เถรี
16-10-2015, 13:35
ให้ทุกคนตั้งกายให้ตรง กำหนดสติไว้ที่ลมหายใจเข้าออก หายใจเข้า...ให้ความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก...ให้ความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจออกมา จะกำหนดลมหายใจเป็นฐานเดียว สามฐาน เจ็ดฐาน หรือรู้ตลอดกองลมก็ได้ จะใช้คำภาวนาอะไรก็ได้ที่เรามีความถนัดมาแต่เดิม
วันนี้เป็นวันเสาร์ที่ ๓ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๕๘ อยากจะเตือนท่านทั้งหลายว่า การสมาทานกรรมฐานของเรานั้นเป็นสัจจะอธิษฐานอย่างหนึ่ง เราสมาทานว่า “อิมาหัง ภะคะวา อัตตะภาวัง ตุมหากัง ปะริจจัชชามิ ข้าพเจ้าขอมอบกายถวายชีวิตนี้ต่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า”
คำว่า มอบกายถวายชีวิต นั่นคือ แม้จะต้องตายลงไปในการปฏิบัติธรรม เราก็ยินดีที่จะเอาชีวิตเข้าแลก แต่อยากจะให้ทุกท่านลองสังเกตดูหรือถามใจตนเองว่า เท่าที่ผ่านมานั้น การปฏิบัติธรรมของเราอยู่ในระดับที่เอาชีวิตเข้าแลกหรือไม่ ? หรือว่าเมื่อยหน่อยก็เลิกแล้ว หรือว่าอึดอัดหายใจไม่ออกหน่อยก็เลิกแล้ว หรือเกิดอาการน้ำตาไหล ร่างกายโยกไปมา หรือดิ้นตึงตังโครมคราม กลัวขึ้นมาก็เลิกอีก
หรือรู้สึกว่าตัวพอง ตัวใหญ่ ตัวแตก ตัวระเบิด ตัวลอยขึ้น เกิดความกลัวขึ้นมาก็เลิก ถ้าอย่างนั้น ที่เราให้สัจจะไว้ว่าเรามอบกายถวายชีวิตต่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็เป็นการที่เราทั้งหลายเอ่ยแต่ปากเท่านั้น
แม้กระทั่งการรักษาศีลทุกสิกขาบทของเรา เราก็ต้องถามตนเองว่า ถ้ามีโอกาสฆ่าสัตว์ เรางดเว้นได้หรือไม่ ? มีโอกาสหยิบฉวยลักขโมยข้าวของของคนอื่น เรางดเว้นได้หรือไม่ ? มีโอกาสประพฤติผิดในกาม มีโอกาสในการโกหกหลอกลวงผู้อื่น มีโอกาสในการดื่มสุราเมรัย เรางดเว้นได้หรือไม่ ? โดยเฉพาะในเรื่องของสุราเมรัย ถ้าหากถึงขนาดติด ที่เขาเรียกว่า แอลกอฮอลิซึ่ม (alcoholism) ถึงเวลาขาดไม่ได้ แค่เห็นขวดสุรายังไม่ทันที่จะกินก็มือไม้สั่น บางคนถึงขนาดอาเจียนออกมาก็มี ถ้าลักษณะอย่างนั้นเราตั้งใจละเว้นได้หรือไม่ ?
ถ้าหากว่าละเว้นได้ แม้ว่าจะเกิดอาการรุนแรงกับร่างกายขนาดไหนก็ตาม นั่นถึงเรียกว่าเรายินดีมอบกายถวายชีวิตนี้ต่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แปลว่าเรายอมแลกด้วยชีวิต เพื่อให้เข้าถึงความดีตามที่เราต้องการ
วันนี้เป็นวันเสาร์ที่ ๓ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๕๘ อยากจะเตือนท่านทั้งหลายว่า การสมาทานกรรมฐานของเรานั้นเป็นสัจจะอธิษฐานอย่างหนึ่ง เราสมาทานว่า “อิมาหัง ภะคะวา อัตตะภาวัง ตุมหากัง ปะริจจัชชามิ ข้าพเจ้าขอมอบกายถวายชีวิตนี้ต่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า”
คำว่า มอบกายถวายชีวิต นั่นคือ แม้จะต้องตายลงไปในการปฏิบัติธรรม เราก็ยินดีที่จะเอาชีวิตเข้าแลก แต่อยากจะให้ทุกท่านลองสังเกตดูหรือถามใจตนเองว่า เท่าที่ผ่านมานั้น การปฏิบัติธรรมของเราอยู่ในระดับที่เอาชีวิตเข้าแลกหรือไม่ ? หรือว่าเมื่อยหน่อยก็เลิกแล้ว หรือว่าอึดอัดหายใจไม่ออกหน่อยก็เลิกแล้ว หรือเกิดอาการน้ำตาไหล ร่างกายโยกไปมา หรือดิ้นตึงตังโครมคราม กลัวขึ้นมาก็เลิกอีก
หรือรู้สึกว่าตัวพอง ตัวใหญ่ ตัวแตก ตัวระเบิด ตัวลอยขึ้น เกิดความกลัวขึ้นมาก็เลิก ถ้าอย่างนั้น ที่เราให้สัจจะไว้ว่าเรามอบกายถวายชีวิตต่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็เป็นการที่เราทั้งหลายเอ่ยแต่ปากเท่านั้น
แม้กระทั่งการรักษาศีลทุกสิกขาบทของเรา เราก็ต้องถามตนเองว่า ถ้ามีโอกาสฆ่าสัตว์ เรางดเว้นได้หรือไม่ ? มีโอกาสหยิบฉวยลักขโมยข้าวของของคนอื่น เรางดเว้นได้หรือไม่ ? มีโอกาสประพฤติผิดในกาม มีโอกาสในการโกหกหลอกลวงผู้อื่น มีโอกาสในการดื่มสุราเมรัย เรางดเว้นได้หรือไม่ ? โดยเฉพาะในเรื่องของสุราเมรัย ถ้าหากถึงขนาดติด ที่เขาเรียกว่า แอลกอฮอลิซึ่ม (alcoholism) ถึงเวลาขาดไม่ได้ แค่เห็นขวดสุรายังไม่ทันที่จะกินก็มือไม้สั่น บางคนถึงขนาดอาเจียนออกมาก็มี ถ้าลักษณะอย่างนั้นเราตั้งใจละเว้นได้หรือไม่ ?
ถ้าหากว่าละเว้นได้ แม้ว่าจะเกิดอาการรุนแรงกับร่างกายขนาดไหนก็ตาม นั่นถึงเรียกว่าเรายินดีมอบกายถวายชีวิตนี้ต่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แปลว่าเรายอมแลกด้วยชีวิต เพื่อให้เข้าถึงความดีตามที่เราต้องการ