PDA

View Full Version : เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนสิงหาคม ๒๕๕๗


เถรี
04-08-2014, 06:13
ถาม : มีดหมอควรจะเป็นลักษณะแบบใดได้บ้างครับ ?
ตอบ : อีโต้..! มีดหมอของครูบาอาจารย์ยุคแรก ๆ ท่านทำเป็นรูปอีโต้เลย เพราะท่านถือเคล็ดคำว่า “โต้” คือย้อนกลับ มีดหมอคู่มือของหลวงปู่ปานก็เป็นอีโต้เหมือนกัน เล่มกำลังน่ารักเชียว ถ้าใหญ่กว่านั้นหน่อยก็ฟันหัวคนถนัดเลย..!

ถาม : แล้วอย่างไม้คทา ไม้ครู หรือไม้ตะพด จะนำมาทำมีดหมอได้หรือไม่ครับ ?
ตอบ : ไม้ไม่ใช่มีด

ถาม : ถ้าหากแกะสลักไม้เป็นพระขรรค์ หรือรูปทรงมีด จะนำมาเป็นมีดหมอได้หรือเปล่าครับ ?
ตอบ : อานุภาพจะด้อยไปหน่อย เพราะส่วนใหญ่แล้วมีดหมอเขาจะทำด้วยโลหะ โดยเฉพาะโลหะผสม ซึ่งสมัยก่อนที่ใช้โลหะผสมเพราะว่า คาถาบางบทเขามีการป้องกันเฉพาะอาวุธที่ทำจากโลหะเฉพาะอย่าง ในเมื่อป้องกันเฉพาะอย่าง พอเอาโลหะผสมหลาย ๆ อย่างเข้า เลยกลายเป็นกันไม่ได้ ฉะนั้น..ถ้าหากว่าจะเอาไม้มาทำมีดหมอ อาตมาแนะนำว่าไม้ไผ่ดีที่สุด เนื่องจากว่าไม้ไผ่เป็นไม้เคล็ด ไสยศาสตร์ทุกประเภทกันไม้ไผ่ไม่ได้ เหนียวเท่าเหนียวก็เสร็จหมด

เถรี
04-08-2014, 06:14
ถาม : วิชากระสุนคตของหลวงพ่อวัดท่าซุง จะต้องปฏิบัติอย่างไรครับ ?
ตอบ : ฝึก..ไม่ฝึกก็ยังเป็นวิชาอยู่นั่นแหละ ฝึกเมื่อไรก็จะได้เป็นของเรา

เถรี
04-08-2014, 06:16
ถาม : อีโบล่าจะเข้าประเทศไทยไหมครับ ?
ตอบ : ต้องดูว่าได้วีซ่าหรือเปล่า ฉะนั้น..เรื่องนี้ต้องถามกระทรวงการต่างประเทศ..!

ถาม : วัตถุมงคลอะไรป้องกันได้ครับ ?
ตอบ : ถ้าวัตถุมงคลหลวงพ่อวัดท่าซุงตั้งแต่ปี ๒๕๓๒ กันโรคระบาดได้ทั้งหมด แต่ก็มีอยู่แค่ ๓ ปีนี้เท่านั้น เพราะหลวงพ่อท่านมรณภาพปี ๒๕๓๕ ฉะนั้น..ไปหากันเอาเองแล้วกัน ใครมีก็เอาให้แพง ๆ หน่อย..!

ถาม : แล้วของวัดท่าขนุนละคะ ?
ตอบ : อ๋อ...ของวัดท่าขนุนยังไม่กันให้ คือกะว่าจะออกวัตถุมงคลหากินอีกชุดหนึ่ง..!

เถรี
04-08-2014, 06:18
ถาม : เจอเพื่อนหลายคนที่ชอบพูดจาแรง ๆ กระทบผู้อื่นโดยเขาให้เหตุผลว่า "เป็นคนตรง" ขอถามว่า การพูดจาตรงไปตรงมา ความหมายที่ถูกต้องคืออะไรกันแน่ ? เพราะสมัยนี้เขาตีความไปว่าคือการพูดจาแรง ๆ เปิดเผยความรู้สึกโดยไม่สนใจคนรอบข้าง ?
ตอบ : พวกมนุษย์ป้ามักจะเป็นอย่างนั้น..! องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสเอาไว้ว่า

วาจาใดไม่เป็นที่ชอบใจ ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ ตถาคตไม่กล่าววาจานั้น
วาจาใดไม่เป็นที่ชอบใจ ก่อให้เกิดประโยชน์ ตถาคตรู้ว่าควรจะกล่าวเวลาไหน
วาจาใดเป็นที่ชอบใจ ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ ตถาคตก็ไม่กล่าววาจานั้น
วาจาใดเป็นที่ชอบใจ ก่อให้เกิดประโยชน์ ตถาคตจะกล่าววาจานั้นเสมอ

เพราะฉะนั้น..ก็เลือกเอาก็แล้วกันว่า จะตรงไปตรงมาแล้วคนอื่นเขาเห็นว่าก้าวร้าวหรือว่าเกรียนดี หรือว่าจะรู้จักกาลเทศะเสียหน่อย หรือไม่ก็ใช้วาจาตรงแบบเดียวกันคืนไปบ่อย ๆ เดี๋ยวเขาก็รู้ตัวเอง

ถาม : แต่ถ้าเขาทำเราก่อนแล้วเราพูดไปแรง ๆ จะเป็นอะไรไหมคะ ?
ตอบ : เอาอย่างนี้แล้วกัน แขวนตะกรุดมหาสะท้อนแล้วภาวนา “เมสัมมุกขา สัพพาหะระติ เตสัมมุกขา” ไว้ทุกวัน..!

เถรี
04-08-2014, 06:52
ถาม : ปัจจุบันนี้มีคดีข่มขืนเกิดขึ้นเยอะมาก ไม่ทราบว่าการข่มขืนจัดเข้าในการผิดศีลข้อ ๓ หรือไม่ ? และในนรกมีที่รองรับสำหรับผู้ที่ข่มขืนผู้อื่นหรือไม่ ?
ตอบ : อ๋อ...เพียบ ไม่เป็นไร พวกนี้มีโทษพิเศษเพิ่มให้ด้วย เสียดายอาตมาปล่อยปลาเปคูไปหมดแล้ว ไม่อย่างนั้นจะให้ทางนรกเขายืมหน่อย เจ้าปลาเปคูมีฉายาง่าย ๆ ว่า "ปลากัดจู๋" อาจจะเป็นเพราะว่าไม่มีอะไรน่ากัด ก็เลยมุ่งกัดแต่ตรงนั้นก็ได้

สรุปว่า ผิดศีลแน่นอนจ้ะ ขนาดล่วงละเมิดโดยเขายินยอมแต่เจ้าของไม่ให้ยังผิดศีลเลย

เถรี
04-08-2014, 06:53
ถาม : การแต่งตัวโป๊ โชว์เนื้อหนังมังสาให้ผู้อื่นเห็น ไม่ทราบว่าตรงนี้เกิดเป็นกรรมอย่างไร ?
ตอบ : ตั้งใจว่าใครแถวนี้หรือเปล่า ? ก่อให้ผู้อื่นเกิดราคะจริต ก็ต้องบอกว่าเท่ากับทำให้จิตใจคนอื่นเขาเศร้าหมอง ถามว่ามีโทษหรือเปล่า ? ก็อาจจะโดนข่มขืนได้..!

