PDA

View Full Version : เก็บตกจากบ้านเติมบุญ ต้นเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๐


เถรี
05-02-2017, 09:34
โยมมาถวายสังฆทานคนเดียว ไม่ได้พาครอบครัวมาด้วย "ทิ้งลูกแล้วหรือ ? แสดงว่ามีความก้าวหน้าขึ้น...ใช่ไหม ? นักปฏิบัติถ้าทิ้งลูกได้ ไม่ก้าวหน้าขึ้นก็จะถอยหลังไปเลย ที่ก้าวหน้าขึ้นก็คือ ตัดรักตัดอาลัยได้ ที่ถอยหลังก็คือ ไปคร่ำครวญอยู่นั่นแหละว่าทำไมถึงต้องทิ้งลูก เพราะฉะนั้น...ต้องเดินขึ้นหน้าอย่างเดียว"

เถรี
05-02-2017, 09:54
พระอาจารย์เล่าว่า "ช่วงตรุษจีนอาตมาไปเจริญพุทธมนต์ปิดทองฝังลูกนิมิต ปรากฏว่าเจ้าคณะตำบลทั้ง ๑๐ ท่าน อาตมาอาวุโสเป็นลำดับที่ ๘ แต่โดนถีบขึ้นหน้าไป เพราะเจ้าภาพบอกว่า เปิดการปิดทองฝังลูกนิมิตขอ "ธรรมจักรฯ เต็มบท" ทุกคนถอยหมดเลยอาตมา ก็มานั่งคิดว่า แค่นี้พระใหม่วัดเรายังสวดได้เลย ระดับเจ้าคณะตำบลดันสวดไม่ได้"

ถาม : พระแถวบ้านหนูขึ้นตรง "จาตุมมะหาราชิกา เทวา สัททะมะนุสสาเวสุง ฯ" เขายังสวดกันไม่ค่อยได้เลยค่ะ ?
ตอบ : แสดงว่าเป็นแทบทุกที่ คิดถูกแล้วที่อาตมาเคี่ยวเข็ญพระวัดท่าขนุนไว้ เดี๋ยวนี้หากินไกลแล้วนะ เมื่อวานทางด้านสหกรณ์นิคมทองผาภูมิโผล่มา ขอพระ ๙ รูปทำบุญที่นิคมฯ เพราะฉะนั้น...จะกินไกลไปกระมัง ? นั่นเขตตำบลสหกรณ์นิคม อาตมาอยู่ตำบลท่าขนุน สงสัยว่าจะเจอธรรมจักรฯ อีกเหมือนกัน

คราวนี้ที่สวดยากมาก เพราะว่าท่านที่นั่งข้าง ๆ ท่านสวดเสียงดังมาก แล้วท่านก็ทิ่มผิดอยู่เรื่อย ถ้าสมาธิของเราไม่ดี ท่านทิ่มผิดเราก็จะร่วงตามท่านไปด้วย โบราณเขาบอกว่า "พระต้องมีมนต์ คนต้องมีเงิน คนเขาถึงจะนับถือ" คราวนี้ท่านเป็นพระแต่ไม่ค่อยมีมนต์ คอยจะทิ่มผิดอยู่เรื่อย

เถรี
05-02-2017, 10:02
อีกภาษิตหนึ่งเขาบอกว่า มีเงินเขานับเป็นน้อง มีทองเขานับเป็นพี่ บอกชัดเลยว่าภูมิปัญญาโบราณตกผลึกมาแล้ว ใช้งานได้เลย อย่างที่เขาแซวกันว่า ผ่านด่านตำรวจแล้วบอกว่ากูรวยก็ไปได้แล้ว...! แต่สมัยนี้ถ้าไปบอกว่ากูรวยก็คงโดนจับจะเข้าแก๊งค์ค้ายาเสพติดของไซซะนะ...!

ตำรวจผู้บังคับการปราบปรามยาเสพติดบอกว่า พวกทำลายลูกหลานแบบนี้ต้องเอาให้จนยิ่งกว่าขอทาน ถ้าเอาจริงได้ถือว่าเป็นพระคุณ บ้านเรายาเสพติดทำลายเยาวชนมหาศาล แต่เขาไม่มีความเข้มแข็งของกำลังใจที่จะไปต่อต้าน การต่อต้านอำนาจของยาเสพติดไม่เท่าไรหรอก แต่เขามักจะทนคำพูดของเพื่อนไม่ได้ โดนเขาทำท่าดูถูกขึ้นมาก็เลือดขึ้นหน้า ศักดิ์ศรีขึ้นหน้า ตัวกูของกูขึ้นหน้า กูจะต้องลองให้ได้

สรุปแล้วต้องกลับไปที่สถาบันครอบครัว อย่างอาตมานี่พ่อแม่ย้ำเลย อะไรไม่ดี ถ้าไปทำจะโดนตีไม่เลี้ยง ฉะนั้น..ต้องสอนให้เด็กรู้ผิดรู้ถูกตั้งแต่อยู่ที่บ้าน อาตมาก็เลยทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง เหล้าก็ดื่มไม่เป็น บุหรี่ก็สูบไม่เป็น ไม่ต้องไปพูดถึงยาเสพติดเลย

สถาบันครอบครัวในปัจจุบันล่มสลายตั้งแต่ผู้หญิงออกไปทำงานนอกบ้าน พอผู้หญิงออกไปทำงานนอกบ้านก็เจ๊งแล้ว ใครจะดูแลลูก ? ก็ต้องพี่เลี้ยง สมัยก่อนลูกเว้าลาวได้ก่อนพูดไทยอีก สมัยนี้ถ้าไม่ใช่พูดพม่าได้ก็ต้องกะเหรี่ยงไปเลย

เขาถามว่าทำไมพระไม่สอนให้เด็กละเว้นยาเสพติด อาตมาบอกว่าไปถึงมือพระก็ไม่ทันแล้ว เพราะอย่างน้อย ๆ กว่าเด็กจะเข้าโรงเรียน ๓ ขวบ ๖ ขวบ พ่อแม่ครูบาอาจารย์ปลูกฝังมาเยอะแล้ว ถ้ายังเอาไม่อยู่ ไปถึงมือพระตอนบวชก็ไม่ทันแล้ว

เถรี
05-02-2017, 10:09
ถาม : ปรึกษาเรื่องลูก โดนเพื่อน ๆ แย่งขนมกิน ประเภทรุมกันกิน จนลูกต้องวิ่งหนี แต่เพื่อนก็วิ่งตามมาขอ ?
ตอบ : บอกลูกสิ หัดตั้งกติกาให้เพื่อนบ้าง บอกว่า "ถ้าใครแย่งจะไม่เอามาให้อีก...!" อยู่ที่เรา ต้องสอนวิธีที่ดีสำหรับลูก ก็คือ ชี้ทางออก บอกทางถูก

ถาม : ตอนนั้นเห็นคิดไม่ทันว่าจะบอกลูกอย่างไรค่ะ ?
ตอบ : ไม่เป็นไร ค่อย ๆ คิด ถ้าคิดไม่ทันก็ถามเลยว่า "ลูกมีวิธีแก้ไขไหม ไหน...ลองบอกแม่มาซิ ?"

เถรี
05-02-2017, 12:40
ถาม : รูปนี้คล้ายพระเจ้าตากสินตัวจริงไหมครับ ?
ตอบ : เกือบจะใช่ ถ้าอยากได้รูปพระเจ้าตากสินที่คล้ายมาก เอารูปคุณสมบัติ เมทะนีไปนี่ใกล้เคียงเลย นึกไม่ออกใช่ไหมว่าท่านจะหล่อปานนั้น ? รูปที่วาดนั่นหน้าตาเจ๊กชัด ๆ ลองนึกถึงตอนที่ท่านเป็นทหารแล้วไปไหนกับรัชกาลที่ ๑ คนเขาคิดว่าเป็นพี่น้องกัน

ถาม : พระเจ้าตากสินเป็นคนจีนไม่ใช่หรือครับ ?
ตอบ : เป็นคนจีน แต่แม่เป็นไทย แม่ชื่อนางนกเอี้ยง พ่อเป็นนายอากร เปิดบ่อนเก็บเงินเข้าหลวง

เถรี
05-02-2017, 12:47
พระอาจารย์กล่าวว่า "คุณชยาคมน์แก้ไขปัญหาบ้านเติมบุญจนไม่มีเวลาส่งวัตถุมงคลให้โยม ฉะนั้น...ใครที่ได้รับวัตถุมงคลในเว็บพลังจิตช้า โปรดทราบ...คุณชยาคมน์มัวแต่เอาเวลามาทุ่มเทแก้ไขปัญหาบ้านอยู่นั่นแหละ พอแล้ว...ไม่ต้องแก้มาก"

เถรี
05-02-2017, 13:09
พระอาจารย์กล่าวว่า "ถ้านึกถึงหลวงพ่อกวย ต้องนึกถึงหลวงปู่เจี๊ยะคู่กันไป หลวงพ่อกวยกับหลวงปู่เจี๊ยะอาศัยการทำงานสร้างสมาธิ

หลวงพ่อกวยนั่งเสก นั่งเป่า นั่งถักเชือกไปเรื่อย วันหนึ่งหัวไม่วางหางไม่เว้นหรอก ทำเช้ายันค่ำ หลวงปู่เจี๊ยะถ้าไม่กวาดวัด ไม่ทำทางเดินจงกรม ไม่หาบน้ำไปราดทางจงกรม ท่านก็นั่งตีขวาน คนเห็นว่าท่านเป็นพระวัดป่า แต่ไม่ค่อยจะเข้าที่จงกรม ไม่ค่อยเข้าที่ภาวนา ประเภทนั้นถ้าไปคุยกับหลวงปู่เจี๊ยะ ท่านว่า "ไอ้โง่แบบนี้ไม่ต้องมาคุยกับกูเลยนะ"

หลวงปู่ท่านเดินจงกรมตั้งแต่ค่ำยันสว่างดันไม่เห็น มาเห็นตอนท่านทำอย่างอื่น ไปถึงก็ไปถาม "ตีขวานนี่ใช่กิจของสงฆ์หรือเปล่า ?" หลวงปู่เจี๊ยะบอกว่า "ทำไมจะไม่ใช่กิจของสงฆ์ ? ก็กูเป็นสงฆ์ สงฆ์ตีกับมือเองแท้ ๆ จะไม่ใช่กิจของสงฆ์ได้อย่างไรวะ ?" พวกโง่นี้ต้องไปเจอหลวงปู่เจี๊ยะ เสียดาย..ท่านมรณภาพไปแล้ว โดนสวนกลับแต่ละดอกนี่หงายท้องเลย

หลวงพ่อกวยท่านนั่งลบผง เขียนยันต์ ม้วนตะกรุด ถักตะกรุด ไม่มีใครว่า เห็นว่าเป็นเรื่องที่พระทำได้ พอไปเห็นหลวงปู่เจี๊ยะตีขวาน ดันบอกว่าไม่ใช่กิจของสงฆ์"

เถรี
05-02-2017, 13:14
ถาม : ขวานใช้แทนมีดหมอได้ไหมคะ ?
ตอบ : ถ้าของหลวงปู่เจี๊ยะก็ใช้แทนไปเถอะ แต่จริง ๆ แล้วท่านทำเพื่อให้เอาไปใช้งานจริง ๆ ท่านทำเพื่อเอาสมาธิแบบเดียวกับเดินจงกรม แต่แทนที่จะไปยกหนอ ย่างหนอ เหยียบหนอ ท่านก็ไปตีขวานโป้ง ๆ แทน เพียงเอาสติจับไปด้วยเท่านั้น

ฉะนั้น...ใครที่บอกว่าไม่มีเวลาภาวนา ต้องดูหลวงปู่สองรูปนี้ ท่านไม่ค่อยได้ไปนั่งสมาธิเฉย ๆ เหมือนคนอื่นหรอก แต่ท่านทำงานไป ภาวนาไป

เถรี
05-02-2017, 13:35
พระอาจารย์กล่าวว่า "ช่วงที่ผ่านมาได้ยินว่ามีโยมผู้ชายบางคนไปตามตื๊อโยมผู้หญิงที่มาทำบุญที่นี่ เขาบอกว่าตามจนน่าเกลียด สำหรับอาตมาถือว่าโง่มาก จำไว้เลยว่า "ถ้ามึงเห็นว่าผู้หญิงสวย รับรองว่าไปไม่ถึงมือมึงหรอก คนอื่นเอาไปแดกหมดแล้ว..!" ไม่ได้ดูตาม้าตาเรือเลย

อาตมาที่รักษาตัวเองรอดมาจนถึงทุกวันนี้ เพราะว่าเวลาเห็นสาวแก่แม่หม้ายหน้าตาพอไปวัดได้ จะนึกอยู่อย่างเดียวว่า "เมียเขา" จบเลย

เอ็งไปทำให้เขาดูถูกไปถึงครูบาอาจารย์เสียด้วยซ้ำไป ว่าอบรมแบบไหนถึงได้ไปตามตื๊อเขา จนกระทั่งเขารู้สึกเหมือนกับว่าไปคุกคามทางเพศ ยังจะหวังเผื่อฟลุกใช่ไหม ?"

เถรี
05-02-2017, 13:46
"สมัยอาตมายังเรียนทหารอยู่ เพิ่งจะทราบว่าผู้หญิงหลายคนด้วยกันไปเสียท่าเพื่อนฝูง ต้องบอกว่าเป็นเพราะคิดไม่เป็น พวกบรรดานักเรียนนายร้อยเขาเรียนเก่ง พวกผู้ชายที่เรียนเก่งเพื่อนผู้หญิงมัธยมก็เกาะไม่ทิ้งแล้ว โดยเฉพาะถ้าสอบเข้านายร้อย นายเรือ นายเรืออากาศได้ ว่าที่คุณหญิงชัด ๆ ใครจะไปปล่อยให้หลุดมือมา

แต่ก็มีผู้หญิงมากต่อมากด้วยกัน พอเห็นเขาเป็นนักเรียนนายร้อยก็แถเข้าไปหา ประเภทแพ้เครื่องแบบ ไม่รู้ว่าเดินผ่านยามจะเดือดร้อนหรือเปล่า...!

เพื่อนอาตมาบางคนสั่งทำแหวนรุ่นครั้งหนึ่ง ๑๐ กว่าวง ไปคิดว่าตัวเองมีแหวนรุ่นอยู่แล้วเท่ากับเขาหมั้นหมาย คิดโง่ ๆ ชัด ๆ..! สรุปว่าโดนเขาหลอกกินไปไม่รู้ตั้งเท่าไร ฉะนั้น...อนุญาตให้ใช้สูตรเดียวกับอาตมาได้ ถ้าเห็นผู้ชายหน้าตาพอไปวัดไปวาได้ นั่นแหละ "ผัวเขา"

เถรี
05-02-2017, 14:39
"ถามว่าจะหาคู่อย่างไร ? รอพ่อแม่ดูให้ ย้อนกลับไปใช้วิธีโบราณที่สุด ผู้ใหญ่เขามีประสบการณ์มากกว่า ดูคนเป็น โอกาสผิดพลาดมีน้อย

ตอนที่รักใคร่ชอบพอกันก็หน้ามืดตาลาย เอาแต่สิ่งที่ดีที่สุดมาให้เขาเห็น ในเมื่อเอาสิ่งที่ดีที่สุดให้เขาเห็น ก็ต้องกลบสิ่งที่ไม่ดีเอาไว้ มีใครเกิดมาประเภททำดีตั้งแต่ลืมตาดูโลก ? ก็ต้องมีข้อบกพร่องทั้งนั้นนั่น เป็นเบื้องหลัง

คราวนี้คนรักใคร่ชอบพอก็อยู่ในระหว่าง "ทำดีอวดกัน" เขาถึงได้บอกว่า อยากได้อะไรให้รีบขอตอนเป็นแฟน รอให้แต่งงานไปกลายเป็น "ของตาย" ขออะไรไม่ค่อยได้หรอก"

ถาม : หมดโปรโมชั่น ?
ตอบ : เดี๋ยวนี้โปรฯ สั้นเสียด้วย ต่างคนต่างอยู่ในวัยใกล้เคียงกัน ประสบการณ์ก็มีพอ ๆ กัน ฉะนั้น...โอกาสที่จะแทงหวยถูกก็ยาก ส่วนใหญ่ระยะหลังเราจะเห็นว่าการหย่าร้างมีสูงมาก แม้กระทั่งบรรดาดาราเดี๋ยว ๆ ก็เตียงหัก คราวหน้าก็ซื้อเตียงที่แข็งแรงหน่อยสิ...!

เถรี
05-02-2017, 14:50
ต้องไปฟังเพลง "ได้หมดถ้าสดชื่น" น้องเจนนี่บอกว่า กูเหลือทน กูก็ไปหาผัวใหม่เหมือนกัน ไปกินเหล้ากับเพื่อน แต่ไม่ให้กูไปด้วย แปลว่าอะไร ? เจอสาวใต้อาละวาดเข้า ที่ขำ ๆ ก็คือ แม่เจ้าประคุณขบเขี้ยวเคี้ยวฟันร้องเพลง แต่ก็น่ารักดี

เถรี
05-02-2017, 18:55
ถาม : สำหรับสามเณรที่เรียนพระปริยัติธรรม ฆราวาสควรจะถวายสิ่งใดที่เหมาะควรแก่สมณสารูปของสามเณร แต่เป็นสิ่งที่ฆราวาสนึกไม่ถึง จึงไม่ค่อยมีคนถวายครับ ?
ตอบ : เงินเดือนสักเดือนละหมื่นต่อรูป ยังไม่มีใครถวายเลย...!

เถรี
05-02-2017, 18:55
ถาม : คนที่โดนวิชากะเหรี่ยง เอาดวงชะตาตอกตะปูฝังไว้ในต้นไม้ แล้วให้ต้นไม้โตจนปิดรอยฝังมิด จะแก้ไขได้อย่างไรบ้างครับ ?
ตอบ : ถากเอาตรงนั้นออกมาหรือไม่ก็โค่นทิ้งไปทั้งต้นเลย..!

