว่าต้องการแค่อนุสติ คือ การตามระลึกถึง ถ้าต้องการสมาธิที่สูงขึ้นไป อย่างไรก็ต้องมีลมหายใจประกอบด้วย

เถรี
13-11-2017, 19:27
ถาม : ตอนที่เรากำลังมีเรื่องกับใครบางคน เพราะเขาคอยหาเรื่องกลั่นแกล้งเราตลอด ทำไมเราถึงเห็นใบหน้าเขาชัดเจนเลยครับ ไม่ได้เห็นด้วยตานะครับ เป็นแบบเห็นในใจแต่ชัดเจนมาก ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ตั้งใจนึกถึงเลย ?
ตอบ : ความมุ่งมั่นของใจที่กำหนดจดจำว่า "ไอ้เจ้านี่เป็นศัตรูของเรา" ทำให้สามารถนึกถึงเขาได้อย่างชัดเจน ถ้าเราเอาความมุ่งมั่นในระดับเดียวกันมานึกถึงภาพพระก็คงจะได้ดีไปนานแล้ว

ถาม : พอผมมาศึกษาเรื่องกสิณ ที่บอกว่าให้ฝึกเพ่งกสิณโดยการจำภาพกสิณให้ติดตา ไม่ทราบว่าลักษณะของภาพที่ติดตานั้น เป็นแบบเดียวกับที่เห็นภาพใบหน้าคนที่เราไม่ชอบใช่ไหมครับ ?
ตอบ : แบบเดียวกัน

เถรี
13-11-2017, 19:49
ถาม :โยมอาศัยอยู่ในประเทศหนึ่งในยุโรปที่มีการเก็บภาษีสูงมาก แต่ก็มีรัฐสวัสดิการที่ดีเช่นกัน ทุกคนที่สิทธิ์ในการรักษาพยาบาลฟรี ทุกคนจะมีที่อยู่อาศัย ทุกคนจะมีอาหารกิน คนเร่ร่อนก็จะมีที่พักให้พักฟรีและมีอาหารสามมื้อแจกฟรี พร้อมยังมีเงินรายวันให้ใช้จ่าย ที่นี่แม้แต่สัตว์จรจัดก็ไม่มี คนตกงานก็ได้รับเงินชดเชยจากรัฐ

สรุปที่ประเทศนี้ไม่มีความอนาถาให้ทำทานบารมี แม้แต่บางทีจะให้อาหารเป็ดป่า หงส์ป่าตามคลอง ทางเจ้าหน้าที่ก็ติดป้ายประกาศห้ามให้อาหาร เพราะจะทำให้สัตว์ขี้เกียจ ท้ายที่สุดก็จะออกหากินเองไม่เป็น โยมอยากขออนุญาตถามหลวงพ่อว่า ในกรณีเช่นนี้เราจะหมดโอกาสทำทานบารมีใช่ไหมคะ ?

ตอบ : ถ้าสบายก็ไม่ต้องกิน ไม่ต้องถ่าย ถ้ายังต้องกินต้องถ่ายอยู่ แสดงว่ายังไม่สบายจริง

ในส่วนของทานบารมีก็ยังมีจาคานุสติ คือระลึกอยู่เสมอว่า ถ้ามีโอกาสเราจะให้ ไม่ได้แปลว่าต้องลงมือทำแล้วสำเร็จ เราก็สามารถใช้ในส่วนของจาคานุสติแทนที่จะเป็นทานบารมีได้ ขณะเดียวกันในส่วนของกองบุญการกุศลอื่น ๆ ก็มีมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการรักษาศีลที่มีอานิสงส์มากกว่าเป็นร้อยเท่า หรือการเจริญภาวนาที่มีอานิสงส์มากกว่าการเจริญรักษาศีลจนประมาณไม่ได้ ทำไมจึงต้องไปเน้นในเรื่องของการให้ทานด้วย ?

ถาม :ในกรณีของโยม ณ ปัจจุบันครอบครัวโยมไม่ได้อยู่ในกลุ่มที่ได้รับการอุดหนุนจากรัฐ แต่เป็นกลุ่มที่จ่ายภาษีในอัตราสูง และเงินภาษีนี้เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือกลุ่มคนที่เปราะบางและอ่อนแอ จะสามารถถือว่านี่คือการทำทานได้ไหมคะ ?
ตอบ : ถ้าไม่ได้เจตนาไว้ก่อน ก็ไม่ถือว่าเป็นทาน เพราะว่าบุญกุศลหรือเวรกรรมทุกอย่างเกิดจากเจตนาเป็นหลัก

เถรี
13-11-2017, 19:54
ถาม : ดิฉันอยากทราบว่าเวลาที่คนอื่นมาพูดเสียดสี ล้อเลียน เรื่องรูปลักษณ์ ดิฉันควรวางกำลังใจอย่างไรดีคะ ? ควรจะบอกกับตัวเองอย่างไรเพื่อทำให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้น ? เพราะทุกครั้งที่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นก็จะคิดเสมอว่า ถ้าดิฉันมีโอกาสทำศัลยกรรม พวกเขาก็จะมาพูดอะไรแบบนี้ไม่ได้อีก แต่ในเมื่อการทำศัลยกรรมเป็นเรื่องที่ไม่ควรทำเพราะเป็นการฝืนกฎแห่งกรรม ดิฉันก็ล้มเลิกความคิดที่จะไปทำค่ะ

ตอบ : ก็แค่รักษากำลังใจว่า "ถึงจะอ้วน เตี้ย สั้น แต่กูมั่นใจ...!" ก็จบแล้ว

เขาเรียกว่า ถือคำพูดคนอื่นเป็นประมาณ คิดปรุงแต่งให้เกิดโทษเกิดทุกข์แก่ตัวเอง ก็ไม่ต้องไปโทษใคร แค่หยุดคิดก็จบแล้ว รูปธรรมนามธรรม สัพเพ สังขารา อนิจจา ท้ายสุดก็ตายเหมือนกันหมด ไม่ต้องไปกังวลอะไรมากมาย

เถรี
13-11-2017, 19:56
ถาม : ขณะที่ผมทำงานหนัก ๆ ป่วยมาก ๆ ผมนึกอยากจะไปพระนิพพานมาก แต่ติดเรื่องต้องตอบแทนผู้มีพระคุณด้วยการเป็นพระพุทธเจ้า ผมต้องทำอย่างไรต่อไปครับ ? กลัวจะเห็นทุกข์แบบหลวงปู่วัดท่าซุง
ตอบ : ก็ลา...อยากไปก็ลา จะได้ไปได้

เถรี
13-11-2017, 20:00
ถาม : ผมรู้สึกว่า ตัวเองอาจจะเคยฆ่าคนหรือสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นไว้ในชาติก่อน แล้วกรรมอาจจะติดตามมาในชาตินี้ โดยเฉพาะเรื่องภัยธรรมชาติ เลยว่าจะย้ายบ้านหนีไปอยู่ต่างจังหวัดที่น่าจะปลอดภัย แบบนี้จะพอหนีกรรมได้ไหมครับ ?
ตอบ : ไม่มีใครหนีกรรมพ้น ลองไปดูในเรื่องของพระ ๓ ชุด แต่ละท่านสร้างเวรกรรมกันมา ไปลอยเรืออยู่กลางทะเลก็ไม่พ้น อยู่ในถ้ำก็ไม่พ้น บินอยู่ในอากาศก็ไม่พ้น ในเมื่อไม่พ้นก็ไม่ต้องถามว่าอยู่จังหวัดไหนจึงจะปลอดภัย เพราะว่าตายเหมือนกัน..!

เถรี
13-11-2017, 20:18
ถาม : พอดีไปเจอภาพถ่าย "สะพานข้ามลงกา" ที่พระรามใช้ให้ทหารลิงช่วยกันถมทะเลเพื่อบุกเมืองลงกา เห็นแล้วตกใจมากครับ ไม่นึกว่าจะมีอยู่จริง แต่พอมาคิด ๆ ดูแล้ว ในเมื่อหนุมานมีฤทธิ์มาก ทำไมไม่ขยายร่างกายให้ใหญ่โต แล้วขนเหล่าทหารลิงที่เหลือข้ามฝั่งไปเลย น่าจะเร็วกว่า ทำไมต้องสร้างสะพานข้ามทะเลให้เสียเวลาด้วยครับ ?
ตอบ : ก็เพราะว่าหนุมานฉลาดกว่าคุณ...! ก็จึงค่อย ๆ สร้างสะพานข้ามทะเล เราลองนึกว่าถ้าทำวิธีนั้น กับการให้พลทหารลิงช่วยกันสร้างถนน แล้วยกขบวนข้ามไปอย่างสง่าผ่าเผย อย่างไหนจะสมเกียรติยศกษัตริย์มากกว่ากัน ?

เถรี
13-11-2017, 20:25
ถาม : ผมพยายามฝึกสมาธิมาเสมอ แต่ปรากฏว่าก็มีคนที่ไม่ชอบใจผม หาว่าผมทำตัวแปลกแยก ไม่เข้าสังคม ผมก็ว่าผมก็ไม่ได้ทำตัวแปลกแยกอะไรมาก แค่คุยน้อยลงเท่านั้น เพราะถ้าคุยมากรู้สึกว่าฟุ้งซ่านเกินไป ไม่ทราบว่าผมทำตัวแปลกแยกเกินไปไหมครับ ?
ตอบ : ก็ถ้าไม่เกินไปเขาก็ไม่ว่า นี่แสดงว่าเกินไปแล้วแน่ ๆ..!

เถรี
13-11-2017, 20:47
ถาม : ฤกษ์เสกหุ่นพยนต์ คือ ฤกษ์วันพฤหัสบดี เดือน ๙ ขึ้น ๙ ค่ำ ปีวอก ผมได้ไปไล่ดูฤกษ์มาแล้วคือตรงกับ วันที่ ๑๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๘๓ ครับ ไม่ทราบว่าถ้าต้องการจะเสกหุ่นพยนต์ในฤกษ์นี้ เราจะต้องมีสมาธิระดับไหนและต้องทำอย่างไรบ้างครับ ?
ตอบ : เรื่องสมาธิถ้าได้สมาบัติแปดก็ยิ่งดี แต่ถ้าไม่ถึงระดับนั้น อันดับแรกหาวัสดุในการสร้างหุ่นพยนต์ให้ได้ก่อน ส่วนใหญ่ที่เขาหาคือ สีผึ้งที่ปิดหน้าผีตายวันเสาร์เผาวันอังคาร สมัยนี้ไม่ค่อยจะเจอแล้ว ส่วนใหญ่เขาฉีดยาแล้วใส่โลงเย็น ไม่มีปัญหาเรื่องน้ำเลือด น้ำเหลือง น้ำหนองไหลออกจากทวารทั้ง ๗ เหมือนก่อนนี้ จึงไม่ค่อยเอาสีผึ้งปิดหน้ากัน

เถรี
13-11-2017, 21:20
ถาม : ผมอยากรู้ว่าในชาติก่อนทำกรรมอะไรไว้ครับ ทำไมต้องโดนบอกเลิกตลอด ? ทั้งที่เราเป็นคนจริงใจ รักใครก็รักคนเดียว ไม่เคยนอกใจเขาเลย แต่กลับต้องผิดหวังกับความรักตลอด ?
ตอบ : อยู่ที่สันดาน...! แบบเดียวกับที่อาตมารู้จักอยู่คนหนึ่ง ชอบใครไปถึงก็จอดรถ "ขึ้นมา...จะไปส่ง" ผู้หญิงที่ไหนจะบ้าไปด้วย ? เพิ่งเจอกันครั้งแรกแท้ ๆ

เพราะฉะนั้น...พิจารณาที่ตัวเองว่า ตัวเราเองมีคำพูด ความคิด การกระทำอย่างไรที่เข้ากับคนอื่นไม่ได้ พยายามปรับเปลี่ยนเสียใหม่ เดี๋ยวก็ไปกันได้เอง ยกเว้นแต่มั่นคงต่อหลักการของตัวเองไม่ยอมเปลี่ยน ก็โดนบอกเลิกกันไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวก็อกหักจนชำนาญขึ้น ก็ไม่หวั่นไหวไปเอง

เถรี
13-11-2017, 21:46
ถาม : ผมดูในแผนที่โลก ถ้าเทียบกับทั้งโลกแล้ว ประเทศไทยของเราถือว่าอยู่ติดกับทะเลเลย ถ้าเกิดโลกหยุดหมุนชั่วคราวแล้วน้ำทะเลโดนสาดเพราะแรงเฉื่อยจริง แบบนี้ประเทศไทยจะไม่โดนน้ำไปทั้งประเทศเลยหรือครับ ถ้าเป็นแบบนั้นแล้วควรจะไปหลบอยู่ที่ไหนดีครับ ?
ตอบ : ไปเสิร์ชหาดูเรื่องพวกนี้เอาเอง เห็นเขาบอกว่าแค่ครึ่งค่อนประเทศเท่านั้น ก็ให้หนีไปอยู่ทางเหนือให้แผ่นดินไหวแทน จะได้ตายทุเรศขึ้น...!

เถรี
13-11-2017, 21:55
ถาม : ตอนเด็ก ๆ ในขณะที่ญาติผมกำลังเล่นเกมส์ ผมอยากจะเล่นด้วย แต่บังเอิญว่าตอนนั้นมีจอยคอนโทลเลอร์อันเดียว ผมก็เลยแกล้งเดินไปใกล้ ๆ แล้วบอกว่า ระวังผีหลอกเด้อ ญาติคนนั้นก็กลัวผีจึงร้องใส่ผม ผมก็ทำแบบนี้อีก ๒ - ๓ ครั้ง จนเขากลัวมากต้องวิ่งหนีไป ผมก็เลยได้เล่นเกมส์นั้นแทน

ในขณะที่ผมกำลังเล่นเกมส์อยู่นั้น ก็ปรากฏว่า ได้ยินเสียงผู้หญิงมาหัวเราะที่ด้านนอกกำแพงตรงฝั่งโทรทัศน์ ตอนแรกฟัง ๆ ไปก็เป็นเสียงคนรู้จัก ผมถามว่าใครก็ไม่ตอบ กลับหัวเราะ ฮิ ฮิ ฮิ อย่างเดียว จากนั้นก็เป็นเสียงใครก็ไม่รู้ เมื่อทนไม่ไหว ผมก็เลยเดินออกไปดูว่าเป็นเสียงใคร โดยในขณะที่กำลังเดินไปดูนั้น เสียงก็ยังมีอยู่ตลอด จนกระทั่งผมเดินไปดูด้านหลังกำแพงห้อง เสียงนั้นก็หายไปต่อหน้าเลยครับ โดยที่ไม่มีใครอยู่ตรงนั้นเลย ผมก็เลยรู้ทันทีว่าไม่ใช่คนแล้ว จึงวิ่งไปบอกคนอื่น ๆ ให้มาดู เขาก็ว่าเป็นคนหรือเปล่า ก็หาดูไม่เจอใคร แต่ผมไม่ต้องหาแล้วเพราะรู้ว่าไม่ใช่คน

ไม่ทราบว่า ทำไมเขาถึงสามารถทำเสียงให้เราได้ยินแบบชัดเจนขนาดนี้ครับ เหมือนกับเสียงคนทั่วไปเลย ไม่ใช่ได้ยินแบบแว่ว ๆ ทั้ง ๆ ที่ตอนนั้นผมก็ไม่ได้ฝึกสมาธิอะไร ?

ตอบ : เขายังเกรงใจก็เลยไม่โผล่มาให้เห็น ไม่อย่างนั้นอาจจะช็อกตายไปแล้ว ก็เลยทำมาแค่เสียง

การที่เราจะเห็นผีเห็นเทวดาได้เกิดจาก ๒ สาเหตุด้วยกัน สาเหตุแรกก็คือ เราฝึกฝนปรับกำลังใจจนละเอียดเท่ากับเขา ก็สามารถที่จะรู้เห็นเรื่องของเขาหรือรู้เห็นเขาได้ อีกส่วนหนึ่งเขาเป็นฝ่ายปรับมาให้หยาบเท่ากับเรา ให้สังเกตอยู่อย่างเดียวว่า ถ้าเขาเป็นฝ่ายปรับมาหาเรา จะชัดเจนเป็นพิเศษ

ถาม : ตอนนี้อยากจะลองพูดคุยกับเขาดู ผมจะใช้คาถา "สุ ปิ นา ณัง" เพื่อพูดคุยกับเขาจะได้หรือเปล่าครับ ?
ตอบ : คาถานั้นแค่เห็นได้อย่างเดียว

เถรี
13-11-2017, 21:58
ถาม : เนื่องจากคุณแม่ของผม ท่านได้ไปช่วยงานที่วัดแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นงานบวชเณรช่วงปิดเทอม ในวันสุดท้ายที่ช่วยงานท่านเจ้าอาวาสได้นำของกินบางส่วนมาแจกให้กับผู้ช่วยเหลืองาน และได้ขายบางส่วนในราคาไม่แพงนัก ซึ่งของที่นำมาแจกและขายเป็นของที่ได้จากการใส่บาตรเสียส่วนใหญ่ กระผมจึงไม่มั่นใจเสียแล้วว่าจะเกิดโทษประการใดหรือไม่หากรับประทานเข้าไป ?
ตอบ : ถ้าต้องการก็ซื้อถือว่าเป็นการชำระหนี้สงฆ์ ส่วนที่ท่านให้มาถ้าไม่มีการอุปโลกน์โดยคณะสงฆ์ก่อนว่าให้ได้ ก็เป็นหนี้สงฆ์อย่างแน่นอน

เถรี
13-11-2017, 21:59
ถาม : ถ้าพระสงฆ์ทุกวัดทั่วประเทศทำการปล่อยปลาสัปดาห์ละครั้ง ครั้งละประมาณ ๒๐ - ๓๐ ตัว จะมีอานิสงส์อย่างไรบ้างครับ ?
ตอบ : มีอานิสงส์ คือ แม่ค้ารวย...!

เถรี
13-11-2017, 22:24
ถาม : มีบางครั้งผมมีความรู้สึกว่าร่างกายของตัวเองนี้เต็มไปด้วยทุกข์ มีแต่โทษแก่ตัวเองไม่มีคุณเลย กามที่ว่าเป็นสุข ก็รู้สึกว่าสุขไม่จริง เพราะยังมีร่างกายอยู่ ทุกอย่างในโลกที่ทำแล้วรู้สึกว่าเป็นสุข สนุกสนาน รื่นเริง ก็สุขไม่จริง เพราะยังมีร่างกายอยู่ อย่างน้อยมันก็ทำให้เรารู้สึกร้อน หนาว เหนื่อย อึดอัด ปวดเมื่อย

พอคิดได้แบบนั้นจิตก็รู้สึกว่าเบานิดหน่อย แล้วเวลานึกไปไหนมาไหน เช่น คิดว่าตอนนี้เรากำลังนั่งกราบพระอยู่ ก็สามารถนึกได้แบบถนัด ไม่ขัดข้อง ง่ายกว่าเมื่อก่อนมาก แต่ความรู้สึกแบบนี้อยู่ได้ไม่นาน อารมณ์ก็กลับมาเป็นแบบเดิม คือ รู้สึกหนัก ๆ เห็นว่าความสุขในโลกก็อาจจะยังมีความสุขอยู่บ้าง อาหารอร่อยก็รู้สึกเป็นสุข พอความรู้สึกแบบนี้กลับมา ก็ปรากฏว่าเวลานึกไปกราบพระทีไรก็นึกได้ไม่สะดวกนัก ต้องใช้แรงเยอะมาก กว่าจะนึกได้

ไม่ทราบว่าอาการนี้คืออะไรครับ และทำอย่างไรจึงจะสามารถทำให้ความรู้สึกแบบนี้อยู่ได้ตลอดครับ ?

ตอบ : อันดับแรก สิ่งที่เรารู้สึกได้เพราะว่าเราคิดพิจารณาในหลักธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จนกระทั่งความดีส่วนหนึ่งทรงตัวอยู่ เมื่อเราไปคิดถึงภาพพระที่เป็นความดีใกล้เคียงกัน จึงสามารถที่จะกำหนดได้ง่าย หรือรู้เห็นได้ง่าย แต่พอกิเลสท้วมท้นใจเข้ามา ก็เหมือนกับคนโดนขยะท่วมทับอยู่ จะตะเกียกตะกายไปไหว้พระก็ต้องฝ่ากองขยะออกไปด้วยความยากลำบาก

ดังนั้น...ส่วนที่ว่ามานี้ สิ่งที่ควรทำมากที่สุดก็คือ พยายามรักษาการพินิจพิจารณาแบบนั้นไว้ให้บ่อย ๆ จนกระทั่งสามารถกำหนดใจถึงได้ทุกเวลา เมื่อถึงเวลาเราเห็นจริงแล้วว่า สิ่งทั้งหลายเหล่านี้เป็นทุกข์ หมดความยึดติดในร่างกาย คราวนี้เราจะไปที่ไหนเราก็ไปได้สะดวก เพราะว่ากำลังใจไม่เกาะร่างกายแล้ว

เถรี
14-11-2017, 08:49
ถาม : สมมติว่านายเอและเพื่อน ๆ เห็นนายบีเป็นคนที่ชอบภาวนามาก มักจะพูดน้อย ชอบปลีกตัวไปภาวนาคนเดียวเสมอ นายเอและเพื่อน ๆ ก็เลยลองไปทำเสียงใส่นายบีเบา ๆ ดูว่าเขาจะมีปฏิกิริยาอย่างไร แรก ๆ เขาก็เฉย พวกนายเอจึงนัดกันว่า ถ้าเขาเดินไปทางใคร ก็ให้คนนั้นทำเสียงอะไรก็ได้ให้ดังขึ้นมา ทีนี้ไม่ว่านายบีจะเดินไปทางไหน ถ้าทางนั้นมีพวกนายเอคนใดคนหนึ่ง เขาก็จะได้ยินเสียงที่พวกนายเอทำขึ้น โดยนายบีเจอแบบนี้อยู่หลายวัน จนเขาเริ่มมีอาการไม่พอใจ รู้สึกโกรธ หาว่าพวกนายเอรุมรังแก รุมแกล้งเขา

ถ้าสมมติว่านายเอทำแบบนี้ แต่ไม่ได้มีเจตนาแกล้งนายบี แค่ทดสอบสมาธินายบีเท่านั้น แล้วนายบีเกิดโมโหขึ้นมา ก็แสดงว่าเขาไม่ได้เป็นคนภาวนาจริง ๆ เพราะเขายังมีอาการคอยจ้องจับผิดคนอื่นอยู่ คอยคิดแต่ว่าคนอื่นจะมาแกล้งทำเสียงรบกวนเขา เพราะไม่อย่างนั้นเขาก็ต้องไม่สนใจในเสียงนั้น ๆ ใช่ไหมครับ ?

ตอบ : ให้รู้ไว้ว่าเอ็งกำลังสร้างกรรมหนักแล้ว..!

ถาม : แล้วการทดสอบสมาธิของแบบนี้นายเอและพรรคพวกจะมีโทษหรือไม่อย่างไรครับ ?
ตอบ : สร้างกรรมหนักก็มีโทษหนักแน่นอน ถามตรง ๆ ว่าหน้าที่อะไรของเราที่จะต้องไปทดสอบเขา ? ถ้าคนอื่นมาทดสอบเราแบบนั้น เราจะยินดีหรือไม่ ? ในเมื่อคนอื่นทำอย่างนั้นแล้วเราไม่ยินดี แล้วเราจะไปอ้างว่าเราทดสอบเพื่อจะได้รู้ว่าเขาเป็นนักภาวนาที่แท้จริง เป็นหน้าที่อะไรที่เราต้องไปทำแบบนั้น ?

พระพุทธเจ้าท่านให้ อัตตนา โจทยัตตานัง กล่าวโทษโจทย์ตัวเองไว้เสมอ ไม่ใช่ไปทดสอบคนอื่นว่าเขาดีหรือเลว

เถรี
14-11-2017, 08:57
ถาม : ตอนที่ผมกำลังเรียนอยู่ มีเพื่อนผมคนหนึ่งมักจะโดนเพื่อน ๆ ในห้องแกล้งเสมอ ทั้งด่า ทั้งล้อเลียน จิกผม ดึงผม ทั้งเตะทั้งต่อย โดยพวกที่แกล้งก็มักจะมีความสนุกสนานเฮฮา ส่วนผมและคนอื่น ๆ ในห้อง ก็ไม่กล้าเข้าไปช่วยเพราะกลัว จึงได้แต่ยืนดู ที่ช่วยได้ก็มีแค่ไม่เข้าไปซ้ำเติมเขา

ซึ่งบางครั้งผมก็เห็นเขาโมโหที่โดนแกล้ง ทั้งโมโหทั้งร้องไห้ เห็นแล้วรู้สึกตลก ก็เลยเผลอหัวเราะออกมาบ้าง พอได้สติว่าเขากำลังโดนแกล้งอยู่ก็เลยเลิกหัวเราะ และที่ผมไม่เข้าไปร่วมแกล้งเขา ผมได้บุญไหมครับ ? และที่ผมเผลอไปหัวเราะที่เขาโดนแกล้ง ผมบาปไหมครับ ?

ตอบ : ดูที่เจตนา ถ้าเจตนาที่เราไม่แกล้งเขาเพราะว่าเราอยากได้บุญก็ได้ ขณะเดียวกันดูที่ว่าเราหัวเราะเขา เราตั้งใจหัวเราะเยาะเขาหรือไม่ ? ถ้าไม่ได้ตั้งใจโทษก็น้อย ถ้าตั้งใจโทษก็มาก

เถรี
14-11-2017, 09:15
ถาม : เราจะฝึกกรรมฐานเพื่อแก้อาการนอนกรนได้อย่างไรครับ ?
ตอบ : เห็นสมัยนี้เขาไปเอาเครื่องบีบจมูกของญี่ปุ่นมาใช้แก้อาการนอนกรน ไม่ต้องเสียเวลาไปฝึกกรรมฐานแล้ว

เถรี
14-11-2017, 09:19
ถาม : หากนำเอาตะกรุดมหาสะท้อนใส่ผสมเป็นมวลสาร เช่น หล่อเหรียญเนื้อเงิน แต่เหรียญนั้นน้ำหนักไม่ถึง ๑ บาท จะมีอานุภาพเหมือนตะกรุดมหาสะท้อนหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : บอกแล้วว่าเกลือแยกออกไปผสมก็ไม่เค็มเท่ากับของเดิม

ถาม : หากนำเอาตะกรุดมหาสะท้อนใส่ผสมเป็นมวลสารหล่อพระแต่ไม่ใช่เนื้อทองคำ เงิน นาก แต่เป็นเนื้อทองเหลือง สัมฤทธิ์ ตะกั่ว เป็นต้นครับ ถามว่าพระที่หล่อนั้นจะมีอานุภาพเหมือนตะกรุดมหาสะท้อนหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ก็ดูว่าใส่ตะกรุด ๑ ดอกแล้วหล่อพระ ๕ ตันหรือเปล่า ? ถ้าส่วนผสมมากเท่าไร เกลือก็จืดลงมากเท่านั้น

เถรี
14-11-2017, 09:23
ถาม : เวลาหนูภาวนาไปพร้อมกับใช้ชีวิตประจำวัน ตัวอย่างเช่น ก่อนจะกินข้าวหนูจะนึกถึงภาพพระพร้อมคาถา ตามที่หลวงพ่อเคยสอน แต่พอนึกภาพพระขึ้นมาก็อยู่กับภาพพระจนลืมไปว่าจะกินข้าว จับลมหายใจพร้อมกับทำกิจวัตรอย่างอื่น เช่น อ่านหนังสือหรือแปรงฟัน ความรู้สึกมันไหลมาอยู่ที่ลมหายใจอย่างเดียว พอรู้สึกตัวก็งงว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ หนูรู้สึกว่าอารมณ์มันขาด ๆ เกิน ๆ จึงกราบขอคำแนะนำจากหลวงพ่อถึงวิธีวางอารมณ์ที่ถูกต้องค่ะ ?
ตอบ : ขอให้คำแนะนำว่าต้องทำให้พอดี จะได้ไม่ขาด ๆ เกิน ๆ

ถาม : บางครั้งหนูภาวนาไปก็รู้สึกว่าอยากอยู่กับลมหายใจอย่างเดียว งานการที่ทำอยู่ก็อยากจะวางให้หมด หนูก็เลยพยายามดึงอารมณ์กลับมาให้รับรู้ได้ทั้งลมหายใจและสิ่งที่ทำตรงหน้า แต่อารมณ์มันไม่ราบเรียบเหมือนตอนรู้ลมหายใจอย่างเดียว หนูควรจะปรับอย่างไรดีคะ ?
ตอบ : ซักซ้อมจนกระทั่งเราสามารถทรงฌานได้ทุกระดับตามที่ต้องการ แล้วก็รักษากำลังใจเอาไว้ในระดับที่ทำงานได้สะดวก พ้นจากหน้าที่การงานแล้วเราต้องการลึกแค่ไหน หนักแค่ไหน ก็อยู่ที่เราทำ

เถรี
14-11-2017, 09:29
ถาม : พอดีไปเจอสูตรยาในหนังสือเล่มหนึ่งที่บอกวิธีการรักษาอาการตาต้อ ทั้งต้อลม ต้อเนื้อ ต้อกระจก และ ต้อหิน มี ๓ สูตรด้วยกัน

สูตรที่ ๑ ใช้ดอกมะลิลา ๑ กำมือ ตำให้ละเอียด ผสมพิมเสนแท้ ๒ เกล็ด บีบเอาน้ำหยอดตาวันละ ๔ - ๕ ครั้ง (หลีกเลี่ยงดอกมะลิที่มีสารเคมี)

สูตรที่ ๒ เอาดอก ใบ ราก เครือ และ ผล ของอัญชันขาว ต้มพอเดือด ใส่พิมเสนลงไป ๔ - ๕ เกล็ด ปิดฝาหม้อ แล้วเปิดให้ไอสัมผัสกับดวงตาทีละน้อย ทำวันละครั้ง ติดต่อกัน ๑ - ๒ เดือน

สูตรที่ ๓ เอาใบข่าเล็ก ๓ ใบ ขมิ้นอ้อยหัวใหญ่ ๑ หัว ผักบุ้งไทย ๑ กำ ใส่หม้อดินต้มให้เดือดแล้วยกลง เปิดฝาเอาผ้าขาวคลุมปากหม้อ ให้ผู้ป่วยก้มลงลืมตารับไอของยาทำติดต่อกัน ๓ - ๔ วัน ถ้ายังไม่หายให้ปรุงยาต้มใหม่อีกครั้ง

ไม่ทราบว่าสูตรยาเหล่านี้จะสามารถรักษาอาการตาต้อที่ว่ามาได้จริงหรือไม่ครับ ?
ตอบ : ไปลองทำดู..เดี๋ยวก็รู้เอง..!

เถรี
14-11-2017, 09:33
ถาม : พระคาถาที่ใช้เสกข้าวกิน เพื่อล้างของคุณไสย ควรใช้บทไหนดีครับ ?
ตอบ : บารมี ๓๐ ทัศ ต่อด้วย นะโมพุทธายะ

เถรี
14-11-2017, 09:34
ถาม : พระสงฆ์สวมรองเท้าเดินบิณฑบาตเหมาะสมหรือไม่ครับ ?
ตอบ : เหมาะสมหรือไม่ต้องดูสถานการณ์ด้วย ถ้าเท้าบาง เท้าเจ็บ เท้าเป็นแผล พระพุทธเจ้าอนุญาตให้ใส่ได้

เถรี
14-11-2017, 09:36
ถาม : กรณีงานทอดกฐิน เราได้ทำบุญถวายเงินและผ้าไตรก่อนวัดจัดงาน จะมีอานิสงส์ต่างจากการที่เราไปถวายในวันงานหรือไม่คะ ?
ตอบ : ถ้าถวายตามระยะเวลาก็มีอานิสงส์เช่นเดียวกัน

เถรี
14-11-2017, 09:38
ถาม : การถือศีลแปดเป็นปกติ ต้องใช้เวลานานเท่าใดจึงจะได้พระโสดาบันครับ ?
ตอบ : ถืออีกกี่ชาติ ถ้าไม่สามารถตัดกิเลสได้ ก็ไม่สามารถเป็นพระโสดาบันได้หรอก สำคัญที่ว่าเราตัดกิเลสได้หรือเปล่า ? เพราะว่าศีลยังเป็นแค่เบื้องต้นเท่านั้น ยังมีสมาธิ มีปัญญาอีกมาก ไม่ใช่ถือศีลแล้วจะบรรลุกันเลย

เถรี
14-11-2017, 19:35
พระอาจารย์กล่าวว่า "คนยิ่งอ้วนจะยิ่งนอนมากขึ้น เพราะว่าร่างกายสะสมคาร์บอนไดออกไซด์ไว้เยอะ พอยิ่งนอนก็ยิ่งอ้วนเพราะสะสมไขมัน กลายเป็นวงจรอุบาทว์ เพราะฉะนั้น...คนอ้วนถ้าอยากผอมห้ามนอน ต้องทำงานผลาญแคลอรี่ไปเรื่อย ๆ"

เถรี
14-11-2017, 19:36
พระอาจารย์กล่าวว่า "อาตมาเอาพระพิฆเณศวร์ และพระปิดตาของวัดเขาอ้อมาลงราคา ๒๐,๐๐๐-๓๐,๐๐๐ บาท คนว่าแพง ทิดเฟิร์สไปเจอที่อื่นเขาเปิดมา ๑ แสน ดีมาก...จะได้รู้ว่ากระทู้คนมีเงินของพระอาจารย์เล็กจริง ๆ แล้วออกของถูกมาก ของเรา ๒๕,๐๐๐ บาท ของเขาแสนหนึ่ง ต่างกัน ๔ เท่าเลย"

เถรี
14-11-2017, 20:04
ถาม : (พระ) มีสุนัขมาอยู่กับผมด้วย แล้วตาเสีย ผมเอาแปะก๊วยช่วยคนตาบอดอยู่ประมาณ ๑๐ คนในโครงการ เขาก็มองเห็นอยู่ ๕๐ เปอร์เซ็นต์ ผมก็ลองให้หมาบ้าง ทุกวันนี้ก็มองเห็นแล้ว ?
ตอบ : ผมมีอยู่หนึ่งตัวตาเริ่มขาว ๆ แล้ว เดี๋ยวจะลองดูบ้าง ทุกวันนี้เวลาให้อาหาร มันจะงับมือผมไปด้วยเพราะว่ามองไม่ถนัด หมาแก่แล้วมีหลายตัวที่เป็นโรคตา โดยเฉพาะหมาฝรั่ง เป็นกันเยอะมาก

ถาม : ผมก็ถามหมอโรงพยาบาล หมอเขาก็บอกว่าแปะก๊วยจะช่วยได้บ้าง ?
ตอบ : ผมก็รู้แค่ว่าแปะก๊วยเพิ่มความดันเลือดที่ไปเลี้ยงสมอง ทำให้ไม่เป็นอัลไซเมอร์ เพิ่งจะมารู้ว่าแปะก๊วยช่วยรักษาโรคตาได้ด้วย

เถรี
14-11-2017, 20:42
ถาม : เขาทักว่าบ้านเรามีงูจงอางเจ้าที่ เขาจะให้สร้างศาลงูจงอางไว้ในบ้าน ?
ตอบ : ไม่ต้อง...ถ้างูจงอางนี้คนทางด้านทองผาภูมิชอบมากเลย...อร่อย..!

ถาม : ไม่รู้ว่าเขาพูดจริงหรือเปล่า ?
ตอบ : เขาจะทักในเรื่องที่ทำให้เราตกใจกลัว และวิธีแก้ส่วนใหญ่จะเสียสตางค์ให้เขาเยอะ จำไว้ว่าต่อไปอย่าไปยุ่งกับเขาอีก

ถาม : เขาบอกว่า เป็นร่างทรงหลวงปู่เทพโลกอุดร ?
ตอบ : ปล่อยเขาไปเถอะ หลวงปู่ท่านไม่ได้มาบ่อยนักหรอก ในชีวิตอาตมาก็เพิ่งเจอแค่ ๔ ครั้ง แล้วเจอแบบประเภทที่ท่านไม่ให้พบด้วย ก็คือภาระท่านเยอะอยู่แล้ว ยังจะไปกวนท่านอีก ท่านก็เลยไม่ให้พบ

เถรี
15-11-2017, 22:09
สนทนากับพระ "หลวงพี่อาจินต์เพิ่งจะสอบพระอุปัชฌาย์ได้ ตอนแรกท่านจะสอบรุ่นเดียวกับผม แต่เตรียมตัวไม่ทัน ก็เลยกลายเป็นรุ่นน้องไป ถ้าไม่ได้พระอุปัชฌาย์นี่อยู่ต่างประเทศจะลำบาก เพราะที่นั่นหาพระอุปัชฌาย์ยากมาก ต้องเข้ามาบวชเมืองไทยแล้วค่อยกลับไป

อย่างหลวงพ่อวัดท่าซุง หลวงพ่อสมเด็จฯ วัดสามพระยาบอกว่า "ให้ไปนั่งฟังเขาก็พอ ไม่ต้องสอบหรอก" ท่านบอกว่า เวลานั่งฟังยังไม่มีให้เลย เพราะว่ามีหลายระดับ อย่างของผมระดับอำเภอ ๕ วัน ระดับจังหวัด ๕ วัน ระดับภาค ๗ วัน ระดับหน ๓ วัน แล้วก็ทั่วประเทศ ๗ วัน คิดดูสิ...ปาเข้าไปเท่าไรแล้ว ? หลวงพ่อวัดท่าซุงบอกว่าท่านไม่มีเวลาไป ท่านก็เลยนิมนต์หลวงพ่อวัดสังกัสรัตนคีรีกับหลวงพ่อมหาประชุม มาเป็นพระอุปัชฌาย์ตอนบวชเป็นขาประจำ

หลวงพ่อวัดสังกัสรัตนคีรีสุดยอดจริง ๆ บวชพระ ๙๐ รูป นั่งไม่พลิกเลย โอ้โฮ...สมาธิไม่ถึงนี่ทำไม่ได้จริง ๆ ท่านอาจารย์มหาประชุมลุกไปเข้าห้องน้ำ ๒ รอบแล้ว ท่านก็ยังนั่งเฉยอย่างนั้น

ท่านอาจารย์มหาประชุมบอกว่า “๒ ทุ่มแล้ว...เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าค่อยมาบวชต่อ” ที่ไหนได้...หลวงพ่อวัดสังกัสฯ ใส่รวดเดียวจบเลย แบ่งกันคนละ ๙๐ รูป ปรากฏว่าพระแก่อยู่ได้ พระหนุ่มขอพักไป ๒ รอบแล้ว ยังมีต่อรอบเช้าวันรุ่งขึ้นอีกด้วย"

เถรี
16-11-2017, 09:15
ถาม : แม่ผมเสียแล้ว การที่จะทำบุญอุทิศไปให้แม่ เขาจะได้รับหรือไม่ครับ ?
ตอบ : ได้รับหรือไม่ได้รับนี่ไม่แน่นอน เขาต้องอยู่ในเขตที่โมทนาได้จึงจะได้รับ ถ้าอยู่ในเขตที่โมทนาไม่ได้ก็รอไปก่อน จนกว่าจะพ้นออกมาได้ แต่ในลักษณะของความเป็นลูก โดยหน้าที่ของเราแล้วก็ควรจะทำให้ท่าน

ถาม : แม่เขานับถือผีครับ ?
ตอบ : พอตายแล้วฉลาดทุกคน เป็นผีแล้วฉลาด ตอนเป็นคนบางทีก็โง่ ไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรหรอก นับถือนั่นนับถือนี่ไปเรื่อย พอตอนตายแล้วฉลาดทั้งนั้นแหละ อาตมาไปอินโดนีเซีย พวกอิสลามมาขอส่วนบุญบานตะเกียงเลย ถามว่า อ้าว...ส่วนใหญ่แล้วพรรคพวกของแกนี่ไม่รอดข้างล่างทั้งนั้น แล้วแกมาได้อย่างไรวะ ? เขาบอกว่า ส่วนใหญ่ที่มาได้นี่ตายก่อนหมดอายุ ถ้าตายตามอายุก็คงจะไปข้างล่างเหมือนกัน

ไปเข้าใจทีหลังว่าคนที่สร้างบุญสร้างบารมีไว้เหมือนกับอยู่ในที่สว่าง ส่วนพวกที่ไม่มีบุญเขาอยู่ในที่มืด เขามองมาเมื่อไรจะเห็นเราทันที แล้วเขารู้ว่าคนนี้อาศัยได้ เขาก็จะมาเลย เพียงแต่ว่าเวลาขอแล้วเราจะรู้เรื่องหรือไม่เท่านั้นเอง

เถรี
16-11-2017, 09:19
ถาม : น้องสาวเปิดร้านขายอาหาร ?
ตอบ : ทำเองหรือเปล่า ?

