PDA

View Full Version : เก็บตกจากบ้านเติมบุญ ต้นเดือนมิถุนายน ๒๕๖๐


เถรี
04-06-2017, 19:12
ถาม : หลักในการทำความสะอาดที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ, พระพุทธรูป, รูปเหมือนพระเถระและรูปปั้นเทพเจ้า ต้องจัดการอย่างไร ?
ตอบ : ตอบแบบกำปั้นทุบดินว่า "ลงมือทำ"

ถาม : อุปกรณ์ ผ้าเช็ดทำความสะอาดต้องแยกต่างหากหรือไม่ ?
ตอบ : ควรทำด้วยความเคารพมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพราะฉะนั้น...ในการทำความสะอาด เครื่องมือทุกอย่างควรจะเป็นของใหม่ทั้งหมด ถ้าทำเสร็จแล้วก็ควรแยกเก็บไว้ต่างหาก เผื่อไว้ทำใหม่ครั้งหน้า

เถรี
04-06-2017, 19:12
ถาม : เบี้ยแก้พอกครั่งกับลูกอมหนังหน้าผากเสือพอกครั่ง หลวงพ่อทองศุข วัดโตนดหลวง มีคาถาอาราธนาและการใช้อย่างไรครับ ?
ตอบ : เอามาถวายอาตมา เดี๋ยวจะใช้ให้ดู...!

เถรี
04-06-2017, 19:14
ถาม : เหตุใดพญานาคถึงไม่ปรากฏตนให้ผู้คนได้เห็นชัด ๆ ?
ตอบ : ไม่อยากจะโดนจับไปแสดงละครสัตว์ รู้จักความโลภของคนอื่นน้อยไป ถ้าจำภูริทัตชาดกได้ พราหมณ์อาลัมพายน์จับเอาพญานาคภูริทัตไปแสดง เหมือนกับแขกเอางูไปแสดงเต้นระบำ

ถาม : พระอาจารย์รูปหนึ่งบอกว่า ท่านโทสะแรง ควบคุมตนได้ยากมาก แล้วมนุษย์บางคนไม่ค่อยรู้เรื่องจะเผลอกระทำให้ท่านโทสะขึ้นจะเป็นอันตรายมาก เป็นเรื่องจริงหรือไม่ ?
ตอบ : ต้องถามท่าน เพราะท่านเป็นคนพูด อาตมาไม่ได้พูด ลองดูสิว่าพระยานาคภูริทัตโดนข่มเหงรังแกขนาดไหนก็อดทนอยู่ได้ เพราะฉะนั้น...ขึ้นอยู่กับแต่ละตนเหมือนกัน พญานาคแต่ละตนจุดเดือดต่ำสูงไม่เหมือนกัน ใครที่จุดเดือดต่ำก็ตบะแตกง่าย ใครจุดเดือดสูงก็ตบะแตกยาก เหมือนกับคนนี่แหละ

เถรี
04-06-2017, 19:20
ถาม : ผมอยากปฏิบัติสมถกรรมฐานครับ เคยเข้าได้นิ่งมากจนรู้สึกมีความสุขมากแบบซาบซ่านครับ ตอนนั้นไม่รู้สึกถึงร่างกาย เห็นจิตค่อนข้างละเอียดว่ามีอะไรผ่านมาบ้าง แต่หลังจากนั้นก็นาน ๆ ถึงจะทำได้สักที ผมมีความลังเลสงสัยว่า ถ้าผมใช้พุทโธอย่างเดียวในการปฏิบัติ คือใช้สติจับแต่ลม ไม่สนใจร่างกายเลย เป็นวิธีเข้าฌานที่ถูกต้องไหมครับ ?
ตอบ : การปฏิบัติให้ตั้งกำลังใจว่าเรามีหน้าที่ภาวนา ส่วนจะได้ผลหรือไม่ได้ผลก็ช่างมัน ถ้าเราไปทำแล้วตั้งใจอยากได้แบบโน้นแบบนี้ กำลังใจจะไม่ทรงตัวเพราะว่าเกิดความฟุ้งซ่าน ฉะนั้น...อาจจะสงสัยว่าเราเคยทำได้ แล้วทำไมนาน ๆ ถึงทำได้ทีหนึ่ง ก็เพราะว่านาน ๆ เราถึงจะวางกำลังใจได้ถูกต้องสักทีหนึ่ง หลังจากที่ทำได้แล้วให้พยายามซักซ้อมบ่อย ๆ จะได้มีความคล่องตัวมากขึ้น

เถรี
04-06-2017, 19:28
ถาม : ฆราวาสถ้าประสงค์จะได้คู่ครองที่ดีและเป็นที่พอใจ ต้องทำบุญและสร้างบารมีอย่างไร ?
ตอบ : พระท่านบอกว่า ให้มีทานเสมอกัน ให้มีศีลเสมอกัน ให้มีจาคะเสมอกัน มีปัญญาเสมอกัน เพราะฉะนั้น...ต้องนัดกันไปทำบุญ

เถรี
04-06-2017, 19:51
ถาม : หนูเคยโอนเงินผ่าน Western Union เป็นครั้งแรก ไปให้พระที่วัดแห่งหนึ่ง เพื่อช่วยสร้างวัด หนูแจ้งพระ ผ่านทาง Facebook ไป ท่านก็รับทราบแล้วตอบกลับมา หนูกังวลใจ เกรงว่าตัวเองจะทำผิดพลาดเรื่องการโอน เพราะเป็นประสบการณ์ครั้งแรก จึงติดต่อไป ขอให้พระช่วยตอบกลับมา ถ้าหากมีปัญหารับเงินไม่ได้ ซึ่งท่านก็รับทราบ แต่ท่านก็ไม่ได้ให้การติดต่อกลับมาอีกเลย ตั้งแต่โอนเงินไป ก็ประมาณ ๑ เดือนกว่าแล้ว หนูจึงติดต่อไปครั้งสุดท้าย แล้วรอประมาณ ๑ สัปดาห์ ก็ไม่เห็นตอบกลับมา

หนูจึงไปติดต่อที่ Western Union พบว่าเงินยังอยู่ในระบบ ไม่ได้ถูกรับไป หนูแปลกใจ ที่เห็นสถานภาพ Facebook ของพระ ยัง Active อยู่ เป็นช่วง ๆ แต่ท่านไม่ติดต่อกลับมาบอก ว่าทำไมจึงรับเงินไม่ได้ ด้วยความกังวลใจ กลัวว่าทำอะไรผิดพลาด หลังจากพิจารณาแล้ว จึงตัดสินใจขอเงินคืนจาก Western Union ซึ่งเขาก็ให้คืนมา เพื่อความสบายใจ หนูจึงติดต่อไปที่พระอีกครั้ง ชี้แจงเหตุผลว่าได้ขอเงินคืนกลับมาแล้ว ขออย่าได้กังวลใจ ซึ่งท่านติดต่อกลับมาภายหลัง ให้เหตุผลว่า ชื่อที่หนูระบุไป เป็นชื่อสมญานามพระ ทำให้รับไม่ได้ ที่ไม่ได้ติดต่อกลับมา เพราะมีปัญหาเรื่องสัญญาณ Internet หนูจึงได้อธิบายไปว่า หนูได้รับเงินกลับมาแล้ว ซึ่งท่านก็รับทราบ

เงินจำนวนนี้ เป็นของกึ่งกลางสงฆ์ไหมคะ ?

ตอบ : เป็นของเรา เพราะว่าสงฆ์ท่านไม่สนใจที่จะเอา ขอให้ทราบว่าถ้ามีหลักฐานชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นชื่อ เป็นฉายา เป็นสมณศักดิ์อะไร สามารถรับเงินได้ทั้งหมด

มีคนโอนไปให้อาตมา มีอยู่ครั้งเดียวที่รับยากที่สุด ก็คือเป็นการโอนผ่านระบบไปรษณีย์อะไรบางอย่างของญี่ปุ่น ปรากฏว่าต้องกรอกข้อมูลเป็นหน้ากระดาษเลย เพื่อที่จะถอนเงินตรงนั้น ข้อมูลต่อให้ไม่มีก็ต้องกรอกลงไปว่าไม่มี ถ้าปล่อยว่างไว้ก็เบิกไม่ได้ ใช้เวลานานเป็นเดือนเหมือนกันกว่าที่จะถอนออกมาได้ ยังดีว่าเขาโอนไปให้สามหมื่นกว่าบาท ก็เลยทนรอเบิกได้ ถ้าโอนไปน้อย ๆ หน่อยก็อาจจะตัดใจทิ้งไปแล้วเหมือนกัน

เอาเป็นว่าถ้าคาใจอยู่เราก็เอาไปทำบุญ อาจจะโอนให้ท่านอีกสักครั้งหนึ่งโดยวิธีอื่นก็ได้ ถ้าจะให้แน่ ๆ ก็ขอเลขบัญชีธนาคารของท่านมาแล้วโอนตรงไปเลย หรือไม่อีกทีก็ธนาณัติให้ท่านไปรับที่ไปรษณีย์เสียให้เข็ด

เถรี
04-06-2017, 20:01
ถาม : ผมห้อยพระองค์ที่ ๑๑ อยู่ครับ เลยอยากทราบว่า พระองค์ที่ ๑๑ มีพุทธคุณด้านความเหนียว เช่นเดียวกับสมเด็จองค์ปฐม และเหรียญพุทธบารมีหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ความเหนียวเหมือนกันทุกอย่าง ถ้าไม่เชื่อก็ทดสอบได้ เพราะว่าเป็นเนื้อโลหะใกล้เคียงกัน...!

เถรี
04-06-2017, 20:05
ถาม : มีหลวงปู่บางท่านบอกว่า "เรื่องของเมตตา ถ้าไม่ระวังให้ดี จะกลายเป็นกามราคะได้" อยากทราบว่าเหตุใดเมตตาจึงเปลี่ยนเป็นกามราคะได้ครับ ?
ตอบ : เพราะว่ากำลังใจของเอ็งนั้นห่วยแตก ไม่สามารถจะรักษาสัจจบารมีไว้ได้ สิ่งที่จะสงเคราะห์เขาโดยเมตตาก็เลยกลายเป็นราคะไปแทน

ถาม : แล้วเราจะทราบได้อย่างไรว่าตอนนี้เรากำลังทำในสิ่งที่เป็นราคะ แต่ไม่ใช่เมตตา ?
ตอบ : คืออยากได้เขาเป็นเมีย โง่ขนาดไม่รู้เลยหรือวะ ?

เถรี
04-06-2017, 20:10
ถาม : คาถา "รูปพระพุทโธ โหหิ" ถ้าผมลืมภาวนาคาถานี้ (เสกน้ำลายแล้วกลืนลงไป) ก่อนออกจากบ้านพอไปถึงระหว่างทางถ้านึกขึ้นได้แล้ว ต้องรีบภาวนาคาถานี้ตามวิธี เหมือนตอนลืมรับประทานยารักษาโรคตามแพทย์สั่งเลยใช่ไหมครับ ?
ตอบ : ทำได้บ่อยเท่าไรก็ดี แต่วิธีที่ถูกต้องก็คือ นึกถึงภาพพระคลุมตัวเราลงมา ถ้าสามารถนึกประคองภาพพระได้ตลอดทั้งวัน ก็แปลว่าปลอดภัยได้ทั้งวัน

เถรี
04-06-2017, 20:14
ถาม : เพื่อนของผมเคยบอกว่า "การที่เราพูดถึงบุคคลอื่นแต่ในแง่ไม่ดี สักวันเราจะกลายเป็นคนไม่ดีนั้นเอง" ผมก็มาสังเกต พบว่าเป็นอย่างนั้นจริง พอว่าคนอื่นไม่ดีมากเท่าไร ตัวเองก็เหมือนจะไม่ดีตามเขามากเท่านั้น ผมสงสัยว่า ตรงนี้เป็นกฎของกรรมหรือครับ ?
ตอบ : ไม่ใช่กฎของกรรม เป็นความชั่วในใจของเราเอง เพราะว่าใจของเราชั่ว เราถึงได้มองคนอื่นแต่ในแง่ที่ชั่ว ๆ ทั้งหมด ในเมื่อกำลังใจของเราชั่วเอง ถึงเวลาจะไปในทางชั่วก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิดปกติ

ถาม : ถ้าเราจะแก้นิสัยที่ชอบพูดแต่เรื่องไม่ดีของผู้อื่น จะแก้อย่างไรครับ ?
ตอบ : หาอะไรมาอมไว้ จะได้พูดให้น้อยลงหน่อย

เถรี
04-06-2017, 20:16
ถาม : ซื้อบ้านหลังใหม่ พอเข้าบ้านไปรู้สึกว่ามีวิญญาณแฝงอยู่ มีวิธีแก้ไขอย่างไรครับ ?
ตอบ : ไม่ต้องแก้ จุดธูปบอกกล่าวท่านว่าเราขอมาอาศัยอยู่ด้วย ถ้าทำบุญสุนทานอะไรให้ท่านโมทนาได้โดยที่ไม่ต้องให้บอกกล่าว ขณะเดียวกัน ถ้ามีอะไรไม่เกินวิสัย ขอให้ท่านช่วยสงเคราะห์ให้อยู่เย็นเป็นสุขหรือมีความเจริญอย่างไรก็ว่าไป

ถาม : กรณีแบบนี้ควรจุดธูปกี่ดอกครับ ?
ตอบ : เอาทั้งห่อเลย...! ยิ่งเยอะยิ่งดี

เถรี
04-06-2017, 20:19
ถาม : หนูต้องการสร้างบ้านในที่ดินที่ซื้อมาจากคนอื่น พื้นที่ตรงนั้นเคยเป็นที่นา มีสระน้ำ เคยใช้เผาศพปู่และย่าของเขา และเคยมีเด็กจมน้ำตาย ๑ คน มานานหลายสิบปีแล้ว ซึ่งปัจจุบันนี้หนูได้ถมดินพื้นที่นี้เรียบร้อยแล้วค่ะ หนูสมควรสร้างบ้านในที่ดินผืนนี้ไหมคะ ?
ตอบ : ถ้าไม่มีที่อื่นก็สร้างตรงนั้นแหละ แต่สร้างเสร็จแล้วก็ให้ทำบุญบ้าน ตั้งใจอุทิศส่วนกุศลให้ท่านทั้งหลายเหล่านั้น

เถรี
05-06-2017, 09:15
ถาม : ดิฉันเป็นฆราวาส ยังโสด ไม่มีครอบครัว มีความปรารถนาต้องการปฏิบัติเพื่อไปพระนิพพาน แต่ก็ยังมีความพอใจที่จะดูรายการบันเทิงยอดฮิต เช่น the mask singer หรือดูละครยอดฮิต เช่น นาคี หรือดูซีรี่ส์ของต่างประเทศ เช่น Game of thrones ดิฉันมักจะมีเหตุผลอยู่ในใจว่า ดูเพื่อต้องการคลายเครียด ดูเพื่อให้รู้เวลาคนอื่นเขาคุยกัน แต่อีกใจหนึ่งก็เถียงว่า ทำไมไม่เอาเวลาที่เหลือไปภาวนา เอาเวลาไปฟังเสียงธรรม สองอย่างนี้ตีกันไปตีกันมา แต่สุดท้ายซีรี่ส์ก็ชนะค่ะ
ตอบ : Devil ชนะ

ถาม : ดิฉันอยากทราบว่า หลังจากภาวนา เราสามารถคลายอารมณ์นั้นมาดูรายการบันเทิงได้หรือไม่คะ ?
ตอบ : เท่ากับทำไปแล้วเสียเปล่า เพราะถ้ากำลังใจเราไม่ทรงตัว ถึงเวลาก็จะไหลตามกิเลสไปหมด

ถาม : แล้วคนที่ชอบดูรายการเหล่านี้ ยังถือว่าเป็นนักปฏิบัติธรรมได้หรือไม่คะ ?
ตอบ : เป็นได้...แต่เป็นน้อย

เถรี
05-06-2017, 09:19
ถาม : เหตุใดพระสายปฏิบัติทั้งหลายจึงมาเกิดที่ประเทศไทย ทั้ง ๆ ที่หากเกิดที่ทิเบตน่าจะมีความก้าวหน้าในการปฏิบัติเร็วกว่า ประเทศไทยมีอะไรดี ท่านจึงมาเกิดที่นี่คะ ?
ตอบ : ประเทศไทยมีมรรคผล ทิเบตเป็นสายพระโพธิสัตว์ ถ้าคุณตั้งใจปฏิบัติเพื่อมรรคผลไปเกิดทิเบตก็สาหัสเลย ในเมื่อประเทศไทยเป็นเขตมรรคผล ท่านมาเกิดที่นี่ก็ถูกต้องแล้ว

เถรี
05-06-2017, 09:24
ถาม : พระทิเบตที่มีตบมือ โต้กันไปโต้กันมา คืออะไรคะ ?
ตอบ : เขาเรียกตรรกวิภาษ เป็นการปุจฉาวิสัชชนาอย่างหนึ่ง ฝ่ายที่ถามพยายามรบกวนสมาธิอีกฝ่ายหนึ่งให้มากที่สุด ฝ่ายที่ตอบก็ต้องพยายามรักษาสมาธิเอาไว้ขณะที่ตัวเองกำลังค้นหาคำตอบอยู่ จัดเป็นการฝึกกรรมฐานแบบเคลื่อนไหวอย่างหนึ่ง

เถรี
05-06-2017, 09:24
ถาม : ได้อ่าน Facebook คลังพระพุทธศาสนานำรูปลามะทุบเชอแห่งนิกายญิงมะ และภิกษุณีที่ปรากฎการณ์ร่างสังขารเป็น "ร่างรุ้ง" ภาวะร่างรุ้งเกิดขึ้นได้อย่างไร เหมือนกับการเกิดพระธาตุหรือร่างสังขารไม่เน่าเปื่อยของพระเถระต่าง ๆ หรือไม่ ?
ตอบ : พระที่ท่านปฏิบัติจนเข้าถึงแล้ว อย่างน้อย ๆ ในระดับฌานสี่ละเอียดมีความคล่องตัวอยู่ สภาพจิตจะเปล่งแสงออกมาเป็นปกติ

ในเมื่อเปล่งแสงออกมาเป็นปกติ บุคคลที่สามารถรู้เห็นและสัมผัสได้ก็จะรู้ ยิ่งสร้างบารมีมามากเท่าไร แสงสีก็มีมากเท่านั้น แต่สูงสุดไม่เกิน ๖ สี คือ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

เถรี
05-06-2017, 09:29
ถาม : ผมสงสัยว่า กรณีพระคึกฤทธิ์ วัดนาป่าพง ที่ท่านทำ "หนังสือพุทธวจน" นั้นถูกต้องตามคำสอนของศาสนาพุทธไหมครับ ?
ตอบ : ไปถามท่านเอง

ถาม : เห็นว่ามีชาวบ้านส่วนหนึ่งคัดค้าน ถ้าอ่านไปจะได้รับความรู้ผิด ๆ หรือเปล่าครับ ?
ตอบ : อ่านได้ ไม่เป็นไร อย่างน้อย ๆ ถ้าผิดจะได้รู้ว่าท่านผิดตรงไหน

เถรี
05-06-2017, 09:42
ถาม : อยากทราบว่าถ้าเราเคยบวชแล้วติดหนี้สงฆ์ในช่วงที่บวชอยู่ เราจะสามารถชำระหนี้สงฆ์อันนั้นหลังจากที่ได้ลาสิกขาออกมาแล้วได้ไหมครับ ?
ตอบ : เป็นสงฆ์แล้วติดหนี้สงฆ์ อาตมากลัวว่าจะไม่ใช่พระ..! โยมเข้าใจคำตอบนี้ไหม ? ก็คือเป็นพระแล้วไปหยิบฉวยสิ่งของที่เจ้าของเขาไม่ได้ให้มาจนติดหนี้ มีสิทธิ์โดนอาบัติปาราชิก ขาดจากความเป็นพระ ถ้าเป็นอาบัติปาราชิกก็ไม่ต้องไปชำระหนี้สงฆ์หรอก หมดสภาพความเป็นพระไปนานแล้ว โทษหนักกว่าเป็นหนี้สงฆ์มาก

เถรี
05-06-2017, 09:43
ถาม : ที่ทำงานผมเขาใช้ผมไปเปลี่ยนแผ่นดักแมลง ดักจิ้งจก ดักหนู แต่ผมไม่อยากทำ อย่างนี้ศีลจะขาดไหม ?
ตอบ : ถ้าไม่ทำศีลก็ไม่ขาด

ถาม : ใจจริงไม่อยากทำเลยครับ ผมจะมีส่วนในบาปด้วยไหมครับ ?
ตอบ : มีแน่นอน ลงมือทำเมื่อไรถือว่ามีความผิดร่วมกัน

เถรี
05-06-2017, 09:47
ถาม : ผมตั้งใจจะบวชในพรรษานี้ แล้วมีเหตุให้ไม่ได้บวชตามกำหนดที่วางไว้ โดยต้องเลื่อนออกไปเป็นเดือนพฤศจิกายนแทน ก่อนหน้านี้ผมได้อธิษฐานต่อหน้าพระประธานและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไว้ว่าจะขอบวชในพรรษานี้ ณ วัดแห่งนี้ และได้ขอบารมีพระรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายให้คุ้มครองและอนุโมทนาในบุญอุปสมบท

เมื่อไม่สามารถเข้าพิธีบวชได้ทันตามที่กำหนดไว้ในตอนแรก เท่ากับว่าผมผิดคำมั่นสัญญา ผมจะต้องขอขมาพระรัตนตรัยและบอกกล่าวต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์อย่างไรบ้างครับ ?

ตอบ : ไม่ต้องขอขมา ไม่ต้องบอกกล่าว แต่รีบไปบวชให้เร็วที่สุด แล้วบอกกับท่านว่า เราสามารถทำได้เร็วที่สุดแค่นี้ ขออภัยด้วยที่ผิดคำพูด ส่วนที่เหลือก็แล้วแต่ท่านจะเมตตา ถ้าเมตตามากก็แล้วไป ถ้าเมตตาน้อยก็อาจจะมีการแหย่เท้ามาคลึง ๆ เราหน่อย..!

เถรี
05-06-2017, 09:53
ถาม : ทำไมพระสงฆ์ถึงมีเสน่ห์ พระสงฆ์ที่รู้จักทุกรูปมีผู้หญิงมาชอบเยอะมาก ?
ตอบ : พระพุทธเจ้าทรงสอนให้ทำเสน่ห์ พระองค์ท่านสอนว่าต้องมีทาน รู้จักให้คนอื่น ปิยวาจา พูดดี พูดไพเราะ อัตถจริยา สร้างประโยชน์ให้แก่เขา สมานัตตา ทำความดีเหล่านี้โดยเสมอต้นเสมอปลาย แบบเอาใจเขามาใส่ใจเรา จึง มีเสน่ห์ทุกคน

ถาม : อีกกรณีหนึ่งคิดสงสัยมาตลอด ไม่เข้าใจเลย เป็นแบบต่างสถานที่ ต่างเวลา พระรูปหนึ่งอายุสี่สิบใกล้จะห้าสิบ (เป็นพระปฏิบัติดี) ผู้หญิงที่ปฏิบัติธรรมด้วยกัน ๒ คน (อายุรุ่นเดียวกับพระ ก็เคยเห็นพระรูปนี้กันเสมอ) ครั้งนี้แปลก ๒ คนเห็นท่านแล้วจะมีอาการรน ๆ ตื่นเต้นมาก คนหนึ่งจะพูดซ้ำ ๆ อีกคนจะนั่งไม่ติด ย้ายที่นั่งไม่หยุด ข้าพเจ้าต้องดุแรง ๆ ทั้ง ๒ คน ถึงจะระงับอาการได้ อาการแบบนี้คืออะไร ทำไมพวกเขาถึงสติหลุดกัน ?
ตอบ : ก็เพราะว่าสติหลุดนั่นแหละ คำถามบอกตรง ๆ อยู่แล้ว เรื่องพวกนี้ขอให้ทราบว่า ถ้าเป็นการตบมือข้างเดียวจะไม่ดัง พระอย่าไปร่วมตบมือกับโยมก็แล้วกัน ถ้าร่วมด้วยเมื่อไรก็เป็นอันว่าบรรลัยทั้งสองฝ่าย

ถาม : ควรจะเตือนเพื่อนผู้หญิงสองคนที่ไปหลงเสน่ห์พระว่าอย่างไรคะ ?
ตอบ : ช่วยตบสักฉาด...เผื่อว่าจะได้สติ...!