เถรี
05-02-2017, 18:56
ถาม : มีวันหนึ่งผมไปนั่งเรือดูที่ดิน ขากลับพอกำลังจะขึ้นรถ จู่ ๆ ก็มีลมพากลิ่นปัสสาวะเน่า ๆ แรง ๆ มาปะทะผม จนผมยังนึกว่าใครมาแอบปัสสาวะไว้แถวนี้ พอขึ้นรถกลิ่นนั้นก็ยังติดตัวจนกลับไปถึงบ้าน และกลิ่นกลับยิ่งแรงขึ้น จนผมเริ่มจะเวียนหัว เลยไปถามแฟนว่าตัวผมมีกลิ่นปัสสาวะหรือไม่ แฟนก็บอกว่าไม่มี ผมเลยรู้ตัวว่าวันนี้โดนซะแล้ว เลยไปสวดอาฏานาฏิยปริตร พอสวดเสร็จกลิ่นก็หายไปในทันที

คำถาม คือ วันนั้นผมแขวนพระชนิดออกรบยังได้เลย ทั้งธงมหาพิชัยสงคราม ตะกรุดมหาสะท้อน พระไพรีพินาศ พระคำข้าว พระทรงครุฑ และอีกหลายองค์ ทำไมสัมภเวสียังสามารถเกาะผมได้ ทั้ง ๆ ที่ห้อยพระและปลุกพระแล้วครับ ?
ตอบ : ถ้าวาระกรรมเปิด พระเครื่องเยอะเท่าไรก็ช่วยไม่ได้ ต่อให้ขนมาเยอะกว่านั้น ก็ช่วยไม่ได้เหมือนกัน

เถรี
05-02-2017, 18:57
ถาม : ถ้าเราได้ตั้งสัจจะต่อพระรัตนตรัยว่าจะไม่เพ่งโทษผู้อื่นและตนเอง แต่บางครั้งจิตก็ยังเผลอไปเพ่งโทษผู้อื่นเข้า และมีสติตามรู้ได้ช้าบ้างเร็วบ้าง ถามว่าการเผลอไปนี้ถือว่าเป็นการผิดสัจจะหรือเปล่าคะ ?
ตอบ : ผิด

ถาม : ถ้าผิดต้องทำอย่างไร ?
ตอบ : ต่อไปผิดหนึ่งครั้งก็หยอดกระปุกไปหนึ่งพันบาท ถึงเวลาก็รวมเงินไปถวายพระท่าน ทำเพื่อดัดสันดานตัวเอง

ถาม : เรื่องการเพ่งโทษตนเองต้องทำอย่างไรคะ ถ้าตั้งสัจจะไปแล้ว ?
ตอบ : ก็แค่เลิกเพ่งโทษเท่านั้น

เถรี
05-02-2017, 18:57
ถาม : ปรมาจารย์ตั๊กม้อนั่งสมาธินานเป็นเวลา ๙ ปี ทำได้อย่างไรครับ ?
ตอบ : ก็นั่งทำ...! ถ้าตั้งใจเข้าสมาธิอยู่ด้วยธรรมปีติ อย่าว่าแต่ ๙ ปี เลย ต่อให้เป็น ๑๐๐ ปีก็อยู่ได้

เถรี
05-02-2017, 18:58
ถาม : การถือเอาโดยคิดว่าเป็นของยืม คือ การหยิบไปโดยเจ้าของไม่รู้เรื่อง แต่เราคิดว่าเดี๋ยวจะเอามาคืน พอเราใช้เสร็จก็ไปคืนที่เดิม บางทีเจ้าของพอมาเจอของของตนก็ยังไม่รู้เลยว่าเคยมีคนเอาไปใช้แล้ว แบบนี้ถือเป็นขโมยหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : เป็น...การยืมเจ้าของต้องยินดีและอนุญาตให้เรายืม ไม่ใช่หยิบเอาไปเฉย ๆ ถ้าเป็นพระทำอย่างนั้นมีสิทธิ์โดนอาบัติปาราชิก ขาดความเป็นพระไปเลย เพราะแค่หยิบของเคลื่อนจากที่ก็โดนอาบัติแล้ว

เถรี
05-02-2017, 18:59
ถาม : ถ้าหากผมปรารถนาเป็นอัครสาวกเบื้องขวา แล้วผมจะอธิษฐานว่า ขอให้ผมได้เป็นอัครสาวกเบื้องขวาของพระพุทธเจ้าพระองค์ใดพระองค์หนึ่งได้หรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ได้

ถาม : ถ้าต้องเจาะจงแล้วเกิดว่ามีผู้ที่อธิษฐานเป็นอัครสาวกแบบเดียวกับเรา พระพุทธเจ้าพระองค์เดียวกับเรา ซึ่งมีบารมีพร้อมกว่าเราและได้เป็นอัครสาวกแล้ว เราจะได้ไปเป็นอัครสาวกกับพระพุทธเจ้าพระองค์ใดครับ ?
ตอบ : ก็ไม่ได้เป็นเท่านั้น การอธิษฐานอย่าโง่ไประบุเฉพาะเจาะจง เพราะคนอื่นอาจจะเจาะจงก่อนเราได้ ถ้าเขาเจาะจงก่อนเราและสร้างบุญใหญ่กว่า โอกาสที่เขาจะได้เป็นก็มีมากกว่าเรา เราเองก็หลุดลอยไปเพราะหาที่ลงไม่ได้

เถรี
05-02-2017, 18:59
ถาม : การทำบุญครบรอบ ๗ วัน ๑๐๐ วัน มีความสำคัญกับช่วงเวลาของผู้ตายในเรื่องของรอการตัดสิน หรือเพียงแต่ทำตามประเพณีครับ ?
ตอบ : สมัยโบราณเขารู้อยู่ว่า ก่อนที่จะตัดสินมีระยะเวลาเพียงพอที่จะทำบุญไปให้ได้ แต่ในปัจจุบันส่วนมากโง่จนไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร จึงกลายเป็นประเพณีไปเฉย ๆ

เถรี
05-02-2017, 19:00
ถาม : วรรณกรรมเรื่อง กามนิต วาสิฎฐี เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงสมัยพุทธกาล หรือว่าเป็นเพียงเรื่องที่แต่งขึ้นจากจินตนาการของผู้แต่งที่นึกคิดขึ้นเอง และไม่ได้เป็นเรื่องจริงครับ ?
ตอบ : เคยอ่านหรือเปล่า ? ถ้าไม่เคยอ่านก็ไปอ่าน เดี๋ยวก็รู้เอง

ถาม : ผู้แต่งวรรณกรรมเรื่องนี้เป็นชาวเดนมาร์ก ซึ่งได้รับรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรมด้วย วรรณกรรมเรื่องนี้ได้ถูกยกย่องให้เป็นหนังสือดี ๑๐๐ เล่มที่คนไทยควรอ่าน ได้รับการแปลและถูกนำมาเป็นบทเรียนสำหรับเด็กนักเรียนไทยในโรงเรียน ผมสงสัยว่าเนื้อหาและหลักธรรมต่าง ๆ ในเรื่องนี้ ทั้งภาคบนดิน และภาคบนสวรรค์ เป็นสัจธรรมที่ควรแก่การศึกษาจริงแท้แค่ไหนครับ ?
ตอบ : ไปอ่านพระไตรปิฎกแทนจะได้ประโยชน์มากกว่า

เถรี
05-02-2017, 19:00
ถาม : เราควรฝึกสติระหว่างพูดอย่างไรครับ เพื่อไม่ให้สมาธิที่ฝึกมารั่วไหลออกไปโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว ?
ตอบ : แบ่งกำลังใจเป็นสองส่วน ทำหน้าที่อย่างละครึ่ง สติก็ไม่หลุดไปไหนแล้ว

เถรี
05-02-2017, 19:01
ถาม : ควรทดสอบตัวเองอย่างไรครับ เราจึงจะรู้ว่าเวลาคับขันเราตื่นตกใจกลัวจนขาดสติหรือไม่ โดยที่ไม่ต้องรอให้เหตุการณ์จริงเกิดขึ้นก่อน เพราะผมคิดว่าเมื่อถึงเวลานั้นอาจสายเกินแก้ไข ?
ตอบ : ซ้อมวิ่งตัดหน้ารถไฟความเร็วสูงบ่อย ๆ...!

เถรี
05-02-2017, 19:19
ถาม : เวลาอารมณ์ของผมมีกิเลส แล้วสติรู้ทันว่ากิเลสเข้ามาแล้ว ตอนนั้นผมก็ใช้จิตดูจิต รู้ว่าจิตมีกิเลส ก็รู้แล้วหยุดแค่นั้น หรือเวลาเดิน ๆ อยู่ เจอสาว ๆ ผมก็หันไปมองทางอื่น เพราะรู้ว่าถ้าผมมองสาวสวย ๆ ไป ผมอาจจะฟุ้งซ่านได้ ผมเลยสงสัยว่า เวลามีกิเลสเข้ามา ควรจะใช้กรรมฐานที่เป็นฝ่ายตรงข้ามกับกิเลสนั้น ๆ สู้ เช่น พอโกรธก็ใช้เมตตา หรือควรจะใช้จิตตานุปัสสนากำหนดรู้อารมณ์ของจิตแล้วไม่ไปปรุงแต่งต่อ ควรทำแบบไหนดีกว่าครับ ?
ตอบ : ถ้ารอให้อารมณ์เกิดแล้วค่อยไปสู้ มีแต่ตายคาที่ทุกราย..! วิธีที่ดีที่สุด คือ เช้าขึ้นมาให้ตั้งอารมณ์เราให้สูงที่สุด แล้วใช้สติประคับประคองอารมณ์นั้นไว้ รัก โลภ โกรธ หลง ก็จะเข้ามาไม่ได้เอง

เถรี
05-02-2017, 19:20
ถาม : อาจิณณกรรม คือกรรมที่ส่งผลตอนสุดท้ายก่อนใกล้จะตาย ต่อให้ทำความดีตลอดชีวิต แต่ถ้าอาจิณณกรรมส่งผลสามารถไปลงนรกได้ เหมือนผู้หญิงคนหนึ่งในสมัยพุทธกาลที่ทำความดีมาตลอดแต่ก่อนตายจิตดันเศร้าหมอง หรือต่อให้ทำชั่วตลอดชีวิต ก็พาไปสวรรค์ได้แบบลูกคนรวยคนหนึ่งในสมัยพุทธกาล ตัวผมก็พยายามละความชั่ว ทำความดี แต่ก็ไม่มั่นใจว่าจะไปดีไหม เพราะอาจิณณกรรมจากอดีต หรือจากชาติก่อน ๆ อาจจะส่งผลในชาตินี้ เลยอยากถามว่า ตัวผมไม่ใช่พระโสดาบัน พอจะมีอะไรเป็นหลักประกันไหมครับ ที่จะทำให้อาจิณณกรรมฝ่ายอกุศลไม่ส่งผลตอนตาย เพื่อผมจะได้ตายแล้วไปดี ?
ตอบ : เกาะภาพพระให้ได้ทุกเวลา ตั้งแต่บัดนี้จนกว่าจะตาย

เถรี
05-02-2017, 19:21
ถาม : ความรักในระดับพระพุทธเจ้า หรือพระอรหันต์ที่รักคนไม่มีข้อแม้ ยกตัวอย่างพระพุทธเจ้า ท่านรักพระเทวทัตเหมือนรักพระราหุล ผมสงสัยว่าการจะวางกำลังใจแบบพระพุทธเจ้าได้ ควรคิดแบบไหนครับ ?
ตอบ : ควรไปลองเป็นพระพุทธเจ้าดู...!

เถรี
05-02-2017, 19:23
ถาม : ผมยังไม่เข้าใจเกี่ยวกับการเกิดพระปัจเจกพระพุทธเจ้า หลังจากพระพุทธศาสนาของสมเด็จองค์ปัจจุบันได้หายไปแล้ว ในช่วงระยะเวลาที่รอพระโพธิสัตว์จะตรัสรู้ใหม่ ในช่วงเวลานั้นพระปัจเจกพระพุทธเจ้าท่านสามารถเกิดได้ใช่หรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ท่านเกิดเป็นปกติอยู่แล้ว

ถาม : สมมุติว่ามีพระโพธิสัตว์หรือบุคคลหนึ่งอธิษฐานในชาตินี้ว่า ขอให้ได้ทำทานกับพระปัจเจกพระพุทธเจ้าหลาย ๆ พระองค์ แล้วขอให้ท่านช่วยสอนโลกียสมาบัติ อยากทราบว่าคำอธิษฐานจะเป็นจริงตามอธิษฐานไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าตั้งใจมั่นก็ได้ตามนั้น แล้วจะอธิษฐานไปทำซากอะไร กูก็สอนได้...!

เถรี
05-02-2017, 19:24
ถาม : สมมุติว่าชาตินี้ผมยังไม่ได้ไปพระนิพพาน แล้วอธิษฐานว่าขอให้เกิดเป็นญาติกับพระพุทธเจ้าองค์ถัดไป เพราะว่าอย่างไรพระพุทธเจ้าท่านก็ต้องสงเคราะห์พระญาติ อยากทราบว่าคำอธิษฐานจะเป็นจริงไหมครับ ?
ตอบ : อย่าไปเกิดเป็นพระญาติโง่ ๆ แบบพระเทวทัตก็แล้วกัน..!

เถรี
05-02-2017, 19:26
ถาม : ผมยังไม่เข้าใจเกี่ยวกับการถอดกายในไปเที่ยวสวรรค์ หรือสถานทิพย์ต่าง ๆ ถ้าจะถอดกายในไปเที่ยวต้องฝึกมโนมยิทธิอย่างเดียวใช่ไหมครับ หรือว่าถ้าได้ฌาน ๔ จากกรรมฐานใดกองหนึ่งจะถอดได้เอง ?
ตอบ : สามารถฝึกอภิญญา ๕ ได้ก็ไปได้เหมือนกัน เห็นชัดกว่าด้วย

เถรี
05-02-2017, 19:28
ถาม : ในความเห็นของศาสนาพุทธในการทำทาน คืออย่าให้ตัวเองและคนรอบข้างนั้นเดือดร้อน แต่สมัยพระปัจเจกพระพุทธเจ้า ได้มีสามีภรรยาคู่หนึ่งหาเช้ากินค่ำ ท่านจนมาก ๆ แล้ววันหนึ่งพระปัจเจกพระพุทธเจ้ามาบิณฑบาตกับสามีและภรรยาคู่นั้น และในตอนนั้นถ้าสามีและภรรยาถวาย แปลว่าไม่มีข้าวจะกินแล้วจะต้องทำงานอีกอาจจะตายได้ แต่สามีและภรรยาตัดสินใจถวาย เพราะคิดว่าที่เกิดมาจนเพราะไม่ได้ให้ทาน เลยขอทำบุญดีกว่า หลังจากนั้นก็เกิดเหตุอัศจรรย์เกิดขึ้น สามีภรรยากลับไปตักข้าว พอมาทีนี้ตักเท่าไรก็ไม่มีหมด

ผมเลยสงสัยว่าในความเห็นของศาสนาพุทธ สามีและภรรยาได้ทำถูกต้องไหมครับ เพราะได้ให้ทานที่สามารถทำให้ตัวเองเสียชีวิตได้เลย ?
ตอบ : ทำถูกต้องเพราะกำลังใจของท่านถึง ถ้ากำลังใจห่วย ๆ แบบเอ็งทำก็ไม่ถูก..!

เถรี
05-02-2017, 19:32
ถาม : ปัจจุบันผมอายุ ๒๐ เป็นคนไม่รวยในโภคทรัพย์ แล้วผมอ่านเรื่องพระเจ้าอชาตศัตรูท่านได้เป็นประธานองค์อุปถัมภ์การสังคายนาครั้งแรก แล้วเวลาการสังคายนาครั้งนั้นกินถึง ๗ ปี ทำให้พระเจ้าอชาตศัตรูที่ได้ทำอนันตริยกรรมที่ปกติจะต้องลงนรกอเวจี แต่ท่านลงนรกชั้นที่โทษเบากว่าแทน แล้วการสังคายนาโอกาสจะเกิดขึ้นยากมาก เลยอยากเป็นประธานในทางพระพุทธศาสนา พอจะมีวิธีไหมครับ ?
ตอบ : มี...ทำตั้งแต่เดี๋ยวนี้ก็ได้ ไปขอกับรัฐบาลว่าผมขอเป็นเจ้าภาพสังคายนาพระไตรปิฎก ขอให้รัฐบาลจัดงาน แล้วเรารับค่าใช้จ่ายทุกประเภท..!

การทำสังคายนาครั้งแรก ๗ เดือน ไม่ใช่ ๗ ปี ครั้งที่สอง ๘ เดือน ครั้งที่สาม ๙ เดือน ตัวเลขเรียงกันพอดี ดันไปเพิ่มเวลาให้เป็น ๗ ปี พระตั้งเป็นร้อยเป็นพัน ๗ ปีใครจะไปเลี้ยงไหว ?

เถรี
05-02-2017, 19:34
ถาม : ตามที่ผมได้อ่านเรื่องเล่าต่าง ๆ จากหลวงพ่อตอนไปต่างประเทศ ผมสังเกตว่าพอมีคนเสนอจะทำทาน แล้วหลวงพ่อจะคอยช่วยตบท้ายเงินทำทาน เลยอยากทราบว่า อานิสงส์ที่หลวงพ่อตบท้ายเงินทำบุญ จะเหมือนพระสีวลีใช่หรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ตูไม่ได้สนใจว่าเหมือนหรือเปล่า ? ต้องการแค่ให้ลงบัญชีง่าย ๆ เท่านั้น

เถรี
05-02-2017, 20:36
ถาม : ปัญญาประดิษฐ์ที่ได้เรียนรู้ข้อมูลในพระไตรปิฎกทั้งหมด ได้เรียนรู้ชาดก และคัมภีร์ทางพุทธศาสนาทั้งหมดที่มี ได้เรียนรู้คำบรรยาย เทศนาธรรม และการปฏิบัติกรรมฐานทุกแนวทางของพระพุทธเจ้าและพระอริยสงฆ์ทั้งหมดที่มีการบันทึกไว้ จะสามารถสอนมนุษย์ให้เข้าถึงธรรมได้หรือไม่ครับ ถ้าหากว่าเป็นไปได้ ขอความกรุณาหลวงพ่อช่วยกรุณาชี้แนะแนวทาง หรือข้อควรพิจารณาในการพัฒนาระบบปัญญาประดิษฐ์เพื่อสั่งสอนธรรมแก่ประชาชนในทางที่เหมาะสม ที่ถูกที่ควรให้ด้วยครับ ?
ตอบ : การที่จะปฏิบัติธรรมไม่ว่าจะได้ยิน ได้ฟัง ด้วยวิธีใดก็ตาม ถ้าคนนำไปปฏิบัติ ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ถูกต้องตามแนวทางนั้น ก็จะได้ผลเหมือนกัน

ถาม : สิ่งที่น่ากลัวสำหรับปัญญาประดิษฐ์ที่ผมเห็น คือ ระบบอาจจะสามารถคิดที่จะทำในสิ่งที่ชั่วร้าย (สำหรับมนุษย์) ขึ้นได้เอง โดยที่ไม่มีมนุษย์สั่งการ เช่น การละเมิดศีลพื้นฐานข้อ ๑, ๒, และ ๔ ต่อมนุษย์ โดยคงไม่เป็นบาป และคงไม่อยู่ในกฎแห่งกรรม ที่จะตามสนองกับคอมพิวเตอร์ปัญญาประดิษฐ์นี้ได้
ถือเป็นกรรมของมนุษย์เองฝ่ายเดียวใช่ไหมครับ ?
ตอบ : มึงฟุ้งซ่านมากเกินไปแล้ว...! เรื่องยังไม่ทันจะเกิดดันไปคิด

ถาม : ในอดีตชาตินานมา ได้เคยมียุคไหนสมัยไหนบนโลกมนุษย์ที่มีคอมพิวเตอร์ปัญญาประดิษฐ์เกิดขึ้นมาแล้วบ้างไหมครับ ?
ตอบ : มีแต่อภิญญาที่เหนือกว่าปัญญาประดิษฐ์หลายล้านเท่า

ถาม : ขอความเมตตาหลวงพ่อช่วยเตือนสตินักวิทยาศาสตร์และพวกเราทั้งหลายด้วยครับ
ตอบ : ขอเตือนว่ามึงอย่าฟุ้งซ่านมากนัก...!

