เถรี
24-05-2015, 16:55
ทุกคนตั้งกายให้ตรง กำหนดสติเอาไว้ที่ลมหายใจเข้าออก หายใจเข้า..ให้ความรู้สึกทั้งหมดของเราไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก..ให้ความรู้สึกทั้งหมดของเราไหลตามลมหายใจออกมา จะใช้คำภาวนาอย่างไรก็ได้ตามที่เราถนัดมาแต่เดิม
วันนี้เป็นวันอาทิตย์ที่ ๓ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๕๘ เมื่อครู่ก่อนกรรมฐาน มีผู้ถามว่า "สภาพจิตในการปฏิบัติธรรมเหมือนกับไฟไหม้ฟาง ก็คือมักจะปรากฏอยู่แค่วูบ ๆ วาบ ๆ แล้วก็หายไป ทำให้ไม่มีความแน่วแน่พากเพียรอย่างแท้จริง ผลการปฏิบัติจึงไม่เกิด ทำอย่างไรจะไม่ให้เป็นไฟไหม้ฟางอย่างที่ว่ามา ?"
ถ้าไม่ต้องการให้เป็นไฟไหม้ฟางก็ต้องมีความพากเพียรในการปฏิบัติธรรม ซึ่งไม่ต้องมาก เอาแค่ให้ถึงระดับของปีติเท่านั้น ยังไม่ทันจะทรงถึงระดับเป็นฌานเลยด้วยซ้ำไป บุคคลที่การปฏิบัติเริ่มเข้าถึงปีติ จะไม่เบื่อไม่หน่ายในการปฏิบัติธรรม บางครั้งก็อาจจะทำจนเกินเลย ไม่ได้พักไม่ได้ผ่อนก็มี
ท่านที่ไม่อยากปฏิบัติแบบไฟไหม้ฟาง จึงต้องพยายามภาวนาให้ถึงระดับปีติ ซึ่งยังไม่ทันจะเข้าถึงสุข และยังไม่ทันจะเป็นเอกัคตารมณ์ ถ้าท่านสามารถทำดังนี้ อานิสงส์อย่างน้อยจะทำให้ท่านไปเกิดในดาวดึงสเทวโลก แล้วถ้าไม่เบื่อไม่หน่ายในการปฏิบัติจนกำลังของท่านทรงปฐมฌานได้ ถ้าเป็นปฐมฌานอย่างหยาบก็ไปเกิดเป็นปริสัชชาพรหม ปฐมฌานอย่างกลางไปเกิดเป็นปโรหิตาพรหม ปฐมฌานอย่างละเอียดไปเกิดเป็นมหาพรหม
ถ้าก้าวขึ้นสู่ฌานที่สอง อย่างหยาบไปเกิดเป็นปริตตาภาพรหม ฌานที่สองอย่างกลางไปเกิดเป็นอัปปมาณาภาพรหม ฌานที่สองอย่างละเอียดไปเกิดเป็นอาภัสราพรหม ถ้าสามารถก้าวถึงฌานที่สามได้ ฌานที่สามอย่างหยาบ จะไปเกิดเป็นปริตตสุภาพรหม ฌานที่สามอย่างกลางไปเกิดเป็นอัปปมาณสุภาพรหม ฌานที่สามอย่างละเอียดจะไปเกิดเป็นสุภกิณหพรหม
ถ้าหากว่าสามารถทรงฌานที่สี่ได้ ฌานที่สี่อย่างหยาบจะไปเกิดเป็นเวหัปผลาพรหม ฌานที่สี่อย่างละเอียดจะเกิดเป็นอสัญญีสัตตาพรหม ณานที่สี่มีแค่ ๒ ระดับเท่านั้น ไม่มีระดับกลาง
วันนี้เป็นวันอาทิตย์ที่ ๓ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๕๘ เมื่อครู่ก่อนกรรมฐาน มีผู้ถามว่า "สภาพจิตในการปฏิบัติธรรมเหมือนกับไฟไหม้ฟาง ก็คือมักจะปรากฏอยู่แค่วูบ ๆ วาบ ๆ แล้วก็หายไป ทำให้ไม่มีความแน่วแน่พากเพียรอย่างแท้จริง ผลการปฏิบัติจึงไม่เกิด ทำอย่างไรจะไม่ให้เป็นไฟไหม้ฟางอย่างที่ว่ามา ?"
ถ้าไม่ต้องการให้เป็นไฟไหม้ฟางก็ต้องมีความพากเพียรในการปฏิบัติธรรม ซึ่งไม่ต้องมาก เอาแค่ให้ถึงระดับของปีติเท่านั้น ยังไม่ทันจะทรงถึงระดับเป็นฌานเลยด้วยซ้ำไป บุคคลที่การปฏิบัติเริ่มเข้าถึงปีติ จะไม่เบื่อไม่หน่ายในการปฏิบัติธรรม บางครั้งก็อาจจะทำจนเกินเลย ไม่ได้พักไม่ได้ผ่อนก็มี
ท่านที่ไม่อยากปฏิบัติแบบไฟไหม้ฟาง จึงต้องพยายามภาวนาให้ถึงระดับปีติ ซึ่งยังไม่ทันจะเข้าถึงสุข และยังไม่ทันจะเป็นเอกัคตารมณ์ ถ้าท่านสามารถทำดังนี้ อานิสงส์อย่างน้อยจะทำให้ท่านไปเกิดในดาวดึงสเทวโลก แล้วถ้าไม่เบื่อไม่หน่ายในการปฏิบัติจนกำลังของท่านทรงปฐมฌานได้ ถ้าเป็นปฐมฌานอย่างหยาบก็ไปเกิดเป็นปริสัชชาพรหม ปฐมฌานอย่างกลางไปเกิดเป็นปโรหิตาพรหม ปฐมฌานอย่างละเอียดไปเกิดเป็นมหาพรหม
ถ้าก้าวขึ้นสู่ฌานที่สอง อย่างหยาบไปเกิดเป็นปริตตาภาพรหม ฌานที่สองอย่างกลางไปเกิดเป็นอัปปมาณาภาพรหม ฌานที่สองอย่างละเอียดไปเกิดเป็นอาภัสราพรหม ถ้าสามารถก้าวถึงฌานที่สามได้ ฌานที่สามอย่างหยาบ จะไปเกิดเป็นปริตตสุภาพรหม ฌานที่สามอย่างกลางไปเกิดเป็นอัปปมาณสุภาพรหม ฌานที่สามอย่างละเอียดจะไปเกิดเป็นสุภกิณหพรหม
ถ้าหากว่าสามารถทรงฌานที่สี่ได้ ฌานที่สี่อย่างหยาบจะไปเกิดเป็นเวหัปผลาพรหม ฌานที่สี่อย่างละเอียดจะเกิดเป็นอสัญญีสัตตาพรหม ณานที่สี่มีแค่ ๒ ระดับเท่านั้น ไม่มีระดับกลาง