เถรี
05-06-2017, 09:55
ถาม : เหตุใดการที่ทหารพกชายผ้าถุงแม่เข้าทำสงครามจึงมีผลให้คงกระพันได้ครับ ?
ตอบ : ความมั่นใจว่ามีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองตัวเอง ยิ่งมั่นอกมั่นใจได้มากเท่าไร ก็ยิ่งคุ้มครองตัวเองได้มากเท่านั้น

เถรี
05-06-2017, 15:32
ถาม : เนื่องจากการทำแท้ง หากทำในครรภ์ที่มีอายุพอสมควร เด็กจะสามารถร้องส่งเสียง และขยับร่างกายได้ แต่ด้วยสภาพร่างกายและอวัยวะที่ยังเจริญเติบโตไม่เต็มที่ ไม่พร้อมต่อการดำรงชีวิต จึงไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ แต่พระอาจารย์กล่าวว่า มีบางกรณีที่ดวงจิตบางดวงมาจับหลังจากที่คลอดออกมาแล้ว จึงขอกราบเรียนถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่เมื่อแท้งมาแล้วในลักษณะนั้น จนกระทั่งสิ้นลม จะยังคงไม่มีจิตดวงใดมาจับมาอยู่อาศัยครับ ?
ตอบ : ทำไมคุณจึงไปจับแค่ตรงนั้น ? แล้วคำตอบที่อาตมาบอกว่า บางคนตั้งแต่เชื้อของพ่อผสมกับไข่ของแม่ดวงจิตก็จับแล้ว ทำไมมึงไม่เอามา ? ก็แปลว่าอยากหาเรื่องฆ่าสัตว์ หรือฆ่าคนใช่ไหม ? เขาเรียกว่าเลือกเอาคำตอบส่วนที่มีประโยชน์แก่ตนมา ซ้ำยังจะพาให้คนอื่นเข้าใจผิดไปด้วย

ถาม : ในการตั้งครรภ์ จากการที่ดวงจิตมาจับในเวลาที่แตกต่างกัน ทั้งทันทีหลังจากปฏิสนธิ หรือแม้แต่หลังจากที่คลอดออกมาแล้ว อยากทราบว่ามีบุญกรรมใดที่ทำให้เวลาการจับแตกต่างกันครับ ?
ตอบ : บุญกรรมที่สัตว์ชนิดนั้นสร้างมานั่นแหละ ถ้าสร้างกรรมเอาไว้น้อย ก็ทนทุกข์ทรมานอยู่ในท้องแม่น้อยหน่อย ถ้าสร้างกรรมไว้มากก็ทนทุกข์ทรมานอยู่ในท้องแม่นานมาก พระสีวลีสร้างกรรมไว้มาก อยู่ในท้องแม่เสีย ๗ ปีกว่า ๆ

ถาม : และมีวิธีกำหนดสำหรับบุตรของตนเองหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ก็เห็นว่าหมอสมัยนี้เขาเลือกเพศได้แล้วนี่

เถรี
05-06-2017, 15:43
ถาม : ด้วยคำกล่าวที่ว่า พ่อแม่คือพระอรหันต์ในบ้าน จึงขอกราบเรียนถามพระอาจารย์ว่า การทำบุญกับพ่อแม่ จะได้อานิสงส์เท่ากับการทำบุญกับพระอรหันต์หรือไม่ครับ ?
ตอบ : เอาให้แน่ ๆ ก่อน ถ้าในพระไตรปิฎกเถรวาทของเรากล่าวว่า พ่อแม่คือพรหมของบุตร ไม่เคยกล่าวว่าพ่อแม่คือพระอรหันต์ แต่ในนิทานธรรมบทของมหายานกล่าวว่า พ่อแม่คือพระอรหันต์ของลูก ๆ เพราะฉะนั้น...เลือกก่อนว่าจะเอามหายานหรือเอาเถรวาท

การทำบุญกับบุคคลในแต่ละระดับ ในกัมมวิภังคสูตรเขาบอกไว้ชัดเจนแล้ว ว่าแต่ละระดับของกำลังใจนั้นทำแล้วจะได้อานิสงส์เท่าไร ถ้าไม่ใช่พระอรหันต์ ต่อให้เขาบอกว่าเปรียบเหมือนพระอรหันต์ ทำไปก็ไม่ได้เท่ากับพระอรหันต์หรอก

ถาม : และการทำบาปกับพ่อแม่อื่น ๆ ที่ไม่ใช่การทำให้เสียชีวิต จะให้โทษเท่ากับการทำกับพระอรหันต์หรือไม่ อย่างไรครับ ?
ตอบ : ตอบไปแล้ว แม้ว่าจะไม่เท่า แต่ถ้าในส่วนของอนันตริยกรรมก็ถือว่าอยู่ในระดับใกล้เคียงกัน

เถรี
05-06-2017, 15:49
ถาม : การที่นิสัยของเราไม่ตรงกับความชอบใจของพ่อแม่ โดยที่เราไม่ได้กระทำกริยาอันใดไม่เหมาะสมกับพ่อแม่ แต่พ่อแม่ไม่ถูกใจกับคะแนนสอบ ทางเดินชีวิตหรือสายงานที่เราเลือก เพราะไม่ได้ตามมาตรฐานหรือความชอบของพ่อแม่ ทำให้พ่อแม่เกิดความไม่สบายใจหงุดหงิดใจเสียใจขึ้นนั้น ถือเป็นบาปของเราที่ทำให้ท่านไม่สบายใจหรือเปล่าครับ และจะมีวิธีแก้อย่างไรครับ ?
ตอบ : บาป แปลว่า เราต้องทำด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจของเรา ถ้าไม่ได้ทำก็ถือว่าเป็นบาปเป็นกรรมของพ่อแม่เองที่ท่านไปคิดอย่างนั้น พูดอย่างนั้น ทำอย่างนั้น วิธีแก้ก็คือ ทำให้ได้อย่างที่พ่อแม่ต้องการ

ถาม : แต่บางทีพ่อแม่อยากให้เป็นหมอก็ยากนะคะ ?
ตอบ : มีอยู่รายหนึ่งพ่อแม่อยากให้เป็นหมอ แต่ตัวเองอยากเรียนสถาปัตย์ฯ ก็เลยไปเอนทรานซ์เรียนหมออยู่ ๖ ปี จบหมอมาแล้วก็เอาปริญญาบัตรไปให้พ่อแม่ แล้วตัวเองก็เอนทรานซ์ใหม่เพื่อไปเรียนสถาปัตย์ฯ แล้วก็ทำได้ด้วย แสดงว่าเขาเก่งจริง

เถรี
05-06-2017, 15:56
ถาม : การนำแผ่นดวงชะตาไปร่วมหลอมเพื่อสร้างองค์พระ มีอานิสงส์ทางด้านเสริมดวงชะตาเหนือกว่าการบริจาคเงินปัจจัยร่วมสร้างอย่างเดียวหรือไม่ อย่างไรครับ ?
ตอบ : ไม่ได้อะไรเลย นอกจากรู้สึกว่าดีที่เราได้ทำแล้ว

ถาม : การนำแผ่นบรรจุดวงชะตาไปเข้ารับการสวดมนต์โดยพระสงฆ์ในช่วงระยะเวลาเท่านั้นเท่านี้ มีผลให้ดวงชะตาดีขึ้นจริงหรือไม่ อย่างไรครับ ?
ตอบ : ถ้าได้อย่างนั้นก็ดีหมดทั้งประเทศแล้ว น่าจะเจริญกว่าญี่ปุ่นอีก...! ถ้าจะทำในลักษณะอย่างนั้น อย่าเอาไปแต่แผ่นดวง แต่ให้เอาตัวเองไปด้วย

เมื่อเราไปอยู่ในพิธี ตั้งใจฟัง สภาพจิตเป็นสมาธิ เห็นพระสงฆ์เป็นผู้สวดเป็นสังฆานุสติ สิ่งที่ท่านสวดคือพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า เป็นธัมมานุสติ ได้กราบได้ไหว้พระพุทธรูปในวัดเป็นพุทธานุสติ ถ้าอย่างนั้นโอกาสที่จะเจริญก้าวหน้าได้ก็จะมี เพราะว่าเราสร้างความดีใหญ่อยู่ตลอดเวลา แต่ถ้าเราเอาไปแต่แผ่นดวง ก็ได้แค่ปลอบใจตัวเองว่าเราได้ทำแล้ว

เถรี
05-06-2017, 16:03
ถาม : การที่พระสงฆ์ท่านให้พรนั้น จะสำเร็จตามพรที่ท่านว่าเนื่องด้วยเหตุใดหรือครับ เพราะกำลังสมาธิของแต่ละท่านใช่หรือไม่ครับ ?
ตอบ : ด้วยสาเหตุสองประการ ประการแรกคือตัวเรา สภาพจิตตอนนั้นของเราเป็นอย่างไร อีกประการหนึ่งก็คือ ตัวของท่าน สภาพจิตของท่านเป็นอย่างไร ถ้าต่างคนต่างดีมีกำลังสูง โอกาสสำเร็จก็มีมาก ถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเสียมาก โอกาสสำเร็จก็น้อย

ถาม : การที่รับชมการถ่ายทอดสดอยู่ แล้วพระท่านให้พร หากเรานำจิตน้อมรับพรนั้นไว้ด้วย เราจะได้รับพลังเช่นเดียวกันกับเมื่ออยู่ต่อหน้าท่านหรือไม่ครับ ?
ตอบ : ถ้าตั้งใจกำลังใจถูกก็ได้เหมือนกัน

ถาม : การดูบันทึกเทปต่าง ๆ ที่พระสงฆ์ท่านให้พร การนำจิตน้อมรับพรนั้นจะทำให้เราได้รับพลังเช่นเดียวกันกับเมื่ออยู่ต่อหน้าท่านโดยตรงหรือไม่ครับ ?
ตอบ : อยู่ที่กำลังใจของเราว่ามีศรัทธาเลื่อมใสเท่าไร ถ้าหากมีศรัทธาเลื่อมใสเท่ากับอยู่ต่อหน้าท่านจริง ๆ ก็ได้เท่ากัน

เถรี
05-06-2017, 16:11
ถาม : เมื่อขออาราธนาบารมีพระเพื่อพุทธาภิเษกวัตถุมงคลแล้ว วัตถุมงคลนั้นย่อมมีอานุภาพมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวัตถุที่รับพลังได้มาก เช่น ทองคำ หรือ ตะกั่ว แล้วการนำมวลสารสำคัญต่าง ๆ เป็นชนวน เพื่อสร้างเป็นวัตถุมงคลนั้น จะมีผลให้เพิ่มพลังงาน อานุภาพ หรือคุณประโยชน์แก่วัตถุมงคลที่สร้างใหม่นั้นหรือไม่ อย่างไรครับ ?
ตอบ : ได้บ้างไม่ได้บ้าง เหตุที่เป็นอย่างนั้นเพราะบางท่านอธิษฐานจิตไว้ว่า ถ้าหากวัตถุนี้ละลายเป็นน้ำเมื่อไรก็หมดอานุภาพเมื่อนั้น ถ้าอย่างนั้นก็ได้เศษโลหะไปช่วยการหล่อเพิ่มขึ้นมานิดหนึ่ง แต่ถ้าเป็นท่านที่ไม่ได้จำกัดลักษณะนั้นก็ใช้ได้อยู่

เถรี
05-06-2017, 16:17
ถาม : ผมรักหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุงมาก ถ้ากระผมเป็นผู้ติดตามหลวงพ่อท่าน แต่ทำไมผมเกิดในเขตพญานาคศรีสุทโธ คือ คำชะโนด หรือเป็นเพราะปรารถนาพุทธภูมิครับ ?
ตอบ : ต้องถามตัวเอง จะเกิดที่ไหนไม่ได้เกี่ยวกัน

การเกิดของเราส่วนหนึ่งนั้น เกิดจากการพิจารณาแล้วจึงมาเกิด ก็คือ ชาตินี้ต้องมีโอกาสสักช่วงหนึ่ง ที่เราจะได้พบครูบาอาจารย์ที่เราศรัทธาเลื่อมใสองค์นี้ มีโอกาสปฏิบัติตามคำสอนของท่าน แต่ถ้าเราไม่ยอมเลือกเกิดในที่ลำบากแบบนั้น เราอาจจะไม่ได้เกิดอีกนานแสนนาน เพราะว่าจังหวะที่เหมาะสมไม่มี ก็จำเป็นจำยอมที่จะต้องลงมาเกิดในสถานที่ซึ่งลำบากในการเดินทางก็ดี ลำบากในการทำมาหากินก็ตาม เพื่อจะให้ได้พบครูบาอาจารย์หรือธรรมะตามที่ตนได้อธิษฐานเอาไว้ ซึ่งบุญสัมพันธ์หรือกรรมสัมพันธ์เหล่านั้น จะส่งผลให้ได้ดังที่ต้องการในระยะเวลาใดเวลาหนึ่งในชีวิต เราก็ยอมเลือกที่จะเกิดในสถานที่อย่างนั้น

เถรี
05-06-2017, 16:20
ถาม : อยากทราบว่าเวลาคนเราจะเจอกับอะไร เช่น เดินอยู่ดี ๆ ก็มีความรู้สึกว่าจะมีฟุตบอลลอยมาโดนที่หัว และวินาทีต่อมาก็มีฟุตบอลลอยมาโดนที่หัวจริง ๆ อยากทราบว่าความรู้สึกที่ดูเหมือนจะรู้ก่อนหน้าที่จะโดนบอลจริง ๆ นั้นคืออะไรครับ ?
ตอบ : โบราณเรียกว่าลางสังหรณ์ ภาษาพระเรียกว่าทิพจักขุญาณอย่างอ่อน สามารถที่จะรู้ล่วงหน้าได้ แต่มักจะรู้ล่วงหน้าในระยะเวลาที่สั้นมาก ไม่เหมือนกับบุคคลที่ฝึกทบทวนทิพจักขุญาณของตัวเองให้มั่นคง จะสามารถรู้ล่วงหน้าได้นาน ๆ

เถรี
05-06-2017, 17:36
ถาม : คนที่เป็นแชมป์แข่งขันกินจุ เขาทำบุญหรือทำกรรมอะไรไว้ครับ ทำไมเขาถึงกินอาหารได้เยอะกว่าคนอื่น ๆ ได้มากขนาดนั้น ?
ตอบ : ทำบุญผสมบาป หลายคนก็ทำแบบนี้กับอาตมา ก็คือถวายอาหารมาแล้วก็มานั่งเฝ้า "หลวงพ่อฉันเยอะ ๆ นะคะ" "หลวงพี่ฉันอีกหน่อยสิครับ" ทั้ง ๆ ที่ตูยัดจะตายห่...อยู่แล้วก็ต้องยัดเพิ่มเข้าไป พวกนี้ถึงเวลาเกิดใหม่ก็จะท้องยุ้งพุงกระสอบลักษณะอย่างนั้น แต่ว่ามีความดีอยู่อย่างหนึ่งก็คือธาตุไฟดีมาก ย่อยอาหารได้ทีละมาก ๆ

หลวงพ่อวัดท่าซุงเคยเล่าให้ฟังว่า มีโยมคนหนึ่งอยู่สมุทรสาคร จะได้กินข้าวอิ่มเฉพาะวันพระเท่านั้น นอกจากนั้นไม่ได้กินอิ่มเลยแม้แต่มื้อเดียว ถามว่ากินขนาดไหน ? พอถึงวันพระ พระท่านนำอาหารที่เหลือมาให้แก ๑ กระบุง แกก็กินไปเรื่อย สามารถที่จะกินหมดกระบุงได้

ส่วนอีกรายหนึ่งอยู่ที่วัดบางนมโคชื่อกำนันเถา เป็นคู่ปรับของหลวงพ่อวัดท่าซุง เพราะว่ากำนันเถาชอบจับผิดพระ แต่เป็นลูกศิษย์หลักคนหนึ่งของหลวงปู่ปาน กำนันเถากินข้าวทีละกะละมัง ยิ่งถ้าวันไหนมีน้ำพริกคลุกข้าว กำนันเถาจะเปิบแบบลืมตายเลย หลวงปู่ปานเรียกว่า "ไอ้เถากระเพาะยาง" เพราะว่ากระเพาะยืดได้เหมือนยาง

ส่วนอีกรายหนึ่งท่านว่าเป็นคนที่ไหนไม่รู้มาเที่ยวงานวัด เห็นเขากำลังตำลูกแป้งขนมจีนอยู่ ลูกแป้งขนมจีนเป็นแป้งนึ่งครึ่งดิบครึ่งสุก ตำให้เหนียวเพื่อที่จะเอาไปรีดเป็นเส้น เขาบอกว่าขอชิมหน่อยว่ารสชาติได้ที่หรือยัง ลูกแป้งขนาดเท่าลูกฟุตบอล แกชิมหมดเกลี้ยงเลย เพราะฉะนั้น...ต่อไปใครอยากจะได้แชมป์ในการกิน ก็พยายามตื๊อให้พระฉันเยอะ ๆ เข้าไว้

เถรี
05-06-2017, 17:37
ถาม : จะปฏิบัติตนอย่างไรจึงจะได้ชื่อว่าเป็นผู้ไม่มีอวิชชาคะ ?
ตอบ : เป็นพระอรหันต์ ถ้ายังเป็นอย่างอื่นมีอวิชชาทั้งนั้น

เถรี
05-06-2017, 17:41
ถาม : น้องชายบวชพระอยู่ค่ะ กำลังหาฤกษ์สึก คุณแม่เลือกวันที่ ๒๙ มิถุนายนเป็นวันสึกให้ แต่ตรงกับฤกษ์ดิถีพิฆาตในปฏิทินฤกษ์พรหมประสิทธิ์ กราบเรียนถามว่า หากน้องชายสึกวันนี้ เข้าใจว่าเป็นวันดีเกินคนธรรมดา เลยสงสัยว่าถ้าสึกฤกษ์ดิถีพิฆาตจะเป็นโทษแก่น้องชายไหมคะ ?
ตอบ : ลองสึกดูก่อน ถ้าไม่ลองก็ไม่รู้

ถาม : แล้วเสาร์ ๕ ละคะ ?
ตอบ : อยากจะสึกก็สึกไป ใครจะไปว่าอะไรถ้าเราไม่กลัวเสียอย่าง

ถาม : มีวันไหนที่ไม่ควรอีกไหมคะ ?
ตอบ : อาทิตย์ ๑๒ จันทร์ ๑๑ อังคาร ๗ พุธ ๓ พฤหัสฯ ๖ ศุกร์ ๙ เสาร์ ๘

เถรี
06-06-2017, 14:02
พระอาจารย์กล่าวว่า "บางคำถามของโยมก็ถามในลักษณะ "รู้เลยตาย" ก็คือ แทนที่จะคิดว่าตัวเองกำลังจะตาย ให้เร่งการปฏิบัติ ก็ไปอยากรู้เรื่องนั้นเรื่องนี้ แต่ก็เหมือนกับคนที่ "คัน" ถ้าไม่ได้เกาก็ไม่สามารถที่จะห้ามตัวเองได้ ท้ายที่สุดก็ต้องเกา เพราะฉะนั้น...อะไรที่พอสงเคราะห์ได้ก็สงเคราะห์ ถ้านอกทุ่งนอกท่ามากก็มีโดนด่าบ้าง"

เถรี
06-06-2017, 14:10
พระอาจารย์กล่าวว่า "เรื่องที่ไปตื๊อให้พระฉัน ญาติโยมเป็นกันมากเลยนะ จะว่าไปแล้วก็เป็นเรื่องที่อันตราย

ในวงการพระมีเรื่องแปลก ๆ อยู่หลายเรื่อง เรื่องหนึ่งก็คือทิดสุริยา สมัยเป็นพระก็เป็นเพื่อนของอาตมาเอง ถามว่าทิดสุริยาฉันอย่างไร ? วันนั้นนั่งอยู่ด้วยกัน ท่านฉันก๋วยเตี๋ยวน้ำ ๒ ชาม ก๋วยเตี๋ยวแห้ง ๒ ชาม ข้าว ๑ จานใหญ่ สายตาพระทั้งงานมองไปที่เขาคนเดียว เพราะท่านอื่นอิ่มกันไปนานแล้ว ท้ายสุดรังสีอำมหิตน่าจะแรงเขาก็เลยรู้ตัว เงยหน้าขึ้นมาแล้วก็วางช้อน เขาบอกว่ายังไม่ได้ครึ่งท้องเลย..!

เขาก็เล่าให้ฟังด้วยความภูมิใจว่า ไปกิจนิมนต์งานหนึ่ง ตัวเองก็ฉันในลักษณะนี้ โยมน่าจะเป็นญาติของเจ้าภาพ อายุสัก ๗๐ ปี มาถึงก็ปูผ้าขาวม้าแล้วก็กราบแต่ทิดสุริยาคนเดียว "นิมนต์พระคุณท่านอยู่นาน ๆ นะครับ ฉันได้ชื่นใจโยมเหลือเกิน" ท่านสุริยายิ้มกริ่มเลย "เป็นอย่างไรโยม ? ถูกใจมากเลยหรือถึงนิมนต์ให้อยู่นาน ๆ" โยมบอกว่า "จะบอกว่าถูกใจก็ใช่ครับ แต่พิจารณาแล้ว อย่างท่านอย่าสึกเลย สึกไปทำอะไรก็ไม่พอแด...หรอกครับ" โยมว่าได้ตรงมาก"

เถรี
06-06-2017, 14:23
"ส่วนอีก ๙ ราย ไปกิจนิมนต์งานทำบุญบ้าน โยมทำต้มยำกบมา พระฉันกันกระจาย ฉันไปได้พักหนึ่งก็ "โยม...เพิ่มต้มยำกบหน่อย" โยมก็ยกหม้อตักมาเพิ่มให้ อีกสักพักก็ "โยม...เพิ่มต้มยำกบหน่อย" ตักเพิ่มให้ พออีกสักพัก "โยม...เพิ่มต้มยำกบหน่อย" โยมตะแคงหม้อให้ดู "เหลือแค่นี้เจ้าค่ะ ถ้าท่านจะฉันมากกว่านี้ ดิฉันกับลูกก็ไม่ต้องแด...แล้วเจ้าค่ะ" ฟังแล้วรู้สึกอนาถอย่างไรพิกล"

เถรี
06-06-2017, 17:54
พระอาจารย์กล่าวว่า "เวลาญาติโยมถวายของพระก็เลือกแต่ของดี ๆ ทำให้พระป่วยเป็นโรคกันมาก

ปัจจุบันนี้ ๕ โรคหลัก ๆ ของโรงพยาบาลสงฆ์ ได้แก่ ๑.เบาหวาน ๒.ความดันสูง ๓.ปวดข้อเข่า ๔.โรคหัวใจ ๕.อ้วน เป็นโรคที่มาจากการกินหมดเลย ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสงฆ์ท่านบอกเอง

เรื่องของโภชเนมัตตัญญุตา พระพุทธเจ้าให้เรารู้ประมาณในการกิน ถ้าเป็นพระสายวัดป่าท่านบอกว่า "รู้สึกว่าจะอิ่มก็ให้หยุด" แต่ในปัจจุบันนี้ "รู้สึกว่าจะจุกแล้วค่อยหยุด" ถ้าไม่รู้ประมาณในการกินจะลำบาก เพราะเรากินอาหารเข้าไป กว่าที่ร่างกายจะรับรู้ว่ามีอาหารอยู่ในท้อง ต้องใช้เวลา ๑๐-๑๕ นาที ถ้าเป็นพระวัดท่าขนุนนี่สาหัสเลย เพราะว่าเวลา ๑๐-๑๕ นาทีนี่ฉันได้สองอิ่ม..!