เถรี
05-02-2017, 20:42
ถาม : ลุงของผมเป็นคนที่รวยมีฐานะ ลุงมีกิจการหลายกิจการในการดูแลและเป็นเจ้าของ แล้วทีนี้ตัวของลุงจะต้องมีการเสียภาษี และในกิจการหลายกิจการนั้น ก็มีกิจการหนึ่งที่ลุงใช้ชื่อของผมเป็นเจ้าของ ไม่ได้ใช้ชื่อของลุงซึ่งเป็นเจ้าของในความเป็นจริง เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงไม่ต้องเสียภาษีให้กับทางรัฐมากเกินไปตามความคิดของลุง

ในแต่ละเดือนลุงจะต้องมีการเบิกเงินจากบัญชีในส่วนที่ผู้เช่าชำระมาในบัญชี ซึ่งต้องได้รับลายเซ็นของผมเสียก่อนจึงจะเบิกเงินได้ ในตอนเป็นฆราวาสเวลาลุงจะเบิกเงิน ผมก็เซ็นให้ลุงตลอดมา เพราะมีความคิดว่าลุงเป็นคนที่เลี้ยงดูมาตั้งแต่เด็ก แต่ในอีกความคิดก็รู้สึกว่าการกระทำแบบนี้เป็นการอาศัยข้อบกพร่อง หรือช่องว่างทางกฎหมายในการเสียภาษีให้น้อยลง หรือไม่ต้องเสียภาษีเพิ่มขึ้น เป็นการกระทำที่ไม่ตรงไปตรงมา แต่ก็ไม่ได้ผิดกฎหมาย แต่ทีนี้ถ้าเกิดว่า ผมได้มาบวชเป็นพระแล้วลุงต้องการจะเบิกเงินจากบัญชีที่ใช้ชื่อผมเป็นเจ้าของกิจการนั้นทุกเดือน แล้วถ้าเกิดผมในเพศของพระ ได้เซ็นเบิกเงินให้ลุงทุกเดือน แบบนี้ผมจะอาบัติปาราชิกไหมครับ ?
ตอบ : มีสิทธิ์ต้องอาบัติร้อยเปอร์เซ็นต์ โดยมารยาทแม้กระทั่งนักการเมืองอย่างประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ถึงเวลายังต้องโอนกิจการให้คนอื่นก่อนแล้วค่อยรับตำแหน่ง ตัวเองเป็นพระแล้วยังไปทำแบบนั้น ถือว่าหาเรื่องเดือดร้อนเอง

เถรี
05-02-2017, 20:43
ถาม : ถ้าเรามีวัตถุมงคลอยู่ในบ้าน แล้วเราออกมาข้างนอกบ้านแล้วแต่ว่าลืมอาราธนาวัตถุมงคลที่อยู่ในบ้าน ไม่ทราบว่าถ้าเรากำหนดจิตว่าเราอยู่ในบ้าน แล้วกำหนดว่าเรากำลังอาราธนาวัตถุมงคลที่อยู่ในบ้านนั้นให้คุ้มครองบ้านหลังนั้นจะได้หรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ได้...แต่ถ้าวัตถุมงคลอยู่กับบ้าน แล้วอาราธนาให้คุ้มตัวเราที่อยู่ที่อื่นไม่ได้

เถรี
05-02-2017, 20:44
ถาม : ผมมีปัญหาสุขภาพที่รักษาไม่หายอยู่เป็นปีแล้ว มี ๒ เรื่องใหญ่ ๆ ครับ ก็คือ ผมมีอาการเหมือนมีเสมหะติดอยู่ช่วงลำคอตลอดเวลามานานหลายปี ไปหาหมอที่โรงพยาบาลหลายแห่งก็ไม่หาย รู้สึกรำคาญอยู่ตลอดเวลา

และผมนอนกรนอย่างรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นนอนหงาย ตะแคงซ้าย ขวา ทำให้ตื่นขึ้นมาแล้วง่วงทันที คอแห้งผาก และมึนศีรษะตั้งแต่ตื่นนอน หัวใจเต้นแรง อ่อนเพลีย ซึ่งไปทำการรักษาโดยใช้เครื่องช่วยหายใจเวลานอนจากโรงพยาบาลก็ไม่หาย รู้สึกว่าร่างกายไม่ได้พักอย่างเพียงพอจากการนอนมาเป็นปี ๆ ทั้ง ๆ ที่หัวถึงหมอนก็จะหลับทันทีครับ จึงกราบขอคำแนะนำถึงวิธีแก้ไขของหลวงพ่อด้วยครับ

ตอบ : ไปหาพระอาจารย์บ๊ะ ที่วัดโพธิ์ลังกา อำเภออินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี

เถรี
05-02-2017, 20:46
ถาม : พ่อของเพื่อนป่วย ตอนนี้ยังไม่ฟื้น หมอแจ้งว่าม่านตาไม่ตอบสนองและไตไม่ทำงาน สมองตาย รอดูอาการ วันพุธนี้เพื่อนและพี่ชาย จะให้ช่วยถอดเครื่องช่วยหายใจ ผมกลัวว่าจะเข้าข่ายอนันตริยกรรมครับ ไม่รู้จะแก้ปัญหาอย่างไร ?
ตอบ : เราไม่ได้ทำเอง ทำไมต้องไปกลัวด้วย ? คนอื่นอยากทำก็ปล่อยให้เขาซวยไป

เถรี
05-02-2017, 20:51
ถาม : นอกจากการถวายพระไตรปิฎกแล้ว จะยังมีคาถาบทใดที่ช่วยให้ความจำดีครับ ?
ตอบ : ถ้าจะเอาแค่ความจำดี คาถาท่านปู่พระอินทร์ก็พอที่จะช่วยได้อยู่

ถาม : คาถาบทใดที่ช่วยให้ปัญญา ปฏิภาณไหวพริบดีครับ ?
ตอบ : ไม่ได้เรียนมา หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านเคยให้คาถาปฏิภาณกับพระในวัด เป็นคาถาบทเดียวที่อาตมาไม่รับ เพราะปกติก็ตะแบงข้างจนเขารับไม่ค่อยจะไหวกันอยู่แล้ว

ถาม : วัตถุมงคลที่ช่วยให้ปัญญา ความจำดีครับ ?
ตอบ : มี...วัตถุมงคลอะไรที่ต้องให้เราภาวนาเช้ายันค่ำได้ อันนั้นแหละจะช่วยให้ปัญญาดีขึ้น

เถรี
05-02-2017, 20:53
ถาม : คำพูดที่ว่า "งานที่ชอบทำแล้วมักไม่รวย แต่งานที่ไม่ชอบทำแล้วมักจะรวย" เป็นคำพูดที่ถูกต้องไหมคะ ?
ตอบ : ผิดตั้งแต่แรกแล้ว ถ้าคนชอบในงานนั้น ทุ่มเททำงานมีหรือที่จะไม่รวย มีฉันทะ มีวิริยะ มีจิตตะ มีวิมังสา ย่อมประสบความสำเร็จทุกราย

เถรี
05-02-2017, 20:54
ถาม : ถ้าวันหนึ่งหนูปลีกตัวออกมาจากครอบครัว สาเหตุมาจากรองรับอารมณ์จากพ่อไม่ไหวอีกต่อไป แล้วหนูตัดสินใจออกมาหางานทำโดยไม่กลับไปที่บ้านอีก แต่มีการส่งเงินกลับไปให้บ้างและยังคงติดต่อกับคนอื่น ๆ ในครอบครัวยกเว้นพ่อ แบบนี้ถือว่าหนูเป็นลูกอกตัญญูไหมคะ ?
ตอบ : ถือว่าบกพร่องในการทำหน้าที่ของลูกที่ดี

เถรี
05-02-2017, 20:56
ถาม : ในการฝึกมโนมยิทธิเต็มกำลังของทางวัดท่าซุงนั้น ในขณะที่ฝึกพระอาจารย์จะนำคทามาแตะที่ศีรษะของผู้ฝึก เพื่อช่วยผู้ฝึกให้มีกำลังใจมากขึ้น จึงขอกราบเรียนถามว่าจะมีวัตถุมงคลใดบ้าง ที่มีอานุภาพช่วยในการฝึกเช่นเดียวกันกับคทานั้นบ้างครับ ?
ตอบ : ถ้าจะเอาช่วยในการฝึกนั้นยังไม่มี แต่ถ้าจะเอาช่วยในการเรียนนั้นมีอยู่ ลองไปเสิร์ชคำว่า "พระนักธรรม" ดู น่าจะมีบอกเอาไว้บ้าง

เถรี
05-02-2017, 20:57
ถาม : กรรมใดที่ทำให้เกิดโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะครับ และสามารถแก้กรรมนั้น ๆ ได้อย่างไรครับ ?
ตอบ : อย่าไปอยู่ใกล้ผู้หญิงสวย ๆ...!

เถรี
05-02-2017, 21:01
ถาม : พระกริ่งพิชัยสงครามทั้งรุ่น ๑ และ รุ่น ๒ มีอุดกริ่งอักษรขอมตัว "นะ" บ้างหรือไม่ครับ ?
ตอบ : มีอยู่แค่ ๒๗ องค์ แต่เป็นสีเงินล้วน ๆ ถ้าพิจารณาให้ดีจะเห็นว่าเล็กกว่านิดหนึ่ง เนื่องจากว่าทางด้านช่างเอาไปซ่อมแซมแล้วทำพระกริ่งคอหัก ก็เลยทำการหล่อขึ้นมาใหม่โดยใช้องค์เก่าเป็นต้นแบบ ทำให้มีองค์เล็กกว่า ถ้าใครได้ไปก็ถือว่าเฮงมาก

แต่พระกริ่งพิชัยสงครามปลอมในตลาดตั้งแต่เพิ่งจะออก มีทั้งชุบและไม่ชุบ ส่วนใหญ่จะใส่กล่องเป็นของวัดบวรนิเวศวิหาร เพราะฉะนั้น...ใครได้ชุดนั้นไปก็เอาไปเข้าพิธีใหม่ก็แล้วกัน

เถรี
05-02-2017, 21:19
หลายคนตั้งคำถามจะอวดตัวเองซึ่งอาตมาก็ห้ามไม่ได้เสียด้วย ทั้ง ๆ ที่เคยบอกไปแล้ว อีกประการหนึ่งก็คือ ฟุ้งซ่านเกินเหตุ พระพุทธเจ้าทรงให้อยู่กับปัจจุบัน เรื่องทุกเรื่องก็จะจบ แต่มักจะฟุ้งล่วงหน้าไปมาก แต่ละอย่างที่ถามแทนที่จะเป็นประโยชน์ในการปฏิบัติของตนเอง ก็กลายเป็นถามเพื่อรู้เฉย ๆ ซ้ำยังรู้แล้วเอาไปคุยอวดคนอื่น ยิ่งทำให้ฟุ้งซ่านหนักเข้าไปอีก

เถรี
06-02-2017, 09:40
พระอาจารย์กล่าวว่า "จากเดือนที่แล้วมาจนถึงเดือนนี้ อาตมาสอบถามผู้คนที่เดินทางมาถวายสังฆทานและเจริญพระกรรมฐานที่บ้านเติมบุญ เกินร้อยละ ๙๕ บอกว่าสะดวกขึ้น วันก่อนพระอาจารย์ท่านหนึ่งโผล่หน้ามา เรียนถามท่านว่าเดินทางสะดวกขึ้นไหม ? "สะดวกขึ้นครับ" วัดท่านอยู่ฝั่งตรงข้ามนี้เอง วัดบางรักใหญ่ แปลว่าอาตมาคิดถูกที่ย้ายมาตรงนี้ เพราะว่าเกินร้อยละ ๙๕ ใกล้ขึ้น สะดวกขึ้น

แม้กระทั่งคนที่มาไกล ๆ อย่างคณะของ คุณวีรวิทย์ เหล่าวงค์ไทย จากลพบุรี ก็บอกว่ามาสะดวกขึ้น แต่ทางด้านที่มาจากตะวันออก คือ ชลบุรี ระยอง สมุทรปราการ เท่ากับเดินทางข้ามกรุงเทพฯ กันเลย ถือว่าเป็นการพิสูจน์บารมี ดูว่าถ้ากำลังใจเข้มแข็งเพียงพอก็ยังคงมาเป็นปกติ บางท่านท้อถอยไปเสียก่อน ก็ถือว่าบารมียังไม่พอ เป็นสิ่งที่พิสูจน์ได้ในระยะใกล้ ๆ"

เถรี
06-02-2017, 09:57
ถาม : หนูไปนั่งสมาธิ พอกายในออกไปข้างนอกแล้วหาจิตตัวเองไม่เจอ แล้วจะรวมอย่างไร ?
ตอบ : ให้ตั้งใจไว้ตั้งแต่ก่อนภาวนา

ถาม : กลับไปหนูก็ไปทบทวนการดูลมใหม่ เหมือนกับที่ผ่านมาไม่มีสติ และการหายใจผิด ก็เลยไปรื้อใหม่หมดเลย ?
ตอบ : รื้อใหม่หมด เริ่มต้นใหม่ ก็ลำบากหน่อย

ถาม : นั่งแล้ววูบเข้าไป เหมือนไปอยู่กลางบ้าน เข้าไปอยู่ข้างในโล่ง ๆ ?
ตอบ : เหมือนนั่งอยู่กลางบ้านโล่ง ๆ ตั้งใจกำหนดดูกำหนดรู้ไว้ ถ้าอะไรมากระทบเราจะรู้ว่ามาทางไหน จะได้ป้องกันได้ทัน ก็ทำถูกแล้วนี่หว่า..!

ถาม : หนูไม่เคยเป็นแบบนี้ค่ะ ?
ตอบ : เออ...ไม่เคยเป็น หัดเป็นเสียบ้าง ...(หัวเราะ)...

ถาม : นั่งไปเรื่อย ๆ เหมือนกับอยู่ได้ตลอด ไม่เจ็บไม่ปวด ไม่อยากออกไปข้างนอก ?
ตอบ : เฮ้ย ๆ..! กำหนดเวลาไว้ด้วย ไม่อยากออกข้างนอก เดี๋ยวผ่านไป ๓ วัน ๕ วัน คนอื่นจะเอาไปเผาซะก่อน

ถาม : พอนั่งไปเรื่อย ๆ ก็เห็นเยื่อใยของคนค่ะ พอเอาจิตไปจับก็หนัก เห็นว่าที่เรายังเป็นอยู่อย่างนี้ เพราะเราวิ่งไปจับมาเอง ?
ตอบ : คราวนี้ใช่เลย

ถาม : เขาก็อยู่ตรงนั้น แต่เราวิ่งไปจับมาเอง ?
ตอบ : เขาอยู่มาแบบนั้นนั่นแหละ เราดันทะลึ่งไปยุ่งกับเขาเอง วันก่อนก็บอกให้พระที่วัดทำแบบนี้ แต่พระที่วัดท่านบอกว่ายังทำไม่ได้ แค่ไม่ไปยุ่งกับกิเลสเท่านั้น ยากขนาดนั้นเลยหรือ ?

เถรี
06-02-2017, 19:20
ถาม : หนูไม่ได้นั่งสมาธิค่ะ หนูใช้ชีวิตประจำวัน สามารถที่จะไปกำหนดรู้ได้ไหมคะ ?
ตอบ : ได้...พอเราทำถึงตรงนั้นแล้วก็แบ่งสติ คือความรู้สึกส่วนหนึ่งหรือครึ่งหนึ่งก็ได้ เอาไปกำหนดรู้อารมณ์ภาวนาเอาไว้ อีกครึ่งหนึ่งก็ทำหน้าที่ของเราไปเรื่อย ถ้าสติไม่คลายออกจากตรงนั้น รัก โลภ โกรธ หลง ก็กินเราไม่ได้ ทั้งหมดที่เราทำก็จะเป็นแค่กิริยา ก็คือไม่เกิดกรรม เพราะจิตไม่ได้ปรุงด้วย รัก โลภ โกรธ หลง

ถาม : ถ้ามีความรู้สึกสมเพชตัวเองละคะ ?
ตอบ : ธรรมดา บางคนนั่งร้องไห้เลย "ทำไมกูโง่ขนาดนี้วะ ? ตั้งกี่ชาติแล้ว ทำไมแค่นี้ก็หาไม่เจอ"

ถาม : ไม่ใช่คำว่า สงสารค่ะ แต่เป็นสมเพชตัวเองมากเลยค่ะ ?
ตอบ : ธรรมดา

ถาม : ว่านี่เรากำลังทำอะไรอยู่ ?
ตอบ : ระวังเอาไว้...ถึงเวลาถ้าอารมณ์นี้หายไปจะสมเพชตัวเองมากกว่านี้อีก อาตมาเดินตามสาวที่กำลังช็อปปิ้ง เขาซื้อ ๑ ถุง เราก็หิ้ว ๑ ถุง พอเขาซื้อ ๒ ถุง เราก็หิ้ว ๒ ถุง พอสัก ๗-๘ ถุง หันไปดู "นี่กูกำลังทำอะไรอยู่วะ ?" เกิดคำถามนั้นขึ้นมาจริง ๆ ดันเกิดคำถามขึ้นมากลางห้าง โหย..เบื่อสุดชีวิตเลย อยากจะมุดหายไปจากตรงนั้น เดี๋ยวนั้นเลย

ผู้หญิงเขาความรู้สึกไวมาก เขาหันมาถามว่า "พี่เป็นอะไร ?" "ไม่รู้ว่าเป็นอะไร แต่ตอนนี้เบื่อหน้าเธอฉิบหา...เลย..!" เขาก็เลยบอกว่าถ้าอย่างนั้นก็กลับ นั่นลักษณะสมเพชตัวเอง ใช้คำนั้นแหละใช่แล้ว สงสัยว่าเราเองมาทำอะไร ? ทำไมเหลวไหลอย่างนี้ ? แทนที่จะไปนั่งภาวนาหาทางพ้นทุกข์ ดันมาเพลิดเพลินเจริญใจกับอะไรที่ไร้สาระมาก ลองนึกถึงสิ่งที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า เราเหมือนกำลังอยู่บนบ้านที่ไฟไหม้ ยังจะนอนสบายให้ไฟไหม้ตายคาบ้าน แทนที่จะรีบขวนขวายหาทางหนี

เถรี
06-02-2017, 19:25
ถาม : หนูชอบเอาแตงโมไปถวายพระ ก็เลยมีความสงสัยว่าทำไมเรามีความสุขจังเลยกับการที่เราถวายแตงโม ทีนี้ใจก็วิ่งเข้าไปหาว่า หลาย ๆ ชาติเราคงชอบแตงโม เข้าไปรู้ เข้าไปเห็นค่ะ และก็เห็นว่าตัวเองตายอย่างไร
ตอบ : โดนแตงโมทับตาย..! ...(หัวเราะ)...

ถาม : พอไปนั่งสมาธิ อยู่ตรงกลางข้างในบ้าน เห็นตัวเอง เห็นแมว เห็นควาย เห็นผู้หญิง เห็นผู้ชาย เห็นผีเปรต เราเคยเป็นมาหมดแล้ว แล้วเราจะเอาอะไร เป็นความรู้สึกที่สุดของที่สุดเลยค่ะ ?
ตอบ : ยัง..ยังไม่ถึงที่สุด ถ้าถึงที่สุดต้องเข็ด ต้องกลัว อย่างชนิดที่บอกกับตัวเองว่า อย่างไรการเกิดแบบนี้เราก็ไม่เอาอีกแล้ว

ถาม : หนูเลยมาถามหลวงพ่อ ?
ตอบ : ทำต่อไป...มาถูกทางแล้ว เราต้องเบื่อให้ได้ ถ้าไม่เบื่อเราก็จะอยากเกิดอีก ในเมื่อเราเห็นแล้วว่าการเกิดมาไร้สาระแบบนี้ มีแต่ความทุกข์ยากแบบนี้ เราก็ไปพระนิพพานดีกว่า ก็ย้อนมาหาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ของเรา ตั้งใจว่าที่เรารักษาศีลก็เพราะความเคารพใน พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เรารักษาศีลก็เพราะเราจะไปพระนิพพาน

เราทำสมาธิเพราะเราเคารพ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เราทำสมาธิเพราะเราจะไปพระนิพพาน ตอกย้ำตัวเองให้แน่น ย้ำแล้วย้ำอีก ซ้ำแล้วซ้ำอีก จนไม่ต้องไปตอกหัวตะปู ทุกอย่างก็แน่นอยู่ในใจของเรา

ถาม : ชาตินี้หลวงพ่อต้องถีบหนูเข้าพระนิพพานนะคะ ?
ตอบ : ถ้าถีบเอ็งเข้า ก็แปลว่า ข้ายังไม่ได้เข้านะสิ...! ถ้าถีบก็ต้องอยู่ข้างหลัง...ใช่ไหม ? เรื่องอะไรจะไปทำ..!