เถรี
04-08-2014, 06:56
ถาม : ถ้าเราตัดสินใจว่าไปพระนิพพานในชาตินี้อย่างแน่นอน อย่างไรก็ไม่เปลี่ยนความตั้งใจ แต่พฤติกรรมที่เราทำ ก็ยังอยู่ในลักษณะสงเคราะห์ผู้อื่นให้มีความสุข และพร้อมที่จะช่วยเหลือผู้อื่น พูดง่าย ๆ ว่ายังติดนิสัยเดิมอยู่ ไม่ทราบว่าต้องแก้นิสัยนี้ไหม ? นิสัยนี้จะเป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติไปพระนิพพานไหม ?
ตอบ : ไม่ต้องแก้ ทำให้มากเข้าไว้ เพียงแต่เปลี่ยนเป้าหมายเท่านั้น คราวนี้ก็จะทำให้ความเยิ่นเย้อน้อยลง ก้าวตรงทางมากขึ้น ช่วยให้ไปพระนิพพานง่ายขึ้น

เถรี
04-08-2014, 06:57
ถาม : ระหว่างเพื่อนที่คอยเตือนเรา เวลาเราทำในสิ่งที่ไม่ดีหรือขาดสติ กับเพื่อนที่มองข้ามข้อเสียของเรา ไม่ว่าเราเป็นอย่างไรก็รับได้ ระหว่างสองอย่างนี้เพื่อนอย่างไหนที่ควรคบมากกว่ากัน ?
ตอบ : ถ้าต้องการประโยชน์จริง ๆ เพื่อแก้ไขตนเองให้ดีขึ้นด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ ก็คบเพื่อนประเภทแรก เพราะว่าคบเพื่อนประเภทหลังบางทีอาจจะเป็นมิตรเทียมก็ได้ ถ้าใครอยากรู้เรื่องมิตรแท้ มิตรเทียมก็ไปถามกูเกิ้ลว่าเป็นอย่างไร

เถรี
04-08-2014, 09:07
ถาม : ถ้าครูบาอาจารย์ชมเรา แล้วเราเก็บมายินดี อย่างนี้จัดเป็นกิเลสหรือไม่ ? ที่ถูกต้องเราไม่ควรยินดีต่อคำชมของผู้ใดใช่หรือไม่ ?
ตอบ : ถ้าตราบใดที่ยังไม่เป็นพระอรหันต์ ความยินดียินร้ายจะเกิดขึ้นเสมอ แม้กระทั่งพระอนาคามีที่ปราศจากราคะ โลภะ โทสะแล้วก็ยังมีความยินดีในกุศลอยู่ เพราะฉะนั้น..ยินดีก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ ยินดีก็เก็บไว้เป็นกำลังใจ แต่อย่าออกนอกหน้ามากก็แล้วกัน ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวคนอื่นเขาจะหมั่นไส้เอา..!

เถรี
05-08-2014, 13:28
พระอาจารย์กล่าวว่า "ขอย้ำว่า วัตถุมงคลวัดท่าซุงตั้งแต่รุ่นพร ๓๐ ประการเป็นต้นมา สามารถป้องกันโรคระบาดได้ หรือไม่อาตมาก็เคยทำยันต์กันโรคระบาดไปให้แล้ว ถ้าใครมีอยู่ก็เริ่มเอาไปประมูลกันได้ เอาเป็นว่าถ้าไม่ลืม ตอนปลุกเสกเหรียญพุทธบารมีจะขอ "พระ" ท่านช่วยสงเคราะห์ให้ด้วย"

ถาม : แล้วคนที่ไม่มีล่ะครับ ?
ตอบ : คำตอบเดิม..รอของแพง ความจริงโรคอีโบล่าแก้ง่ายนะ สำรวจสำมะโนประชากรในประเทศไทยทั้งหมดโดยเฉพาะภาคอีสาน ถ้าลูกสาวคนเล็กชื่อโบก็จัดแจงไล่ไปอยู่ต่างประเทศ เพราะทางอีสานเขาจะเรียกลูกคนเล็กว่า “อีหล้า” อยู่แล้ว ถ้าชื่อโบก็เป็น “อีโบหล้า”

มนุษย์เราคิดว่าตนเองเป็นเทพเจ้า สามารถเอาชนะโรคร้ายหลายต่อหลายโรคได้ แต่ปัจจุบันนี้อย่างพวกโรคเอดส์หรือว่าอีโบล่า (ไข้เลือดออกมหาประลัย) ยังไม่มีใครสามารถเอาชนะได้ ก็เกิดความหวาดกลัวกันเป็นปกติ ถ้าเรามั่นใจในคุณพระรัตนตรัย โดยเฉพาะมั่นใจว่าปาณาติบาตของเรามีน้อย ก็ไม่ต้องไปกังวลโรคอะไรหรอก ถ้าอยู่นานเกินไปจะบ่นเสียด้วยซ้ำ

ตอนนี้มีคุณยายที่อายุ ๑๒๑ ปี เขากำลังส่งหลักฐานไปให้กินเนสบุ๊คบันทึกว่าเป็นคนที่อายุยืนที่สุดในโลก ถ้าญาติโยมสังเกตจะเห็นว่าบุคคลที่อายุยืนที่สุดในโลกที่ได้รับการบันทึกลงในกินเนสบุ๊คออฟเรคคอร์ด เป็นผู้หญิงแทบทั้งนั้น เพราะฉะนั้นแก่ง่ายตายช้าถือเป็นคุณสมบัติ..! เหตุที่ผู้หญิงมักจะอายุยืนกว่าผู้ชายเพราะว่าธรรมชาติสร้างให้เป็นเช่นนั้น โดยเฉพาะว่าผู้หญิงต้องผจญภัยกับการคลอดบุตร ซึ่งถ้าหากว่าคลอดธรรมชาติก็เจ็บปวดจนปางตาย ดังนั้นผู้หญิงจึงทนต่อทุกขเวทนาได้มากกว่า ในเมื่อเป็นเช่นนั้นก็ทำใจไว้เถอะ ถ้าเป็นรุ่นเดียวกันเราต้องอยู่ทนกว่า เหนียวโดยธรรมชาติ เพิ่มวัตถุมงคลดี ๆ เข้าไปอีกนิดก็ได้เรื่องเลย

เถรี
05-08-2014, 13:34
แต่สถิติอายุยืนที่สุดในโลกที่บันทึกไว้ในพระไตรปิฎกยังเป็นผู้ชายอยู่ คือพระพากุลเถระ อยู่จนอายุ ๑๕๐ ปีไม่เคยเจ็บ ไม่เคยป่วย แข็งแรงดีเป็นปกติ อยู่จนเบื่อก็เข้ากรรมฐานทิ้งร่างไปเลย ถ้าที่บันทึกไว้ในประวัติศาสตร์จีนก็แพ้เหล่าโจ้ว อายุ ๘๐๐ ปี เบื่อเต็มทีเดินเข้าป่าหายไปเฉย ๆ ซึ่งคนจีนเขาเรียกว่าซิ่วเซียนหรือเซียนอายุวัฒนะ หนึ่งในสามเซียน ฮก ลก ซิ่ว ไหวไหม ? ๘๐๐ ปี อยู่กันจนข้ามราชวงศ์เลย ไม่ใช่ข้ามรัชกาล ข้ามรัชกาลนี่ยังถือว่าไม่เก่งจริง นี่ข้ามราชวงศ์เลย