ฉะนั้น...ฉันช้า ๆ เคี้ยวช้า ๆ กลืนช้า ๆ ถ้าเอาอย่างการปฏิบัติสายสติปัฏฐานแบบพองยุบคือเคี้ยวให้ได้ ๕๐ ครั้ง กลืนคำแรกลงไปนี่ให้ร่างกายบอกว่าได้อาหารแล้ว เพราะเคี้ยวมาเกือบ ๑๐ นาทีแล้ว ถ้าแบบนี้จะอิ่มเร็ว ช่วยให้ไม่อ้วน"

เถรี
06-06-2017, 19:19
"อาตมาเองไปผจญภัยมาแล้ว โยมน่าจะเคยเห็น ปิ่นโตสเตนเลสเถาเล็กสุด ใส่ข้าวต้มเล็กแค่นี้เขาให้เวลาฉัน ๑ ชั่วโมง ถ้าอาตมาอยู่วัดท่าขนุนกวาด ๓ ทีก็หมดแล้ว แต่อยู่ที่โน่นเขาให้เวลาฉัน ๑ ชั่วโมง ต้อง ค่อย ๆ เคี้ยว

เวลาไปส่งอารมณ์ ท่านอาจารย์ถามว่า "ได้พิจารณาตอนฉันอาหารไหม ?" "พิจารณาครับ" "เคี้ยวกี่ครั้งถึงกลืน ?" "ประมาณ ๓๐ ครั้งครับ" "น้อยไป...ครั้งหน้าให้เพิ่มเป็น ๕๐ ครั้ง" "เวลาเคี้ยวอาหารละเอียดอยู่ส่วนในของปากหรืออยู่ส่วนกลางของปาก ?" อาจารย์ท่านถามละเอียดเอาผลจริง ๆ นะ ก็เลยไปดัดจริตกับเขามา ๑๘ วัน

ผู้เข้าอบรมพระธรรมทูตสายวิปัสสนารุ่นที่ ๑ ทั้งหมด ๘๗ รูป ผ่านการอบรมแค่ ๑๕ รูป และ ๑๕ รูปที่ผ่าน พระอาจารย์เล็กได้ที่ ๑ เพราะว่าดัดจริตเก่ง เขาให้ทำอะไรอาตมาทำหมด หกโมงเย็นให้เดินออกจากห้องเพื่อไปฟังธรรม ห้องโถงที่ฟังธรรมอยู่ห่างไปประมาณ ๓๐ กว่าเมตร ให้เวลาเดินถึง ๑ ทุ่ม...ไหวไหม ? แต่ทำได้จริง ๆ นะ เดินก็เดินสิ อาตมาไม่ได้ห่วงอยู่แล้ว ยิ่งถึงช้าเท่าไรก็ต้องฟังน้อยเท่านั้น

แต่มีคนเก่งกว่านะ อาตมากราบ ๓ ครั้งใช้เวลา ๑๕ นาที นึกว่าเยอะแล้ว เขาบอกว่ามีคนแค่นั่งหนอ ยังไม่ทันจะกราบเลย ๑๕ นาทีเข้าไปแล้ว เขาเก่งกว่าว่ะ..! อย่าไปนินทาเขาเลยนะ นิสัยไม่ดี มาปฏิบัติธรรมกันเถอะ"

เถรี
06-06-2017, 19:40
พระอาจารย์เล่าว่า "ก่อนอาตมาบวชสองปี วันนั้นปฏิบัติธรรมอยู่ที่บ้านสายลม พอกรรมฐานภาคค่ำเสร็จ หลวงพ่อฤๅษีฯ ท่านบอกว่า "พระเสด็จมาบอกว่า ทั้งหมดที่ปฏิบัติธรรมอยู่ในวันนี้ ถ้าตั้งใจรักษาศีลแปด จะทำได้เลย ๗๐ คน" อาตมาได้ยินไม่รู้หรอกว่ามีกี่ร้อยกี่พันคน รู้แต่ว่าข้าคือ ๑ ในนั้น นี่เป็นความคิดตอนนั้น

ทันทีที่คิดแบบนั้นก็เหมือนกับคอหอยตันไปเลย ไม่นึกอยากกินอะไร การทดสอบกำลังใจก็มา พอเลิกงานแล้ว น้าโชค (คุณประสพโชค ปัจฉิมางกูร) ที่รู้จักสนิทสนมกัน บอกว่าวันนี้น้าไปส่ง แกก็ขับรถพาไป เพราะไปทางเดียวกัน อาตมาอยู่แถวสวนหลวง น้าโชคอยู่เลยไปหน่อยหนึ่ง

พอมาถึงแยกคลองตัน น้าโชคเลี้ยวเข้าร้านหม้อไฟ "เล็ก..น้าเลี้ยง" ยังเหลืออีกประมาณ ๒ กิโลเมตรกว่าก็จะถึงบ้าน บอก "เชิญคุณน้ากับน้อง ๆ กินตามสบายนะครับ ขอบคุณมากที่มาส่ง ผมไปแล้ว" ตั้งใจจะไม่กิน แล้วก็เดินกลับบ้านไปเลย

วันรุ่งขึ้นไม่ได้รู้สึกหิวนะ แต่อุปาทานว่าเราไม่ได้กินอาหารเย็นแล้ว ก็เลยกินเผื่อตอนเพลไป ๑ จาน จากที่เคยกิน ๑ จาน ก็กินเสีย ๒ จาน เสร็จแล้วก็มานึกว่า เอ็งบ้าหรือเปล่าวะ ? ไม่ได้นึกอยากแล้วไปกินเพิ่มทำไม ? ท้ายสุดวันต่อมาก็เลยไม่ได้กินเพิ่มอะไร หลังจากนั้นมาก็เลิกโดยเด็ดขาดและสิ้นเชิง

แต่มีปัญหาตรงที่บรรดาน้อง ๆ มีจำนวนมาก พอเวลาเย็นก็ไปร้านอาหาร ต้องไปเลี้ยงเขา เพราะเป็นพี่ใหญ่ของกลุ่ม สรุปว่าไปนั่งดูเขากินและต้องควักเงินจ่ายให้ด้วย เพราะฉะนั้น...เรื่องที่จะมาหลอกให้อาตมาตบะแตกเพราะอาหารนี่ไม่สำเร็จหรอก ตั้งแต่ก่อนบวชสองปีก็ลาขาดกันไปแล้ว พอถึงเวลาเขาไม่หิวเอง ไม่รู้ว่าจะไปบังคับอย่างไร อาจจะเป็นเพราะไม่ได้กินนานเกินไป ร่างกายเลยไม่ได้ผลิตน้ำย่อยช่วงนั้น"

เถรี
06-06-2017, 19:52
"แต่มีอยู่ส่วนหนึ่งที่อยากจะให้โยมตั้งข้อสังเกตไว้ก็คือ การที่เราจะได้อะไรบางอย่าง ต้องตัดสินใจให้เด็ดขาด ในเมื่อเราคิดว่าเราทำได้ ก็ตัดสินใจเลยว่า "เอา" ทำเดี๋ยวนั้นเลย ถ้ามีการตัดสินใจแบบนี้ โอกาสที่เราจะได้อะไร ๆ ก็มีมาก แต่ถ้าไม่มีการตัดสินใจลักษณะอย่างนี้ โอกาสที่จะได้ก็มีน้อย"

เถรี
08-06-2017, 15:53
พระอาจารย์เล่าว่า "สมัยหลวงพ่อวัดท่าซุง ท่านมีวิชาอยู่อย่างหนึ่งเรียกว่า "กอบโรค" ก็คือทำท่าเอามือกอบแล้วยกขึ้น เททิ้งไป โรคที่เป็นก็หายได้ แต่ต้องเสียค่ายกครูหนึ่งสลึง

คราวนี้ไปเจอคนโกงเข้าหลายครั้ง ถึงเวลารักษาก่อน เดี๋ยวค่อยให้ค่ายกครูทีหลัง เห็นเขาเจ็บไข้ได้ป่วยหลวงพ่อท่านสงสารก็รักษาให้เขาก่อน ปรากฏว่าเขาไม่ยอมจ่ายค่าครูสลึงหนึ่ง พอไม่ยอมจ่ายโรคภัยที่เขาเป็นก็เข้าตัวเอง เพราะว่าไม่มีครูคอยกันไว้ให้ โดนเข้าไป ๒ - ๓ ครั้ง หลวงพ่อท่านก็เลยเลิก ไม่อย่างนั้นอาตมาคงได้เปิดคลีนิคกอบโรค แต่กว่าจะมีเงินพอกินข้าว คงกอบกันจนเป็นลมกันไปข้าง เพราะว่าค่าบูชาครูสลึงเดียว"

เถรี
08-06-2017, 15:59
พระอาจารย์กล่าวว่า "ในเรื่องของการปฏิบัติธรรม สำคัญตรงคนนำ คนนำห้ามนำผิด พระพุทธเจ้าท่านเปรียบเหมือนกับฝูงวัวจะข้ามน้ำ ถ้าวัวจ่าฝูงนำตรง ลูกฝูงก็ไปตรง ถ้าวัวจ่าฝูงเดินคดเคี้ยว ลูกฝูงก็ต้องลดเลี้ยวตามไป ในเรื่องของการปฏิบัติธรรม บางทีเราปฏิบัติผิดก็เสียเวลาไปหลายปี ถ้าเราตายเสียก่อนโอกาสที่จะแก้ตัวก็ไม่มี

ขออนุญาตนินทาญาติของตัวเอง คือคุณน้าคนโต เป็นน้องติดกับแม่ อาตมามีน้าอยู่ ๕ คน น้าคนโตเป็นคนที่ตั้งหลักปักฐานได้ก่อนเพื่อน ความรู้สูง เรียนสูง เห็นคนอื่นเข้าวัดเข้าวาก็ไปปฏิบัติธรรมกับเขาบ้าง สำนักแรกที่น้าไปปฏิบัติธรรม คือ วัดของท่านอาจารย์นิกร รุ่นนี้ไม่รู้ว่าทันท่านกันหรือเปล่า ? ปฏิบัติอยู่ได้ ๒ ปีกว่า ท่านอาจารย์นิกรก็ล้มหายตายจากไปจากยุทธจักร โดนจับสึกเพราะว่าไปทำเด็กผู้หญิงท้อง

คุณน้าก็ย้ายวัดไปปฏิบัติธรรมที่วัดของท่านอาจารย์ยันตระ อยู่ได้ไม่ถึง ๓ ปี ท่านอาจารย์ยันตระเจ๊งไปอีกราย คุณน้าก็ย้ายไปปฏิบัติที่วัดของหลวงพ่อภาวนาพุทโธ อะไรจะซวยซับซวยซ้อนขนาดนั้น ทุกวันนี้ไม่มาหาพระหลานชายอย่างอาตมาหรอก ที่ไม่มาเพราะว่าท่านตายไปแล้ว

บางคนสร้างบุญสร้างบารมีไว้ดี ถึงเวลามีครูบาอาจารย์ที่ดี นำได้ตรงทาง บางคนแบบคุณน้าของอาตมาก็น่าสงสาร เพราะว่าโดนหลายยกเหลือเกิน"

เถรี
08-06-2017, 16:02
"สมัยก่อนเขาจัดอันดับสุดยอดพระเครื่อง 'พระเบญจภาคี' มีพระสมเด็จวัดระฆัง พระรอดลำพูน พระผงสุพรรณ พระซุ้มกอ และพระนางพญา เมื่อเกิดเหตุการณ์แบบที่คุณน้าไปเจอเข้า เขาก็มีรายการตั้ง 'กระบวนการเบญจราคี' มี ๕ รูปที่ความประพฤติสุดแสบ ปรากฏว่าโยมน้าของอาตมาโดนไป ๓ รายใน ๕ ราย ดวงเฮงจริง ๆ

น้าคนนี้เนื่องจากความรู้สูง ประสบความสำเร็จตั้งแต่ยังสาว ๆ อะไรที่ปักใจมั่นแล้ว อาตมาเตือนก็ไม่ฟัง ในเมื่อเตือนแล้วไม่ฟังก็ต้องปล่อยท่านไปให้พบเอง ยังดีว่าก่อนตายยังมาขอขมาที่ไม่เชื่อพระหลานชายตัวเอง จนกระทั่งเจอไป ๓ ยกรวด ได้แต่หวังว่าญาติโยมทั้งหลาย คงจะไม่เจอแบบนี้บ้าง

ความจริงถ้าพวกเราฝึกทิพจักขุญาณได้ เรื่องของการพิสูจน์พระเป็นเรื่องง่าย ถ้าอาศัยกำลังของเราที่น้อยกว่าพิสูจน์ไม่ได้ ก็ขอบารมีพระพุทธเจ้าท่านสงเคราะห์ เพียงแต่ระยะหลังที่ฝึก ๆ กันไป มักจะเพี้ยนสักร้อยละ ๙๙ เหตุที่เพี้ยนก็เพราะว่ารู้เห็นจึงเชื่อ เป็นเรื่องที่แก้อะไรไม่ได้ เขาไม่ยอมเปลี่ยนความเชื่อ เพราะว่าเห็นเองก็เลยเชื่อแบบปักใจ

อาตมาเคยเปรียบไว้ว่า เราเห็นเขาไล่ฆ่าไล่ฟันกันมา เราก็ลากมีดลากปืนไปช่วย แต่จะโดนเขากระทืบตายเพราะว่าเขากำลังถ่ายหนังกันอยู่ เราเห็นเขาไล่ฆ่ากันมาจริงไหม ? จริง...แต่เรื่องที่เราเห็นจริงไหม ? ไม่จริง เพราะว่าเป็นการแสดงหนัง แต่คราวนี้ด้วยความที่คนซึ่งได้ทิพจักขุญาณเห็นเอง ในเมื่อเห็นเองก็มักจะปักใจเชื่อว่าใช่ตามนั้นเลย"

เถรี
08-06-2017, 16:06
"สมัยที่อาตมายังอยู่ที่วัดท่าซุง พอตอนค่ำ ๆ หลังเลิกจากกรรมฐานภาคค่ำไปแล้ว ก็มานั่งวิเคราะห์วิจัยกันถึงการปฏิบัติของแต่ละคน ท้ายสุดก็สรุปว่า บรรดาพระที่บวชอยู่ในวัดท่าซุงยุคนั้น มีคาถาประจำใจอยู่บทหนึ่งเหมือนกันหมดว่า "กูไม่เชื่อ" เพราะว่าโดนหลอกแล้วหลอกอีก หลอกจนเข็ด

แม้แต่อาตมาเองก็โดนหลอกให้ไปขุดสมบัติที่นั่นที่นี่ เปิดให้ดูเลยว่ามีมากเท่านั้น หน้าตาเป็นแบบนั้น ๆ พอถึงเวลาไปขุดแทบตายก็ไม่เจออะไร พอไปต่อว่าก็บอกว่าไปผิดที่บ้าง ออกผิดวันบ้าง ฤกษ์ไม่ดีบ้าง ไม่ได้ทำการบวงสรวงบ้าง ท้ายสุดผีตัวไหนจะให้สมบัติ อาตมาบอกว่า "ไม่ต้องมาบอก...ถ้าจะให้...มึงเอาไปขายแล้วเอาเงินโอนเข้าบัญชีให้กูด้วย...!" โดนจนเข็ด โดนกันทุกคน เพียงแต่ใครจะโดนแบบไหน ใครจะรู้ตัวเร็ว รู้ตัวช้าเท่านั้น

เรื่องของการปฏิบัติ ยิ่งรู้เห็นชัดเจนเท่าไร ก็ยิ่งโดนหลอกง่ายเท่านั้น ทุกท่านเลยเหลือคาถาอยู่บทเดียวคือ "กูไม่เชื่อ" อะไรที่ให้รู้ให้เห็น ก็รับไว้ด้วยความเคารพ ถ้าเกิดขึ้นจริงตามนั้น ก็ขอบคุณที่เมตตาบอกล่วงหน้า ถ้าไม่เกิดขึ้นก็เรื่องของมึงเถอะ กูผิดมาเยอะกว่านี้อีก พอโดนไปมาก ๆ แล้วเราไม่หวั่นไหว เขาถึงได้เลิกทดลอง ไม่อย่างนั้นก็โดนกันไม่เว้นแต่ละวัน"

เถรี
08-06-2017, 17:17
พระอาจารย์กล่าวว่า "เมื่อวานสำรวจวัตถุมงคลว่าใครยังไม่ได้เบิกบ้าง ปรากฏว่าได้กำไรมา ๒ ชิ้น รอเจ้าของมาทวงคืน เพราะว่าหนีกลับมา เปิดดูหลักฐานกี่แห่งก็ยืนยันว่าเจ้าของรับไปแล้ว ในเมื่อมาอยู่กับอาตมาก็แปลว่าหนีกลับมาแล้ว เดี๋ยวจะถามดูว่าเจ้าของรู้หรือยังว่าหนีมาแล้ว ?

ที่ขำที่สุดก็พระครูน้อย ตอนทำวัตรเช้าก็ถามว่า ทำของอะไรหายหรือเปล่า ? ท่านบอกว่า “ไม่หายครับ” ตอนบิณฑบาตก็ถามว่า มีของอะไรหายหรือเปล่า ? “ไม่หายครับ” พอฉันเช้าเสร็จไม่นานเดินหน้าเหี่ยวมาบอก “หายครับ” ถ้าคุณบอกว่าไม่หายผมจะได้อมเสียเลย"

เถรี
08-06-2017, 17:23
พระอาจารย์กล่าวว่า "วันนี้เฉพาะพระนักเรียนมาเบิกเงินค่าเรียนไปสองแสนกว่าบาท วัดอื่นรายจ่ายสองแสนต่อเดือนคงเป็นลมตายไปแล้ว นี่แค่เฉพาะเรื่องเรียนอย่างเดียว ยังโชคดีว่าอดีตชาติอาตมาสร้างทานบารมีไว้มาก ชาตินี้ก็เลยมีคนทำบุญด้วยมาก ทำให้สามารถที่จะส่งพระ ส่งเณร ส่งแม่ชี ส่งเด็กวัดเรียนได้

ปีนี้เรียนปริญญาเอก ๓ ราย เรียนปริญญาโท ๙ ราย เรียนปริญญาตรี ๑๑ ราย เรียนประกาศนียบัตร ๖ ราย เรียนบาลี ๘ ราย ทั้งหมด ๓๗ ราย ยังไม่นับเด็กวัดนะ บางวันที่วัดบิณฑบาตแถวยาว ๓๐ กว่ารูป บางวันก็เหลือแค่ ๑๐ กว่ารูป เพราะว่าเป็นวันที่ท่านไปเรียนกัน ก็เลยเป็นวัดที่หาความเที่ยงแท้แน่นอนไม่ได้ เดี๋ยวแถวสั้นเดี๋ยวแถวยาว

ในประเทศไทยวัดที่มีพระจำนวนมาก ก็ยังไม่เคยมีถึงระดับหลักพัน อย่างทิเบตที่ไปมา ก่อนที่ประเทศจีนจะยึดครอง บางวัดก็มีสามสี่พันรูป บางวัดก็เจ็ดแปดพันรูป วัดใหญ่ ๆ อย่างวัดโจคังก็เจ็ดพันกว่ารูป บ้านเราไม่เคยมีถึงระดับนั้น

ถ้าระดับหลายร้อยรูป ประเทศพม่ามีเกือบทุกวัด ถามว่าทำไมเขาถึงนิยมบวชกัน ? เขาบวชเพื่อหนีทหาร เพราะถ้าบวชก็ไม่ต้องเป็นทหาร อีกอย่างคือบวชเข้าไปเรียน วิชาการต่าง ๆ ของพม่าส่วนใหญ่อยู่ในวัด คนเก่งอยู่ในวัดเกือบหมด"

เถรี
08-06-2017, 19:09
พระอาจารย์กล่าวว่า “เดือนสิงหาคมนี้จะมีงานวันเกิด ๘๐ ปีตุ๊พ่อสิงห์ ขอพวกเราแห่กันไปร่วมงานให้วัดแตกไปเลย

เมื่อครู่คุณชยาคมน์เอาแบบพระกริ่งมาให้ดู จึงขอแจ้งให้ญาติโยมทราบว่า เป็นพระกริ่งที่วัดท่าขนุนจะออกเพื่อหาทุนจัดงาน ๘๐ ปีตุ๊พ่อสิงห์ อย่างละไม่กี่องค์หรอก เดี๋ยวจะเปิดให้จองบูชากัน อาตมาก็คงต้องจองเองด้วย ถ้าไม่จองก็หมด

น่าจะพุทธาภิเษก ๒ วาระ มีงานสืบชะตาตุ๊พ่อที่ถ้ำป่าไผ่ แล้วก็เสาร์ ๕ วัดท่าขนุน จำนวนสร้างน้อยก็จะหายากโดยอัตโนมัติ เพราะฉะนั้น...ถ้าจองได้ให้รีบจองเอาไว้ก่อน”

เถรี
08-06-2017, 19:25
พระอาจารย์กล่าวว่า "การศึกษาของบ้านเราพยายามปรับปรุงเท่าไรก็ไม่มีประโยชน์ เพราะว่าผิดมาตั้งแต่แรกแล้ว คาดว่าบรรดารัฐมนตรีก็รู้กันหมดนั่นแหละ แต่ไม่มีใครแก้ไขได้

ที่บอกว่าการศึกษาของเราผิดมาตั้งแต่แรก ไม่ต้องดูใครหรอก ดูรุ่นของอาตมาก็แล้วกัน ใครก็ตามที่เอ็นทรานซ์ไม่ติดมหาวิทยาลัยที่ไหนเลย ก็ไปเข้าวิทยาลัยครู กลายเป็นบุคลากรที่เหลือเลือก แต่ไปเรียนครูเพื่อมาสอนคนอื่น ตัวเองหาความเก่งไม่ได้แล้วเอาอะไรไปสอนคนอื่นเขา ?

ต่างประเทศเขาเอาคนที่เก่งที่สุดไปเป็นครู เขาทำถูก แต่บ้านเราเอาคนที่แย่ที่สุดไปเป็นครู แล้วผลิตออกมาจนกระทั่งเหลือล้น สมัยอาตมาเรียนหนังสือ ป.๑ ป.๒ มีครูจบ ป.๔ แล้วคุณครูไปเรียนเพิ่มวุฒิ เรียนประเภท พ.ม. ป.กศ. หรือ ป.กศ.สูง เพื่อให้ได้เป็นครูจริง ๆ มาสมัยนี้สุดหล้าฟ้าเขียวอย่างบ้านคลิตี้มีครูอยู่ ๑๐ คน จบครุศาสตรบัณฑิต จบปริญญากันทุกคนเลย จบไปขนาดนั้นแต่ว่าทำไมถึงปั้นเด็กออกมาให้ดีไม่ได้ ?