ถาม : จะทำต่อไปเรื่อย ๆ ค่ะ ?
ตอบ : เออ...ดี...!

เถรี
06-02-2017, 19:39
พระอาจารย์กล่าวว่า "มีใครดูคลิปที่ผู้หญิงถีบเด็กหน้าลิฟต์บ้างไหม ? เด็กน่าจะอายุขวบครึ่งหรือสองขวบ เดินเตาะแตะจะเข้าลิฟต์ ผู้หญิงอีกคนเห็นวิ่งรี่มาถีบเด็กกระเด็นเลย เพราะถ้าเด็กหลุดเข้าไปในลิฟต์ เกรงว่าเด็กจะกดลิฟต์ไม่ได้ ผู้หญิงคนนั้นตัดสินใจเร็วมาก ถีบเด็กกระเด็นไปติดผนัง เด็กลุกขึ้นมาได้ไล่ตีเลย ...(หัวเราะ)... เด็กตัวขนาดนั้น รัก โลภ โกรธ หลง เต็มหัวใจจริง ๆ เดินอยู่ดี ๆ ก็โดนเขาถีบ ไม่รู้เหตุผลอะไร รู้อย่างเดียวว่าต้องเอาคืนให้ได้"

เถรี
06-02-2017, 19:40
พระอาจารย์กล่าวว่า "เราต้องไม่ยินดียินร้ายกับสิ่งทั้งปวง ไม่ว่าสิ่งที่ตาเห็น หูได้ยิน จมูกได้กลิ่น ลิ้นได้รส กายสัมผัส ใจครุ่นคิดอะไรก็ตาม พอรับขึ้นมา อารมณ์ รัก โลภ โกรธ หลง โศกเศร้า เกลียดกลัว ก็เกิดขึ้น ปรุงเมื่อไรก็เจ๊งเมื่อนั้น โดนกิเลสพาไปไกลแล้วก็ยังไม่รู้ตัว"

เถรี
06-02-2017, 19:58
พระอาจารย์กล่าวว่า "เมื่อวานพระครูสมุห์อานนท์ เอาลูกอมที่เข้ามาหลายพิธีแล้วมาให้เสกใหม่ ที่ชอบใจไม่ใช่อะไรหรอก เพราะลูกอมมีผงปถมัง มหาราช อิทธิเจ ตรีนิสิงเห ฯลฯ ครบถ้วนเลย

สมัยนี้พระที่จะไปเขียนผง ลบผง จนกระทั่งเพียงพอที่จะทำได้ก็ลำบาก เพราะผงอย่างที่หนึ่งเขียนเสร็จก็มาปั้นเป็นดินสอ เขียนผงอย่างที่สอง อย่างที่สองเขียนเสร็จก็ปั้นเป็นดินสอ แล้วเขียนอย่างที่สาม จะยากมาก แต่พระครูสมุห์อานนท์อาศัยว่ามีครูบาอาจารย์ดีเยอะ ขอจากองค์นั้นบ้าง จากองค์นี้บ้างเอามาทำ

อาตมาก็เลยให้ไปช่วยทำพระงบน้ำอ้อยพระเจ้า ๕ พระองค์ ด้วยผงยาจินดามณี สำหรับยาจินดามณีจะทำเมื่อไรก็ได้ แต่วัสดุหายากขึ้นเรื่อย ๆ อย่างพวกดอกคราด สมัยที่อยู่เกาะพระฤๅษีใหม่ ๆ มีเป็นตัน ๆ เลย สมัยนี้โดนยาฆ่าหญ้าตายหมด บางคนเรียกผักคราด ผักคราดหัวแหวน ดอกจะเป็นสีทองเล็ก ๆ ประมาณปลายนิ้วมือ เป็นยาชาที่เด็กบ้านนอกจะรู้จัก เวลาปวดฟันเอามาเคี้ยว ๆ อุดไว้ในรูฟันที่ผุ จะช่วยให้ไม่ปวดฟัน"

เถรี
06-02-2017, 20:19
ขณะที่โยมกำลังตั้งหน้าตั้งตาถ่ายรูป ตอนกำลังถวายสังฆทาน พระอาจารย์จึงกล่าวว่า "สมัยที่อาตมาเรียนวิชากับหลวงพ่อฤๅษีฯ ถามหลวงพ่อว่า "ถ้าผมเรียนพวกปืนแตกจะได้ไหมครับ ?" ท่านบอกว่า "ไม่ดี" เรียนถามว่าทำไมครับ ? ท่านว่า "ทำลายทรัพย์สินชาวบ้าน เอาแค่ยิงไม่ถูกก็พอ" "แล้วยิงไม่ออกไม่ได้หรือครับ ?" "ได้...แต่กำลังใจของพวกเอ็งเกินชาวบ้านชาวเมืองเขา ถ้าขืนทำให้ยิงไม่ออกก็เป็นโจรปล้นเขากินหมด" โดนครูบาอาจารย์จำกัดความสามารถ

ไม่ใช่อะไรหรอก....อาตมาเบื่อกล้อง ตั้งใจจะทำให้กล้องถ่ายรูปพัง ดันโดนห้ามเสียนี่..! ...(หัวเราะ)... หลวงปู่เนียม วัดน้อย ใครไปถ่ายรูปท่านก็กล้องพังหมด รูปที่ถ่ายติดท่านสองรูปนั่นท่านมรณภาพแล้ว เขาจึงจับท่านไปถ่ายได้"

เถรี
06-02-2017, 20:27
พระอาจารย์กล่าวว่า "หลวงปู่พูน วัดบ้านแพน เป็นสุดยอดพระเกจิอาจารย์รูปหนึ่ง อาตมาไปพุทธาภิเษกกับท่านทีก็ได้ความรู้เพิ่มทุกที ท่านไม่ปิดบังเลย มีอะไรสอนหมด บอกหมด ท่านไม่หวงวิชา ท่านบอกว่าใครรับได้ก็รับไปเถอะ มัวแต่หวงอยู่ เดี๋ยวข้าตายแล้วก็ทำไม่ได้กัน"

เถรี
06-02-2017, 20:34
ถาม : ไม้กลายเป็นหินได้อย่างไรคะ ?
ตอบ : ว่ากันตามหลักวิชาใช่ไหม ? โดนโคลนทับถมอยู่ แล้วพวกคาร์บอเนตเข้าไปแทนที่เยื่อไม้ ผ่านไปนาน ๆ ก็กลายเป็นหิน

ถาม : แล้วตามหลักเหนือวิทยาศาสตร์ละคะ ?
ตอบ : เหมือนกันนั่นแหละ เพียงแต่ที่เหนือวิทยาศาสตร์จริง ๆ ไม่ใช่ไม้กลายเป็นหิน แต่เป็นคด ก็คือวัตถุที่เกิดขึ้นในธรรมชาติ แต่แปลกไปจากธรรมชาติ

พลังงานต่าง ๆ ในจักรวาลมีสารพัดชนิดนับไม่ถ้วน พลังงานบางอย่างลงไปจับกับวัตถุ ทำให้วัตถุเปลี่ยนแปลงไป เช่น มีการเปลี่ยนรูปร่าง เปลี่ยนลักษณะ เปลี่ยนสีสัน จากที่ไม่คงทนก็กลายเป็นคงทน จากที่อยู่ได้ไม่นานก็กลายเป็นอยู่ได้นาน โบราณเขารู้ก็เลยเสาะแสวงหามา อาศัยพลังงานเอาไว้ป้องกันตัวบ้าง รักษาโรคบ้าง เขาเรียกว่าคด ปัจจุบันเขาเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ทนสิทธิ์ ทางเหนือเรียกว่า ของข่ามของคง คำว่า ข่าม คง ก็คือ อยู่ยงคงกระพันนั่นแหละ โป่งข่าม ก็คือ แก้วที่ทำให้อยู่ยงคงกระพัน

เถรี
07-02-2017, 18:59
พระอาจารย์กล่าวว่า "เสืองาแกะของหลวงพ่อคง วัดวังสรรพรส ตัวนี้ฝีมือแกะของท่านอาจารย์ถนอม โยมจะเล่นของต้องมองให้ออกว่าคนทำแต่ละคนเป็นใคร แต่ถ้ายากขนาดนั้นก็อย่าไปเล่นเลย...ใช่ไหม ? ต้องศึกษาให้ลึกซึ้งพอ แล้วต้องหูหนัก ใจหนัก ไม่ใช่ถึงเวลาเอาไปให้คนอื่นเขาตรวจสอบ เขาบอกว่าไม่ใช่...ของปลอม เท่านั้นแหละฝ่อ เดี๋ยวก็โดนเขาหลอกเอาของดีไปไม่รู้ตัวอีก

อาตมาเจอมาเยอะแล้ว ของเขาเป็นของปลอมทั้งกรุ โอ้โฮ...แต่พูดเสียอย่างกับว่าของเขาเป็นของจริงทุกชิ้น แล้วของเราเป็นของปลอมทุกชิ้น พวกนี้ต้องบอกว่าเป็นเซียนแค่ราคาคุย ไม่ได้มีความสามารถที่แท้จริง หลอกต้มชาวบ้านไปวัน ๆ ถึงเวลาใครเอาของมาก็ช่วยกันแห่ “ไม่ใช่...ผิดพิมพ์ ผิดเนื้อ ทำเสริม ฯลฯ” แล้วแต่เขาจะว่า พอเราหมดกำลังใจ ของราคาเป็นหมื่นเป็นแสนก็ขายให้เขาไปไม่กี่ร้อย

อาตมาเคยเจอมา ของชิ้นหนึ่งซื้อมา ๓๐๐ บาท เอาไปปล่อย ๗ ล้านบาท..! คราวนี้เห็นหรือยังว่าพวกนี้มีจรรยาบรรณตรงไหน ? แทนที่จะให้เขา ๕,๐๐๐ บาท หรือ ๑๐,๐๐๐ บาท ก็ยังไหว แต่ให้เขาแค่ ๓๐๐ บาท แล้วเอาไปปล่อย ๗ ล้านบาท"

เถรี
07-02-2017, 19:01
พระอาจารย์กล่าวว่า "อาตมามัวแต่ตรวจแบบไม้ถือกับกำไลนวหรคุณอยู่ ก็เลยทำให้ลงมาช้า สั่งทำไม้ถือ กำไล และบาตรน้ำมนต์ น่าจะมีไม้ถือกับกำไลเสร็จทันเสาร์ ๕ ที่จะถึงนี้ ส่วนบาตรน้ำมนต์ยังห่างไกลเหลือเกิน แบบยังไม่ได้อย่างใจ"

เถรี
07-02-2017, 19:01
พระอาจารย์กล่าวว่า "พระที่เข้าพิธีพุทธาภิเษกห้ามเอามาทำเป็นพระสังฆทาน เวลายกถวายข้ามหัวไปข้ามหัวมา เดี๋ยวเทวดาท่านจะเหยียบเอา"

เถรี
07-02-2017, 22:38
ถาม : ผมไปเขาคิชฌกูฏ ก่อนหน้านี้ผมดูข่าวเขาสัมภาษณ์เจ้าอาวาสที่นั่น ?
ตอบ : ก่อนหน้านี้ตอนที่หลวงพ่อเขียน วัดกระทิง ท่านยังอยู่ ท่านเป็นประธานจัดงานทั้งหมด ทุกอย่างเรียบร้อยเพราะว่าคนเกรงบารมีของท่าน พอไม่มีท่านนี่ยุ่งอย่าบอกใครเลย อาตมายังมีโอกาสได้ออกร่วมพุทธาภิเษกกับท่าน ถือว่าเป็นโชคดีของเรา พอท่านสิ้นแล้วทางด้านโน้นเหงาเลย

ถาม : ไม่มีบารมีของหลวงพ่อเขียนก็วุ่น ?
ตอบ : จริง ๆ แล้วต้องมีที่พึ่ง และต้องเป็นที่พึ่งที่ทุกฝ่ายยอมรับ ซึ่งหาได้ยาก ชาวบ้านส่วนใหญ่ก็เป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อในพื้นที่

เถรี
07-02-2017, 23:04
ถาม : ที่หลวงพ่อเคยพูดว่า ไม่ติดทั้งดีและชั่ว ?
ตอบ : คุณเคยรู้สึกไหมว่าตัวเราดีแล้ว ? รู้สึกไหมว่าเราดีกว่าคนอื่น ? นั่นแหละ...ติดดีตรงนั้นแหละ ดีกับชั่วเหมือนกับระเบียง ๒ ฝั่ง เรายึดเกาะด้านไหนก็เดินต่อไปไม่ได้ทั้งนั้นแหละ

ถาม : ถ้าเราทำความดีแล้วก็....?
ตอบ : ทำความดีสักแต่ว่าทำ ทำแล้วก็แล้วกัน ส่วนจะได้ดีหรือไม่ได้ดี ดีจะตอบแทนหรือไม่ตอบแทน ไม่ต้องไปใส่ใจ เรามีหน้าที่ทำเท่านั้น

เถรี
07-02-2017, 23:10
ถาม : พระที่แจกเป็นพระปางห้ามญาติหรือคะ ?
ตอบ : ต้องถามคนทำ ทางชมรมโมทนาบุญเว็บพลังจิตเขาทำมาให้แจก ถ้ายกมือเดียวเขาเรียกว่าปางห้ามญาติ ถ้ายก ๒ มือเขาเรียกว่าปางห้ามสมุทร

เถรี
10-02-2017, 09:06
ถาม : อยู่ ๆ มีอาการท้องบวม ไปหาหมอที่โรงพยาบาลไม่เจอโรคอะไรค่ะ แต่ก็บวมขึ้นทุกวัน ๆ ?
ตอบ : มีสองวิธี วิธีแรกไปหาน้ำมันชาตรีของหลวงพ่อวัดท่าซุงมาอธิษฐานกิน วิธีที่สอง รอไปเข้าพิธีเป่ายันต์เกราะเพชรที่วัดท่าขนุน วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๖๐

ถาม : น้ำมันชาตรีนี่ใช้กินหรือทาคะ ?
ตอบ : ทาก็ได้กินก็ได้

เถรี
10-02-2017, 09:06
ถาม : ที่บ้านมีมีดหมอชาตรีหลวงพ่อฤๅษีอยู่ เอามาทำอะไรได้บ้างคะ ?
ตอบ : เอามาถวายอาตมา ...(หัวเราะ)...

ถาม : ไม่ทราบวิธีใช้ค่ะ ?
ตอบ : มีดหมอเขาใช้รักษาโรค ติดตัวเป็นมหาอำนาจ ป้องกันภัย ไล่ผี ฯลฯ

เถรี
10-02-2017, 09:09
ถาม : เมื่อสองเดือนก่อนหนูไปลบหลู่จระเข้ที่เขาสักไว้ค่ะ ?
ตอบ : ไม่มีอะไร ขอขมาครูบาอาจารย์ก็จบ

เถรี
10-02-2017, 09:22
พระอาจารย์กล่าวว่า "ตอนนี้ลูกหมาที่วัดมีถึง ๑๐๐ กว่าตัว ป่วยตายบ้าง รักษารอดบ้าง แต่ละเดือนเสียค่ารักษาเป็นหมื่น ๆ"

ถาม : หมาที่บ้านหายไปสามตัว ?
ตอบ : ไปเอาที่วัด หน้ากุฏิอาตมาอย่างเดียวเฉพาะแก็งค์หมาเด็กก็ ๑๑ ตัวเข้าไปแล้ว จะเอากี่ตัวไปอุ้มได้เลย กำลังวัยรุ่นอยู่พอดี เริ่มไล่กัดคนแล้ว

ถาม : ดิฉันใจหายหมด ที่บ้านโทรมาบอกว่า หมาโดนวางยา อีกตัวหนึ่งหายไป ?
ตอบ : รักษาหมาที่โดนยาเบื่อให้เอาน้ำมันพืชกรอกปากไปครึ่งขวด ง้างปากแล้วก็กรอกลงไปให้อ้วกออกมา

ถาม : สองตัวตายไปก่อน โดนวางยาหนีไม่ทัน อีกตัวเด็กเอาไข่สดกรอกใส่ปาก ?
ตอบ : บางคนก็ไม่หวังดีกับเรา ก็มาวางยาเล่นเรื่อยเหมือนกัน อาตมาเคยเจอมาแล้ว

ถาม : ขอบพระคุณค่ะ กลุ้มใจ ?
ตอบ : ไม่เป็นไร ไปเอาที่วัด ตอนนี้มี ๓๐๐-๔๐๐ ตัว มีปัญญาวางยาเบื่อ เราก็มีปัญญาหามาใหม่ ดูซิว่าใครจะแน่กว่ากัน

เถรี
10-02-2017, 09:29
ถาม : ลูกสาวที่เคยพามาด้วย ตอนนี้เขามีสุขภาพไม่ค่อยแข็งแรง เขาเครียดมาก เหมือนไม่ค่อยมีสติค่ะ ?
ตอบ : พาไปหาหลวงพ่อบ๊ะ ที่วัดโพธิ์ลังกา อินทร์บุรี

ถาม : สติไม่ค่อยปกติค่ะ กลุ้มใจมาก ?
ตอบ : เป็นอะไรไปบอกท่านทางด้านโน้น ไปวันนี้ได้ยิ่งดี แต่ว่าท่านรักษาเฉพาะช่วงบ่ายนะ ประมาณบ่ายโมงเป็นต้นไป เปิดทุกวันไม่มีวันหยุด ยกเว้นว่ามีงานท่านก็มาช้านิดหนึ่ง

เถรี
10-02-2017, 09:45
พระอาจารย์เล่าว่า "สมัยอาตมาเด็ก ๆ เวลาเขามีแห่นาคกัน ผู้ใหญ่ก็บอกว่า "เดี๋ยวไปช่วยแย่งดอกบัวพี่นาคมาให้หน่อย" ถามว่าทำไม ? ท่านบอกว่าจะได้เอามาให้คนท้องต้มกิน จะได้คลอดลูกง่าย อาตมาก็ไปแย่งดอกบัวกับเขากี่ยกต่อกี่ยกก็ไม่รู้ เพราะเป็นเด็กวิ่งง่าย เดี๋ยวบ้านโน้นแต่งบ้าง บ้านนี้แต่งบ้างก็มีแต่คนท้อง ถึงเวลานาคเขาวันทาเสมา พอวางดอกบัวปุ๊บอาตมาก็ฉกปั๊บ ตอนนั้นไม่รู้หรอกว่าติดหนี้สงฆ์ไปแล้ว"

เถรี
10-02-2017, 09:51
ถาม : (ลูกดื้อ)
ตอบ : ดื้อได้ลูก...ไม่เป็นไร แต่พอตายแล้วตกนรก...! ลงไปแล้วโดนนายนิรยบาลเอาเลื่อยมาเลื่อยเป็นท่อน ๆ เจ็บเท่าไรก็ไม่ตาย นี่ยังดีนะ...ไม่ได้กินดอกบัวลงไป ถ้ากินจะดื้อกว่านี้หลายเท่า ไอ้เด็กดอกบัวนี่ฉลาดทุกคน แต่พวกที่ฉลาดมักจะมีวิธีดื้ออยู่เรื่อย...

