PDA

View Full Version : การอโหสิกรรม


ทิดตู่
12-05-2009, 04:30
ถาม : ฆ่าคนตาย วนกลับมา..?

ตอบ : ต้องให้มีอโหสิกรรมต่อกัน ถ้าหากว่าเป็นการสร้างกรรม แต่ถ้าเป็นสัจจะอธิษฐาน ต้องเปลี่ยนความตั้งใจ

อย่างเช่น นางยักษิณีกับนางกุลธิดา คลอดลูกมากี่คนกี่คน นางยักษิณีเอาไปกินหมด คนสุดท้ายก็เลยหนีเข้าไปในพระเชตวันมหาวิหาร เอาลูกไปถวายพระพุทธเจ้า ขอให้พระพุทธเจ้าช่วยคุ้มครอง นางยักษิณีตามเข้าไปไม่ได้ เพราะท้าวมหาราชเฝ้าประตูอยู่

พระพุทธเจ้าให้ท้าวมหาราชเรียกนางยักษิณีเข้ามา แล้วก็ตรัสบอกบุพกรรมให้ว่า

ในอดีตชาติหนึ่ง คนหนึ่งเป็นเมียหลวง คนหนึ่งเป็นเมียน้อย

เมียหลวงไม่มีลูกก็เลยหาเมียน้อยให้สามี แต่พอเมียน้อยตั้งท้อง ตัวเองก็กลัวว่าสามีจะไม่โปรดเหมือนเดิม ก็เลยวางยาเมียน้อยเสียจนแท้ง

คนที่หนึ่งก็แท้ง คนที่สองก็แท้ง พอคนที่สาม เมียน้อยก็สงสัยความประพฤติของเมียหลวง จึงไม่กินยาที่เมียหลวงจัดให้ พอไม่กินยาเมียหลวงจัดให้ก็ท้องแก่ใกล้จะคลอด ระแวงว่าต้องเป็นฝีมือเมียหลวงแน่ เมียหลวงมาคะยั้นคะยอให้กิน ก็ไม่กิน เมียหลวงโกรธขึ้นมา ก็บีบคอตายไปเลย ก่อนจะตายแกก็ตั้งใจว่า ถ้าฆ่าตัวแกก็ดี ฆ่าลูกแกก็ดี แกเกิดไปก็ขอฆ่าแบบนี้บ้าง

ปรากฏว่าชาติถัดไป เมียหลวงไปเกิดเป็นแม่ไก่ แต่เมียน้อยไปเกิดเป็นแมว กินลูกไก่เกลี้ยงเลย แม่ไก่ก็โกรธผูกใจเจ็บ กูจะเอามึงคืนบ้าง

ชาติต่อไปแม่ไก่ก็ไปเกิดเป็นเสือ แมวก็ไปเกิดเป็นกวาง ก็ไล่กินกันไปกินกันมาคนละชาติสองชาติ

จนปัจจุบัน คนหนึ่งเป็นนางยักษิณี คนหนึ่งเป็นนางกุลธิดา

พอเล่าให้ฟังเสร็จเรียบร้อย ก็มีปัญหาว่าทำอย่างไรจะให้กรรมนี้สิ้นสุดลง ?

พระพุทธเจ้าบอกให้ทั้งสองอโหสิกรรมต่อกัน พออโหสิกรรมต่อกัน ไม่จองเวรต่อกัน ประเภทโจทก์และจำเลยยอมรับกันต่อหน้า กระแสกรรมก็ขาดลง

คราวนี้ก็มีเรื่องสืบเนื่องมาว่า นางกุลธิดาก็เอายักษิณีไปอยู่ที่บ้าน ถึงเวลาก็จัดอาหารไปเลี้ยงดู นางยักษิณีบอกว่าอยู่ในบ้านคนแกอึดอัด ประเภทเบื่อกลิ่นมนุษย์ ไม่ใช่เบื่อเฉย ๆ เผลอ ๆ อาจจะกินเอาเสียด้วย ขอไปอยู่กลางนาเถอะ นางกุลธิดาก็ไปปลูกโรงนาไว้กลางนา ถึงเวลาก็เอาอาหารไปให้

นางยักษิณีเห็นว่า เออ...เขารู้สำนึกผิดแล้วจริง ๆ หนอ ก็เลยตั้งใจช่วย

ตัวเองเป็นยักษิณีมีความเป็นทิพย์ พอถึงเวลาก็บอกว่า เอ้อ...ปีนี้น้ำมากนะให้ปลูกข้าวในที่ดอน ปีนี้น้ำน้อยนะ ให้ปลูกข้าวในที่ลุ่ม

นางกุลธิดาก็ให้สามีและบริวารทำตาม ก็ปรากฏว่าตัวเองร่ำรวยอยู่คนเดียว คนอื่น "เจ๊ง" กันหูรูดไปเลย คนอื่นก็มาถามว่ามีอะไรดี ก็บอกว่ามีนางยักษิณีอยู่ในไร่ของตัวเอง คอยบอกอย่างนั้นอย่างนี้

ทุกคนก็ว่า ถึงเวลาช่วยบอกบ้างจะได้ไหม ?

นางกุลธิดาบอกว่าต้องไปขอนางยักษิณีเอง คนอื่นก็เลยเอาอาหารไปเซ่นนางยักษ์บ้าง นางยักษ์เห็นคุณ ก็แอบกระซิบบอกให้ด้วย

ก็เลยกลายเป็นประเพณีเซ่นผีนามาเรื่อย ๆ ทางด้านอีสานเขาเรียกผีตาแฮก เซ่นผีกลางนา ประเพณีนี้มีมาตั้งแต่สมัยพุทธกาล พอถึงเวลาก็เอาอาหารไปให้ แต่อันนั้นเขารู้จริงนะ ระยะหลัง ๆ ไม่รู้ว่าผีตัวไหนรับไป

กรรมเป็นของน่ากลัว การส่งผลของกรรมเป็นของน่ากลัว พระพุทธเจ้าถึงได้ตรัสว่า ขึ้นชื่อว่ากรรมแล้วอย่าประมาทว่าความชั่วแม้เพียงเล็กน้อยแล้วไปทำ อย่าประมาทว่าความดีเล็กน้อยแล้วไม่ทำ กรรมนั้นจะดีหรือชั่วก็ตาม เล็กน้อยขนาดไหนก็ตาม เมื่อถึงวาระเมื่อถึงเวลาล้วนแล้วแต่ส่งผลให้ทั้งนั้น

จากหนังสือ กระโถนข้างธรรมาสน์ ฉบับที่ ๕๒
ถอดมาจากไฟล์เสียงที่บ้านอนุสาวรีย์ สามารถหาอ่านได้ที่
http://www.grathonbook.net/book/59.2.html