เกิดจาก ๒ สาเหตุด้วยกัน สาเหตุแรกก็คือแม่พิมพ์ไม่เก่ง สาเหตุที่ ๒ ก็คืองานเอกสารมากมหาศาล จนไม่มีเวลาเตรียมการสอนให้มีคุณภาพ ทุกวันนี้อาตมาที่สอนมหาวิทยาลัยอยู่ เบื่อที่สุดเลยก็คือเรื่องงานเอกสาร จาก มคอ. ๒ มคอ.๓ มคอ.๕ มคอ.๗ ปัจจุบันนี้มี SAR เพิ่มมาอีกแล้ว ทุกอย่างต้องทำส่งตามเวลา SAR นี่เป็นบันทึกประเมินคุณภาพผู้สอน ไม่มีประโยชน์หรอก เพราะว่าเด็กช่วยกันเขียนให้ดูดีได้

ทำอย่างไรบ้านเราคนเก่งจะมีค่านิยมที่ไปช่วยสอนเด็กได้ ? ประเทศเกาหลีใต้เงินเดือนครูแพงที่สุด แพงกว่าหมอ แพงกว่าวิศวกรอีก เพราะฉะนั้น...คนเก่งเขาก็แย่งกันเรียนครูเพื่อที่จะได้ไปรับเงินเดือนสูง ๆ แต่บ้านเราขอโทษเถอะ...คุณครูเป็น "หนี้สหกรณ์อมทรัพย์" ไม่ได้พูดผิดนะ "สหกรณ์อมทรัพย์" ครูทุกคนต้องมีหนี้สิน

สมัยยังอยู่วัดท่าซุง มีเพื่อนรุ่นน้องคนหนึ่งบวชเข้ามา ท่านกู้ทุกอย่างที่ขวางหน้า ถามว่าทำไม ? ท่านบอกว่า เขาจะได้ไม่ไล่ผมออก เพราะถ้าไล่ออกก็เป็นหนี้สูญ"

เถรี
08-06-2017, 19:35
พระอาจารย์เล่าว่า "สมัยก่อนอยู่กับหลวงพ่อวัดท่าซุง เฝ้าหน้าห้องให้ท่าน ก่อนเพล ๑๕ นาทีท่านออกมาพัก มานั่งดูหนังสือพิมพ์ ท่านใช้แว่นขยายกว้างเกือบฟุต ดูต่อจากแว่นที่ใส่อยู่ แต่พอถึงเวลาฉุกเฉินไม่มีเวลา ท่านหยิบหนังสือพิมพ์แล้วก็โยน หยิบแล้วก็โยน ส่วนอาตมาก็รับไปเรื่อย แล้วท่านก็คุยถึงเนื้อหาข่าว เรื่องโน้นบ้าง เรื่องนี้บ้าง เปิดหาไปเถอะ...หาแทบตาย บางข่าวอยู่ในคอลัมน์ซุบซิบเล็ก ๆ นิดเดียว ไม่เห็นท่านอ่านเลย แต่ท่านบอกได้หมด

แปลว่าสำหรับหลวงพ่อท่านแล้ว เวลาปกติก็ยอมรับกฎของกรรม ถือแว่นขยายต่อจากแว่นสายตาเพื่ออ่านหนังสือพิมพ์ แต่ถ้าเวลาฉุกเฉินเร่งด่วนขึ้นมา ก็ไม่เห็นว่าท่านต้องอ่าน แค่หยิบขึ้นมาท่านก็รู้ว่าทั้งเล่มมีอะไรบ้าง"

เถรี
09-06-2017, 19:17
ถาม : เวลามารเขามาขวาง เกิดจากกรรมของเราหรือครับ ?
ตอบ : เขาอาศัยกรรมที่เราทำมาขวางเรา พูดง่าย ๆ ก็คือเขารู้วาระกรรม จำไว้ว่าถ้าเราไม่ชั่วเขาก็ทำอะไรเราไม่ได้หรอก แสดงว่าของเดิมเราทำเอาไว้เยอะ ถึงได้โดนแบบนั้น

เถรี
09-06-2017, 19:41
ถาม : (ไม่ชัด)
ตอบ : ภาวนาไปเรื่อย ๆ อย่าไปใส่ใจ ถ้าเราไปต้องการความชัดแสดงว่าสภาพจิตเราไม่นิ่ง จิตที่ไม่นิ่งเพราะฟุ้งซ่านอยู่ทำให้ไม่ชัด ทำไม่รู้ไม่ชี้ภาวนาไปเรื่อย ถ้าสมาธิทรงตัวมากขึ้นจะชัดขึ้นไปเรื่อย ๆ

ถาม : (ไม่ชัด)
ตอบ : ก็บอกแล้วว่าเพราะไปอยาก เลิกอยากแล้วจะชัด ส่วนใหญ่เพราะเราอยาก สภาพจิตฟุ้งซ่านเหมือนกับน้ำกระเพื่อม จะไปเห็นอะไรชัด น้ำต้องนิ่ง

เถรี
09-06-2017, 19:46
ถาม : (ไม่ชัด)
ตอบ : ไม่ได้หลับหรอก สภาพจิตยังตื่นอยู่ ลักษณะที่เราบอกว่าง่วงนอนนั้น จริง ๆ ไม่ใช่ง่วง แต่จิตเป็นสมาธิ คราวนี้เราไม่เข้าใจว่าตัวสมาธิคือลักษณะอย่างนั้น ก็เลยคิดว่าง่วงนอน

ถาม : (ไม่ชัด)
ตอบ : นั่นแหละ รักษาความรู้สึกนั้นไว้ก็พอ สังเกตว่าตอนนั้น รัก โลภ โกรธ หลง จะกินเราไม่ได้ ถ้าหลุดมาเมื่อไรถึงจะกิน เพราะฉะนั้น...อย่าให้หลุด

ถาม : (ไม่ชัด)
ตอบ : ไม่ใช่ความดันต่ำ ชีพจรจะเต้นช้า สมาธิยิ่งลึกชีพจรจะเต้นช้าลงไปเรื่อย ๆ จนถึงระดับไม่เต้นเลย

ถาม : (ไม่ชัด)
ตอบ : อย่าตั้งสมาธิ หายใจปกติปกติ อาตมาไปตรวจสุขภาพประจำปี หมอบอกว่าถ้าไม่รู้ว่าท่านเป็นอย่างนี้ จะให้น้ำเกลือไป ๒ ขวดแล้ว ชีพจรเต้นแค่ ๕๒ ครั้งต่อนาที

เถรี
09-06-2017, 19:59
ถาม : (ไม่ชัด)
ตอบ : ไม่เป็นไร เห็นหรือไม่เห็นไม่เป็นไร ให้นึกได้ไว้ก่อน ถ้านึกได้ก็ใช้ได้ ช่วงเวลาแค่นาทีเดียวเรานึกอะไรต่อมิอะไรได้เยอะมากเลย เหลือเชื่อจริง ๆ แต่ว่าสภาพจิตของเราต้องเร็วขนาดนั้น ไม่อย่างนั้นก็สู้กิเลสไม่ได้

เถรี
09-06-2017, 20:01
ถาม : พอเราไม่กลัวตาย เราก็ปากเสียกับคนอื่น ?
ตอบ : ใจเย็น ๆ มีโอกาสก็ไปขอโทษเขา เราไม่กลัวตายก็จริงแต่ต้องมีศิลปะในการดำรงชีวิต ทำอย่างไรให้ตัวเราและคนรอบข้างเดือดร้อนให้น้อยที่สุด ไม่ใช่ว่าไม่กลัวตายก็อาละวาดไปเสียทุกอย่าง ลักษณะแบบนั้นเขาเรียกว่าเถรตรง ต้องรู้จักเลี้ยวหลบบ้าง

เถรี
09-06-2017, 20:12
ถาม : แมวคลอดลูก .....(ไม่ชัด).... ?
ตอบ : ทำใจไม่ได้ก็รับภาระไปสิ โน่นเอาไปฝากโอ รู้จักไหม? โอ ปาริฉัตร ถ้าไม่รู้จักก็แล้วไป โอเก็บแมวนอกบ้านมาเลี้ยง มีกี่ตัวเอามาเลี้ยงหมด ขับรถไปไหนเจอเก็บมาเลี้ยงหมด เราเลี้ยงไม่ได้หรอก กลิ่นออกไปชาวบ้านเขาจะด่าเอา

ถาม : (ไม่ชัด)
ตอบ : ทำหมันดีกว่า เพราะว่าฉีดยาคุมอันตราย เท่าที่สังเกตดู ยาคุมไม่ใช่คุมไม่ให้ท้อง แต่กลายเป็นไปเร่งให้ท้อง แต่พอท้องแล้วมดลูกไม่เปิด คลอดไม่ได้ มักจะลูกตายคาท้อง ท้ายที่สุดแม่ก็ตายด้วย เพราะฉะนั้น...ทำหมันดีกว่า โทษของการทำหมันอย่างดีก็เกิดเป็นกะเทย สมัยนี้กะเทยสวย ๆ เยอะแยะไป จะไปกลัวอะไร ถ้าไม่เกิดอีกแล้วก็ทำไปเลย

เถรี
09-06-2017, 20:15
ถาม : อดปากเสียไม่ได้ ?
ตอบ : ไปซ่อมปากซะ หาหมอให้ช่วยผ่าหมาออกให้หน่อย อาตมาก็เป็นคนอย่างนั้นแหละ เพื่อน ๆ ถึงได้ด่าเอา บอกว่า “มึงเก่งจริง กูไม่เถียงหรอก แต่มึงรู้อะไรแล้วทำไมต้องพูดด้วยวะ ?” นี่แหละ...โดนเพื่อนด่ามาแล้ว

ถาม : ทำอย่างไรคะ ?
ตอบ : ก็พูดต่อไป นิสัยเราเป็นอย่างนั้น จะให้ไปทำตัวแบบเขาเราก็ทำไม่ได้ คนอย่างพวกเราเจ้านายไม่รักหรอก แต่ลูกน้องจะรัก ขอยืนยัน...อย่างอาตมาสั่งซ้ายหันขวาหันทำให้หมดแหละ แต่เจ้านายนี่เบื่อขี้หน้าสุด ๆ

เถรี
09-06-2017, 20:17
ถาม : (ไม่ชัด)
ตอบ : นึกว่าเขามาช่วยเราให้เห็นทุกข์ก็แล้วกัน

ถาม : (ไม่ชัด)
ตอบ : บอกตัวเองให้ขึ้นใจว่าชาติสุดท้ายแล้ว เกิดมาเจออย่างนี้ไม่เอาอีกแล้ว

ถาม : เราเบื่อ แล้วจะไปนิพพานได้ไหมคะ ?
ตอบ : เบื่อจนไม่มีความต้องการเกิดอีก อย่าเพียงเบื่อเฉย ๆ มันเสียเวลาเบื่อ พยายามมองให้เห็นว่าอารมณ์ใจแบบนี้ที่เกิดกับเราก็แค่ชาตินี้ชาติเดียวเท่านั้น ถ้าตายจากชาตินี้แล้วไปนิพพาน ไม่ต้องเวียนว่ายตายเกิดอีกนับชาติไม่ถ้วน เวลาก็แป๊บเดียว ในเมื่อเวลานิดเดียวทำไมเราจะอยู่ให้ดีไม่ได้ จะก้าวข้ามความเบื่อไปเอง

เห็นว่าธรรมดาของโลกเป็นอย่างนี้ ในเมื่อธรรมดาเป็นอย่างนี้เราก็อยู่กับมันแค่ชาติเดียว พ้นจากชาตินี้เมื่อไรก็จบกัน

เถรี
09-06-2017, 20:21
ถาม : พออยู่กับอารมณ์เบื่อมาก ๆ แล้วกลายเป็นคนโกรธง่าย ?
ตอบ : เบื่อบางทีก็น้อยใจง่าย ไม่ใช่โกรธง่าย เป็นคนขี้น้อยใจ ขี้หงุดหงิด แล้วท้ายสุดถึงจะโกรธ ต้องรีบแก้ มองให้เห็นให้ได้ว่าธรรมดาเป็นอย่างนี้ ในเมื่อเกิดมาแล้วเป็นอย่างนี้ก็ทนเอา เราโกรธง่ายเพราะเก็บกด ที่เก็บกดก็คืออยู่กับสมาธิมาก รัก โลภ โกรธ หลง ไม่มีโอกาสเกิด เผลอปล่อยให้เกิดเมื่อไรแล้วเราจะเอาไม่อยู่

ถาม : พอเรามาระมัดระวังกาย ระวังวาจา ระวังใจ ระวังมาก ๆ แต่พอหลุดนี่กลายเป็นโกรธง่ายเลย ?
ตอบ : ค่อย ๆ แก้ไป ไม่มีใครสามารถทำพรวดเดียวข้ามขั้นไปได้

เถรี
10-06-2017, 19:12
ถาม : จับภาพพระก็ไม่เพี้ยน บางทีมีภาพพระองค์อื่นเข้ามา ควรจับต่อ หรือจับองค์เดิม ?
ตอบ : ถ้าหากว่าเป็นภาพพระเหมือนกันก็จับต่อไปได้เลย

ถาม : แต่เป็นคนละองค์ก็ได้ใช่ไหมคะ ?
ตอบ : ได้...ไม่เป็นไร ก็บอกแล้วว่าจับต่อไปได้เลย เพราะว่าเป็นพุทธานุสติเหมือนกัน

เถรี
10-06-2017, 19:19
ถาม : จับภาพพระนี่วาโยกสิณได้ไหมคะ ?
ตอบ : ภาพพระเกี่ยวอะไรกับวาโยกสิณวะ ?

ถาม : ควบกันได้ไหมคะ ?
ตอบ : ทำกองเดียว ถ้าไม่ใช่ประเภทคล่องจนทำได้ทุกกองแล้วไปทำควบกัน ก็มีหวังเจ๊งระเนนระนาดทุกกอง

เถรี
10-06-2017, 20:23
ถาม : หล่อพระทองคำเมื่อไรคะ กลัวตัวเองจะตายก่อนค่ะ ?
ตอบ : ต้องดูว่าใครจะตายก่อนใช่ไหม? คาดว่าถ้ายังไม่หล่อพระอาตมาคงตายไม่ได้หรอก เพราะคนรอลุ้นอยากได้บุญกันเยอะ อย่างไรก็ต้องประคับประคองเอาไว้จนกว่าจะหล่อเสร็จ

ถาม : ต้องมีโครงการอีกค่ะ ?
ตอบ : เข็ดแล้ว..ขอให้มีเวลาพักเวลาผ่อนบ้าง ไม่ใช่มีแต่เวลาวิ่งหาเงิน เทอมนี้การเรียนการสอนหนักมาก เมื่อคืนตื่นตี ๒ มาทำเตรียมการสอนวิชาเดียวเสร็จตี ๕ ของวัดไร่ขิงเทอมนี้เจอไป ๕ ห้อง วัดใต้ยังดีนะ...แค่ ๒ ห้อง

เถรี
10-06-2017, 20:56
มีโยมเอาบ๊ะจ่างมาถวาย "แต้จิ๋วเรียกว่าเทศกาลตวนโหงว จีนกลางเรียกว่าตวนอู่ เกิดจากขุนนางซื่อสัตย์ ทนดูการคอรัปชั่นไม่ได้ จึงไปโดดน้ำตาย ด้วยความที่เป็นคนที่ชาวบ้านเขารัก ก็กลัวว่ากุ้งหอยปูปลาจะมากินศพ ก็เลยเอาพวกข้าวพวกอาหารไปโปรยลงน้ำให้ปลากินแทน ตอนหลังเขาใช้วิธีมัดเป็นลูก ก็เลยกลายเป็นขนมจ้าง (บ๊ะจ่าง) ขึ้นมา

ถามว่าเป็นขุนนางซื่อสัตย์แล้วทำไมฆ่าตัวตาย ? เพราะว่าหมดหวังในรัฐบาลว่าจะแก้ปัญหาให้ประชาชนได้ แก้ปัญหาไม่ได้แล้วยังตั้งคำถามขึ้นมาชี้นำอีก ๔ คำถาม ก็เลยโดดน้ำตาย..! เรื่องเดียวกันหรือเปล่าไม่รู้ ?

เลือกตั้งไม่ได้นักการเมืองที่ดีจะทำอย่างไร ? มีด้วยหรือนักการเมืองที่ดี ? ตูยังไม่เคยเจอเลย..! อริสโตเติลบอกไว้ ๒,๐๐๐ ปีแล้วว่า ความดีของคนหมดไปทันทีที่เล่นการเมือง ระบอบมีอยู่ ไม่ได้คนดีก็รอถึงเวลาค่อยเลือกใหม่ ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาก็เป็นแบบนี้ ไม่ใช่ใช้คำถามในลักษณะชี้นำประชาชน"

เถรี
10-06-2017, 21:01
"มีรุ่นพี่อยู่คนหนึ่งเคยพูดเมื่อ ๓๐ กว่าปีที่แล้ว เขาบอกว่าตั้งแต่เลือกตั้งมา "กูเห็นแต่นักการเมืองมีแต่เหี้ยกับเหี้ยมาก" จะว่าเขาพูดแรงไปก็ใช่ แต่บรรยายลักษณะการเมืองได้ดีที่สุด

นั่นเกิดจากพื้นฐานจิตใจที่ไม่มั่นคง เมื่อไม่มี ศีล สมาธิ ปัญญา ในระดับที่รักษาตัวเองได้ ถ้าตกลงไปในกระแส รัก โลภ โกรธ หลง เกิดขึ้นมา ก็ไขว่คว้าหา ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข ใส่ตัวเองและคนรอบข้าง โดยเฉพาะเมื่อก้าวไปในที่สูง ถ้าไม่ใช่คนที่ตรงไปตรงมาจริง ๆ ก็อยากจะฟังแต่เรื่องที่ดี ๆ

ถ้าบอกว่าเศรษฐกิจไม่ไหว ประชาชนจะอดตายแล้ว เดี๋ยวท่านโกรธแย่เลย ก็ต้องบอกว่าเศรษฐกิจดี เศรษฐกิจดีประสาอะไร ? ชาวบ้านขายของไม่ได้...เจ๊งกันระนาว

ถ้าว่ากันตามประวัติศาสตร์จีน พระเจ้าถังไท่จงฮ่องเต้ถือว่าเป็นมหาราชของจีน ได้ตั้งขุนนางทัดทาน พระราชทานป้ายทองนิรโทษให้ ทำผิดขนาดไหนโทษก็ไม่ถึงประหารชีวิต แล้วขุนนางผู้นี้ก็กล้าค้านทุกเรื่อง เพียงแต่ว่าเป็นคนที่ค้านอย่างมีหลักการ ชี้ให้เห็นว่าถ้าทำแบบนี้แล้วจะดี ถ้าทำแบบนี้แล้วจะเสีย ถ้าผลดีมีมากกว่าผลเสียก็ทำได้ ถ้าผลดีมีน้อยกว่าผลเสียก็ยกเลิกโครงการไป

ขนาดนั้นพอช่วงท้าย ๆ รัชกาล ไปโดนขุนนางประจบสอพลอมาก ๆ เข้า พระเจ้าถังไท่จงฮ่องเต้ก็เลิกถามขุนนางทัดทาน ไม่ยกเลิกตำแหน่ง แต่เลิกปรึกษา ก็เลยทำเอาตอนท้ายรัชกาลนี่รู้สึกว่าการบริหารแผ่นดินจะตกลงไปอีกระดับหนึ่ง

อยู่นาน ๆ ไป ถึงเวลา ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข เข้ามา ก็เริ่มอยากจะฟังแต่สิ่งที่ดี ๆ เท่ากับปิดหูปิดตาตัวเอง ในเมื่อปิดหูปิดตาตัวเอง ถึงเวลาไม่รู้ความจริง การบริหารประเทศก็ผิดพลาด"

เถรี
10-06-2017, 21:03
"แบบเดียวกับวัดท่าขนุน พอถึงเวลามีการฝืนระเบียบ ถึงเวลามีการทำผิด ก็จะอยู่ในลักษณะที่ว่า “อย่าบอกไปนะ เดี๋ยวหลวงพ่อรู้” อาตมาก็ต้องไม่รู้ไม่ชี้ แกล้งโง่ไปเรื่อย จนเขาแก้ปัญหาไม่ไหว แล้วก็ยอมคลานมาสารภาพแต่โดยดี ตอนนั้นอยากจะกระทืบให้จมดิน ก่อนหน้านี้อย่าบอก...เดี๋ยวหลวงพ่อรู้ แล้วตอนนี้มึงมาบอกทำไม ?

การบริหารราชการแผ่นดินใหญ่กว่าวัดตั้งกี่ล้านเท่า ? ทุกซอกทุกมุมก็มีการปิดการบัง ทั้งฉ้อราษฏร์ ทั้งบังหลวง ถ้าไม่ได้คนที่ตรงไปตรงมาจริง ๆ จะลำบากมาก เพราะว่าท้ายสุดก็โดนหลอกลวงกันได้

ประเทศจีนขึ้นชื่อในเรื่องการคอรัปชั่นมาตั้งแต่โบราณจนปัจจุบัน เพราะมักจะยัดเงินเพื่อขอให้เขาอำนวยความสะดวกให้ตัวเอง ก็เลยมีการคอรัปชั่นกันทุกรูปแบบ ทุกระดับ พอจูหยวนจางขึ้นครองราชย์เป็นหงอู่ฮ่องเต้ บัญญัติข้อกฎหมายปราบปรามคอรัปชั่นดุเดือดมาก บางทีสิ่งที่พระองค์ท่านทำ ท่านก็รู้ว่าไม่เหมาะ แต่ต้องทำ

อย่างเช่นว่า ข้าราชการคนหนึ่งรับเงินสินบน ๑,๐๐๐ ตำลึง กฎหมายใหม่ของท่านก็คือถลกหนังยัดฟาง แล้วก็ประหารพวกสมรู้ร่วมคิดทั้งหมด แม้กระทั่งญาติพี่น้อง ลูกเมีย พ่อแม่ เพราะถือว่าไม่รู้จักห้ามปรามลูกตัวเอง ญาติตัวเอง นั่นคอรัปชั่น ๑,๐๐๐ ตำลึง ตาย ๙ ชั่วโคตรเลยนะ"

เถรี
10-06-2017, 21:05
"ขณะเดียวกันคนคอรัปชั่นเป็นร้อยล้านตำลึงก็ตาย ๙ ชั่วโคตรเหมือนกัน สรุปว่าคนคอรัปชั่นน้อยแล้วอย่าซวยให้โดนจับได้ เพราะว่ากฎหมายเดียวกัน...! ขนาดนั้นยังแก้ไขปัญหาอะไรไม่ได้เลย

พอสิ้นหงอู่ฮ่องเต้ปุ๊บ เจี้ยนเหวินฮ่องเต้ขึ้นครองราชย์ ไม่อยากที่จะทำอะไรโหดร้ายเหมือนกับสมัยปู่ ประกาศยกเลิกระเบียบ ก็คอรัปชั่นกันแหลกลาญทั้งประเทศอีกเหมือนเดิม

สิ่งทั้งหลายเหล่านี้เป็นมะเร็งร้ายที่กัดกินประเทศชาติมานานแล้ว ความจริงถ้าจับได้สมควรที่จะลงโทษทั้งผู้ให้สินบนและผู้รับสินบน ไม่ใช่ไปลงโทษยึดทรัพย์เฉพาะผู้รับสินบนเท่านั้น เพราะว่าคนให้ก็ต้องได้ประโยชน์ด้วยเขาถึงจะให้ แล้วคนที่ชี้เบาะแสควรที่จะได้รางวัลด้วย อย่างเช่นว่าถ้ายึดทรัพย์มาควรจะได้สัก ๒๐ เปอร์เซ็นต์ รับประกันว่าประเทศไทยไม่มีข้าราชการเหลือหรอก..!

แค่คดีซื้อกามเด็ก มีข้าราชการท่านหนึ่งพูดว่า ถ้าลงโทษทุกคนจริง ๆ แม่ฮ่องสอนจะไม่เหลือข้าราชการไว้ทำงาน ก็แสดงว่าซื้อกันทุกคน ประเทศของเราอะไรจะอนาถปานนี้"

เถรี
11-06-2017, 15:45
ถาม : กรรมที่เรียกว่าชั่ว เรามีแค่ศีลกับกรรมบถจะพอกันอยู่ไหมคะ ?
ตอบ : ไม่พอ ศีลกับกรรมบถรักษาแค่วจีกรรมกับกายกรรม มโนกรรมไม่มี ก็แปลว่าต้องมีมโนธรรมมาประกอบด้วย ถึงจะรู้ว่ามโนกรรมที่เป็นมโนทุจริตนั้นเป็นอย่างไร

ถาม : เวลาที่ทำให้คนอื่นโกรธ เสียใจ เป็นกรรมชั่ว เพราะเราทำให้เขาโดนกิเลสกินใจ ?
ตอบ : ก็ใช่อยู่ แต่ขณะเดียวกันถ้าหากว่าเขามั่นคงพอ เขาก็จะไม่รู้สึกรู้สาอะไร

ถาม : ถ้าเขาไม่รู้สึกอะไร จะเป็นกรรมไหมคะ ?
ตอบ : เป็นสิ...ดูที่เจตนาของคนทำ ตั้งใจทำให้เขาเกิดอารมณ์ รัก โลภ โกรธ หลง หรือเปล่า ? ถ้าตั้งใจทำ ต่อให้เขาไม่ รัก โลภ โกรธ หลง ตามที่เราต้องการ เราก็ผิด

ถาม : ตราบใดที่ปัญญาที่เรายังไม่ถึง เราก็ยังมีโอกาสทำความชั่วได้ตลอด ?
ตอบ : ตราบใดที่ยังไม่เข้าสู่พระนิพพาน ก็โดนตลอด

ถาม : ปัญญาไม่ถึง เป็นการทำโดยเจตนา แบบนี้ก็รับผลกรรมเต็มสิคะ ?
ตอบ : ถ้าเจตนาก็โดนเต็ม ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ ถ้าไม่เจตนาก็ลดไปตามส่วน

เถรี
11-06-2017, 16:55
โยมพาลูกที่มีอาการผิดปกติทางร่างกายมาถวายสังฆทาน "ของโยมยังดีนะ เพราะว่ายังไปไหนมาไหนได้ ลูกของคุณ...ที่สงขลาอายุสิบกว่าขวบแล้ว ตั้งแต่เกิดมานอนอยู่กับที่อย่างเดียวเลย แม่ต้องออกจากงานมาเลี้ยงลูกอย่างเดียว จับพลิกซ้ายพลิกขวา เช็ดตัว ป้อนข้าว ๑๐ กว่าปีแล้วที่เขาเลี้ยงของเขามา ถามว่าทำไมไม่จ้างพยาบาล ? เขาบอกทำใจไม่ได้ พยาบาลดูแลลูกผมไม่ดี ต้องยอมให้เมียออกจากงาน ตัวเองทำงานคนเดียว ทุ่มเทชีวิตจิตใจให้กับลูก

เขาบอกว่า ในเมื่อเขามาเกิดกับเราแล้ว เราก็ดูแลเขาให้ดีที่สุด กรรมของเขาหนักพออยู่แล้ว เราพยายามผ่อนให้เขามากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ กำลังใจของครอบครัวนี้เขาดีมากเลย

