แก้ว
02-05-2009, 20:36
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=433&stc=1&d=1241271364
อานิสงส์ของการบวช
(เทศน์อบรมพระเณรที่บวชใหม่ วันที่ ๑๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๑๖)
"การบวชเป็นยอดพระบารมีธรรมทั้งหลายอันวิเศษสามารถดับเพลิงทุกข์และเพลิงกิเลสให้หมดไป "
การบวชเมื่อสรุปแล้วมีอยู่ ๒ ประการ คือ ๑. การบวชเล่นหรือการบวชประเพณี มีอานิสงส์น้อย ๒. การบวชจริง เช่น การบวชด้วยความศรัทธา การบวชหนีวัฏฏสงสาร มีอานิสงส์มาก จนสามารถถอนภพชาติไม่มีเหลือการบวชคือการชุบชีวิตเก่าให้เป็นชีวิตใหม่ การบวชคือการชําระล้างความชั่วให้เป็นคนดี การบวชคือการเปลี่ยนสังคมมนุษย์ให้เจริญและก้าวหน้ามีความสงบสุข การบวชคือ การทดแทนหนี้เก่าอันมหาศาล อันบุคคลทั้งหลายไม่สามารถที่จะชดใช้ให้หมดได้
"ตัสมา ปัพพัชชัง วิโสธยา"
เพราะเหตุนั้นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงทรงสรรเสริญว่า "การบวชเป็นยอดพระบารมีธรรมทั้งหลายอันวิเศษสามารถดับเพลิงทุกข์และเพลิงกิเลสให้หมดไป การบวชคือการช่วยเหลือมนุษย์ที่หลงตกหลุมถ่านเพลิงและกองทุกข์อันแสนที่เร่าร้อนเจ็บปวด แสนสาหัสให้ขึ้นมาได้โดยความปลอดภัย"
ดังนั้น พวกเธอทั้งหลายจงยินดีในการเสียสละชีวิตฆราวาสมาบวชบรรพชาอุปสมบทในพระพุทธศาสนา อย่าให้เสียผลที่มุ่งมาอย่าบวชเล่นบวชหัว บวชลักบวชลี้บวชขี้ใส่ถาน (ส้วม)
"การบวชต้องอาศัยสิ่งสําคัญ ๒ อย่างคือ บวชกาย ๑ บวชใจ ๑ คือ บวชทั้งกายทั้งใจได้ชื่อว่า พระ คือ ประเสริฐหรือสมณะแปลว่า ผู้สงบ ผู้สงบคือ ผู้ชนะ ผู้ใดละผู้นั้นร่ำรวย รวยอะไรเล่าก็รวยอริยทรัพย์นั้นซิ อริยทรัพย์คือทรัพย์ภายใน ได้แก่ บุญกุศล"
บวชผลาญข้าวสุก บวชสนุกตามเพื่อนขาดทุนน่ะไม่ดีเป็นบาป "กุโสยถา ทุคคหิโต" หญ้าคาย่อมบาดมือคนกําไม่แน่นฉันใด บรรพชิตคือนักบวชมาเหยียบย่ำคัมภีร์วินัย ไม่เอาใจใส่ศึกษาและตั้งใจปฏิบัติตามธรรมคําสั่งสอนของศาสนา เขาเหล่านั้นย่อมไปตกนรก ผ้ากาสาวพัสตร์เหลืองอร่ามงามตาก็ไม่กล้าสามารถรับรองพวกท่านทั้งหลายมิให้ตกนรกได้ ความชั่วเปรียบเหมือนอุจจาระ ภาชนะที่รองรับถึงจะเป็นเนื้อทอง ก็ไม่พ้นความหม่นหมองฉะนั้น "การบวชต้องอาศัยสิ่งสําคัญ ๒ อย่างคือ บวชกาย ๑ บวชใจ ๑ คือ บวชทั้งกายทั้งใจได้ชื่อว่า พระ คือ ประเสริฐหรือสมณะแปลว่า ผู้สงบ ผู้สงบคือ ผู้ชนะ ผู้ใดละผู้นั้นร่ำรวย รวยอะไรเล่าก็รวยอริยทรัพย์นั้นซิ อริยทรัพย์คือทรัพย์ภายใน ได้แก่ บุญกุศล" ผู้บริบูรณ์ด้วยอริยทรัพย์แล้ว โบราณว่า
"กินไม่บก จกไม่ลง" คือ กินเท่าไหร่ก็ไม่หมด ไม่มีบกพร่องไม่มีขาดมีเขิน เจริญอยู่ทุกเมื่อ