ถาม : ค่ะ
ตอบ : ถ้าทำเองก็แล้วไป อย่าไปอาศัยคนอื่นนะ ประเภทเปิดร้านแล้วต้องอาศัยคนอื่น ถ้าเขาทิ้งไปเมื่อไรก็น้ำตาเล็ดเมื่อนั้นแหละ

เถรี
16-11-2017, 09:26
สนทนากับพระ "หลวงพี่วิรัชอยู่ไกล แต่สร้างวัดได้ใหญ่โตมโหฬารมาก วัดธรรมยานปัจจุบันนี้ไม่หนีวัดท่าซุงเลย ผมไปช่วยตอนแรก ๆ มีแต่ที่ดิน จนกระทั่งเริ่มสร้างศาลากับพระชำระหนี้สงฆ์ ผมไปร่วมหล่อพระกับท่าน เผลอไม่กี่ปีท่านสร้างวัดจนใหญ่โต ตอนนี้ญาติโยมไป สงสัยจะไปพักได้เป็นพันเลย ห้องพักปรับอากาศแทบทั้งนั้น"

ถาม : บ้านเดิมท่านอยู่นั่นหรือเปล่า ?
ตอบ : ท่านไปซื้อที่บ้านเดิม ตอนแรกให้ผมไปหาที่ให้ แต่ท่านก็บอกว่ากลัวมาลาเรีย เห็นผมเป็นมาลาเรียทรมานอยู่หลายปี

เถรี
16-11-2017, 09:29
พรรคพวกเวลาออกจากวัดแล้วจะไปหาผม ที่ผมเหมือนสถานีพักครึ่งทาง ใครมาก็แวะไปพักที่นั่นก่อน แม้กระทั่งอาจารย์ติงลี่ออกไปก็ไปอยู่กับผมก่อน แล้วผมค่อยหาวัดให้เป็นเจ้าอาวาส

ถาม : ตอนนี้อยู่ไหนครับ ?
ตอบ : เป็นเจ้าอาวาสวัดประตูด่าน อยู่ทางด้านอำเภอเมืองกาญจนบุรี แต่ออกไปทางพุน้ำร้อนที่ข้ามไปฝั่งพม่า ส่วนใหญ่ไปหาผม ผมหาวัดให้ได้ทั้งนั้นแหละ เพราะว่าในจังหวัดเวลาเขาหาพระเป็นเจ้าอาวาสไม่ได้ เขาก็มาเอากับผม

เถรี
16-11-2017, 09:39
ถาม : หลวงพี่สุรจิตเป็นโรคหัวใจหรือครับ ?
ตอบ : หลวงพี่สุรจิตผ่าตัดเส้นเลือดหัวใจ ต้องบอกว่าวัดท่าซุงยังมีหลวงพี่สุรจิตอยู่ก็ยังมีหลักอยู่ เรื่องการปฏิบัติผมยอมรับท่านเลย

ตอนท่านผ่าตัดอยู่ ผมเข้าไปเยี่ยม หมอบอกว่าอย่ารบกวนคนไข้นาน ผมบอกว่าไม่นานหรอก เข้าไปถามว่า “หลวงพี่ครับ ตอนนี้อยู่ก็ได้ตายก็ดี ใช่ไหมครับ ?” ท่านอึ้งไปพักแล้วก็พยักหน้า “แค่นั้นแหละครับ ผมไม่ต้องการอะไรแล้ว” ถวายช่อดอกไม้ท่านเสร็จก็ถอยกลับออกมา ต้องการสอบถามว่า ที่ผมรู้ว่าอารมณ์ใจท่านเป็นอย่างนี้จริงหรือเปล่า ? ท่านเห็นโยม ๒-๓ คนอยู่ข้าง ๆ ท่านก็พยักหน้ารับแบบเงียบ ๆ

หลวงพี่สุรจิตตอนแรกที่บวช ก็อย่างที่ว่าแหละ หลวงพ่อของเราไม่ได้เป็นพระอุปัชฌาย์ ท่านบวชให้ไม่ได้ ท่านก็เลยบอกว่า แกไปบวชทางบ้านแก ได้แล้วก็มาอยู่ด้วยกัน ท่านก็ไปบวชมาเรียบร้อย ขออนุญาตพระอุปัชฌาย์อาจารย์มาอยู่วัดท่าซุง

อยู่กันมาจนปี ๒๕๓๒ เห็นจะได้ จะตั้งท่านเป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาส ปรากฏว่าดูหนังสือสุทธิแล้วท่านบวชที่วัดอาวุธฯ เป็นพระธรรมยุต ทางจังหวัดจึงไม่ตั้งให้ พอทางจังหวัดไม่ให้พวกเราก็เลยจับท่านญัตติใหม่เป็นมหานิกาย แต่พวกเราญัตติใหม่แล้วก็ยังให้ท่านนับพรรษาเดิม ถ้าเป็นที่อื่นเขาให้นับพรรษา ๑ ใหม่เลยนะ แต่ของเรานี่ด้วยความเคารพนับถือ แล้วท่านเองท่านไม่ได้ทำผิดอะไร บอกให้ท่านไปบวชท่านก็บวช ท่านจะไปรู้หรือว่าวัดท่าซุงเป็นมหานิกายหรือธรรมยุต เลยกลายเป็นธรรมยุตมาญัตติเป็นมหานิกาย แล้วหลวงพ่อก็ตั้งให้ท่านเป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาส

ด้วยความที่ท่านทำความดีไว้เยอะ พวกเราก็ไม่ได้รังเกียจ ญัตติใหม่ก็นับพรรษาให้เหมือนเดิม

เถรี
16-11-2017, 09:48
สนทนากับพระเรื่องการเรียนปริญญา "ถ้าฝึกวิชาหลวงพ่อมาจริง ๆ นะ เรื่องเรียนไม่มีอะไรยากเลย ผมยืนยัน ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ พูดได้เต็มปากเต็มคำ"

ถาม : สาธุ...สุดยอดเลยวิชาที่หลวงพ่อให้ ?
ตอบ : ผมทำคะแนนเต็ม ๑๐๐ จนอาจารย์ต้องหักคะแนน ท่านบอกว่า “พระครูเล็กท่านได้เยอะแล้ว” อาจารย์ก็เลยหักผม ๒ คะแนน เหลือแค่ ๙๘ คะแนน

ถาม : ผมเห็นด็อกเตอร์แอน ลูกศิษย์หลวงพ่อเราที่อยุธยา ได้มโนมยิทธินี่แหละช่วย
ตอบ : ถ้าได้จริงไม่มีอะไรยาก ผมเรียนปริญญาตรีอยู่ ๒ ปีกว่านิดหน่อย ปริญญาโท ๑ ปีกับ ๑ เดือน ปริญญาเอก ๒ ปีครึ่ง ความจริงแค่ ๒ ปีผมก็ขอสอบจบแล้ว อาจารย์ท่านบอกว่าไม่ได้ เพราะกติกาเขามีว่าต้อง ๓ ปีขึ้นไปถึงให้สอบ

คราวนี้ผมก็สบายใจ ยังไม่ถึง ๓ ปี ที่ไหนได้...พอเขาเข็นรุ่นพี่ไม่ไป เขาเห็นผมไหวเขาก็เอาเฉยเลย ผมต้องเร่งทำวิทยานิพนธ์แทบกระอักเลือด มีเวลาแค่ ๒ เดือน โอ้โฮ...ใจเย็น...เห็นว่าอีกตั้งปีหนึ่ง ใครจะไปนึกว่า จากปีหนึ่งกลายเป็นเหลือแค่ ๒ เดือน เล่นเอาปางตายเลย

อาจารย์สอบวิทยานิพนธ์ผม ๒๒ นาที ตั้งแต่ต้นจนปรึกษาแล้วว่าให้จบโดยไม่มีเงื่อนไข คนแรกท่านถาม ผมก็ตอบให้ว่าเป็นอย่างนั้น ๆ ข้อมูลอยู่หน้านั้น พอคำถามที่ ๔ แกปิดเล่มเลย บอกว่าขนาดข้อมูลอยู่หน้าไหน ลูกศิษย์ยังบอกได้ ผมมั่นใจว่าท่านทำเองกับมือจริง ๆ ผมหมดคำถามแล้ว ให้ผ่านโดยไม่มีเงื่อนไข

เถรี
17-11-2017, 18:41
ถาม : (พระถาม) พระอาจารย์บวชปีไหนครับ ?
ตอบ : ผมบวชปี ๒๕๒๙ หลวงตาวัชรชัยบวชปี ๒๕๒๕ หลวงตาชลอบวชปี ๒๕๒๓ ถ้ารุ่นที่ผมทัน ผมจำได้ทุกคนว่าบวชปีไหน หลวงตาเจริญบวชก่อนเพื่อน ปี ๒๕๑๓ แล้วก็มาหลวงพี่โอปี ๒๕๑๔ ท่านเจ้าคุณอนันต์ ๒๕๑๖

เถรี
17-11-2017, 18:48
ถาม : (สัมภาษณ์ข้อมูลผู้เชี่ยวชาญเพื่อทำวิทยานิพนธ์เกี่ยวกับเรื่องพระพุทธรูปทรงเครื่อง) พระพุทธรูปในปัจจุบันถ้าอ้างอิงเรื่องท้าวชมพูบดี คือ การยกเรื่องพระเจ้าจักรพรรดิมาเป็นหลักการ พระพุทธเจ้าทุกพระองค์สามารถทรงเครื่องได้หมดไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าว่าโดยทั่วไปแล้วเป็นเรื่องที่ต้องใช้ความรู้พิเศษ โดยความเคยชินของเรา มักจะคิดว่าพระพุทธเจ้าคือพระ แต่เวลาที่ท่านแสดงออกมาเต็มบุญญาบารมี ในโลกเรานับถือว่าผู้ใดมีอำนาจมากที่สุด ก็จะแสดงออกในลักษณะอย่างนั้น เพื่อให้คนอื่นเห็นและเชื่อถือศรัทธา คราวนี้ในโลกเราผู้ที่นับถือว่ามีอำนาจมากที่สุด ก็คือพระเจ้าจักรพรรดิราช ซึ่งปกครองทวีปทั้ง ๔

ในความเชื่อของคนยุคนั้น เขาว่าพระเจ้าจักรพรรดิราชจะมีเครื่องทรงลักษณะไหน พระพุทธเจ้าท่านก็จะแสดงออกให้เห็นในลักษณะอย่างนั้น ต้องบอกว่าเป็นส่วนหนึ่งของสัพพัญญูวิสัยที่พระองค์ท่านทราบ ในเมื่อทราบโดยสัพพัญญุตตาญาณ ถึงเวลาพระองค์ท่านก็แสดงออกให้เป็นไปตามนั้น

เถรี
17-11-2017, 19:01
ถาม : แล้วคติเรื่องสมเด็จองค์ปฐมที่ทรงเครื่อง ก็เป็นหลักเรื่องของสัพพัญญุตญาณใช่ไหมครับ ?
ตอบ : เรื่องของสมเด็จองค์ปฐมทรงเครื่องนั้น เราต้องเข้าใจว่าการทรงเครื่องไม่ได้มีแต่พระในเมืองไทย ไม่ว่าจะเป็นของจีน ของทิเบต หรือของทางด้านพม่าก็ตาม จะมีพระทรงเครื่องด้วยกันทั้งนั้น

ตรงจุดนี้เราพอที่จะสรุปได้ว่า บุคคลท่านที่มีความสามารถพิเศษ คือ มีทิพจักขุญาณก็ดี สามารถรู้เห็นเรื่องทั้งหลายเหล่านี้ก็ดี ท่านสามารถรู้เห็นได้เหมือน ๆ กัน ว่าพระพุทธเจ้าท่านมีเครื่องทรง ในเมื่อรู้เห็นได้เหมือน ๆ กัน แล้วทำไมเครื่องทรงจึงไม่คล้ายคลึงกัน ? เหตุเพราะว่าติดอุปาทานเก่า ๆ ว่า บุคคลที่มีอำนาจมากที่สุดที่ตนเองพบมา ท่านทรงเครื่องแบบไหน พระองค์ท่านก็แสดงออกให้เป็นลักษณะนั้น

ดังนั้น...พระพุทธรูปพม่าก็ทรงเครื่องแบบกษัตริย์พม่า พระพุทธรูปทิเบตก็ทรงเครื่องแบบกษัตริย์ทิเบต พระพุทธรูปไทยก็ทรงเครื่องแบบกษัตริย์ไทย สมเด็จองค์ปฐมที่ทรงเครื่องลักษณะนั้น เราจะเห็นว่าถ้าพระมหากษัตริย์ของเราทำพิธีบรมราชาภิเษก ก็จะทรงเครื่องใกล้เคียงแบบนั้น

ถาม : คตินี้องค์พระวิสุทธิเทพและพระศรีอาริย์ก็จะอยู่ในลักษณะเดียวกัน ?
ตอบ : ลักษณะเดียวกัน

ถาม : เป็นการสื่อภาพออกมาให้ตาเนื้อได้เห็น ?
ตอบ : ถูก...แต่อันนี้ต้องขึ้นอยู่กับความเชื่อ คือต้องมีศรัทธาด้วย ถ้าเราจะเอาประเภทเอกสารหรือรูปภาพเป็นหลักฐานอ้างอิง จะหาได้ยาก

เถรี
17-11-2017, 19:06
ถาม : สมัยหลวงพ่อฤๅษีท่านมีการสร้างเป็นพระทรงเครื่องไหมครับ นอกจากพระวิสุทธิเทพและพระศรีอาริย์ครับ ?
ตอบ : เท่าที่ทราบมาก็ยังไม่มี

ถาม : สมเด็จองค์ปฐมที่ท่านสร้างก็ไม่ได้ทรงเครื่องใช่ไหมครับ ?
ตอบ : ไม่ได้ทรงเครื่อง ท่านทำในลักษณะของพระพุทธชินราช ถ้าเราสังเกตจะเห็นว่า พระพุทธชินราชจะมีซุ้มเรือนแก้ว ความจริงซุ้มเรือนแก้วก็คือฉัพพรรณรังสี ที่เปล่งออกมาจากองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งในปฐมสมโพธิกถากล่าวว่า มีลักษณะเหมือนกับเปลวไฟ

คราวนี้บรรดาช่างยุคโบราณของเราก็จินตนาการถึงเปลวไฟว่า ถ้าแผ่ออกมาจะมีลักษณะอย่างนี้ ก็เหมือนอย่างกับเราจุดกองไฟขึ้นมากองหนึ่ง ลักษณะเปลวจะเป็นอย่างไร ช่างก็ทำออกมาตามจินตนาการ จึงกลายเป็นเรือนแก้วของพระพุทธชินราชไป

เถรี
17-11-2017, 19:18
ถาม : พระพุทธรูปที่เราเรียกว่า สมเด็จองค์ปฐมปางนิพพาน กับพระวิสุทธิเทพ เหมือนกันไหมครับ ?
ตอบ : เหมือนกัน ตามความเชื่อของสายเถรวาทของเรา บุคคลที่อยู่บนพระนิพพานก็คือ พระอรหันต์ พระปัจเจกพุทธเจ้า และพระพุทธเจ้า ในเมื่อท่านทั้งหลายเหล่านี้อยู่ข้างบน ในความรู้สึกเราก็คือ พระควรที่จะเป็นพระ แต่สิ่งที่ทำมาก็คือการสร้างบุญสร้างบารมี ลักษณะที่ปรากฏเต็มบุญเต็มบารมีนั้นเป็นแบบใด บุคคลที่สามารถเข้าถึงตรงนั้นก็จะรู้เห็นได้ว่า ต่างจากความคิดของเราทั่ว ๆ ไปว่า ท่านเป็นพระก็ควรจะครองตัวเป็นพระ

ผู้ที่ไปพบเห็นจะเห็นว่า ท่านมีเครื่องทรงเหมือนกัน แต่เป็นเครื่องทรงในลักษณะที่มีความอลังการ หรือเหนือกว่าในระดับของพรหมเทวดาทั่วไป

เถรี
17-11-2017, 19:23
ถาม : ท่านมีความเห็นอะไรเพิ่มเติมไหมครับเกี่ยวกับพระทรงเครื่องในปัจจจุบันนี้ ?
ตอบ : ในเรื่องของพระทรงเครื่องนี้ ส่วนที่อยากออกความเห็นอย่างหนึ่ง คือ นอกจากเราเชื่อว่าท่านที่รู้จริงพบเห็นมาแล้ว หรือเกิดจากศรัทธาในตัวบุคคลที่มีอำนาจในโลกของเรา ว่าอยู่ในชุดแบบไหนที่แสดงออกซึ่งอำนาจแล้วทำตาม อีกส่วนหนึ่งคืออยากจะเชื่อว่า เครื่องทรงนั้นเกิดจากการสร้างเพื่อเป็นพุทธบูชา ก็คือฉวยโอกาสถวายสิ่งนี้บูชาพระ จึงทำเสียเต็มที่ แบบเดียวกับพระแก้วมรกตของเรา ที่มีเครื่องทรงต่างหากถึง ๓ ชุด

ถาม : เป็นการผสมกันว่า เป็นการแสดงความเป็นทิพย์ด้วย และผู้สร้างก็ได้ถวายเป็นพุทธบูชาไปด้วย ?
ตอบ : ถูก...นี่คือส่วนที่อยากจะเพิ่มให้

เถรี
17-11-2017, 20:39
ถาม : แก้วขนเหล็กกับแก้วโป่งขาม ?
ตอบ : แก้วขนเหล็กก็เป็นโป่งขามนั่นแหละ แต่เป็นโป่งขามแบบมีเส้นอยู่ข้างใน

ถาม : มีความศักดิ์สิทธิ์ไหมคะ ?
ตอบ : ก็เขาเชื่อว่าศักดิ์สิทธิ์มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ไม่ว่าจะเป็นโป่งข่ามลักษณะไหน แต่เขาก็มีว่าลักษณะดีเป็นอย่างไร ลักษณะร้ายเป็นอย่างไร พวกที่เขาหา ๆ กันอยู่ ก็อย่างโป่งข่าม แก้วปวก แก้ววิฑูรย์ ฯลฯ

ถาม : มีเทวดารักษาอยู่ไหมคะ ?
ตอบ : ก็มีบ้างไม่มีบ้างแล้วแต่ดวง อยากจะให้มีก็เอาไปเข้าพิธีที่วัดท่าขนุนได้

เถรี
17-11-2017, 21:20
พระอาจารย์กล่าวกับโยม "ไปปล่อยนกสักตัวสองตัว จะได้พาเคราะห์พากรรมไป ๆ เสีย เอาประเภทบินเก่ง ๆ นะ ถ้าอาตมาไปวัดเชียงมั่นเมื่อไร จะปล่อยนกเขาอย่างเดียวเลย เพราะว่านกเขาบินเร็วมาก แต่เขาขายแพง ตัวละตั้ง ๑๕๐ บาท

อาตมาบอกว่า ๑๕๐ ไม่ซื้อหรอก เพราะว่าขนาดเขาทอดเสร็จเรียบร้อยแล้ว ตัวหนึ่งก็ไม่เกิน ๕๐ บาท ไปจนกระทั่งแม่ค้าเขาจำได้ เขารู้ว่าแกล้งต่อไปเรื่อย แต่ถ้าไม่ได้ราคาที่ต้องการก็ไม่ซื้อ ท้ายสุดเขาก็ต้องให้ เพราะอาตมาเหมาหมด ดีกว่าไปนั่งขายอยู่เป็นหลายวัน"

เถรี
17-11-2017, 21:41
ถาม : หลายครั้งที่ผ่านมาหลวงพ่อลดตัวมาพูดเล่นกับผม ผมก็เลว เขย่งตัวขึ้นไปเล่นกับหลวงพ่อ ต่อไปนี้ผมจะระวังเป็นผู้ใหม่อยู่เสมอครับ ขอให้หลวงพ่อคิดว่า เล่นกับหมาหมาเลียปากก็แล้วกันครับ
ตอบ : อ๋อ...ไม่ต้องบอก คิดอย่างนั้นมานานแล้ว...!

ถาม : ที่หลวงพ่อบอกให้ผมเลิกปรารถนาพุทธภูมิย้อนหลัง ความหมายเดียวกับลาใช่ไหมครับ ?
ตอบ : มีใครเขาย้อนหลังได้วะ ? มีแต่ปัจจุบัน ไม่เอาก็ไม่เอา เอาก็เอา

เถรี
18-11-2017, 09:27
ถาม : ผมมีความรู้สึกว่า ถ้าใจเราถึงพระจริง ๆ พระบนพระนิพพานก็สามารถแทรกกฎของกรรมมาช่วยเราได้ เป็นมิจฉาทิฏฐิหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : เป็น....อย่าลืมว่าพระอริยเจ้าตั้งแต่โสดาบันขึ้นไป ท่านยอมรับเรื่องกฎของกรรมทุกองค์ ท่านไม่มายุ่งกับกรรมของคุณหรอก ยกเว้นอย่างเดียวว่ากระแสบุญยังเพียงพออยู่ ก็สามารถที่จะช่วยได้บ้าง ถ้าเหลือแต่กรรมล้วน ๆ ก็รับไปเถอะ

ถาม : ที่หลวงพ่อวัดท่าซุงบอกว่าจะพาคนของท่านไปพระนิพพานให้หมด ท่านอยู่บนพระนิพพานแล้ว ท่านจะทำอย่างไรได้ครับ ?
ตอบ : ทำอย่างไรได้ ? ก็นั่งลุ้น...พอออกนอกทางมากก็ถีบกลับเข้ามาหน่อย แค่หกล้มหกลุกนิดก็ทำเป็นน้ำตาเล็ด..!

การช่วยก็อย่างที่บอก ช่วยด้วยการแนะนำ แนะนำแล้วถ้าไม่ทำก็นั่งมองให้ตะเกียกตะกายต่อไป เดี๋ยวเข็ดก็เลี้ยวกลับมาเอง

เถรี
18-11-2017, 09:32
ถาม : ผมขึ้นไปบนพระนิพพานแล้วผมโดนพระท่านตบหัวเอา ผมไม่ทราบว่าเป็นมารแกล้งหรืออย่างไร แต่ครั้งต่อไปผมขึ้นไปก็ชักเสียว ๆ สันหลังครับ ?
ตอบ : ทำไมต้องเสียว ? มีใครเคยโดนแบบนี้บ้าง ? ถ้าไม่มีก็ถือเป็นเกียรติอย่างสูงสุดในชีวิต รับ ๆ ไปเถอะ

ถาม : แสดงว่าเป็นมารแทรกหรือครับ ?
ตอบ : ไม่รู้เหมือนกันว่ะ...ตูไม่ได้ไปด้วยนี่

ถาม : เคยได้ยินว่า หลวงพ่อฤๅษีหรือหลวงพ่อท่านไหนสั่งสอนลูกศิษย์แบบลงไม้ลงมือแบบนี้ไหมครับ ?
ตอบ : ดูท่าว่ายังไม่เคยได้ยินนะ มีแต่ให้ส้นตีนเฉย ๆ...!

เถรี
18-11-2017, 09:34
ถาม : ถ้าผมไม่ใช่คนพาล ผมก็โดนคนอื่นเขารังแก แต่ผมก็เจ็บปวดทุกครั้งที่ทำให้คนอื่นเป็นทุกข์ จะใช้สมาธิรั้งก็เหมือนกับหนังสติ๊กที่โดนดีดกลับ ไม่รู้จะไปต่ออย่างไร ?
ตอบ : ก็นั่นแหละ เพียงแต่ว่าถึงเวลาให้ดีดกลับช้าลงไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งท้ายสุดก็เลิกดีดไปเอง

เถรี
18-11-2017, 09:46
ถาม : (จับคู่อุเบกขากับตัวอื่น ๆ ในพรหมวิหาร)
ตอบ : อุเบกขามีแทรกอยู่ในทุกตัว ถ้าเมตตาเกินประมาณเราก็เจ๊งเอง กรุณามากเกินไปบางทีก็ประสาทรับประทาน มุทิตาก็ต้องให้มีขอบเขตอยู่ด้วย ไม่ใช่ทำจนอลังการ เพราะฉะนั้น...อุเบกขามีอยู่ในทุกตัวนั่นแหละ

เถรี
18-11-2017, 09:47
(พระสอบถาม) เรื่องการไปบิณฑบาตโปรดสัตว์ แต่เหมือนกับไปให้สัตว์โปรด ?


ตอบ : ก่อนจะไปเราต้องตั้งกำลังใจให้สูงสุดเท่าที่เราทำได้ เพื่อให้ทานของญาติโยมมีผลให้มากที่สุด แสดงว่าตรงนี้ไม่เคยทำเลยใช่ไหม ? ที่เขาเรียกว่าไปโปรดสัตว์ ก็คือไปสงเคราะห์ให้ทานของเขาเกิดผลให้มากที่สุด ให้เร็วที่สุด

เถรี
18-11-2017, 19:13
ถาม : เพื่อนไปพบกับพระรูปหนึ่ง พระบอกว่าเพื่อนโดนของ โดนคุณไสยทั้งตัว วัตถุมงคลที่ติดตัว มีพระหางหมาก ผ้ายันต์พิชัยสงคราม ก็ถูกลอกเอาพุทธคุณออก แล้วเอาน้ำมันพราย ผีพรายมาใส่แทน ผ้ายันต์นี่เปลี่ยนเป็นสีเขียวหมดแล้ว แต่ผมฟังแล้วคิดว่าไม่น่าเป็นไปได้เลย ไม่เชื่อ ผมเข้าใจถูกไหมครับ ?
ตอบ : ก็เป็นอันว่าคุณฉลาดกว่า เพราะมีคนไปหลงเชื่อเขามาเยอะแล้ว

ถาม : ผมอยากจะขอถามหลวงพ่อว่า ผมโดนของไหมครับ พระบอกว่าผมถูกของ ?
ตอบ : ต้องไปถามท่าน เดี๋ยวท่านจะตอบให้เอง ถ้ามาถามตรงนี้จะโดนถีบแทน อยากรู้ต้องไปถามคนที่เขาบอกคุณ ได้เสียเงินให้เขาแก้ไขเยอะ ๆ แล้วจะฉลาดมากขึ้น

เถรี
18-11-2017, 19:17
ถาม : ผมทำสมาธิแล้วจิตนิ่งไประดับหนึ่ง จนกระทั่งสว่าง ไปต่อไม่ถูก ต้องทำอย่างไรต่อครับ ?
ตอบ : กำหนดรู้ไว้เฉย ๆ ว่าตอนนี้เป็นอย่างนี้ แล้วสมาธิก็จะดำเนินไปเอง อย่าดิ้นรนให้พ้นจากตรงนั้น และอย่าอยากเข้าไปถึงตรงนั้น

ถาม : ค้างอยู่ตรงสว่าง ๆ โล่ง หลายครั้งแล้ว ?
ตอบ : ตามดูไปเฉย ๆ

เถรี
18-11-2017, 19:25
ถาม : เบื่อหน่ายแม้กระทั่งการปฏิบัติธรรมค่ะ ไม่อยากสวดมนต์ ไม่อยากนั่งสมาธิ ไม่อยากทำอะไรเลย ?
ตอบ : ตอนนี้กิเลสเริ่มหลอกแล้ว บอกกิเลสไปว่า อย่าทะลึ่งสอนให้ทำแบบนี้ กูไม่เชื่อมึงหรอก แล้วตั้งหน้าตั้งตาทำของเราต่อไป

ถาม : จะเกิดอาการเบื่อ ๆ แบบนี้ใช่ไหมคะ ?
ตอบ : ให้รู้ว่าถ้าเราเกิดมาอีกก็จะเจอแบบนี้อีก เพราะฉะนั้น...ขึ้นชื่อว่าการเกิดมาแบบนี้จะเอาอีกไหม?

ถาม : แต่ว่าเบื่อ ไม่อยากทำอีกแล้ว ?
ตอบ : ต้องสอนตัวเองให้ได้ ถ้าสอนตัวเองไม่ได้ก็จะเบื่ออยู่อย่างเดียว จนเราเซ็งโลกไปเลย

ถาม : แม้แต่การกราบพระยังเบื่อเลยค่ะ ?
ตอบ : บางทีกราบพระสักแต่ว่ากราบแปะ ๆ ให้ครบ ๓ ที ไม่ได้กราบด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจหรอก

ถาม : โดนหลอกใช่ไหมคะ ?
ตอบ :ใช่...ไปเริ่มต้นใหม่ รู้ตัวแล้วก็ตั้งหน้าตั้งตาทำไป พวกนี้กลัวคนหน้าด้าน พอเราหน้าด้านทำไปเดี๋ยวเขาก็ถอยไปเอง

ถาม : จะเกิดขึ้นอีกไหมคะ เบื่อ ๆ อยาก ๆ อย่างนี้ไปเรื่อย ๆ ใช่ไหมคะ ?
ตอบ : จนกว่ากำลังใจของเราจะสูงกว่านี้ เพราะฉะนั้นต้องทำเรื่องสมาธิให้มากขึ้น

เถรี
18-11-2017, 19:28
ถาม : เรื่องการแผ่เมตตาเจ้าค่ะ ในนี้เขาบอกว่า "ขอให้สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง..." ถ้าเราใช้คำว่าสัตว์ทั้งหลายทั้งปวงทุกรูปทุกนาม เทวดาท่านจะได้หรือไม่เจ้าคะ ?
ตอบ : อยู่ที่เรา ไม่ว่าจะภพภูมิไหนก็เป็นสัตว์ทั้งหมด แม้แต่พรหมเทวดาเขาก็จัดเป็นสัตว์ที่เวียนว่ายตายเกิดประเภทหนึ่ง

เถรี
18-11-2017, 19:33
ถาม : (พระถาม) นั่งรับสังฆทานแบบหลวงพ่อ ผมก็ปลงใจไม่ได้ว่าเราทำอะไรเป็นประโยชน์แก่ญาติโยม นอกจากมาเอาของเขา ?
ตอบ : คุณเป็นผู้เสียสละอย่างที่สุดที่ได้รับภาระทุกอย่างนี้ไปทำแทนสงฆ์ ถ้าคุณไม่มาทนนั่งตูดด้านอยู่อย่างนี้ บุญของเขาก็ไม่เกิด ความเจริญของพระพุทธศาสนาก็ไม่มี

เถรี
18-11-2017, 20:13
ถาม : (สนทนากับพระ)
ตอบ : นี่เป็นหน้าที่ของเรา คำว่าหน้าที่ของเราคือพุทธบริษัททั้ง ๔ แบ่งออกเป็น อนาคาริก คือผู้ไม่ครองบ้านเรือน คือ ภิกษุ ภิกษุณี กับอาคาริก ผู้ครองบ้านเรือน คือ อุบาสก อุบาสิกา

ภิกษุและภิกษุณีสามารถศึกษาปฏิบัติธรรมได้อย่างเต็มที่ เพราะอุบาสกอุบาสิกาสนับสนุนด้วยปัจจัยทั้ง ๔ เมื่อปฏิบัติธรรมได้แล้วก็เป็นหน้าที่ของภิกษุและภิกษุณี ที่จะต้องมาสั่งสอนให้กับอุบาสกอุบาสิกา เพื่อทดแทนที่เขาสงเคราะห์เรา

เพราะฉะนั้น...ถ้าเราเพิ่งได้มา แล้วเขาเอาไป ก็เท่ากับเราทำหน้าที่ของเราแล้ว

เถรี
18-11-2017, 20:19
พระอาจารย์เล่าว่า "วันก่อนไปทำฟันแล้วหมอเอ็กซเรย์รากฟันให้ ก็เพิ่งทราบว่าพวกเซียนวัตถุมงคลไปให้หมอเอ็กซเรย์ของกันเยอะมากเลย อย่างตะกรุดหลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบัว หรือตะกรุดลูกอมโลกธาตุ เขาจะมีด้ายพันไว้ ต้องเช็คดูข้างในว่าเป็นอะไรแน่ บอกได้แค่ว่าเป็นโลหะ บอกไม่ได้ว่าเป็นทอง เป็นนาก หรือเป็นเงิน

แล้วก็ไม้ครูหลวงปู่ภู เบี้ยแก้หลวงปู่รอด แล้วก็หมากทุยหลวงปู่เอี่ยม ต้องสแกนดูข้างในว่าเป็นหมากจริงเปล่า ? มีกระดาษสาอยู่ข้างในไหม ?


ของราคาเป็นแสนเป็นล้าน อย่างไรเสียก็ให้เขาเอ็กซเรย์ให้สบายใจหน่อยว่าดีจริงหรือเปล่า ? ได้ฟิล์มเอ็กซเรย์มาแล้วยังต้องเล็งแล้วเล็งอีก สรุปว่าร้านหมอฟันเอ็กซเรย์วัตถุมงคลมากกว่าฟันอีกกระมัง ?"

เถรี
18-11-2017, 20:24
ถาม : ตอนที่ลาพุทธภูมิ ท่านมาทัดทานให้ทบทวน เป็นไปได้ไหมว่ามารแทรก ?
ตอบ : ก็ถ้าบารมีมากพอ ท่านจะทัดทานก็เป็นเรื่องปกติ เสียดายเรียนจะจบอยู่แล้ว กัดฟันต่ออีกเทอมเดียวไม่ได้หรือ ?