ส่วนใหญ่แล้วโรคพวกนี้เป็นอาการทางสมอง ควบคุมร่างกายยาก แต่ว่ารายนั้นลำบากเลย ขยับไม่ได้...ต้องคอยพลิกไปพลิกมา พ่อแม่พูดอะไรก็พยายามจะหันหน้า แต่ก็หันไปไม่ได้ เขาตั้งใจเลี้ยงลูกอย่างดี ครีมที่ทาผิวให้ลูกกระปุกหนึ่งก็แพงบรรลัยเลย แต่เขาก็ยังอุตส่าห์ทาให้อยู่ทุกวัน เพราะถ้าไม่ทาไม่พลิกตัวให้ เดี๋ยวก็เป็นแผลกดทับ"

เถรี
11-06-2017, 17:18
ถาม : หนูเข้าไปในเฟซบุ๊ก รู้สึกว่าทุกข้อความที่เขาโพสต์มาเป็นสักกายทิฏฐิของเขา หนูก็เลยปิดทุกอย่าง เก็บตัวอยู่ในห้อง แล้วก็ภาวนา เกิดความรู้สึก.... มันค้าง พอถอนออกมา รู้สึกว่า....(ไม่ชัด)....
ตอบ : ถ้าทำได้ไม่เลิกจนถึงตอนนี้จะดีมาก เสียดายว่าทำได้แค่สองวัน

ถาม : พอหลังจากถอนออกมาแล้ว เมื่อก่อนเวลาเรามองธรรมชาติ มองต้นไม้รู้สึกสบายใจ แต่ว่าตอนนี้มองอะไรก็คิดว่า เรามาอยู่อะไรที่นี่ ไม่เห็นจะสวยงาม ไม่ใช่โลกของเรา ?
ตอบ : แล้วทำไมเราถึงได้โง่ขนาดนั้น ยึดติดรุงรังมาตั้งนาน

ถาม : หลังจากนั้นอะไร ๆ ก็เปลี่ยนไป แม้กระทั่งเวลาที่เราชอบอยู่คนเดียว จมอยู่กับความคิด อยู่ดี ๆ เราก็เบื่อ ไม่เอาแล้ว พอเห็นตัวเราไม่ทำ ก็รู้สึกเป็นอิสระ ต่างคนต่างอยู่ ไม่ฟุ้งซ่าน ?
ตอบ : รู้ว่าอะไรดีก็ทำ ไม่ใช่อยู่แค่สองวันแล้วก็กลับไปใหม่

ถาม : (ไม่ชัด)
ตอบ : จำได้ไหมที่บอกว่า ส่วนใหญ่พวกเราที่ไม่ก้าวหน้าเพราะยังไม่เข็ด ถ้าเข็ดเมื่อไรถึงจะก้าวหน้า ถ้าเราเบื่ออย่างเดียวโดยไม่เข็ดก็ยังอยากใหม่ ต้องรู้จักเข็ด รู้จักกลัว ก็จะสลัดออก บาลีว่า จาโค ละทิ้งไป ปฏินิสสัคโค สลัดทิ้งไป มุตติ อนาลโย หลุดพ้นโดยไม่มีความอาลัย ใกล้แล้ว...เอาอีกหน่อย

ญาติโยมส่วนใหญ่ได้ยินแล้ว เพราะฉะนั้น...ปิดโทรศัพท์ เลิกเล่น LINE เลิกเล่นเฟซบุ๊กสัก ๒ เดือน แล้วทุกอย่างจะดีขึ้น เคยอ่านเรียงความของเด็กไหม ? ที่เด็กเขาเขียนว่าอยากให้แม่สนใจเขาสักครึ่งหนึ่งของโทรศัพท์ ปรากฏว่าครูอ่านแล้วนั่งร้องไห้เลย เพราะว่าเด็กคนนั้นเป็นลูกของครูเอง พอบอกอะไรแม่ก็บอกว่าไม่มีเวลา ไม่ว่าง แต่แม่นั่งเล่นโทรศัพท์ได้ ๓-๔ ชั่วโมงติดต่อกัน ลูกก็เลยบอกว่าอยากให้สนใจเขาสักครึ่งหนึ่งของโทรศัพท์ ยังดีว่าพวกเรายังไม่ถลำลึกมาก ไม่ถึงขนาดแชตไปแชตมาแล้วก็ฆ่าหั่นศพ...!

เถรี
11-06-2017, 19:59
พระอาจารย์กล่าวว่า "คนเราโอกาสที่จะคิดผิด พูดผิด ทำผิด มีตลอด เพียงแต่ว่ารู้ตัวแล้วก็แก้ไข คิดใหม่ ทำใหม่ เดี๋ยวก็ค่อย ๆ ดีมากขึ้นไปเรื่อย ๆ แต่ถ้าเมื่อไรยังแบกตัวกูของกูเอาไว้ ก็อดเผลอไม่ได้ว่า "กูดีกว่า" พอรู้ตัวว่าไม่ดีจริง ก็อ้าว...บรรลัยไปแล้ว"

เถรี
11-06-2017, 20:56
ถาม : วัดเซราที่ลามะเขาทำท่าเหมือนทะเลาะกัน คืออะไรคะ ?
ตอบ : ตรรกวิภาษ เป็นการปุจฉาวิสัชนาธรรม ทำแบบนั้นเพื่อทำลายสมาธิคู่ต่อสู้ สมัยก่อนนี้ถ้าแพ้ต้องหลุดจากตำแหน่ง ยกวัดให้คนชนะไปเลย

ถาม : วัดท่าขนุนน่าจะมีแบบนี้บ้างนะคะ ?
ตอบ : ของเราแค่เทศน์ ๒ ธรรมาสน์ ๓ ธรรมาสน์ให้รอดก่อนเถอะ ของพวกนี้เป็นเรื่องที่สอนกันยาก ต้องอาศัยประสบการณ์แบบนั้น อย่าลืมว่าพระวัดเขามี ๗๐๐-๘๐๐ รูป เขาสลับกันถามสลับกันตอบ เท่ากับว่าได้ประสบการณ์มากขึ้นไปเรื่อย

ทั้ง ๒ ฝ่าย ถ้าใครสมาธิไม่ดีก็เจ๊งก่อน เพราะว่าจะยืนระยะไม่ได้ ก็แบบเดียวกับของเทศน์ ๒ ธรรมาสน์ ที่ต่างฝ่ายต่างหัก ต่างฝ่ายต่างกวนกัน ใครโมโหก่อนก็เจ๊ง..!

เถรี
11-06-2017, 21:08
พระอาจารย์เล่าถึงการเดินทางไปทิเบตให้ฟัง "ไปเมืองจีนมา แต่ละคนรักส้วมเมืองไทยไปตาม ๆ กัน ที่นั่นต้องทำธุระไปก่อน ถึงเวลาที่เหมาะสมถึงจะมีน้ำราดให้ เวลาไม่เหมาะสมก็กองคาอยู่อย่างนั้นแหละ

ตรงที่พักรถจากชิงไห่ ขนาดคนจีนด้วยกันยังไม่ยอมเข้า เขาก็เลยฉี่ไว้ตรงด้านนอกจนท่วมทางเดิน อาตมาก็สงสัยว่าส้วมข้างในน่าเกลียดน่ากลัวขนาดไหน ก็เลยเดินเข้าไปดู ปรากฏว่าเป็นหลุม ๆ เรียงกันเฉย ๆ ไม่มีอะไรกั้นเลย เป็นห้องใหญ่ ๆ แล้วก็หลุมใครหลุมมัน ใครจะทำธุระก็ไปนั่งเอา เข้าไปทั้งข้างซ้ายข้างขวาเหมือนกันหมด ขนาดอาม่า ๒ คน วิ่งอ้วกออกมาเลย โอ้โฮ...นี่ขนาดคนจีนด้วยกันนะ

แต่อาตมาไปทำธุระมาเสร็จแล้ว..! ไม่กล้าถ่ายรูปมาให้พวกเราดู กลัวว่าพวกเรารับไม่ได้ ก็เลยได้แต่ไปทำธุระเฉย ๆ รู้เลยว่าอสุภกรรมฐานที่ฝึกมาได้ใช้งานจริง ๆ ถ้าใช้ไม่ได้นี่ต้องวิ่งอ้วกออกมาเหมือนกับอาม่า ๒ คนนั้น เพราะว่า สี กลิ่น รส มีครบเลย...!

ที่พระราชวังโปตาลานั้นข้างนอกดูดีมากเลย แต่ว่าพอเข้าไปข้างในก็เป็นรางยาว ๆ แล้วก็นั่งหันก้นใส่กัน แต่ว่าของโปตาลายังดี ยังมีประตูปิด เป็นของที่ทำมาแต่โบร่ำโบราณแล้วเขาก็ใช้กันจนปัจจุบัน ถ้าทำให้ดีก็ได้นะ แต่ดีแค่ไหนเขาก็ใช้แบบนั้นแหละ ก็คือเขากดน้ำไม่เป็น ถึงเวลาก็ถ่ายซ้ำ ๆ กันไว้ ใครรู้วิธีก็ไปกดน้ำเองแล้วกัน"

เถรี
11-06-2017, 21:11
"ลองไปดูสักครั้งหนึ่งแล้วก็จะรู้ การพูดหรือตั้งข้อสมมติฐานได้แค่ตรงนี้ แต่นั่นเป็นของจริง เพราะฉะนั้น...ถ้าใครยังทำใจไม่ได้ก็เผ่นแนบทุกราย

ตรงห้องส้วมที่พักรถเขาทำใจยากเพราะว่าไม่มีอะไรบังเลย เป็นห้องโล่งแล้วเป็นรู ๆ ให้คนละรู อาตมาก็เข้าไป จะมีใครเข้ามาอีกไหมวะ ? ปรากฏว่าทำธุระจนเสร็จก็ไม่มีใครเสี่ยงเข้ามา สบาย...เหมาคนเดียว

แบบเดียวกับอินเดีย แต่ของอินเดียนั้นจะนั่งข้างถนนคนละฝั่ง นั่งหันหน้าเข้าหากันแล้วก็คุยกันไปเรื่อย เวลาไปก็ต้องถือไม้เรียวไปอันหนึ่งกันหมูกันหมาด้วย เพราะบางทีเวลาหมูหิวมากก็งัดตูดขึ้นมาจนเราหงายท้องเลย"

เถรี
11-06-2017, 21:13
"ประเทศทิเบตแทบจะไม่มีความเป็นทิเบตเหลือแล้ว จีนครอบงำไปทุกอย่าง สัญลักษณ์ทุกอย่างที่ติดเอาไว้แสดงออกถึงความเป็นจีน คนทิเบตก็มอง ๆ ไปอย่างนั้นแหละ อยากจะติดก็ติดไป

บ้านแบบทิเบตส่วนใหญ่จะเป็นบ้านแบบหลังคาตัด ประเภทเตี้ย ๆ ชั้นเดียว แต่ว่าคนทิเบตจริง ๆ แล้วสูงใหญ่มาก รูปร่างก็ไม่แพ้ฝรั่ง อย่าไปคิดว่าคนทิเบตตัวเล็ก ๆ เดินเข้าไปถึงเห็นหน้าก็รู้ว่านี่ทิเบต หน้าไหม้มาแต่ไกลเลย แดดแรงมาก ถ้ามีครีมยี่ห้อไหนกันแดดที่โน่นได้ น่าจะขายดีไปทั่วโลก

จำไว้แม่น ๆ ว่า ไปประเทศจีนอย่าแลกดอลลาร์ไป เพราะว่าไม่มีโอกาสได้ใช้ดอลลาร์เลย เขารับเงินหยวนอย่างเดียว อาจจะเป็นเพราะว่าอเมริกากีดกันจีนเอาไว้เยอะ คนจีนก็เลยไม่สนใจเงินอเมริกัน ถามร้านขายของที่ไหนก็รับเงินเหรินหมินปี้อย่างเดียว เพราะฉะนั้น...ไปประเทศจีนแลกเงินหยวนไปจะปลอดภัยที่สุด โดยเฉพาะใบเล็ก ๆ ใบใหญ่เดี๋ยวเขาบอกว่าไม่มีทอนก็ซื้ออะไรไม่ได้อีก"

เถรี
11-06-2017, 21:16
"แต่ว่ากลูโคสไซรัปนี่ได้เรื่องจริง ๆ นะ พอดื่มลงไปนี่รู้สึกหายปวดหัวเลย อาตมาไปเจอญาติที่นั่น แล้วก็เลยถามเขาว่า อาการปวดกบาลนี่เป็นบ้างไหม ? เขาบอกว่าไม่เป็น ก็ถามว่าใช้อะไร ? เขาลากไปหาหมอเลย บอกนี่ ๆ มาหาหมอตรงนี้ ไปถึงเขาบอกเอากลูโคสไซรัปมา ขวดละ ๒ หยวน ๕ ขวด ๑๐ หยวน ราคาถูกอย่างกับขี้...! วันละหลอดก็อยู่เลย เป็นน้ำเชื่อมเข้มข้นหลอดเล็ก ๆ ประมาณนิ้วชี้

เขาบอกว่า “กินก่อนแล้วค่อยตะกายขึ้นเขา” ภาษาจีนแปลอย่างนี้นะ อาตมาเองคงไม่ต้องตะกายขึ้นเขาหรอก จึงกินตั้งแต่ตอนนี้แหละ ปรากฏว่าเข้าไปหมอก็เป็นจีนแคะ ผู้ช่วยพยาบาลก็เป็นจีนแคะ ก็เลยนั่งคุยกันสนุกสนานเฮฮาอยู่นั่น

ไปซื้อน้ำในยุโรปแพงบรรลัยเลย อย่างราคาถูก ๆ ขวดหนึ่งก็ ๒ ยูโรเท่ากับ ๘๐ บาท จนกระทั่งไกด์เขาบอกว่าพระอาจารย์อย่าไปคิดแบบนั้น ต้องคิดว่าแค่ ๒ บาท อย่าไปคิดว่า ๑ ยูโรเท่ากับ ๔๐ บาท ร้านแรกที่ไปถามขอซื้อ เขาไล่ให้ไปกินในห้องน้ำ เขาบอกว่าใครเขาซื้อน้ำกัน ? ห้องน้ำที่ไหนก็กินได้ คือน้ำเขาสะอาดจริง พวกเราไม่เถียง แต่ไม่เคยชิน ที่นั่นอย่างพวกน้ำแร่นี่แพงตายชักเลย"

เถรี
11-06-2017, 21:19
"เป็นเรื่องแปลกว่า ภูมิอากาศของทิเบตอยู่ยากมาก แต่คนก็อยู่กันมาเป็นหมื่นปีแล้ว คณะแรก ๆ ที่ตะกายไปอยู่เขาคิดอะไรของเขา ?

เจ้ามดอยู่ปักกิ่ง ขึ้นไปก็น็อก เห็นแล้วขำ...มือหนึ่งถือหงจิ่งเทียน (โสมทิเบตแก้แพ้ความสูง) ๒ ขวด จมูกก็เสียบออกซิเจนคาอยู่ “หลวงพ่อ...มดจะตายไหมคะ ?” ใครจะไปรับรองได้ แล้วเอ็งอึดเท่าไรข้าก็ไม่รู้ แต่ถ้าเป็นข้า รับรองว่าข้าไม่ตาย...!"

ถาม : เก้าอี้ที่ติดอยู่ตรงหน้าต่างรถไฟ ?
ตอบ : เป็นเก้าอี้พับ ๆ ให้เอาไว้นั่งดูวิว ออกแบบดีมากเลยนะ คือเขาเข็นรถอะไรผ่านได้โดยที่คนนั่งไม่ต้องหลบ นั่งเล่นไอแพ็ดไปได้เลย แต่เห็นรถบรรทุกเป็นพัน ๆ คันแล้วสยอง จีนกอบโกยทรัพยากรไปเท่าไรก็ไม่รู้ โดยเฉพาะแค่ที่วิ่งผ่าน ๆ เห็นมีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ตั้ง ๒ โรง

เถรี
11-06-2017, 21:21
ถาม : บนพระแก้วมรกตบนด้วยไข่ต้ม ทีนี้เจ้าหน้าที่ที่วัดพระแก้วเขาให้เก็บกลับไปกินได้ สงสัยว่าจะเป็นหนี้สงฆ์ไหมคะ ?
ตอบ : ก็อย่าลืมว่าพระแก้วท่านมีองค์เดียว เป็นวัดที่ไม่มีพระสงฆ์ แต่ถ้าเราเกรงใจก็ชำระหนี้สงฆ์ ถ้าไม่เกรงใจก็กินไปเถอะ

สมัยก่อนหลวงปู่มหาอำพันท่านแก้บนทีละ ๑๐๐ ฟอง ถึงเวลาก็เอาไปให้บ้านราชวิถี บ้านเมตตา ฯลฯ ให้เด็ก ๆ เขาทำเป็นอาหาร พวกนั้นเป็นสถานสงเคราะห์เยาวชนที่ทำความผิด

เถรี
12-06-2017, 18:57
ถาม : หนูควรแก้ไขปรับปรุงการปฏิบัติอย่างไรบ้างคะ ?
ตอบ : ทำตัวให้เหมือนกับชาวบ้านเขาได้ก็พอ

สติ แปลว่า นึกได้ สัมปชัญญะ แปลว่า รู้ตัว สองอย่างเป็นของที่ควบคู่กัน แต่คราวนี้มีน้อยคนที่จะรู้ตัวเอง เพราะว่าส่วนใหญ่แล้วเราจะมี "ตัวกู ของกู" อยู่ในใจ มักจะคิดอยู่เสมอว่าสิ่งที่เราทำนั้นดีแล้ว ถูกแล้ว แต่ไม่ได้สังเกตว่าของบางอย่างที่เราทำนั้นแปลกแยกจากสังคม ทำให้เข้ากับคนอื่นไม่ได้

ในเมื่อเป็นลักษณะอย่างนั้น ทำอย่างไรที่เราจะเข้ากับคนอื่นได้ ต้องลดทั้งทิฏฐิมานะ ลดทั้งสักกายทิฏฐิลง แรก ๆ อาจจะต้องฝืนใจบ้าง แต่หลังจากที่ทำไป ๆ กำลังใจดีขึ้น ก็สามารถคลุกคลีตีโมงได้ทุกระดับชั้น ไม่อย่างนั้นแล้วคำว่า “กูดีกว่า” จะอยู่ในใจเสมอ แล้วจะหาความก้าวหน้าได้ยาก

เถรี
12-06-2017, 19:00
วันก่อนไปงานของเพื่อนร่วมรุ่นปริญญาเอก คือ หลวงพ่อเจ้าคุณสมุทรวชิรโสภณ หลวงพ่อเจ้าคุณสมุทรฯ ท่านบวชมานานมาก แล้วก็ปฏิบัติดีมาก แล้วผลบุญของการปฏิบัติดีปฏิบัติชอบนั้นก็ส่งผล

ท่านเป็นเจ้าคณะตำบล ไม่เคยเป็นเจ้าคณะอำเภอ ไม่เคยเป็นรองเจ้าคณะจังหวัด แต่พอเจ้าคณะจังหวัดไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ เจ้าคณะภาคก็ตั้งหลวงพ่อเจ้าคุณสมุทรฯ เป็นรักษาการเจ้าคณะจังหวัด ในที่สุดก็มีพระบัญชาสมเด็จพระสังฆราช ตั้งเป็นเจ้าคณะจังหวัดสมุทรสงคราม ต้องบอกว่าเรื่องของการแข่งเรือแข่งพายนั้นแข่งกันได้ แต่จะไปแข่งบุญวาสนานั้นแข่งไม่ได้ ท่านอายุ ๗๐ กว่าแล้ว คนถึงเห็นความสามารถตั้งให้เป็นเจ้าคณะจังหวัด

ปรากฏว่าไปถึงในงานเจอกับบรรดาเจ้าคุณ บรรดาพระครูใหญ่ ๆ โต ๆ ในกรุงเทพฯ ก็ไปไหว้ทักทายแต่ละท่าน เขาก็ถามว่าเป็นใครมาจากไหน ? ยังไม่ทันจะแนะนำตัว พระใหม่ท่านบอกว่า “หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุนครับ” อ้าว...ดันรู้จักอาตมาอีกนะ สรุปว่าท่านบอกว่าเคยไปงานเป่ายันต์ฯ ที่วัดท่าขนุน

แต่เห็นคนเยอะมาก เบียดไม่เข้า ท่านก็เลยไม่ได้ไปแนะนำตัว แต่จำได้ ยังโชคดีที่ว่าไปก่อนเวลา เสร็จธุระแล้วจึงขอท่านกลับก่อนได้ หลวงพ่อท่านก็แนะนำกับเพื่อนว่า “เป็นเพื่อนร่วมรุ่นของผมเอง เรียนมาด้วยกัน ท่านเรียนเก่งมากเลย มีอะไรก็คอยช่วยเหลือเพื่อน ฯลฯ” ท่านก็ว่าของท่านไปเรื่อย

เถรี
12-06-2017, 19:07
ถาม : ไอไม่หายค่ะ มีวิธีแก้ไหมคะ ?
ตอบ : ใช้ไข่ ๑ ฟอง สมัยนี้ง่ายเลย ตอกลงถ้วย แล้วก็บดขัณฑสกรหรือน้ำตาลกรวดลงไปสักหัวแม่มือหนึ่ง ตามด้วยใบชาอีกหยิบมือหนึ่ง ใส่เข้าไมโครเวฟ ๓ นาทีสุก กินให้หมดก็จบแล้ว อาตมาเคยไอประเภทที่เรียกว่าไอ ๑๐๐ วัน ก็คือไอไม่เลิกเสียที ปรากฏว่าคนจีนเก่า ๆ เขามีตำรายานี้ก็เลยลองดู เออ...หายจริง ๆ แต่ขัณฑสกรเท่าหัวแม่มือนี่หวานแสบไส้เลยนะ สมัยก่อนตอนดองมะม่วง แม่จะบอกให้เอาขัณฑสกรใส่ลงไป มิน่า...มะม่วงดองถึงได้หวานขนาดนั้น ส่วนใบชาหยิบใส่ลงไปสักหยิบมือหนึ่ง จะโรยให้ทั่วหรืออย่างไรก็แล้วแต่เรา

ไม่ต้องถึงขนาดชาผู่เอ๋อนะ ผู่เอ๋อเป็นใบชาเสีย เพราะว่าสมัยก่อนเขาค้าขายเส้นทางสายไหม เดินทางกันเป็นเดือนเป็นปี คราวนี้ฝนตกรั่วเข้าไปในถุงชา ชาก็ไปตกอยู่ก้นถุง โดนหมักไปเรียบร้อย กว่าจะไปถึงก็แน่นเป็นก้อนเลย ปรากฏว่าคนมองโกลอยู่แต่ในทุ่งหญ้า เขาก็ไม่รู้หรอกว่าชาดีหรือชาไม่ดี เขาก็เอาไปชงชานมชาเนยอะไรตามแบบปกติ กลายเป็นที่นิยมขึ้นมา แล้วคนเขาก็นิยมตรงที่ว่าขนย้ายง่ายเพราะว่าเป็นก้อน ๆ ตอนหลังก็เลยตั้งอกตั้งใจผลิตชาผู่เอ๋อออกมา คือตั้งใจทำให้เสีย ครั้งแรกนั่นเสียเพราะอุบัติเหตุ ต่อมาตั้งใจทำให้เสียเอง

เถรี
12-06-2017, 19:19
พระอาจารย์กล่าวว่า "ปกติเดือนมิถุนายน ทางวัดจะจัดงานฉลอง ถ้าไม่ใช่งานของตัวเองก็จะเป็นพระ แม่ชี สามเณร ใครประสบความสำเร็จด้านการศึกษาหรือหน้าที่การงานอะไรก็ไปฉลองเดือนมิถุนายน แต่ปีนี้งด

ถามว่าทำไมจึงงด ? เพราะปกติแล้วเรื่องการพระราชทานสมณศักดิ์จะเป็นเดือนธันวาคม ก็มาฉลองในเดือนมิถุนายน แต่ปีนี้การพระราชทานสมณศักดิ์น่าจะเป็นไปตามวันเฉลิมพระชนมพรรษาของรัชกาลที่ ๑๐ ซึ่งเป็นเดือนกรกฎาคม เดือนมิถุนายนเลยไม่รู้ว่าจะจัดอะไร ก็เอาเป็นว่าถ้ารับกรกฎาคมก็ไปฉลองเดือนกันยายนโน้น ในวันงานหลวงปู่สาย

แล้วอีกทีหนึ่งก็ได้ข่าวว่า ปีนี้อาจจะเป็นการพระราชทานสมณศักดิ์ทั้งตั้งและเลื่อนในวันที่ ๕ ธันวาคมอีกปีหนึ่ง ถ้าเป็นไปตามนั้นก็แปลว่าทิ้งช่วงยาวปีกว่าเลย"