เถรี
10-02-2017, 21:30
พระอาจารย์กล่าวว่า "การทำงานต้องการคนเสียสละ โดยเฉพาะเสียสละประโยชน์ส่วนตนทำเพื่อส่วนรวม ลักษณะอย่างนี้เป็นกำลังใจของพระโพธิสัตว์ ตัวเองยอมเหนื่อย ยอมลำบากเพื่อให้คนอื่นมีความสุข

คนที่จะทำงานประเภทนี้โดยใจรัก ส่วนใหญ่แล้วถ้าไม่ใช่พระโพธิสัตว์ ก็เป็นอดีตพระโพธิสัตว์ เพราะฉะนั้น...จะทำงานได้ดีกว่าคนอื่นเขา เพราะเคยชินกับการสงเคราะห์คนมาหลายชาติ อาตมาเองก็สงเคราะห์มาจนเบื่อแล้ว แต่ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร เพราะว่าเพื่อนร่วมรุ่นพระอุปัชฌาย์ทั่วประเทศ ๓๒๐ รูป ในส่วนของคณะสงฆ์ส่วนกลาง ๘๔ รูป มีเจ้าคุณ เจ้าอาวาสพระอารามหลวง มีเจ้าใหญ่นายโตเยอะแยะ แต่เขาพากันเลือกอาตมาเป็นประธานรุ่น

เมื่อเช้าต้องไปแสดงพลังของรุ่น ด้วยการสนับสนุนการอบรมของรุ่นน้อง ทำให้มาช้า...เสียเวลาพวกเราไป ๔๐ นาที เพราะว่ามาถึงตรงนี้ ๙ โมง ๑๐ นาทีแล้ว ตอนแรกคิดว่าถ้ารถติดมาก ๆ อาจจะมาไม่ทันเพลเสียด้วยซ้ำไป ปรากฏว่ารถติดขาเข้า ขาออกของเราไม่ติด ขาเข้าติดยาวเป็นกิโลเมตร ขาออกวิ่งสบาย ดูแล้วน่าอิจฉามาก"

เถรี
10-02-2017, 21:31
"เรื่องของการเสียสละเพื่อส่วนรวม นักการเมืองของเราสมควรต้องมีทุกคน แต่ว่านักการเมืองของเราส่วนใหญ่แล้วมีภูมิต้านทานต่ำ คำว่า "ภูมิต้านทานต่ำ" ก็คือ พอ ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข เข้ามา ชื่อเสียงเงินทองเข้ามาก็เริ่มเป๋ จากที่ทำเพื่อความสุขของคนหมู่มาก ทำเพื่อส่วนรวม ก็กลายเป็นทำเพื่อตัวเอง ทำเพื่อพวกพ้อง จะเห็นได้ว่าการเมืองของบ้านเราเจริญยาก

ฝรั่งจัดอันดับการคอรัปชั่นของเราติดอันดับต้น ๆ ของโลก ไม่รู้ว่าจะภูมิใจดีไหม ? วันก่อนเขาก็จัดอันดับประเทศที่สุ่มเสี่ยงต่อการปฏิวัติ ไทยอยู่อันดับที่ ๒ ของโลก น่าปลื้มใจไหม ? ถ้าได้อันดับหนึ่งอันดับ ๑ จะน่าปลื้มใจกว่านี้อีก อันดับ ๑ คือประเทศบุรุนดีที่แอฟริกาใต้ แถวนั้นก็เปลี่ยนชื่อกันบ่อย อย่างแทนซาเนียตอนนี้ก็ไม่มีแล้ว เปลี่ยนชื่อไปเปลี่ยนชื่อมา

จริง ๆ แล้วไม่ต้องไปเปลี่ยนชื่อหรอก ดูอย่างประเทศเราจะเป็นสยามหรือเป็นไทย ถ้าไม่เปลี่ยนความประพฤติของตัวบุคคลก็แค่นั้นแหละ สำคัญตรงที่ต้องเปลี่ยนความประพฤติของตัวบุคคล"

เถรี
10-02-2017, 21:32
"บรรพบุรุษของเราชื่อนายหมา นางแมว ก็สร้างประเทศชาติเจริญรุ่งเรืองดี สมัยนี้ตั้งชื่อวิลิศมาหราเสียจนอ่านไม่ออก บ้านเมืองจึงยุ่งฉิบหา..เหมือนชื่อนั่นแหละ..!"

เถรี
12-02-2017, 19:24
พระอาจารย์กล่าวว่า "สรรพชีวิตในวัฏสงสารทนทุกข์ยากเหลือคณา สารพัดทุกข์สารพัดความเจ็บปวด เหตุที่ทุกข์และเจ็บปวดเพราะคิด ถ้าเลิกคิดก็เลิกทุกข์ แต่บังเอิญว่าคนที่จะมีปัญญาเห็นไปถึงตรงนั้นก็ยากเหลือเกิน

ถ้าโยมสังเกตจะเห็นว่าเพื่อนร่วมรุ่นด็อกเตอร์ที่มาด้วยกัน นั่นรุ่นน้องอาตมาทั้งนั้น แต่ก็เพราะคิดมากนั่นแหละ ถึงได้แก่แซงไปหมดแล้ว ที่หัวล้านนั่นอายุเพิ่ง ๓๘ ปี อาตมาแก่กว่า ๒๐ ปี เพราะฉะนั้นคิดให้น้อย ๆ จะได้ไม่เครียด คนที่ไม่ค่อยเครียดร่างกายก็ทรุดโทรมช้า ไม่ต้องไปหายามากิน ไม่ต้องไปหาครีมมาบำรุง แค่เลิกเครียดก็จบแล้ว

มีพระลูกศิษย์บอกว่า “หลวงพ่อทำได้แล้ว ก็พูดได้สิ” ยังจะเถียงอีก...! ก็พยายามสักหน่อยสิ คนอื่นเขาก็มี ๑๐ นิ้วเหมือนกับเรา เขาทำได้เราก็ต้องทำได้ หรือไม่ถ้าเขาทำได้ เราก็ควรที่จะทำให้ได้ดีกว่า"

เถรี
12-02-2017, 19:25
"อาตมานึกถึงลูกสาว น้องเจนนี่ สมัยยังตัวเล็ก ๆ อายุ ๕-๖ ขวบ ไปเล่นเทควันโด ลงแข่งรุ่น ๙ ขวบ เพราะอายุต่ำสุด แล้วตัวเองก็ ๕-๖ ขวบ ก็ต้องปะทะกับคู่ต่อสู้มีแต่ตัวใหญ่ ๆ กว่าทั้งนั้น สู้แพ้เขาลงมา แต่คนดูปรบมือลั่นสนามเลย

จำไว้ว่า ถ้าแพ้ก็ต้องแพ้ให้คนดูแล้วประทับใจ ประเภทโดนเขาถีบปลิวไปทั้งตัว ถึงเวลาร่วงลงไปกองกับพื้น กรรมการถามสู้ไหม ? สู้..! ไม่มีหนีหรอก พยายามสู้เข้าเดี๋ยวก็ชนะบ้าง ไม่มีใครที่แพ้ตลอดกาลหรอก สำคัญตรงที่ว่าสู้จริงหรือเปล่า ?

ดูพวกคนพิการเขาสิ เห็นเต้นบีบอยด้วย เรามือตีนดี ๆ เต้นได้ไหม ? ฝึกฝน อดทน ตั้งใจจริง ก็สำเร็จทุกคนแหละ ไม่ว่าจะทางโลกทางธรรม เคล็ดลับความสำเร็จอยู่ที่ความอดทนและความเพียรพยายามเท่านั้น"

เถรี
12-02-2017, 19:26
ถาม : (ซ่อมโต๊ะหมู่บูชา)
ตอบ : ก็ว่าทำเสร็จแล้วจะเอาไปตั้งถวายในหลวงรัชกาลที่ ๑๐ ตอนนี้ซื้อพระบรมฉายาลักษณ์กับพานพุ่มสักการะแล้ว ขาดแต่โต๊ะหมู่

ถาม : เดี๋ยวจะเร่งให้ค่ะ
ตอบ : ก็บอกแล้วว่าไม่ได้รีบ เพียงแต่บอกให้รู้ว่าอย่างอื่นเตรียมไว้หมดแล้ว ยกเว้นโต๊ะหมู่ มีของเก่าอยู่ก็ไม่อยากจะซื้อใหม่ ซ่อมของเก่าดีกว่า

พระพุทธเจ้าตรัสว่าตระกูลอันมั่งคั่งตั้งอยู่ไม่ได้นานเพราะ หนึ่ง...ไม่รู้จักรักษาของเก่า สอง...ไม่รู้จักขวนขวายหาของใหม่ สาม...ใช้สินทรัพย์ฟุ่มเฟือย สี่...ตั้งบุคคลทุศีลเป็นผู้นำ เจ๊งแน่นอน เพราะฉะนั้น...ต้องรู้จักซ่อมของเก่า รู้จักสร้างของใหม่ รู้จักขวนขวายหามาให้มากกว่าที่ใช้ ท้ายที่สุดตั้งคนที่มีศีลมีธรรมเป็นผู้นำ ไม่ใช่ตั้งคนที่มีอำนาจเป็นผู้นำ

เถรี
12-02-2017, 19:27
อาตมาดูแล้วก็ขำ "ปรองดองสมานฉันท์" ในปัจจุบันนี้ รู้สึกว่าเขาตีความกันผิดหรือเปล่า ? ปรองดองสมานฉันท์หมายความว่าทุกฝ่ายต้องร่วมใจกันทำ แต่ปรองดองสมานฉันท์ที่รัฐบาลเสนอมา รู้สึกว่าต้องทำตามกูถึงจะใช่ ถ้ามึงไม่ทำตามกูก็ไม่ถือเป็นการปรองดอง แล้วสรุปแล้วว่าใช่ไหม ?

ระยะนี้ทหารเขาเบา ๆ เรื่องปรับทัศนคติไปแล้ว อย่าไปสร้างงานให้เขาเลยนะ อาตมาเองก็ภูมิใจมากเลย มีทหารไปเฝ้าวัดอยู่หนึ่งหมวด เขาให้ความสำคัญกับเราระดับนั้นเหมือนกันนะ ไม่ว่าวัดจะทำอะไร ต้องย่องมาดู ถ่ายรูปไปเพื่อส่งรายงานเจ้านาย

เถรี
12-02-2017, 19:28
จำไว้ว่าคนคิดต่างไม่ใช่ศัตรู คนคิดต่างจะช่วยให้มุมมองเรากว้างไกลขึ้น จะได้รู้ว่าเขาคิดในสิ่งที่เราไม่ได้คิด หรือคิดไม่ถึง ต้องบอกว่าช่วยเติมเต็มภาพพจน์ของเราให้ครบถ้วนสมบูรณ์

ความเป็นประชาธิปไตย คือ การที่หลากหลายความคิดสามารถหลอมรวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้ ถึงหลอมรวมกันไม่ได้ ส่วนใหญ่ต้องการอย่างนั้น ส่วนน้อยก็ต้องเคารพความเห็นของคนส่วนใหญ่ ส่วนใหญ่ก็ต้องให้ความสำคัญต่อความเห็นของส่วนน้อยด้วย เรื่องพูดนี้ใครก็พูดได้ แต่พูดไปแล้วจะมีใครฟัง ?

เถรี
12-02-2017, 20:25
ถาม : ....(ไม่ชัด)...กลับไปอเมริกา ไม่เจอระเบิดสักที ?
ตอบ : ไม่เกิดระเบิดสักทีนะ ดูสถานการณ์ว่าประธานาธิบดีทรัมป์ขึ้นแล้วจะโดนไหม ? หรือเตือนล่วงหน้านานไป ? ที่เตือนล่วงหน้านาน ๆ เพื่อให้มีเวลาขยับขยาย คนอยู่ต่างประเทศเหมือนกับฝังรากลึกไปแล้ว เหมือนกับต้นไม้ที่รากงอกลึกแล้ว ไปโยกย้ายก็ต้องเหี่ยวต้องเฉา ต้องมารอเวลาโตใหม่

ถาม : อยู่เท็กซัส ?
ตอบ : เท็กซัสยิ่งหนักใหญ่ เพราะเขาสร้างรั้วล้อมแม็กซิโกแล้ว อย่างไรถ้าเป็นไปได้ก็หางานทำในบ้านเรานะ เพียงแต่บ้านเรางี่เง่าไปหน่อย อะไร ๆ ก็คอร์รัปชั่นรับใต้โต๊ะกันให้ชุ่ยไปหมด

เรื่องทุกเรื่องรู้มาไม่ใช่จะบอกได้ทั้งหมด โยมก็มักจะถามไปเรื่อย คิดว่าพระบอกได้ทุกเรื่อง อาตมาบอกได้แค่ไม่เกินกฎของกรรม เมื่อไรที่ไปล่วงกรรมคนอื่นตัวเองก็รับไปเท่านั้นเอง เพราะฉะนั้น...ถ้าวาระไม่เปิด วาระในที่นี้หมายถึงว่ากุศลของเขาหรือของบุคคลกลุ่มนั้นมาสนองพอดี เพียงพอที่จะแก้ไขจากร้ายกลายเป็นดี ก็พอที่จะบอกกันได้ เพื่อที่จะให้ระมัดระวัง

แต่บางคนบอกไปก็ไม่มีประโยชน์ เพราะว่าวาระกรรมหนัก ต่อให้รู้ก็ไม่ขยับขยายอะไร ท้ายสุดก็โดนอยู่ดี ส่วนบางคนมีวาระกรรมร่วมกัน ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้อยู่ในเขตนั้น ไม่ได้อยู่ในถิ่นนั้น ยังตะเกียกตะกายเข้าไปให้เดือดร้อนจนได้

เถรี
12-02-2017, 20:38
ถาม : (พระมารายงานเรื่องเรียน) เขาให้ไปญี่ปุ่น ผมไม่อยากไปเลยครับ ?
ตอบ : ไปที่ไหนก็ได้ ไปแต่ละครั้งแล้วก็ได้มุมมองใหม่ ๆ มาเอง ยกเว้นว่าเปลี่ยนมุมไม่เป็น จำได้ไหมที่ผมให้เปลี่ยนมุมในการปฏิบัติธรรม ? ถ้าไม่ได้ฟังก็ไปขอพระวัดท่าขนุนท่านฟัง

เถรี
12-02-2017, 22:21
พระอาจารย์กล่าวว่า "สมาชิกกลุ่มปรนิมมิตวสวัตดีร่วมบุญบูรณะพระเจดีย์วัดท่าขนุน ๒๐,๐๐๐ บาท โมทนานะจ๊ะ แต่จะถามว่ากลุ่มซ้ายหรือกลุ่มขวา ? บนปรนิมฯ มีกลุ่มพญามารกับกลุ่มท่านท้าวปรนิมมิตเทวราช ตั้งกลุ่มต้องวงเล็บไว้ด้วยว่าซ้ายหรือขวา"

ถาม : ซ้ายหรือขวาดีกว่าครับ ?
ตอบ : ดีทั้งนั้น อย่าลืมว่ามารสูงกว่าเทวดานะ ในบาลีท่านว่า เทเวนะ วา มาเรนะ วา พรัหมุนา วา เทวดา มาร แล้วถึงจะพรหม เพราะมารอยู่สวรรค์ชั้นที่ ๖ เป็นชั้นที่สูงสุด ความดีไม่พอก็ไม่ได้อยู่หรอก เพียงแต่เขาทำไปตามหน้าที่เท่านั้นเอง ไปเป็นครูไหวใจร้าย คอยเล่นงานลูกศิษย์ ลูกศิษย์ก็เลยว่าครูใจร้าย หารู้ไม่ว่าถ้าสอบของครูได้จะไม่มีวันตกอีกเลยทั้งชาตินี้และชาติหน้า

ถาม : ทดสอบเกินกว่าเหตุครับ ?
ตอบ : เกินกว่าเหตุตรงไหน ?

ถาม : ตกทุกทีครับ ?
ตอบ : ก็แสดงว่าลูกศิษย์โง่เกินกว่าเหตุ..!

ถาม : มารจริง ๆ ที่ไม่ใช่เทวดามีไหมครับ ?
ตอบ : พวกนั้นไม่ใช่มารพวกนั้นเป็นอสูร นิรยอสุราอยู่ในโลกันตนรก เปตอสุราส่วนใหญ่เป็นพวกกาลกัญจิกเปรต เทวอสุราอย่างพวกอสุรินทราหู เวปจิตตาสูร ฯลฯ พวกอสูรยังแบ่งเป็นหลายระดับเลย พวกระดับมหาอำมาตย์ทั้ง ๘ ของอสูรไปทางไหน ขนาดเทวดาที่ศักดานุภาพน้อยยังต้องหลีกเป็นทาง อย่างเวปจิตตาสูร สัมพรตีอสูร ฯลฯ

เถรี
12-02-2017, 22:42
พระก้มกราบพระอาจารย์ "อยู่คนละทิศคนละทาง แต่อบรมมาจากวัดท่าขนุน ก็แบบเดียวกันนั่นแหละ โยมสงสัยว่าอยู่คนละวัดมากราบพร้อมกันได้อย่างไร ? วัดท่าขนุนมีหลักสูตร ผู้อำนวยการหลักสูตรโหดฉิบหา..! กราบไม่ทันกันก็ด่าเลย ต้องกราบพร้อมกันจนได้ มีเคล็ดลับนิดเดียวคือ เหลือบดูซ้ายขวาหน้าหลัง เขาลงเราลง เขาขึ้นเราขึ้น ก็พร้อมกันไปเอง "

เถรี
12-02-2017, 22:47
ถาม : (ปรึกษาเรื่องที่ผู้ใหญ่บ้านเห็นว่าการสร้างเมรุที่วัดทำให้เกิดมลพิษ) ?
ตอบ : อย่าลืมว่าแต่ละคนมีกุศลของเขาอยู่ จึงขึ้นมาเป็นผู้นำในท้องถิ่นได้อย่างนี้ ในเมื่อกุศลยังรักษาอยู่ก็ปล่อยเขาไป เราก็ภาวนาไปเรื่อย ท่านไม่ให้มุ่งร้าย เรามีหน้าที่ภาวนาก็ขอบารมีสมเด็จพระพุทธพระเรวตทศพลสัมมาสัมพุทธเจ้า ให้ช่วยอนุเคราะห์สงเคราะห์ขจัดปัดเป่าเรื่องร้ายพวกนี้ แล้วก็ภาวนาของเราไป ไม่ใช่ไปคิดให้เขาเป็นนั่นเป็นนี่

เถรี
15-02-2017, 21:35
พระอาจารย์กล่าวว่า "แหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของกาญจนบุรี โดยเฉพาะเขตอำเภอทองผาภูมิ ก็คือ ยอดเขาช้างเผือก เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวไปตกเขาช้างเผือก ป่านนี้ก็ยังเป็นตายเท่ากัน

แหล่งเที่ยวธรรมชาติ โดยเฉพาะการเดินป่า เดินเขา ประมาทไม่ได้ โบราณว่า คืบก็ป่า ศอกก็ป่า คืบก็ทะเล ศอกก็ทะเล หมายความว่าอันตรายมาถึงได้ทุกเวลา เผลอเมื่อไรอันตรายก็มาถึงตัว"

เถรี
15-02-2017, 21:42
พระอาจารย์กล่าวว่า "เสือของหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว แกะออกมาแล้วหน้าตาเหมือนหมา (นักษัตรปีจอ) ของหลวงปู่อ่ำ วัดหนองกระบอกเลย คนเอาไปก็ชอบที่จะเอาไปลงรักเหมือนกัน เราต้องจำหน้าตาให้ได้ ว่าคนละฝีมือช่าง"