ส่วนในบันทึกประวัติศาสตร์ที่มีหลักฐานค้นได้ของจีน บุคคลที่อายุยืนที่สุดก็ยังคงเป็นผู้ชาย คือ ลีชิงยุน อายุ ๒๕๖ ปี ขนาดอายุสองร้อยกว่าปียังเป็นครูสอนมวยจีนให้กับกองทัพจีนอยู่เลย ลีชิงยุนบอกว่าที่ตนเองอายุยืนเพราะว่าฝึกลมปราณและกินสมุนไพร เนื่องจากว่าตนเองมีความรู้ทางสมุนไพรใบยาด้วย ลีชิงยุนอายุ ๒๐๐ กว่าปีไม่รู้ว่าบรรดาลื้อของเขายังอยู่หรือเปล่า แต่ว่าลีชิงยุนมีฟันงอกใหม่ ๓ ชุด

ถาม : แต่การอยู่ด้วยบุญจะไม่รู้สึกว่านานหรือเปล่าคะ?
ตอบ : ไม่ใช่ไม่รู้สึกว่านาน นานเหมือนกัน แต่ว่าเรื่องของทุกขเวทนาอื่น ๆ จะมีน้อย ดูอย่างพระพากุละอายุ ๑๕๐ กว่าปีแล้ว ยังเหมือนคนหนุ่มอยู่เลย ส่วนลีชิงยุนอายุ ๒๐๐ กว่าปียังเป็นอาจารย์สอนมวยจีนให้กับกองทัพ หนุ่ม ๆ สู้แกไม่ได้สักคน จะว่าไปแล้วของเก่าก็ต้องมีปาณาติบาตน้อยด้วย ไม่อย่างนั้นอุปฆาตกรรมย่อมเกิดขึ้นบ้าง เจ็บไข้ได้ป่วยเศษกรรมจากปาณาติบาตบ้าง โดนเข้าไปมาก ๆ พลังชีวิตหมด ก็อยู่ไม่ได้นานขนาดนั้น

เถรี
05-08-2014, 13:39
พระอาจารย์กล่าวว่า "หลังเหรียญพุทธบารมีใส่ยันต์กันโรคระบาดไปด้วย ยันต์กันโรคระบาดจะเรียกว่ายันต์ก็ไม่ใช่ แต่ท่านเรียกว่ายันต์เสียนี่ ความจริงยันต์กันโรคระบาดเป็นอักขระ ๕ ตัวเท่านั้น คือ นะ ณา มะ อะ อุ เป็นของท่านท้าวเวสสุวรรณ ท่านท้าวเวสสุวรรณเป็นหัวหน้าคุมเทวดาซึ่งมีหน้าที่ดูแลเกี่ยวกับโรคระบาด

พวกเราคงสงสัยใช่ไหม ? เขามีโรคระบาดคนและโรคระบาดสัตว์ เทวดาสองชุดนี้ก็จะใส่ชุดเขียวกับชุดแดง พอถึงเวลาก็จะไปกำหนดเขตว่าจะให้ระบาดแค่ไหน พวกเราคงสงสัยว่าเทวดาเอาโรคมาให้เราไม่บาปแย่หรือ ? ไม่ใช่หรอก..เป็นหน้าที่ของท่าน ท่านรู้ว่าวาระกรรมของคนส่วนรวมที่ทำไว้มีเท่าไร ถึงเวลาท่านก็จะไปกำหนดเขตว่าจะระบาดจากตรงไหนถึงตรงไหน

หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านเคยเห็นเทวดาไปวัดที่กำหนดเขตกัน ก็ถามว่าทำไม ? ท่านบอกว่าจะเกิดอหิวาตกโรค พอถึงเวลาก็เกิดจริง ๆ แต่เดี๋ยวนี้เขาไม่กลัวอหิวาต์กันแล้ว"

เถรี
05-08-2014, 13:52
ถาม : เหรียญพุทธบารมีมีเนื้ออื่นที่ถูกกว่านี้ไหมครับ ?
ตอบ : ถูกกว่านี้ไม่มี มีแต่แพงกว่านี้ อาตมาทำเนื้อทองคำขนาด ๙ ซ.ม.ไป ๒ เหรียญ เฉพาะค่าทองคำหมดไปเหรียญละล้านสี่แสนกว่า ๆ มีใครสนใจทำก็ได้นะ ไม่ว่ากัน ขนาดเนื้อเงินยังตั้งครึ่ง ก.ก.กว่า เนื้อทองจะไม่ไปขนาด ก.ก.ได้อย่างไร มีข้อแนะนำว่าถึงเวลาใครมีเหรียญพุทธบารมีทองคำที่ใส่กล่องไม้ ก็ไปขอกล่องเขามา แล้วแกะเอาฝากล่องไปเลี่ยมแขวนคอแทน

เหรียญพุทธบารมีจริง ๆ ก็อักขระเลขยันต์ลายเดียวกับเสื้อยันต์เกราะเพชรพิชัยสงครามนั่นแหละ ฉะนั้น..ไปซื้อเสื้อยันต์ตัว ๔๕๐ บาทก็เหมือนกัน ความจริงเสื้อยันต์กันได้มากกว่านะ เพราะคลุมเกือบทั้งตัว เหรียญนี่ปิดได้นิดเดียว

เถรี
05-08-2014, 14:03
ถาม : ถ้าฮอร์โมนในร่างกายเปลี่ยน เรามีวิธีเจริญกรรมฐานเพื่อปรับฮอร์โมนหรือปรับธาตุในร่างกายได้อย่างไรคะ ?
ตอบ : ถ้าคล่องในกสิณ ๑๐ ก็ทำได้

ถาม : ถ้ายังไม่คล่องละคะ ?
ตอบ : แต่ถ้าหากไม่คล่องก็รอไปก่อน

ถาม : น้องเขาฮอร์โมนเปลี่ยนไป ทำให้เส้นเอ็นอักเสบ ?
ตอบ : กินยาของหลวงพ่อวิชาประทัง ๆ ไปก่อน โรคภัยไข้เจ็บทุกชนิดเกิดจากเศษกรรมปาณาติบาต โดยเฉพาะสมัยของเราต้องบอกว่า ส่วนใหญ่คงจะสร้างกรรมปาณาติบาตกันมามาก ก็เลยมาเกิดในยุคสมัยที่โรคภัยไข้เจ็บมากเป็นพิเศษ สมัยก่อนนี้ชาวบ้านเขาไม่ค่อยรู้จักหรอกคำว่ามะเร็ง มายุคของพวกเราอาหารสารพัดสารเพมีแต่สารพิษ

เถรี
05-08-2014, 14:07
เมื่อเดือนก่อน ประมาณต้นเดือนกรกฎาคม พระไทยไปเที่ยวเวียดนาม ๕ รูปรอดกลับมา ๑ รูปเท่านั้น เป็นพระจากกาญจนบุรี - ราชบุรี ๕ รูป พาญาติโยม ๒๐๐ คนไปเที่ยวเวียดนาม ไปพักโรงแรมแล้วอาหารเช้าเขาบวกไว้ในค่าโรงแรม ญาติโยมเห็นว่าอาหารบุฟเฟ่ต์ไม่น่าจะอร่อย เรามาตั้ง ๒๐๐ คน แค่พระ ๕ รูปเท่านั้นทำไมจะเลี้ยงไม่ได้ ก็เลยสั่งอาหารอย่างดีของโรงแรมให้