เถรี
12-06-2017, 19:21
พระอาจารย์กล่าวว่า "อาตมามีประคำนเรศวรปราบหงสาวดี ของหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้วอยู่เส้นหนึ่ง แต่ว่าเม็ดเล็กมาก แล้วก็มีตะกรุดสอดไส้อยู่ข้างใน เป็นที่น่าเสียดายว่าเหลือแต่ตะกรุดอยู่เกือบสิบดอก ไม่ทราบเหมือนกันว่าเม็ดยาแตกไปหรือโดนคนเคาะไปกิน คือเป็นยาจินดามณีปั้นแล้วสอดไส้ตะกรุดทำเป็นประคำ ยังไม่เคยให้ใครดูเลย ต้นตำรับจากหลวงปู่บุญ เป็นยาเม็ดเล็กมาก แล้วทึ่งตรงที่ว่าท่านยังสอดไส้ตะกรุดมาได้ ก็แปลว่าหุ้มตะกรุดอยู่แค่นิดเดียวเท่านั้น"

เถรี
12-06-2017, 19:21
พระอาจารย์กล่าวว่า “มีแต่คนรอไม้ถือว่าจะราคากี่แสน ทำไม่เสร็จสักทีทั้งที่ตั้งใจทำ จะทำแบบครอบจักรวาล ใช้ได้ทุกเรื่องนี่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย”

เถรี
12-06-2017, 19:24
พระอาจารย์กล่าวว่า “กินยาจินดามณีไม่ได้หมายความว่าไม่ตาย แต่หมายความโรคร้ายบางอย่างที่หมอรักษาไม่ได้อาจจะหาย ร่างกายแข็งแรงขึ้น ก็น่าจะประมาณว่าแก่แล้วตายง่าย ๆ หน่อย

ปกติเขาฝนน้ำกินแค่นิดเดียว เม็ดหนึ่งกินกันเป็นปี แต่ของพวกเรานี่กินกันทั้งเม็ดเลยนะ ตำราท่านบอกว่า จะกินให้ได้ผลดีให้กินวันพระใหญ่ โดยเฉพาะมาฆบูชา วิสาขบูชา หรือลอยกระทง อาตมากินตอนเสาร์ ๕ ไป ๓ เม็ด จบไปแล้ว กินเข้าไปแล้วดันโรคพุพองออกมาซะเต็มที่เลย”

เถรี
14-06-2017, 17:51
ถาม : (การต่อราคา)
ตอบ : จำไว้ว่าคนเขาจะขาย เราต้องกล้าต่อ ไปซื้อของฝากที่ร้านของรัฐบาลจีน เขาบอกว่าร้านนี้ห้ามต่อราคา ท้ายสุดประคำเทอร์คอยส์เส้นละ ๒,๓๘๐ อาตมาต่อเหลือ ๑,๗๐๐ เขาก็ยอมขายจนได้ ไม่ขายก็เรื่องของเอ็ง ข้าไม่ได้เดือดร้อน ถ้าเราไม่ได้สนใจนี่เขาจะยอมไปเอง แต่ถ้าเราทำท่าอยากได้เขาไม่ยอมหรอก ที่ขำที่สุดคือเดินออกมาข้างนอกแล้ว พนักงานขายเดินถือประคำอีกเส้นหนึ่ง ตามมาถามว่าเส้นนี้จะเอาด้วยไหม ? น่าจะเป็นเพราะว่าเขาได้ส่วนแบ่งเปอร์เซ็นต์จากค่าขาย ก็เลยอยากจะขายให้ได้มาก ๆ

ที่ตลกที่สุดก็คืออาตมาแลกเงินไป ๔,๒๐๐ หยวน ให้ลูกกิฟท์ไปเรียนซัมเมอร์ที่ฉงชิ่ง ๑,๕๐๐ หยวน ซื้อประคำเทอร์คอยส์ไป ๑,๗๐๐ หยวน ซื้อประคำเงินอีกเส้น ๑,๑๕๐ หยวน นี่ก็ เกินงบแล้วนะ แต่ตอนนี้เหลือกลับมาเกือบ ๓,๐๐๐ หยวน อะไรจะเกินได้ขนาดนั้น ขนาดค่าใช้จ่ายของวัดยังจ่ายติดลบเกินบัญชีไปสามสี่ล้าน ไม่รู้ว่าเอามาจากไหน ?

ถาม : (ไม่ชัด)
ตอบ : ไม่รู้ว่าปลอมแบบไหนเหมือนของจริงเลย ใช้งานได้ถูกต้องตามกฎหมายด้วย แบบเดียวกับแม่ของนายห้างประยงค์ ตั้งตรงจิต นอนป่วยอยู่กับเตียงแกก็ภาวนาไปเรื่อย แล้วอยู่ ๆ ก็เห็นแสงสว่างวิ่งไปในตู้เซฟซึ่งเป็นตู้เปล่าปิดทิ้งไว้เฉย ๆ ก็เลยเรียกลูกให้ไปเปิดดู มีธนบัตรใบละ ๑๐๐ บาทเป็นมัด ๆ เลย เขาปลอมได้อย่างไรขนาดนั้น ใช้งานได้ตามกฎหมายด้วย

ถาม : แล้วมีวันหมดอายุไหมคะ ?
ตอบ : ไม่มี ถ้ามาตามบุญ ไม่หมดอายุ

เถรี
14-06-2017, 17:56
ถาม : พระแม่ลักษมีนี่คือ ?
ตอบ : ท่านย่า คนอื่นเรียกแม่ เราต้องเรียกย่า

เถรี
14-06-2017, 18:22
พระอาจารย์กล่าวว่า “อาตมาเป็นพระรูปเดียวในวัดท่าซุงที่เวลาวัดมีงานแล้วไม่มีงานประจำ หลวงพี่วิรัชท่านก็จะขอตัวไปช่วยขายของทุกครั้ง เพราะว่าขายจนท่านหมดเนื้อหมดตัวทุกที ก็เป็นเรื่องแปลกว่าคนเขารุมซื้อกันจัง

อาตมาอาศัยจำแม่น บางทีญาติโยมขอดูลูกแก้วหลายสิบลูก ก็หยิบส่ง ๆ ให้เขา คนอื่นเขาจะส่งให้ดูทีละลูก พอถึงเวลาก็ขอของเก่าคืน แล้วค่อยเอาของใหม่ให้ไป อาตมาส่งไปสิบกว่าลูกนั่นแหละ พอถึงเวลาเขาให้คิดเงินก็บอกถูกว่าเท่าไร จำได้ว่าเขาเอาอะไรไปบ้าง ราคาเท่าไร ก็เลยจำหน่ายได้เร็ว

พระรุ่นน้อง ๆ พยายามเลียนแบบ แต่ไม่สำเร็จ อาตมาจะจำว่าหยิบออกไปแบบไหน ราคาเท่าไร แล้วก็คำนวณราคาไว้เสร็จสรรพ ถึงเวลาเขาต้องการแบบไหน คืนแบบไหนมา ก็สามารถหักกลบลบล้าง บอกราคาให้เขาได้เลย

แต่ของอย่างนี้ก็แปลก...พอจบตรงนั้นแล้วข้อมูลจะโดนลบทิ้งไปเลย ไม่เหลือไว้ในความจำ แต่อ่านหนังสือนี่กลับจำไปตลอด ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมระบบความจำแปลก ๆ อะไรที่ควรเก็บก็เก็บ อะไรที่ไม่ควรเก็บก็ลบทิ้งเองเลย หลวงพี่วิรัชท่านจึงต้องจองตัว "มาช่วยผมทุกงานนะ" ขายจนกระทั่งบางทีท่านบอกว่าเอาของออกมาจำนวนเท่านี้ อย่างไรก็ขายไม่หมดแน่นอน แต่ก็ยังขายได้หมด เพราะว่าพอขายได้เร็วคนก็แห่กันมาซื้อ”

เถรี
14-06-2017, 18:24
ถาม : เวลาที่เรียนไปแล้วก็จำได้ครับ แต่ผมถึงเวลาแล้วเอามาดึงใช้ไม่ทัน ผมเลยขอวิธีที่จะเพิ่ม RAM ?
ตอบ : ถ้าจะเพิ่ม RAM ต้องฝึกสมาธิครับ สมาธิทรงตัวมากเท่าไร RAM จะบรรจุได้เยอะขึ้น เหมือนกับเพิ่มพื้นที่ใช้งาน บางทีเป็นประสบการณ์ส่วนหนึ่งว่าเคยใช้แบบนี้ พอถึงเวลาครั้งใหม่ก็ใช้ตามนั้นโดยอัตโนมัติไปเลย ฉะนั้น..บางทีเรื่องความจำอย่างเดียวไม่พอ ต้องมีทักษะ มีประสบการณ์ด้วย

เถรี
14-06-2017, 18:33
ถาม : ผมตั้งใจมาขอขมาหลวงพ่อด้วยครับ เพราะช่วงหลังนี้ชอบคิดว่าหลวงพ่อจะละสังขารไปวันนี้พรุ่งนี้ครับ ?
ตอบ : ก็คิดถูกแล้วนี่

ถาม : ผมอยากให้หลวงพ่ออยู่นาน ๆ ครับ งานยังไม่เสร็จครับ ?
ตอบ : ใครว่างานไม่เสร็จ งานคนอื่นทั้งนั้น ตูมีหน้าที่ทำ เสร็จหรือไม่เสร็จก็เรื่องของท่านสิ เหมือนอย่างกับอาตมาเป็นคนรับจ้าง กินเงินรายวัน ฉะนั้น...งานเสร็จหรือไม่เสร็จไม่ได้อยู่ในความกังวล อาตมาเป็นลูกจ้างค่าแรงรายวัน จบวันหนึ่งก็รับแค่วันหนึ่ง

ความจริงโยมคิดถูกแล้ว เพราะตั้งแต่ก่อนไปทิเบตกลับมาจนบัดนี้ อาตมายังป่วยไม่หายเลย เพียงแต่ตีหน้าตายไม่รู้ไม่ชี้ไปเท่านั้นแหละ

เถรี
14-06-2017, 18:35
ถาม : คำพูดหลวงพ่อชอบเป็นความจริงครับ เพราะฉะนั้นขออนุญาตให้หลวงพ่อถอนที่พูดว่า ผมต้องเกิดอีกนานได้ไหมครับ ?
ตอบ : อยู่ที่เราทำ ไม่ต้องถอนก็ไปได้ เป็นอันว่าขอให้เกิดให้น้อยที่สุดก็แล้วกัน

อาตมาไม่ยอมใช้คาถาเสกลิ้นตัวเองของหลวงพ่อวัดท่าซุง ไม่ยอมใช้คาถาปฏิภาณ ขนาดนั้นว่าอะไรก็ยังไปเรื่อยเปื่อยเหมือนกัน หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านทำแล้วต้องระวังตัวเอง อาตมาขี้เกียจระวังแบบนั้น ถ้าเผลอไปบ้วนน้ำลายลงที่สกปรกก็โดนอีก อะไรที่ยากอาตมาไม่ค่อยเรียนหรอก

ถาม : อย่าว่าแต่เป็นพระปฏิบัติเลยค่ะ ลำพังคนแก่สั่งสมบุญบารมีมาเยอะ พูดอย่างไรยังมักจะเป็นอย่างนั้นเลย ?
ตอบ : สมัยก่อนพวกเราถึงไปขอพรกัน สมัยนี้พวกเราไม่ค่อยเห็นความสำคัญของคนแก่

โบราณเขาบอกว่า “ปากคนกินพริกกินเกลือ” เพราะฉะนั้น...อย่าไปแช่งใคร ถ้าตัวเองอยู่ในฐานะที่กำลังสูงกว่า แล้วอีกฝ่ายหนึ่งกำลังใจต่ำกว่านี่บรรลัยเลย เพราะว่าถ้าสูงกับต่ำผลจะชัดเจนมาก ถ้าอยู่ระดับใกล้เคียงกันก็ยังไม่ชัดเจน

เถรี
14-06-2017, 18:53
พระอาจารย์กล่าวว่า "แจ้งให้ญาติโยมทั้งหลายทราบว่า ใครจะไปเที่ยวทิเบต ถ้าอสุภกรรมฐานยังอ่อนอยู่ อย่าไปเลย ห้องส้วมที่นั่นสุดยอดจริง ๆ..!"

เถรี
14-06-2017, 18:56
พระอาจารย์กล่าวว่า “ไปทิเบตคราวนี้ตั้งใจจะไปดูบรรดาร่างทอง ก็เกิดความรู้สึกว่า ไม่ว่าจะเคยเกิดมายิ่งใหญ่ขนาดไหน ถ้ายังเข้าไม่ถึงมรรคถึงผลแล้วก็ต้องเกิดมาทุกข์ใหม่อยู่ดี อาตมาไปขอคำยืนยันจากท่านอาจารย์บ๊ะมาแล้ว ถ้าอยากรู้ให้ไปถามรายละเอียดกับท่านเอง”

ถาม : กำลังจะขอคำเฉลยพอดี ?
ตอบ : รู้ไปก็เท่านั้นแหละ ไปหาเพื่อนเก่า ไปหาซากเก่า ๆ ท้ายสุดก็ได้ข้อสรุปว่า ตราบใดที่ยังเกิดอยู่ก็ยังทุกข์เหมือนเดิม

เถรี
14-06-2017, 19:11
พระอาจารย์กล่าวว่า “มีคนถามว่าอาตมานั่งทำหน้าที่แบบนี้เบื่อไหม ? ถ้าตอบจริง ๆ ก็คือเลยเบื่อไปนานแล้ว เหลือแต่อยู่ก็ได้ตายก็ดี อยู่ก็ยังได้สร้างบุญสร้างบารมี ตายก็ไปตามทางของเรา”

เถรี
14-06-2017, 19:12
โยมมารับวัตถุมงคลพระราหูกะลาตาเดียวหลวงพ่อปิ่น “ราหูของหลวงพ่อน้อยกับหลวงพ่อปิ่นดูลายแกะตรงหูกับลายใต้องค์ราหูที่จะไม่เหมือนกัน ส่วนลายจารไม่ต้องไปดูหรอก ท่านจารให้กันไปมาอยู่แล้ว...ดูไม่ได้ คุณอย่าไปคิดว่าเป็นของลูกศิษย์แล้วอยากได้ของอาจารย์ หลวงพ่อน้อยกับหลวงพ่อปิ่นก็เหมือนหลวงปู่บุญกับหลวงปู่เพิ่มนั่นแหละ ท่านทำได้เหมือนกัน”

เถรี
15-06-2017, 19:11
ถาม : ช่วงนี้ลูกดื้อมากเลยค่ะ ?
ตอบ : ธรรมดา ปล่อยเขา อย่าไปทะเลาะกับลูกสิ บอกว่าแม่ไม่ทะเลาะด้วยแล้ว อะไรที่คิดว่าดีก็ทำไปเถอะ ถึงเวลาก็ต้องยอมรับผลการกระทำของตัวเองด้วยนะ

ถาม : เขาชอบทำอะไรแปลก ๆ ?
ตอบ : เป็นวัยต่อต้านพ่อแม่ เป็นทุกคน บอกอะไรเขาจะทำตรงกันข้ามหมด ฉะนั้น...ถ้าอยากให้เขาไปเหนือ ก็บอกว่าไปใต้ซะดี ๆ แล้วเขาจะไปตามที่เราบอกเอง

ถาม : แต่กับพ่อเขาไม่ยอมต่อต้าน กับหนูนี่ต่อต้านจริง ?
ตอบ : เขารู้ว่าคนไหนต่อต้านแล้วเขาจะไม่โดนอะไร

ถาม : บางอย่างเขาทำไม่ดี ไม่พูดก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ?
ตอบ : พูดบ้างก็ได้ ก็บ่น ๆ ไปตามเรื่องของเรา ว่าไปตามหน้าที่ ฟังหรือไม่ฟังเป็นเรื่องของเขา

เถรี
15-06-2017, 22:16
พระอาจารย์กล่าวว่า "สัตว์ในฝัน ๓ ชนิด อาตมาเจอครบแล้ว เสือดาวหิมะ หมาทิเบต จามรี"

ถาม : ได้กินจามรีไหมคะ ?
ตอบ : กินไปเยอะแล้ว คนทิเบตเข้าถึงหลักของศาสนามาก เขาเลยเลือกกินสัตว์ใหญ่ไม่กินสัตว์เล็ก ถามว่าทำไมเลือกกินสัตว์ใหญ่ ไม่กินสัตว์เล็ก ? เขาบอกว่าฆ่าจามรี ๑ ชีวิตเลี้ยงได้ทั้งหมู่บ้าน แต่ถ้าเราไปกินปลาต้องใช้กี่ชีวิตกว่าจะพอ ? เขาคิดถูกนะ แต่ถ้าไม่จำเป็นจริง ๆ เขาก็ไม่ฆ่าสัตว์

ถาม : เนื้อจามรีเหมือนเนื้อวัวไหมคะ ?
ตอบ : อร่อยกว่า ไม่เหนียวเหมือนเนื้อวัว หรือไม่เขาก็ทำเก่ง ทำเป็นแกงฮังเลหรือแกงกะหรี่ เคี้ยวนุ่มจมเขี้ยวดี

พวกเราเป็นคณะทัวร์ที่หัวหน้าทัวร์เครียดมาก เพราะว่าขนอะไรไปก็ไม่กิน กินแต่อาหารพื้นเมือง กินได้ทุกอย่างไม่มีเกี่ยง กับข้าวมาเป็น ๑๐ อย่าง ก็ต้องมีที่เรากินได้สักอย่าง

เถรี
16-06-2017, 17:18
พระอาจารย์กล่าวว่า "ระยะนี้เรื่องที่ดังมากคืออะไร ? ฆ่าหั่นศพใช่ไหม ? เรื่องฆ่าหั่นศพมีคำให้การที่มีจุดบกพร่องเยอะมาก ประการแรกก็คือ ผู้หญิงคนหนึ่งบีบคอผู้หญิงอีกคนหนึ่งตาย โอกาสเป็นไปได้แค่ครึ่งเดียว หมายความว่าต้องแข็งแรงกว่ากันชนิดที่สู้กันไม่ได้จริง ๆ ไม่ใช่ประเภทตัวเท่า ๆ กัน

ประการที่ ๒ คือ ตายบนรถแล้วไปเช่ารีสอร์ทหั่นศพใส่ถุง ค่อยเอาไปฝัง ทำไมไม่เอาไปฝังเสียตั้งแต่แรก ? สรุปว่าเรื่องนี้ค้นดี ๆ บางทีคดีอาจจะพลิก ตอนนี้คนที่โดนจับได้ ดูเหมือนจะโยนความผิดทุกอย่างให้กับคนที่ยังไม่โดนจับ

ในเรื่องของคดีศาลต้องตัดสินตามข้อเท็จจริง ก็คือทั้งเท็จและจริง ใครสามารถหาหลักฐานมายืนยันได้มากกว่ากัน ไม่ว่าจะฝ่ายเท็จหรือฝ่ายจริงก็ตาม ศาลต้องตัดสินตามนั้น ไม่สามารถจะดำดินตัดสินได้ว่าต้องเป็นอย่างนั้น ต้องเป็นอย่างนี้

โดยเฉพาะคดีในบ้านเรา มีบุคคลบางประเภทที่สมัยก่อนเขาใช้คำว่า "เป็นผู้ร้ายโดยสันดาน" สมัยนี้ไม่ค่อยได้ยินแล้ว คนประเภทนี้ทำความผิดโดยไม่รู้สึกว่าตัวเองผิด แบบเดียวกับ "นายหมูหยอง" ที่บอกว่า ฆ่าคนก็เหมือนกับฆ่ามดฆ่าปลา ทำไมต้องไปขอขมาด้วย ? นั่นก็คือทำผิดโดยไม่รู้สึกว่าตัวเองผิด เห็นชีวิตคนอื่นเป็นผักเป็นปลาเท่านั้นเอง"

เถรี
16-06-2017, 17:21
"เรื่องเหล่านี้จะว่าไปแล้วเป็นผลผลิตจากสังคมของเราเอง เป็นสังคมที่บิดเบี้ยว ครอบครัวที่บ้านแตกสาแหรกขาด มีการใช้กำลังให้เห็นความโหดร้ายอยู่บ่อย ๆ ท้ายสุดก็กลายเป็นลัทธิเลียนแบบ พอถึงเวลาตัวเองก็ทำแบบนั้นบ้าง

อย่าหวังว่าเข้าคุกไปแล้วจะแก้ไขได้ น้อยคนนักที่จะเข็ด เข้าคุกไปกลายเป็นว่ารู้ช่องทางว่าควรจะทำอย่างไรที่จะผ่อนหนักให้เป็นเบา จะอยู่ได้สบาย กลายเป็นไปได้วิชาโจรเพิ่มเติมมาจากในคุก

สาเหตุก็มาจากการที่ข้าราชการของเราสามารถคอรัปชั่นได้ทุกสถานการณ์ ขนาดในคุกเขาใช้คูปองแทนเงินก็ยังคอรัปชั่นกันได้ โดยรับคูปองนั้นแหละแทนเงิน

โดยเฉพาะว่าโทษหนักไม่มีให้เห็น พวกเราจะสังเกตเห็นว่าตั้งแต่ออกกฎหมายใหม่ มียาบ้าในครอบครอง ๒,๐๐๐ เม็ดขึ้นโดนไปประหารชีวิต มีกี่คดีที่ได้รับการตัดสินว่าประหารชีวิต ? ไหน ๆ ๒,๐๐๐ เม็ด ขึ้นไปจะโดนประหารชีวิต ก็เลยขนทีเป็นแสนเป็นล้านเม็ด ถ้าไม่พลาดโดนประหารก็เอาทีเดียวให้คุ้ม

กลายเป็นว่ากฎหมายบ้านเราไม่ศักดิ์สิทธิ์ เพราะว่าผู้ใช้กฎหมายส่วนหนึ่งเข้าไปอยู่ในกลไกนั้นด้วย อย่างเช่นว่าจับยาบ้าได้ ๓ แสนเม็ด ก็ส่งรับรางวัล ๒ แสน เก็บไว้เอง ๑ แสน เก็บไว้เองถ้าหากว่าไม่ผ่องถ่ายออกไปจำหน่าย ก็อาจเอาไว้เป็นของกลางครั้งต่อ ๆ ไป เพื่อจะได้เป็นผลงานตัวเองอีกรอบ"

เถรี
16-06-2017, 17:25
"อย่างที่เมื่อไม่นานมานี้ ตำรวจโดนไล่ออกไปทีเดียว ๕ นาย เพราะว่าเอายาเสพติดของกลางไปขาย ในเมื่อมีตัวอย่างชัดเจนในลักษณะอย่างนี้ ก็เลยกลายเป็นว่า ระบบต่าง ๆ เอื้อให้กับการเจริญเติบโตของยาเสพติดในบ้านเรา ทั้ง ๆ ที่เป็นของทำลายคนอย่างร้ายกาจ

ในพม่าโดยเฉพาะพวกว้าแดงผลิตยาบ้าเป็นปกติ แต่ห้ามขายในพม่าอย่างเด็ดขาด ถ้ามีคนพม่าติดยาบ้า คนเสพก็ตาย คนขายก็ตาย ทหารเขายิงทิ้งเลย ฉะนั้น...จะเห็นว่ายาบ้าผลิตขึ้นในพม่า แต่คนพม่าไม่ติดยาบ้า อย่างเก่งก็กินหมาก เพราะว่าไม่มีใครอยากตาย

ถามว่าทางการพม่ารู้ได้อย่างไรว่าคนนี้ซื้อยาบ้า ขายยาบ้า กินยาบ้า ? ไม่ต้องห่วง...โครงข่ายสายลับของพม่าได้รับการยกย่องว่าเก่งกาจเป็นอันดับ ๔ ของโลก เป็นรองก็แต่ CIA, KGB และ MOSSAD เท่านั้น พูดง่าย ๆ ว่าทุกหัวระแหงมีสายลับ"

เถรี
16-06-2017, 17:29
"อาตมาเองไปพม่า มีโยมชาวพม่าเลื่อมใสนักหนา อยากจะไปเมืองไทย มาตามหิ้วย่ามให้เป็นเดือน ๆ มารู้ทีหลังว่าเขาเป็นรองอธิบดีกรมสืบราชการลับของพม่า เขามาสารภาพหลังจากที่เกษียณแล้ว บอกว่าเจ้านายให้มาตามเพราะว่าท่านอาจารย์เอาเงินเข้ามาเยอะ กลัวว่าเอาเงินมาสนับสนุนให้นิสิตประท้วงรัฐบาล