เถรี
15-02-2017, 21:45
พระอาจารย์กล่าวว่า "น้ำผึ้งไม่ว่าจะเป็นผึ้งป่าหรือผึ้งเลี้ยงก็มีคุณภาพเหมือนกัน ถึงเป็นผึ้งเลี้ยงก็จริง เขาก็ต้องย้ายรัง เพื่อให้ผึ้งไปเก็บน้ำหวานจากธรรมชาติเหมือนกัน ไม่ใช่ว่าเขาเอาน้ำตาลมาละลายให้ผึ้งกิน

น้ำผึ้งถือว่าเป็นอาหารที่ฟื้นกำลังคนป่วยได้ดีมาก แต่ถ้ากินมากไปก็ร้อนใน เสียงหายหมด"

เถรี
15-02-2017, 22:00
มีโยมเอาเครื่องมือช่างมาถวาย "ทำถูกแล้ว ส่วนใหญ่โยมมักจะถวายหมอน พระก็นอนอย่างเดียวสิ ต้องถวายเครื่องมือทำงาน เห็นบวชนาคแต่ละรายแย่งถือหมอนกัน คราวหน้าเอาพวกจอบเสียม เครื่องมือช่างไปให้เยอะ ๆ นาคจะได้ไม่นอน เอาหมอนไปให้ก็นอนอย่างเดียว

มีนาคอยู่รายหนึ่ง มีสาวถือหมอน ๒๒ ใบ อย่างนั้นบวชครึ่งเดือนก็ยังใช้หมอนไม่ครบเลย"

เถรี
16-02-2017, 15:32
พระอาจารย์กล่าวว่า "ปกติหมอศัลยกรรมที่ศึกษาการศัลยกรรมก็เพื่อช่วยเหลือคนที่ประสบอุบัติเหตุ พูดง่าย ๆ ก็คือ ช่วยให้เขามีหน้าตาเหมือนเดิม แต่สมัยนี้จุดมุ่งหมายเปลี่ยนไป เป็นศึกษาไปเพื่อเปลี่ยนหน้าตาของคน จากการศึกษาแต่แรกเริ่มเพื่อประโยชน์ของคนไข้ กลับกลายเป็นศึกษาเพื่อการค้า

เดี๋ยวนี้ประเทศเกาหลีหรือประเทศไทย แต่ละปีทำเงินจากการศัลยกรรมเป็นแสน ๆ ล้าน อาตมาก็มานั่งคิดว่า คนเรายอมลงทุนเจ็บตัวขนาดนั้น แล้วก็ไปฝืนสิ่งที่พระพุทธเจ้าตรัสว่าฝืนไม่ได้อยู่แล้ว เวลาเห็นคนแต่งหน้าแต่งตา อาตมาจะรู้สึกเหนื่อยแทน ยิ่งอายุมากก็ยิ่งต้องแต่งมาก เพื่อจะให้ดูดีเหมือนตอนสาว ๆ ซึ่งเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว

คำว่า "อนัตตา" มีความหมายหนึ่งว่า บังคับไม่ได้ เราต้องการจะให้เป็นอย่างไรก็ไม่เป็นไปตามนั้น มีอย่างเดียวก็คือเป็นไปโดยธรรมชาติ ถึงเวลาก็แก่ไป ร่วงโรยไป

ถ้าอาตมาสรุปว่าผู้ชายดูดี ดูสวยกว่าผู้หญิง ผู้หญิงจะยอมรับไหม ? เพราะผู้ชายไม่ต้องแต่งหน้า ก็ต้องดูดีแล้วสิ ส่วนผู้หญิงต้องแต่ง ก็คือยังดูไม่ดี...ใช่ไหม ?"

เถรี
16-02-2017, 15:50
"เรื่องกินกับเรื่องสวย ถ้าจำเป็นต้องจ่ายอย่างเดียว ผู้หญิงจะเลือกจ่ายอย่างไหน ? ปัจจัยพื้นฐานในการดำรงชีพก็คือ อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย ยารักษาโรค นอกจากนั้นไม่จำเป็นต้องมีก็ได้ เพราะฉะนั้น...โปรดทราบว่าความสวยมาทีหลัง ถ้าไม่มีกินก็สวยไม่ได้หรอก หน้าเหี่ยวทุกคนแหละ

ถ้าผู้หญิงลดเรื่องการแต่งตัวลงสักครึ่งหนึ่ง แต่ละปีจะมีเงินเหลือเยอะมาก อาตมาขอยืนยัน สมัยอาตมาเป็นฆราวาส มีสาว ๆ หลายคนที่อาตมารู้การกระทำของเขา บางทีก็นึกเสียดาย อย่างเช่น ออกจากบ้านทุกครั้งก็ต้องเดินห้างช็อปปิ้ง แล้วก็ซื้อเสื้อผ้า...ซื้อเสื้อผ้า...ซื้อเสื้อผ้า ซื้อไปก็ไม่ได้ใช้หรอก ซื้อจนเต็มตู้ไปหมด เก่าหน่อยก็โละให้คนอื่น แล้วก็ไปซื้อใหม่ มีอยู่คราวหนึ่งซื้อกางเกงยีนส์มา ราคา ๗๐๐ บาท ใส่ครั้งเดียว ราคา ๗๐๐ สมัยทองคำบาทละสี่พัน..!

อาตมาเชื่อว่าพวกเราส่วนใหญ่ มีเสื้อผ้าใส่สองอาทิตย์นี่ไม่ซ้ำชุดหรอก แต่ก็ยังคงหาอยู่เรื่อย อย่าไปเชื่อกิเลส กิเลสกำลังหลอกเรา...! ดูสิ...นางแบบนายแบบแต่ละคนหุ่นของเขาเป็นอย่างไร ? ใส่ลงไปแล้วสวยมาก เราต้องนึกถึงหุ่นเราด้วยสิ ไม่นึกถึงหุ่นของเราเราเลยนี่หว่า..! เห็นว่าสวยก็ซื้อแล้ว ต่อไปต้องหาดีไซเนอร์สักคนหนึ่งและโมเดลลิ่งสักคนหนึ่ง ที่ทำเสื้อผ้าสำหรับคนอ้วนโดยเฉพาะ น่าจะขายดีมากเลย

บ้านเราตอนนี้คนอ้วน ๓๐ เปอร์เซ็นต์ขึ้นไปแล้ว แปลว่าคนเดินมา ๑๐๐ คน จะมีคนอ้วนอยู่ ๓๐ คน ถ้าเดินมา ๑๐ คน จะมีอย่างน้อย ๓ คนที่อ้วน ซึ่งความจริงไม่มีอะไรหรอก ถ้าเลิกกินพวกน้ำหวานเสียหน่อยก็ไม่อ้วนแล้ว"

เถรี
16-02-2017, 16:01
"พระที่วัดอาตมาฉันข้าวมื้อละสองช้อน ตอนนี้น้ำหนักร้อยกว่ากิโลกรัม..! เพราะว่าตั้งแต่ตอนหลังเพลไปท่านฉันน้ำหวานตลอด บอกเท่าไรก็ไม่ฟัง ห้ามตัวเองไม่ได้ กลายเป็นคนติดหวานไป บอกว่า "คุณดูสิ...หลังเพลแล้วผมฉันอะไรเสียที่ไหน" แต่ท่านก็ทำไม่ได้ ถ้าอย่างนั้นก็จงอ้วนต่อไปเถอะ ใครไปใครมาอาตมาก็ชี้นิ้ว "โน่น..เจ้าอาวาส" อาตมาไม่อ้วนเลยไม่ใช่เจ้าอาวาส

พออ้วนขึ้นมา สุขภาพชำรุดหมด ข้อเข่าเสื่อม หัวใจต้องทำงานหนัก กลายเป็นโรคหัวใจ เบาหวานก็ถามหา อาตมาแนะนำญาติโยมหลายคนไปหาพระอาจารย์บ๊ะ ที่วัดโพธิ์ลังกา อินทร์บุรี ให้ท่านรักษาโรค พอไปถึง ท่านอาจารย์บ๊ะบอกให้ลดน้ำหนัก ถ้าผอมจะไม่เป็นโรคนี้หรอก สรุปว่าโรคที่เป็นอยู่ทั้งหมดเกิดจากความอ้วน

แต่สำหรับโยมหลายคนขาดวินัย การขาดวินัยกับขาดกำลังใจนี่ราคาเท่ากัน การมีวินัยคือการทำอะไรเข้มแข็งจริงจัง คนที่จะทำอะไรเข้มแข็งจริงจัง ต้องมีกำลังใจที่คิดจะทำ อยากจะทำ ญาติโยมหลายคนตั้งใจว่า "เอาละ...ตอนนี้จะลดน้ำหนักแล้ว จะออกกำลังกายแล้ว" ซื้อเครื่องออกกำลังกายไปสองหมื่นกว่าบาท ปัจจุบันนี้เอาไว้ตากผ้าแทบทั้งนั้น

บางคนก็ไปสมัครฟิตเนส เข้าไปได้สองอาทิตย์ อาทิตย์ที่สามเป็นต้นไปก็เลิกเข้า เต้นมาแล้วเหนื่อย เหนื่อยแล้วก็กิน พอกินแล้วไม่เต้นคราวนี้ก็ยิ่งอ้วนเข้าไปใหญ่"

เถรี
16-02-2017, 19:17
"น้องพลอยลูกสาวของอาตมากินกระจาย กินชนิดที่คนอื่นอิจฉา สามารถกินได้มากกว่าโยมสามเท่าเป็นอย่างน้อย เพราะเขาออกกำลังและเล่นกีฬา ต้องใช้งานหนักก็ต้องกินหนัก

ถ้าโยมไปพม่า เวลาซื้ออาหาร ข้าวหนึ่งจานของเขา พอที่เราจะกินได้สองคน ถ้าไปเนปาล จานหนึ่งกินได้สักสามคน อาตมาเจอเข้าไปจานเดียวจุกตาตั้งเลย เพราะเขาเห็นว่าเป็นพระ เขาก็เลยโปะมาให้เป็นพิเศษ แทนที่จะเท่านี้ก็กลายเป็นเจดีย์ไปเลย ทำเอาพระแทบตาย เราไม่ได้ทำงานหนักขนาดเขา กินเท่าเขาไม่ได้ เขาทำงานหนัก เขากินประมาณนั้น เขาเห็นว่าพอดี พอ ๆ กับบะหมี่จับกังเยาวราช บะหมี่จับกังถ้าแยกเอามาขายต่างหากได้ประมาณ ๕ ชาม เพราะคนทำงานหนักต้องกินมากเป็นเรื่องปกติ

ถ้าไม่ออกกำลังกาย เอาแต่กินอย่างเดียว นอกจากอ้วนแล้ว โรคภัยไข้เจ็บยังตามมา สังคมคนอ้วนไม่ใช่สังคมที่น่าปรารถนา เพราะเป็นสังคมของคนเจ็บไข้ได้ป่วย ถ้ารักตัวเอง สงสารตัวเอง เมตตาตัวเอง ก็พยายามลดลงหน่อย

ไม่ต้องลดอะไรหรอก ลดกาแฟ ลดน้ำอัดลม ลดชาเขียว ลดพวกนี้ลง ถ้าลดทีเดียวไม่ได้ก็เหลือตอนเช้า ๑ ตอนบ่าย ๑ เอาแค่นั้นก่อน หลังจากนั้นพยายามกัดฟันฝืนไว้ ตอนเช้าไม่กินไปกินตอนเที่ยง แล้วตอนบ่ายก็ค่อยอด ค่อย ๆ ลดไปจะลดได้ แต่คนที่ใจคอเข้มแข็งเด็ดขาด ตูมเดียวเลิกเลยอาตมาก็เจอมาเยอะเหมือนกันนะ"

เถรี
16-02-2017, 20:36
พระอาจารย์เล่าว่า "มีทิดรุ่นล่าสุดอยู่คนหนึ่งถามว่า “ถ้าผมสึกไปพระอาจารย์จะจำผมได้ไหม ?” เป็นคำถามที่น่าทึ่งมาก ...(หัวเราะ)... ถ้าเอ็งสำคัญพอข้าก็จะจำได้"

เถรี
17-02-2017, 19:50
(หลังจากจารยันต์ให้ลูกศิษย์) “ปกติยันต์เฑาะว์นี่ถ้าไม่ใช่งานเฉพาะแล้วอาตมาจะไม่ใช้ ตั้งแต่อาทิตย์ก่อนโน้น ลูกศิษย์หลวงพ่อพระครูปฐมโชติวัฒน์บอกว่าจะลงเสาเอก เอาไม้มงคลไปให้เจิม ๑๖ ชุด ๑๔๔ อัน ถามว่านี่ตกลงจะทำอะไร ? เขาบอกใส่ทุกเสาเลยครับ เลยถามว่านี่ตกลงบ้านเอ็งมีแต่เสาเอกเลยใช่ไหม ?

เมื่อกี้ตอนกำลังจะเสกพระท่านบอกว่าใส่ได้แล้ว ใส่ก็ใส่ ปกติไม่ค่อยอยากจะใส่ เพราะเป็นงานที่เจ้าของภาระหนัก ยันต์เฑาะว์นี่เหมาะสำหรับพุทธภูมิโดยเฉพาะ ยันต์ ๑ ตัวแทนพระพุทธเจ้า ๑ องค์”

เถรี
17-02-2017, 20:01
พูดถึงพระปิดตาเนื้อเมฆสิทธิ์ หลวงปู่ทับ วัดอนงคาราม "อย่าให้หล่นโดนพื้นแข็ง ๆ นะ แตกเลยนะ เมฆสิทธิ์เมฆพัตร ส่วนผสมหลัก ๆ ก็คือกำมะถัน ทำให้เนื้อกรอบ"

เถรี
17-02-2017, 20:10
พระอาจารย์กล่าวว่า “ครูบาอาจารย์บางท่านนี่ท่านใช้อักขระเป็นบาลีไทยเลย อย่างเสด็จในกรมหลวงชุมพรหรือไม่ก็หลวงปู่ชู ท่านเล่นอักษรไทยแต่ก็เสกขลังเหมือนกัน ฉะนั้น...ไม่ได้สำคัญตรงคาถา สำคัญที่คนเสก สมาธิดี ทำขลัง ทำขึ้น จะเสกด้วยอะไรก็ได้”

เถรี
17-02-2017, 20:20
ถาม : คำว่ายันต์ครูนี่คือยันต์แบบเฉพาะหรือแล้วแต่สายคะ ?
ตอบ : เขาเรียกกันไปอย่างนั้นเอง อาตมาไม่ได้เรียกหรอก คนที่เห็นอาตมาใช้ก็เลยเรียกว่ายันต์ครู อยากจะเรียกอะไรก็เรียกไป

น่าจะเปิดหลักสูตรให้ได้นะ วันก่อนเจอหลวงพ่อพระครูวิสุทธิ์บุญญาคม วัดทินกรนิมิตที่นนทบุรีนี่แหละ ถามว่าหลวงพ่อไม่ได้เรียนต่อหรือครับ ? ท่านบอกว่าเรียนไม่ไหว แก่แล้ว แต่ถ้าหากว่าจะเปิดหลักสูตรพิเศษปริญญาโทระดับเขียนเลขเขียนยันต์แล้วให้บอก ผมจะไปเป็นผู้เชี่ยวชาญพิเศษให้เอง แบบนี้ก็น่าเปิดนะ

บรรดาลูกศิษย์ มจร.ด้วยกันต้องบอกว่าเชื้อสายเดียวกัน มีแนวความคิดดีเหมือนกัน จริง ๆ แล้วต้องเปิดเรียนตั้งแต่ระดับประกาศนียบัตร คือ สอนให้เขียนอักขระเลขยันต์ให้คล่องตัวก่อนก็รับประกาศนียบัตรไป แล้วก็มาเรียนการเขียนยันต์ ชักยันต์ พระคาถาหัวใจ ๑๐๘ แล้วก็ให้ปริญญาตรีไป

ถาม : แล้วทำไมเขาไม่เปิด ?
ตอบ : ไม่มีอาจารย์ที่เป็น เนื่องจากว่าผู้ที่จะสอนระดับประกาศนียบัตรตัวเองต้องจบปริญญาตรี ผู้ที่จะสอนระดับปริญญาตรีอย่างน้อยตัวเองต้องจบปริญญาโท ผู้ที่จะสอนปริญญาโทอย่างน้อยตัวเองต้องจบปริญญาเอก ผู้ที่จะสอนระดับปริญญาเอกต้องมีตำแหน่งทางวิชาการ

ถาม : ก็มีผู้เชี่ยวชาญแล้วนี่คะ ?
ตอบ : การเปิดหลักสูตรต้องมีอาจารย์ประจำ ถ้าไม่มีอาจารย์ประจำก็เปิดหลักสูตรไม่ได้ ก็แปลว่าต้องศึกษากันเอง ไปออกประกาศนียบัตรแบบนั้นไม่ได้ ถ้าเขาเปิดหลักสูตรอาตมาพอจะเป็นอาจารย์ประจำให้ได้ แต่ทีนี้หลักสูตรหนึ่งมีอาจารย์ประจำ ๕ คน แล้วจะไปหาอาจารย์ประจำ ๕ คนที่ไหนได้

เถรี
17-02-2017, 20:31
พระอาจารย์กล่าวว่า "การจะเขียนเลข เขียนยันต์ ใช้เวทมนต์คาถา สิ่งที่สำคัญที่สุด ก็คือ ศรัทธาที่แน่วแน่มั่นคง ไม่ลังเลสงสัยเลย ฉะนั้น...ชาวบ้านทั่ว ๆ ไปนั่นแหละจะทำได้ดี พวกนักเรียนนักศึกษาไม่เป็นเรื่องหรอก เริ่มขี้สงสัย

ที่ขำที่สุดคือวันก่อนแม่ชีชื่นมาถามว่า “หลวงพ่อ...พระ ๑,๒๕๐ รูปที่มาประชุมกันในวันมาฆบูชาแรก เป็นพระอรหันต์หมดเลยใช่ไหม ?” ตอบไปว่า “เป็นสิ” แม่ชีเลยบอกว่า “เห็นไหม วันก่อนในห้องเรียนเขาเถียงกันอยู่นั่นแหละว่าไม่เป็น มีพระโสดาบันบ้าง พระอนาคามีบ้าง พระอรหันต์บ้าง เถียงกันเท่าไรไม่จบ หนูโมโหเลยบอกว่า เดี๋ยวจะไปถามหลวงพ่อเล็กให้ ถึงได้เงียบกัน”

เขาบอกว่า พระไตรปิฎกมีการสังคายนาหลายครั้ง รุ่นหลัง ๆ อาจจะเติมเข้าไป ก็เลยบอกเขาไปว่า ถ้าคุณคิดอย่างนั้น ต้องคิดว่ารุ่นหลังแค่ไหนเขาก็เกิดก่อนเรา คนที่เขาเกิดก่อนเรา เขาใกล้ชิดข้อมูลมากกว่าเรา สิ่งที่เขาเขียนไปโอกาสที่จะถูกย่อมมีมากกว่าเรา ถ้าคุณจะมาสงสัย ควรจะสงสัยตัวเองมากกว่า คิดดูว่าวิเคราะห์กันอยู่นั่นแหละ บ้าชัด ๆ"

เถรี
17-02-2017, 20:36
ถาม : ในพระไตรปิฎกก็ระบุไว้ชัดเลยนี่คะ ?
ตอบ : ระบุเอาไว้ แต่คราวนี้เขาบอกว่าพระไตรปิฎกสังคายนาหลายครั้งอาจมีการเติมไป อย่างเช่นกถาวัตถุ กถาวัตถุนี่พระโมคคัลลีบุตรติสสเถระท่านเขียนเติมเข้าไปให้ในพระอภิธรรม ๗ บท แต่อันนั้นท่านก็ระบุไว้ว่าเพิ่มเข้าไป ไม่ใช่ว่าแทรกเข้าไปแล้วคนอื่นมาจับได้ทีหลังเสียเมื่อไร

กลายเป็นว่าเกิดการปรามาสพระรัตนตรัยขึ้นมา เพราะเรียนแล้วเขาสอนให้สงสัยไปทุกเรื่อง เรื่องของพระไตรปิฎกเหมือนอาหารสำเร็จรูปที่ทำวางไว้แล้ว เรามีหน้าที่กินอย่างเดียว มาสงสัยอยู่ว่าใช่หรือไม่ใช่ ทำกันอย่างไร ส่วนผสมถูกหรือเปล่า ก็ปล่อยให้อดตายไปเถอะ..!