ถาม : เห็นคนเขาลากันหลาย ๆ คนครับ ?
ตอบ : ก็ของท่านเด็ดขาด ส่วนเราเด็ดไม่ขาด

ถาม : กำลังใจที่ลาฝ่อไปหมดนี่...?
ตอบ : เอาใหม่ ถ้าเด็ดขาดจริงก็ต้องลาได้

ถาม : ไม่ว่าท่านจะมาอย่างไรก็คือ ผมจะลาให้ได้ แบบนี้หรือครับ ?
ตอบ : กลัวแต่ว่าถึงเวลาก็มืออ่อนตีนอ่อน

ถาม : อย่างนั้นจริง ๆ ครับ ?
ตอบ : ตูเคยมาแล้ว ลาอยู่ ๓ รอบกว่าท่านจะอนุญาต แต่ยังให้ทำงานเก่าไปก่อน ถึงได้งานเยอะงานแยะอยู่ทุกวันนี้

ถาม : แต่ถ้าลาแล้วไม่อยากรับภาระ จำเป็นจริง ๆ ก็น่าจะได้ ?
ตอบ : สันดานเดิม ช่วยไม่ได้หรอก เดี๋ยวก็ต้องทำ

ถาม : เป็นเพราะเราตั้งสัญญาเก่าไว้หรือคะว่าเราจะทำ ?
ตอบ : ไม่ใช่...ทำเอาไว้เยอะแล้ว คนเขาก็ไม่ไปตามคนอื่น ก็ต้องแบกภาระไปก่อน

เถรี
18-11-2017, 20:30
พระอาจารย์กล่าวว่า "มีดหมอเล่มที่ลงอยู่ในกระทู้คนมีเงินฯ (๑๔) นั่น เป็นรุ่นเดียวที่หลวงพ่อรุ่งกับหลวงพ่อเดิมทำร่วมกัน เป็นของที่หายากสุด ๆ เพราะว่าหลังจากนั้นแล้ว หลวงพ่อเดิมท่านก็แยกไปทำตามแบบของท่านเอง เราจะเห็นว่าลายตอกเป็นแบบช่างของหลวงพ่อเดิม แต่ดันฝังทองฝังโลหะล้างอาถรรพ์ไปด้วย เป็นรุ่นที่หลวงพ่อเดิมท่านเอาขึ้นเกวียนไปปลุกเสกร่วมกับหลวงพ่อรุ่ง"

http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=27742&d=1511011737

เถรี
19-11-2017, 20:56
ถาม : ถวายทองที่จะเอามาร่วมหล่อพระ พ่อผมเขาอธิษฐานทำบุญก่อนที่เขาจะเสียไป มาทำทีหลังเขาได้บุญไหมครับ ?
ตอบ : เขาตั้งใจเมื่อไรก็ได้ตอนนั้นแหละ

ถาม : พ่อเขาอยู่ตรงไหนพอจะทราบไหมครับ ?
ตอบ : ต้องไปถามคนอื่น อาตมาโดนสั่งห้ามไว้ตั้งแต่สมัยยังอยู่วัดท่าซุงแล้ว

เถรี
19-11-2017, 21:37
ถาม : เป็นความว่างที่อยู่เหนือความว่าง แล้วก็ขึ้นไปอยู่บนความว่างอีกที ออกไปไกลหรือเปล่าคะ ?
ตอบ : เป็นแค่ระดับหนึ่งของสมาธิเท่านั้น สมาธิยิ่งทรงตัวลึกขึ้นมากเท่าไร สภาพจิตของเราก็จะว่างจากกิเลสมากเท่านั้น แต่ยังเป็นเรื่องที่เชื่อไม่ได้ เพราะว่าถ้าสมาธิคลายตัวกิเลสก็งอกงามใหม่ เพราะฉะนั้น...มีอยู่อย่างเดียวก็คือ ต้องพิจารณาวิปัสสนาญาณเพื่อทำลายกิเลสให้สิ้นไปจากใจของเรา

ถาม : เหมือนกับเราก็ไม่ใช่เรา ทั้ง ๆ ที่ก็เป็นเรา แต่ก็ไม่ใช่ เราก็ดูไป ?
ตอบ : สภาพจิตส่วนจิต สภาพร่างกายส่วนร่างกาย ส่วนผู้รู้ที่เป็นสติก็ยังคอยควบคุมกำกับอยู่ ถ้าดูจริง ๆ แล้วจะเห็นว่ามีอยู่ ๓ ส่วนด้วยกัน แต่ไม่ว่าจะส่วนไหนก็ตาม เขาไม่ให้ยึดทั้งนั้น แค่กำหนดดู กำหนดรู้ว่าเราสักแต่เป็นเพียงผู้อาศัย สักแต่ว่าเป็นเพียงผู้อยู่ ถ้าหากว่าตายเมื่อไรที่ไปของเราคือพระนิพพาน

ถาม : ที่ออกไปข้างนอก บางทีหนูก็คุมไม่ได้ ?
ตอบ : สร้างสติให้มั่นคงกว่านี้จะคุมได้ ไม่อย่างนั้นสติช้ากว่าก็จะปรุงแต่งไปเรื่อย

เถรี
19-11-2017, 21:55
พระอาจารย์กล่าวว่า "มีใครบริจาคช่วยตูนสร้างโรงพยาบาลบ้างหรือยัง ? เรียกกันแต่ "ตูน บอดี้สแลม" จนลืมชื่อจริงไปแล้ว จำได้ว่านามสกุลคงมาลัย

ต้องบอกว่าตั้งแต่เกิดเหตุที่ปักษ์ใต้มา ผ่านมาหลายรัฐบาลแล้ว เพิ่งจะมีตูนซึ่งไม่ใช่คนของรัฐบาลนี่แหละ ที่ทำให้ปักษ์ใต้สมัครสมานสามัคคีกันได้อีกครั้งหนึ่ง ไม่ว่าตูนจะวิ่งไปทางไหน บรรดาอิสลามิกชนก็ออกมาต้อนรับ ออกมาถ่ายรูป ออกมาปรบมือกันมากมายไปหมด ที่แน่ ๆ ก็คือออกมาร่วมบริจาคด้วย ขนาดโดนคนที่ยึดมั่นในหลักศาสนาอย่างชนิดไม่ยอมผ่อนผัน ออกมาตำหนิว่าการบริจาคให้กับคนศาสนาอื่นไม่ใช่เรื่องที่อิสลามิกชนจะทำได้ ก็ไม่มีใครฟัง

สภาพปักษ์ใต้ของเราเหมือนกับกลับไปเป็นอย่างในสมัยก่อนชั่วคราว สมัยก่อนนั้นปักษ์ใต้คนไทย คนอิสลาม สามัคคีกลมเกลียวเหนียวแน่นมาก คนอิสลามหลายคนรับราชการเป็นใหญ่เป็นโตใกล้ชิดเบื้องพระยุคลบาท แม้กระทั่งปู่ของครูอี๊ด ซึ่งเรารู้จักกันในนามของพนมเทียน นักเขียนชื่อดัง ท่านก็เป็นขุนวิเศษสุวรรณภูมิ เป็นผู้พบเหมืองทองโต๊ะโมะ แล้วก็ทำการเก็บภาษีส่งให้กับในหลวงรัชกาลที่ ๖ จนกระทั่งได้รับพระราชทานยศเป็นท่านขุน"

เถรี
19-11-2017, 21:59
"บรรดาคนไทยสมัยก่อนจะเป็นพ่อยกแม่ยกให้กับเด็กอิสลาม เมื่อถึงเวลาคนอิสลามมีลูก ก็เอามายกให้คนไทยเป็นลูกบุญธรรม เวลาคนไทยมีลูก ก็ยกให้กับอิสลามเป็นลูกบุญธรรม อยู่ในลักษณะเหมือนกับผลัดกันเลี้ยง เด็กก็โตมาด้วยกัน สนิทสนมกลมเกลียวกัน จนกระทั่งแยกไม่ออกว่าเป็นไทยหรือเป็นอิสลาม ยกเว้นอย่างเดียวก็คือเวลาไปวัด หรือเวลาไปมัสยิดเท่านั้น

เรื่องทั้งหลายเหล่านี้เป็นมานานมาก จนกระทั่งปักษ์ใต้ของเรามีความเหนียวแน่น ใคร ๆ ก็ยอมใจให้กับคนไทยปักษ์ใต้ว่า รักใคร่สามัคคีกลมเกลียวกันมาก จนกระทั่งมีบรรดาผู้ที่ได้รับการศึกษาสมัยใหม่ ส่งลูกหลานไปเรียนที่ตะวันออกกลาง แล้วก็ไปรับเอาแนวคิดใหม่ ๆ เข้ามา หรือที่เรียกง่าย ๆ ว่าโดนล้างสมองมา

แล้วก็มาแบ่งแยกว่า นี่คือแผ่นดินของอิสลาม ที่พระอัลเลาะห์ประทานมาให้แก่อิสลามิกชนเท่านั้น คนอื่น ๆ ที่มาอยู่อาศัย เท่ากับมาแย่งชิงทรัพยากร มาแย่งสิ่งที่คนอิสลามจะพึงมีพึงได้ไป ก็เลยเกิดการเกลียดชัง แล้วก็พยายามที่จะสร้างความแตกแยก พยายามจะทำให้อิสลามเป็นศาสนาบริสุทธิ์ ไม่ให้ปะปนกับชนชาติอื่นขึ้นมา"

เถรี
19-11-2017, 22:02
"ความสามัคคีกลมเกลียวก็ยังคงมีมาจนกระทั่งปี ๒๕๔๗ มีเหตุการณ์ปล้นค่ายทหารที่ปิเหล็ง หลังจากนั้นการแตกแยกก็มีอย่างชัดเจน เพราะเจตนาของเขาก็คือจะทำให้ประเทศไทยเป็นรัฐอิสลาม โดยเริ่มก่อเหตุจากปักษ์ใต้

เมื่อเป็นเช่นนั้นก็ทำให้เริ่มเกิดความหวาดระแวงขึ้น โดยเฉพาะการลงมือเข่นฆ่าพระภิกษุสามเณร แต่การลงมือของพวกเขาค่อนข้างจะไร้ศีลธรรม ไม่สมกับเป็นอิสลามิกชน เพราะว่าอาตมาศึกษาข้อปฏิบัติของอิสลามิกชนมาแล้ว มีลักษณะใกล้เคียงกับศีล ๕ ของเราเลย ในเมื่อทำการเข่นฆ่า ก็ไม่ถือว่าเป็นอิสลามิกชนที่แท้จริง

แต่เนื่องจากได้รับการล้างสมองมาว่าเป็นสิ่งที่ทำเพื่อพระเจ้า เขาก็ไม่มีปัญญาเพียงพอที่จะพินิจพิจารณาว่า สิ่งทั้งหลายเหล่านั้นถูกต้องหรือเปล่า ? จึงวางระเบิดบ้าง ยิงบ้าง แม้กระทั่งอิสลามด้วยกัน ที่ตกตายไปมากต่อมากนั้น ส่วนหนึ่งเป็นอิสลามิกชนเช่นเดียวกับเขา แต่อาจจะฝักใฝ่กับทางราชการ หรือว่าฝักใฝ่กับ ‘คนไทย’ ตามที่เขาเรียก หรือถ้าตามที่อิสลามเขาเรียกแล้วแปลมาก็คือ ไปฝักใฝ่กับ ‘พวกวัวพวกควาย’ ก็เลยทำให้ปักษ์ใต้ของเราร้อนรุ่ม ไม่สามารถที่จะกลับไปสู่ความร่มเย็นเหมือนกับสมัยก่อนได้

ก็เพิ่งจะเห็นตอนที่ตูนทำการวิ่งเพื่อหาทุนให้กับโรงพยาบาล ที่คนอิสลามทั้งหลายพร้อมอกพร้อมใจกันออกมามาร่วมกันบริจาค มาต้อนรับ มาให้กำลังใจ"

เถรี
19-11-2017, 22:05
"แต่ก็มีคนไทยจำนวนหนึ่ง โดยเฉพาะข้าราชการที่ใช้วาจาแรง ๆ ในลักษณะที่ว่า ไม่ใช่หน้าที่ของตัวเองแล้วไปยุ่งทำไม ? ซึ่งคนประเภทนี้ส่วนใหญ่แล้ว ตัวเองก็ไม่เคยสร้างความเจริญให้แก่สังคม เมื่อเห็นคนอื่นทำให้สังคมดีขึ้น ก็กลายเป็นว่าเดือดเนื้อร้อนใจ เอาแค่ว่าโรงพยาบาลทั้ง ๗ แห่ง ต้องการงบประมาณ ๗๐๐ ล้านบาท ในการพัฒนาโรงพยาบาลให้ทันสมัย มีเครื่องไม้เครื่องมือที่พร้อม เขาก็รับไม่ได้ เพราะว่าถ้าให้เขาของบประมาณจากส่วนกลางแล้วมาทำเมื่อไร จะมีในส่วนที่เรียกว่า ‘เงินทอน’ ไปถึงมือเยอะมาก

ในเมื่อตูนเป็นคนมาทำ ส่วน "เงินทอน" ที่เขาจะพึงมีพึงได้ก็ไม่มี ก็เลยทำให้เขาออกมาพูดจาแรง ๆ แบบไร้สติ ท้ายที่สุดก็โดนสังคมถล่มจมธรณีไป

ก็ต้องบอกว่าในเรื่องของบ้านเราเมืองเรา ต้องมีคนกล้าคิด กล้าพูด กล้าทำ ในลักษณะของตูน ที่ไม่ย่อท้อแม้ว่ากระแสที่ต่อต้านมีมาก แต่ก็พยายามที่จะฝ่าฟันไป ให้เขาเห็นความจริงใจของตัวเอง ว่าไม่ได้ทำเพื่อชื่อเสียงเกียรติยศส่วนตน หากแต่อาศัยชื่อเสียงเกียรติยศส่วนตน ในการชักจูงผู้อื่นให้ร่วมทำงานนั้นให้สำเร็จ

เรื่องทั้งหลายเหล่านี้พวกเราต้องแยกแยะให้ออก เพราะว่าปกติตูนก็มีชื่อเสียงเพียงพอ เป็นที่รู้จักทั่วประเทศอยู่แล้ว เขาไม่จำเป็นต้องมาทำตรงจุดนี้คนก็รู้จักเขาอยู่แล้ว ยกย่องเขาอยู่แล้ว แต่เขาออกมาทำโดยอาศัยชื่อเสียงเกียรติภูมิส่วนตัว ในการชักจูงผู้อื่นให้ร่วมกันสร้างความดี โดยเฉพาะในช่วงระยะเวลาแบบนี้ เราเพิ่งจะสิ้นในหลวงรัชกาลที่ ๙ ไปไม่นาน ประเทศชาติของเรายังหวั่นไหวระส่ำระสายอยู่ เหมือนอย่างกับครอบครัวที่ขาดเสาหลักไป

เมื่อมีคนออกมาชักจูงให้ร่วมกันทำในสิ่งที่ดี ๆ แล้วทุกคนสมัครสมานสามัคคีพร้อมใจกันทำ ก็น่าจะเป็นเรื่องที่สมควรจะได้รับการยกย่องมากกว่าที่จะตำหนิติเตียน เรื่องพวกนี้เรามีโอกาสก็ไปช่วยกัน"

เถรี
19-11-2017, 22:08
"อย่างอาตมาเอง โรงพยาบาลทองผาภูมิก็มาขอความช่วยเหลืออยู่เสมอ ๆ เมื่อวานนี้ไปคุมสอบที่โรงเรียนทองผาภูมิวิทยา ผู้อำนวยการก็ยังมาบอกว่า มีโครงการส่งเด็กแข่งขันทางวิชาการระดับประเทศ ถ้าผ่านได้จะขอทุนหลวงพ่อ เพื่อให้เด็กเดินทางไปแข่งขันในระดับโลก

อาตมาบอกว่าถ้าเด็กผ่านได้ก็จะให้ มากเท่าไรก็ไม่เป็นไร สำคัญอยู่ตรงที่ว่า ให้ผลักดันให้เด็กของพวกเราทุกคนมีความรู้ความสามารถที่ใกล้เคียงกัน อย่าให้มี "เด็กรับแขก" แค่ไม่กี่คน ในลักษณะที่ถึงเวลาเป็นตัวแทนไปแข่งขัน เป็นตัวแทนที่จะไปช่วงชิงชื่อเสียงเกียรติภูมิให้กับโรงเรียน แต่ให้นักเรียนทุกคนมีความรู้ความสามารถที่ใกล้เคียงกัน ไม่อย่างนั้นแล้วก็จะกลายเป็นโดดเด่นอยู่แค่ไม่กี่คน แล้วส่วนที่เหลือก็ยังคงใช้การไม่ได้เหมือนเดิม"

เถรี
19-11-2017, 22:08
"โบราณเรามีสุภาษิตว่า มือไม่พายอย่าเอาตีนราน้ำ คุณตูนเขากำลังพายอยู่ ก็มีคนเอาตีนราน้ำอยู่เรื่อย ลักษณะนั้นต้องฟันตีนทิ้งเสีย...!"

เถรี
24-11-2017, 09:44
พระอาจารย์กล่าวว่า "ส่วนใหญ่วัตถุมงคลของวัด ถ้าราคาสูง ๆ อาตมาจะขอชื่อนามสกุลเจ้าของเก็บไว้ด้วย ใครอ้างว่าได้รับจากอาตมา ถ้าไม่มีชื่อในบัญชีก็จบกันแค่นั้นแหละ..!

ในกระทู้คนมีเงินฯ มีหลายคนอยากได้วัตถุมงคลวัดท่าขนุน ระบุรุ่น ระบุของมา ขอยืนยันว่าไม่มี อะไรที่หมดแล้วคือหมดจริง ๆ ของหลวงปู่หลวงพ่อรูปอื่น ๆ ที่มีชื่อเสียงโด่งดังทั้งในและต่างประเทศ พูดง่าย ๆ ว่าเป็นที่ต้องการทั่วโลก อาตมายังพอหาให้ได้ แต่วัตถุมงคลวัดท่าขนุนนี้หมดไปแล้วไม่มีปัญญาหา เป็นอะไรที่อนาถมาก..!

เวลาเพื่อนพระขอ อาตมาบอกว่าไม่มี ไม่ค่อยมีใครเชื่อหรอก โยมบางคนไปวัดตื๊อจะเอารุ่นนั้นให้ได้ จะเอารุ่นนี้ให้ได้ บอกว่าไม่มี เขาก็ไม่เชื่อ เขาบอกว่าปกติทุกวัดเจ้าอาวาสจะต้องเก็บเอาไว้สัก ๑๐๐-๒๐๐ องค์ ก็เลยอยากจะบอกเขาว่าไม่ทุกวัดหรอก เพราะว่าอย่างน้อยวัดท่าขนุนไม่เคยเก็บ ออกมาเท่าไรก็หมดแค่นั้น"

เถรี
24-11-2017, 09:47
พระอาจารย์กล่าวว่า "มีใครบอกได้ไหมว่า กุญแจซอลคืออะไร ? รุ่นของอาตมารู้จักแต่กุญแจจีน แล้วไม่ได้เรียกกุญแจ เขารียกว่าประแจ

กุญแจซอลเป็นชื่อของดารา ที่มีข่าวว่าหนีพ่อหนีแม่ไปมีสามี แล้วก็คลอดลูกออกมา ปรากฏว่าโดนตัดพ่อตัดลูก ตัดแม่ตัดลูกกันให้ยุ่งไปหมด ซึ่งเรื่องประเภทนี้ถ้าเราไม่เข้าใจต้นสายปลายเหตุจริง ๆ อย่าไปวิพากษ์วิจารณ์ เพราะว่าเรื่องที่เขาให้เรารู้ทั้งสองฝ่าย ไม่แน่ว่าจะเป็นความจริงทั้งหมด เป็นแค่ส่วนที่เขาให้เรารู้ได้ ส่วนที่เขาไม่ต้องการให้เรารู้แล้วปกปิดอยู่ มีอีกมากเท่าไรเขาไม่ได้บอก

ถ้าเราไปด่วนตัดสินว่าฝ่ายพ่อแม่ผิด ฝ่ายดาราผิด หรือไม่ก็ฝ่ายผู้ชายผิดที่ไปหลอกลวงเขา เรานั่นแหละมีโอกาสผิด เรื่องของกระแสต่าง ๆ ในโลกของโซเชียลมีเดียมีอยู่อย่างเดียวก็คือ ต้องใจหนัก ๆ เพียงแต่อาตมาแค่สงสัยว่าทำไมชื่ออย่างนั้น ? ไม่เข้าใจว่าชื่อหมายถึงอะไร มาได้ยินว่าตัวโน้ตก็พอจะนึกออก ไม่รู้ว่าพ่อแม่รักดนตรีมากหรืออย่างไร ?

เห็นบางคนวิพากษ์วิจารณ์ไปถึงขนาดว่า โดนทำไสยศาสตร์จนลืมพ่อลืมแม่ ของบางอย่างเราต้องเข้าใจว่า วัยรุ่นทุกคนต้องการความเป็นส่วนตัว ไม่ใช่โดนตีกรอบบังคับอยู่ตลอดเวลา ขณะเดียวกันพ่อแม่บางคนก็เห็นลูกเป็นสินค้า ถึงเวลาแล้วจะต้องมีกำไร เรื่องพวกนี้ที่เกิดขึ้น เราไม่รู้ความจริงแล้วไปวิพากษ์วิจารณ์ โอกาสผิดมีเกิน ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ ปัจจุบันนี้ข่าวสารต่าง ๆ มาง่าย แต่ความจริงนั้นหายาก"

เถรี
24-11-2017, 09:53
พระอาจารย์กล่าวว่า "เรื่องของในหลวงรัชกาลที่ ๙ คนเห็นความดีของท่านทั่วโลก เห็นไหมว่ามีฝรั่งทั้งผู้หญิงผู้ชายสมัครเป็นจิตอาสาช่วยงานที่สนามหลวง นั่นไม่ใช่ว่าเขาทำเพราะสนุก แต่มาเพราะศรัทธาจริง ๆ ของทองผาภูมิก็มีฝรั่ง แต่เสียดายว่าลุงเดฟตายไปเสียก่อน ไม่เช่นนั้นลุงเดฟก็คงเป็นจิตอาสาทองผาภูมิเหมือนกัน

เรื่องของการทำความดีเป็นสากล คำว่าสากลก็คือทั่วโลกก็ยอมรับกันทั้งนั้น ในเมื่อใครทำดีให้เขาเห็นว่าดีจริง ๆ ทุกคนก็ยอมรับในความดีนั้นเช่นกัน ในลักษณะเดียวกับธรรมะ ไม่จำกัดด้วยสถานที่ เชื้อชาติ หรือระยะเวลา เป็นส่วนที่ทุกคนยอมรับและต้องการกันทั้งนั้น

ทุกคนก็อยากจะมีภพหน้าที่ดี ๆ พูดง่าย ๆ ก็คือว่าตายดี ขณะที่มีชีวิตอยู่ก็ให้มีความสุขความสงบ แต่หลายศาสนาก็แสวงหาผิดทาง พวกเราถือว่าโชคดีเกิดมาในศาสนาพุทธที่มีหลักธรรมที่แท้จริง ช่วยให้พวกเราพ้นทุกข์ได้

เดี๋ยวนี้ฝรั่งทั่วโลกเขาใช้สมาธิในการเสริมสร้างสมรรถภาพในการทำงานให้กับคนของเขา ส่วนประเทศไทยของเรายังไม่ค่อยมีใครขยับเลย เมื่อวานนี้ที่คุมสอบธรรมศึกษา ที่เห็น ๆ อยู่ทำมาเป็น ๑๐ ปีแล้วก็คือซีพี ซีพีเขาพัฒนาให้ทุกคนเรียนหมด มีธรรมศึกษาตรี ธรรมศึกษาโท ธรรมศึกษาเอก แต่มีอันหนึ่งที่ซีพีทำแล้วอาตมาไม่เห็นด้วย ก็คือยกวัดไปไว้ที่เซเว่นฯ ที่ไม่เห็นด้วยเพราะว่าเท่ากับดึงคนไปจากวัด ในเมื่อดึงคนไปจากวัดเข้าไปในเซเว่นฯ ก็ไม่ใช่ความสงบที่แท้จริง

ในเรื่องของธรรมศึกษาอาตมายอมรับว่าเขาทำดี ทำถูก ถึงแม้ว่าจะเป็นการเพิ่มสมรรถภาพในการทำงานของบุคลากรของเขา แต่ว่าผลได้เกิดขึ้นกับตัวพนักงานจริง ๆ แต่ยกวัดไว้ที่เซเว่นฯ เหมือนอย่างกับทำเอาหน้า นี่วิจารณ์กันตรง ๆ นะ เหมือนกับทำเอาหน้า พอถึงเวลาก็นิมนต์พระไปเทศน์ แล้วคนก็ไปส่องกัน แต่เหมือนกับว่าเป็นงบประมาณการตลาด โฆษณาสินค้าทำนองนั้น"

เถรี
24-11-2017, 09:55
"อะไรที่เป็นความดีแท้ ความดีสากล คนเห็นก็ชื่นชม อะไรที่ยังไม่ดีแท้ก็ต้องขัดเกลา ต้องปรับปรุงกันไป ยอมรับว่าคุณก่อศักดิ์ ไชยรัศมีศักดิ์ มีแนวคิดที่ดี ก็คือพยายามจะเอาหลักของศาสนาให้เข้าถึงบุคลากรและประชาชนทั่วไป แต่บางอย่างกระทำแล้วกระทบกับส่วนเดิมที่ดีอยู่แล้ว

อย่างเช่นว่า ถ้าซีพีจะทำโครงการนี้ ก็หาวัดหลัก ๆ สมมติว่าภาคเหนือ ภาคใต้ ภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคตะวันตก เสร็จแล้วก็จัดโครงการร่วมกับทางวัด ดึงคนเข้าวัดในจุดนั้น ๆ ก็จะเป็นโครงการที่เหมาะสมกว่าที่จะพาคนไปเข้าเซเว่นฯ ที่อยากเข้าเซเว่นฯ จริง ๆ นอกจากคนแล้วแม้แต่หมาก็อยากเข้า แย่งกันนอนหน้าเซเว่นฯ เพราะว่าเย็น ถึงเวลาก็เอาหัวเกยประตูนอน ประตูอัตโนมัติจะปิดก็ปิดไม่ได้ เพราะว่าหัวหมาเกยอยู่"

เถรี
24-11-2017, 09:56
"ส่วนงานอื่น ๆ ที่จะใช้หลักธรรมในการพัฒนาสมรรถภาพของบุคลากรก็ไม่เคยเจอ ในทองผาภูมิใช้กันมาก ที่เห็นชัด ๆ เลยก็คือเรือนจำจังหวัดทองผาภูมิ

อย่าสงสัยว่าจังหวัดทองผาภูมิมีอยู่หรือ ? ทองผาภูมิเขามีโครงการแยกจังหวัดมานานแล้ว แต่ประชากรยังไม่พอ พวกส่วนของเรือนจำจังหวัด ขนส่งจังหวัด ศาลจังหวัด ไปอยู่ที่โน่นกันหมดแล้ว พูดง่าย ๆ ก็คือว่า อัตราเหมือนกับเป็นอีกจังหวัดหนึ่งแล้ว แต่ประชากรไม่พอ ประชากรในทะเบียนของทองผาภูมิจริง ๆ มีแค่ ๖๐,๐๐๐ กว่าคน ที่เห็นเป็นล้าน ๆ นั่นส่วนใหญ่เป็นมอญพม่า พี่น้องมอญพม่ายังไม่มีบัตร ไม่สามารถนับเป็นประชากรในทะเบียนบ้านได้"

เถรี
24-11-2017, 09:59
พระอาจารย์เล่าว่า "เมื่ออาทิตย์ก่อนมีโยมเอาพรมไปถวายที่วัด ๒ ผืน ระบุชัดว่าจะปูตรงนั้นตรงนี้ อาตมาบอกว่า ถ้าระบุมาก็เอากลับไปเลย ลักษณะนั้นทำบุญไปก็ได้บุญน้อยเพราะว่ายังยึดติดอยู่ ติดว่าจะต้องใช้ของของเขา จะต้องใช้ตรงนั้น จะต้องใช้ตรงนี้ ทำบุญแล้วขาดอุเบกขาในการทำ ประเภททำแล้วต้องตามดูด้วยว่าเขาใช้หรือเปล่า"

เถรี
25-11-2017, 20:27
โยมมารับลิงปิดตารากพุดซ้อน ของหลวงพ่อดิ่ง วัดบางวัว และพระผงกระดูกผีวัดโพธิ์ฯ "ลิงปิดตารากพุดซ้อนตัวนี้ใหญ่มาก เล่นแต่ของเฮี้ยน ๆ นี่ไม่กลัวผีกวนบ้างหรือ ? ไปถึงรีบทำบุญให้เขาก่อนเลย"

ถาม : ทำไมเขาถึงทำพิมพ์นี้ ผมอ่านตามอินเตอร์เน็ตเขาบอกว่ามีอยู่ ๕ พิมพ์ ?
ตอบ : ไม่ใช่มีอยู่ ๕ พิมพ์ อยู่ที่ว่าช่างอยากทำอย่างไร ๕ พิมพ์ที่มีอยู่นั่นคือพิมพ์หลัก ๆ ที่เขาเล่นกัน อย่างที่อาตมาเอาพิมพ์มือปิดตามาลงมีใครเชื่อว่ามีไหมเล่า ? แต่ท่านก็สร้างของท่าน ของคนอื่นตัวนิดเดียว แสดงว่าตัวนี้ไปเจอโคนรากพุดซ้อนเข้า คนแกะเลยเกิดอารมณ์ศิลปินขึ้นมา แบบเดียวกับของหลวงพ่อสุ่น วัดศาลากุน เคยเจอตัวใหญ่สุดกว่านี้หน่อยหนึ่ง แล้วก็เจอเล็กสุดนี่เล็กนิดเดียวเอง ประเภทปลายรากเลย

ถาม : ถ้าผมไปถูกผีกวน ?
ตอบ : สมัยก่อนเขาทำให้ทหารไปออกรบอินโดจีน พอกลับมาเขาก็เอามาคืนวัดกันหมด เพราะว่าอยู่บ้านบางทีเขาบอกว่ากวนมาก คงทำบุญให้เขาไม่เป็นกระมัง ?

เถรี
25-11-2017, 20:37
ถาม : เวลานี้ ยังไม่ถึงอารมณ์เบื่อเลยค่ะ ยังอยู่ที่กลัวอยู่ กลัวแบบไม่อยากอยู่แล้ว ที่นี่มันน่ากลัว จะรู้สึกอึดอัดเหมือนกับเรากลั้นหายใจ ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะสมาธิตอนนั้นยังอยู่หรือเปล่า มักเป็นตอนขับรถค่ะ พอเราหายกลัว มองไปข้างนอกว่าไม่มีอะไรเลย เห็นทุกอย่างว่าเป็นปกติ เห็นว่าเราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับข้างหน้า รวมทั้งตัวที่ขับรถอยู่ด้วย ไม่ทราบว่าควรจะทำอย่างไรต่อคะ ?
ตอบ : หมั่นสังเกตบ่อย ๆ หมั่นเข้าถึงหมั่นคลายออก เดี๋ยวก็รู้เองว่าอะไรเป็นอะไร พวกเราส่วนใหญ่ไปถึงได้ แต่ออกไม่ค่อยเป็น เพราะว่าขาดความชำนาญ ต้องซักซ้อมเข้าออกสมาธิให้ชำนาญ

ถาม : ที่หายใจไม่ออกนี่ เป็นเพราะกำลังจะไม่มีลมหายใจใช่ไหมคะ ?
ตอบ : ให้สนใจอาการภายในที่เกิดขึ้นได้แล้ว ไม่ต้องสนใจลมหายใจ ถ้าไปสนใจลมหายใจ ช่วงลมหายใจกำลังหายไปบางทีเราก็รู้สึกตกใจบ้าง อึดอัดบ้าง

เถรี
25-11-2017, 20:40
ถาม : อยากขอขมาหลวงพ่อ กับความคิดที่อาจจะเคยล่วงเกินหลวงพ่อโดยไม่ได้ตั้งใจ ?
ตอบ : เป็นเรื่องปกติ ไม่ได้ถือโทษอะไรหรอก จะขอขมาก็ไปขอที่หน้าหิ้งพระโน่น ขอตรงกับพระพุทธเจ้าเลย

เถรี
25-11-2017, 21:29
ถาม : ผมได้สนทนากับเพื่อนคนหนึ่ง เขาบอกว่าไม่อยากมาทำบุญ เพราะพระรวยกันแล้ว แต่ตัวเขาเองก็ยังอยากทำความดี สอนลูกให้ทำความดีอยู่ เราจะแนะนำเขาอย่างไรครับ ?
ตอบ : ส่วนใหญ่แล้วความคิดเช่นนั้นเป็นมิจฉาทิฏฐิ แต่ถ้าเขายอมรับฟังคำแนะนำอยู่ ก็แค่ถามเขาว่า ถ้าการลงทุนที่มีดอกผลตอบแทนมาก กับการลงทุนที่มีดอกผลตอบแทนน้อย โดยสัญชาตญาณของเราจะเลือกอะไร ? ก็ต้องเลือกในส่วนที่มีผลตอบแทนมาก

ส่วนที่มีผลตอบแทนมากก็คือ อันดับแรก เจตนาในการให้ของเราบริสุทธิ์ อันดับที่ ๒ วัตถุทานของเราบริสุทธิ์ อันดับที่ ๓ ผู้ให้คือตัวเราบริสุทธิ์ อันดับที่ ๔ ผู้รับเป็นผู้บริสุทธิ์ ถ้าส่วนไหนขาดตกบกพร่องไป บุญก็ลดไปตามส่วน ก็ทำให้ผลที่ควรจะได้น้อยลง เพราะฉะนั้น...ถ้าเราทำทานกับสัตว์เดรัจฉาน เลี้ยงหมู เลี้ยงหมา อะไรก็ได้ แต่คุณเอาแต่เลี้ยงหมา ๕๐๐ ตัวเป็นเวลา ๑๐๐ ปีติดต่อกัน ก็ไม่เท่ากับเลี้ยงข้าวคนมื้อเดียว

คุณอาจจะประเภทให้คนลำบากยากจน คนขอทาน หรืออุปถัมภ์เด็กบ้านเมตตาก็ได้ แต่ถ้าเขาไม่มีศีล ไม่มีธรรม ก็สู้ทำบุญกับพระกับเณรครั้งเดียวไม่ได้ แต่ถ้าคนที่มีแนวคิดเป็นมิจฉาทิฏฐิแบบนั้นแล้วเราอธิบายไม่ชัดเจน เขาไม่ฟังเราหรอก เขาจะฟังเหมือนกับเป็นข้อแก้ตัว ปล่อยเขาไปเถอะ...เสียเวลา ต่างคนต่างเดิน ต่างคนต่างไป เพราะถึงเวลาก็ต่างคนต่างตายอยู่แล้ว ไม่ได้ตายพร้อมกัน ไม่ได้ไปด้วยกัน

เถรี
25-11-2017, 22:15
ถาม : การที่ตูน บอดี้แสลม ไปวิ่งเพื่อหาเงินช่วยโรงพยาบาล ถือว่าทำเพื่อส่วนรวม หรือว่าเป็นแค่ความตั้งใจในการทำงานของเขา ?
ตอบ : เรื่องนั้นต้องถามเขาเอง ถามเขาว่าเป้าหมายอยู่ที่ไหน ? แต่เท่าที่ดูแล้ว เขาเห็นว่าถ้าจะช่วยคนส่วนรวมได้มาก ๆ เราก็ต้องทำในสิ่งที่ส่วนรวมต้องร่วมกันใช้ โดยเฉพาะในเรื่องของสุขภาพคนเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ถ้าประชาชนสุขภาพดี ก็มีเรี่ยวแรงที่จะพัฒนาประเทศชาติได้ เขาก็เลยเน้นเอาโรงพยาบาล

ถาม : เขาทำเพื่อคนอื่น ?
ตอบ : ทำเพื่อคนอื่นก็ทำเพื่อส่วนรวมอยู่แล้ว เพราะคนอื่นหลาย ๆ คนก็คือส่วนรวม ไม่ต้องสงสัยหรอก

เถรี
25-11-2017, 22:28
พระอาจารย์เล่าว่า "ในบาลีท่านมีบอกเอาไว้ว่า ให้ทุกข์แก่ท่านทุกข์นั้นถึงตัว เกิดจากนายพรานคนหนึ่ง ถ้าจำไม่ผิดชื่อนายโกกะ

นายโกกะเป็นพรานล่าเนื้อ วันนั้นพาหมาล่าเนื้อออกไปล่าสัตว์ตามปกติ แต่เดินสวนทางกับพระภิกษุรูปหนึ่ง คราวนี้พระของเราในสายตาของคนอินเดียทั่วไปถือว่าเป็นคนกาลกิณี คนอินเดียจะไว้ผมยาวทั้งผู้หญิงผู้ชาย แล้วเกล้ามวยโดยสมมติเป็นเขาพระสุเมรุ เป็นที่สถิตของพรหมเทวดาทั้งหลาย พูดง่าย ๆ ก็คือเกล้ามวยผมให้เป็นที่สถิตของเทวดาที่ตนเองนับถือ

ในเมื่อพระพุทธเจ้าของเราตัดผมสั้น โดยเฉพาะเกศาของพระองค์ท่านตัดสั้นแล้วก็ม้วนขดเป็นก้นหอยอีก ก็เลยเหมือนกับคนหัวล้าน ฝ่ายอื่นเขาก็เลยเรียกว่าสมณะโล้น

เมื่อเจอบุคคลที่ว่าเป็นกาลกิณี นายโกกะก็ว่า “ดูว่าวันนี้เราจะซวยมาก มาเจอสมณะโล้นผู้เป็นกาลกิณี คงจะล่าสัตว์อะไรไม่ได้” ก็เดินสวนกันไป ปรากฏวันนั้นทั้งวันนายโกกะไม่เจอสัตว์ที่จะล่าสักตัวเดียว ไม่รู้ว่าเป็นเพราะแกพาหมาไปฝูงใหญ่ หมาเห่าเสียงดังแล้วสัตว์หนีหมดหรือเปล่า ?

แต่ขากลับก็เดินสวนกับหลวงพ่อองค์นั้นอีก หลวงพ่อท่านก็คงไปธุระกลับมาเหมือนกัน นายโกกะเห็นก็โมโหว่า “สมณะโล้นขัดลาภของเราครั้งหนึ่งยังไม่พอ ยังจะมาขัดครั้งที่สองอีก” ก็เลยยุหมาให้ไล่กัด ความจริงหมาก็ไม่คิดจะกัดอะไร แต่พอเจ้านายสั่ง...หมาก็ไล่กัด พระก็เลยต้องหนี...ตะกายขึ้นไปบนต้นไม้

ปรากฏว่ากิ่งที่สูงมากก็ไม่มี ได้แต่อยู่ต่ำ ๆ พอพ้นปากหมาเท่านั้น นายโกกะเห็นก็เลยชักเอาลูกศรที่ตัวเองไว้ยิงสัตว์นั่นแหละ ทิ่มฝ่าเท้าพระที่อยู่บนกิ่งไม้เพื่อให้พระกระโดดลงมา พระก็พยายามหลบซ้ายเลี่ยงขวา นายโกกะก็ไม่เลิก แกก็ไล่ทิ่มไปเรื่อยเพื่อจะให้โดดลงมาให้หมากัด"

เถรี
25-11-2017, 22:32
"พอพระท่านหลบไปหลบมา จีวรท่านหลุดตกลงไปคลุมตัวนายโกกะที่อยู่ข้างล่าง พวกหมาเป็นหมาล่าสัตว์เขาจำกลิ่นศัตรูได้ เมื่อจีวรคลุมตัวก็เลยลืมไปว่าเป็นเจ้านาย คิดว่าเป็นศัตรูหล่นลงมา ก็เลยกัดนายโกกะถึงแก่ความตาย

คราวนี้พระท่านเห็นอย่างนั้นท่านก็ตกใจส่งเสียงตะเพิดไล่หมา หมาเงยขึ้นมา อ้าว...ตายละวา...นี่เรากัดเจ้านายตัวเองตาย หมาก็เลยเตลิดหนีกันหมด พระท่านจึงต้องลงไปทั้ง ๆ ที่ไม่มีจีวร ไปเฝ้าพระพุทธเจ้าแล้วถามว่า “ข้าพระพุทธเจ้าเป็นสาเหตุให้นายพรานโกกะถึงแก่ความตาย ศีลจะขาดหรือเปล่า ?” เพราะว่าถ้าศีลขาดคือต้องอาบัติปาราชิก ขาดความเป็นพระไปเลย

พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า “สิ่งที่ทำไปไม่ถือว่าศีลขาด เพราะว่าไม่ได้มีเจตนาจะทำร้ายใคร เกิดจากการที่พยายามหลบเลี่ยงไม่ให้อีกฝ่ายเอาลูกศรแทงฝ่าเท้าตัวเอง จนกระทั่งจีวรหลุดลงไปต่างหาก เพราะฉะนั้น...สิ่งที่นายโกกะได้รับจึงเรียกว่า "ให้ทุกข์แก่ท่านทุกข์นั้นถึงตัว” อะไรจะดวงเฮงปานนั้น"

เถรี
26-11-2017, 09:58
"เรื่องของพระกับนายพรานนี้มีหลายเรื่อง อีกเรื่องหนึ่งก็เรื่องที่ว่า พระท่านเห็นนายพราน ช่วงที่กำลังเดินทางในป่าเป็นทางโค้ง พระมองเห็นก่อน แสดงว่าพระตาไวกว่า ก็เลยคิดว่าเราเป็นคนกาลกิณีในสายตาของเขา ถ้าไปทำให้เขาโชคร้าย เดี๋ยวเขาจะโกรธเอา ก็เลยหลบเข้าไปอยู่ในพุ่มไม้

แต่ปรากฏว่าจริง ๆ แล้วนายพรานก็เห็นพระ นายพรานก็คิดว่า พระภิกษุผู้ทรงศีลกำลังเดินทางมา ถ้าเราถืออาวุธอยู่ก็จะไม่เป็นการเหมาะสม เพราะท่านอาจจะกลัวได้ พอเดินไปถึงทางโค้งก็เลยพุ่งหอกของตัวเองซ่อนไว้ในพุ่มไม้ ปรากฏว่าใจเดียวกัน พระท่านก็หลบเข้าพุ่มไม้เพราะไม่อยากให้นายพรานเห็น นายพรานก็พุ่งหอกไปซ่อนไว้ในพุ่มไม้เพราะไม่อยากให้พระไม่สบายใจ สรุปว่าพระตาย..!