ปรากฏว่าพระฉันเข้าไปแล้วอาเจียนเป็นเลือด หามเข้าโรงพยาบาล มรณภาพไป ๔ รูป อีกรูปหนึ่งป่านนี้ฟื้นหรือยังไม่รู้ เป็นพระจากกาญจนบุรีด้วย พระจากราชบุรีมรณภาพหมด แสดงว่าพระเมืองกาญจน์ฯ เหนียวกว่า

หมอที่โรงพยาบาลผ่าศพตรวจสอบแล้ว เจอฟอร์มาลีนอยู่ในกระเพาะอาหารเยอะมาก ถึงได้รู้ว่าเป็นเพราะปลาดิบที่ฉันเข้าไปนั่นแหละ ซึ่งปกติแล้วพระพุทธเจ้าห้ามพระฉันอาหารดิบ ญาติโยมอาจจะไม่รู้ พระรู้แต่คงอยากฉัน รูปที่รอดมาได้นั้นท่านฉันไป ๒ คำเท่านั้น ทางโรงแรมขอไกล่เกลี่ยจ่ายเงินให้ศพละ ๑ ล้านบาท เพราะไม่อย่างนั้นต้องฟ้องร้องกันนาน อย่าลืมว่า ๑ ล้านบาทของเรานี่ เป็นพันล้านของเขานะ

พระพุทธเจ้าท่านตรัสเอาไว้ โลกเราจะพินาศด้วยเหตุหลายประการ ถ้าเป็นยุคที่พินาศด้วยอาวุธ เรียกว่าสันตถันตรกัป ถ้าพินาศด้วยโรคภัยเรียกว่าโรคันตรกัป ยุคของเรานี่โดน ๒ อย่างพร้อมกันดีไหม ? อาวุธก็ดีเหลือเกิน ถ้ายุคที่ตายด้วยความอดอยากเรียกว่าทุพภิกขันตรกัป โลกเรายุคนี้มีครบทุกอย่างเลย ทางด้านแอฟริกาจะอดตายกัน ส่วนบ้านเราจะอ้วนตายกัน

ปัจจุบันนี้โรคอ้วนเป็นโรคที่น่ากลัวมาก เพราะว่าพาโรคอื่น ๆ ตามมาอีกเยอะ โรคเบาหวาน โรคหัวใจ ไขมันอุดตัน ข้อเข่าเสื่อม สารพัด พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า โลกเรามีกัปข้างเจริญกับกัปข้างเสื่อม ยุคของเรานี่ถือว่าอยู่ในข้างเสื่อม และจวนจะสิ้นสุดการเสื่อมอยู่แล้ว แปลว่าใกล้จะถึงระดับเสื่อมที่สุด

เถรี
05-08-2014, 14:11
พระอาจารย์กล่าวถึงบาตรที่โยมนำมาถวายว่า "ไปถึงวัดบอกแม่ชีให้แยกออกมาเลยนะ เพราะว่าจะแจกพระเก่าก่อน แล้วก็เอาบาตรพระเก่านั่นแหละไปให้พระใหม่ที่บวช รู้สึกว่าเป็นการเอาเปรียบพระใหม่นะ แต่พระพุทธเจ้าสั่งว่า ได้ของอะไรมาให้แจกไล่กันไปตามลำดับพรรษา ก็ต้องตามที่ท่านว่า ใครใส่จีวรเก่าก็เอาของเก่าไปให้ท่านที่เก่ากว่า ท่านที่เก่ากว่าก็ไปให้ท่านที่เก่าที่สุด ไล่กันไปเรื่อย ๆ"

เถรี
06-08-2014, 13:38
ถาม : เปลี่ยนชื่อมาสามรอบแล้วยังเป็นหนี้สินเยอะแยะ ?
ตอบ : ไม่ได้เกี่ยวกัน ต้องเปลี่ยนความประพฤติ ถ้าเปลี่ยนชื่อแล้วยังใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายอยู่ ก็เป็นหนี้ทั้งชาตินั่นแหละ อาตมาบอกเป็นร้อยครั้งแล้วว่าเปลี่ยนชื่อไม่มีประโยชน์หรอก ต้องเปลี่ยนความประพฤติตัวเองถึงจะดีขึ้น

ถาม : เปลี่ยนดีไหมคะ ?
ตอบ : เปลี่ยนไปเถอะกี่ร้อยกี่พันชื่อ ถ้าสันดานเหมือนเดิม ความประพฤติเหมือนเดิมก็แค่นั้นแหละ..!

เถรี
06-08-2014, 13:52
พระอาจารย์กล่าวว่า "วันนี้ที่ลงมาช้าไปเกือบ ๒๐ นาที เพราะมัวแต่ไปลงกองทุนรักษาพยาบาลอยู่ การสรุปกองทุนรักษาพยาบาลพระภิกษุสามเณร อาตมาจะมีสีคาดอยู่ว่าอย่างไหนยังไม่ได้ลงบัญชี อันไหนลงบัญชีแล้วแต่ยังไม่ได้สรุปยอดรวม ปรากฏว่านายบัญชีของอาตมาดันไปคาดสีเดียวกันหมด ก็หน้ามืดสิ

ญาติโยมหลายคนก็คงจะกลัวว่าอาตมายุ่งไม่พอ ก็เลยทำบุญมาเป็นเศษสตางค์ อาตมาเพิ่มไปให้ ๕-๖ ทุนแล้ว เพิ่มเป็นยอดเต็มไป เพราะฉะนั้น..คราวหน้าถ้าหากใครทำบุญได้โปรดเถอะ ประเภท ๕๐๖ บาท ถ้า ๕๐๐ บาทไม่ได้จริง ๆ ก็ ๑๐๐ บาทก็พอ อีก ๔๐๖ บาทเก็บไว้ก่อน เพราะว่ามีเศษเยอะเท่าไรก็ทำบัญชียากเท่านั้น

แต่ว่าหลายท่านก็ดีเหลือเกิน ทำกันสม่ำเสมอเท่ากันทุกเดือน อย่างนั้นไม่ต้องเสียเวลาดูเลย สามารถลงได้เลย แต่ในขณะเดียวกันบางคนก็ละเอียดถึงขนาดทำวันที่เดียวกันทุกเดือน มีอยู่รายหนึ่งทำทุกวันที่ ๒๕ แสดงว่าสภาพจิตจดจ่ออยู่กับทานบารมีตลอดเวลา เป็นจาคานุสติด้วย เป็นทานบารมีด้วย ส่วนบางท่านก็เปิดบัญชีแล้วทิ้งเลย ๕-๖ ปีไม่มีการเคลื่อนไหว ถ้าเป็นธนาคารก็เจอค่าฝากอานไปแล้ว"

เถรี
06-08-2014, 13:54
ถาม : ที่ผ่านมาหนูปฏิบัติ และหาคำตอบ จนมาเจอคำสอนหลวงพ่อฤๅษีกับท่านอาจารย์ ก็ทำตามมาจนถึงปัจจุบัน อยากทราบว่าตอนนี้หนูเข้าถึงความเป็นอนาคามีหรือยังคะ ?
ตอบ : พระอนาคามีอันดับแรกเลยต้องทรงฌาน ๔ คล่องตัว เพราะถ้าไม่ได้กำลังฌาน ๔ คล่องตัวจะไม่สามารถตัดราคะกับโทสะได้ ถ้าหากว่าฌาน ๔ คล่องตัวแล้ว บางทีก็ยังเป็นปุถุชนธรรมดาอยู่ เพียงแต่ว่าสมาธิดำเนินต่อเนื่องกันตลอด ราคะ โลภะ โทสะ จึงไม่เกิด