ถาม : (ไม่ชัด)
ตอบ : ท่านถึงบอกว่าต้องประกอบไปด้วยศรัทธา ๔ คือ กัมมสัทธา เชื่อกรรม วิปากสัทธา เชื่อการส่งผลของกรรม กัมมัสสกตาสัทธา เชื่อว่ากรรมทั้งหลายย่อมให้ผลต่อสรรพสัตว์ ทำดีย่อมได้ดี ทำชั่วย่อมได้ชั่ว และตถาคตโพธิสัทธา เชื่อในการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า ถ้าขาดตัวสุดท้ายนี่เจ๊งเลย เพราะว่าจะสงสัยไปทุกอย่าง

เถรี
21-02-2017, 18:08
พระอาจารย์กล่าวว่า "พระปัจเจกพุทธเจ้าที่หลวงตาวัชรชัยจะหล่อ ใหญ่กว่า ๙ นิ้วใช่ไหม ? (ขนาด ๓๐ นิ้วครับ) บอกหลวงตาว่า ถ้าช้าเดี๋ยวพระอาจารย์เล็กทำแทนนะ คือโครงการนั้นเริ่มมาด้วยกัน พระปัจเจกพุทธเจ้าหน้าตัก ๓๐ นิ้ว เริ่มมาตั้งแต่สมัยโน้น ตอนนั้นมีแต่พรรษาน้อย ๆ กันทั้งนั้น อาตมาก็เพิ่งจะพรรษา ๒ พระอาจารย์สมปองก็เพิ่งจะบวชเข้ามาพรรษานั้นแหละ

พระผู้ใหญ่คงเห็นว่าไปทำอะไรข้ามหน้าข้ามตา เพราะว่าประกาศโครงการแค่ ๔ วัน ทั้งเงินทั้งทองคำไหลมาเทมา ก็เลยมีการไปพูดให้เสีย ๆ หาย ๆ หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านก็เลยต้องรับโครงการไปทำเอง จึงกลายเป็นงานคาใจอยู่ว่าต้องทำให้ได้ อาตมาก็รอว่าถ้าพี่ไม่ทำเดี๋ยวผมทำเอง"

เถรี
21-02-2017, 18:09
โยมเอาซุปไก่สกัดมาถวาย "เอาอาหารเลี้ยงมะเร็งมาถวาย บรรดาซุปไก่ถ้าไม่ได้เจ็บไข้ได้ป่วยอย่าไปกินเลย เพราะเป็นอาหารเลี้ยงมะเร็งที่ดีที่สุด"

เถรี
21-02-2017, 18:46
ถาม : การฝึกปฏิบัติโดยการ....(ไม่ชัด).... ตอนนี้รู้สึกใจสบาย ทำให้มีสติกว่าได้ยาว พอเดินไปเรื่อย ๆ เจอปัญหามา บางวันเหมือนว่าสู้กับปัญหาได้ ประคองได้เรื่อย ๆ ครับ เราจะต้องทำอย่างไรต่อดีครับ ?
ตอบ : จริง ๆ แล้วเรื่องของการปฏิบัติต้องทำให้ถึงขนาดว่า ไม่ว่าจะอยู่ในอิริยาบถไหน หรือทำการทำงานอะไร เราต้องรักษาอารมณ์ให้ได้ ไม่อย่างนั้นโอกาสก้าวหน้าจะมีน้อยมาก เพราะว่าเราชนกับกิเลสอยู่ทุกวัน มีโอกาสโดนเขากลืนหมดในเวลาอันรวดเร็ว จึงต้องซักซ้อมการปฏิบัติในลักษณะว่าเคลื่อนไหวแล้วต้องทำได้ ไม่อย่างนั้นแล้วถ้าเราขาดสติเพียงนิดเดียว หลุดจากการภาวนา หลุดจากอารมณ์ที่เราประคับประคองอยู่เมื่อไรก็โดนกิเลสกินหมด

ฉะนั้น...ไปซักซ้อมการปฏิบัติที่เกี่ยวกับการทรงฌาน หรือทรงสมาธิในขณะที่เราเคลื่อนไหว หรือทำการทำงานอยู่ให้ได้

เถรี
21-02-2017, 19:09
ถาม : (ไม่ชัด)
ตอบ : จะว่าไปแล้วทางด้านสายหลวงปู่มั่นอยู่ในลักษณะที่ว่า รักษาแนวการปฏิบัติได้ดี สร้างความเลื่อมใสให้คนได้มาก ถือเป็นหลักของคณะสงฆ์เราเลย เพียงแต่ว่าถ้าเราไปแยกธรรมยุต มหานิกาย ก็จะรู้สึกว่าคนละพวกกัน แต่ถ้าเรารู้สึกว่าเป็นพระในพระพุทธศาสนา ทำงานเพื่อพระศาสนาเหมือนกันก็จบ

เถรี
21-02-2017, 19:26
ถาม : ถ้าเราอยากเสียภาษีแบบเต็มใจ เราควรจะวางกำลังใจอย่างไรครับ ?
ตอบ : ก็คิดว่าเรากำลังสร้างความเจริญให้กับประเทศชาติเรา อันดับแรก...เป็นหน้าที่ที่เราต้องเสียภาษีเพื่อบำรุงประเทศชาติ อันดับสอง เราได้สร้างความเจริญให้คนอื่นเขา เท่ากับเราได้ทำบุญใหญ่เหมือนกับสังฆทาน

อย่าให้เจ้าหน้าที่กรมสรรพากรมาเอาตูไปเทศน์เรื่องนี้อีกนะ เข็ดจริง ๆ เลย เดี๋ยวนี้พวกหน่วยงานต่าง ๆ เวลาให้เทศน์ เขามักจะกำหนดหัวข้อมาให้ พอกำหนดหัวข้อมาให้ เขาก็ได้ฟังเฉพาะเรื่องของเขา ส่วนเรื่องที่เราอยากบอก เขาก็ไม่ได้ฟัง

การกำหนดหัวข้อเทศน์ก็ดีอยู่หรอก แต่จริง ๆ แล้วถ้าไม่ได้กำหนดตายตัวมา อย่างไรผู้เทศน์ก็รวบกลับไปหาเขาได้อยู่แล้ว ในเมื่อเขากำหนดหัวข้อมา ก็ได้แต่เรื่องของเขา เรื่องของเราเลยไม่ได้

เถรี
21-02-2017, 19:27
เดี๋ยวนี้เขาเก็บภาษีทุกอย่างที่ขวางหน้าจริง ๆ เพียงแต่ว่าบ้านเราภาษีอัตราก้าวหน้าเขายังไม่กล้าเก็บ ถ้าภาษีอัตราก้าวหน้าใช้เมื่อไรจะยุติธรรมมาก เพราะว่าคนรวยจ่ายมาก คนจนจ่ายน้อย ทุกวันนี้กลายเป็นว่าเสียกันอย่างเสมอหน้ากัน คนรวยก็รวยตายชักไปเลย

อาตมาเป็นพระแท้ ๆ ยังเสียภาษีเลย ถามว่าเสียตรงไหน ? ภาษีเงินฝากโดนไปร้อยละ ๑๕ ได้ดอกเบี้ยมา ๑๐๐ บาท โดนเขาเอาไป ๑๕ บาทแล้ว ถึงเวลาจะทำบัญชีเป็นชื่อวัด ธนาคารก็ไม่ค่อยอยากทำให้ เพราะถ้าเป็นชื่อวัดแล้วไม่ต้องเสียภาษีเงินฝาก

เถรี
21-02-2017, 19:29
ส่วนใหญ่แล้วบ้านเราถ้ามีโอกาสก็มักเลี่ยงภาษีกัน จะว่าไปแล้วการเสียภาษีเป็นหน้าที่ของพลเมืองที่มีต่อประเทศชาติ พอเราเสียภาษีก็เท่ากับเราได้ทำบุญใหญ่ เพราะรัฐบาลเอาภาษีไปพัฒนาประเทศ บุญใหญ่ประเภทนี้คล้าย ๆ กับบุญสังฆทาน เพราะว่าทำเพื่อประชาชนส่วนรวม พอบ้านเมืองเจริญขึ้นมาทุกสิ่งทุกอย่างก็สะดวกสบายตามไปด้วย

บ้านเรายังถือว่าเสียภาษีน้อยมาก อย่างยุโรปเสีย ๖๐ –๖๕ เปอร์เซ็นต์ เห็นว่าฝรั่งเศสจะเก็บภาษี ๗๐ เปอร์เซ็นต์ ไม่รู้ว่าจะสำเร็จหรือเปล่า ? แต่ว่าของเขาถ้าเก็บแล้ว ถึงเวลาคุณเกษียณเมื่อไร รัฐรับผิดชอบทุกอย่างในชีวิตให้

ไม่มีที่อยู่อาศัย จัดหาที่อยู่อาศัยให้ มีสวัสดิการรักษาพยาบาลพร้อม ถึงเวลาแต่ละรอบปี มีงบประมาณให้ไปเที่ยวต่างประเทศ แต่เท่าที่ได้ยินมาคือเขาซื้อตั๋วเครื่องบินให้เลย กันพวกเราอมเงินไว้เฉย ๆ เราจะเห็นว่าฝรั่งมาเที่ยวบ้านเราเยอะ ส่วนหนึ่งเขามาเพื่อใช้สิทธิ์ของตัวเอง

เถรี
21-02-2017, 19:32
เราเองทำงานแทบตาย ขนาดไม่เสียภาษียังไม่มีเงินไปเที่ยวต่างประเทศสักเท่าไรเลย อาตมาเองตั้งแต่ทำงานมาและรับราชการมา เจอภาษี ณ ที่จ่ายมาตลอด เลยไม่มีประสบการณ์ในการไปจ่ายภาษี ตอนที่ทำงานอยู่ทางบริษัทก็ทำหัก ณ ที่จ่ายให้ พอรับราชการยิ่งง่ายใหญ่เลย ฝ่ายการเงินจัดการเสร็จสรรพ เราเหลือแต่รายรับล้วน ๆ

นึกว่ามาบวชพระจะพ้นจากเรื่องภาษี ปรากฏว่าไม่พ้น มีบัญชีเงินฝากในชื่อตัวเอง เป็นพระสังฆาธิการ คือเป็นเจ้าอาวาส เจ้าคณะตำบล ทางราชการมีนิตยภัตหรือเรียกว่าเงินเดือนก็ได้ สมัยก่อนได้รูปละ ๕๐๐ บาท เพิ่งจะมายุคคุณทักษิณ ชินวัตร ขึ้นเป็น ๑,๕๐๐ บาท อาตมาเป็นพระครูสัญญาบัตร เจ้าคณะตำบลได้ ๒,๒๐๐ บาท

สมัยเก่าตอนที่เจ้าอาวาสได้ ๕๐๐ บาทนั้น หลวงพ่อวัดท่าซุงเป็นเจ้าคุณสามัญ ชื่อพระสุธรรมยานเถระ ได้นิตยภัตเดือนละ ๔๔๐ บาท ตอนนั้นสมเด็จพระสังฆราชรับเดือนละ ๓,๕๐๐ บาท มายุคคุณทักษิณ ชินวัตร ถึงขยับขึ้นให้ ๑,๕๐๐ บาท จะไปพอยาขี้ฟันอะไร ขยับออกจากวัดก็ ๕๐๐ บาทแล้ว ยิ่งไปประชุมไกล ๆ ถ้าเขาไม่มีค่ารถให้ก็หมดเกลี้ยงเลย เดือนนั้นไม่ต้องไปไหนอีก แต่พระเราก็อยู่กันมาอย่างนี้แหละ อยู่ด้วยศรัทธาของพุทธศาสนิกชน

ปีนี้อาตมาได้รับเลื่อน หากผลงานผ่าน เลื่อน ๕ ขั้นได้เพิ่มมาอีก ๒๐๐ บาท เยอะมาก จาก ๒,๕๐๐ บาท เป็น ๒,๗๐๐ บาท ทำงานเกินเงินเดือนแสนบาทนะ แต่ได้เงินเดือน ๒,๗๐๐ บาท

เถรี
21-02-2017, 20:30
ถาม : ผมพอจะมีโชคมีลาภบ้างไหม ?
ตอบ : มีวิธี...แต่เหนื่อยหน่อยนะ ไปตั้งใจภาวนาพระคาถาเงินล้านของหลวงพ่อวัดท่าซุง ถ้าตั้งใจทำจริง ๆ ต่อเนื่องสัก ๒ เดือน แล้วถ้าไหลมาเทมาก็อย่าบ่นว่ารับจนเหนื่อย

ถาม : เป็นปริศนา ?
ตอบ : ไม่ใช่ปริศนาแต่ให้ไปทำจริง ๆ

ถาม : ที่ท่านบอกว่าเลี้ยงหลานมาเยอะ ไม่ทราบว่าจำนวนเท่าไร ผมจะได้จดไปเพื่อโชคลาภ ?
ตอบ : บอกไปเรียบร้อยแล้ว ถ้าจำไม่ได้ก็ไม่ต้องจด

เถรี
21-02-2017, 20:50
อาตมาเองโดนหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านห้ามไม่ให้บอกหวย เลยกลายเป็นผู้สนับสนุนกองสลากที่ไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิง แต่ก็เป็นเรื่องแปลก พออาตมาเปลี่ยนรถใหม่เมื่อไรหวยจะออก ไม่ต้องไปดู...เพิ่งจะออกไปงวดนี้เอง เพิ่งเปลี่ยนทะเบียนเมื่อปลายเดือนที่แล้ว ต้นเดือนมา ๓ ตัวรวด ไม่ต้องไปหวังงวดใหม่ มักจะได้ทีเดียว

คนที่จ้องอยู่มักจะได้ รู้ไหมว่าใครจ้องอยู่ ? ท่านเจ้าคณะอำเภอบอก "อาจารย์...ป้ายขาวเมื่อไร ขับมาให้ดูด้วย" ตอนป้ายแดงไม่ออก ออกป้ายขาว ไม่รู้ว่าท่านเล่นหรือเปล่า ? แต่อาตมาไม่เล่น รู้สึกว่าพระเล่นหวยเป็นเรื่องที่น่าเกลียดมาก แต่มีโยมเอาล็อตเตอรี่มาถวายอยู่เรื่อย ปีที่แล้วถูกเลขท้าย ๒ ตัวด้วย

ถามว่าหวยเป็นอบายมุขหรือไม่ ? ถ้าเราหมกหมุ่นอยู่ เล่นหัวไม่วาง หางไม่เว้น ก็เป็นอบายมุข แต่ถ้าเราคิดจะเสี่ยงโชคจริง ๆ ใช้วิธีซื้อไว้ ๑ คู่ เผื่อบุญพาวาสนาช่วย ทานบารมีในอดีตให้ผล มีโอกาสถูก จำกัด ๑ คู่ ห้ามเกินนั้น ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวไม่มีเงินกินข้าว

พี่ชายอาตมาสมัยก่อนยอมกินบะหมี่แห้งซองละ ๓ บาท แต่เล่นหวยตัวละ ๒,๐๐๐ บาท นึกเอาก็แล้วกัน มีอยู่งวดหนึ่งหลวงพ่อวัดท่าซุงกำลังอยู่ในงานกฐิน บอกว่าขอเงินโยมคนละ ๘๖๓ บาท พี่ชายเอาไปเล่นเลย เพราะรู้เคล็ดลับว่าถ้าหลวงพ่อวัดท่าซุงพูดถึงตัวเลขท่ามกลางคนหมู่มาก โชคของคนไม่เท่ากัน ท่านบอกว่าให้ตาม ไม่เกิน ๑๒ งวดจะออก

งวดแรกออก ๖๘ งวดสองออก ๘๓ คนอื่นเลิกตามหมด พี่ชายตามไปเรื่อย ปรากฏว่าไปถูกงวดที่ ๙ ตรง ๆ เลยสามตัวบน ได้มา ๙ แสนบาท ถามว่าถ้าตามมา ๑๑ งวดแล้วไม่ออกล่ะ ? แกบอกว่าจะขายบ้านเล่นเลย มั่นใจขนาดนั้น แต่อาตมาว่าเป็นการกระทำที่ค่อนข้างจะโง่ไปหน่อย เพราะเท่ากับฝากชีวิตไว้ที่ตัวเลขซึ่งจะออกอะไรก็ได้

เถรี
21-02-2017, 20:53
เซียนให้หวยในชีวิตของอาตมาก็คือ หลวงปู่เนื่อง วัดจุฬามณี หลวงปู่เนื่องให้หวยอยู่ ๓๐ กว่าปี ให้ได้ทุกงวด ไปแล้วไม่ต้องขอ ส่วนใหญ่ท่านจะเขียนขึ้นกระดานไว้ให้เลย พี่ชายอาตมาอีกคน ท่านเขียนยัดใส่มือมาให้ ๓ ตัว งวดที่หนึ่งไม่ออก งวดที่สองไม่ออก...เลิกเล่น งวดที่สามออกตรง ๆ เลย ท่านบอกว่าเวลาให้หวยไป คนรู้มาก บุญของคนไม่เท่ากัน เลขจะเลื่อน คนที่ไม่มีบุญก็เลิกเล่นไปก่อน คนมีบุญถ้าตามก็จะถูกเอง

พอสิ้นหลวงพ่อเนื่อง วัดจุฬามณี พวกกรรมการวัดไปตรวจสอบในกุฏิท่านมีเงินอยู่ ๒๐ กว่าล้าน ใครถวายเงินท่านก็โยนกอง ๆ ไว้ ไม่เคยไปดูไปแลเลย บางปึกก็เก่าจนหมดสภาพ แต่ที่เสียดายที่สุดก็คือ พอหลวงพ่อเนื่องสิ้นไป หลวงพ่อฤๅษีท่านบอกว่าหลวงพ่อเนื่องเป็นพระทองคำ หลวงพ่อเนื่องเป็นพระอรหันต์ แต่ไม่มีใครไปขอหลักธรรมเลย มีแต่คนไปขอหวยจนพระอรหันต์มรณภาพไปทั้งองค์ น่าเสียดายมาก ใช้ทรัพยากรสิ้นเปลืองจริง ๆ มีพระอรหันต์ไว้ขอหวยอย่างเดียว

ถ้าหากว่าให้หวยแบบหลวงพ่อเนื่อง เจ้ามือไม่โกรธหรอก เพราะว่าเจ้ามือได้หลายงวด เนื่องจากต้องตามไปเรื่อย แต่เคล็ดลับในการตาม หลวงพ่อวัดท่าซุงบอกว่า งวดที่หนึ่งแทง ๑๐ บาท ถ้าไม่ถูก งวดที่สองให้เพิ่มเป็น ๒๐ บาท งวดที่สามเพิ่มเป็น ๓๐ บาท พอไปถึงงวดที่ออก เราจะมีกำไร แต่ตอนนี้ถึงรู้เคล็ดลับไปก็ไม่มีประโยชน์ เพราะหลวงพ่อเนื่องมรณภาพไปแล้ว

ถามว่าหลวงพ่อเนื่องเป็นใคร ? หลวงพ่อเนื่อง วัดจุฬามณี เป็นศิษย์หลวงพ่อคง วัดบางกระพ้อม ถ้ายังไม่รู้เรื่องอีก ก็ท่านเป็นอาจารย์ของหลวงปู่สาย วัดท่าขนุน สรุปว่าท่านเป็นหลวงปู่ของอาตมาเอง

พระครูโกวิทสมุทรคุณ (หลวงพ่อเนื่อง โกวิโท) วัดจุฬามณี น่าเสียดายมาก มีพระอรหันต์ไว้ขอหวยอย่างเดียว

เถรี
23-02-2017, 09:54
พระอาจารย์กล่าวว่า "อาตมาไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับเวรกรรมของใคร ไปยุ่งเมื่อไรตัวเองก็เดือดร้อน เพราะฉะนั้น...คนไหนที่อธิษฐานมาว่าเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ จะทำอย่างนั้นอย่างนี้ ควรจะทำอย่างไร ขอให้หลวงพ่อบอกด้วย รอไปอีกหลายชาติเถอะ..!