เรื่องของกรรมบันดาลให้เป็นไปนี่ฟังแล้วเหลือเชื่อ ชาติก่อนพระท่านเคยเป็นชาวนาแล้วไปฟังเทศน์ ก็เลยเอาปฏักปักลงบนพื้นเพื่อที่จะได้แสดงความเคารพพระ ปรากฏว่าไปปักลงบนหลังกบพอดี กบตายคาที่เลย มาชาตินี้หลบไปอยู่ในพุ่มไม้ก็โดนหอกเข้าเต็ม ๆ เหมือนกัน"

เถรี
26-11-2017, 20:07
ถาม : การปฏิบัติที่ผ่านมา ก็พิจารณาว่าเกิดขึ้นแล้วดับลง ได้ไหมคะ ?
ตอบ : ได้...จัดเป็นอุทยัพพยานุปัสสนาญาณ แล้วหลังจากนั้นล่ะ ?

ถาม : ก็พิจารณาว่าร่างกายไม่เที่ยง ?
ตอบ : ถ้าพิจารณาก็ต้องให้เห็นว่าไม่เที่ยงเพราะอะไร ทุกข์เพราะอะไร ไม่อย่างนั้นแล้วสภาพใจของเราไม่ยอมรับ ก็จะกลายเป็นสักแต่ว่าทำ ๆ ไป

เถรี
26-11-2017, 20:15
ถาม : ถ้าเกิดเราทำอะไรลงไป โดยที่เรายังไม่แน่ใจว่าผิดศีลหรือเปล่า ?
ตอบ : ถ้าเป็นพระนี่ซวยแน่ ๆ เพราะว่าศีลของพระนี่ไม่รู้ก็ผิด สงสัยแล้วขืนทำก็ผิด

เถรี
26-11-2017, 21:38
พระอาจารย์กล่าวว่า "ความจริงมนุษย์เราเป็นสัตว์ที่กินทั้งพืชและเนื้อ แบบเดียวกับพวกลิงพวกค่างเป็นสัตว์ครึ่งกินพืช ครึ่งกินเนื้อ คราวนี้ถ้ากินอย่างใดอย่างหนึ่งเพียงอย่างเดียวจะขาดสารอาหาร ที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสถึงมัชฌิมาปฏิปทา ไม่ทรงอนุญาตตามคำขอของพระเทวทัตที่ขอให้ภิกษุฉันมังสวิรัติอย่างเดียวก็เพราะเหตุนี้

พระองค์ท่านเป็นสัพพัญญู รู้จริงว่าถ้าขาดสารอาหารแล้วจะมีโทษมากกว่า แต่ในยุคนั้นทางด้านศาสนาฮินดู โดยเฉพาะศาสนาเชน เขาถือการไม่เบียดเบียนผู้อื่นอย่างเคร่งครัด ก็เลยกินแต่ผัก กินแต่ถั่วงา ซึ่งความจริงเขาก็ทำถูก เพราะว่าพวกถั่วมีสารโปรตีนอยู่ เพียงแต่ว่าบุคคลทั่วไปที่กินอาหารที่มีเนื้อก็มีมาก ถ้าพระของเราประกาศว่าฉันเจอย่างเดียว ครอบครัวที่ยังกินเนื้อสัตว์อยู่ ก็จะลำบากในการหาอาหารอีกส่วนหนึ่งเพื่อมาถวายพระ

พระพุทธเจ้าไม่อยากรบกวนชาวบ้านมากเกินไป จึงประกาศว่าใครอยากจะฉันมังสวิรัติก็ให้ฉันมังสวิรัติ ใครจะฉันอาหารที่เป็นเนื้อเป็นปลา ถ้าเว้นจากการเห็นว่าเขาฆ่าเพื่อเรา รู้ว่าเขาฆ่าเพื่อเรา รังเกียจว่าเขาฆ่าเพื่อเรา ก็สามารถที่จะฉันได้ แต่ถ้ารู้ว่าเขาฆ่าเพื่อเรา เห็นว่าเขาฆ่าเพื่อเรา รังเกียจว่าเขาฆ่าเพื่อเรา ยังฉันก็จะโดนปรับโทษ"

เถรี
26-11-2017, 21:41
"เรื่องนี้จะอยู่คู่โลกไปตราบชั่วฟ้าดินสลาย บอกแล้วว่ามนุษย์เราไม่ใช่สัตว์กินพืช เมื่อเป็นเช่นนั้นอย่างไรก็ต้องมีเนื้อเป็นอาหาร เพียงแต่จะเป็นเนื้อสัตว์ชนิดใด อย่างคนจีนกินเจช่วงที่ผ่านมาก็เป็นพวกเนื้อปลอม ซึ่งถือว่าเป็นการปรุงแต่งหลอกตัวเอง ๒ ชั้น ก็คือคิดว่ากินเจอย่างหนึ่ง คิดว่างดเว้นจากเนื้อสัตว์อย่างหนึ่ง แต่กลับเอาโปรตีนมาทำเป็นรูปสัตว์รูปเนื้อต่าง ๆ

อาตมาไปประเทศพม่าเข้าร้านอาหารเจ พอสั่งไปปรากฏว่ากลายเป็นไข่ต้มฮังเลมา ก็ยังสงสัยอยู่ว่าเป็นเจประสาอะไร ? แต่มานึกถึงบ้านเราว่าบางแห่งที่เขากินมังสวิรัติ เขาไม่เว้นไข่ ไม่เว้นนม ก็คิดว่าเป็นแบบเดียวกัน ปรากฏว่าเข้าใจผิด ไข่ที่เห็นต้มมาอยู่ในแกงกะหรี่นั่น พอตักเข้าจริง ๆ เป็นมันฝรั่ง เขาเอามันอาลูมาเกลาจนเป็นรูปไข่ เสร็จแล้วก็คลุกในเครื่องเทศ ก็เลยเหมือนอย่างกับไข่จริง ๆ ตักเข้าไปปรากฏว่าเป็นมันฝรั่งทั้งลูก

มีอยู่เที่ยวหนึ่งนั่งรถทัวร์เพื่อที่จะไปไหว้พระที่มัณฑะเลย์ ซึ่งมีระยะทางไกลมาก ถ้าออกจากย่างกุ้งตอน ๖ โมงเย็นจะไปถึงมัณฑะเลย์ประมาณ ๙ โมงเช้า มีแวะกินข้าวเช้ากันกลางทาง พอพระลงไปเขาก็ถามว่าเอาอาหารปกติหรืออาหารเจ ? ก็บอกเขาว่าเอาอาหารปกติมาแล้วกัน อาหารเจต้องเสียเวลาเตรียม ก็นั่งฉันกันจนอิ่ม"

เถรี
26-11-2017, 21:42
"ปรากฏว่ามีโยมผู้หญิง ๒ คน อายุมากแล้วคนหนึ่ง น่าจะเป็นแม่ลูกกัน มานั่งกินอาหารเจโต๊ะใกล้ ๆ พอเขาคิดค่าอาหาร อาหารเจแพงกว่า เล่นเอาโยม ๒ คนโมโหหัวฟัดหัวเหวี่ยง ก็เลยบอกโยมว่าอย่าโกรธ เพราะว่าเราตั้งใจไปแสวงบุญ ในเมื่อเราตั้งใจจะสร้างบุญบริสุทธิ์ ราคาบุญก็แพงขึ้นบ้างก็ทน ๆ เอา

ช่วงหลังอาตมามีงานมากจนกระทั่งปลีกตัวไม่ออก ก็เลยทำให้หนังสือเที่ยวพม่าที่ควรจะออกอีก ๓-๔ เล่มก็ยังไม่ได้ออกสักเล่ม แล้วเรื่องที่ควรจะเขียนต่อก็คา ๆ ทิ้ง ๆ เอาไว้ ไม่รู้ชาตินี้จะได้เขียนจบหรือเปล่า ที่บันทึกเอาไว้ใหม่ก็กองอยู่บานตะเกียง ยังไม่มีเวลาไปเกลาต้นฉบับออกมาให้เป็นเล่มสักที"

เถรี
26-11-2017, 21:44
พระอาจารย์กล่าวว่า "กองทุนรักษาพยาบาลพระภิกษุสามเณรของเดือนที่ผ่านมา เพิ่งจะมีโอกาสจัดการเมื่อเช้านี้ ส่วนที่ทำง่ายเลยก็คือญาติโยมจำนวนหนึ่งที่โอนวันที่เดิมทุกวันทุกครั้ง แล้วทำบุญด้วยเงินจำนวนเท่ากันทุกครั้ง ถ้าอย่างนั้นอาตมาก็แค่คัดลอกข้อมูลเก่าวางลง แล้วก็เปลี่ยนแค่เดือนเท่านั้น ท่านเหล่านี้ต้องบอกว่าสัจจบารมีมั่นคงมาก ทำวันเดิมจำนวนเท่าเดิมตลอด

อีกประเภทหนึ่งก็ทำทุกเดือน แต่ทำเฉพาะตอนมาทำบุญที่บ้านเติมบุญนี้ ซึ่งตรงวันเดิมบ้าง ไม่ตรงวันเดิมบ้าง ส่วนอีกประเภทหนึ่งตั้งกองทุนแล้วก็สาบสูญไปจากโลกเลย ไม่เคยเข้าไปดูอีกเลยว่าตัวเองได้ตั้งกองทุนไว้ คาดว่าคงจะลืมไปหมดแล้ว ก็เลยทำให้เห็นว่า ในเรื่องของการสร้างบุญสร้างบารมีของคนยังต่างกันได้ขนาดนั้น

หลายคนก็มาวันเดิม มาจำนวนเท่าเดิมตลอด จะฝนตกแดดออกน้ำท่วมอย่างไรก็ทำบุญตรงเวลา อีกประเภทหนึ่งก็ทำทุกเดือน จำแม่นยำว่าตัวเองตั้งกองทุนไว้ ก็เพิ่มทุนไปเรื่อย ๆ เดือนละ ๑๐๐ บาทบ้าง ๓๐๐ บาทบ้าง ๕๐๐ บาทบ้าง ส่วนอีกประเภทหนึ่งนั้น ตั้งทุนครั้งเดียวในชีวิตแล้วก็สาบสูญไปเลย บางคนก็เกือบ ๑๐ ปีไม่ได้โผล่มาเลย อย่างที่เขาบอกว่านิ้วมือยังไม่เท่ากัน แล้วจะให้กำลังใจคนเท่ากันย่อมเป็นไปไม่ได้"

เถรี
27-11-2017, 15:42
ถาม : ขออนุญาตถวายนวดครับ
ตอบ : ไม่ต้อง อาตมาเลิกนวดมานานแล้ว ส่วนใหญ่เจอ ๒ ประเภท ประเภทแรกนวดไม่เป็น สักแต่ขยำไปเรื่อย ประเภทที่ ๒ นวดเป็น แต่มือหนักฉิบหา...! ไม่รู้จักหนักจักเบา ใส่มาเต็มที่ตลอด

เถรี
27-11-2017, 18:19
ถาม : มีข่าวว่าระหว่างถวายพระเพลิงพระบรมศพในหลวงรัชกาลที่ ๙ เกิดภาพมหัศจรรย์ค่ะ ?
ตอบ : มหัศจรรย์อย่างไร ?

ถาม : มีควันสีขาว ก้อนเมฆ มีนกสีขาวค่ะ
ตอบ : นกเชื่อได้ ก้อนเมฆเชื่อไม่ได้ ก้อนเมฆสมัยนี้คอมพิวเตอร์กราฟฟิกแต่งได้ง่ายยิ่งกว่าอะไรอีก คิดเสียว่านกตกใจอะไรจึงบินออกมาก็แล้วกัน ของอะไรบางอย่างรู้อยู่แก่ใจก็พอ วิพากษ์วิจารณ์กันมากมายเกินไปเดี๋ยวจะกลายเป็นเลยเถิดไปกันใหญ่

ความดีที่พระองค์ท่านทำเป็นสิ่งที่มหัศจรรย์ที่สุดว่า คนหนึ่งจะทุ่มเทเพื่อคนเป็นล้าน ๆ คนโดยไม่เห็นแก่ความเหนื่อยยาก เป็นเรื่องที่เป็นไปแทบจะไม่ได้ในความรู้สึกของคนทั่วไป แต่พระองค์ท่านทำได้ และเป็นที่ยอมรับทั้งในและต่างประเทศ พูดง่าย ๆ ว่าทั่วโลกยอมรับในความดีของพระองค์ท่าน

ตรงจุดนั้นจึงเป็นสิ่งที่มหัศจรรย์ที่สุด สิ่งที่พระองค์ท่านทำก็เป็นแรงบันดาลใจให้กับคนจำนวนมาก โดยเฉพาะคนไทยด้วยกัน ได้ก้าวตามรอยพระยุคลบาท สร้างความดีเพื่อส่วนรวมโดยไม่เห็นแก่ความเหนื่อยยาก

อาตมาเองก็ตั้งซุ้มถวายพระองค์ท่านอยู่ในศาลา ๑๐๐ ปีหลวงปู่สายวัดท่าขนุน เอาพระบรมราโชวาทที่พระองค์ให้เมื่อตอนฉลองกรุงรัตนโกสินทร์ ๒๐๐ ปีมาติดเอาไว้ให้คนได้อ่านกัน เป็นเรื่องอัศจรรย์ที่พระองค์ท่านเข้าถึงธรรมได้ลึกซึ้งมาก สามารถเอาหลักธรรมของพระพุทธเจ้าจากพระไตรปิฎก มาสอนประชาชนโดยที่ไม่มีกลิ่นอายบาลีเหลืออยู่เลย ไปอ่านดูก็จะเห็นแต่ความเสียสละ อดทน อดกลั้น อดออม สละประโยชน์สุขส่วนตนเพื่อประโยชน์สุขส่วนรวม

เถรี
27-11-2017, 18:21
ถ้าไม่ใช่เซียนบาลีจริง ๆ ไม่รู้หรอกว่าพระองค์ท่านเอามาจากไหน นั่นคือ หลักฆราวาสธรรม ธรรมะของฆราวาสทั่วไป ที่มี สัจจะ ทมะ ขันติ จาคะ ๔ อย่างด้วยกัน เราไปอ่านแล้วจะไม่เห็นเค้าเลย

ส่วนอันที่เขียนสรรเสริญคุณของพระองค์ท่านด้วยตัวเอง อาตมาให้หันเข้าหาข้างฝา ใครอยากอ่านก็ไปมุดดูเอา แต่พระบรมราโชวาทของพระองค์นี้ตั้งใจโชว์ให้ทุกคนได้เห็น จะได้เป็นข้อเตือนใจแล้วนำไปปฏิบัติตาม

ปัจจุบันนี้เวลาเห็นคนใส่เสื้อหรือว่าสติ๊กเกอร์ติดรถว่า เรารักในหลวง ถ้าเป็นรัชกาลที่ ๑๐ คงจะภูมิใจว่าชาวบ้านรักเราจริง ๆ ติดกันไว้เพียบเลย

ที่น่าห่วงใยก็คือสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เพราะว่าสุขภาพของพระองค์ท่านชำรุดมาก เป็นเราอายุ ๘๕-๘๖ ปี ก็แทบจะคลานไม่ไหวแล้ว

เถรี
27-11-2017, 18:23
๔,๖๘๕ โครงการใน ๗๐ ปี ๓๕ ปี ๒,๓๐๐ กว่าโครงการ ๑๗ ปีประมาณ ๑,๑๗๐ กว่าโครงการ หั่นครึ่งลงไปอีก ๖ ปีครึ่งประมาณ ๖๐๐ โครงการ เพราะฉะนั้นถ้า ๖ ปีครึ่งประมาณ ๖๐๐ โครงการ ปีหนึ่งเท่ากับพระองค์ท่านทำไปประมาณ ๑๐๐ โครงการ นี่คือโครงการที่ประสบความสำเร็จ แล้วที่ไม่ประสบความสำเร็จไม่รู้อีกเท่าไร

เถรี
27-11-2017, 18:38
ถาม : หนูไปวัดท่าซุงเมื่อไม่กี่วัน แล้วลืมใส่ซองที่นั่น มาทำที่นี่ได้หรือเปล่าคะ ?
ตอบ : ถ้าตั้งใจทำควรจะทำที่นั่น พระเรามีราคาแค่บาทเดียวยังไม่พอ ยังมีศีลอีกข้อหนึ่งที่ห้ามไว้ต่างหาก เมื่อภิกษุน้อมลาภที่เขาถวายสงฆ์มาเพื่อตน...ก็โดนอีก เพราะฉะนั้น...โยมตั้งใจถวายที่วัดท่าซุงก็ควรจะไปที่วัดท่าซุง

เถรี
27-11-2017, 18:39
พระอาจารย์เล่าว่า "งานที่แล้วมีโยมเขียนหน้าซองถวาย ๔,๐๐๐ บาท มีแต่ซองเปล่า ๆ คือโยมเขียนเสร็จแล้วถวายเลย อาตมาก็ไม่ทวงด้วย ปล่อยเลยตามเลย"

เถรี
27-11-2017, 18:50
พระอาจารย์กล่าวว่า "เมื่อวานนี้ตอนคุมสอบธรรมศึกษามีทั้งหมด ๑๔ ห้อง เฉพาะของโรงเรียนทองผาภูมิวิทยา โรงเรียนอนุบาลทองผาภูมิอีก ๑๒ ห้อง โรงเรียนวัชรวิทย์อีก ๔ ห้อง พูดง่าย ๆ ว่าแทบจะต้องแบ่งภาคเอา แล้วมีปัญหาก็คือ พระของเราไม่เก่งบาลี พอถึงเวลาขึ้นกระทู้ ซึ่งก็คือหัวข้อเทศน์เพื่อให้เด็กได้เขียน เหมือนอย่างกับเทศน์บนหน้ากระดาษ

อาตมาเข้าไปถึงมองปุ๊บชี้ว่าตรงนี้ผิด พระท่านก็สงสัย เขาคิดว่าหลวงพ่อจำกระทู้ได้ทุกกระทู้เลยหรือ ? ไม่ใช่หรอก...บาลีผิด ถ้าเราแม่นในเรื่องวรรค

วรรคกะ เป็น กะ ขะ คะ ฆะ งะ
วรรคจะ เป็น จะ ฉะ ชะ ฌะ ญะ
วรรคตะ เป็น ตะ ถะ ทะ ธะ นะ
วรรคฏะ เป็น ฏะ ฐะ ฑะ ฒะ ณะ

ตัวสะกดกับตัวตามต้องอยู่วรรคเดียวกัน ถ้าอยู่ผิดวรรคก็ผิดทันทีเลย อย่างเช่น อัตถะ ที่แปลว่า ประโยชน์ ต้อง ต.เต่าสะกด ถ.ถุงตาม เพราะว่าเป็นวรรค ตะ อัจฉรา ที่แปลว่านางฟ้า ก็ต้อง จ.จานสะกด ฉ.ฉิ่งตาม ถ้าหากว่าเป็น สัทธา ก็ต้อง ท.ทหารสะกด ธ.ธงตาม เพราะว่าอยู่ในวรรคเดียวกัน อย่างอัฏฐิ ฏ.ปฏักสะกด ต้อง ฐ.ฐานตาม คราวนี้มองปุ๊บก็รู้แล้วว่าผิด ชี้ให้ท่านดูแล้วก็ให้ไปแก้

พระท่านสงสัยว่าอาตมาจำกระทู้ธรรมได้หมด ๓-๔ เล่มเลยหรือ ? บอกว่าไม่ใช่หรอก เขียนผิดแค่มองก็รู้ว่าผิด เพราะว่าผิดหลักภาษา"

เถรี
27-11-2017, 20:26
"เวลาท่านเรียนบางทีก็จับจุดไม่ได้ ในเมื่อจับจุดไม่ได้ก็จะไม่เข้าใจว่าผิด โดยเฉพาะบาลีเขามีเสียงสั้น เสียงยาว มีเสียงหนัก เสียงเบา พอถึงเวลาสมาสหรือสนธิ จะต้องแก้ตัวไหนเป็นเสียงสั้น ตัวไหนเป็นเสียงยาวให้ยุ่งไปหมด

ไปถึงก็ให้เขาดู ชีวิตัง ไม่ใช่ชีวีตัง ให้แก้ใหม่ คนเรามีเผลอ คิดว่าภาษาไทยชีวีใช่ไหม ? แต่ถ้าจะเอาบาลีเป็นชีวีไม่ได้ ต้องชีวิ แล้วถ้าเป็นเอกวจนะเสียงสั้น พหุวจนะเสียงยาว อย่างเช่นเอกวจนะคือบุคคลเดียว เสฏฐิ แต่ว่าถ้าหากเป็นพหุวจนะก็คือเศรษฐีหลายคน ก็จะเป็นเสฏฐีเลย เพราะฉะนั้นเสฏฐิกับเสฏฐี ใช้คนละที่ คนละรูปประโยคกัน

ถ้าจับหลักได้ก็จะได้เลย ถ้าจับไม่ได้ก็เมาอยู่นั่นแหละ ไม่รู้ว่าอาจารย์สอนอะไร ก็สักแต่ว่าไล่จำเอา วันนั้นต้องเดินไปแก้ให้เขา ๓-๔ ห้อง"

เถรี
27-11-2017, 20:32
"ตอนช่วงที่ไปบรรยายในงานอบรมก่อนสอบ ท่านพระครูปริยัติชัยกาญจน์เข้ามาถึงก็ “โอ๊ย...หลวงพ่อเล็กยังต้องบรรยายเองอีกหรือ ? ใคร ๆ เขาก็ให้ลูกศิษย์ทำทั้งนั้นแหละ” ก็เลยเกิดปัญหาตรงที่ว่า พอทดสอบแล้วนักเรียนเขียนบาลีไม่ได้

จะเรียกว่าเด็กก็ไม่ได้หรอก บางรูปก็ ๖๐ กว่าปีแล้วค่อยมาบวช พอเรียนมาถึงระดับนักธรรมโท นักธรรมเอก ต้องใช้บาลีเยอะมาก เอาหนังสือส่งไปให้เปิดหาก็ไม่เจออีก พอดีว่าบรรยายพระวินัยนักธรรมเอกเกี่ยวกับเรื่องสังฆกรรมสีมาอะไรพวกนั้น ท่านถาม "อาจารย์ครับ...ช่วยเขียนการทักนิมิตสีมาให้หน่อยได้ไหมครับ ?" ก็เลยบอกว่า อ้าว...พวกคุณไม่ได้เรียนมาใช่ไหม ? ในหนังสือไม่มีหรือ ? เขาบอกในหนังสือทักแค่ทิศเดียวครับ

เขายกตัวอย่างแค่ทิศตะวันออกทิศเดียว ปุรัตถิมายะ ทิสายะ กิง นิมิตตัง ทางด้านทิศตะวันออกจะมีอะไรเป็นเครื่องหมายหรือ ? ปาสาโณ ภันเต มีก้อนหินเป็นเครื่องหมายครับ รุกโข ภันเต มีต้นไม้เป็นเครื่องหมายครับ ปัพพะโต ภันเต มีภูเขาเป็นเครื่องหมายครับ วัมมิโก ภันเต มีจอมปลวกเป็นเครื่องหมายครับ ก็ว่าไป"

เถรี
27-11-2017, 20:37
"พอไปทิศตะวันออกเฉียงใต้ ก็พูดว่า ปุริมัตถิมายะ อะนุทิสายะ กิง นิมิตตัง เขาก็งงอีก ว่าทำไมไม่ใช้ อคาเณยยะ ทิสายะ คือทิศอาคเณย์มี แต่บาลีเขาไม่ใช้ เขาใช้ อะนุทิสายะ ก็คือทิศเล็ก บ้าเข้าไปอีก ก็เลยต้องไปไล่เขียนให้เขาทีละทิศ ๆ จนหมด

เขาก็สงสัยว่าทำไมต้องเริ่มที่ทิศตะวันออก ทำไมไม่เริ่มทิศเหนือ ? ถ้าเราให้ลูกศิษย์ไปบรรยาย ลูกศิษย์จะตอบได้ไหม ? เขาเรียกบูรพาทิศ ทิศแรกเริ่ม เป็นทิศที่ตะวันขึ้นก่อน พุทธเจ้าเองตอนตรัสรู้ก็หันไปทางทิศตะวันออก เขาก็เลยถือมงคลว่าเป็นทิศแรกเริ่ม เพราะฉะนั้น...ทางด้านซ้ายของพระพุทธเจ้าก็คือทิศเหนือ ทางด้านขวาคือทิศใต้

ถ้าบอกว่าทักขิเณยยะทิศ เขาถึงใช้คำว่าทิศเบื้องขวา ซึ่งหมายถึงพระสารีบุตรที่นั่งอยู่ด้านขวาของพระพุทธเจ้า เป็นพระอัครสาวกฝ่ายขวา พอไปถึงพระโมคคัลลานะ ก็อุตตรทิศ ทิศเบื้องซ้าย ต้องอธิบายให้เขาได้ว่ามีที่มาจากไหน"

เถรี
27-11-2017, 20:40
"พอบรรยาย ๓ ชั่วโมงเสร็จ ถามพระว่า “ตอนคุณเรียนอาจารย์คุณสอนแบบนี้ไหม ?” ท่านบอก “ไม่มีเลยครับ อาจารย์แค่มาอ่านตำราให้ฟังเท่านั้น” ก็คือตำรามีแค่ไหนบอกแค่นั้น รายละเอียดอื่นไม่มี ก็เลยเป็นวิธีสอนที่ลูกศิษย์เบื่อหน่ายมาก เพราะว่าชวนให้หลับ ไม่ได้อะไรเลย อ่านตำราเองก็ได้ ทำไมต้องไปนั่งตูดด้านฟังอาจารย์เป็นวัน ๆ

มานึกถึงที่ท่านเจ้าอาวาสวัดถ้ำเขาปูนบอก “หลวงพ่อเล็ก...ยังต้องบรรยายเองอีกหรือ ?” มานึกในใจว่าถ้าตูไม่บรรยายเองเขาจะตกกันเยอะกว่านี้ แต่ว่ายอมรับว่าแก่ เพราะว่าโดยปกติแล้วจะไม่นั่งบรรยาย จะยืนกับเดินเพื่อให้ความสนใจทั่วทั้งห้อง ปรากฏว่าพอครบ ๓ ชั่วโมงนี่นั่งไม่ลงเลย เข่าระบมไปหมด แล้วก็อย่างนั้นแหละ วันละ ๓ ชั่วโมง จนกว่าจะหมดการอบรม"

เถรี
27-11-2017, 20:44
ถาม : อย่างในพระราชพิธีพระบรมศพ เวียนอุตราวรรต ?
ตอบ : อุตราวรรต ก็คือเวียนซ้าย

ถาม : ถ้าในชีวิตประจำวัน ?
ตอบ : ชีวิตประจำวันเป็นทักษิณาวรรต ในเมื่อเป็นทักษิณาวรรตให้รู้ว่าเราเวียนขวา คำว่าเวียนขวาคือเอาตัวเราเป็นหลัก แล้วสิ่งที่เราเวียนจะอยู่ทางด้านขวา ก็คือวนไปโดยที่ให้แขนขวาของเราอยู่ด้านใน

แต่ถ้าอุตราวรรต อย่างเวียนศพนี่เขาเวียนซ้าย ก็คือเอาตัวเราเป็นหลัก ให้สิ่งที่เราเวียนอยู่ทางซ้าย อย่างเช่นเมรุอยู่ทางซ้ายมือแล้วเราก็เวียนไปเรื่อย คราวนี้ถ้าเรารู้ละเอียดอย่างนี้ ต่อไปเขาว่าอย่างไรเราก็ทำถูก

ถึงเวลาข้อสอบออกอะไรมาอาตมาสามารถเฉลยปากเปล่าได้ เขาก็งงกัน ก็บอกเขาว่า ถ้าคุณทวนอยู่ทุกปี ๓๐ กว่าปีผ่านไป ถึงอยู่บรรทัดไหนก็ต้องจำได้แล้ว ในส่วนหนึ่งก็คือการเรียนการสอน ยิ่งสอนมากอาจารย์ยิ่งเก่ง เพราะว่าทวนอยู่บ่อย ๆ ส่วนลูกศิษย์นะหรือ ? ใหม่ล้วน ๆ ถึงเวลาสอนผ่านไปปีหนึ่ง ปีหน้ามาลูกศิษย์ชุดใหม่มาอีกแล้ว ก็ไม่รู้เรื่องกันต่อไป ส่วนอาจารย์ก็ย้ำแล้วย้ำอีก ๆ ย้ำจนจำได้หมดแล้ว

เถรี
28-11-2017, 09:05
เขาถามว่าธรรมมุทเทศ คืออะไร ? ใครแสดงกับใคร ? คำถามนี้มี ๒ คำตอบ คำตอบแรกคือ ธรรมมุทเทศก็คือลักษณะของการยกหัวข้อธรรมขึ้นมา ซึ่งมีเนื้อหาใจความว่า

๑.โลกคือหมู่สัตว์อันชรานำไปไม่ยั่งยืน
๒.โลกคือหมู่สัตว์ ไม่มีผู้ป้องกัน ไม่เป็นใหญ่เฉพาะตน
๓.โลกคือหมู่สัตว์ไม่มีอะไรเป็นของตัวเอง จำต้องละในสิ่งทั้งปวง
๔.โลกคือหมู่สัตว์พร่องอยู่เป็นนิตย์ ไม่รู้จักอิ่ม เป็นทาสแห่งตัณหา

พระรัฐบาลเถระแสดงแก่พระเจ้าโกรัพยะ ไปเปิดตำราดูได้เลยไม่ผิดสักคำ เหตุที่จำได้ก็เพราะว่าทวนอยู่บ่อย ๆ แต่ขณะเดียวกันลูกศิษย์เขาเพิ่งเรียน อาจารย์ท่านอื่น ๆ พอสอบผ่านแล้ววางเลยไม่ได้ไปดูอีก หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านย้ำนักย้ำหนา ท่านบอก “เรื่องพระไตรปิฎกให้ขยันเปิดอ่านไว้ ข้าเองพยายามอ่านให้ได้ปีละจบ” มีใครใฝ่รู้ขนาดหลวงพ่อวัดท่าซุงบ้าง ? ท่านเรียนจนจบแล้วท่านยังทวนอยู่ตลอด ส่วนอาตมาเอง ๔-๕ ปีได้สักจบก็ดีตายชักแล้ว พออ่านไปถึงส่วนสุดท้ายก็...หลับ

พระสูตร พระวินัย สนุก สามารถอ่านได้ตลอดต่อเนื่อง พอไปถึงพระอภิธรรมนี่อ่าน ๆ ไปแล้วง่วง มีแต่กระดูกล้วน ๆ ขบไม่เข้าเลย กว่าจะจบได้แต่ละที จบแบบไม่รู้เรื่องอีกต่างหากนะ เพราะว่าเรื่องของพระอภิธรรมพระพุทธเจ้าไม่ได้สอนมนุษย์ทั่วไป แต่ไปสอนพรหม สอนเทวดาที่เป็นอุคฆฏิตัญญู ฟังแค่หัวข้อก็เข้าใจแล้ว

กุสะลา ธัมมา อะกุสะลา ธัมมา อัพยากะตา ธัมมาฯ เป็นอย่างไร ? กุสะลา ธัมมา ธรรมที่เป็นกุศล ก็คือทำแล้วดีด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ ก็คือส่วนที่เรียกว่า กายสุจริต วจีสุจริต มโนสุจริต

เถรี
28-11-2017, 09:09
พอมา อะกุสะลา ธัมมา ธรรมที่เป็นอกุศล ก็คือทำแล้วชั่ว ชั่วทางกาย ชั่วทางวาจา ชั่วทางใจ ก็เป็น กายทุจริต วจีทุจริต มโนทุจริต ก็ต้องไปอธิบายอีกว่า กายทุจริตมีอะไรบ้าง ? มีฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกาม ดื่มสุราเมรัย วจีทุจริตมีอะไร ? พูดโกหก พูดคำหยาบ พูดส่อเสียด พูดเพ้อเจ้อ มโนทุจริตมีอะไร ? เป็นมิจฉาทิฏฐิ โลภอยากได้ของเขา ยิ่งอธิบายจะยิ่งกว้างออก แต่ถ้าบอกหัวข้อสั้นนิดเดียว

อัพยากะตา ธัมมา ธรรมที่เป็นกลาง ๆ กลางอย่างไร ? เหมือนอย่างกับคนนอนหลับ ไม่คิดดี ไม่คิดชั่ว อย่างนั้นไม่กลางก็ไม่ได้ แต่ว่าเป็นกลางแบบไม่มีกุศล เพราะว่าสภาพจิตไม่ได้ตั้งอยู่ในความเป็นกลางด้วยปัญญาอย่างแท้จริง ฉะนั้นอ่านแล้วทำความเข้าใจไปด้วย บอกว่า ๔-๕ ปีได้จบหนึ่งนี่อาตมาก็ว่าตัวเองเก่งตายชักแล้ว แต่หลวงพ่อวัดท่าซุงบอก ท่านพยายามอ่านให้ได้ปีละจบ

เถรี
28-11-2017, 09:11
อาตมาจะมีพระไตรปิฎก ๒ ชุดอยู่ในห้องนอน ก็คือชุดอรรถกถา ๙๑ เล่มของมหามกุฎราชวิทยาลัย กับชุดแปล ๔๕ เล่มของมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย และยังมีฉบับประชาชน ฉบับแก่นธรรม ฯลฯ อะไรกันให้ยุ่งไปหมด รายละเอียดเยอะ

เราจำเป็นต้องศึกษาอยู่ตลอด แล้วจะเห็นว่าความลึกซึ้งของพระพุทธเจ้านั้นมีขนาดไหน ตรัสหลักธรรมทั้งหมด ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ ไม่มีขัดกันเลย ทุกบทหนุนเสริมกันได้หมด ถึงได้บอกพระว่าเวลาบรรยายให้พระใหม่ ในส่วนของธรรมวิภาคพยายามโยงเนื้อหาเข้าหากันด้วย อย่างเช่นว่า ธรรมอันเป็นโลกบาลธรรม คือ ธรรมคุ้มครองโลก ได้แก่ หิริ โอตัปปะ ละอายชั่ว กลัวบาป ธรรมมีอุปการะมาก คือ สติ สัมปชัญญะ ดูแล้วคนละเรื่องคนละราวกัน แต่ถ้าคุณมีสติสัมปชัญญะ คุณจะมีหิริโอตัปปะ คนมีหิริโอตัปปะ ต้องมีสติสัมปชัญญะ แล้วเสร็จแล้วต่อไปไปที่ไหน ?

ถ้าหากว่าสมมุติว่าเราไปเรื่องของพระรัตนตรัย บุคคลที่มีสติสัมปชัญญะย่อมรู้ว่าพระรัตนตรัยดีอย่างไร บุคคลที่มีหิริโอตัปปะย่อมเคารพพระรัตนตรัย ไม่ฝืนคำสอนของท่าน ไปด้วยกันได้หมด อยู่ที่เราอธิบายอย่างไร ถึงได้พยายามย้ำกับพระที่ยกหน้าที่ครูสอนให้ท่านว่า พยายามอธิบายความเชื่อมโยงให้เห็นด้วยว่า พระพุทธเจ้าของเราเป็นอัจฉริยะมนุษย์อัศจรรย์ขนาดไหน ว่าหลักธรรมที่พระองค์ท่านเทศน์ไม่มีขัดกันเลย มีแต่หนุนเสริมกันทั้งหมด ไม่มีใครทำได้หรอก...เชื่อเถอะ

เถรี
28-11-2017, 09:17
พระอาจารย์กล่าวว่า "งานถวายพระเพลิงพระบรมศพในหลวงรัชกาลที่ ๙ ของอำเภอทองผาภูมิประชาชนไป ๘,๐๐๐ กว่าคนเท่านั้น แต่ว่ากันเช้ายันค่ำเหมือนกัน โดยเฉพาะพระวัดท่าขนุนที่บวชถวายพระราชกุศล ๙๙ รูป เขาจัดให้เข้าวางดอกไม้จันทน์ตอนเที่ยง ก็เลยไปยืนตากแดด พอตอนค่ำอาตมาทำพิธีสึกให้ ก็สงสัยว่าเขาไปทำอะไรมาวะ ไหล่ไหม้กันทุกคนเลย นึกไปนึกมา อ๋อ...ไปตากแดดกันมา

ที่เรารู้ว่าคนไป ๘,๐๐๐ กว่าคน เพราะว่านับจากดอกไม้จันทน์ คือดอกไม้จันทน์ของเราเตรียมไว้เท่าไรรู้ นับที่เหลือ ที่หายไปก็คือที่เผานั่นแหละ เพราะฉะนั้นรายงานยอดของทองผาภูมิจะเป็นยอดตามความเป็นจริง ก็คือมีเศษ แต่ของที่อื่นส่วนใหญ่เขาก็คงจะประมาณ ๆ เอา

อาตมาโดนไป ๒ วันเต็ม ๆ เนื่องจากว่าวันแรกที่ถวายพระเพลิงก็จะมีการสวดธรรมนิยาม อันนี้เขากำหนดมาเลยว่าสวดกี่บท อาตมาเองก็นั่งเป็นองค์ที่ ๓ จากทางท้าย ก็เลยต้องขัดบทธรรมนิยามให้เขา ปกติต้ององค์ที่ ๓ จากข้างหน้า แต่จากข้างหน้ามาทั้งหมดนี่ไม่มีใครสามารถ องค์ที่ ๓ จากข้างท้ายก็ต้องขัดแทน"

เถรี
28-11-2017, 09:19
"สวดธรรมนิยามแล้วพอรุ่งขึ้นก็สวดพุทธมนต์ ถ้าเป็นชาวบ้านเขาเรียกฉลองอัฐิ ถ้าเป็นของพิธีหลวงเขาเรียกพิธีสามหาบ พิธีสามหาบอะไร ? หาบทอง หาบนาก หาบเงินใช่ไหม ?