ดังนั้น..สิ่งที่ดีที่สุดก็คือว่า กติกามีอย่างไรเราทำของเราต่อไปเรื่อย ๆ ส่วนจะได้หรือไม่ได้อย่างไรนั่นถือเป็นของแถมไปก็แล้วกัน ถ้าได้เดี๋ยวพระท่านก็เสด็จมาบอกเอง แล้วก็โปรดระมัดระวังด้วย เขามีการทำนาย มีการหลอก มีการต้มกันมาเยอะต่อเยอะแล้ว

เถรี
06-08-2014, 14:08
พระอาจารย์กล่าวว่า "ช่วงนี้ที่อาตมาเป็นหวัดเพราะว่าไปตากฝนจับปลามา ที่วัดมีสระน้ำอยู่แล้วปลาแออัดยัดเยียดมาก จึงช่วยกันจับไปปล่อยลงแม่น้ำหลังวัด ฝนก็ช่วยซ้ำ ตกมาเช้ายันค่ำ ค่ำยันเช้า ทั้งเปียกข้างล่าง ทั้งเปียกข้างบน ไม่มีเหลือเลย ปลาที่ไปปล่อยที่แม่น้ำ ที่เป็นห่วงที่สุดก็คือพวกปลาคาร์ฟ เพราะสีสดใสมากเลย ปลาคาร์ฟสีแดงนี่แดงแปร๊ดเลย พอไปอยู่ในน้ำใส ๆ มองเห็นแต่ไกล อาจจะโดนฉมวกชาวบ้านตอนไหนก็ไม่รู้ แต่ละตัวก็ใหญ่ ๆ น่ากินทั้งนั้น

ในสระมีปลาคาร์ฟ มีปลาแรด ปลาแรดนี่ใส่จานไม่ได้ ต้องใส่ถาด ตัวใหญ่จัด มีปลาจาระเม็ดน้ำจืดหรือปลาเปคู เปคูนี่ใหญ่กว่าปลาแรดเป็นเท่าเลย นั่นคงต้องใส่กาละมัง มีปลานิล ปลาทับทิม ปลากระแห แล้วก็ลูกครึ่งปลาทับทิมกับปลานิล ตัวไหนที่ดำเยอะก็เป็นนิลทับทิม ตัวไหนแดงเยอะก็เป็นทับทิมนิล ผสมข้ามพันธุ์กันท่าไหนก็ไม่รู้ แล้วก็มีปลาดุกอุยผสมปลาดุกรัสเซีย ที่เขาเรียกบิ๊กอุย ปีก่อนโน้นโดนคลอรีนแรงไปหน่อย ตายไปเป็นตัน ๆ เลย

พอปลาโดนปล่อยลงแม่น้ำใหม่ ๆ ยังไม่เคยชินสถานที่ ก็ว่ายเลาะ ๆ ตรงชายขอบ ชาวบ้านเขาเอาไปกินเสีย ๒-๓ กระสอบ พระเขาก็โกรธ อาตมาบอกว่าจะไปโกรธเขาทำไม คนเขาจะลงนรก เราเองไปโกรธเขา ก็เท่ากับเราโดดลงนรกไปด้วย เราปล่อยเขาไปแล้ว ส่วนเขาเป็นอย่างไรก็ต้องแล้วแต่เวรแต่กรรม "


https://fbcdn-sphotos-h-a.akamaihd.net/hphotos-ak-xpa1/v/t34.0-12/10514987_586267654816524_1111369067_n.jpg?oh=1e8b19c0e0968869801a4c40ae9fefb1&oe=53E3C1DE&__gda__=1407437246_1eaad4164aadbfbc197ced03857b7816

https://fbcdn-sphotos-h-a.akamaihd.net/hphotos-ak-xpf1/v/t34.0-12/s720x720/10592347_586371891472767_92122588_n.jpg?oh=aa9423c96901db9666cdce544339d546&oe=53E3795F&__gda__=1407454837_9bdaa53f7bb4612b106eb54d6966fe3d

https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=586722791437677&id=100002998846639

เถรี
06-08-2014, 14:12
ถาม : อย่างวัตถุมงคลที่พระท่านพุทธาภิเษก มีทางที่จะเสื่อมอานุภาพไหมครับ ?
ตอบ : ไม่มี...ยกเว้นว่าเราเสื่อมศรัทธาเอง

เถรี
06-08-2014, 14:18
ถาม : การเป็นพระอนาคามีควรเน้นการปฏิบัติตรงไหนคะ ?
ตอบ : ตั้งใจละสังโยชน์ ๕ ให้ได้ก่อน ไปเปิดตำราดูเลยว่ามีอะไรบ้าง แล้วหลังจากนั้นค่อยมาตัดสังโยชน์ข้อสุดท้าย

ถาม : เปิดอ่านและฟังอยู่ ?
ตอบ : ทำก็คือทำ ส่วนผลจะเป็นอย่างไรคอยดูกันต่อไประยะยาว ๆ จำไว้ว่าถ้าก้าวถึงความเป็นพระอนาคามี ส่วนใหญ่จะอยู่บ้านไม่ได้ บ้านไม่ใช่สถานที่สำหรับเราแล้ว

เถรี
06-08-2014, 14:24
ถาม : มีเด็กที่โรงเรียนทำข้อสอบ ให้นั่งสอบกับพื้น เขาก็นั่งสมาธิสวดมนต์ เพื่อน ๆ เขาก็ว่า เด็กเขาก็ทำอย่างนี้ทุกครั้ง คนเดินไปเดินมาเขาก็ดู เขาจะนั่งสมาธิ สวดอิติปิ โสฯ แผ่เมตตา ก่อนทำข้อสอบ ?
ตอบ : คนที่ทำอย่างนั้นได้กำลังใจต้องดีมาก ไม่หวั่นไหวกับคำพูดของคนอื่น บุคคลที่มีสิทธิ์จะบรรลุธรรมต้องเป็นอย่างนั้น เขาทำถูกแล้ว ถ้าเราห้ามจะกลายเป็นโทษของเรา

ถาม : ปล่อยเขาไปเลย ?
ตอบ : ปล่อยเขาเลยจ้ะ

ถาม : ว่าจะแนะนำคาถาท่านปู่พระอินทร์ให้เขาค่ะ
ตอบ : ถ้าได้ไปนี่จะกลายเป็นเสือติดปีกเลย เพราะว่าศรัทธาเขามีมากอยู่แล้ว

เถรี
06-08-2014, 14:28
นักปฏิบัติจริง ๆ ต้องไม่แคร์สื่อ ถ้ามัวแต่ฟังคำชาวบ้านก็ไม่ต้องทำมาหากินอะไร ใครจะว่าบ้า เราก็บ้าไปกับเขา นี่ยังดี สมัยหลวงพ่อฤๅษีฯ มีคุณยายท่านหนึ่ง มาจากทางชายแดนตาพระยา ไม่แน่ใจว่าทั้งหมู่บ้านหรือทั้งตำบลมีท่านปฏิบัติธรรมอยู่คนเดียว แล้วคนทั้งหมดเขาว่าคุณยายท่านบ้า คุณยายคนนี้ก็มาถามหลวงพ่อฤๅษีฯ ที่บ้านสายลม มาถึงแต่เช้ามืดเลย นั่งรถมา ๒ วัน สมัยนั้นเดินทางจากตาพระยามากรุงเทพฯ ไม่ใช่เรื่องง่ายนะจ๊ะ เพราะว่าถนนสายใหม่ที่ออกทางจันทบุรี - สระแก้วยังไม่มี ต้องวิ่งไปนครนายกเข้าปราจีนบุรี กว่าจะถึงตาพระยาต้องหยุดกินข้าวกลางวันกลางทาง