เขาตามอยู่เป็นปี ๆ จนเห็นว่าอาตมาเอาแต่เงินไปก่อสร้าง เขาถึงได้ไว้ใจ ลองคิดดูว่าระดับรองอธิบดีของเขา มาทำตัวเป็นศิษย์วัดคอยถือย่ามให้ เขาไม่บอกอาตมาก็ไม่รู้ ฉะนั้น...คนพม่าในปัจจุบันนี้ ถ้าอยู่ในบ้านตัวเองก็อยู่ด้วยความหวาดระแวง เพราะว่ากฎหมายของเขาดุ ทหารของเขาเอาจริง

สมัยที่อาตมาไปพม่า เงินดอลลาร์ต้องแลกในตลาดมืด เพราะถ้าแลกทั่วไปตามแหล่งท่องเที่ยวจะได้ดอลลาร์ละ ๕-๖ จั๊ตเท่านั้น แต่ถ้าแลกในตลาดมืดจะได้ดอลลาร์ละพันกว่าจั๊ต ถ้าไปเดินอยู่ตามแหล่งเที่ยว เดี๋ยว ๆ ก็จะมีคนมาสะกิดแล้วถามว่าจะแลกเงินไหม ? ถ้าบอกว่าแลก เขาจะถามก่อนว่ามีเท่าไร ? ใบใหญ่ไหม ? ถ้าใบละ ๑๐๐ ดอลลาร์ยิ่งดี เขาจะให้ราคาสูงเป็นพิเศษ

พอตกลงว่าจะแลก เขาพาเราขึ้นแท็กซี่ไปเลย ไปถึงตามจุดนัดพบที่เขาโทรบอกเพื่อน เปลี่ยนเป็นแท็กซี่อีกคันหนึ่ง เพื่อนจะพกเงินมาตามจำนวนที่เราบอก แลกกันเสร็จสรรพเรียบร้อย เขาลงจากแท็กซี่ ให้มาส่งเราที่เดิม ตัวเขาหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ ? เขาทำยิ่งกว่าสายลับอีก เพราะว่าสายลับพม่าเต็มบ้านเต็มเมืองไปหมด

ฉะนั้น...เรื่องของบรรดา "สวยสังหาร" ที่หนีข้ามไปฝั่งพม่า ป่านนี้เขารู้หมดแล้วว่าอยู่ที่ไหน เพียงแต่ว่าค่าตัวแพง ถ้าให้ตามที่เขาเรียกร้อง จะให้จับวันนี้ก็ได้ตัววันนี้เลย"

เถรี
16-06-2017, 17:36
"การคอร์รัปชั่นของประเทศพม่าดุเดือดกว่าบ้านเรามาก ทหารไม่ยอมลงจากหลังเสือเพราะว่าผลประโยชน์ล้วน ๆ พม่าแบ่งหน่วยทหารออกเป็น ๑๓ กองทัพภาค แม่ทัพภาคแต่ละคนมีอำนาจในเขตของตัวเองเหมือนจ้าวประเทศราช คือจะเรียกร้องผลประโยชน์อะไรในพื้นที่นั้นได้ทั้งหมด ไม่ต้องส่งส่วนกลาง เอาเข้ากระเป๋าตัวเองได้เลย

เราจะเห็นว่าที่ระนองแถวเกาะสองก็ดี แถวด่านเจดีย์สามองค์ หรือแถวแม่สอด พอเปลี่ยนแม่ทัพภาคคนใหม่ ซึ่ง ๖ เดือนจะหมุนเวียนครั้งหนึ่ง เพื่อป้องกันการสร้างอิทธิพลในพื้นที่ พอเปลี่ยนคนใหม่เราก็ต้องไปทำข้อตกลงกันใหม่ ถ้าไม่สามารถให้เขาได้ตามที่เรียกร้อง เขาจะสั่งปิดด่านไปเลย

อย่างด่านเจดีย์สามองค์ปิดมาตั้งแต่สมัยนายกรัฐมนตรีทักษิณหลุดจากตำแหน่ง อย่างด่านแม่สอดพ่อค้าแม่ค้าฝั่งไทยฝั่งพม่าต้องช่วยกันเรี่ยไร ๖๐ ล้านบาทไปให้แม่ทัพภาค เขาถึงยอมเปิดตลาดให้ค้าขาย ทางด้านเกาะสอง ระนอง เรี่ยไรกัน ๓๐ ล้านบาท เพื่อขอเอาเรือไปทำประมง ปรากฏว่าไปช้า ให้ไปแค่ ๒ เดือนแม่ทัพภาคก็ย้าย คนใหม่มาบอกว่าไม่รู้เรื่องด้วย ถ้าอยากทำประมงเอามาอีก ๓๐ ล้านบาท..!"

เถรี
16-06-2017, 17:39
"เหตุที่รัฐบาลกลางต้องเอาใจขนาดนั้น เพราะกลัวว่าทหารจะรวมหัวกันปฏิวัติ เลยต้องปล่อยให้เขาหาประโยชน์ให้เต็มที่ เราจะสังเกตว่าถ้ามีการทะเลาะเบาะแว้งกันระหว่างไทย-พม่าเมื่อไร คุณต่อสายตรงรัฐบาลย่างกุ้งได้ เส้นใหญ่ขนาดไหนเรื่องก็ไม่จบ แต่ถ้าคุณสามารถเข้าถึงแม่ทัพภาค คุยกันรู้เรื่อง จะจบเดี๋ยวนั้นเลย เพราะว่าแต่ละภาคของเขาไม่จำเป็นต้องฟังรัฐบาลกลาง

ดังนั้น...ถ้าอาตมาเป็นแม่ทัพภาค ๓ ที่ดูแลทางเหนือ ก็โน่นเลย เดินข้ามท่าขี้เหล็กไปจับเข่าคุยกันเลย รับประกันว่าวันเดียวรู้เรื่อง เพราะว่าทหารเขาให้เกียรติกัน เป็นการสร้างเครดิตและเส้นสายข้ามประเทศ เผื่อว่าตัวเองโดนปฏิวัติจำเป็นต้องหนี จะได้อาศัยเส้นสายในต่างประเทศหนีไปพึ่งเขาได้

ถ้าหากว่าเดินข้ามฝั่งไปคุย การจับฆาตกรฆ่าหั่นศพนี่เรื่องเล็กเลย คุยตอนนี้จบ คาดว่าอีกไม่เกิน ๒ ชั่วโมงก็ส่งผู้ร้ายข้ามฝั่งมาให้แล้ว"

เถรี
16-06-2017, 19:46
มีโยมมาขอรับวัตถุมงคล พระอาจารย์กล่าวว่า "จะเล่นของแพงก็มีอยู่สองอย่าง อย่างแรกคือต้องรู้คุณค่าจริง ๆ เอาไปใช้เอง อย่างที่สองก็คือต้องมีที่ให้ผ่องถ่ายเพื่อเอากำไรได้"

เถรี
19-06-2017, 08:45
พระอาจารย์กล่าวว่า "สมัยที่อาตมาเป็นเจ้าคณะตำบลชะแล เขต ๒ ประชุมลูกคณะสั่งว่าให้ตีกลองเพลทุกวัน ในช่วงเข้าพรรษาให้ตีกลองตีระฆังย่ำรุ่งย่ำค่ำทุกวัน เขาถามว่าทำไมต้องทำด้วย ? อาตมาตอบว่า “เป็นการประกาศพระศาสนาอย่างหนึ่ง คนได้ยินจะนึกถึงพระ นึกถึงวัด ต่อให้ไม่เข้าใจก็ยังคิดถึงวัดอยู่”

อย่างสมัยอยู่เกาะพระฤๅษีเปิดเสียงตามสายตามเวลา ไม่กี่วันเท่านั้นแหละ คนงานมอญพม่า ๓๐-๔๐ คนเอาเสียงตามสายของวัดเป็นหลักเลย พอเวลาเสียงตอนเที่ยงดัง เขาวางงานหมดเลย บางทีหัวหน้างานบอก “เฮ้ย...ยังไม่ได้เวลาพัก” เขาบอกว่า "เสียงหลวงพ่อดังแล้ว" เป็นเครื่องยืนยันให้เขาได้ โดยเฉพาะของเรารักษาเวลาตรงเป๊ะทุกวัน"

เถรี
19-06-2017, 08:50
พระอาจารย์กล่าวว่า “วันก่อนที่วัด มีโยมคนหนึ่งไม่รู้ว่าได้เบอร์โทรศัพท์มาจากไหน โทรมาถามว่า “ท่านฉันเพลเวลาไหนเจ้าคะ ?” อาตมาได้แต่นั่งทำตาปริบ ๆ ไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไร เลยตอบว่า “ก็เวลาเพลนั่นแหละ...โยม” ไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรดี ?

บางคำถามทำให้รู้ว่าโยมห่างวัดมากเหลือเกิน ถามว่าฉันเพลเวลาไหน มีบางคนเห็นหลังเพลแล้วไปเดินตรวจวัดอยู่เขาก็ถามว่า “ท่านไม่จำวัดหรือ ?” ก็เลยบอกว่าจำได้นานแล้ว

ความจริงฐานะของพระเขายกเอาไว้เท่ากับเชื้อพระวงศ์เลยนะ เพราะว่าเป็นศากยบุตรพุทธชิโนรส เท่ากับเป็นลูกพระพุทธเจ้าที่เป็นเจ้าชาย ก็เลยมีศัพท์ต่างหากในลักษณะของราชาศัพท์ที่ใช้งานไม่เหมือนชาวบ้านทั่วไป

บางคนไม่เข้าใจ แย่งพระพูด อาตมาเจอกับตัวเอง วัยรุ่นผู้หญิงคนหนึ่งขับนิสสันมาร์ชมา น่าจะประมาณเรียนอยู่มหาวิทยาลัยหรือไม่ก็เพิ่งเรียนจบ ตั้งใจจะมาถวายสังฆทาน เจอเจ้าอาวาสพอดี เขาบอกว่า “ท่านเจ้าคะ ช่วยนิมนต์พระให้ ๕ รูปด้วยค่ะ อาตมาจะถวายสังฆทาน” เขาพูดแบบไม่มีเก้อเขินเลยนะ ท้ายสุดอาตมาก็เลยต้องเขินแทน...!"

เถรี
19-06-2017, 09:57
พระอาจารย์กล่าวว่า "ญาติโยมที่อ่านบันทึกการเดินทางไปที่ต่าง ๆ จะเห็นว่า บรรดาเทวดาซึ่งจะเป็นเจ้าที่เจ้าทางหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายหน้าที่มา ให้มาช่วยอำนวยความสะดวกในการเดินทางให้ จะบอกว่าการไปทิเบตในครั้งนี้ ไม่ได้อาศัยเจ้าที่ ไม่ได้อาศัยเทวดา แต่อาศัยหลวงปู่ครูบาไชยวงศ์ เพราะว่าเคยเกิดร่วมกับท่านที่ทิเบตมาหลายชาติ ซึ่งท่านเป็นครูบาอาจารย์ คอยฝึกสอน คอยอบรมมาตลอด ก็ถือว่าหลวงปู่ท่านเป็นเจ้าของพื้นที่

อาตมาเองก็ไปในฐานะลูกศิษย์ของท่าน จึงได้รับความสะดวกสบายอย่างที่นึกไม่ถึง โดยเฉพาะในเรื่องของอากาศ เพราะว่าถ้าดูอุณหภูมิเฉลี่ยช่วงเดือนพฤษภาคมของทิเบตอยู่ที่ ๕ - ๗ องศาเซลเซียส แต่ว่าตอนที่อาตมาไปถึง อากาศ ๑๙ องศาเซลเซียส อากาศใกล้เคียงกับทองผาภูมิมาก ตลอดระยะเวลาที่อยู่ที่ทิเบต อากาศก็อยู่ที่ ๑๘ - ๑๙ องศาเซลเซียสทุกวัน

ทันทีที่ลงมาซีหนิงโยมเปิดอินเตอร์เน็ตดู ปรากฏว่าอากาศที่ทิเบตลดลงไปเหลือ ๑๑ องศาเซลเซียสแล้ว ยังไม่รู้เลยว่าตอนที่กลับมาเมืองไทยแล้วเหลือเท่าไร ?

มีญาติโยมบางท่านบอกอาตมาไปไหน ไปทำเขาเสียของอยู่เสมอ ขอยืนยันว่าอาตมาไม่ได้ทำ อาตมามีหน้าที่แค่ไป ที่ทำให้เสียของก็เป็นความเมตตาของบรรดาเจ้าที่หรือท่านที่มาสงเคราะห์"

เถรี
19-06-2017, 16:12
ถาม : ถ้าเรามีอะไรกับแฟน เราผิดศีลไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าไม่ได้รับอนุญาต ผิดทุกรูปแบบ

ถาม : มีลักษณะความผิดแบบหยาบ กลาง ละเอียด ไหมครับ ?
ตอบ : ผิดทุกระดับ

เถรี
19-06-2017, 16:16
ถาม : คำว่า โสรัจจะ หมายความว่า เรามีหน้าตาแช่มชื่นแจ่มใสหรือครับ ?
ตอบ : ไม่ได้เกี่ยว โสรัจจะ เป็นความสงบเสงี่ยมเจียมตน เหมือนเป็นผู้น้อยอยู่ใต้ชายคาบ้านเขา ไม่ก้มหัวให้เขาก็ไม่ได้ พูดง่าย ๆ คือมีความอดทนอดกลั้นจนเป็นปกติ ในเมื่ออดทนอดกลั้นจนเป็นปกติ ก็กลายเป็นบุคลิกลักษณะเฉพาะตน

ถาม : อย่างขันติล่ะครับ ?
ตอบ : ขันติ อดทนต่อความยากลำบาก โสรัจจะ ส่วนใหญ่จะอดทนต่อแรงกดดันที่มีต่อตัวเองหรือภายในใจ เอาเป็นว่าถ้าให้คุณสงบปากสงบคำได้ ก็เรียกว่าโสรัจจะ คุณต้องทนมากไหมล่ะ ?

ถาม : ผมก็คิดว่าหน้าตาแช่มชื่นแจ่มใส ?
ตอบ : โบราณเขาเรียกว่าน้ำขุ่นอยู่ใน น้ำใสอยู่นอก ทำไปแล้วเกิดประโยชน์มากกว่าโทษ ถ้าไม่ไปชักสีหน้าใส่คนอื่นเขา ก็ไม่ต้องสร้างศัตรู

เถรี
19-06-2017, 20:09
ถาม : การเจริญปัญญาจะมีหัวข้อที่ผมคุ้นเคย เช่น หลักไตรลักษณ์ การพิจารณาขันธ์ ๕ มีหัวข้อเยอะ ผมควรจะเอาอันไหนเป็นหัวข้อหลักครับ ?
ตอบ : ข้อไหนข้อหนึ่งก็ได้ ให้ทำจริง ๆ ละเอียดขึ้นไปถึงที่สุดก็จบได้เหมือนกัน

เถรี
19-06-2017, 20:14
ถาม : วิธีการตัดขันธ์ ๕ ในชีวิตประจำวัน หรือมีเหตุการณ์อะไรเข้ามา พอจะยกตัวอย่างได้ไหมครับ ?
ตอบ : ไม่จำเป็นต้องยกตัวอย่าง เจออะไรไม่ดีก็ให้รู้ว่าที่มาเจอเพราะว่าเราเกิดมามีร่างกายนี้ ถ้าไม่เกิดมาอย่างนี้ก็ไม่ต้องเจอ

ถาม : อย่างนี้การพิจารณาร่างกาย ก็คือพิจารณารูปขันธ์ ?
ตอบ : ใช้คำว่ารูป คำว่าขันธ์เอาไปทำส้นอะไร ? ใช้ตัวมึงนั่นแหละ..!

เถรี
19-06-2017, 20:19
มีโยมเอารูปพระอาจารย์มาถวาย ท่านจึงกล่าวว่า "เอากลับไปแล้วอย่าทำมาอีก อาตมาไม่เคยอนุญาตให้ใครทำรูปตัวเอง มีประกาศไว้ชัดเจนในเว็บวัดท่าขนุน"

เถรี
19-06-2017, 20:23
ถาม : การพิจารณาขันธ์ ๕ ?
ตอบ : ทุกอย่างเป็นทุกข์ ไม่มีอะไรเป็นเราเป็นของเรา ก็แค่นั้นเอง

ถาม : แค่นี้หรือครับ ?
ตอบ : แล้วจะเอาอะไรอีกวะ ?

ถาม : แล้วรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ?
ตอบ : รวมแล้วเป็นตัวเอ็งตัวนี้ไหม ?

เถรี
19-06-2017, 20:44
ถาม : การที่เราจะบรรลุธรรมได้ ถือศีลอย่างเดียวได้ไหมครับ ?
ตอบ : ศีล สมาธิ ปัญญา ไม่มีทางอื่น ไม่มีการต่อรอง

ถาม : ไม่ว่าจะเป็นสายที่...?
ตอบ : สายไหนก็ต้องผ่านตรงนี้ทั้งนั้น ไม่ครบไม่จบ..!

เถรี
19-06-2017, 21:01
ถาม : ผมไม่แน่ใจว่าเป็นกรรมอะไร มีปัญหากับ.... ?
ตอบ : ไปสนใจทำไมว่ากรรมอะไร ?

ถาม : ต้องแก้ไขอย่างไรครับ ?
ตอบ : เรื่องกรรมเก่าแก้ไม่ได้อยู่แล้ว ทำกรรมใหม่ให้ดีไว้ เดี๋ยวก็ดีไปเอง

ถาม : ศีล สมาธิ ปัญญา หรือครับ ?
ตอบ : ใช่...เป็นบุญใหญ่ที่สุด ที่จะช่วยให้กรรมบรรเทาลงได้ง่ายที่สุด

เถรี
19-06-2017, 21:13
ถาม : ....(ไม่ชัด).....
ตอบ : ถ้าเอาเวลาที่นั่งคิดคำถามไปภาวนา ตอนนี้ถ้าไม่บรรลุก็ใกล้เคียงแล้ว...!

ถาม : ถ้าเรายังขยันในพุทธานุสติ ธัมมานุสติ สังฆานุสติ ...(ไม่ชัด)...
ตอบ : เหมือนกับคนอยู่กลางทะเล กูก็ลอยคออยู่เฉย ๆ ไม่คิดจะไปไหน ก็มีแต่จะจมตายไม่ช้าก็เร็ว เปลี่ยนความคิดไปเป็นการกระทำซะ จะได้เห็นผล

เถรี
20-06-2017, 22:19
ถาม : ถ้าผมจะนำเงินในบาตรวิระทะโยมาบูชาวัตถุมงคลจะได้ไหมครับ ?
ตอบ : ผิดเจตนา เพราะว่าเงินวิระทะโยหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านให้เป็นค่าอาหารพระ แต่ถ้าตราบใดที่ยังเป็นเงินเราอยู่ก็เป็นสิทธิ์ของเราในการใช้ แต่ถ้าหากว่าไม่ทำผิดได้ก็จะดี

เถรี
21-06-2017, 08:34
ถาม : เฉโก แปลว่าอะไรคะ ?
ตอบ : เฉโกแปลว่าฉลาด แต่ว่าเป็นความฉลาดแบบแกมโกง

ถาม : เป็นภาษาอะไรคะ ?
ตอบ : เป็นภาษาบาลี เฉโก กุสโล โกวิโท แปลว่าฉลาดเหมือนกัน แต่ฉลาดคนละอย่าง กุสโลคือฉลาดในการทำความดี เฉโกคือฉลาดในการทำความชั่ว โกวิโทคือฉลาดในการใช้ปัญญามองเห็นเหตุการณ์ต่าง ๆ อย่างกระจ่างแจ้ง ฟังแล้วก็ไม่เข้าใจใช่ไหม ?

ถาม : กำลังเลือกว่าอยู่สามอย่าง จะเป็นแบบไหนดีคะ ?
ตอบ : ไม่ต้องเลือกหรอก ทุกคนมีทุกอย่างนั่นแหละ เพียงแต่จะเลือกใช้ในสถานการณ์ไหน

เถรี
21-06-2017, 08:44
ถาม : กราบลาครับ เดี๋ยวจะไปทำพิธีถอนอาถรรพ์เมรุครับ จะรื้อสร้างใหม่ ?
ตอบ : เป็นคนอื่นเขากลัวเผ่นกันหมดแล้ว ใช้คาถาถอนโบสถ์นะ ถ้าชอบแบบลำบากก็น้ำมนต์ธรณีสาร

เถรี
21-06-2017, 10:11
พระอาจารย์ให้โอวาทพระที่ไปปฏิบัติศาสนกิจที่ต่างประเทศมา "มีอยู่ส่วนหนึ่งที่วัดไหน ๆ ก็มีเหมือนกันก็คือการกระทบกระทั่งกันเอง ตัวกระทบกระทั่งกันเองบางทีเจ้านายต้องไม่รู้ไม่ชี้ ต้องบอกว่า "แกล้งโง่ไม่เป็นก็เป็นใหญ่ไม่ได้" พอมีการกระทบกระทั่งก็เป็นหน้าที่ของ ๒ คน ต้องไปเคลียร์กันเอง ถ้าไม่ทำให้งานส่วนรวมเสีย คนเป็นเจ้านายก็ต้องทำไม่รู้ไม่ชี้

แต่บางทีเราอาจจะคิดว่าอะไรวะ ? ทำไมเจ้านายไม่ช่วยเราเลย...ไม่ใช่นะ ถ้าท่านลงมาจะกลายเป็นเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เรื่องแบบนี้ถ้าเราไม่เข้าใจก็กลายเป็นน้อยใจไปเลย จำไว้ว่า “ไม้สูงกว่าแม่ มักแพ้ลมบน” เด่นขึ้นมาเมื่อไรโดนทุกทีแหละ แต่จำเป็นต้องเสียสละ อย่างที่ภาษิตจีนเขาบอก “เราไม่ลงนรกแล้วใครจะลงนรก” ไม่อย่างนั้นก็ไม่มีคนทำงาน

ผมเองสมัยอยู่วัดท่าซุงผมเก็บของรอเลย วันไหนโดนไล่ออกก็พร้อมที่จะไปอย่างเต็มใจเลย แต่ตอนนี้ขอทำให้เต็มที่ก่อน ของบางอย่างต้องการคนเสียสละ ไม่อย่างนั้นมัวแต่ รักษาตัวเองอยู่ ไม่กล้าชน งานส่วนกลางก็ไปไม่ได้ ต้องไปชนเอง ไม่อย่างนั้นที่ผมพูดมาบางทียังไม่เข้าใจหรอก"

เถรี
21-06-2017, 16:50
ถาม : ทำอะไรไม่ค่อยได้ดี จนรู้สึกว่าเราต้องเสียสละอย่างเดียว ?
ตอบ : ธรรมดา ค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไป เดี๋ยวสละมาก ๆ เข้าก็ได้ไปเอง แรก ๆ ก็ยัง “เสียสละ” อยู่ พอทำใจได้ก็เหลือแค่ “สละ” คำว่า “เสีย” หายไป พอทำใจได้มากกว่านั้นคำว่า “สละ” ส.เสือก็หล่นหายไปเหลือแต่ “ละ” อย่างเดียวแล้ว

เหมือนกับผม พอถึงเวลาเจ้าคณะอำเภอก็บอก “เออ...เดี๋ยวอาจารย์เล็กจะให้เป็นตำแหน่งนี้นะ” ความจริงแล้วท่านบอกเพื่อให้ผมเฉย ไม่ให้ไปขัดขวางท่าน แล้วท่านก็ตั้งคนอื่นขึ้นไปแทน ผมก็หัวเราะ “เป็นเมื่อไรก็เหนื่อยตายห่... กูไม่ได้อยากเป็นสักหน่อย” จนทุกวันนี้ท่านก็สงสัยว่า อะไรวะ ? ไม่ค้านยังไม่พอ ยังสนับสนุนอีกต่างหาก ใช่...ดันคนอื่นไปเหนื่อยแทนเรา สบายกว่ากันตั้งเยอะ ต้องคิดแบบพระ ก็คือ เราเกิดมาไม่มีอะไร ไม่ได้มาก็เสมอตัว ได้มาก็เป็นกำไรทุกอย่าง

ทำงานแบบนี้มีความดีอยู่อย่างหนึ่ง คือ เห็นกิเลสตัวเอง คราวนี้ก็อยู่ที่ฝีมือว่าเราจะควบคุมมันได้เท่าไร รัก โลภ โกรธ หลง เป็นเรื่องปกติ เพียงแต่ว่าคุมให้อยู่ในมือเรา อย่าให้มันนำเรา