พิธีกรรมเกี่ยวเนื่องด้วยเรื่องงานอวมงคล คือ ผู้ตาย ผู้วายชนม์ เขาพยายามหาคำที่เป็นมงคลมาใช้แทน กลายเป็นพิธีสามหาบ ชาวบ้านเขาเรียกพิธีเก็บกระดูก หมดเรื่องหมดราว

โดนอยู่ ๒ วัน ก่อนหน้านั้นช่วงจัดงานที่เหนื่อยที่สุดก็คือเจ้าคณะอำเภอ อาตมาเองก็ติดงานยาวเลย พี่ชายตาย ติดงานพิธีถวายพระเพลิง ต่อมาน้าสะใภ้ตาย จนกระทั่งหลวงพ่อพระครูใบฎีกาจำนง สัทธิโก เจ้าอาวาสวัดตลุงใต้มรณภาพ ท่านเป็นพ่อของท่านเจ้าคุณพระวิสุทธิพงษ์เมธี มรณภาพจัดงานศพอยู่ ๑๕ วัน ปลีกตัวไปไม่ได้เลย ไปได้วันเผา ก็ยังดีได้ไปเผาให้หน่อย แล้วช่วงที่จัดงานศพอยู่ก็ฝากเงินให้พระท่านไปเป็นเจ้าภาพสวดศพแทน

บางทีพรรคพวกเพื่อนฝูงแม้ว่าจะสำคัญ แต่คราวนี้งานพิธีหลวงก็ถือว่าสำคัญที่สุด โดยเฉพาะงานพิธีเดียวกันกับของในหลวงนี่ห้ามประชาชนจัดงานทับ อย่างเช่นว่า ถ้าเป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษานี่ห้ามสวดศพ ถือว่าไม่เป็นมงคล ถ้าเป็นอาตมานี่ให้สวดเลย เพราะถือว่าเป็นมงคลใหญ่ เป็นการสวดพระอภิธรรม

พระอภิธรรม ๗ คัมภีร์เป็นหลักธรรมที่พระพุทธเจ้าเทศน์แล้วมีผู้บรรลุมรรคผลมากที่สุด ต้องบอกว่าพรหมเทวดา ๘๐ โกฏิ บรรลุมรรคผลเมื่อฟังพร้อมกับพระพุทธมารดา โบราณก็เลยใช้บทนี้ในการสวดขึ้นบ้านใหม่ แต่งงาน งานมงคลต่าง ๆ ใช้หมด มาถึงสมัยในหลวงรัชกาลที่ ๕ เขาเอามาสวดในงานของสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวี"

เถรี
28-11-2017, 09:21
"สมัยนั้นตำแหน่งพระบรมราชเทวีเป็นตำแหน่งมเหสีเอก ตอนหลังถึงจะขยับขยายกันใหม่ ของเราก็คล้าย ๆ ประเทศจีน ที่มีตั้งมเหสีพระชายาเป็นชั้น ๆ ลงไป ของเราก่อนหน้านี้ก็มีพระบรมราชเทวี มีพระมเหสี มีพระราชชายา พระวรชายา ไล่ลงไป สมัยหลังก็นิยมที่จะทำตามแบบตะวันตก ก็คือมีคนเดียว ในสมัยในหลวงรัชกาลที่ ๖ ท่านก็เลยมีพระชายาหรือว่าพระมเหสีองค์เดียว เมื่อถึงเวลาไม่สามารถจะมีรัชทายาทให้ พระองค์ท่านก็หย่าแล้วจดทะเบียนใหม่

ฉะนั้น...เราจะเห็นว่าในหลวงรัชกาลที่ ๖ มีแค่สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตน์ราชสุดาพระองค์เดียว แล้วก็ต้องบอกว่าเป็นลูกที่พ่อไม่ได้เห็นหน้า พอได้ยินว่ามีพระประสูติกาลแต่ไม่มีเสียงประโคม แปลว่าเป็นลูกผู้หญิง เป็นเจ้าฟ้าหญิง พระองค์ท่านก็ เออ...ลูกผู้หญิงก็ดีเหมือนกัน เสร็จแล้วก็สวรรคตไปเลย ไม่ได้เห็นหน้า ลูกไม่ได้เห็นหน้าพ่อ พ่อก็ไม่ได้เห็นหน้าลูก

พอมานิยมผัวเดียวเมียเดียวตามแบบของทางตะวันตก ก็ถัด ๆ มาเราก็จะเห็นว่าในหลวงรัชกาลที่ ๗ ที่ ๙ ก็อยู่ลักษณะนั้น ก็คือมีพระบรมราชินีพระองค์เดียว อย่างสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณีพระบรมราชินี ในรัชกาลที่ ๗ แล้วก็มาสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ ๙ ตอนนี้ชาวบ้านก็คงใจจดใจจ่อว่าพระบรมราชินีในรัชกาลที่ ๑๐ จะเป็นผู้ใด"

เถรี
28-11-2017, 09:24
"เรื่องในรั้วในวังแต่โบราณมีกฎมณเฑียรบาลบังคับอยู่ ในปัจจุบันก็ยังมีกฎหมายเพิ่มเติมอย่างมาตรา ๑๑๒ เป็นอะไรที่ต้องระมัดระวังเพราะฝรั่งไม่เข้าใจ ที่เราไปเห็นคลิปหนึ่งที่ฝรั่งมีภรรยาเป็นคนไทย แล้วคุณภรรยาเธอแต่งตัวหรูหราฟู่ฟ่ามาก แกเข้าไปถวายบังคมพระบรมศพในหลวงรัชกาลที่ ๙ เจ้าหน้าที่กันไว้ คุณเธอก็ทะเลาะเบาะแว้งขึ้นเสียงกัน ขนาดคุณสามีพยายามจะดึงไว้แกก็ยังไม่ยอม แกก็เถียงฉอด ๆ

ต้องบอกว่าไม่รู้กาลเทศะ ไปอ้างสิทธิส่วนบุคคลซึ่งเป็นเรื่องของฝรั่งที่ไม่มีสถาบันที่เป็นที่เคารพอย่างของบ้านเรา อาตมาเองไปเข้าแถวรอ ไปเคารพศพประธานเหมา ยืนเข้าแถวยาวเป็นกิโลเป็นชั่วโมงได้ เจ้าหน้าที่เขาเดินมาถึงเขาชี้ที่เท้าแล้วก็ดึงออกไปเลย เพราะใส่รองเท้าแตะ ปล่อยให้เสียเวลาเข้าแถวอยู่ตั้งนาน อยากจะไปดูว่าผู้ยิ่งใหญ่ที่เป็นผู้นำของประชาชนเป็นพันล้าน เขาเก็บรักษาไว้อย่างไร

ปัจจุบันนี้เขายกท่านประธานาธิบดีสีจิ้นผิงเทียบเท่าประธานเหมากับท่านเติ้งเสี่ยวผิง เพราะว่ามีระบุเอาไว้ชัด เอ่ยนามอยู่ในกฎหมายหรือธรรมนูญของเขา ก็ต้องบอกว่าจริง ๆ ท่านประธานาธิบดีหรือจิ้นผิงเป็นผู้ที่มีความอดทนอดกลั้นมาก โดนอเมริกายั่วยุเท่าไรก็ไม่ออกทะเล แล้วคนยั่วยุก็ออกทะเลเสียเอง

โลกเราปัจจุบันนี้ทุกคนใจคอไม่ค่อยจะดี เพราะประธานาธิบดีอเมริกาเป็นคนปากไวและจุดเดือดต่ำมาก"

เถรี
29-11-2017, 08:33
ถาม : (ได้ยินเสียงเรียก แต่ไม่เห็นตัวคนเรียก)
ตอบ : แล้วได้ขานไหม ? ถ้าไม่ก็แล้วไป เป็นอันว่าจบ เราถวายสังฆทานแล้วตั้งใจอุทิศส่วนกุศลให้กับเจ้าของเสียงหรือเจ้ากรรมนายเวร ได้ยินอย่างนั้นอย่าไปขานรับเชียวนะ ถ้าไม่ขานรับก็เป็นอันว่ารอดไป

เถรี
29-11-2017, 08:33
ถาม : ต้องเปลี่ยนชื่อไหมคะ ?
ตอบ : ไม่จำเป็น เปลี่ยนชื่อมากี่คน ๆ ก็เห็นแย่เหมือนเดิม เพราะว่าไม่ยอมเปลี่ยนความประพฤติ ฉะนั้น...เรื่องเปลี่ยนชื่อจึงไม่จำเป็น ถ้าให้เกิดผลดีต้องเปลี่ยนการกระทำของเราเอง ทำแต่เรื่องดี ๆ แล้วทุกอย่างก็จะดีเอง

เถรี
29-11-2017, 09:07
ถาม : ที่เขาโพสต์จองวัตถุมงคลหลายรายการ เขาเอาหมดจริง ๆ หรือคะ ?
ตอบ : เขาเอาจริง ๆ แต่พอแจ้งราคาไปเดี๋ยวก็รู้ว่าจะทำท่าอย่างไร อย่างบางคนจะเอาตะโพนหลวงพ่อภักตร์ วัดโบสถ์ ของหลวงพ่อภักตร์นี่คนมีเงินยังหาไม่ได้เลย คราวที่แล้วออกไปลูกหนึ่ง ใครจะไปคิดว่าลูกแค่ปลายนิ้วก้อย คนกล้าสู้เป็นแสน ต่อให้มีเงินก็หาของไม่ได้

แต่ละคนที่ลงรายการขอบูชาไปได้คิดถึงราคาบ้างหรือเปล่า ? อาตมายังสงสัยอยู่ว่าพอแจ้งราคาแล้วจะสลบกันไหม ?

เถรี
29-11-2017, 09:15
พูดถึงแพะหลวงพ่ออ่ำ วัดหนองกระบอก "คาถากำกับก็คือ อากาเส จะ ทิปังกะโร นะโมพุทธายะ จริง ๆ แล้วเป็นคาถากันฟ้าผ่า ทีนี้ท่านเอามาใช้กับแพะ ดันเป็นมหาเสน่ห์ ตูจะบ้า...ท่านทำได้อย่างไร ?"

เถรี
29-11-2017, 09:36
พูดถึงลิงของหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว "คุณดูที่หางสิ เขาเรียกว่าลิงมีหลัก เอาหางค้ำพื้น นอกจากขาแล้วยังมีหางช่วยยัน โบราณเขาทำอะไรก็มีเคล็ดทั้งนั้น"

เถรี
29-11-2017, 09:38
พระอาจารย์กล่าวถึงมีดหมอ "คุณดูแต่ละเล่มสิ มีดหมอโบราณส่วนใหญ่จะให้สวยจริงนั้นยาก เพราะว่าฝีมือช่างชาวบ้านทั้งนั้น แต่ไปเจอที่สวยจนตะลึงก็มีนะ แต่คนมีฝีมือแบบนั้นมีน้อยมาก"

เถรี
29-11-2017, 09:55
พระอาจารย์กล่าวว่า "ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่อาตมาไม่คิดจะไปเลย เหตุที่ไม่คิดจะไปเลย อันดับแรกคือของแพง กล้วยหอมหนึ่งลูก ๓๐๐ เยน บ้านเรากินได้เป็นหวี ไปที่โน่นจะกินลูกหนึ่งต้องคิดแล้วคิดอีก

ประการที่ ๒ คือเจ้ากรรมนายเวร ยังไม่ได้ใช้หนี้เขาเลย แต่มีคนออกตั๋วให้ ก็เลยตามเขาไปแบบงง ๆ ถ้าพาเขาซวยทั้งคณะก็โทษใครไม่ได้ เพราะว่าเขาอยากให้อาตมาไปเอง หนี้เก่าแค่กวาดเขาหมดจวนเจ้าเมืองเท่านั้น...! เจ้าเมืองคือไดเมียว...ใช่ไหม ? ประเภทดีเกินเหตุ จนชาวบ้านต้องมาร้องทุกข์ ในฐานะผู้ผดุงคุณธรรมก็เลยต้องช่วยเขาหน่อย

แต่ก็อย่างว่า เรื่องพวกนี้ฆ่าเหลือบเก่าตาย เหลือบฝูงใหม่ก็มา การอยู่บนอำนาจแล้วคนจะมีความบริสุทธิ์ยุติธรรมนั้นหายาก เหลือบฝูงเก่าดูดเลือดจนหมูหมากาไก่จะแห้งตาย คิดว่าฆ่าตายแล้วจะจบ ที่ไหนได้...ฝูงใหม่มาอีก บางทีหนักกว่าเก่าอีก..!"

เพราะฉะนั้นไปญี่ปุ่นงวดนี้ ถ้าไม่ใช่ดวงดีผีคุ้มจริง ๆ ก็รอด ถ้าไปเจอแผ่นดินไหว หรือภูเขาไฟระเบิด อาตมาจะไม่แปลกใจเลย พวกที่อยากตาม ๆ ให้รู้เสียบ้างว่าอาตมาไปก่อหนี้ไว้ทั่วโลก

ปกติที่อยากไปคือไปแล้วมีประโยชน์ ทั้งกับตนเองและผู้อื่น เช่นไปศึกษาเรื่องของพุทธศาสนาแล้วเอามาเป็นข้อมูลสอนนิสิต ส่วนที่ไปแล้วไม่มีประโยชน์เขาชวนไปเที่ยว หมดอารมณ์"

เถรี
29-11-2017, 18:55
ถาม : ตอนที่หนูนั่งสมาธิ แรก ๆ ภาวนาพุทโธและดูลมหายใจ ต่อมาอารมณ์ใจอยากจะภาวนานะมะพะธะขึ้นมา รู้สึกว่าไปนะมะพะธะเอง แต่ก็จะสลับไปสลับมา ?
ตอบ : อยู่ที่ตัวเรา ถ้าเราตั้งใจจะเอาพุทโธก็พุทโธไป ถ้าเป็นนะมะพะธะเราก็ดึงกลับมาหาพุทโธใหม่ แต่ถ้าภาวนากี่ครั้ง ๆ ก็ไปนะมะพะธะอย่างเดียว ให้เปลี่ยนตามไปเลย เพราะว่าอาจจะได้เร็วกว่า...ง่ายกว่า

ตอนแรก ๆ เรายืนยันในสัจจบารมี เอาพุทโธเป็นหลักก่อน ถ้าเอาไม่อยู่จริง ๆ ค่อยตามไป

เรื่องการภาวนา ถ้าอยู่ในอารมณ์ปกติแล้วอยู่ ๆ จับคำภาวนาขึ้นมา ให้รีบตะครุบไว้ด่วนเลย เพราะว่ามีสองสาเหตุด้วยกัน สาเหตุแรก คือ จิตสงบได้ที่จึงอยากจะภาวนา ก็จะย้อนกลับไปหาคำภาวนาเอง อีกประการหนึ่ง คือ อาจจะมีอันตรายเข้ามา สภาพจิตรู้ตัวก่อน ก็เลยให้เราภาวนาเพื่อกันเอาไว้ แต่ถ้าเรานั่งภาวนาอย่างเป็นทางการ ใช้คำภาวนาไหน เริ่มต้นด้วยอะไร ก็ฝืนดึงกลับมาที่คำภาวนาเดิม อย่าไปเปลี่ยนตามเขา

ความจริงก็แค่ไม่กี่ครั้ง พอเราเคยชิน กำลังเริ่มดี ก็ใช้คำภาวนาตามที่ต้องการได้ ทำไป ๆ พอมีความคล่องตัวมาก ๆ ก็ไม่ต้องใช้คำภาวนาแล้ว แค่คิดเท่านั้น...ปึ้กเดียวก็ไปตามที่ต้องการเลย

เถรี
29-11-2017, 19:26
พระอาจารย์กล่าวว่า "งานพระเมรุมาศของในหลวงรัชกาลที่ ๙ มีบางอย่างที่อาตมาอยากจะให้ช่างฝีมือทำให้เหมือนจริง ก็คือพญาครุฑ พญาครุฑเขาลงสีอย่างไรก็ลงไม่เหมือน คงจะเป็นเพราะเขาแค่ได้ยินแค่คำพูดมา

พญาครุฑกายไม่ใช่สีแดงเฉย ๆ แต่สีเหมือนถ่านสุก นึกออกไหม ? ถ่านที่ลุกเป็นไฟ เป็นแดงปนทอง เวลาพญาครุฑบินมาอย่างกับเปลวไฟมาเลย คราวนี้ไปเจอที่ไหน ๆ จิตรกรก็ลงสีเป็นสีแดงหมด เขาเอาพญาครุฑเป็นกายสีแดง แล้วเครื่องทรงและปีกเป็นสีทอง ซึ่งไม่ใช่ สีของกายเหมือนถ่านที่ลุกเป็นไฟ ไม่รู้ว่าจะอธิบายอย่างไร ไปดูเอาเองก็แล้วกัน เวลาพญาครุฑบินมา มองไกล ๆ เหมือนกับไฟทั้งกองเลย"

เถรี
29-11-2017, 20:20
ถาม : ครุฑไม่ถูกกับพญานาคใช่ไหมคะ ?
ตอบ : เขาทะเลาะกันมาตั้งแต่รุ่นพ่อรุ่นแม่ ท้ายสุดก็ไปตามสัญชาตญาณ คือนกต้องกินงู แต่เขามีกฎเกณฑ์กติกาอยู่ว่ากินได้แค่ไหน ถ้าระดับสูงขึ้นไปอย่างนาคราช พวกราชตระกูล ก็กินเขาไม่ได้ ถ้าทำผิดกฎนี่ซวยมาก จะกินแต่ละทีต้องคอยดูว่าไม่ใช่ร้อยตำรวจเอกปลอมตัวมา..!

เถรี
29-11-2017, 20:31
พระอาจารย์กล่าวว่า "ขอให้พวกเราทุกคนทำความเข้าใจให้ชัดเจนว่า ดอกไม้ประจำพระองค์ของพระมหากษัตริย์ไทยคือดอกราชพฤกษ์ หรือที่เราเรียกว่าดอกคูณบ้าง ดอกลมแล้งบ้าง ไม่ใช่ดอกดาวเรือง

เนื่องจากว่าสีเหลืองเป็นสีประจำองค์พระมหากษัตริย์ ถ้าไปปลูกราชพฤกษ์แล้วอีกกี่ปีกว่าจะมีดอก ในเมื่อจำเป็นจะต้องใช้ ก็เลยเอาที่ขึ้นง่าย ๆ หน่อยคือดาวเรือง คาดว่าคงมีคนจำนวนมากที่ไปเข้าใจว่าดาวเรืองเป็นดอกไม้ประจำองค์พระมหากษัตริย์ ต้องเรียกว่าเป็นแค่ชั่วคราวเท่านั้น ใช้เฉพาะกิจ

อะไรก็ได้ที่เป็นสีเหลือง เพราะสีเหลืองเป็นสีประจำองค์พระมหากษัตริย์ ถ้าเราสังเกตดูธงมหาราช คือธงประจำองค์พระมหากษัตริย์ เป็นสีเหลืองแล้วมีพญาครุฑอยู่ตรงกลาง ถ้าเป็นธงยุพราชมีสีเหมือนกัน แต่จะเป็นธงหางแฉก

ธงตรามหาราช .................ผ่องผุดผาดในเวหา
รูปครุฑราชา....................อ้าปีกกว้างท่าทางบิน
ธงแดงดังแสงชาด...............ลายช้างกาจก่องกายิน
บอกตรงธงแผ่นดิน...............ถิ่นสยามอันงามงอน"

เถรี
29-11-2017, 20:33
"ดอกดาวเรืองสมัยปัจจุบันนี้ปลูกได้ครั้งเดียว ไม่สามารถที่จะเก็บเมล็ดไปเพาะต่อได้ เนื่องจากเขาฉายรังสีมา แล้วบ้านเราออกกฎหมายใหม่เกี่ยวกับการเก็บเมล็ดพันธุ์ ซึ่งต่อไปใครไปเก็บเมล็ดพันธุ์เอาไว้ทำพันธุ์เอง อาจจะเดือดร้อนถึงขนาดติดคุกติดตาราง เพราะว่าเขาออกกฎหมายมาเอื้อให้บริษัทใหญ่เก็บเมล็ดพันธุ์ขายอย่างเดียว ซึ่งกฎหมายในลักษณะนี้ไม่ควรที่จะมีในประเทศเราซึ่งเป็นประเทศเกษตรกรรม เพราะว่าเท่ากับเอื้อนายทุนบีบบังคับให้เกษตรกรอยู่ภายใต้อาณัติของตัวเอง

ถ้าไม่มีสังกัดก็ไม่มีเมล็ดพันธุ์ ไม่สามารถทำการเกษตรได้ แต่รัฐบาลสิ้นสติ ออกกฎหมายประเภทนี้ออกมา แล้วออกมาในช่วงระหว่างการจัดพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพในหลวงรัชกาลที่ ๙ ซึ่งคนกำลังวุ่น ๆ กันอยู่ ไม่มีใครไปคัดค้าน ประกาศออกมารอการคัดค้าน ๓๐ วัน ป่านนี้ก็น่าจะหมดเวลาไป คนกำลังยุ่งอยู่กับงานถวายพระเพลิงในหลวง ร.๙ แล้วใครจะมีเวลามาคัดค้าน ?

ต้องบอกว่าเจตนาเอื้อประโยชน์กับนายทุนอย่างแท้จริง ซึ่งเป็นเรื่องที่รัฐบาลไม่สมควรกระทำ"

เถรี
29-11-2017, 20:35
"ในโลกของทุนนิยม ปลาใหญ่กินปลาเล็กถือเป็นเรื่องปกติ แต่ถ้ากินมาก ๆ ปลาเล็กหมดไป ปลาใหญ่จะอยู่อย่างไร ? ส่วนใหญ่แล้วบ้านเราเมืองเราไม่ได้คิดถึงตรงนี้ คิดถึงแต่ประโยชน์เฉพาะหน้า เขาเอื้อประโยชน์ให้เรา เราก็ออกกฎหมายเอื้อประโยชน์ให้เขา โดยไม่ได้ดูว่าคนชั้นรากหญ้าซึ่งเป็นส่วนใหญ่ของประเทศเราเป็นเกษตรกร แล้วเขาจะอยู่กันอย่างไร ?

ปัจจุบันนี้ทางรัฐบาลก็ออกคำถาม ๖ คำถามมา ซึ่งเป็นคำถามที่ห่วยแตกมาก ต้องบอกว่าอยู่ในลักษณะชี้นำกลาย ๆ ซึ่งถ้าเป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง การกระทำทั้งหมดของรัฐบาลปัจจุบันที่มาโดยวิธีการพิเศษ อาตมาถือว่าสอบตก เลือกตั้งครั้งต่อไปเป็นฝ่ายค้านแน่นอน แต่เมื่อเขามาด้วยวิธีพิเศษ ไม่ได้มาด้วยการเลือกตั้ง อย่างนั้นก็แล้วแต่เวรแต่กรรมก็แล้วกัน

ลักษณะของรัฐบาลที่ตั้งคำถามไม่ว่าจะ ๔ คำถามหรือ ๖ คำถามก็ตาม อยู่ในลักษณะเหมือนกับโยนหินถามทาง แต่อาตมาว่าน่าจะเข้าภาษิตจีนที่ว่า "ยกหินทุ่มตีนตัวเอง" มากกว่า จะทำอะไรก็ทำอย่างกล้าหาญ อยากจะอยู่ต่อก็ตั้งพรรคขึ้นมาให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย โยนหินถามทางแก้เขินแบบนี้ไม่ใช่การกระทำของลูกผู้ชาย..!"

เถรี
30-11-2017, 10:00
ถาม : คราวนี้แม่ป่วยหนักมากเลย จะต้องทำกำลังใจอย่างไรครับ ?
ตอบ : น้ำหนักลดหรือเพิ่ม ?

ถาม : ยังไม่ลดเท่าไร ?
ตอบ : ถ้าอย่างนั้นแสดงว่ายังไม่หนัก ถ้าน้ำหนักเพิ่มนี่ถึงจะหนัก เข้าใจไหม ?

ถาม : ไม่เข้าใจครับ ตอนนี้ต้องรักษากำลังใจอย่างไร ?
ตอบ : ก็ธรรมดา สัพเพ สังขารา อนิจจา สัตว์โลกเกิดมาเท่าไรตายหมดเท่านั้น แม้แต่เราก็ตาย คราวนี้รู้หรือยังว่าที่ทำมาไม่พอรับประทาน

ส่วนใหญ่แล้วนักปฏิบัติธรรมของเรา ถ้าเรื่องยังมาไม่ถึงตัวก็คิดว่าตัวเองทำอะไรได้มากแล้ว พอเรื่องมาถึงตัวแล้วก็มักจะรู้ตัวว่าที่ทำมายังไม่พอกิน คำว่า ไม่พอกิน คือ เจอสถานการณ์จริงเข้าแล้วทำกำลังใจไม่ได้

ในบรรดาญาติผู้ใหญ่ของอาตมาที่ตายไป ก็มีตอนที่คุณย่าตาย อาตมาร้องไห้เพราะว่าไม่รู้ ไปเรียกท่านให้กินข้าวแล้วท่านไม่ยอมลุก เรียกเท่าไรไม่ลุกก็เลยร้องไห้ตามประสาเด็ก ยังไม่รู้ว่าตายคืออะไร ?

เถรี
30-11-2017, 10:02
พอมาคุณตาตาย ไม่ได้ร้องไห้ เพราะว่าท่านเหมือนกับหลับไปเฉย ๆ ถึงเวลาท่านก็เรียกหลาน ๆ เข้ามา บอกว่า "ตาก็แก่มาก อายุเลย ๘๐ แล้ว เหมือนกับผลไม้สุกที่พร้อมจะหล่นจากขั้ว ถ้าตาเป็นอะไรไป พวกแกไม่ต้องเสียใจนะ" สั่งความเสร็จแกขอข้าวกิน อาเจ็กข้างบ้านก็กุลีกุจอกลับบ้านไปคดข้าวใส่กับมาให้ แกกินเสร็จก็นอนอยู่บนเก้าอี้โยกของแก แล้วก็หลับไปเฉย ๆ ตายไปตอนไหนก็ไม่มีใครรู้ มารู้เอาตอนที่เห็นว่าค่ำแล้วเดี๋ยวยุงจะกวนมาก ก็ไปเรียกเพื่อจะให้แกกลับเข้ามานอนในบ้าน ปรากฏว่าแข็งไปหมดแล้ว

ลำดับถัดมาก็พ่อตาย ตอนนั้นบอกตรง ๆ ว่าดีใจ เพราะว่าอาตมาเป็นคนเฝ้าไข้ ทั้งกลางวันทั้งกลางคืนอยู่ ๖ ปีเต็ม ๆ ด้วยความที่เป็นวัยรุ่น เพิ่งจะอายุ ๑๐ ปีนิด ๆ กำลังกินกำลังนอนแล้วโดนเรียกทั้งคืน รู้สึกเหมือนกับตกนรกทั้งเป็น เพราะฉะนั้น...เวลาท่านตายแทนที่จะเสียใจก็เลยกลายเป็นดีใจ แต่ก็ดีใจไม่จริง เพราะว่าเมื่อถึงเวลากลางคืนเข้านอน เตียงก็กว้างเท่าเดิม แต่พอไม่มีพ่ออยู่ ทำไมรู้สึกว่ากว้างอะไรขนาดนั้น เวิ้งว้างไปหมด นอนไม่หลับ ท้ายสุดก็เลยต้องไปนอนอยู่ข้างศพ มุดเข้ามุ้งไป เพราะเขากางมุ้งครอบศพเอาไว้ให้ ไปนอนอยู่ข้างศพ แตะถูกตัวท่านเย็นเจี๊ยบเลย เออ...อย่างนั้นกลับหลับได้..!

เถรี
30-11-2017, 10:05
ลำดับต่อมายายตาย แม่ตาย นี่ไม่ต้องพูดถึง ยายตายอาตมาบวชได้ ๔ พรรษาแล้ว แม่ตายนี่ได้ ๒๐ กว่าพรรษา ก็เลยกลายเป็นว่า ผู้ใหญ่ที่บ้านตาย มีตอนอายุ ๒ ขวบกว่าตอนย่าตายเท่านั้นที่ร้องไห้ นอกนั้นไม่เคยร้องไห้กับใคร

ถามว่าทำใจได้ไหม ? มาทำใจได้ตอนยายกับแม่ เพราะว่าตอนช่วงนั้นบวชแล้ว ส่วนท่านอื่น ๆ ก็อย่างที่บอก ถ้าไม่ใช่เพราะไม่รู้ความก็คือไม่มีอะไรให้ตกใจ

พอมาพ่อตายนี่ดีใจ เหมือนกับไม่ใช่ทำใจได้ ดีใจที่ตัวเองพ้นงานเสียที งานหนักเหลือเกิน หนังสือก็ต้องเรียน กลับมาก็ต้องดูแลท่าน กลางวันก็ไม่ได้นอน กลางคืนก็ไม่ได้นอน ต้องบอกว่าตอนที่ดูแลพ่ออยู่ ๖ ปี เป็นคุณูปการให้ฝึกกรรมฐานได้แบบไม่ได้ตั้งใจ เพราะว่าไปโรงเรียนแล้วง่วง ทนไม่ไหว ยกมือขออนุญาตนอน ครูก็บอกว่านอนได้ แต่ว่าวิชานี้ห้ามตก ก็เลยทำอย่างไรที่นอนแล้วต้องฟังให้ได้ยิน เพราะถ้าฟังจะจำได้ ก็พยายามใช้วิธีนอนแล้วเงี่ยหูฟัง ก็เลยสามารถที่จะทำได้ตั้งแต่สมัยที่ยังเรียนประถม มัธยมอยู่ก็คือ หลับแต่ตา ใจไม่ได้หลับ ใจตื่นเพื่อจดจำบทเรียน

มารู้ทีหลังว่าเป็นพื้นฐานฝึกกรรมฐานทั้งนั้นเลย แต่ว่าตอนนั้นไม่ได้รู้สึกอะไร รู้สึกอย่างเดียวว่าง่วงสุดชีวิต อย่างไรก็ขอนอนเถอะ แต่ก็ตั้งใจฟัง

เถรี
30-11-2017, 10:06
ความจริงแล้วทิดเต้ย (สุรจิตร) ในส่วนของกิริยามารยาทอาจจะกระโดกกระเดกไปหน่อย แต่ความรักแม่นี่เต้ยมีให้สุด ๆ แต่คราวนี้ว่าในส่วนที่จะทำใจ สำหรับคนที่ผ่านมาแล้วพูดก็เหมือนกับง่าย แต่คนที่เผชิญหน้าอยู่ บางทีเหมือนกับแบกภูเขาไว้ทั้งลูก จะโดนทับตายตอนไหนก็ไม่รู้ ? เพราะว่าเรื่องมาเกิดกับคนที่เรารักมากที่สุด แต่ถ้าหากว่ารู้จักพิจารณาว่า ปิเยหิ วิปปะโยโค ทุกโข การพลัดพรากจากสิ่งที่รักที่ชอบใจเป็นทุกข์ ก็จะเป็นเวลาที่จะสามารถที่จะพิจารณาธรรมได้ดีที่สุด

แต่ว่าส่วนใหญ่ พอเหตุเกิดขึ้นแล้ว ปัญญามักจะไม่มี เพราะว่าสภาพจิตส่งส่ายวุ่นวายไปกับเรื่องที่เกิดขึ้น ปัญญาก็เลยไม่เกิด

เถรี
01-12-2017, 09:02
ตอนพ่อเสียนี่ในความรู้สึกของคนอื่นเหมือนกับว่าอาตมาอกตัญญู เพราะว่าไม่ร้องไห้ อาตมาจะบอกได้อย่างไรว่าดีใจเป็นบ้า ที่ท่านตายได้สักที ทรมานเหลือเกิน ๕ นาที ๑๐ นาทีท่านจะแข็งเกร็งไปทั้งตัว ถ้าไม่นวดให้คลายก็จะปวดร้องโอย ๆ ๆ คนที่อยู่กับท่านทั้งกลางวันกลางคืนอย่างอาตมาจะตายเอา คนอื่นเขาจะไปรู้อะไร

อาตมามีโอกาสดูแลพ่ออยู่ ๖ ปี ด้วยการลงความเห็นว่า "เอ็งเป็นลูกผู้ชายที่โตที่สุดที่ยังไม่ได้ทำงาน" พอไปดูแลแม่อยู่ ๓ ปี เขาลงความเห็นว่า "เอ็งเป็นลูกชายที่โตที่สุดที่ยังไม่ได้แต่งงาน" ตกลงว่าเป็นความผิดของตูทั้งนั้น..!

ฉะนั้น...ปัจจุบันนี้เวลาอาตมามีเด็ก ๆ อยู่ด้วย จะตามใจเยอะมาก เพราะว่าชีวิตช่วงวัยรุ่นของตัวเองไม่มี ต้องรับผิดชอบดูแลพ่อตั้งแต่เรียนอยู่ชั้น ป.๕ พอสิ้นท่านไปแล้วอยากจะเรียนต่อ แม่ก็ไม่มีปัญญาส่ง ต้องทำงานไปหาเงินเรียนไป ในเมื่อชีวิตวัยรุ่นไม่มี พอเห็นเด็กวัยรุ่นแล้ว ตอนเด็กเราอยากได้อย่างไร เขาก็คงอยากได้อย่างนั้น

เรื่องกินเรื่องเที่ยวนี่ไม่เคยมีเลย ได้ยินเสียงหนังประกาศโครม ๆ ที่วัด วัดกับบ้านก็มองหลังคากันเห็นแค่นั้น แต่ไปไม่ได้ คนอื่นเขาไปกันหมด แต่อาตมาต้องดูแลพ่อ ในเมื่อตัวเราไม่มีช่วงเที่ยวช่วงเล่น ถึงเวลาเขาเอาเด็ก ๆ มายกให้เป็นลูก ก็ให้ลูกเขามีแทนก็แล้วกัน ไม่ใช่ต้องไปล้างแค้นว่า "กูไม่มีมึงก็ต้องไม่มีด้วย..!"

เถรี
01-12-2017, 09:04
ช่วงเดือนเศษที่ผ่านมาพี่ชายคนโตตาย นับว่าแกตายช้ามาก อยู่ยัน ๙๐ ปี ปกติคนกินเหล้าแทนน้ำไม่น่าจะอายุยืนได้ขนาดนั้น ก็ยังคิดขำ ๆ อยู่ว่า สงสัยแกจะกินมากไปจนเชื้อโรคตายหมด ก็เลยอยู่มายัน ๙๐ ปี เป็นอันว่าพี่ ๆ ทั้งลูกแม่ใหญ่ ทั้งลูกแม่เดียวกันตายไป ๓ - ๔ คนแล้ว ใกล้ตัวเองเข้ามาเรื่อย ๆ แล้วนะ..!

ถัดมาไม่กี่วันก็น้าสะใภ้ตาย ตอนแรกเขาส่งข่าวมา ไปนึกว่าน้าชายตาย น้าชายคนโตก็ ๘๐ กว่าปีแล้ว แปลกใจไหม ? น้า ๘๐ กว่า แต่พี่ ๙๐ ปี สมัยก่อนเขาแต่งงานกันเร็ว แม่แต่งงานอายุ ๑๖ ปี พ่อเขามีพี่ใหญ่ก่อน แล้วค่อยมาเมืองไทย แล้วมาแต่งกับแม่ เพราะฉะนั้น...แม่กับน้าก็เลยกลายเป็นว่ารุ่นไล่เลี่ยกันกับพี่ชายคนโต

เถรี
01-12-2017, 21:13
ถาม : เอารถไปเจิมกับเสาเรียบร้อยแล้ว ?
ตอบ : แสดงว่าถวายทาสทานไว้เยอะ ใช้ของดีไม่ได้ ต้องมีตำหนิก่อนจึงจะสบายใจ

ถือว่าเป็นพวกเดียวกัน อาตมาเองขนาดจีวรใหม่ ๆ เลยนะ ไม่มีร่องรอยอะไรเลย ซักปุ๊บขาดปั๊บ อย่างไรก็ต้องเอาให้ขาดให้ได้ ถ้าไม่ขาดจะไม่สมกับบุญบารมีที่สร้างมา...! แสดงว่าทำทาสทานไว้เยอะเหมือนกัน

ถ้าไม่อยากให้รถยนต์มีร่องมีรอยนะ มาถึงเอามีดกรีดไว้ก่อนเลย โน่น...บังโคลน กรีดกากบาทไปทั้ง ๒ ข้างเลย ทำเครื่องหมายไว้แล้ว ไม่ต้องมาทำซ้ำ

ถาม : เกี่ยวอะไรกับจีวรด้วยคะ ?
ตอบ : ก็ใช้ของใหม่ไม่ได้ ต้องใช้ของมีตำหนิหรือของเก่า แทนที่จะให้เขาทำเป็นรอย เราก็ทำเสียเอง ให้มีรอยอยู่ในที่ไม่น่าเกลียด ใครจะลองวิธีนี้ก็ได้นะ

เถรี
01-12-2017, 21:17
พระอาจารย์กล่าวว่า "ใครที่โทรมาหาอาตมาแล้วรอจนอาตมารับไม่ได้ อาตมาไม่เคยโทรกลับไปสักราย โดยเฉพาะประเภทยิงมากริ๊งเดียวจะให้โทรกลับ...รอไปเถอะ

มีอยู่เที่ยวหนึ่งพระวินัยธรกอล์ฟ ตอนนั้นยังเป็นพระสมุห์อยู่ ถามว่าอาจารย์ทำไมไม่โทรกลับ ? "ก็กูไม่มีธุระอะไรกับมัน มันมีธุระกับกู ก็ให้มันโทรมาสิ" ตอบให้ชัด ๆ ไปเลย ถือว่าเสียมารยาทมาก โทรมาแล้วตัดสายจะให้คนอื่นโทรกลับ"

เถรี
01-12-2017, 21:25
พระอาจารย์กล่าวว่า "เมื่อเช้าคุณกิตติพงษ์มารับมีดหมอหลวงพ่อเงิน วัดพระปรางค์เหลือง กับมีดหมอหลวงพ่อโสก วัดปากคลองบางครก จังหวัดเพชรบุรี อาตมาลืมให้โมทนาบัตรไป

ครูบาอาจารย์บางท่านที่เป็นต้นตำรับเลย อย่างหลวงพ่อขำ วัดเขาแก้ว หลวงพ่อเทศ วัดสระทะเล หรือหลวงพ่อเงิน วัดพระปรางค์เหลือง ในชีวิตท่านทำมีดหมอน่าจะไม่เกินหลักสิบ ขนาดคลุกอยู่ในวงการเต็ม ๆ ยังหายากหาเย็น

โดยเฉพาะประเภทมีดหมอ ๒ บูรพาจารย์ อย่างหลวงพ่อรุ่ง-หลวงพ่อเดิม ยิ่งหายากเข้าไปใหญ่ เพราะมีประวัติแค่ว่าหลวงพ่อเดิมไปหัดทำมีดหมอจากหลวงพ่อรุ่ง เพราะหลวงพ่อรุ่งสำเร็จวิชาก่อน เมื่อศึกษารูปแบบแล้วก็กลับมาทำเองบ้าง พอทำได้ก็ใส่เกวียนไปให้หลวงพ่อรุ่งช่วยเสกให้อีกครั้ง

คราวนี้ก็ต้องมาดูว่า เมื่อศึกษาจากหลวงพ่อรุ่งไป รูปแบบก็ต้องมีฝังโลหะ ขณะเดียวกันทำอย่างไรจึงจะมีเอกลักษณ์ของหลวงพ่อเดิม ก็คือยันต์รูปพระ ถ้าไม่มียันต์รูปพระก็ต้องยันต์พุทธซ้อน ก็เลยกลายเป็นอะไรที่หายากเย็นสุด ๆ"

เถรี
01-12-2017, 21:35
พระอาจารย์กล่าวว่า "คุณสุธรรมเปิดให้แสดงความจำนงว่าอยากได้เครื่องรางของขลังอะไร ปรากฎว่ามีคนเสนอมา อย่างเช่นตะกรุดโสฬส หลวงปู่เอี่ยม อยากจะถามว่าสู้ราคาจริงหรือเปล่า ? อาจารย์วิสุทธิ์บอกว่า ไปเจอสองกษัตริย์ด้านนอก เขาเปิดไว้ ๗๐๐,๐๐๐ บาท..!