โดยเฉพาะบรรดาท่านที่ตั้งใจอธิษฐานมา เพราะอยากจะรู้ว่าอาตมารู้จริงหรือเปล่า อยากจะคิดอะไรก็เรื่องของเอ็ง ข้าไม่เกี่ยวด้วยหรอก...! แค่ดูใจตัวเอง ระมัดระวังใจตัวเองก็แย่แล้ว ยังต้องไปไล่ดูคนอื่นเขาอีก"

เถรี
23-02-2017, 09:56
พระอาจารย์กล่าวว่า “คนเรา...ถ้าสติไม่สมบูรณ์ก็ต้องทำอะไรผิดพลาดเป็นธรรมดา แต่โบราณท่านบอกว่าให้เอาความผิดพลาดนั้นมาเป็นบทเรียนในการสอนตัวเราเอง จนกระทั่งใช้คำว่า ผิดเป็นครู

ฉะนั้น...ในส่วนของความผิดพลาดก็คือ สอนให้เรารู้ว่าต่อไปอย่าทำเช่นนั้นอีก แต่เราก็อาจจะไปพลาดเรื่องอื่นต่อไป เพราะว่าเป็นธรรมดาของคนที่สติสัมปชัญญะยังไม่สมบูรณ์ ปัญญายังไม่รู้เท่าทันกิเลส โอกาสผิดพลาดมีได้ แต่ว่ามีแล้วอย่าไปเศร้าหมองนาน ให้เริ่มต้นทำความดีใหม่ทันที

พระพุทธเจ้าถึงได้ตรัสว่า อย่ามัวไปคิดถึงความหลัง และอย่าไปฟุ้งซ่านกับเรื่องที่ยังมาไม่ถึง ให้รักษาอารมณ์อยู่กับปัจจุบันจึงจะรู้เห็นธรรมที่แท้จริงได้”

เถรี
23-02-2017, 09:59
พระอาจารย์กล่าวว่า "คนเราเกิดมาก็ต้องเล่าเรียนศึกษา หาการหางานทำ หวังมีชีวิตที่มั่นคง ถึงเวลาแต่งงานก็หวังว่าจะได้คู่ชีวิตที่ดีมีความซื่อสัตย์ รักเดียวใจเดียว พอมีลูกก็หวังให้ลูกเป็นเด็กดี มีความกตัญญู ขยัน ใฝ่รู้ใฝ่เรียน

อยากจะถามว่าความหวังเหล่านี้เป็นไปได้ไหมที่จะสำเร็จไปทุกเรื่อง ? ต้องบอกว่าถ้าได้สักเรื่องหนึ่งก็โชคดีมากแล้ว เพราะว่าเราเกิดมาในกองทุกข์ ยืน เดิน นั่ง นอนอยู่บนกองทุกข์ตลอดเวลา ขึ้นชื่อว่าการเกิดมาแล้วที่จะไม่กระทบกระทั่งกับความทุกข์นั้นไม่มี

พระพุทธเจ้าถึงได้บอกวิธีให้เราหนีพ้นจากกองทุกข์ ก็ขึ้นอยู่กับสติ ปัญญาของเราว่ามีมากเท่าไร ขณะเดียวกันก็ต้องขึ้นอยู่กับการกระทำของเรา ว่าทำดีทำถูกเท่าไร มีหลายท่านเกิดมาเพราะมีปุพเพกตปุญญตา คือ บุญที่สร้างสมมาดีแต่ปางก่อน ทำดีทำถูกตั้งแต่ยังไม่เข้าวัดเข้าวา ไม่รู้จักพระจักเจ้า ไม่รู้จักศีลจักธรรม แต่ด้วยบุญที่ตัวเองสร้างมาทำให้มีมโนธรรม รู้ว่าอะไรควรไม่ควร แต่ไม่ใช่ทุกคนจะโชคดีอย่างนั้น

ฉะนั้น...พวกเราทุกคนมีโอกาสทำผิดพลาดทั้งนั้น เพียงแต่ว่าผิดพลาดแล้วต้องรีบแก้ไข จึงจะกลับจากเรื่องร้ายกลายเป็นดี แล้วก็เอาบทเรียนพยายามสร้างเสริมในสิ่งที่ดี ๆ ต่อไป สิ่งที่เราทำในวันนี้ เวลานี้ จะส่งผลต่อเราในวันหน้า เวลาหน้า ถ้าเราสามารถสร้างความดีได้ต่อเนื่องความยาวนานพอ ความชั่วไม่สามารถจะแทรกเข้ามาได้ ในวันหน้าเราก็จะได้รับแต่สิ่งที่ดี ๆ"

เถรี
23-02-2017, 10:00
"ฉะนั้น...เมื่อคนเราเกิดมามีปัญญา รู้ว่าอะไรไม่ควร อะไรดีไม่ดี ก็ต้องเลือกทำแต่สิ่งที่ดี ละเว้นในสิ่งที่ชั่ว ต้องบอกว่าพวกเราเกิดมาในพระพุทธศาสนา ถือเป็นความดีที่หาได้ยากที่สุดแล้ว ถ้าหลุดไปอยู่นอกเขตพระพุทธศาสนา ยังไม่รู้ว่าต้องเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในกองทุกข์อีกกี่ร้อยกี่พันชาติ

เมื่อเราได้พบพระพุทธศาสนา ความทุกข์นี้สามารถทำให้สิ้นสุดลงภายในชาติเดียว จึงสำคัญตรงที่ว่า หากเรามีความเพียรจริง ตั้งใจทำจริง ๆ เอาความผิดพลาดเป็นบทเรียน ท้ายสุดก็จะทำดีทำถูกไปเอง"

เถรี
23-02-2017, 18:50
พระอาจารย์กล่าวเตือนสติว่า "มีเรื่องน่าแปลกใจอยู่อย่างหนึ่งว่า ปัจจุบันนี้โรคเอดส์ไม่ได้เบาลงเลย แต่ทำไมเหมือนกับทุกคนลืมไปแล้ว หรือต้องรอให้เป็นเองถึงจะรู้ตัว"

เถรี
23-02-2017, 19:06
ถาม : ตอนนี้หนูรู้สึกจิตตกค่ะ ?
ตอบ : มัวแต่ไปคิดอาศัยคนอื่นก็ยืนเองไม่ได้ทั้งชาติ ฉะนั้น...อยากตกก็ให้ตกต่อไป

ไปดูเรื่อง "พ่อเฒ่ากับเจ้าหนู" หลานชายไปเรียนหนังสือกับครู ครูเป็นผู้หญิงประเภทที่เจองูก็ตีเอง เล่นเอาตาบอกว่าถ้าตาหนุ่มกว่านี้สัก ๒๐ ปี ตาจะไปขอครูคนนี้เอง

ถ้าล้มก็หัดลุกเอง ไม่ต้องไปหวังให้ใครช่วย ครั้งนี้เขาช่วยเรา ครั้งหน้าเขาจะมีโอกาสช่วยไหม ?

เถรี
23-02-2017, 19:31
พระอาจารย์กล่าวว่า "การเกิดมาผิดเพศไม่ใช่ความผิด เป็นเรื่องปกติธรรมดา ตั้งหน้าตั้งตาทำในสิ่งที่ดีไปก็จบ อะไรที่ทำอยู่ ถ้าแหงนหน้าไม่อายฟ้า ก้มหน้าไม่อายดิน ก็ทำไปเถอะ มัวแต่ไปสนใจว่าชาวบ้านเขาจะมองเราอย่างไรก็เครียดตาย...!"

เถรี
23-02-2017, 19:55
ถาม : บ้านเราไม่ใช้กงล้อมนต์ ?
ตอบ : บ้านเราไม่มีความนิยมเรื่องของวัชระ

ถาม : พระทางโน้นเขาใช้ทำอะไรคะ ?
ตอบ : เขาใช้สวดมนต์เพราะว่าอยู่ในลักษณะของการเป็นตัวแทนของการรู้แจ้ง คือถ้าถืออยู่แล้วสวดมนต์อาจได้รับปัญญาบ่งชี้จากพระพุทธองค์ แต่ถ้ามาสายตันตระ ท่านเอาไว้ปราบผี

ถาม : เคยไปเห็นที่ภูฏาน เป็นของที่พระใช้งานจริง ทำด้วยโลหะ สวยมาก แต่ไม่ได้ซื้อมา... ไปเจอที่เป็นคริสตัลทีหลัง กลับสวยสู้ไม่ได้ ?
ตอบ : ของพวกนี้ไม่ว่าเป็นอะไร ถ้าจับ ๆ ถือ ๆ อยู่ตลอดก็จะดูดีไปเอง ขึ้นอยู่กับความขยัน ก็แบบเดียวกับกะเหรี่ยงศิษย์หลวงปู่วงศ์ ถึงเวลาภาวนาทุกวัน พุทโธ ๆ ถี่ยิบเลย ประคำใสเป็นแก้ว พวกเราไปตื๊อขอซื้อ ให้ ๒๐ บาท ไม่ขาย ๓๐ บาท ไม่ขาย ๔๐ บาท ไม่ขาย ไล่เป็นเรื่อยถึง ๘๐ บาท "ขายก็ได้" ค่าแรง ๔ วัน ของเขา สำหรับเขาอะไรก็ได้ ขอแค่ให้ใช้งานได้ ส่วนของเราเอาความสวยไว้ก่อน

เถรี
23-02-2017, 20:13
พระสังฆทานหล่น จนโยมตกใจร้อง "มีอะไรให้น่าตกใจ ? คนรับถวายยังไม่ตกใจเลย แต่คนอื่นช็อกไปแล้ว

อาตมาก็ไม่รู้ว่าตัวเองเลิกตกใจตอนไหน เพราะว่ากว่าจะไปรู้ก็เป็นแบบนี้แล้ว ที่เคยเล่าให้ฟังว่าไปนอนที่บึงลับแลแล้วแคร่พังก็เฉย ๆ ภาวนาไปเรื่อย พอลุกขึ้นมาจะซ่อมแคร่ก็ดันเจอผีหลอก ก็เฉย ๆ อีก ตั้งแต่นั้นมาเหมือนกับตายด้าน ไม่ตกใจอะไรกับใคร

ที่เราตกใจเพราะใจส่งออกไปไกล พอเกิดเหตุก็วิ่งกลับมาสู่ร่างกาย การวิ่งกลับมาเร็วเกินไปเรียกว่าตกใจ"

ถาม : รู้สึกว่าเวลาที่เราทำใจได้ดี จะไม่ค่อยกลัวอะไร ?
ตอบ : ไม่ค่อยกลัวก็ยังดี แต่นี่ไม่กลัวอะไรเลย ถ้าเกิดอะไรขึ้นอาตมาคงตายก่อนเพื่อน เพราะไม่กลัวก็เลยไม่หนี

เถรี
25-02-2017, 19:20
ถาม : ผมมักจะภาวนาคาถาเงินล้านเวลาขับรถเป็นประจำ แต่ช่วงหลัง ๆ นี้จะภาวนาไปแล้วคิดเรื่องอื่นไปด้วย จะแก้ไขอย่างไรครับ ?
ตอบ : ดึงความรู้สึกไว้ที่ลมหายใจจริง ๆ ถ้าหลุดจากลมหายใจเมื่อไรจะคิดถึงเรื่องอื่นไปด้วย ส่วนการภาวนาเวลาขับรถโปรดระวัง พอสมาธิทรงตัว จิตกับประสาทเริ่มแยกจากกัน เราจะควบคุมรถไม่ได้ เดี๋ยวจะเกิดอุบัติเหตุโดยไม่ได้ตั้งใจ เราไม่เป็นอะไรหรอก เพราะว่าสมาธิคุ้มกันได้ แต่คนอื่นจะซวยไปด้วย

เถรี
25-02-2017, 19:21
ถาม : ผมตั้งใจภาวนาคาถาเงินล้านวันละ ๑๐๘ จบ แต่บางทีนอนก่อนแล้วมาภาวนาหลังเที่ยงคืน จะถือว่าครบไหมครับ ?
ตอบ : ภาวนาให้ครบตามที่เราต้องการ จะเป็นเวลาไหนก็ได้

เถรี
25-02-2017, 19:22
ถาม : (ไม่ชัด)
ตอบ : นึกถึงนรกเข้าไว้ ให้นึกว่าถ้าสภาพจิตเศร้าหมองแล้วตายลงไปตอนนั้นนี่นรกแน่ ๆ ยังอยากจะลงไหม ?

เถรี
25-02-2017, 19:25
พระอาจารย์กล่าวว่า "ประเทศไทยได้รับเกียรติจากต่างชาติว่าเป็นประเทศที่เสี่ยงต่อการปฏิวัติรัฐประหารเป็นอันดับ ๒ ของโลก เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ต่างชาติเขาใช้วิธีประเมินเอาจากเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในอดีตจนถึงปัจจุบัน จึงเห็นว่าบ้านเรามีความเสี่ยงในระดับนั้น

วิธีรับมือที่ดีไม่ใช่ไปตอบโต้ถกเถียงกับเขา เพราะสิ่งที่เราทำเขาเห็นหมดแล้ว ไม่ว่าคุณจะทำด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม คุณก็ปฏิวัติไปแล้ว ยึดอำนาจไปแล้ว ฉะนั้น...วิธีที่ดีที่สุด ก็คือ ทำอย่างไรจะให้เขาเห็นว่าเราไม่ได้ยึดอำนาจเพื่อตัวเอง เราทำเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง ก็คือต้องรีบคืนการเลือกตั้งให้ประชาชนใช้อำนาจเลือกคนที่เขาต้องการมาให้เร็วที่สุด

มัวแต่ไปถกเถียงอยู่ไม่ได้มรรคไม่ได้ผลอะไรหรอก นอกจากจะกลายเป็นตัวตลกในสายตาของต่างชาติเขา เพราะว่าสิ่งที่เรากระทำไม่สามารถที่จะบิดเบือนได้ว่าเราไม่ได้ทำ เพียงแต่ว่าทำไปแล้วเพื่อประโยชน์ของหมู่มากจริงหรือเปล่า ? ตรงนี้ต้องรีบแสดงออกให้เขาเห็น"

เถรี
25-02-2017, 19:26
"ไปนึกถึงสมัยก่อน หลวงพ่อวัดท่าซุงมีคนกล่าวร้ายอย่างนั้นอย่างนี้ ลูกศิษย์กราบเรียนท่านว่า “ทำไมหลวงพ่อไม่แก้ข่าว ?” ท่านบอกว่า “เสียเวลาไปเถียงกับมัน สู้เอาเวลามาช่วยเหลือชาวบ้านผู้ยากจนในถิ่นทุรกันดารดีกว่า”

อาตมาเลยนึกไปถึงคำสอนของหลวงปู่เจ้าคุณนรฯ ที่ท่านบอกว่า “คนเราดีแสนดี ถ้าเขาจะหาเรื่องติ ก็หาเรื่องมาติจนได้ คนเราจะชั่วแสนชั่ว ถ้าเขาจะหาเรื่องมาชม ก็หาเรื่องมาชมจนได้” ดังนั้น...เรื่องทั้งหลายเหล่านี้มีอยู่อย่างเดียว ก็คือ ทำความจริงให้ปรากฏ ถ้าความจริงปรากฏเมื่อไร ก็จะเป็นสิ่งที่พิสูจน์ได้อย่างชัดเจนที่สุด ว่าเราเป็นอย่างที่เขาว่าหรือไม่"

เถรี
25-02-2017, 19:29
ถาม : เวลาที่โดนกิเลสเล่นงาน แล้วชอบไปหมกมุ่นอยู่กับมัน และถอนออกมายากด้วย เพราะโดนตัวอยากดีเล่นงานซ้ำ ?
ตอบ : รู้ทั้งรู้ใช่ไหม ? รู้ทั้งรู้แล้วยังโดนก็สมควรแล้ว เมื่อคืนก็บอกไปแล้วว่า เมื่อเห็นโทษของร่างกายนี้ ของโลกนี้ ก็พยายามเผ่นหนีให้เร็วที่สุด วิธีที่จะหนีให้เร็วที่สุดก็คือ ต้องกลับมาหาความดีของเรา วิธีที่จะกลับมาหาความดีของเราแล้วมั่นคงที่สุด ก็ต้องกลับมาหาลมหายใจเข้าออก

ส่วนที่พวกเราพลาดเพราะว่า พอปล่อยให้ รัก โลภ โกรธ หลง เกิดขึ้นแล้ว เรามัวไปเสียดายอยู่ ไปเสียดายเวลาบ้าง ไปโกรธตัวเองบ้าง ก็เลยเสียเวลาในการกลับมาหาความดีของเรา ต้องพูดง่าย ๆ ว่าพลาดแล้วก็ลืมไปเลย แล้วรีบเร่งทำความดีใหม่

อาตมาเคยพูดแล้วว่า “แม้แต่การทำความดีก็ต้องหน้าด้าน” มัวแต่ไปนั่งคร่ำครวญอยู่ว่าไม่น่าเลย ทำมาตั้งนานแล้วพลาดเสียได้ นั่นเสียเวลา เหมือนคน ๒ คนหกล้มพร้อมกัน คนหนึ่งลุกได้ก็ไปเลย อีกคนมัวแต่นั่งคร่ำครวญอยู่ แล้วใครจะได้ระยะทางมากกว่า ? ก็ต้องคนที่ลุกแล้วไปเลย ตัดใจเลยว่าแล้วก็แล้วกันไป เริ่มต้นทำความดีตอนนี้ใหม่ สะสมความดีกันใหม่

เถรี
25-02-2017, 19:30
ถาม : (เปิดเสียงพระเทศน์)
ตอบ : เปิดแล้วก็ตั้งใจฟัง ไม่อย่างนั้นอาจจะเป็นการปรามาสพระรัตนตรัยก็ได้ อยู่ที่วัดอาตมาสั่งไว้ว่า ถ้าเสียงตามสายขึ้นเมื่อไรให้หยุดงานอื่นหมดเลย เสียงจบเมื่อไรแล้วค่อยทำงานต่อ

เถรี
25-02-2017, 19:30
:4672615: เก็บตกเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ หมดแล้วค่ะ :4672615:
ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย ทาริกา คะน้า เถรี และรัตนาวุธ