อาตมาเองสมัยนั้นประจำการอยู่ที่นั่น ก็ต้องไปแวะกินข้าวที่ปราจีนบุรีก่อน แล้วค่อยเดินทางต่อ นั่งรถมาเป็นวัน แล้วก็ไม่รู้คุณยายออกจากหมู่บ้านมาอย่างไร บอกว่ากว่าจะมาถึงนี่ ๒ วัน มาเพื่อจะถามปัญหากับหลวงพ่อฤๅษีฯ ว่าสิ่งที่คุณยายทำนั้นบ้าหรือเปล่า ? หลวงพ่อฤๅษีฯ ก็บอกว่า "ยายปกติดี แต่พวกนั้นทั้งหมู่บ้านน่ะบ้า" คุณยายนุ่งขาวห่มขาว ถือศีลเข้าวัดสวดมนต์ ทุกคนก็หาว่าคุณยายบ้า

แต่ว่าคุณยายใช้ภาษาส่วยปนเขมรปนไทย ฟังยากอย่าบอกใครเลย พอดีว่าอาตมาเคยไปอยู่ชายแดนเขมรมาปีกว่า จึงพอฟังรู้เรื่อง พอคุณยายพูดมาทั้งบ้านสายลมมึนหมด หลวงพ่อฤๅษีฯ ท่านบอกว่า “เฮ้ย...ใครฟังออก ช่วยเป็นล่ามให้หน่อย” อาตมาก็บอกว่า "ผมพอได้ครับ" แล้วก็แปลให้ท่านฟัง ปรากฏว่าเพิ่งจะรู้ว่าจริง ๆ หลวงพ่อท่านฟังออก แล้วท่านเข้าใจด้วย เพียงแต่ว่า ท่านก็เกรงว่าถ้าไปรู้ทุกเรื่อง เดี๋ยวจะลำบากกันทีหลัง ท่านก็เลยหาคนแปล ที่รู้ว่าท่านฟังออกเพราะว่าพอแปล ๆ ไปแล้วอาตมาเหนื่อยก็หยุด คุณยายก็ถามต่อ แล้วหลวงพ่อตอบตรงคำถามเป๊ะ ถ้าคนฟังไม่รู้เรื่องจะตอบได้อย่างไร

สรุปว่าคนที่จะเอาจริงเอาจังในการปฏิบัติต้องไม่แคร์สื่อ ว่าอย่างนั้นเถอะ

เถรี
06-08-2014, 14:30
ส่วนลูกศิษย์ของคุณอารีรัตน์เมื่อครู่นี้ นั่นเขาไม่แคร์สื่อหนักว่านี้อีก เรียนอยู่ชั้น ม. ๕ พอถึงเวลาครูออกข้อสอบอัตนัย ต้องเขียนอธิบายกันยาว เพื่อน ๆ ก็ตั้งหน้าตั้งตาทำ ส่วนเขาก็นั่งกราบพระกับพื้น สวดมนต์เสียนานเลยแล้วค่อยทำ ไม่แคร์สื่อจริง ๆ

เราลองไปนึกถึงเด็ก ๆ อยู่ชั้น ม. ๕ พอถึงเวลาคนอื่นทำข้อสอบ ก็นั่งกราบพระสวดมนต์ไปเรื่อย ไม่สนใจว่าเพื่อนจะมองอย่างไร สวดมนต์เสร็จค่อยทำข้อสอบ อย่างนั้นจริง ๆ แสดงว่าเขาตั้งใจทำสมาธิก่อน ต้องเป็นคนที่เห็นประโยชน์จริง ๆ ว่าสมาธิช่วยได้ เขาถึงได้ทำ

บุคคลที่เห็นประโยชน์ในการปฏิบัติธรรม รู้ว่าสิ่งนี้ดีเขาก็ทำ จะไม่อายใคร แต่พอไปอีกระยะหนึ่งก็จะอยู่ในลักษณะที่ว่าปัญญาเริ่มมาก ก็รู้ว่าถ้าทำอย่างนี้บางคนจะมีโทษ เพราะตามที่เขาโดนมาก็คือ เพื่อนทั้งห้องทั้งโรงเรียนว่าเขาบ้า ฉะนั้น..คนที่ไปว่าผู้ปฏิบัติธรรมบ้า ชาติต่อไปก็มีหวังได้บ้า ๆ บอ ๆ กันบ้าง ถ้ารู้โทษแล้วเดี๋ยวต่อไปก็จะพยายามปิดบังตัวเอง จะเนียนขึ้น ตอนนี้ยังไม่แคร์สื่อ ใส่เต็มที่ไปก่อน

เถรี
08-08-2014, 09:29
พระอาจารย์กล่าวว่า "สมัยอาตมายังวัยรุ่น คนโน้นก็หัดกินเหล้า คนนี้ก็หัดสูบบุหรี่ บางคนก้าวหน้าหน่อยก็สูบเฮโรอีนไปเลย สมัยก่อนเขาไม่เรียกเฮโรอีนนะ เขาเรียกว่า "ไอระเหย" ถึงเวลาเผาแล้วก็สูดควันเข้าไป สมัยนี้เรียกง่าย ๆ ว่า "ผงขาว" เพื่อนบางคนก็มาชวน แต่อาตมาไม่ได้ไปกับเขา เพื่อนก็ด่าเอา อาตมานึกขำ “ข้ารู้ว่าอะไรดี อะไรไม่ดี ไม่ต้องเสียเวลาไปทดลองหรอก ถ้าผู้ใหญ่เขาห้ามแปลว่าไม่ดีแน่ ๆ”

ส่วนใหญ่เด็กสมัยนี้เขาชอบลอง ขาดศรัทธาคือความเชื่อในตัวของพ่อแม่หรือครูบาอาจารย์ ในเมื่อขาดตรงจุดนั้น พ่อแม่ครูบาอาจารย์บอกอะไรก็เลยไม่ฟัง ในเมื่อไม่ฟัง บอกว่าสิ่งไหนไม่ดีเขาก็จะทำ ในเมื่อทำแล้วเกิดโทษมากกว่าประโยชน์ ก็ไม่รู้จะไปโทษใครได้"

เถรี
08-08-2014, 09:30
พระอาจารย์กล่าวว่า "ตอนนี้การก่อสร้างศาลา ๑๐๐ ปีหลวงปู่สาย ตัวเลขหลุดไป ๒๙ ล้านกว่าบาทแล้ว วันก่อนช่างเขามาขอเบิกค่าแรงในการทำโครงสร้างชั้นที่ ๑ กับชั้นที่ ๒ ไป ๕,๗๖๐,๐๐๐ บาท ค่าแรงทำโครงสร้างอย่างเดียว ไม่ต้องแปลกใจ ตัวเลขยังไหลไปอีกเยอะ เมื่อตอนที่ออกแบบใหม่ ๆ ประมาณปี ๒๕๕๔ ช่างเขาประเมินราคาไว้ที่ ๔๐ ล้านบาท แล้วมาทำปี ๒๕๕๖ ตอนนี้ปี ๒๕๕๗ แล้ว เพราะฉะนั้น..ยังไปอีกเยอะ"