ความจริงแล้วตะกรุดที่หายากกว่านั้นมีอยู่ ก่อนหน้านี้เป็นที่เสาะหากันมาก แต่เนื่องจากว่าคนมีไม่ปล่อยเด็ดขาด ก็เลยกลายเป็นว่าเงียบไปเฉย ๆ ตะกรุดหลวงปู่เอี่ยม วัดสะพานสูง จึงขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่งแทน

ตะกรุดที่หายากมาก ๆ ที่เขาต้องการก็คือ ตะกรุดไมยราพณ์สะกดทัพ หลวงพ่อกุน วัดพระนอน จ.เพชรบุรี นั่นแหละ...สมัยก่อนประเภทลูกผู้ชายจะต้องห้าว อยากจะขึ้นบ้านใคร พกตะกรุดหลวงพ่อกุน สอดไว้ใต้เรือน ขึ้นไปได้เลย หลับหมดทั้งบ้าน

แล้วก็ตะกรุดหลวงปู่จีน วัดท่าลาด พวกเรานี่กระทั่งชื่อยังไม่รู้จักเลยกระมัง ? ถ้าถามว่าหลวงปู่จีนเป็นใคร ? ก็เป็นรุ่นอาจารย์ของหลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม ของทั้งสองท่านที่ว่ามาอยู่ในประเภทมีเงินก็หาซื้อไม่ได้"

เถรี
01-12-2017, 21:38
"ส่วนหลายท่านที่อยากได้ปลัดขิก หลวงพ่อเหลือ หลวงพ่ออี๋นี่ ไม่รู้ราคาใช่ไหม ? ปลัดขิกหลวงพ่อเหลือ วัดสาวชะโงกมาอันดับหนึ่งเลย เหนือกว่าอาจารย์ตัวเองคือหลวงพ่อขิกอีก รองลงมาก็หลวงพ่ออี๋ วัดสัตหีบ แล้วถึงไปหลวงพ่อขิก วัดสาวชะโงก กลายเป็นลูกศิษย์ดังกว่า พอ ๆ กับหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว ดังกว่าหลวงปู่ปาน วัดตุ๊กตา อยู่ในลักษณะที่ว่าวัตถุมงคลของท่านมีปาฏิหาริย์ให้เห็นคาตาก็เลยดัง"

เถรี
01-12-2017, 21:43
ถาม : เวลาทำสมาธิแล้วลืมตา กลับทำสมาธิได้ไม่ดีเหมือนตอนหลับตา ?
ตอบ : ความสามารถไม่พอ ถ้าความสามารถพอ สิ่งกระทบภายนอกจะไม่มีผลต่อสมาธิ ไปหัดใหม่

เถรี
01-12-2017, 21:45
ถาม : เวลาเรารีบแล้วลืมอะไรบางอย่าง เราจะฝึกอย่างไรดีครับ ?
ตอบ : เพิ่มสติ ถือแบบโบราณ โบราณก่อนที่จะทำอะไร ก่อนจะไปไหนก็หมุนมองรอบตัวเอง ๓ รอบก่อนว่าลืมอะไรหรือเปล่า ?

สติเกิดจากสมาธิ สมาธิสร้างสติให้แหลมคมว่องไว รับรู้สิ่งต่าง ๆ ได้ถนัดชัดเจนขึ้น จึงเป็นของที่เนื่องด้วยกัน ทิ้งกันไม่ได้

เถรี
01-12-2017, 21:49
ถาม : การที่เราคิดพิจารณากายคตาฯ เป็นของยากกว่าการที่เราใช้สมาธิกดทับใช่ไหมครับ ?
ตอบ : ยากกว่า แต่ถ้าทำได้ จะได้แล้วได้เลย ส่วนสมาธิกดทับง่ายกว่า หลุดเมื่อไรก็โดนงัดหงายท้อง ก็เลือกเอาว่าจะทำอย่างไร

ถาม : ตอนที่จิตยอมรับได้จริง ๆ ก็ต้องฝึกตั้งคำถามกับตัวเองบ่อย ๆ ใช่ไหมครับ ?
ตอบ : ตอนแรกเป็นการคิดในลักษณะของสัญญา ก็คือจำได้ รู้ว่าต้องคิดอย่างนี้ ๆ แต่พอซักซ้อมไปเรื่อย ๆ ท้ายที่สุดจะเห็นจริงตามนั้น ก็จะเป็นปัญญา

ถ้าอยากจะดูในเรื่องกายคตาสติให้ชัดเจน ก็ไปเปิดกรรมฐาน ๔๐ หลวงพ่อวัดท่าซุง บทที่ ๑๓ ดู

ถาม : ถ้าเกิดว่าเรามีเวลาสั้น ๆ ในการปฏิบัติ เช่น ครั้งละ ๑๕ นาทีต่อวัน เราควรจะฝึกอย่างไรให้เกิดผลที่สุดครับ ?
ตอบ : เข้าสมาธิให้เร็วที่สุด แล้วคลายออกมาพิจารณา

เถรี
01-12-2017, 21:52
ถาม : ถ้าพ่อแม่เราพูดแบบบั่นทอนกำลังใจเวลาเราทำดี โดยที่ท่านไม่รู้ตัวว่า ท่านกำลังทำอะไรอยู่ เราควรวางกำลังใจอย่างไรครับ ?
ตอบ : อย่าเอามาใส่ใจ ที่บั่นทอนกำลังใจเพราะเราเก็บมาคิด แค่ไม่ต้องไปสนใจ ท่านอยากพูดก็พูดไป เราจะทำอะไรเราก็ทำ ก็จบแล้ว

เถรี
01-12-2017, 21:59
ถาม : เวลาเรากินข้าว แต่ก่อนเราไม่ได้รู้สึกว่าอร่อย แค่รสชาติดี แต่ตอนนี้ที่เราหลงราคะมากขึ้น คือ เห็นผู้หญิงสวย กลับลามไปถึงรสชาติอาหาร มีการเนื่องกันหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : เนื่องกัน...เวลากำลังใจตกก็เจ๊งหมดทุกกระบวนท่า

ถาม : (ไม่ชัด)
ตอบ : ก็ในเมื่อลงก็ลงหมด ไม่ได้ลงทีละอย่าง อย่าลืมว่าแพ้กิเลส แพ้ตัวหนึ่งก็เท่ากับแพ้ทั้งหมด

ถาม : อย่างที่ทราบว่ามีรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ถ้าเป็นรสชาติ เสียง เราไม่กระเพื่อม แต่กับกลิ่นกระเพื่อมมากกว่า เกิดจากอะไรครับ ?
ตอบ : นิสัยเฉพาะแต่ละคน ก็เลยทำให้มีสิ่งที่รักชอบไม่เท่ากัน อะไรที่เรารักชอบมากกว่า ก็จะหวั่นไหวกับสิ่งนั้นง่ายกว่า

ถาม : อย่างผมไม่ได้หวือหวาไปกับบางอย่าง เป็นเพราะผมใช้สมาธิกดทับหรือครับ ?
ตอบ : ก็บอกแล้วว่า อันนั้นเราชอบน้อยกว่า ในเมื่อชอบน้อยกว่า ก็ไม่สนใจมากเท่ากับสิ่งที่เราชอบมากกว่า

ถาม : ไม่เกี่ยวกับเรื่องสมาธิ ไม่เกี่ยวกับปัญญาเลยหรือครับ ?
ตอบ : อยู่ที่สันดาน สันดานของเราชอบมากก็เสียท่าเขาง่าย ถ้าชอบน้อยก็ไม่รู้สึกรู้สาอะไร

เถรี
02-12-2017, 09:40
ถาม : การที่เราฝึกสมาธิกดทับกิเลส ทำให้กิเลสดับได้ไหมครับ ?
ตอบ : ดับชั่วคราว

ถาม : ข้อดีของการใช้สมาธิกดคืออะไรครับ ?
ตอบ : ทำให้มีความนิ่ง สงบ เย็น ปรากฏขึ้น สภาพจิตไม่ฟุ้งซ่านด้วยอำนาจของ รัก โลภ โกรธ หลง ถ้าจะใช้พิจารณาธรรมก็สามารถเห็นได้ชัดเจนขึ้น เหมือนอย่างกับเราปล่อยน้ำให้นิ่ง เมื่อน้ำนิ่งตกตะกอน มีความใส เราก็เห็นสิ่งต่าง ๆ ในน้ำได้ชัดขึ้น

เถรี
02-12-2017, 09:48
ถาม : เวลาเราตาย เราควรจะนึกถึงการภาวนาที่เราทำมา หรือควรจะนึกถึงทานที่เราทำมา ?
ตอบ : ให้เกาะพระนิพพานเอาไว้

ถาม : ถ้าเราเกาะพระนิพพาน เราจะได้ไปพระนิพพานไหมครับ ?
ตอบ : ไปไม่ได้ เพราะถ้ายังเกาะอยู่ก็ไปไม่ได้ แต่คราวนี้การเกาะพระนิพพานทำให้สภาพจิตของเรามีหลักยึด เป็นการยึดในจุดที่สูงที่สุด เมื่อถึงเวลาถ้ารู้ว่าควรจะปล่อยวางอย่างไร ก็จะไปได้เลย

ถาม : ถ้าเราไม่เกาะพระนิพพาน แล้วเราจะไปอย่างไรครับ ?
ตอบ : ก็ไปตอนไม่เกาะ ถ้าเอ็งกอดเสาอยู่จะไปไหนได้ ก็ต้องปล่อยเสาก่อน ทำให้ถึง...เดี๋ยวรู้เอง

เถรี
02-12-2017, 09:51
การจะไปพระนิพพานก็คือ การสั่งสมความดีใน ศีล สมาธิ ปัญญา จนถึงระดับสูงสุด การสั่งสมในระยะแรกเป็นการเกาะความดีไว้เพื่อความไม่ประมาท จะได้ไม่หลุดไปกระทำความชั่ว แต่เมื่อทำความดีจนถึงที่สุดแล้ว สภาพจิตจะปลดวางลงเอง รู้สึกว่าเต็มแล้ว พอแล้ว เมื่อถึงเวลานั้น ดีก็ไม่ยึด ชั่วก็ไม่ยึด ก็ในเมื่อดีก็ไม่เอา ชั่วก็ไม่เอา สุคติก็ไม่เอา ทุคติก็ไม่เอา ก็จะผ่ากลางไปเอง

ถึงวาระนั้นก็เป็นคนธรรมดายิ่งกว่าธรรมดา รู้ว่าอะไรดีก็ทำ อะไรชั่วก็ละ ไม่เกาะแล้วทั้งดีทั้งชั่ว เมื่อถึงเวลานั้นอารมณ์พระนิพพานจะเต็มอยู่ในใจของเราเอง อยู่ตรงไหนก็คือพระนิพพาน

ดังนั้น...บรรดาท่านที่เป็นสุกขวิปัสสโก ทำไมถึงรู้ว่าตนเองตายแล้วไปนิพพานแน่ ? ก็เพราะว่าพระนิพพานอยู่กับใจตัวเอง เป็นที่ใจตัวเอง อยู่ที่ไหนก็เป็นพระนิพพาน พระนิพพานก็ไม่ได้อยู่ที่ไหน อยู่ที่ใจเรานี่แหละ เพียงแต่ว่า ทำให้ถึง ทำให้ถูก ทำให้ดี ถึงเวลาแล้วก็วางไปหมดทั้งดีทั้งชั่ว แต่ก็ต้องเคารพสมมติทางโลก เขาว่าอะไรดีเราก็ทำไป เขาว่าอะไรชั่วเราก็หลีกเลี่ยง งดเว้นเสีย

เถรี
02-12-2017, 22:59
ถาม : ที่จริงที่เรียกว่าความดี หรือความชั่ว ก็เป็นสมมติที่นิยามกันขึ้นมาเอง ?
ตอบ : แล้วเราต้องเคารพสมมติไหมเล่า ? ไม่เคารพเขาก็ตื้บเราสิ

เห็นว่าดีชั่วเป็นสมมติภายนอก รู้ว่าดีก็ทำ รู้ว่าชั่วก็ละ เพียงแต่ไม่เกาะทั้งดีทั้งชั่ว

หลวงปู่มหาอำพันท่านใส่บาตรทุกเช้า ถ้าอาตมาอยู่ด้วยก็ต้องเตรียมข้าวของและคอยนิมนต์พระ ทีนี้พอเจอไปหลาย ๆ วัน หลวงปู่ไม่เหนื่อยแต่อาตมาเหนื่อย จึงกราบเรียนถามว่า "หลวงปู่ทำมาจนขนาดนี้ บุญก็กินไม่ไหวใช้ไม่หมดแล้ว ยังต้องไปทำอีกทำไมครับ ?"

ท่านบอก "อะไรกันคุณ..? คนที่สามารถไต่ขึ้นมาจนถึงปากเหวได้ มีแต่ต้องตะกายใปให้ไกล ๆ จะได้ไม่หล่นตุ้บกลับลงไปอีก" แล้วก็พยายามสร้างความดีต่อไปโดยไม่ประมาท

พ้นไปด้วยดีแล้ว แต่ในเมื่อทางสมมติโลกเขาถือว่าดีก็ทำไปเรื่อย อันดับแรก...เพื่อความไม่ประมาท อันดับที่สอง...เป็นแบบอย่างให้กับลูกศิษย์หลานศิษย์ทั้งหลายได้ทำตาม

หลวงตามหาบัวทำไมต้องตั้งโครงการช่วยชาติ ? ทำไมพระท่านโน้นสร้างโรงพยาบาล พระท่านนี้สร้างโบสถ์ พระท่านโน้นสร้างสำนักปฏิบัติธรรม ? บางท่านเราก็รู้ว่าท่านพ้นแล้ว แต่ท่านก็ยังทำอยู่ ท่านทำเพราะว่าสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่ดี ทำเพราะว่าสิ่งนั้นเป็นหน้าที่ ทำเพื่อให้ลูกศิษย์หลานศิษย์ได้เห็นเป็นแบบอย่างจะได้ทำตาม

เถรี
02-12-2017, 23:05
ถาม : การที่นั่งสมาธิแล้วตัวเอียงโคลงไปโคลงมา เราจะต้องตามดูไปไหมครับ ?
ตอบ : สนใจแต่คำภาวนากับลมหายใจเข้าออกเท่านั้น ถ้ายังมีคำมีภาวนาอยู่ ก็กำหนดคำภาวนา ถ้ายังมีลมหายใจอยู่ก็รับรู้ลมหายใจ ถ้าเรารู้จักสังเกตตัวเองจะเห็นว่า ตอนนั้นอาการไปแต่ตัว แต่ใจนิ่งมาก ไม่ต้องไปสนใจหรอก ถ้าอยากดิ้นตึงตังโครมครามก็ปล่อยให้เต็มที่ไปเลย

เถรี
02-12-2017, 23:10
ถาม : มีความสุขก็มักจะฝันถึงหลวงพ่อค่ะ เวลาเกิดคำถามอะไรขึ้นมา ก็จะมีคำตอบขึ้นมาเลย ก็สงสัยว่าตัวเองเป็นอะไรหรือเปล่า ?
ตอบ : กำลังใกล้บ้าแล้ว..!

ถาม : ทำอย่างไรดีคะ ?
ตอบ : คำตอบที่ได้มาก็ดูสิ ว่าสมเหตุสมผลไหม ? เรื่องราวถูกต้องเป็นจริงตามนั้นไหม ? ถ้าใช่ก็เป็นผลของทิพจักขุญาณ แต่คราวนี้ก็อย่าไปยินดี อย่าไปฟูอะไรมากมายนัก รู้ว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ มาได้ก็ไปได้ คราวนี้รู้ก็ไม่แน่ว่าครั้งหน้าจะรู้ แต่ถ้าครั้งนี้รู้ครั้งหน้ารู้ ครั้งต่อไปก็ไม่แน่ว่าจะรู้ ทำใจแบบไม่ประมาท เคยทำความดีในการรักษาศีล เจริญภาวนามาอย่างไรก็ทำต่อไป

ถาม : บางทีสวดมนต์ไหว้พระ ก็สงสัยว่าทำไมเราทำแล้วต้องทำต่อไปเรื่อย ๆ ?
ตอบ : สะสมความดี ถ้าหากว่าขาดช่วงลง ความชั่วแทรกเข้ามาได้เราจะขาดทุนมาก ฉะนั้น...การทำความดีจึงต้องทำให้ต่อเนื่องตามกัน

เถรี
02-12-2017, 23:14
ถาม : อยากฝากตัวเป็นลูกศิษย์พระอาจารย์ต้องทำอย่างไรคะ ?
ตอบ : ก็ไม่มีอะไร ก็ให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนาไปแค่นั้นเอง เคยทำความดีอะไรก็ทำอย่างนั้น ถึงเวลารับคำสอนอะไรไปที่ตรงใจตัวเองก็ตั้งหน้าตั้งตาทำไป ก็แค่นั้นเอง อย่าไปคิดมากอะไร

เถรี
02-12-2017, 23:17
ถาม : มีคนทำของใส่อยู่ในตัวผม คืออะไรครับ ?
ตอบ : ต้องไปถามคนอื่นจะได้เสียเงิน ถามตรงนี้ไม่เสียอะไร จำไว้ว่าอย่าทะลึ่งไปถามใครแบบนี้ คนเขายิ่งจะหาหนทางเอาเงินจากเรา ดันไปถามเปิดช่องให้เขา เดี๋ยวเขาก็หาวิธีแก้ไขให้แพง ๆ เท่านั้น

ยึดมั่นในคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เอาไว้เป็นหลัก ไสยศาสตร์อะไรก็ทำอันตรายเราได้ยาก ยกเว้นว่าเราไปเปิดช่องให้เขาเอง

ถาม : จะแก้ไขอย่างไรดีครีบ ?
ตอบ : ก็ภาวนาของเรา ถ้ากำลังใจทรงตัว พวกนั้นก็เจ๊งไปเอง ไสยศาสตร์เหมือนกับความมืด พุทธศาสตร์เหมือนกับความสว่าง ถ้าความสว่างปรากฏขึ้นมา ความมืดก็อยู่ไม่ได้ เพราะฉะนั้น...ไปตั้งหน้าตั้งตาทำเอา

เถรี
03-12-2017, 08:54
ถาม : ที่ทำงานในปัจจุบันเป็นอย่างไรบ้างคะ ?
ตอบ : ต้องไปถามหมอดู บอกแล้วว่าเรื่องแบบนี้อย่ามาถามตรงนี้ ถามตรงนี้แล้วไม่เสียเงิน ต้องไปถามที่เขาคิดเงินแพง ๆ

ทำไมชอบไปเปิดทางให้เขาทำมาหากิน ? ปกติเขาก็ตั้งใจหลอกเราอยู่แล้ว ดันไปเปิดทางให้เขาหลอกได้ ก็ยิ่งซวยหนัก อาตมาถือว่าเป็นคำถามเหลวไหลเลย

ถาม : ไม่รู้จะทำอย่างไรค่ะ ?
ตอบ : ก็บอกแล้วว่าให้เลิกถาม ถ้าจะถามให้ไปถามที่อื่น

พวกเราต้องบอกว่ากำลังใจยังต่ำมาก เมื่อเกิดความกังวลอะไรขึ้นมา ก็มักจะไปเที่ยวเสาะถามที่นั่นที่นี่ ด้วยเหตุนี้บรรดาสำนักทรง สำนักหมอดูต่าง ๆ ถึงได้เฟื่องฟูขึ้นมา ขณะเดียวกันคนทั้งหลายเหล่านี้ที่หากินก็จะพยายามกล่าว พยายามทัก ให้เรารู้สึกว่ามีอะไรที่น่ากลัวน่าตกใจ แล้วค่อยบอกว่ามีวิธีแก้ไข ซึ่งวิธีแก้ไขแต่ละอย่างก็ล้วนแต่ต้องเสียเงินแพง ๆ

เราเองแทนที่จะพยายามปิดช่องของตัวเอง ไม่ให้เขาหากินกับเราได้ เรากลับไปเปิดทางให้เขาด้วยการถามเสียเอง ถ้าอาตมาเป็นแบบพวกนี้ก็รวยไปนานแล้ว คนชอบถามเหลือเกิน บางคนก็ถามว่าพ่อตายแล้วเป็นอย่างไรบ้าง ? สบายดีหรือเปล่า ? จะบอกว่าไม่สบาย ต้องซื้อเบนซ์ถวายอาจารย์สักคันแล้วอุทิศส่วนกุศลไปให้..!

เรียกว่าไปเปิดช่องให้คนอื่นหากิน หาเรื่องเดือดร้อน จำได้ไหมว่าเดือนก่อนที่มีร่างทรงบอกเขาว่ามีตอตะเคียนอยู่ใต้บ้าน เขาขุดจนบ้านพังทั้งหลังแล้วไม่เจออะไร มานั่งร้องไห้ว่าไม่มีบ้านอยู่แล้ว

เถรี
03-12-2017, 09:42
วันนี้ก็มีโยมมาสอบถามปัญหา พอวิธีแก้ไขง่ายเกินไป ด้วยการให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนา แกก็ดันถามต่ออีกว่าไม่ต้องเปลี่ยนชื่อหรือ ?

อาตมายืนยันว่าเรื่องเปลี่ยนชื่อไม่มีผลหรือมีผลน้อยสุด ๆ ตรงที่มีผลก็คือ รู้สึกดีที่ได้เปลี่ยนชื่อ ถ้าจะให้ดีจริง ๆ ไม่ต้องเปลี่ยนชื่อ แต่ให้เปลี่ยนความประพฤติของตัวเองเสีย ถ้าเราคิดดี พูดดี ทำดี ท้ายสุดทุกอย่างจะดีไปเอง แต่ก็มักจะไปเปลี่ยนชื่อกัน เปลี่ยนจนกระทั่งอ่านไม่ออก แปลไม่ได้ ถ้าต้องเขียนชื่อเป็นภาษาอังกฤษ ฝรั่งปวดกบาลตายเลย

อาตมาชื่อพระครูวิลาศกาญจนธรรม ใช้ภาษาอังกฤษ ๒๘ ตัวอักษร ไปปากีสถานจะผ่านด่านเข้าที่จีน เจ้าหน้าที่ด่านดูเสร็จบอกว่า "Your name is too long." ก็เลยบอกว่านี่ยังสั้นนะ "My King have The longest name in the world."

สมัยก่อนเขาว่าตั้งชื่อมักจะตั้งคำเดียว สองคำ ตั้งชื่อยาว ๆ ไปทำเทียมเจ้าเทียมนาย เขาว่าอัปรีย์จัญไรจะกินหัว จะเห็นว่าสมัยก่อนมีแต่เชื้อพระวงศ์ต่าง ๆ ที่ชื่อยาว สมัยนี้ แหม...ชื่อยาวเหลือเกิน ยาวจนแปลไม่ออกอีกต่างหาก

สมัยก่อนชื่อยาวแล้วความหมายดี สมัยนี้ชื่อยาวแต่แปลไม่ได้ จะตั้งไปทำอะไร ? บางคนอาตมาอ่านไม่ออก ต้องถามเจ้าของว่าอ่านว่าอย่างไร ก็ในเมื่อชื่อยากอย่างนี้แล้วชีวิตจะง่ายได้อย่างไร ?

เถรี
03-12-2017, 09:46
ถาม : ช่างเขาไม่ให้ตัดผมวันพุธครับ
ตอบ : โบราณเขาบอกวันพุธห้ามตัด นั่นเป็นความเชื่อถือของเขา แบบเดียววันศุกร์ห้ามเผาผี อาตมาตัดมาเสียเยอะแล้ว ไม่ได้ตัดเฉย ๆ โกนอีกต่างหาก

อยู่ที่เราว่าจะเชื่อไหม ? ความจริงไม่ใช่อะไรหรอก ช่างตัดผมอยากจะหาวันหยุดสักวัน ไม่มีวันหยุดเลยก็ไม่ไหว...ใช่ไหม ?

เถรี
03-12-2017, 09:56
มีโยมเอากระเป๋ามาถวาย "อาตมาใช้งานทั่วไป ไม่ต้องไปเอาอะไรหรูหรามากมายหรอก แบบเดียวกับโทรศัพท์เครื่องละ ๗๐๐ บาท ทิ้งไว้ที่ไหนก็ไม่หาย โนเกียอีกต่างหาก เครื่องที่แล้ว ๗๙๐ บาท ใช้อยู่ ๔ ปีกว่า เฉลี่ยแล้วปีละ ๑๐๐ กว่าบาท เราไม่มีความจำเป็นอะไรที่ต้องไปใช้อย่างอื่น ก็แค่ส่งออก รับเข้า ฟังข้อความเท่านั้นเอง จะไปนั่งเขี่ยทั้งวันก็ไม่ใช่นิสัยอีก

ต้องบอกว่าตายด้านไปแล้ว อะไรที่เป็นเทคโนโลยีใหม่ ๆ ไม่สามารถที่จะเรียกร้องความสนใจของอาตมาได้ ไปนึกถึงหลวงพ่อวัดท่าซุง ท่านซื้อโทรศัพท์มือถือรุ่นแรก ที่เหมือนกับกระเป๋าเจมส์บอนด์ หิ้วไปไหนได้ จำได้ว่ายี่ห้อ Hotline ราคา ๘๐,๐๐๐ บาท เสร็จแล้วเขาไปตั้งเสาให้ที่วัด พอตั้งเสร็จเขาก็บอกว่าต้องบอกวิธีใช้ เมื่อถึงเวลาจะได้ถวายรายงานกับหลวงพ่อท่านได้ถูกต้อง

พระทั้งวัดจิ้มนิ้วมาที่อาตมา "ความจำดี มึงไปเลย" ก็ไปฟังเขา เมื่อเขาสอนวิธีการเสร็จสรรพเรียบร้อย ขอลอง ๑ รอบ เขาเห็นว่าทำขั้นตอนถูกก็โอเค อาตมาก็รอจนกระทั่งหลวงพ่อท่านกลับจากบ้านสายลม เห็นท่านว่างก็ไปกราบเรียนว่า "ช่างเขามาติดตั้งเสาโทรศัพท์แล้ว ขออนุญาตเรียนบอกวิธีใช้ให้หลวงพ่อทราบครับ" ท่านก็ว่า "ไหน...ว่ามาซิ" ก็เริ่มต้น หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้าตามขั้นตอน เสร็จสรรพเรียบร้อย

ท่านก็บอก "เอ้า...ว่าใหม่อีกหน" ก็หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า ตามขั้นตอน "ขอบใจนะ เขาไปบอกวิธีให้ข้าที่บ้านสายลมแล้ว" สรุปว่าถ้าบอกผิดนี่จะตายไหมนั่น...! แสดงว่าขาวิ่งกลับจากท่าซุงแล้วก็แวะบ้านสายลม ไปเรียนบอกวิธีใช้ให้หลวงพ่อท่านทราบ"

เถรี
05-12-2017, 20:06
พูดถึงเรื่องที่จะไปญี่ปุ่น "อาตมาอาศัยเขาไป ข้าวของก็ไม่ได้นึกอยากจะซื้ออะไร จะเอาซามูไรแบบที่ต้องการก็ไม่ไหว เล่มหนึ่งราคาเป็นล้านเลย ไม่รู้ว่าต่อคิว ๕ ปีจะได้หรือเปล่า ? ตอนนี้คุณปู่อายุ ๙๐ กว่าปีแล้วยังตีซามูไรอยู่ คิดเป็นเงินไทยเล่มละประมาณห้าแสนกว่าบาท

ของเรามีบ้านจ่าตุ่มอยู่ ถึงเวลาอยากได้อะไรก็ที่โน่นทำได้ เพียงแต่ว่าไม่ใช่ต้นตำรับเท่านั้น อะไรที่เป็นต้นตำรับ รู้สึกว่ามีคุณค่า ตั้งแต่ฝรั่งผลิตเหล็กโคลสตีลออกมาแล้ว รู้สึกว่าซามูไรญี่ปุ่นจะเฉาไปเลย"


ถาม : บ้านจ่าตุ่มเคยขนเอามีดดาบของเก่าที่เก็บไว้ทั้งหมดมาให้ลองฟันดู เวลาฟันดาบซามูไร รู้สึกเหมือนที่ใบมีน้ำหนักไม่เสมอกันตลอดเล่ม ?
ตอบ : น้ำหนักจะถ่วงปลาย การที่น้ำหนักถ่วงปลาย ถ้าคนใช้กำลังเป็น จะหนักเฉพาะตอนฟันดาบแรก ดาบต่อ ๆ ไป อาศัยการดึงของใบพาต่อไปได้เลย

ถาม : อย่างนี้ที่เห็นในหนัง เวลาซามูไรฟันดาบเร็วมาก ๆ นั่น เขาใช้วิธีฟันเฉพาะครั้งแรก ที่เหลือน้ำหนักดาบพาไปหรือคะ ?
ตอบ : กว่าจะใช้ดาบจริงได้ฝึกกันเป็นสิบ ๆ ปี โดนอาจารย์ตีหัวร้างข้างแตกไม่รู้ว่ากี่ครั้งต่อกี่ครั้ง แต่ก็อย่างว่าแหละ...เด็กหัดใหม่กับปรมาจารย์นั้นต่างกันมาก เนื่องจากท่านมองเราท่านก็รู้แล้วว่าจะขยับท่าไหน ท่านก็ชิงตีก่อนทุกที กว่าเราจะเก่งได้ก็น่วมไปทั้งตัว

เถรี
05-12-2017, 20:12
ถาม : เวลาที่เราอาราธนาบารมีครูบาอาจารย์ที่ยังมีชีวิต ท่านจะสงเคราะห์เราอย่างไรคะ ?
ตอบ : ครูบาอาจารย์ที่ได้อภิญญา เราขอท่านรู้ก็ส่งกำลังมาช่วย ท่านที่ไม่ได้อภิญญา ถ้าเราอาราธนาด้วยความเคารพ เทวดารักษาตัวท่านก็จะช่วยแทน เอาเป็นว่ากำลังใจของเราก็ต้องเกินครึ่งแล้ว "จงช่วยตัวเองก่อนที่พระเจ้าจะช่วยท่าน" ก็คือพอมีความมั่นใจในคุณครูบาอาจารย์ เกิดความมั่นคงไม่หวั่นไหว สติสมาธิแน่วแน่ โอกาสที่จะชนะก็มีมาก

ถาม : กรณีที่เกิดเหตุอันตรายเฉพาะหน้าแล้วเรานึกถึงครูบาอาจารย์ขอให้ท่านช่วย เทวดาที่รักษารูปเคารพ ทำหน้าที่แทนท่านไหมคะ ?
ตอบ : ถ้าหากว่ามีวัตถุมงคลอยู่ คือเทวดาที่รักษาวัตถุมงคลนั้น ถ้าไม่มีวัตถุมงคลอยู่ ก็คือเทวดาที่ท่านดูแลรักษาครูบาอาจารย์ท่านนั้น

ถาม : ภัยระดับสึนามิ ช่วยกันอาราธนาคุณครูบาอาจารย์ด้วยความเคารพ ถ้าไม่มีวิบากกรรม ก็ถึงกับไม่เกิดขึ้นได้ ?
ตอบ : อย่างน้อยสึนามิก็ทำให้หลี่เหลียนเจี๋ยหันมานับถือศาสนาพุทธ ตัวเองขนาดเก่งวิทยายุทธ แต่ช่วยลูกช่วยเมียไม่ได้ ต้องอ้อนวอนขอร้องสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ช่วย ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านั้นก็ไม่ได้นับถือจริงจัง ปรากฏว่าลูกเมียรอดหมด ก็เลยหันมานับถือศาสนาพุทธ

เถรี
05-12-2017, 20:39
พระอาจารย์กล่าวว่า "บางคนก็มีความจำเป็น ไม่ได้เจอหน้ากันหลายปี ต้องบอกว่าถ้าเป็นอาตมา ๕ ปีน่าจะสร้างทางรถไฟสายทรานส์ไซบีเรียเสร็จแล้ว

ระยะเวลา ๑ วันถือว่ามาก แล้ว ๕ ปีมากไหม ? โดยเฉพาะบุคคลผู้ปฏิบัติธรรม ต้องทำตัวเป็นบุคคลผู้มีวันนี้วันเดียว ถ้าคิดเผื่อพรุ่งนี้เมื่อไรแปลว่ามีความประมาทเมื่อนั้น สมมติว่าเราประมาทมาก ๆ ตีเสียว่าปีหนึ่งมีโอกาสตาย ๑ ครั้ง ๕ ปีมีโอกาสตายไปแล้ว ๕ ครั้ง นี่อย่างน้อยที่สุดนะ ถ้าเรายังทำอะไรไม่สำเร็จ แล้วตายไปก่อนที่จะพบความสำเร็จ ก็น่าเสียดายมาก โดยเฉพาะในเรื่องของการปฏิบัติธรรม

การปฏิบัติธรรมถ้าเราทิ้งนาน ๆ กิเลสจะมีกำลังมากกว่า ทุกคนที่มีประสบการณ์ทิ้งการปฏิบัติ ก็จะรู้ว่ากว่าจะตีคืนได้ยากเย็นแสนเข็ญขนาดไหน เรื่องการปฏิบัติธรรมวันละ ๒๔ ชั่วโมงยังไม่เพียงพอให้เราสู้กับกิเลสด้วยซ้ำไป คราวนี้พอเราขาด เราทิ้งไปนาน ๆ กิเลสเขาซักซ้อมตัวเองอยู่ทุกวันมีความแข็งแกร่ง ส่วนเราเองนาน ๆ จะโผล่หน้ามาทีหนึ่ง เหมือนกับนักกีฬาเรื้อเวที โผล่หน้าไปทีไร ถูกกิเลสตีตายทุกครั้ง

ในส่วนของการปฏิบัติทั่ว ๆ ไป เรามักจะพบกับสถานการณ์จิตตก สมาธิตก กรรมฐานแตก พังกันทีเป็นเดือนเป็นปี ก็ต้องบอกว่าด้วยความประมาทของพวกเราเอง แต่จะไม่ให้พลาดเลยก็เป็นไปไม่ได้ กิเลสมาได้ละเอียดลออมาก ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เป็นแหล่งที่กิเลสเข้าถึงเราได้ตลอด ทำอย่างไรจึงจะสำรวม ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ไม่ให้กิเลสกินเราได้

หลัก ๆ เลยก็คืออานาปานสติ อยู่กับลมหายใจเข้าออก พ้นจากกิเลสได้ชั่วคราว หลุดจากลมหายใจเข้าออกเมื่อใด ก็โดนกิเลสตีน่วมอีก"

เถรี
05-12-2017, 20:59
พระอาจารย์กล่าวว่า "ถ้าเป็นจันทน์หอมจริง ๆ กลิ่นจะหอมนวล ๆ ไม่ได้หอมแรง ถึงได้เข้าใจว่าสมัยพระพุทธเจ้ามีการสร้างคันธกุฎีด้วยไม้จันทน์ถวาย ทำไมพระองค์ท่านถึงจำพรรษาอยู่ได้ ถ้าเป็นไม้จันทน์ขาวกลิ่นจะหอมแรง หอมฉุนเลย ไม่น่าที่จะอยู่ได้"

ถาม : ที่เขาเรียกว่าเสน่ห์จันทร์ล่ะคะ ?
ตอบ : เสน่ห์จันทร์เป็นว่าน มีเสน่ห์จันทร์ขาว เสน่ห์จันทร์แดง เป็นต้น ส่วนไม้ที่เอาไปทำกุฏิคันธกุฎีนั่นไม้จันทน์หอม จันทร์แดงคนจีนเรียกว่าไม้จันทร์ม่วง เพราะว่าใช้ ๆ ไปเก่าแล้วจะดำเข้มขึ้นเรื่อย ๆ จนออกเป็นสีม่วงแดง จึงเรียกว่าไม้จันทร์ม่วง

เถรี
05-12-2017, 21:08
ไม้กฤษณาต้องโดนความร้อน น้ำมันหอมระเหยออกมาจึงมีกลิ่น ไม่อย่างนั้นถ้าทั่ว ๆ ไปเราไปเจอก็ไม่รู้ว่าเป็นไม้อะไร สมัยก่อนเวลาหาไม้หอมพวกกฤษณา จะมีการทำบวงสรวงพลีเจ้าป่าเจ้าเขาก่อน เมื่อหาเจอแล้วยังต้องเสี่ยงดวงอีก

เพราะว่าไม้กฤษณาบางต้นเป็นแผล มีเชื้อราเกิดขึ้น ไม่ใช่ว่าสามารถมาโค่นได้ทั้งต้น จะได้แค่ตรงนั้นชิ้นเดียว สมัยนี้เทคโนโลยีดีขึ้น ปลูกไม้กฤษณาได้ ใช้ตะปูตอกพรุนไปทั้งต้นเลย ทำให้แผลเกิด พอแผลเกิดเชื้อราลง จึงได้ไม้หอมทั้งต้น

เมื่อประมาณน่าจะปีไม่เกิน ๒๕๓๒ อาตมาไปช่วยกันปลูกต้นไม้ให้วัดหลวงพ่ออุดม (วัดป่าผาตาดธารสวรรค์) ตอนนั้นหลวงพ่อประภายังเป็นเจ้าอาวาสอยู่ ปลูกไปได้สัก ๒ ปี ย้อนกลับไปดู กลายเป็นดงวัชพืชหมดแล้ว ไมยราบบ้าง เถาวัลย์ไฟบ้าง เลื้อยทับถมจนมองต้นกฤษณาแทบไม่เห็น น่าเสียดาย...เพราะว่าพื้นที่เหมาะมาก

ด้วยความที่วัดใหญ่เกินไป คนดูแลไม่ทั่วถึง วัดป่าผาตาดธารสวรรค์ขออนุญาตใช้พื้นที่ป่าได้ตั้ง ๓,๐๐๐ ไร่ แต่การใช้พื้นที่ป่าต้องปลูกต้นไม้คืนเขา ๑๐ เปอร์เซ็นต์ ก็แปลว่าต้องปลูกป่าคืนเขา ๓๐๐ ไร่ ต้นกฤษณาที่ปลูกไล่ ๆ กันที่เกาะพระฤๅษีโตประมาณขาอ่อนแล้ว ส่วนที่โน่นจมหายไปในดงเถาวัลย์เลย

เถรี
05-12-2017, 21:14
ถาม : คนไทยไม่รักษาสมุนไพร ? ถึงกับเอาไปตรวจสอบทีละตัว แล้วประกาศว่าเกือบทั้งหมดเป็นพิษ ทั้งที่เวลาทำยา คนโบราณจะรู้ว่าจะฆ่าพิษก่อนอย่างไร อะไรเข้ากับอะไรแล้วจะมีสรรพคุณเป็นยา
ตอบ : ต้องบอกว่าคนสมัยใหม่สู้คนสมัยเก่าไม่ได้ แต่ดันไปคิดว่าตัวเองฉลาด เพลงยาวพยากรณ์กรุงศรีอยุธยาบอกว่า ทั้งพืชพรรณว่านยาก็ถอยรส พืชพรรณในการรักษาน้อยลงเพราะว่าพื้นที่เสื่อม ถ้าต้องการยาที่มีฤทธิ์รักษาจริง ๆ ต้องเข้าป่าลึกไปเลย ซึ่งก็ยากต่อการเดินทาง

สมัยก่อนหัวไร่ชายนามีแต่สมุนไพรเพราะว่าพื้นที่อุดมสมบูรณ์ พื้นที่ภาคกลางปล่อยให้น้ำท่วมทุกปี ถึงเวลาน้ำท่วมมาก็พาปุ๋ยต่าง ๆ มากับสายน้ำด้วย แต่สมัยนี้น้ำไปตามคลองไม่ได้ ถึงได้ท่วม

เดี๋ยวนี้คนใจร้อนใจเร็ว สมุนไพรต้องกินไประยะหนึ่ง สะสมกำลังยาจนได้ที่ถึงจะรักษาโรคหาย สมัยนี้เขาชอบยาฝรั่ง กินปุ๊บรู้เรื่องปั๊บเลย แต่คราวนี้ยาฝรั่งมีพิษตกค้างมาก ยาไทยพิษตกค้างไม่มี ร่างกายขับออกได้ แต่ออกฤทธิ์ช้าเลยไม่ทันใจ

ถาม : สมัยนี้หากะเพราแดงมากินแก้ความดันต่ำไม่ได้แล้ว ?
ตอบ : กะเพราแดงกับน้ำตาลทรายแดงโขลกเข้าด้วยกัน แก้ไอก่อน อย่างอื่นว่ากันทีหลัง ประเภทไอไม่เลิก เด็ดกระเพราแดงมา ๔-๕ ใบใส่น้ำตาลทรายแดงสักช้อนหนึ่ง สมัยนี้เขากินน้ำตาลทรายแดงกันหรือเปล่า ?