คัดลอกมาจาก หนังสือ หลวงปู่ขาว อนาลโย พระอรหันต์แห่งถ้ำกลองเพล
อานิสงส์ของการบวช
(เทศน์อบรมพระเณรที่บวชใหม่ วันที่ ๑๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๑๖)
"การบวชเป็นยอดพระบารมีธรรมทั้งหลายอันวิเศษสามารถดับเพลิงทุกข์และเพลิงกิเลสให้หมดไป "
การบวชเมื่อสรุปแล้วมีอยู่ ๒ ประการ คือ ๑. การบวชเล่นหรือการบวชประเพณี มีอานิสงส์น้อย ๒. การบวชจริง เช่น การบวชด้วยความศรัทธา การบวชหนีวัฏฏสงสาร มีอานิสงส์มาก จนสามารถถอนภพชาติไม่มีเหลือการบวชคือการชุบชีวิตเก่าให้เป็นชีวิตใหม่ การบวชคือการชําระล้างความชั่วให้เป็นคนดี การบวชคือการเปลี่ยนสังคมมนุษย์ให้เจริญและก้าวหน้ามีความสงบสุข การบวชคือ การทดแทนหนี้เก่าอันมหาศาล อันบุคคลทั้งหลายไม่สามารถที่จะชดใช้ให้หมดได้
"ตัสมา ปัพพัชชัง วิโสธยา"
เพราะเหตุนั้นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงทรงสรรเสริญว่า "การบวชเป็นยอดพระบารมีธรรมทั้งหลายอันวิเศษสามารถดับเพลิงทุกข์และเพลิงกิเลสให้หมดไป การบวชคือการช่วยเหลือมนุษย์ที่หลงตกหลุมถ่านเพลิงและกองทุกข์อันแสนที่เร่าร้อนเจ็บปวด แสนสาหัสให้ขึ้นมาได้โดยความปลอดภัย"
ดังนั้น พวกเธอทั้งหลายจงยินดีในการเสียสละชีวิตฆราวาสมาบวชบรรพชาอุปสมบทในพระพุทธศาสนา อย่าให้เสียผลที่มุ่งมาอย่าบวชเล่นบวชหัว บวชลักบวชลี้บวชขี้ใส่ถาน (ส้วม)
"การบวชต้องอาศัยสิ่งสําคัญ ๒ อย่างคือ บวชกาย ๑ บวชใจ ๑ คือ บวชทั้งกายทั้งใจได้ชื่อว่า พระ คือ ประเสริฐหรือสมณะแปลว่า ผู้สงบ ผู้สงบคือ ผู้ชนะ ผู้ใดละผู้นั้นร่ำรวย รวยอะไรเล่าก็รวยอริยทรัพย์นั้นซิ อริยทรัพย์คือทรัพย์ภายใน ได้แก่ บุญกุศล"
บวชผลาญข้าวสุก บวชสนุกตามเพื่อนขาดทุนน่ะไม่ดีเป็นบาป "กุโสยถา ทุคคหิโต" หญ้าคาย่อมบาดมือคนกําไม่แน่นฉันใด บรรพชิตคือนักบวชมาเหยียบย่ำคัมภีร์วินัย ไม่เอาใจใส่ศึกษาและตั้งใจปฏิบัติตามธรรมคําสั่งสอนของศาสนา เขาเหล่านั้นย่อมไปตกนรก ผ้ากาสาวพัสตร์เหลืองอร่ามงามตาก็ไม่กล้าสามารถรับรองพวกท่านทั้งหลายมิให้ตกนรกได้ ความชั่วเปรียบเหมือนอุจจาระ ภาชนะที่รองรับถึงจะเป็นเนื้อทอง ก็ไม่พ้นความหม่นหมองฉะนั้น "การบวชต้องอาศัยสิ่งสําคัญ ๒ อย่างคือ บวชกาย ๑ บวชใจ ๑ คือ บวชทั้งกายทั้งใจได้ชื่อว่า พระ คือ ประเสริฐหรือสมณะแปลว่า ผู้สงบ ผู้สงบคือ ผู้ชนะ ผู้ใดละผู้นั้นร่ำรวย รวยอะไรเล่าก็รวยอริยทรัพย์นั้นซิ อริยทรัพย์คือทรัพย์ภายใน ได้แก่ บุญกุศล" ผู้บริบูรณ์ด้วยอริยทรัพย์แล้ว โบราณว่า
"กินไม่บก จกไม่ลง" คือ กินเท่าไหร่ก็ไม่หมด ไม่มีบกพร่องไม่มีขาดมีเขิน เจริญอยู่ทุกเมื่อ
คัดลอกมาจาก หนังสือ หลวงปู่ขาว อนาลโย พระอรหันต์แห่งถ้ำกลองเพล