เถรี
21-06-2017, 17:00
ถาม : อาวุโสมากขึ้น ภาระงานก็มากตามไปด้วย ?
ตอบ : อาวุโสได้ก็ต้องเป็นแบบนั้น ต่อไปมีอะไรก็ช่วยหลวงพ่อท่านดูแล ไม่ต้องให้สั่งหรอก โดยเฉพาะการดูแลพระใหม่ ๆ ทำไปเถอะ ตรงนั้นได้ใจคน คือเขาเห็นเราอนุเคราะห์สงเคราะห์ช่วยเหลือเขา ต่อไปเราลำบากอะไร ดีไม่ดีเขาก็ช่วยเราคืนมา ประเภทหนูช่วยราชสีห์

อีกอย่างคือ เป็นงานที่ทำเพื่อพระศาสนา เราไปสงเคราะห์พระใหม่ให้เขาทำตัวสมกับเป็นพระ คนเห็นก็มีศรัทธาเลื่อมใส ศาสนาก็เจริญรุ่งเรือง บางทีเราอาจจะเห็นว่าเป็นงานเล็ก ๆ แต่ไม่ใช่หรอก...เป็นงานใหญ่มาก เพียงแต่ต้องระวังอยู่อย่างหนึ่งก็คือ อย่าไปยุ่งกับเขามากจนเขาเสียความเป็นส่วนตัว ถ้าเขาเสียความเป็นส่วนตัว คนจะเกลียดขี้หน้าเรามากกว่า

เถรี
21-06-2017, 17:23
โดยเฉพาะถ้าตัวเราเป็นแบบอย่างที่ดีได้จะช่วยได้เยอะมากเลย เพราะเราไปสร้างความเลื่อมใสศรัทธาให้กับคนรุ่นใหม่ ๆ เดี๋ยวเขาไปบอกกันปากต่อปาก คนใหม่มาก็วิ่งมาหาเราอีก ไป ๆ มา ๆ คณะอื่นเขาไม่ขออยู่ จะขออยู่แต่คณะ ๑๐

พอนานไป ๆ จะมีคนที่เขาศรัทธาการทำงานของเรา หรือว่าศรัทธาความประพฤติปฏิบัติของเราก็จะมาเกาะกลุ่มด้วย ถึงเวลานั้นต้องบริหารให้ดี ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวจะเหมือนกับว่าตั้งกลุ่มไปเบียด ไปกระทบกระทั่งกับคนอื่นอีก เรื่องพวกนี้ลำบาก เป็นเรื่องละเอียดอ่อน เราไม่คิดแต่คนอื่นดันคิดแทนนี่ยุ่งฉิบหา...เลย

เรื่องบางอย่างสำคัญตรงว่าต้องจับเข่าพูดกัน เคลียร์กันให้เรียบร้อยไปเลย อย่าไปปล่อยให้กินใจนาน ถ้าต่างคนต่างคิด ต่างคนต่างปรุง เดี๋ยวผิดใจกันจริง ๆ อยู่วัดเดียวกันไปผิดใจกันงานส่วนรวมก็เสียหายหมด

เถรี
21-06-2017, 20:00
ถาม : ตอนไปอังกฤษ บางทีเราต้องการปรับเปลี่ยนอะไรให้ดีขึ้นแล้วเขาไม่เข้าใจ เขารักษาแบบเดิม ๆ ไม่ยอมเปลี่ยน ?
ตอบ : ต้องลองคุยกับเขาก่อนว่าเราจะทำอย่างนี้ ๆ จะมีผลดีอย่างนี้ ๆ เขาจะเห็นด้วยไหม ? แต่ว่าส่วนใหญ่แล้วก็คือมักจะมีความคิดอนุรักษ์ คิดว่าของตัวทำดีแล้ว ไม่ค่อยเปลี่ยนตามง่าย ๆ หรอก จนกว่าจะเห็นผลจริง ๆ

ประสบการณ์การทำงานนั้นหายาก ต้องลงไปชนเองแบบนั้นแหละ ต่อไปเวลาเจอปัญหามองปัญหาแตก รู้ว่าต้องทำอย่างไร รู้ว่าต้องทำอย่างนี้จึงจะมีผลอย่างนี้ ถ้าทำอีกอย่างจะมีผลอีกอย่างหนึ่ง เราก็สามารถเลือกที่เหมาะกับเหตุการณ์มากที่สุดได้ แต่ต้องหกล้มหกลุกมาก่อนทั้งนั้น

ถาม : เขาคิดว่าตรงนี้ดีที่สุด ?
ตอบ : ใช่...แต่ว่าดีที่สุดแค่ตรงนั้น

เถรี
23-06-2017, 15:52
ถาม : (ไม่ชัด)
ตอบ : ไม่ต้องทำอย่างไร เพราะว่าเราหลุดไปแล้วเราก็ไปไหนไม่เป็น เปะปะแล้วก็กลับ เพราะว่าใจยังยึดร่างกายอยู่มาก ให้ตั้งใจพิจารณาตัดร่างกายให้ได้จริง ๆ ก่อนที่จะภาวนาให้ตั้งใจว่า ถ้าออกไปเราจะไปกราบพระที่พระนิพพาน แค่นั้นเองแหละ แต่ถ้าหากว่าพิจารณาตัดร่างกายไม่ได้ จะเกิดเหตุการณ์แบบนั้น พอออกไปแล้วก็มืด มืดแล้วก็ไปไหนไม่ถูก เปะปะไปพักหนึ่งแล้วก็กลับดีกว่า ช่วงนี้จะเป็นอยู่นานเลย ลองพยายามใหม่ ขอยืนยันว่าเป็นทุกคน

เถรี
23-06-2017, 15:59
พระอาจารย์กล่าวว่า "ตอนไปทิเบตส่วนหนึ่งที่น่าทึ่ง ก็คือ พระราชวังโปตาลาสร้างมาเป็นพัน ๆ ปีแล้ว มีแค่ดิน หินแล้วก็ไม้ ทุบ ๆ ๆ แล้วก็ก่อเสริมขึ้นมา อยู่ได้อย่างไรกัน แข็งแรงปานนั้น

ทิเบตแทบจะไม่มีต้นไม้ใหญ่ เพราะว่าหน้าดินตื้นมาก ไม้ใหญ่ขึ้นไม่ค่อยได้ แต่ต้นไหนที่ขึ้นได้ก็แกร่งสุด ๆ โตช้า บ้านเราอย่างทองผาภูมิ ฝนดี ๆ ต้นสักโตได้ปีละ ๑ นิ้ว ๑๐ ปี โตได้ ๑๐ นิ้ว ทำไม้หน้าสาม หน้าหก ได้แล้ว ส่วนของทิเบตนี่ ๑๐ ปีโตได้แค่นิดเดียว"

เถรี
23-06-2017, 16:00
ถาม : ควรทำความสะอาดมีดหมอบ่อยแค่ไหน ?
ตอบ : อยู่ที่เราขยัน ใช้ผ้าเปล่า ๆ ก็ได้ แต่ต้องขยันถูทั้งวัน อย่าไปใช้กระดาษทรายและอย่าไปใช้หินลับมีด เพราะว่าจะกินเนื้อมีดไปด้วย

เถรี
23-06-2017, 22:47
ถาม : ทิศทางการเดินจงกรมมีผลไหมคะ ?
ตอบ : ถ้าหากว่าเดินระยะยาวโดยเฉพาะกลางแจ้ง ท่านไม่ให้เดินตรงตะวันตก ตะวันออก

ถาม : เกี่ยวกับแม่เหล็กโลกไหมคะ หรือไม่เกี่ยว ?
ตอบ : แสงแดดจะส่องหน้าทั้งเช้าทั้งบ่าย

เถรี
23-06-2017, 23:26
โยมมารับวัตถุมงคล "สมบัติของคุณหญิงหนีกลับมาหนึ่งชิ้น รักษาไม่ดีเลยหนีกลับมาหาเจ้าของเดิม

ลิงของหลวงพ่อดิ่งอีกตัวหนึ่งน่าจะเป็นของคุณนพรัตน์ ข้าวของสมัยนี้ไว้ใจไม่ได้หรอก มีขาหนีได้...! ถ้าเก็บไม่ดีหนีมาอีกจะไม่คืนแล้วนะ"

เถรี
23-06-2017, 23:35
โยมมาขอคำแนะนำเกี่ยวกับลูกอมหลวงปู่ทิม "อย่าพยายามหา...ลูกอมหลวงปู่ทิมมีอยู่ ๓ ยุค แต่ละยุคหน้าตาเป็นอย่างไรลองไปศึกษาดู อย่าพยายามไปเอามาส่งเดช เล่นยากมาก ถ้าตาไม่ถึงไม่ใช่เราเป็นคนแรกที่โดน โดนกันมาเยอะแล้ว"

เถรี
24-06-2017, 18:52
ถาม : จับภาพพระพุทธรูปเป็นกสิณได้ไหมครับ ?
ตอบ : อยู่ที่เราจะเอา อารมณ์ไหนก็ได้ เขาให้ใช้พระที่ชอบที่สุดเพื่อให้ติดตาได้ง่ายที่สุด

ถาม : สามารถจับหลายสีได้ไหมครับ หรือเอาสีใดสีหนึ่ง ?
ตอบ : เอาสีเดียว ถ้ายังไม่มีความชำนาญ อย่าจับกรรมฐานหลายกอง ไม่มีทางสำเร็จ

เถรี
24-06-2017, 21:25
ถาม : (คาถาปฏิภาณ)
ตอบ : คือจะใครมาอย่างไรเราก็แถข้างไปได้ อาตมาก็เลยไม่กล้าใช้ เพราะปกติก็ถนัดแถอยู่แล้ว เคยได้ยินที่เพื่อนพระเขามาถกวิจัยกัน ปรากฏว่าแต่ละคนไม่เหมือนกันสักบท เพราะว่าต้องบอกทีเดียว แล้วคนฟังต้องหันหลังเดินจากไปเลยจึง ฟังชัดบ้างไม่ชัดบ้าง มั่วกันไปหมด โชคดีที่อาตมาไม่ได้รับการถ่ายทอดมา ไม่อย่างนั้นก็คงจะมาอีกสายหนึ่ง

ถาม : จากไหนครับ ?
ตอบ : มาจากหลวงพ่อวัดท่าซุงนั่นแหละ ท่านบอกว่าใช้ตอนเทศน์ ไปฟังเขาถกกันว่าอย่างนั้น ๆ ห้ามจดด้วยนะ ให้จำอย่างเดียว ฟังดูแล้วไม่ได้ตรงกันสักบท

ถาม : แล้วหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านเรียนจากไหนครับ ?
ตอบ : น่าจะตอนเรียนเทศน์กับหลวงพ่อพระครูโวทานธรรมาจารย์ วัดดาวดึงสาวาส

เถรี
24-06-2017, 22:00
ถาม : ร่างของลามะที่มรณภาพแล้วไม่เน่า เขาหุ้มทอง ?
ตอบ : เหมือนกับกะไหล่ทอง ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาหุ้มกันอย่างไร

ถาม : (ไม่ชัด)
ตอบ : ไม่ใช่ เป็นความรู้เฉพาะของทางด้านเขา

ถาม : (ไม่ชัด)
ตอบ : ไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะว่าในทิเบตวัดสำคัญ ๆ มีไม่กี่วัด แล้ววัดที่เขาทุ่มเทกำลังใจให้หลัก ๆ เลยก็คือวัดโจคัง ถ้าบ้านเราประชากรพุทธทั่วประเทศช่วยกันทุ่มเทให้วัดพระแก้วก็เลี่ยมทองได้ทั้งวัดเลย ฉะนั้น...หลังคาทองคำของวัดโจคังอาตมาดูแล้วก็เลยไม่ตื่นเต้น

เพียงแต่ว่างานฝีมือของเขาแต่ละอย่างสุดยอดจริง ๆ นอกจากจะเก่าจริง ฝีมือละเอียดลออแล้ว ส่วนประดับต่าง ๆ ไม่ว่าจะปะการัง งาช้าง เทอร์คอยส์ มูลค่ามหาศาลมาก เป็นเรื่องอัศจรรย์ตรงที่ว่า อยู่บนที่สูงขนาดนั้นกลับมีปะการัง เป็นการยืนยันว่าก่อนหน้านี้ทิเบตอยู่ใต้ทะเลมาจริง ๆ

เพียงแต่ว่าอำพันทางด้านของทิเบตอาจจะเกิดอยู่ใต้ชั้นหินแล้วมีแรงกดดันมาก สีไม่เหมือนกับอำพันทางด้านยุโรป ทางยุโรปจะเป็นสีส้มใส ๆ ทางด้านนี้จะเป็นเหลืองทึบ คราวนี้พอเหลืองทึบเราไม่เคยชินเลยตรวจไม่ได้ว่าเป็นพลาสติกหรือเปล่า

เถรี
25-06-2017, 08:51
ถาม : ขออนุญาตถามครับ ?
ตอบ : ขออนุญาตฟุ้งซ่านครับ...! บอกตรง ๆ แบบนี้เลยดีกว่า

ถาม : ถ้าเวลาที่เรารู้สึกว่ามีรูปร่างเงา ๆ เกิดขึ้น ถือว่าเป็นนิมิตหรือไม่ครับ ?
ตอบ : ดูว่าเรื่องที่ท่านบอกกล่าว สามารถพิสูจน์ได้ในระยะสั้นได้หรือไม่ ? ถ้าสามารถพิสูจน์ได้ในระยะสั้น ๆ ก็พิสูจน์ว่าตรงตามนั้นหรือเปล่า ? ถ้าหากว่าตรงตามนั้นครั้งแรก พอครั้งที่ ๒ ก็ไม่แน่ว่าจะใช่ ต้องละไว้ในฐานที่เข้าใจเสมอว่า เราจะไม่เชื่อทีเดียวทั้งหมด รับทราบไว้ด้วยความเคารพ รอเวลาว่าจะเป็นไปตามนั้นหรือเปล่า

ครั้งที่ ๑ ถูก ครั้งที่ ๒ ถูก ครั้งที่ ๓ ถูก ก็อย่าเพิ่งเชื่อว่าครั้งที่ ๔ จะถูก

ถาม : ทำไมจะต้องมีการผิดพลาด ?
ตอบ : การทดสอบมีอยู่ตลอดเวลา ไม่ใช่ผิดพลาด เขาตั้งใจหลอกเลย โดนเมื่อไรแล้วจะรู้

ถาม : มีการให้ประโยชน์หลาย ๆ ครั้งจนติดใจ แล้วก็หลอกหรือครับ ?
ตอบ : ถึงเวลาจากเทวดาเราจะกลายเป็นหมาโดยไม่รู้ตัว ? โดนจนเจ็บช้ำน้ำใจเข็ดกันมามากต่อมากแล้ว

เถรี
25-06-2017, 08:55
ถาม : เวลาที่เราไปเห็น กับเราไปรู้จริง เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเราไปเห็น หรือเราไปรู้จริง ?
ตอบ : ให้ทดสอบด้วยตัวเอง บันทึกสิ่งที่เราเห็นเอาไว้ แล้วไปดูด้วยตัวเองว่าเป็นจริงตามนั้นหรือเปล่า

เถรี
25-06-2017, 09:16
ถาม : การที่เรารักษากิเลสไม่ให้กินใจไปเรื่อย ๆ ปัญญาเราจะเปลี่ยนในทางที่ดีขึ้นไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าหากว่ากำลังใจปลอดกิเลส ความแหลมคมว่องไวของปัญญาก็จะมีมากขึ้นไปเรื่อย ๆ แล้วก็จะรู้วิธีว่าจะหลบหลีก จะสู้ จะถอยอย่างไร ที่จะเอาชนะและเสมอตัวโดยไม่แพ้ ส่วนใหญ่พอแพ้แล้วฝ่อไปทุกที

เถรี
25-06-2017, 09:41
ถาม : (การตรงต่อเวลา)
ตอบ : ต้องมีสัจจบารมี ถ้าสัจจบารมีบกพร่องไม่มีทางที่จะตรงต่อเวลาได้ ถ้าหากว่านัดใครแล้วตรงเวลาแปลว่าสัจจบารมีของเขาดีมาก

ถาม : เปรียบเทียบเรื่องสัจจบารมีกับการตรงต่อเวลาอย่างไรครับ ?
ตอบ : คนที่สัจจบารมีเต็มส่วนใหญ่แล้วไปรอเขา ไม่เคยปล่อยให้เขารอ สมัยที่อาตมาเรียนปริญญาตรีอยู่ ที่ชอบใจที่สุดก็คือเพื่อนในห้อง บางคนก็เป็นพระอุปัชฌาย์ บางคนเป็นเจ้าคณะอำเภอ เจ้าคณะตำบล งานท่านมาก พอเจองานช่วงบ่ายซึ่งมีคาบเรียนตั้ง ๖ ชั่วโมง บางทีเหลือเวลาเรียนชั่วโมงครึ่งสองชั่วโมง ท่านก็ยังมาเรียนกัน

ลักษณะนั้นแหละที่สัจจบารมีเต็ม พยายามเคลียร์งานตรงหน้าให้เร็วที่สุด แล้วก็ไปเรียนตามที่ตนเองได้ตั้งใจเอาไว้

ถาม : ถ้าไปสาย ?
ตอบ : ไปสายดีกว่าไม่ไป อย่างน้อย ๆ คนที่ไปสายสัจจบารมีก็ดีกว่าคนที่ไม่ไป

เถรี
25-06-2017, 09:43
ถาม : ญาณ เป็นโลกีย์หรือโลกุตระ ?
ตอบ : ญาณ แปลว่าเครื่องรู้ ถ้าหากว่าผู้รู้ยังอยู่กับโลกียะก็เป็นโลกีย์เหมือนกัน เพียงแต่ว่าญาณบางอย่างเป็นญาณที่ปฏิบัติเพื่อความหลุดพ้น เมื่อหลุดพ้นแล้วเป็นโลกุตระโดยส่วนเดียว

เถรี
25-06-2017, 09:48
ถาม : การรักษากิเลสไม่ให้กินใจตลอดเวลา ?
ตอบ : รักษาไม่ให้กิเลสกินใจ ไม่ใช่ "รักษากิเลส" พูดทีไรใช้คำว่า "รักษากิเลส" ทุกที ดีมากเลย

ถาม : ผมพูดอย่างนี้หรือครับ ?
ตอบ : เออ...! ไปอ่านที่ถอดเทปดูได้ ทุกครั้งที่ผ่านมาคุณ "รักษากิเลส" ตลอด มิน่า...กิเลสถึงได้เจริญงอกงาม เพราะว่าตั้งใจรักษากิเลสมาตลอดนี่เอง

เถรี
25-06-2017, 10:03
ถาม : ถ้ารักษาไม่ให้กิเลสกินใจไปตลอด ญาณจะมาเองหรือครับ ?
ตอบ : ถ้าหากว่าทำถึงที่สุดจะเกิดความรู้ขึ้นมาเอง แต่ถ้าอยากได้ญาณอื่นที่ไม่ใช่วิมุตติญาณทัสสนะก็ต้องฝึก ยกเว้นบุคคลที่มีพื้นฐานเก่ามาก่อน ถ้าใจสงบได้ระดับ ญาณต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นทิพจักขุญาณ ปุพเพนิวาสานุสติญาณ จุตูปปาตญาณ อตีตังสญาณ อนาคตังสญาณ ปัจจุปันนังสญาณหรือเจโตปริยญาณ ตลอดจนถ้าทำถึงที่สุด ยถากัมมุตาญาณจะเกิดขึ้นเองถ้าสมาธิถึง แต่ถ้าหากว่าเป็นวิมุตติญาณทัสสนะนั้น คุณทำสำเร็จเมื่อไรญาณถึงจะเกิด

ถาม : (ไม่ชัด)
ตอบ : ไม่ใช่ อุปจาระยังไม่พอรับประทาน

ถาม : ต้องปฐมฌาน ?
ตอบ : ปฐมฌานก็น้อยไป

ถาม : ในระหว่างวันเขาใช้ตลอด ?
ตอบ : คนที่เขาทำได้เขาใช้ได้ทุกวินาทีที่ต้องการ

ถาม : ต้องทำอย่างไรครับจึงจะได้ ?
ตอบ : อย่างน้อยก็ต้องซักซ้อมการเข้าออกฌานให้ได้ระดับใดระดับหนึ่งทุกเวลาที่ต้องการ โดยเฉพาะถ้าต้องการผลเต็มที่ต้องเป็นฌาน ๔ เท่านั้น

ถาม : ฌานสี่ตัดหลับหรือครับ ?
ตอบ : ส้นตีนแน่ะ...! คนจะหลับแค่ปฐมฌานหยาบก็หลับแล้ว

ถาม : หมายถึงว่า....
ตอบ : เขาเรียกว่าใช้ไม่เป็น เข้าไม่ถึง ก็เลยถามมั่วไปเรื่อย

ถาม : ฌาน ๔ ที่จมดิ่ง ?
ตอบ : ไอ้นั่นแค่คุณเข้าใจ ฌาน ๔ จริง ๆ สว่างโพลงเหมือนตะวันส่องอยู่กลางหัว ไม่ใช่จมดิ่ง จมดิ่งนั่นอยู่ในระหว่างฝึก

เถรี
25-06-2017, 19:45
ถาม : ภาวนาพุทโธเพื่อซ้กซ้อมฌานได้ไหมครับ ?
ตอบ : คุณจะฝึกอะไรก็ได้ ซักซ้อมการเข้าออกฌานให้ได้ทุกเวลาที่ต้องการ แต่พอเผลอเมื่อไรกิเลสก็จะกินใจเรา ฉะนั้น...ต่อให้คุณไม่ได้เข้าฌานอยู่ ถ้ากิเลสมาต้องเข้าได้ทันที เพื่อที่จะหลบหลีกไปก่อน

ถาม : (ไม่ชัด)
ตอบ : อุปจารสมาธิหลวมเกินไป ประมาทเกินไป ถ้ากิเลสมาหนักหน่อยก็หงายท้องไปเลย ขนาดปฐมฌานยังอาศัยไม่ค่อยจะได้เลย เพราะว่ากำลังน้อยไป เอาราคะกับโทสะไม่อยู่

เถรี
25-06-2017, 19:47
ถาม : มีวิธีฝึกปัญญาไหมครับ ?
ตอบ : ต้องถามว่าปัญญาระดับไหน สุตมยปัญญา จินตามยปัญญา หรือภาวนามยปัญญา คุณเลิก “คิดว่า” “คาดว่า” แล้วไปทำให้ได้เสียดีกว่า

เรื่องของการปฏิบัติไม่ใช่การมาตีสำนวนแล้วไปเอาชนะคะคานกัน แต่เป็นการทำเพื่อให้ได้ผลจริง ๆ ถ้าทำไม่ถึงแล้วมัวแต่ไป “คิดว่า” “คาดว่า” “แสดงว่า” “หมายความว่า” อยู่ ยังใช้ไม่ได้สักอย่าง

เถรี
25-06-2017, 19:51
ถาม : การรู้เห็นที่ถูกหลอก ทำอย่างไรจึงจะรู้ตัว ?
ตอบ : ต้องโดนบ่อย ๆ โดนบ่อย ๆ แล้วจะเกิดความชำนาญว่าอันนี้โดนหลอกแล้ว

ถาม : เพราะว่าคนโดนไม่รู้ตัว ?
ตอบ : ส่วนใหญ่แล้วถึงรู้ก็ไม่ฟังใครหรอก เพราะว่าเขาเห็นเอง เหมือนกับเด็ก เราเตือนว่า “อย่าเล่นมีดนะลูก เดี๋ยวจะบาดมือ” ถ้าไม่เคยโดนบาดก็ไม่ฟังหรอก ยังเล่นไปเรื่อย โดนบาดเมื่อไรเพิ่งจะรู้ อ๋อ...ที่แท้เป็นอย่างนี้เอง แล้วพอไปเตือนคนอื่นต่อ คนอื่นก็ไม่ฟังหรอก

เถรี
25-06-2017, 19:51
พระอาจารย์พูดกับเจ้าอาวาสที่เพิ่งรับตำแหน่งใหม่ "อย่าไปทำงานในลักษณะที่ต้องการให้เขายอมรับ แล้วเราไปทุ่มทำทีละมาก ๆ ลักษณะนั้นเขายอมรับก็จริง แต่เหนื่อยฉิบหา..เลย พยายามทำไปประเภทปีสองปีชิ้นหนึ่งก็ได้ แต่ให้ทำเรื่อย ๆ"

เถรี
25-06-2017, 19:52
:4672615: เก็บตกเดือนมิถุนายน ๒๕๖๐ หมดแล้วค่ะ :4672615:
ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย ทาริกา คะน้า เถรี รัตนาวุธ และเผือกน้อย