น้ำตาลทรายแดงก็คือน้ำตาลอ้อยที่เคี่ยวแบบธรรมชาติ ไม่ผ่านการฟอกสีปรุงแต่ง หน้าตาอาจจะดูไม่ดี แต่สรรพคุณทางยาหรือทางอาหารเหนือกว่าน้ำตาลทรายขาวเยอะมาก สมัยก่อนทุกบ้านจะมีปลูกอ้อยแดงไว้ เผื่อเอาไว้ทำยา ทำอาหาร จะหมักน้ำปลาก็ผ่าอ้อยไปรองก้นโอ่ง บ้านไหนหมักน้ำปลา เดินห่างครึ่งกิโลเมตรก็รู้แล้ว ส่งกลิ่นมาแต่ไกลเลย

เถรี
05-12-2017, 21:52
ถาม : ลูกน้องท้าวเวสสุวรรณเขาจะมีหน้าดูแลอะไรบ้างในโลกนี้ครับ ?
ตอบ : ดูแลสถานที่สำคัญ ดูแลบุคคลสำคัญ ดูแลขุมทรัพย์ เพราะฉะนั้น...บรรดาบุคคลสำคัญไม่ใช่แต่ของประเทศเรานะ ประเทศต่าง ๆ ด้วย เขาก็มีเทวดารักษานะครับ...!

ถาม : แล้วที่ดูแลขุมทรัพย์นี่อะไรบ้าง ?
ตอบ : ก็สารพัด บ่อน้ำมันก็มี แร่ธาตุสำคัญต่าง ๆ ก็มาก ทองคำธรรมชาติก็เยอะ

ถาม : น้ำมันดิบอย่างนี้ จะขุดเจอ ขอท่านได้ไหมครับ ?
ตอบ :โอกาสเจอก็ยาก รู้ไหมว่าบริษัทอารามโกที่เป็นการร่วมทุนระหว่างอเมริกันกับอาหรับ ทำการขุดน้ำมันที่ซาอุดิอาระเบียจนหมดอารมณ์แล้ว เพราะเจาะไป ๖ กิโลเมตรแล้วยังไม่เจออะไร ต้องบอกว่าตัวผู้จัดการบริษัทดื้อโคตรเลย ถ้าไม่ดื้อขนาดนั้นขุดไม่เจอหรอก

ทางบริษัทบอกว่าถอนตัวออกมาเถอะ ลงทุนไปก็ไร้ประโยชน์ ขุดมาเป็นปี ๆ แล้วไม่มีอะไรเป็นผลตอบแทนเลย ไอ้นั่นก็บอกจะให้กลับเมื่อไร ? "พรุ่งนี้" ผู้จัดการก็ไปบอกลูกน้อง วันนี้เจาะให้เต็มที่เลย..ทิ้งทวน...พรุ่งนี้เก็บของกลับบ้าน ตูมเดียวลงกลางบ่อเลย แสดงว่าเลยอีกไม่กี่เมตร น้ำมันทะลักขึ้นมา เขาบอกว่ารัศมีเป็นกิโลเมตร...นองไปหมด ไม่เคยมีการเจาะน้ำมันลึกขนาดนั้นมาก่อนในอดีต

ต้องบอกว่าถ้าไม่ได้คนตื๊อขนาดนั้นเทวดาคงไม่ยอมใจเขาหรอก มีใครจะเจาะพื้นดินลงไป ๖,๐๐๐ กว่าเมตร เขาขอแท่งต่อหัวเจาะมาจากทุกที่ซึ่งบริษัทเขาไปลงทุน ขอทั่วโลก ขอมาจนหมด ดื้อจะเอาให้ได้ แล้วก็ทำได้จริง ๆ

ถาม : ทำไมจึงขุดได้ ?
ตอบ : ต้องบอกว่าเขาซื่อตรงต่อหน้าที่จนกระทั่งเทวดายอมใจ ไม่อย่างนั้นปกติบวงสรวงขอเขาก็ไม่ให้กันง่าย ๆ หรอก

ถาม : เขามีความมั่นใจขนาดนั้น ?
ตอบ : ไม่ใช่มั่นใจ เขามั่นคง มั่นคงต่อหน้าที่ตัวเอง แบบเดียวกับในหลวงรัชกาลที่ ๙ หน้าที่ซึ่งจะทำให้ประชาชนทั้งประเทศอยู่ดีกินดีเสมอกัน เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ แต่พระองค์พยายามทำให้เป็นไปได้ นั่นแหละคือความมั่นคงต่อหน้าที่ของตนเอง

แถวภาคเหนือถ้าไม่ได้ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ป่านนี้ก็ยังเป็นดงฝิ่นอยู่นั่นแหละ ปีหนึ่ง ๆ ได้อยู่ในวัง ๔ เดือน นอกนั้นออกข้างนอกตลอด ไม่เสด็จไปต่างประเทศเกิน ๓๐ ปี เพราะความรู้สึกแค่ว่าถ้าชาวบ้านยังไม่ได้อยู่ดีกินดี พระองค์ท่านก็ไม่รู้ว่าจะไปต่างประเทศทำอะไร คือความรู้ที่ศึกษามานั้นพอแล้ว ขอให้ใช้จริง ๆ เท่านั้น ในหลวงตอนแรกเรียนสาขาวิทยาศาสตร์ พอรู้ว่าจะต้องขึ้นครองราชย์ก็เปลี่ยนเป็นรัฐศาสตร์ทันทีเลย

เถรี
05-12-2017, 22:01
พระอาจารย์กล่าวว่า “มีดหมอต่าง ๆ ที่อาตมาสะสมมาเกินร้อยเล่ม ร้อยละ ๙๙ คือมีดสำหรับใช้งานจริง ๆ คนสมัยก่อนเขาไม่ได้ใช้อย่างเรา มีดใช้งานคือใช้จริง ๆ ส่วนมีดหมอที่จะใช้งานด้านแก้ไสยศาสตร์โดยตรงต้องหลวงพ่อบุญมี วัดเขาสมอคอน เพราะว่าท่านให้ลบคมหมดทุกเล่ม ยกเว้นว่าใครจะไปลับคมเอง ไม่อย่างนั้นถึงเวลาไปสับไล่โรค ถ้ามีคมเดี๋ยวเข้าเนื้อคนไข้”

เถรี
06-12-2017, 09:55
ถาม : (ปรอทกรอ)
ตอบ : อาตมาพกอยู่ ๓ ลูก สีเงินหายากที่สุด เวลาพกเดินผ่านเครื่อง X-Ray ไม่ดังหรอก เจ้าเฟิร์สเดินตามตูดมา อาตมาบอกว่าพกมีดหมอชาตรีมาด้วย มั่นใจว่าไม่ดังหรอก เดินผ่านไปก็เงียบ เฟิร์สถามว่า "แล้วถ้าเขาค้นล่ะ ?" ถ้าไม่ดังแล้วเขาจะค้นทำไม ? แต่ต้องอาราธนาไว้นะ...ไม่อย่างนั้นก็ดัง

อาตมาไปเผลอที่เขมร เจ้าหน้าที่เขามาให้ดูดวงให้ มัวแต่ดูอยู่ พอถึงเวลาขึ้นเครื่องก็พรวดพราดเข้าไป เลยไม่ได้อาราธนา เครื่องดัง...ทีนี้เลยต้องขอว่าอย่าให้เขาค้นเจอ

ขอแนะนำว่าอย่าทำ ถ้าดังแล้วโดนเขายึดไปจะน่าเสียดาย ตอนไปเนปาลเครื่องไม่ดัง แต่เขาก็ค้นทุกคน ไปเจอตะกรุดหลวงพ่อทบเข้า เจ้าหน้าที่วิ่งไปถามกันใหญ่เลยว่านี่คืออะไร ?

เถรี
06-12-2017, 22:07
ถาม : ช้างที่โดนตัดงาจะตายไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าตัดงาไม่ทะลุถึงโพรงรากฟันก็ไม่เป็นไร ถ้าทะลุถึงโพรงฟันก็มีโอกาสติดเชื้อได้ เหมือนกับคนเราฟันทะลุเป็นรู

ถาม : แล้วในเรื่องที่พระยาฉัตทันต์โดนตัดงาตาย ?
ตอบ : นั่นท่านไม่ได้ตายเพราะโดนตัดงา ตายเพราะลูกศรอาบยาพิษ โดนพรานโสณุดรยิง ด้วยความที่พระโพธิสัตว์ท่านฉลาดมาก สังเกตว่าแนวลูกศรมาจากใต้ดิน มองเห็นว่าพื้นตรงนั้นมีร่องรอยผิดปกติ ก็เอาเท้าเหยียบปิดไว้ก่อนแล้วถึงร้องขึ้นมา พวกบรรดาช้างอื่น ๆ พอรู้ก็วิ่งออกไปหาศัตรูกัน ท่านค่อยเขี่ยเปิดพื้นขึ้นมาแล้วบอกให้รีบหนีไป ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวตาย พรานโสณุดรจึงบอกว่าได้รับคำสั่งให้มาเอางาไป

เถรี
06-12-2017, 22:10
พระอาจารย์ถักลวดใส่วัตถุมงคล "สังเกตเห็นหรือเปล่าว่าคนเป็นงานกับคนไม่เป็นงานนั้นต่างกันขนาดไหน ? แค่นี้ก็เสร็จแล้ว

เรื่องแบบนี้อาตมาบอกไม่ถูกเหมือนกัน มองไปก็รู้เลยว่าต้องทำอย่างไร ขณะที่คนอื่นมองแทบตายก็ไม่รู้ว่าทำอย่างไร คงจะเป็นของที่ข้ามชาติข้ามภพมา

สมัยเด็ก ๆ เห็นพวกพี่ ๆ เขาถักสายไฟใส่วัตถุมงคลกัน สมัยนี้ถ้าไปเจอพระแบบนั้นให้คว้าได้เลย โอกาสที่จะปลอมมีน้อยมาก เพราะว่าเป็นของเก่าจริง ๆ สมัยก่อนไม่มีการเลี่ยมพลาสติก ใช้เชือกถักบ้าง ใช้ลวดถักบ้าง"

เถรี
06-12-2017, 22:25
ถาม : พระพุทธเจ้าทรงทรมานกายอย่างไรบ้าง ?
ตอบ : ทรมานสารพัดอย่าง กำมือจนเล็บงอกทะลุหลังมือ แค่อย่างเดียวนี้เราทำได้ไหม ?

ถาม : พระนางพิมพาอยู่คนละเมือง แล้วคอยว่าเจ้าชายสิทธัตถะปฏิบัติอย่างไรก็ทำตามบ้าง ท่านรู้ได้อย่างไร ?
ตอบ : มีคนคอยส่งข่าวให้ แต่คราวนี้ว่าคนที่คอยส่งข่าวให้ไม่รู้ว่ามีตัวหรือไม่มีตัวนะสิ

พระนางพิมพาเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่ได้อภิญญาใหญ่ คำว่า อภิญญาใหญ่ ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงอภิญญาทั่วไป คือท่านที่ได้อภิญญาใหญ่สามารถระลึกชาติได้โดยไม่จำกัด มีพระนางพิมพา พระโมคคัลลานะ พระสารีบุตร พระมหากัสสปะ มีแค่ไม่กี่รูปเท่านี้ นอกนั้นก็จะโดนจำกัด เช่น ระลึกได้แสนชาติบ้าง ๑ กัปบ้าง ๒ กัปบ้าง ๕ กัป ๑๐ กัปบ้าง คราวนี้ด้วยความที่ท่านมีความสามารถเดิมมาขนาดนั้น บางทีการรู้ อาตมาก็ไม่มั่นใจว่าท่านรู้ได้เพราะอะไร ? มีคนส่งข่าวหรือว่ารู้เอง

ถาม : ท่านทรมานกายอยู่แถวนั้น แล้วอุจจาระปัสสาวะอยู่แถวนั้น ไม่เหม็นหรือครับ ?
ตอบ : ใครจะไปขี้ข้างที่นอนวะ ? เราต้องเข้าใจว่าลักษณะของช่วงที่ทรมานกายสภาพทรุดโทรมมาก แต่วันที่ท่านตั้งใจจะปฏิบัติในมัชฌิมาปฏิปทา กำลังใจทั้งหมดที่มาถูกทางรวมตัวเข้า ก็ต้องบอกว่ากลายเป็นงามด้วยกำลังบุญ ขนาดที่เขาเห็นเป็นเทวดา ไม่อย่างนั้นมีแต่หนังหุ้มกระดูก หนวดเครารุงรัง ใครจะไปรู้ว่าเป็นใคร

เถรี
06-12-2017, 22:28
ถาม : เห็นหลวงปู่หลวงพ่อที่อาพาธ ท่านยังดูผ่องใสตลอด ?
ตอบ : ถ้าสว่างผ่องใสก็จวนจะไปแล้ว...(หัวเราะ)... ที่โบราณเขาบอกว่า “ถ้าเห็นหน้าหน้านวลก็จวนตาย” รัศมีออกเลย

เถรี
08-12-2017, 09:35
พระอาจารย์กล่าวว่า "หลายคนบอกว่าพระพุทธเจ้าทรมานตนเสียเวลาเปล่า ๆ ไป ๖ ปี พระองค์ท่านไม่ได้เสียเปล่า เพราะสิ่งที่พระองค์ท่านทำ ยิ่งกว่าทุก ๆ คนที่เคยทำมา ชื่อเสียงเกียรติคุณของพระองค์ท่านจึงเลื่องลือไปทั่ว

ในเมื่อทรมานตนยิ่งกว่าใครแล้วทำไม่สำเร็จ เมื่อถึงเวลาพระองค์ประกาศมัชฌิมาปฏิปทา สามารถใช้พระองค์เองยืนยันได้ว่า "เราทำมาแล้ว ไม่ใช่หนทางแห่งความสำเร็จ" เพราะฉะนั้น...ไม่ใช่เรื่องที่เสียเวลาเปล่า แต่เป็นการปฏิบัติที่ยืนยันผลว่าสิ่งนี้ใช้ไม่ได้"

ถาม : เป็นเพราะการตรัสรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะต้องยากแบบนี้ ?
ตอบ : ไม่ใช่...มีบางองค์นี่แค่เห็นพระอาทิตย์ขึ้นกับพระอาทิตย์ตกก็บรรลุเลย ไปดูในพระไตรปิฎก ขุททกนิกาย พุทธวงศ์ โดยเฉพาะอรรถกถาอธิบายไว้ทั้งหมด ว่าพระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์ต่างกันโดยประมาณ ต่างกันโดยฉัพพรรณรังสี ต่างกันโดยยานพาหนะที่ออกบวช ต่างกันโดยบัลลังก์ ฯลฯ แล้วเราจะเห็นว่า พระพุทธเจ้าของเรานี่ประเภทน้อยกว่าคนอื่นที่สุดทุกอย่างเลย

มีอย่างแย่ ๆ ที่สุดก็พระพุทธเจ้าพระนามว่านารท เสด็จออกบวชด้วยการเดินเท้า มีอยู่พระองค์เดียว บางพระองค์ขี่ช้าง ขี่ม้า เดินเท้า ไปด้วยยาน แล้วก็มีไปโดยปราสาท ปราสาททั้งหลังลอยไปเลย แล้วก็ปฏิบัติธรรมอยู่วันหนึ่งบ้าง ๒ วันบ้าง ๓ วันบ้าง ๗ วันบ้าง อย่างแย่ที่สุดก็ ๓ เดือน มีของเราเจอไป ๖ ปี

เถรี
08-12-2017, 09:37
ถาม : แล้วพระศรีอาริยเมตตรัย ?
ตอบ : สมัยของพระองค์ท่านคนนอกศาสนาไม่มีโอกาสมาเกิด ไม่ต้องเสียเวลาไปค้านกับของใครว่าใครไม่ดี ออกบวชวันนั้น บรรลุวันนั้น สั่งสอนวันนั้นก็แทบจะไปกันหมด ไปดูเรื่องปัญจมหาวิโลกนะ ที่พระพุทธเจ้าท่านต้องพิจารณา ๕ อย่างแล้วถึงจะเสด็จมาตรัสรู้ คราวนี้พระพุทธเจ้าของเราท่านเลือกในจังหวะนี้ก็อาจจะลำบากหน่อย ถ้าเป็นจังหวะอื่นก็ช้าเกิน

เถรี
08-12-2017, 09:43
ถาม : ถ้าเวลาสวดมนต์แล้วได้ยินเสียงเหมือนคนมาสวดด้วย ?
ตอบ : ดี...แสดงว่าอย่างน้อยสมาธิจะต้องทรงตัวได้ถึงระดับหนึ่งจึงจะได้ยินได้ จะได้รู้ว่าพวกเราจริง ๆ มีเยอะ

ถาม : สวดมนต์แล้วมีความรู้สึกว่าอยากหลับตา พอหลับตาแล้วเหมือนเห็นอะไรบางอย่าง ?
ตอบ : ไม่มีอะไร...อย่าคิดมาก คิดมากเดี๋ยวไม่กล้าสวดต่อ

ถาม : ก็ไม่รู้ว่าตนเองเห็นแล้วดีหรือไม่ดี ?
ตอบ : ให้รู้ว่าเห็นดีกว่าไม่เห็น เพราะถ้าสมาธิไม่ได้ที่ก็จะไม่มีวันได้เห็น

ส่วนใหญ่พอบอกแล้วจะมี ๒ อย่าง อย่างแรกคือฟุ้งซ่านอยากเห็นอีก อย่างที่ ๒ คือกลัว เพราะฉะนั้น...อย่าไปฟุ้งซ่านมากเลย ให้รู้ว่าเห็นดีกว่าไม่เห็นก็แล้วกัน

เถรี
08-12-2017, 09:50
ถาม : ทำไมมีดหมอที่หลวงพ่อกวยให้ลูกศิษย์ที่ยกครูแล้วถึงใช้ยันต์หนุมานผลาญลงกา ?
ตอบ : ก็น่าจะเป็นวิชาที่ท่านมั่นใจที่สุด ถึงเวลาให้ลูกศิษย์ที่รับสืบทอดก็เลยต้องเอาลายที่ตนเองมั่นใจที่สุด

เถรี
08-12-2017, 09:51
พระอาจารย์กล่าวว่า “ในชีวิตของอาตมา เคยได้ร่วมพิธีเสกน้ำศักดิ์สิทธิ์เพื่อถวายในหลวงรัชกาลที่ ๙ สองครั้ง ครั้งแรกตอนปี ๒๕๓๐ ช่วงพระองค์เจริญพระชนมายุ ๖๐ พรรษา พิธีที่วัดท่าซุง อาตมาแค่มีส่วนร่วมเท่านั้น พอมาช่วงพระชนมายุ ๘๐ พรรษา อาตมาได้รับนิมนต์โดยตรงเลย ให้ไปร่วมเสกที่วัดใต้ (วัดไชยชุมพลชนะสงคราม) เขานิมนต์พระแค่ ๑๐ รูป ประมาณว่าเอาที่แน่ใจได้จริง ๆ

คราวนี้ครั้งที่ ๓ ก็น่าเป็นพิธีพระบรมราชาภิเษกในหลวงรัชกาลที่ ๑๐ กำลังรอดูว่าเมื่อไรจะมีหมายกำหนดการเป็นทางการออกมา เพราะว่าหลังพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพแล้ว ก็สามารถจะทำพิธีบรมราชาภิเษกได้ทุกเมื่อ แต่ก็คงจะต้องให้โหรหลวงหาฤกษ์ที่เหมาะสมกับพระองค์มากที่สุด ”

เถรี
08-12-2017, 09:51
ถาม : (คาถาอาราธนาครุฑ)
ตอบ: อะหัง ครุโฑ อาคะโต อัสสะมิ นาคะราเช อัปเปหิ ไปใช้นี่งูเข้าใกล้ไม่ได้นะ

เถรี
24-12-2017, 08:26
โยมมารับวัตถุมงคล "หลวงปู่เดินหนก็เหมือนกับหลวงปู่โลกอุดรนั่นแหละ กว่าท่านจะออกมาเสกของให้ใครแต่ละงาน ยากเย็นแสนเข็ญ ให้เรามั่นใจว่าเป็นท่านก็แล้วกัน ส่วนใหญ่คนไม่คิดว่าท่านจะผอมได้ขนาดนั้น"

เถรี
24-12-2017, 08:32
พระอาจารย์กล่าวว่า "เดือนพฤศจิกายนไม่ใช่วันเด็กไม่ใช่หรือ ? ทำไมวันนี้เด็กเยอะมาก เด็ก ๆ จะมีความทุกข์น้อยกว่าผู้ใหญ่ตรงไหนรู้ไหม ? ตรงที่ว่าเด็กขอให้กินได้อย่างใจ เล่นได้อย่างใจ แค่นั้นเขาพอแล้ว

ผู้ใหญ่ทุกข์มากกว่าเพราะว่าผู้ใหญ่ไม่รู้จักพอ โบราณเราถึงได้บอกว่า ถ้ารู้จักพอ ก่อสุขทุกสถาน ทีนี้ส่วนใหญ่ก็คือไปแสวงหาเพิ่มเติมไปเรื่อย ๆ พอคนไหนรู้จักพอขึ้นมาก็ไปว่าเขาเพี้ยนอีก

แบบเดียวกับที่เขาเล่าว่า มีมหาเศรษฐีท่านหนึ่ง ไปเที่ยวเกาะทางทะเลอันดามัน เช่าเรือชาวบ้านวิ่งไป ระยะทางเป็นชั่วโมง กว่าจะถึงก็ชวนคนขับเรือคุยไปเรื่อย "ทำมาหากินอะไร ?" "หาปลาครับ ถ้ามีเวลาว่างก็จะรับจ้างพานักท่องเที่ยวไปส่ง" "หาปลาอย่างไร ?" "ก็ออกไปตกเบ็ด ใช้สายมือ ได้ปลามาก็เอาไปขาย ซื้อข้าวของจำเป็นกลับมา"

เศรษฐีก็บอกว่า "ทำไมไม่ไปกู้เงิน ? แล้วก็ออกเรืออวนมาเลย ตีอวนลากปลาส่งแพปลาจะได้เงินมากกว่า" "เวลามีเงินมาก ๆ แล้วผมจะไปทำอะไร ?" เศรษฐีก็บอก "อ้าว...เราก็จะได้พักผ่อนอยู่กับบ้าน จะได้ท่องเที่ยวในที่ซึ่งตัวเองชอบใจ" ชาวประมงบอกว่า "ทุกวันนี้ผมก็สบายอยู่แล้ว พักผ่อนอยู่กับบ้าน ถึงเวลาจะไปไหนก็ไป" คนไม่รู้จักพอกับคนรู้จักพอเขาคุยกัน"

เถรี
24-12-2017, 08:36
พระอาจารย์กล่าวว่า "มีใครวางแผนล่วงหน้าถึงขนาดเตรียมเที่ยวปีใหม่แล้วบ้าง ปีใหม่นี้มีวันหยุดต่อเนื่อง ๔ วัน วัดท่าขนุนจัดงานบวชเนกขัมมะปฏิบัติธรรม จัดงานสวดมนต์ข้ามปี จัดงานใส่บาตรพระปีใหม่ ๙๙ รูปร่วมกับเทศบาล แล้วก็มีงานถนนคนนั่งยอง

งานถนนคนนั่งยองทองผาภูมิ ความจริงเป็นวิถีชีวิตชาวบ้าน สมัยโน้นช่วงที่เศรษฐกิจเริ่มดี เพราะว่ามีเหมืองแร่ปิล็อก บรรดาข้าวของเครื่องใช้สินค้าต่าง ๆ ที่จะเอาขึ้นไปปิล็อก ต้องมาซื้อหาจากทองผาภูมิ บรรดาที่พักก็ต้องทองผาภูมิ อาหารการกินก็ทองผาภูมิ

คราวนี้ชาวบ้านส่วนใหญ่เป็นมอญ เป็นพม่า มอญพม่าก็นิยมตั้งโต๊ะเตี้ย ๆ ประเภทนั่งยอง ๆ วางหาบตั้งโต๊ะ วางเก้าอี้เตี้ย นั่งขายของ นั่งกินกัน จนกลายเป็นถนนคนนั่งยองไป อาตมาเวลาไปพม่าก็แบบนั้นแหละ ยอง ๆ เหลาเหมือนกัน

ของพม่ายังทำกันเป็นปกติอยู่ จะมีโต๊ะกลมสูงประมาณโต๊ะตัวนี้ แล้วก็มีเก้าอี้เตี้ย ๆ ตั้งรอบโต๊ะ ภายในวัดพอถึงเวลาไปนั่งฉัน พระเจ้าถิ่นท่านก็เอาขันข้าวยัดใต้โต๊ะ ส่งพรวดมาให้ ของเรารับมาเสร็จ ตักข้าวพอแล้ว ใครต้องการก็ยัดใต้โต๊ะส่งพรวดไปให้เขา

พอมาถึงบ้านเราเมืองไทย ทำโต๊ะเตี้ยเลียนแบบเขาแล้วดันไปทำไม้ขวางกลาง ก็เลยยัดกาละมังข้าวไม่ได้ เลียนแบบเขามาแต่ไม่ได้ดูการใช้งานของเขา ถึงเวลาเราดันมาทำไม้ขวางกลางเพื่อให้แน่นหนาขึ้น ก็เลยไม่สามารถที่จะลอดใต้โต๊ะไปได้เหมือนกับทางพม่า

ปัจจุบันนี้ของวัดท่าขนุนก็ยังมีโต๊ะกลมแถวบนให้พระที่อาวุโสหน่อยนั่งฉัน พระที่เป็นพระใหม่พรรษาน้อยก็ฉันกันด้านล่าง นั่งเก้าอี้กันสบายใจ ส่วนข้างบนก็นั่งขัดสมาธิบ้าง นั่งพับเพียบบ้าง แล้วแต่ถนัด"

เถรี
24-12-2017, 08:40
"วันก่อนพระครูน้อยมาจากวัดหนองบัวที่พม่า บอกว่าค่าเงินพม่าตกอีกแล้วอาจารย์ อาตมาข้ามไปพม่าอยู่ ๖ ปี ตั้งแต่เงิน ๑ บาทแลกเงินพม่าได้ ๖ จั๊ต จนกระทั่งถึง ๑ บาทแลกได้ ๒๒ จั๊ต แล้วก็ไม่ได้ไปอีกเพราะว่าสร้างวัดหนองบัวเสร็จแล้ว คราวนี้พระครูน้อยไปเป็นเจ้าอาวาส ปีนี้กลับมาเจอหน้ากันเมื่อ ๓ วันที่แล้ว บอกว่า "อาจารย์เงินพม่าตกไปอีกแล้ว" ถามว่า ๓๕ จั๊ตต่อบาทแล้วใช่ไหม ?ท่าน บอกว่า ๔๐ จั๊ตครับ..!

โยมลองนึกว่าอาตมาอยู่ชายแดนปี ๒๕๒๔ เงินไทย ๒ บาทแลกพม่าได้ ๑ จั๊ต เงินพม่าใหญ่กว่าเท่าหนึ่ง แล้วรัฐบาลทหารบริหารมาตลอด บริหารอย่างไรประเทศชาติถึงได้บรรลัยวายวอดขนาดนั้น ? จากเงินที่ใหญ่กว่าประเทศไทย ๑ เท่ากลายเป็นเล็กกว่า ๔๐ เท่า..!

เพราะฉะนั้น...รีบ ๆ ตอบปัญหา ๖ ข้อของรัฐบาลไว ๆ ก่อนที่เงินไทยจะเล็กกว่าพม่า ๔๐ เท่า..!"

เถรี
24-12-2017, 08:42
"ส่วนใหญ่แล้วรัฐบาลทหารของเราจะบริหารไม่เป็น ไม่ว่าของประเทศไหนก็เหมือนกัน เพราะว่าทหารถนัดแต่การสู้รบเท่านั้น แม้ว่าปริญญาที่จบมาเขาจะบอกว่าเป็นวิทยาศาสตร์บัณฑิตก็เถอะ เป็นเรื่องที่ตลกมากเลย ทหารเรียนจบโรงเรียนนายร้อยมา แต่จบวิทยาศาสตร์บัณฑิต เป็นวิทยาศาสตร์ด้านการอาวุธ ถ้าไม่ได้ศึกษาความรู้ด้านอื่นมา จะให้บริหารประเทศให้ดีย่อมเป็นไปไม่ได้

รัฐบาลของพลเอกอูนุ พลเอกเนวิน มาจนถึงรุ่นหลัง ๆ อย่างพลเอกตานฉ่วย บริหารประเทศจนกระทั่งล่มจมทุกวันนี้ แม้กระทั่งอองซานซูจีมาก็ไม่สามารถที่จะทำให้ดีได้ เพราะว่าติดด้วยว่ารัฐบาลทหารยังยืนค้ำอยู่ จะทำอะไรก็ต้องเกรงใจ ประเทศชาติก็เลยไม่เจริญสักที มีแต่ถอยหลังไปเรื่อย ๆ

จากเงินใหญ่กว่าไทย ๒ เท่า ปี ๒๕๒๔ มาถึงปี ๒๕๖๐ แค่ ๓๖ ปี กลายเป็นเล็กกว่าเงินไทย ๔๐ เท่า แล้วนี่รัฐบาล คสช.ยังจะวางแผนปกครองประเทศยาว ๒๐ ปี เงินไทยอาจจะเล็กกว่าเวียดนามก็ได้ ตอนนี้ไปกินข้าวที่เวียดนาม เขาบอกว่ามื้อละเป็นแสนไม่ต้องตกใจนะ เขาคิดเป็นเงินด่อง"

เถรี
24-12-2017, 08:45
พระอาจารย์กล่าวว่า "ปัจจุบันนี้อเมริกาดำเนินนโยบาย อเมริกันต้องมาก่อน เมื่อเป็นในลักษณะอย่างนั้น เท่ากับว่าจะมีการกีดกันทางการค้าโดยปริยาย ส่วนประเทศเราเคยค้าขายโดยเป็นผู้ส่งออกไปอเมริกา อเมริกาเป็นลูกค้ารายใหญ่ที่สุด คนอเมริกันเมื่อเศรษฐกิจดีก็บริโภคกันแบบไม่ยั้ง สินค้าทุกอย่างที่ส่งไปขายได้หมด ในเมื่อเศรษฐกิจไม่ดี เขาดำเนินนโยบายอเมริกันต้องมาก่อน ก็ต้องมีการกีดกันทางการค้า

คราวนี้รัฐบาลของเราไม่ได้เตรียมตัว ไม่มีการที่จะติดต่อหาตลาดทางด้านอื่น ๆ ล่วงหน้าไว้ ผู้ส่งออกก็จะลำบาก ปัจจุบันนี้กลายเป็นว่าถ้าให้เอกชนทำจะดี รัฐบาลยื่นมือไปเมื่อไรก็ยุ่งทุกที แล้วก็จะมีกฎระเบียบอะไรใหม่ ๆ ออกมามากมาย อย่างเช่นว่า บัญชีเงินฝากไม่มีการเคลื่อนไหว ๑๐ ปีจะยึดเป็นของรัฐ อย่างนี้อาตมาเองก็จะไม่เหลือเงินมรดกเลย เพราะว่าฝากทิ้งไว้เฉย ๆ แต่ก็ไม่เป็นไร ถ้าหากว่ายึดไปแล้วทำให้ประเทศชาติเจริญได้ แต่ถ้ายึดไปแล้วกลายเป็นว่าแบ่งกันกินแบ่งกันใช้ก็เป็นกรรมของประเทศ..!