เถรี
08-08-2014, 09:31
พระอาจารย์เล่าว่า "คนจีนเขาเชื่อว่าพระสังกัจจายน์เป็นพระมหาลาภ ส่วนคนไทยถือพระสีวลีตามพระไตรปิฎก แต่ว่าพระมหากัจจายนะท่านก็เข้านิโรธสมาบัติเป็นปกติ ใครมีโอกาสทำบุญกับท่านก็รวยอยู่แล้ว พระสีวลีเป็นเจ้าชาย เป็นลูกของนางสุปปวาสาของโกลิยวงศ์

โกลิยะวงศ์ก็คือตระกูลทางฝั่งแม่ของพระพุทธเจ้า ก็ต้องนับว่าเป็นญาติ ๆ กัน ส่วนพระมหากัจจายนะเป็นมหาอำมาตย์ของพระเจ้าจัณฑปัชโชติ กรุงอุชเชนี แคว้นอวันตี สมัยนั้นแคว้นอวันตีก็ถือเป็นประเทศชายขอบ ถ้านับอย่างของเราก็คงประมาณบุรีรัมย์หรือสุรินทร์ไปโน่น"

เถรี
08-08-2014, 09:33
พระอาจารย์กล่าวว่า "วัตถุมงคลบางอย่างอาตมาทำจำนวนน้อย อย่างรูปหล่อหลวงปู่สายขนาด ๙ นิ้ว ทำแค่ ๓๐๐ องค์ เดี๋ยวคอยดู..พวกท่าขนุนจะบ่นอีก ตัดสินใจก็ช้า ทำอะไรก็ช้า ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นลูกศิษย์หลวงปู่สายมาได้อย่างไร กว่าจะขยับตัวคนอื่นกวาดไปหมดแล้ว แล้วก็มาบ่นว่าอยู่ที่นี่แท้ ๆ แต่ไม่ได้อะไรเลย ทุกครั้งจะเป็นอย่างนั้น

หลวงปู่สายท่านเป็นพระที่เด็ดขาด ทำอะไรค่อนข้างตรงไปตรงมาและรวดเร็ว แต่ว่าลูกศิษย์ของท่านแต่ละคนยืดยาดอืดอาด เพราะฉะนั้น..มีอยู่ช่วงหนึ่งที่หลวงปู่ท่านคงรำคาญ ท่านหนีออกธุดงค์ไปเกือบ ๗ ปี ทั้ง ๆ ที่เป็นเจ้าคณะอำเภอแล้วนะ หนีไปเกือบ ๗ ปีกว่าเขาจะไปตามกลับมาได้ อ้อนวอนกันแล้วอ้อนวอนกันอีก ไม่รู้ว่ารับปากกันอีท่าไหนท่านถึงยอมกลับมา แล้วทุกอย่างก็เหมือนเดิม อาตมาก็ขี้เกียจไปฟื้นฝอยหาตะเข็บ เดี๋ยวคนอื่นเขาจะอับอายขายหน้ากัน"

เถรี
08-08-2014, 12:26
พระอาจารย์กล่าวว่า "ตะกรุดกระดูกห่านเป็นตำราหลวงพ่อหรุ่น วัดอัมพวัน ต้นตำรับยันต์ ๙ ยอด ในเมื่อเหนียวนักเขาก็เล่นด้วยยาพิษ หลวงพ่อหรุ่นมีตำราแก้ยาพิษ โดยใช้กระดูกห่านขาวมาลงอักขระ นะโมพุทธายะ ๕ ตัวแก้พิษได้

ช่วงที่อาตมาอยู่วัดท่าซุงแล้วทำตะกรุดกระดูกห่านขาว บอกโยมที่เขาอยู่ใกล้ ๆ ร้านขายห่านพะโล้ ให้สั่งเจ้าของร้านเขาไว้ว่า ถ้ามีห่านขาวเข้ามาให้เก็บไว้ให้ด้วย เพราะว่าร้านเขาวัน ๆ หนึ่งเข้ามาเกือบร้อยตัวเห็นจะได้กระมัง ?

พอทำตะกรุดกระดูกห่านไปได้ระยะหนึ่ง พกติดตัวไว้ ออกธุดงค์สบายใจเฉิบ ไม่ต้องกลัวเลย ปรากฏว่าหลวงน้ามีชัยบอกว่า “ท่านเล็ก ผมว่าท่านจะต้องตายเพราะยาพิษแน่เลย” ถามว่าทำไม ? “ก็พระทั้งวัดไม่เห็นหลวงพ่อฤๅษีฯ ถ่ายทอดวิชานี้ให้ใคร มีแต่ให้ท่านคนเดียว” “นี่หลวงน้าแช่งผมนี่หว่า.!”

เถรี
08-08-2014, 13:15
พระอาจารย์เล่าว่า "เมื่อ ๑๐ ปีก่อนเห็นจะได้กระมัง ? ที่นิคมสหกรณ์ทองผาภูมิ มีผีที่เขาเรียกว่า "ผีโพลง" ไปกินกบ ชาวบ้านเขาเลี้ยงกบเป็นบ่อ ไอ้เจ้านี่มาถึงลงไปกินกบเขาแล้วก็กลับ ไม่รู้ลงไปได้อย่างไร เพราะว่าเขาเอาสแลนขึงปากบ่อไว้ ถึงเวลาผีลอยมาเป็นดวงไฟ ลงไปในบ่อ เขาส่องไฟดู ก็เห็นเป็นตัวนั่งยอง ๆ กินกบอยู่ พอกินอิ่มแล้วก็กลายเป็นดวงไฟลอยกลับไป

คราวนี้พอไปบอกตำรวจ ตำรวจเขาก็หาว่าอุปาทาน ไปแจ้งผู้ใหญ่บ้าน ผู้ใหญ่บ้านก็บอกว่ากูไม่มีเวลาไปเฝ้าหรอก ท้ายสุดไม่รู้เจ้าของเขาทำอย่างไร ไปตามหัวหน้าคนงานที่หน่วยจัดการต้นน้ำ อาตมาก็ช่วยเขา ให้วัตถุมงคลไปเท่าไร แกพกไปหมด ปรากฏว่าไปเฝ้าเท่าไรผีก็ไม่มา ท้ายสุดเจ้าของบ่อก็เลยยืมเอาไปใช้ ตั้งแต่นั้นมาผีก็ไม่มากินกบ ไม่อย่างนั้นโดนกินจนหมดบ่อ ขาดทุนตายชัก

เพราะฉะนั้น..ถ้าเป็นเรื่องผีสาง ไสยศาสตร์ วัตถุมงคลของอาตมากันได้แน่นอน ไปนึกขำว่าผีลงไปได้อย่างไร คือผีโพลงนี่ลักษณะมาเป็นดวงไฟ แต่พอจะกินอะไร ก็กลับเป็นตัว ๆ เหมือนกับเรานี่แหละ น่าจะเป็นพวกอสุรกาย แต่คราวนี้เจ้าของบ่อจะยิงด้วยปืนก็กลัวกบตาย กลัวบ่อพัง ถึงเวลารอให้ผีกลับขึ้นมาก็เอาดาบไปไล่ฟัน อย่างนั้นเมื่อไรจะได้กิน เพราะผีไปเร็วกว่า ท้ายสุดไม่รู้จะแก้อย่างไร