ปัจจุบันนี้มีแนวโน้มให้วัดรับบริจาคออนไลน์ โดยกรมสรรพากรจะเป็นผู้ดำเนินการให้ จะมีการหักภาษี ณ ที่จ่ายเลย กลายเป็นว่าโยมบริจาคเงินมาหนึ่งร้อย ไม่รู้ว่าจะถึงมือพระเท่าไร ตอนแรกก็ออกมาปฏิเสธว่าไม่มีความคิดอย่างนี้ แต่มีหลายวัดที่โดนบังคับให้ทำบัตรผู้เสียภาษีไปแล้ว เขาเอาบัตรมาให้ดู"

เถรี
24-12-2017, 08:48
"เรื่องพวกนี้มีทั้งการส่งเสริมจากบุคคลที่ตั้งใจทำลายพุทธศาสนาให้อ่อนแอที่สุด เพื่อเอาศาสนาอื่นขึ้นมาแทน ขณะเดียวกันก็เป็นบุคคลประเภทโง่แล้วขยัน ก็เลยโดนเขาฉกฉวยโอกาสได้ ต้องบอกว่าช่วงนี้เป็นช่วงของความตกต่ำของพระพุทธศาสนา ที่กลายเป็นเป้าหมายให้เขาโจมตี

แต่เราต้องดูด้วยว่า ถ้าเราไม่มีจุดอ่อน เขาก็ตีเราไม่ได้ เนื่องจากว่าพระภิกษุสามเณรของเราจำนวนหนึ่ง ไปทำในสิ่งที่เข้าทางให้เขาตีได้ อาตมาถึงได้อบรมพระอยู่ทุกวัน พยายามให้ทำทุกอย่างให้ถูกต้องตามพระธรรมวินัย เมื่อเราไม่มีบาดแผล เขาโจมตีเราไม่ได้ ถ้าหากว่าเราทำถูกต้องตามพระธรรมวินัย คนยังศรัทธาในพระพุทธศาสนาอีกมาก เขารู้ว่าที่ไหนดี ที่ไหนไม่ดี ในส่วนนี้จะว่าไปแล้ว ถ้าเรามาปัดกวาดบ้านตัวเอง ก็คือทำทุกอย่างให้ถูกต้องตามพระวินัย ก็จะไม่มีปัญหาเกิดขึ้น

เมื่อวานนี้ท่านพุทธอิสระออกมาโจมตีท่านเจ้าคุณพรหมบัณฑิต ว่าท่านเจ้าคุณพรหมบัณฑิตเป็นกรรมการมหาเถรสมาคม ซึ่งมีคำสั่งให้ทางด้านเจ้าคณะใหญ่ออกหนังสือคำสั่ง ไม่ให้พระภิกษุสงฆ์ของเรายุ่งเกี่ยวกับการเมือง หรือวิพากษ์วิจารณ์การเมือง เป็นต้น แต่ท่านเจ้าคุณพรหมบัณฑิตไปเซ็นเอ็มโอยูกับทางรัฐบาล เพื่อที่จะนำหลักธรรมเข้าไปพัฒนานักการเมือง"

เถรี
24-12-2017, 08:53
"คราวนี้การที่จะพัฒนาประชาธิปไตยโดยหลักพุทธธรรม ก็ต้องเป็นหน้าที่ของพระ ทางการเมืองต้องการ ขอร้องมาพระก็ต้องทำ แต่ว่าท่านพุทธอิสระนี่ต้องบอกว่า ถ้าเป็นภาษาจีนเรียก เจี่ยป้าบ่อสื่อ กินอิ่มไปไม่มีอะไรจะทำ เห็นใครได้ดี ต้องโจมตีเอาไว้ก่อน

ตัวเองอยู่ในการเมืองอย่างเต็มตัวขนาดพาคนไปประท้วงรัฐบาล ไปปิดกั้นสถานที่ราชการ แต่เขาไม่เคยคิด คนประเภทนี้อาตมาถือว่าเป็นโมฆบุรุษ ก็คือตัวเองทำผิดทำชั่วอย่างไร ไม่เคยดูตัวเอง ไม่เคยแก้ตัวเอง มองแต่ว่าคนอื่นผิดอย่างไร ก็ในเมื่อทางราชการต้องการให้พระใช้หลักธรรมในการพัฒนาประชาธิปไตย ก็ต้องมีการเซ็นข้อตกลงร่วมกัน ซึ่งถือว่าเป็นพัฒนาการที่ดี

ศาสนากับการเมืองสามารถที่จะอยู่ร่วมกันได้ และสามารถที่จะนำไปใช้งานจริงได้ แต่ของท่านพุทธอิสระเหมือนกลัวว่าโลกนี้จะสุขสงบเกินไป อะไรที่เกิดขึ้นมาไม่ถูกกิเลสตัวเอง ผิดหมด ต้องตีหมด อาตมาเห็นว่าปัจจุบันนี้ส่วนหนึ่งของพุทธศาสนาที่วุ่นวายนั้น ท่านพุทธอิสระต้องรับผิดชอบไปครึ่งหนึ่ง เพราะว่าความฉิบหายวายป่วง ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นเป็นฝีมือของท่านไปครึ่งหนึ่งเป็นอย่างน้อย"

เถรี
24-12-2017, 08:57
"สมัยก่อนเคยบรรยายธรรมร่วมกัน อาตมารู้สึกว่าเป็นคนชอบโอ้อวด อะไรทุกอย่างใช้คำพูดลักษณะวางโต ต้องบอกว่าพูดคำโตเกินไป บางทีอาตมาเองก็แกล้งแหย่ไปเรื่อย เช่นท่านบอกว่า "เรื่องการศึกษาในพุทธศาสนานั้น เราต้องบูรณาการ ต้องรู้จริงในทุกเรื่อง อย่างเช่นว่าเราขับรถ เราจะรู้จักแต่ติดเครื่องเข้าเกียร์ไม่ได้ เราต้องรู้ด้วยว่าส่วนประกอบอื่น ๆ ประกอบขึ้นมาอย่างไร พวงมาลัย คันส่ง คันชัก ล้อรถ ช่วงล่างทำงานอย่างไร"

อาตมาเองก็ยกมือขัด "ขออภัยครับหลวงปู่ ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ ถ้าศึกษาหมดนี่ผมตายห่..ก่อน ไม่ได้เผยแผ่พุทธศาสนาหรอก" ท่านก็ว่า "ท่านพูดอย่างนั้นไม่ถูก มันต้องอย่างนี้..." ก็ว่าของท่านไปชั่วโมงหนึ่ง อาตมาก็สบาย ใกล้หยุดเมื่อไรเดี๋ยวแหย่ไปอีกประโยคหนึ่ง ๒ คนกับเจ้าคุณทัตตชีโวนั่งมองหน้ากันแล้วก็ยิ้ม ปล่อยให้ท่านเหนื่อยไปคนเดียว

ความจริงตอนแรกกระซิบถาม "หลวงพ่อเจ้าคุณ..ตกลงจะเอาอย่างไร จะให้เขาพูดหรือเราพูด ?" ท่านบอกว่า "ให้เขาเถอะ เขาอยากพูด" ในเมื่อเขาอยากพูด อาตมาก็ปล่อย พอท่านเบาลงก็กระทุ้งท่านที เบาลงก็กระทุ้งอีกที จะว่าไปแล้วก็ดีเหมือนกัน บรรยายอยู่ ๓ - ๔ ชั่วโมง อาตมาพูดแค่ไม่กี่ประโยค ท่านเป็นคนที่อวดรู้ทุกเรื่อง ในเมื่ออวดรู้ทุกอย่างก็เลยกลายเป็นว่า เอาความคิดของตัวเองเป็นใหญ่ ไม่ได้เอาความจริงหรือสภาพสังคมมารองรับ"

เถรี
24-12-2017, 09:49
ถาม : จะขึ้นบ้านใหม่ครับ แต่ไม่มีวันศุกร์ข้างขึ้นที่เป็นวันดาว เป็นวันธรรมดาได้หรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ถ้าไม่คิดจะเอาฤกษ์ วันไหนก็ได้

เถรี
24-12-2017, 09:57
ถาม : บางคนเวลาเขาพูดกับเราอย่างหนึ่ง แล้วแสดงคำพูดอีกอย่างหนึ่งกับคนอื่น ?
ตอบ : ปกติ...คนเราส่วนใหญ่อยากให้คนอื่นเห็นว่าตัวเองสำคัญ ก็เลยเอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง พูดอะไรก็ได้ที่ให้ตัวเองรู้สึกว่าดี แต่ขณะเดียวกันเหยียบคนอื่นลงไปหรือเปล่า ? บางทีไม่ได้คิด เป็นธรรมดาของมนุษย์

เถรี
26-12-2017, 22:19
ถาม : สวดมนต์แล้วได้กลิ่นหอมลอยมา ?
ตอบ : แล้วดีหรือไม่ดี ? ได้กลิ่นดีกว่าไม่ได้กลิ่น เราทำความดี พรหมเทวดาท่านก็โมทนาด้วย คราวนี้บางทีโมทนาเฉย ๆ เราก็ไม่รู้เรื่อง ท่านก็เลยทำให้ได้กลิ่น

เถรี
26-12-2017, 22:39
ถาม : ชาตินี้จะได้ไปพระนิพพานไหมครับ ?
ตอบ : อยู่ที่เราทำ ถ้าตั้งใจจริงก็มีสิทธิ์ ถ้าไม่ตั้งใจจริงอีกกี่ชาติก็ไม่มีสิทธิ์

ถาม : แล้วต้องทำอย่างไรบ้างครับ ?
ตอบ : ศีล สมาธิ ปัญญา

เถรี
26-12-2017, 23:10
พระอาจารย์เล่าว่า "ช่วงเดือนที่ผ่านมาในเขตปกครองของอาตมา มีวัดวังปะโท่ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ของทองผาภูมิ เป็นวัดของอดีตเจ้าคณะจังหวัดสังขละบุรี เกิดปัญหากันระหว่างรักษาการเจ้าอาวาสกับคณะกรรมการวัด

เนื่องจากว่าทอดกฐินได้เงินมา คณะกรรมการวัดอยากจะให้จ่ายหนี้ให้หมด รักษาการเจ้าอาวาสยังไม่อยากจ่าย โดยคณะกรรมการวัดปรึกษาตกลงกันว่าให้จ่ายไป แล้วก็เรียกเจ้าหนี้มารับเงินไป ทั้งหมดตกห้าแสนกว่าบาท เหลือเงินให้วัดประมาณสามแสนบาท ทางด้านรักษาการเจ้าอาวาสไม่พอใจ ก็เลยพาพระลูกวัดหนีกลับไปอยู่วัดพระอุปัชฌาย์ของท่าน

ไวยาวัจกรวัด ผู้ใหญ่บ้าน และกรรมการวัดมาหาอาตมาแจ้งเรื่องให้ทราบ บอกว่ารักษาการเจ้าอาวาสท่านทำอย่างนี้มา ๒ ครั้งแล้ว ทุกครั้งที่มีเงินมาวัด ท่านก็จะทำตัวมีปัญหา อาตมากลัวว่าจะเป็นการกล่าวหาข้างเดียว ก็เลยนัดประชุม ปรากฏว่านัดครั้งแรก รักษาการเจ้าอาวาสไม่มา แต่ให้พระอุปัชฌาย์ของท่านมาแทน พระอุปัชฌาย์ท่านก็บอกว่า ปัญหาอยู่ที่คณะกรรมการวัด ไม่ได้อยู่ที่ลูกศิษย์ของท่าน

อาตมาก็เลยนัดประชุมครั้งที่ ๒ ในวันรุ่งขึ้น โดยให้ผู้ใหญ่บ้านประกาศเรียกชาวบ้านในชุมชนมาทั้งหมด แล้วก็ให้พระอุปัชฌาย์พารักษาการเจ้าอาวาสมา แต่ปรากฏว่าท่านก็ไม่มา ในเมื่อรักษาการเจ้าอาวาสไม่มา บรรดาคณะกรรมการวัดกับชาวบ้านประชุมกันแล้วว่า ให้กำหนดเป็นข้อตกลงร่วมกันระหว่างชาวบ้านกับเจ้าอาวาส"

เถรี
26-12-2017, 23:14
"ประการแรก ถ้าเงินทองมาถึงวัด ให้ฝากในบัญชีที่ต้องมีคนเซ็นชื่อร่วมกัน ๓ ชื่อจึงจะเบิกได้ พูดง่าย ๆ ว่ามีรักษาการเจ้าอาวาสชื่อหนึ่งกับอีก ๒ คนที่รักษาการเจ้าอาวาสท่านไว้ใจ

ประการที่ ๒ ให้ทำบัญชีวัดให้โปร่งใส สามารถตรวจสอบได้ทุกเวลา

ประการที่ ๓ การก่อสร้างทุกอย่าง ถ้าจะทำให้ปรึกษากรรมการวัดก่อน ถ้ากรรมการวัดเห็นชอบถึงจะทำได้

อาตมาก็เห็นว่าเป็นเรื่องปกติ ก็คือเป็นเรื่องที่ทำแล้วทำให้ดีขึ้น โปร่งใส ตรวจสอบได้ ก็ค่อนข้างจะมีความมั่นใจว่าคณะกรรมการวัดชุดนี้ใช้ได้ แต่พระอุปัชฌาย์ท่านบอกว่า ถ้าข้อตกลงแบบนี้ไปหาเจ้าอาวาสใหม่ได้เลย เขาไม่กลับมาหรอก ผู้ใหญ่บ้านก็เลยบอกว่า ถ้าอย่างนั้น ท่านจะไปหารักษาการเจ้าอาวาสเอง เอาข้อตกลงนี้ไปให้ดู ถ้าหากว่าตกลงก็ให้กลับมาเป็นเจ้าอาวาสต่อ ถ้าหากว่าไม่ตกลงก็จะหาเจ้าอาวาสใหม่

อาตมาก็ให้เวลา ๕ วันเต็ม ๆ ปรากฏว่าไม่สามารถที่จะเอาคนเก่ากลับมาได้ ก็เลยเอาตัวพระครูปลัดปรีชา, ดร. รุ่นเดียวกับอาตมา ที่เป็นคนบ้านนั้นมาเป็นเจ้าอาวาสแทน ซึ่งท่านก็ต้องทิ้งงานมา เพราะว่าท่านเป็นผู้อำนวยการหลักสูตรรัฐประศาสนศาสตร์อยู่ที่วิทยาลัยสงฆ์สุพรรณบุรี"

เถรี
26-12-2017, 23:15
"อาตมามีข้อแม้อยู่อย่างเดียวว่า ให้คณะกรรมการวัดไปคุยกันให้รู้เรื่องก่อนว่าเอาคนนี้แน่ ๆ เพราะว่าถ้าอาตมาเอาท่านออกจากงานมา แล้วทางด้านนี้บอกว่าไม่เอา คนที่ซวยคืออาตมาเอง..!

ตกลงกันเรียบร้อยแล้ว ทางด้านผู้ใหญ่บ้านบอกว่าเพื่อความมั่นใจ ท่านจะไปรับเอง จึงตกลงไปรับเจ้าอาวาสใหม่มาจากวัดป่าเลไลยก์มา มาถึงอาตมาก็ทำพิธีมอบตราตั้งรักษาการเจ้าอาวาสให้ ปรากฏว่าทุกอย่างน่าจะจบลงด้วยดี แต่ก็ไม่จบ เพราะว่าทางวัดวังปะโท่นี่เป็นวัดสุดท้ายในเขตปกครอง ซึ่งล้ำไปอยู่ในเขตของตำบลห้วยเขย่ง เมื่อถึงเวลาวัดมีงาน รักษาการเจ้าอาวาสอยู่รูปเดียว ก็เลยไปขอพระจากวัดของพระอุปัชฌาย์ของอดีตรักษาการเจ้าอาวาสมา ท่านก็ไม่ให้ อาตมาจึงต้องส่งพระวัดท่าขนุนไปอยู่ด้วย

สรุปว่าระยะหลัง พอเอาพระจากวัดท่าขนุนไปเป็นเจ้าอาวาส ก็เท่ากับต้องเอาพระลูกวัดไปอีก ๕ รูป สรุปว่าถ้าทุกรูปกลับมาพร้อม ๆ กัน วัดท่าขนุนก็ไม่มีที่ให้นอนแล้ว

ตอนนี้หลัก ๆ เลยก็คือ วัดพุทธบริษัท วัดพุทธมณฑลอรัญญิกาวาส วัดวังปะโท่ สำนักสงฆ์เกาะพระฤๅษี สำนักสงฆ์ถ้ำทะลุ วัดบ้านห้วยน้ำขาว วัดประตูด่าน วัดหนองบ้านเก่า สำนักสงฆ์สุธรรมาราม สรุปว่าวัดท่าขนุนตอนนี้เป็นสำนักผลิตเจ้าอาวาส ใครอยากได้ก็มาเอาไป แล้วก็ต้องแถมพระลูกวัดให้ด้วย"

เถรี
26-12-2017, 23:27
"ที่กล่าวมายืดยาวนี้ ไม่ได้คิดจะเล่าเรื่องเจ้าอาวาสวัดวังปะโท่เลย จะเล่าว่าวัดวังปะโท่มีควายอยู่ตัวหนึ่ง เป็นควายที่เขาบอกว่ามีลักษณะดีเลิศตามลักษณะของควายที่ดีทั้งหลาย ประมาณว่าหน้าแด่น หางดอกด้วย แต่ขอโทษ...ควายตัวนี้คงรู้ว่าตัวเองหล่อกว่าใคร เพราะฉะนั้น...ใครเข้าใกล้ไม่ได้ แม้แต่อาตมาก็จะโดนขวิด ก็เลยบอกพระครูปลัดปรีชาว่า บริจาคให้ทางบ้านควายไทยที่สุพรรณบุรี หรือไม่ก็ธนาคารโคกระบือของในหลวงรัชกาลที่ ๙ ไปเลย

ท่านบอกว่าไม่มีใครเข้าใกล้ได้ครับ เจ้านี่ยอมให้พระสาเหล่ท่านเดียว พระรูปนี้เป็นพระกะเหรี่ยง อาตมาก็เลยบอกกับควายว่า "ถ้าเอ็งไม่ไป...ก็จะเข้าโรงฆ่าสัตว์" ปรากฏว่าคืนนั้นสะบัดเชือกขาด หนีไปไหนก็ไม่รู้ ? ก็แสดงว่ารู้ภาษาจริง ๆ ไม่รู้ว่าเขาไปตามกลับมาหรือยัง ? เป็นควายที่เขาซื้อเพื่อสะเดาะเคราะห์แล้วเอาไปปล่อยไว้ที่วัด

ตอนแรกอาตมาก็คิดว่าวัดท่าขนุนมีพื้นที่ป่า จะหาควายสักตัวสองตัวมาเลี้ยงไว้ เพราะว่าปัจจุบันนี้ควายไทยหายากแล้ว ควายบ้านเราถ้าไม่ใช่ควายมูร่าห์ของอินเดียก็จะเป็นควายพม่า นึกไปนึกมาแล้วจะหาภาระเพิ่มให้พระโดยใช่เหตุ ก็เลยไม่ได้ซื้อมา

มีอยู่ช่วงหนึ่งก็คิดว่าจะซื้อลูกหมูป่ามาเลี้ยง เผื่อให้ช่วยเก็บเศษอาหาร ปรากฏว่าไปเจอหมูป่าคู่หนึ่ง สองตัวนั้นไม่ใช่หมูแล้ว กลายเป็นอะไรไปแล้วก็ไม่รู้ ? ชื่อแอปเปิ้ลกับองุ่น แต่กินทุกอย่างที่ขวางหน้า หมูป่าน้ำหนักเต็มที่ ถ้าในป่าก็คงไม่เกิน ๑๒๐ กิโลกรัม แต่ ๒ ตัวนั้นน่าจะเกิน ๒๐๐ กิโลกรัมไปแล้ว"

เถรี
26-12-2017, 23:37
"เรื่องของการสรรหาเจ้าอาวาสในปัจจุบันนี้เป็นเรื่องใหญ่สำหรับอาตมา เพราะว่าถ้าเราส่งคนที่กำลังใจยังไม่ได้ที่ไป จะมีปัญหากับชาวบ้าน ต้องส่งไปประเภทที่ฟังเขาด่าก็ไม่เป็นไร ฟังคนชมก็ไม่เป็นไร ประมาณนั้น

อาตมาเองก็ทำตัวอย่างให้พระครูปลัดปรีชาท่านดู ตั้งแต่สมัยอยู่วัดทองผาภูมิ ที่บรรดาคณะสงฆ์เขากลัวว่าอาตมาจะเป็นเจ้าคณะอำเภอ ก็เลยระดมพลกันมาด่าในลักษณะคัดค้าน ยกเอาข้อผิดพลาดอะไรแม้แต่เล็กน้อยในชีวิตทุกอย่างขึ้นมา เพื่อที่จะทำให้ดูว่าอาตมาเป็นคนที่ใช้ไม่ได้ ไม่สมควรกับตำแหน่งเจ้าคณะอำเภอ

แม้กระทั่งการนำโยมอาราธนาศีล เขาบอกว่าเป็นเรื่องที่ทำไม่ได้ อาตมาเองก็ขำ ๆ ถึงเวลาก็ส่งไมค์ให้ทีละรูป ท่านนี้มีอะไรจะพูดก็ว่าไป พูดเสร็จก็ส่งให้อีกรูป ท่านนี้มีอะไรจะพูด พระครูปลัดปรีชานี่แหละที่โมโหจนหัวล้านแดงเลย บอกว่า "เขาด่าอาจารย์นะ อาจารย์ยังใจเย็นไปส่งไมค์ให้เขาด่าอีก" "ก็ปล่อยเขาด่าเหนื่อยไปสิ ผมไม่ได้เหนื่อย ผมแค่ฟังเฉย ๆ"

หลังจากนั้นอาตมาเองทำตัวเป็นปกติ เจอหน้าแต่ละท่านก็ยังคงกราบยังคงไหว้เหมือนเดิม ยังคงพูดดีด้วยเหมือนเดิม ท่านทั้งหลายเหล่านั้นก็ล้วนแต่ทำท่าสยองขวัญ เหมือนกับว่าอาตมาจะฆ่าท่านเมื่อไรก็ไม่รู้ ? ตอนหลังเจ้าคณะอำเภอรูปปัจจุบันนี้ท่านยังบอกว่า "ผมเองเข้าใจพระอาจารย์เล็กผิดไป ผมคิดว่าท่านจะเป็นคนอย่างที่เขาว่ามา"

ถ้าเราอยู่ท่ามกลางที่สาธารณะให้คนอื่นเขาก่นด่าได้ตามความสบายใจ ก็แปลว่ากำลังใจพอที่จะรับมือกับกิเลสได้แล้ว คนด่าแล้วเรายิ้ม แถมยังถามคนต่อไปว่ามีอะไรจะด่าอีกไหม ? พวกเราลองไปทำดูก็แล้วกัน ห้ามหัวร้อนเด็ดขาด ถ้าหัวร้อนแล้วจะเป็นอย่างท่านพระครูปลัดปรีชานั่นแหละ หัวล้านแดงอย่างนั้น พระครูปลัดปรีชาท่านอายุน้อยกว่าอาตมา ๕ ปี ตอนนี้หน้าผากยาวไปจะถึงท้ายทอยแล้ว หัวร้อนบ่อยผมร่วงเกลี้ยงเลย"

เถรี
26-12-2017, 23:39
"ปัจจุบันนี้หลังจากผ่านไป ๑๓ ปี ท่านเย็นขึ้นมาเยอะ โดยเฉพาะไปเจองานประเภทผจญกับคนมาก ๆ อย่างมหาวิทยาลัยสงฆ์ ตอนนี้ท่านไปเป็นเจ้าอาวาสก็ถือว่าเหมาะสม ถ้าหาเจ้าอาวาสที่ไม่เหมาะสมไปจะเสียหายถึงอาตมาเป็นอันดับแรก หลังจากนั้นก็จะเสียหายถึงหลวงปู่สาย เสียหายถึงวัดท่าขนุน แล้วท้ายสุดภาพรวมก็คือเสียหายแก่พระพุทธศาสนา ฉะนั้น...ของทุกอย่างที่เราทำต้องนึกถึงภาพรวมว่าจะเสียหายไหม ? ไม่ใช่ว่าทำตามอารมณ์ตัวเอง

การบวชพระจึงจำเป็นที่จะต้องมีวุฒิภาวะทางอารมณ์ที่มั่นคงพอ พระพุทธเจ้าถึงได้กำหนดว่าต้องอายุ ๒๐ ปีขึ้นไป แล้วโบราณของเราก็นิยมว่าให้บวชก่อนที่จะเบียด ก็คือให้บวชสักพรรษาหนึ่งก่อน แล้วค่อยสึกหาลาเพศมามีครอบครัว

คราวนี้ในชีวิตฆราวาสอยากทำอะไรก็ทำตามใจ จะกินเมื่อไร จะนอนเมื่อไรก็ได้ จะเที่ยวจะเตร่หัวหกก้นขวิดอย่างไรก็ได้ แล้วอยู่ ๆ ก็เหมือนกับไปติดคุกอยู่ ๓ เดือน โดยมีพระธรรมวินัยของพระพุทธเจ้า ๒๒๗ ข้อเป็นอย่างต่ำ บีบคั้นอยู่ตลอดเวลา อะไรที่เคยคิด เคยพูด เคยทำ จะคิดอย่างนั้น ทำอย่างนั้น พูดอย่างนั้นไม่ได้เลย บรรพชิตพึงพิจารณาเนือง ๆ ว่า เรามีเพศต่างจากคฤหัสถ์แล้ว อาการกิริยาใด ๆ ที่เป็นของสมณะ เราต้องทำอาการกิริยานั้น ๆ

ก็เลยกลายเป็นว่าการบวชช่วงระยะเวลา ๓ เดือน ถ้าหากว่าอดทนอดกลั้นผ่านไปได้ด้วยดี ก็แปลว่าบุคคลนั้นมีวุฒิภาวะทางอารมณ์มั่นคง เพียงพอที่จะไปเป็นผู้นำครอบครัวได้ โบราณเขาถึงกำหนดว่าควรที่จะบวชก่อนแล้วจึงเบียด"

เถรี
26-12-2017, 23:42
"แต่คราวนี้ของเราในปัจจุบันนี้ ความนิยมในการบวชเอาพรรษามีน้อย อาจจะติดด้วยการทำมาหากิน หรือความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาเบาบางจางลงก็ไม่ทราบ แต่เป็นที่น่าดีใจว่าในช่วงแต่ละพรรษาที่ผ่านมา วัดท่าขนุนยังมีพระบวชเอาพรรษากันมาก อย่างพรรษานี้ทั้งที่บวชมาฆบูชา วิสาขบูชาและเข้าพรรษา ยังอยู่จำพรรษาด้วยกัน ๑๗ รูป ขณะที่วัดอื่นจะหาพระใหม่มาจำพรรษาสัก ๒ - ๓ รูปก็ยาก

บางท่านบวชตั้งแต่ลอยกระทงปีก่อน หรือมาฆบูชาปีนี้ซึ่งอยู่จนจำพรรษา เป็นเรื่องที่น่ายินดีว่าท่านเป็นคนเอาจริงกัน บางคนก็มาบวชแบบตั้งใจจะไม่สึกเลย อาตมาบอกว่าอย่าไปปิดกั้นตัวเองอย่างนั้น ถ้าเราไปปิดกันตัวเองว่าจะไม่สึกนี่กิเลสตีตายเลย เพราะกิเลสรู้ว่าเราไม่มีทางหนี ให้บอกกับกิเลสว่า "อยู่ไม่ได้เมื่อไรกูจะสึกทันที..!" ถ้าอย่างนั้นกิเลสไม่ค่อยมายุ่งกับเราหรอก เพราะรู้ว่าไอ้นี่มีที่ไปเยอะ..!

หลายคนที่มาถึงก็บอกว่า "ผมจะบวชตลอดชีวิต" อาตมาแนะนำว่า "ใจเย็น ๆ ให้ตั้งใจเอาทีละวันก็พอ" ถ้าวันหนึ่ง สองวันผ่านไปก็เอาสักอาทิตย์หนึ่ง ถ้าอาทิตย์หนึ่งผ่านไปก็ขอสัก ๑๐ วัน ๑๐ วันผ่านไปขอสักครึ่งเดือน ครึ่งเดือนผ่านไปขอสัก ๒๐ วัน ขยับไปเรื่อย อย่าไปบอกว่าบวชตลอดชีวิต จะกลายเป็นสร้างเงื่อนไขให้ตัวเอง

เดี๋ยวจะเหมือนสมัยที่อยู่วัดท่าซุง พระรุ่นน้องบอกรับกฐินแล้วก็จะสึก ก่อนจะสึกก็ไปถ่ายรูปตามสถานที่สำคัญต่าง ๆ ของวัด แล้วก็ไปอธิษฐานว่า ถ้ารูปถ่ายมีปาฏิหาริย์จะบวชตลอดชีวิตไม่สึก สมัยนั้นยังต้องล้างรูปอยู่ ล้างออกมามีดวงแสงดวงเบ้อเริ่มเลยอยู่บนหัวของท่าน ท่านก็ทนอยู่ต่อมาได้ ๒ อาทิตย์เกือบจะบ้าตาย ร้องไห้ไปหาหลวงพ่อวัดท่าซุง บอกว่าตั้งสัจจะเอาไว้อย่างนี้แล้ว อยากจะสึกจะทำอย่างไรดี ?"

เถรี
26-12-2017, 23:44
"หลวงพ่อบอกว่า "รู้จักคำว่าอธิษฐานบารมีไหม ?"
ท่านก็บอกว่า "รู้จักครับ เป็นความตั้งใจครับ"
"ก็ความตั้งใจนั่นแหละ เป็นความตั้งใจของใคร ?"
"ของผมครับ"
"ในเมื่อเป็นความตั้งใจของเอ็ง เอ็งก็เปลี่ยนความตั้งใจใหม่สิวะ"

สรุปว่าอธิษฐานบารมีถ้ารู้ว่าผิดก็เปลี่ยนใหม่ได้ ไม่ใช่ดื้อรั้นไปเรื่อย ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าผิด"

เถรี
26-12-2017, 23:45
พระอาจารย์กล่าวว่า "พรุ่งนี้อาตมาไปญี่ปุ่น กลับวันที่ ๑๘ บางอย่างไปทั้ง ๆ ที่รู้ว่าอันตราย แต่ที่ไปเกิดจาก ๒ สาเหตุด้วยกัน สาเหตุแรกคือ อาตมาไม่ใช่คนกลัวตาย สาเหตุที่ ๒ ก็คือ ถ้ามีอันตรายแสดงว่าเราสร้างกรรมเอาไว้ ฉะนั้น..ก็ไปชดใช้เขาให้หมดเรื่องหมดราวไป"

เถรี
26-12-2017, 23:47
พูดถึงตัวอักษรจีนที่อยู่ด้านหลังรูปอาแปะโง้วกิมโคย

"ฮะ ฮ่อ เฮง เฮง
ฮะ ก็คือ รัก ชอบ
ฮ่อ ก็คือ ดี
เฮง ก็คือ โชคดี

ชื่อเจ้าของอยู่ที่บรรทัดสุดท้าย"

เถรี
27-12-2017, 22:51
สนทนากับโยม "ขอให้แข็งแรง ๆ มาได้บ่อย ๆ นะจ๊ะ ทำบุญย่อมมีอุปสรรค มีอุปสรรคเรายังอุตส่าห์ทำจนสำเร็จก็ถือว่ากำลังใจใช้ได้แล้ว

เดี๋ยวจะเหมือนในคลิป มีพระ ๒ รูปกับเณร ๑ รูปเดินบิณฑบาต พระท่านก็เดินเลย เณรก็เปิดรับบาตร รับเสร็จพระท่านหันมาเห็นวิ่งโกยเลย เณรเปิดบาตรรออะไรก็ไม่รู้ ไม่เห็นคนใส่ พระท่านไม่เห็นทั้งคู่ก็เดินเลย ส่วนเณรเห็นก็เลยรับบาตร ถ้าเราเจออย่างนั้นจะเกิดอะไรขึ้น ?

บางทีเขามีเวรมีกรรมเนื่องกันมาก็เลยทำให้เห็นคนเดียว พระ ๒ รูปเดินเลยไป เณรก็สงสัยทำไมหลวงพ่อไม่รับบาตร ถ้าอย่างนั้นเณรรับเองก็ได้

เรื่องพวกนี้บางทีเราคิดว่าเป็นเรื่องตลกก็ตลก แต่เราลองนึกถึงว่าผีอยากใส่บาตรพระสัก ๓ รูปแล้วได้แค่รูปเดียว ได้เณรด้วย เป็นอะไรที่น่าสงสารมาก

บางอย่างดูตลกก็ตลก แต่บางอย่างดูก็ตลกไม่ออก"

เถรี
27-12-2017, 22:55
"มีอีกคลิปที่เขาส่งต่อ ๆ กันมา นักศึกษาจะขึ้นวินมอเตอร์ไซค์ บอกวินมอเตอร์ไซค์ว่า "ไปธรรมศาสตร์" มอเตอร์ไซค์ก็ส่งหมวกให้แล้วตัวเองก็บิดฉิวไปเลย ทางด้านนี้ก็เรียก "พี่ ๆ ๆ" อีกฝ่ายวินไปแน่บเลย มีคนเข้าไปคอมเมนท์ว่า คราวหน้าบอกวินด้วยว่า "ไปธรรมศาสตร์ กูไปด้วย"

ลักษณะอย่างนั้นเห็นชัดว่าขาดสติ ไม่ได้รอลูกค้าขึ้นรถเลย ตัวเองก็บิดไปก่อน อาตมาเจอมาด้วยตัวเองก็คือ ขึ้นรถแล้วนึกขึ้นมาได้ว่าลืมของก็เลยลงจากรถ ปิดประตูแล้วก็ไปหยิบของ หันมาอีกทีรถไปแล้ว เขาคิดว่าอาตมาขึ้นรถปิดประตูเรียบร้อยแล้ว อันนี้เจอมาเอง

การขาดสติก็เลยทำให้เกิดเรื่องที่ตลกในความรู้สึกคนอื่น แต่คนที่รีบร้อนจะไปก็คงไม่ตลกด้วย ประมาณว่ากูรีบแล้ว อุตส่าห์มานั่งมอเตอร์ไซค์ มึงดันรีบกว่ากูอีก...!"

เถรี
27-12-2017, 23:43
พระอาจารย์กล่าวว่า "วันก่อนลงบัญชีทองคำ ปรากฏว่านอกจากเงินที่ถวายมาแล้ว มีญาติโยมร่วมกันถวายทองคำมา ๑๓ ราย มีหลายรายที่ถวายทุกเดือน ๆ ละเท่า ๆ กัน อย่างครอบครัวของคุณแม่สมบัติ อุตตมะ ครอบครัวของคุณมาลีรัตน์ นาคทอง ครอบครัวของคุณชิษณุพงศ์ สิทธาจารุวัฒน์ ครอบครัวของคุณแม่จันทนา อัศวชิน เป็นต้น ท่านทั้งหลายเหล่านี้ถวายเท่า ๆ กันทุกเดือน ก็คงตั้งใจถวายไปจนกว่าจะหล่อพระเสร็จนั่นแหละ เป็นกำลังใจที่สม่ำเสมอ น่าอนุโมทนาอย่างยิ่ง"

เถรี
27-12-2017, 23:46
พระอาจารย์กล่าวว่า "ส่วนใหญ่วัตถุมงคลที่เป็นของดีแล้วราคาถูก เพราะว่าท่านออกมาให้บูชาเยอะ อย่างของหลวงพ่อเกษม สำนักสุสานไตรลักษณ์ หลวงปู่แหวน วัดดอยแม่ปั๋ง เป็นของดีมาก ๆ เลย แต่เนื่องจากว่าออกเยอะ คนก็คงจะมีกันมากแล้ว เซียนปั่นราคาไม่ขึ้น เมื่อเป็นอย่างนั้นจึงเป็นของดีราคาถูกที่ยังพอหาได้กันอยู่ อีกท่านหนึ่งก็คือหลวงปู่บุดดา ใครเอาอะไรไปให้ท่านเสกให้หมด

หลวงพ่อเกษมก็เหมือนกัน ท่านยืนอยู่ตรงหน้าต่าง คนก็แบกผ่านมาทีละลัง ถ้าโบกมือให้ผ่านแปลว่าใช้ได้แล้ว จะว่าไปแล้วบรรดาตลาดพระเขาหากินกับท่านแบบไม่กลัวบาปกลัวกรรมเลย พระแก่ขนาดนั้นแล้ว เล่นแบกของไปให้ท่านเสกทีละเป็นคันรถ"

เถรี
27-12-2017, 23:49
พระอาจารย์เล่าว่า "ประเทศญี่ปุ่นเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศในโลกที่ศาสนาต่าง ๆ อยู่รวมกันได้โดยสันติ คนญี่ปุ่นอาจจะประเภทลูกเกิดมาก็ไปทำพิธีทางศาสนาแบบชินโต ถึงเวลาก็ปฏิบัติตนแบบเซน แต่งงานแบบคริสต์ แต่ประเทศญี่ปุ่นห้ามศาสนาอิสลาม คุณจะเป็นคนอิสลามก็ได้ แต่ห้ามประกอบพิธีกรรมทางศาสนา ห้ามมีศาสนสถาน แสดงว่าญี่ปุ่นเองก็คงจะเห็นว่าหากว่าปล่อยให้มีก็คงจะมีโทษมากกว่า ก็เลยห้าม

เชื่อไหมว่าศาสนาของญี่ปุ่นมาจากเกาหลี ? ของเกาหลีรับไปจากประเทศจีน รับกันเป็นช่วง ๆ คราวนี้ญี่ปุ่นก็พัฒนามาจนกระทั่งกลายเป็นศาสนาพุทธแบบญี่ปุ่น ซึ่งไม่เหมือนที่ไหน มีหลายนิกายเหมือนกัน แต่ว่านิกายที่พวกเรามักจะจำแม่นที่สุด ก็คือนิกายชินโตที่พระภิกษุนิกายนี้มีเมียได้"

เถรี
27-12-2017, 23:55
"เคยสอบถามท่านแล้ว คุยกัน ท่านคุยภาษาไทยนะ แต่อาตมาต้องหาคนแปลไทยเป็นไทยอีกที ฟังยากสุด ๆ เขาบอกว่าในสมัยสงครามเจ้านครรัฐ พวกไดเมียว โชกุนต่าง ๆ เขารบกัน พระไม่สามารถที่จะออกเผยแผ่พุทธศาสนาได้ เพราะว่าเดินทางไปเขาก็จับ ติดคุกบ้าง โดนฆ่าบ้าง เพราะกลัวว่าจะเป็นสายลับของอีกฝ่ายหนึ่ง

ท้ายสุดท่านเห็นว่าศาสนาจะอยู่ไม่ได้ เผยแผ่ไม่ได้ก็เลยใช้วิธีปักหลักมีครอบครัว ถามว่าเหตุผลคืออะไร ? เพื่อรักษาพระธรรมคำสอนให้คงอยู่ อย่างน้อย ๆ ก็สามารถสอนภรรยาและลูกตัวเองได้ ถ้าสามารถสอนต่อเลยไปถึงทางด้านพ่อตาแม่ยายได้ก็ยิ่งดี ก็เลยเห็นว่าที่แท้ของเขาต้องปรับเปลี่ยนเพราะความจำเป็นในสังคมยุคนั้น คราวนี้พอสังคมยุคต่อมาเปลี่ยนแปลงไปแล้ว แต่ของเขากลายเป็นว่าเปลี่ยนแล้วคืนไม่ได้

เพราะฉะนั้นพระของนิกายนี้ในปัจจุบัน ถึงเวลาก็ใส่สูทมีแถบแสดงความเป็นพระอยู่ตรงขอบเสื้อหน่อยหนึ่ง เท่มากเลย ไปนึกถึงอันตรธานปริวรรต ปฐมสมโพธิกถา ที่บอกว่าเพศพระจะค่อย ๆ หมดไป ท้ายสุดเหลือเพียงผ้าเหลืองน้อยห้อยหูหรือผ้าเหลืองพันข้อมือเป็นสัญลักษณ์ว่าเป็นพระเท่านั้น ชินโตนี่ไปถึงระดับนั้นแล้ว

เมื่อเราเข้าใจว่าสภาพสังคมทำให้เขาเป็นอย่างนั้นก็ไม่มีอะไรน่าตำหนิ เพราะท่านตั้งใจว่าจะรักษาพระธรรมคำสอนนั้นไว้ แต่ว่าศาสนาที่เข้าลึก มีความเป็นญี่ปุ่นสูงมาก ก็คือศาสนาพุทธนิกายเซน"

เถรี
28-12-2017, 00:06
"เซ็น มาจากคำว่า เทียน ของภาษาจีน แล้วก็มาจากสันสกฤตว่า ธยาน หรือบาลีที่ว่า ฌาน เป็นการถ่ายทอดระหว่างใจสู่ใจ สามารถรู้แจ้งฉับพลัน ที่เรียกว่า ซาโตริ มีแม้กระทั่งนักการศาสนาญี่ปุ่นก็นั่งถกเถียงกันไม่รู้จักจบ บางคนก็บอกว่าซาโตริ คือการรู้แจ้งฉับพลันมีได้ครั้งเดียว อีกคนหนึ่งบอกว่ามีได้หลายครั้งเพราะผมเองนี่แหละผ่านมาแล้ว

เถียงกันไปเถียงกันมาโดยที่ไม่รู้ว่า การบรรลุธรรมในพระพุทธศาสนามีอย่างน้อย ๘ ขั้น ตั้งแต่โสดาปัตติมรรคไปยังอรหัตผล เพราะฉะนั้นถ้าคุณซาโตริไปถึงระดับสุดท้ายก็ทีเดียวจบเลย แต่ถ้าเริ่มตั้งแต่โสดาปัตติมรรคก็คงจะได้ซาโตริกันอีก ๗ - ๘ ครั้ง นักการศาสนาเขามองข้ามจุดนี้ไปก็เลยเถียงกันไม่จบ

หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอกว่า สมัยสงครามสถานทูตญี่ปุ่นนิมนต์ให้ท่านไปสวดมนต์ฉันเพลที่นั่น โดยที่ฎีกานิมนต์บอกว่า ถ้ามีภรรยาให้พาไปด้วย หลวงพ่อวัดท่าซุงบอกว่า "เสียท่า...หาไม่ทัน อุตส่าห์เปิดกว้างให้พาเมียไปด้วย ดันไม่มี"

แต่ว่าปัจจุบันนี้เรื่องข่าวคราวอะไรต่าง ๆ พวกนี้ไปถึงกันหมดแล้ว ก็เลยทำให้ประเทศอื่น ๆ เขารู้ว่าพระไทยเราต้องปฏิบัติตัวอย่างไร หลวงพ่อพระพรหมบัณฑิต อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยไปมอบปริญญาเอกกิตติมศักดิ์ให้เจ้าอาวาสวัดพระหยกที่เซี่ยงไฮ้ ก็ไปกับคณะพระหลายรูป และอาจารย์ มจร.หลายท่าน พอท่านกลับมา อาตมาก็สอบถามอาจารย์ที่ไปด้วยว่าตกลงได้กินข้าวเย็นไหม ? ท่านอาจารย์ก็พูดขำ ๆ ว่า การปฏิบัติของเรานี่เขารู้หมดแล้ว ก็เลยได้แค่น้ำชากาเดียว"

เถรี
28-12-2017, 00:09
:cebollita_onion-09: เก็บตกเดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๐ หมดแล้วค่ะ :cebollita_onion-09:
ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย ทาริกา คะน้า เถรี รัตนาวุธ และเผือกน้อย