ยังขำนายช่วย เจ้าของบ่อกบถามนายช่วยว่า “มึงไปได้ของขลังมาจากไหน ?” “อาจารย์ที่ต้นน้ำให้กูมา” “แล้วกูไปขอบ้างจะได้ไหม ?” “อาจารย์เขาย้ายวัดไปแล้ว” เขาไม่บอกว่าย้ายไปแค่วัดท่าขนุน พอดีช่วงนั้นอาตมาไปช่วยท่านอาจารย์สมพงษ์บูรณะวัดท่าขนุน"

เถรี
08-08-2014, 14:17
พระอาจารย์กล่าวว่า "ระยะนี้ฝนทองผาภูมิรังแกพระเป็นพิเศษ จะตกเฉพาะตอนบิณฑบาตทุกวัน จะมากจะน้อยก็ต้องเปียก เมื่อวันพุธเห็นว่าฟ้าก็โล่ง ๆ ดี ก็คิดว่าวันนี้โชคดีไม่เปียก ปรากฏว่าเดินไปถึงหน้าโรงเรียนทองผาภูมิวิทยาฝนก็ตก จนกระทั่งไปถึงหน้ากองร้อย ตชด. เปียกทั่วถึงดีแล้วก็หยุด เจตนาทดสอบกำลังใจ แสดงว่าพระใหม่รุ่นนี้ต้องมีพวกบารมีสูงเข้ามาบวช อยากรู้ว่าจะอึดสักแค่ไหน เพราะฉะนั้น..ใครที่ว่าบวชแล้วสบาย ไปบวชที่วัดท่าขนุนนะ อย่างน้อยได้อาบน้ำทุกเช้า เทวดาช่วยอาบให้ด้วย"

เถรี
08-08-2014, 14:18
พระอาจารย์กล่าวว่า "เดือนสิงหาคมทางวัดมี ๒ งาน มีงานทำบุญวันแม่ ถ้ารวมปฏิบัติธรรมด้วยก็เริ่มตั้งแต่วันที่ ๙ ถ้าใครเวลาไม่พอก็ไปเฉพาะวันที่ ๑๒ ส่วนวันที่ ๓๐ สิงหาคม เป็นวันพุทธาภิเษกรูปหล่อหลวงปู่สายรุ่น ๑๐๐ ปี ไม่มีความจำเป็นไม่ต้องไปก็ได้ สงสัยเหมือนกันว่าจะห้ามอยู่ไหม บอกว่าไม่ต้องไปทีไร เห็นตะกายกันไปเยอะแยะทุกที"

เถรี
08-08-2014, 15:17
"หลวงปู่ครูบาบุญยังท่านโทรศัพท์มาจากวัดห้วยน้ำอุ่น บอกว่างานวันแม่ไปไม่ได้ เพราะว่าคนจะเอาผ้าป่ามาถวายวันแม่ แหม..วันอื่นตั้งเยอะตั้งแยะ จำเพาะต้องมาแย่งกับอาตมา ก็เป็นอันว่าหลวงปู่ไปไม่ได้ ๑ รูป

ครูบาอริยชาติท่านเป็นคนบอกให้นิมนต์เองแท้ ๆ ก็บอกไปไม่ได้ "ปีหน้าไม่ต้องหวังเลยนะ ผมจะไม่นิมนต์แล้ว" ว่าอย่างนั้น คือเป็นคนบอกกับท่านเอง ว่าวัดท่านมีงานทุกปี โดยเฉพาะเรื่องของงานวันแม่ เพราะฉะนั้น..จะไม่นิมนต์แล้วนะ ถ้ามีโอกาสจะนิมนต์งานอื่น ปรากฏปีนี้ครูบาอริยชาติให้เลขานุการโทรศัพท์มาบอกให้นิมนต์หน่อย อยากจะหนีงานซ้ำ ๆ ซาก ๆ ทางด้านโน้น ปรากฏว่าส่งฎีกาไปแล้ว ท่านก็โดนล็อกคอ มาไม่ได้อยู่ดี แจ้งมาแล้วว่ามาไม่ได้ ก็เลยบอกท่านไปว่าปีหน้าไม่นิมนต์แล้วนะ หาทางมาเองแล้วกัน"

เถรี
08-08-2014, 15:18
"ความจริงอย่างหลวงพ่อชลอ หลวงตาวัชรชัย หลวงพ่อวิรัช หรือว่าพระครูองอาจของเรา อยากจะนิมนต์ท่าน แต่ว่าทุกคนมีงานหมด โดยเฉพาะแต่ละวัดเป็นสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัด ซึ่งเขาบังคับว่า วันเฉลิมพระชนมพรรษาของทั้ง ๒ พระองค์ ต้องจัดงานถวาย ดังนั้นท่านก็มาไม่ได้ อาตมาก็ขี้เกียจเสียเงินอีก ๓๒ บาทลงทะเบียนฎีกานิมนต์ ก็เลยไม่ต้องหรอก

โดยเฉพาะปีนี้ของกาญจนบุรี ทางสำนักพุทธฯ ขอมาจัดงานปฏิบัติธรรมร่วมกับทางวัดท่าขนุน แต่การขอมาจัดงานปฏิบัติธรรมร่วมกับทางวัด ก็คือวัดจงจัดเสียดี ๆ เขาจะมาแขวนป้ายเท่านั้นแหละ พูดง่าย ๆ ว่าเป็นงานของเขา โดยที่เขาไม่ต้องเสียงบประมาณแม้แต่บาทเดียว ได้ยินว่าจะเอาผู้ว่าฯ มาเปิดด้วย ถ้าผู้ว่าฯ มาเปิดก็โน่นเลย สาย ๆ ค่อยมาเปิด เพราะว่าวันเริ่มงานของเราเป็นวันพระ มีทำบุญมีเทศน์"

เถรี
09-08-2014, 14:17
ถาม : สร้างเทวดาจะมีกำลัง ?
ตอบ : นั่นเป็นความเชื่อถือของพราหมณ์เขา อย่างเขาเชื่อว่าพระอาทิตย์สร้างขึ้นมาจากราชสีห์ ๖ ตัว ก็มีกำลังเท่ากับ ๖ เพราะฉะนั้น..เทวดาประจำวันแต่ละองค์จึงมีกำลังไม่เท่ากัน ความเชื่อของเขาไม่ใช่เรื่องปกติ เทวดาไม่ต้องไปเสียเวลาสร้างหรอก ถ้าทำความดีพอ ก็เกิดเป็นเทวดาเอง สร้างเทวดาได้จะสร้างคนทำไม ? ก็สร้างแต่เทวดาจะได้ไม่ยุ่ง

เถรี
10-08-2014, 14:56
ถาม : ท่านอาจารย์ รศ.ดร. สมพร แสงชัย ตั้งข้อสังเกตว่า "มวยจามดั้งเดิมเก่าแก่กว่ามวยไชยา"
ตอบ : ถ้าเราดูตามประวัติตั้งแต่ยุคพระเจ้าชัยวรมันที่ ๗ กองทัพจามต้องบอกว่าเกรียงไกรมากเลย ถ้าครั้งนั้นทางด้านพระเจ้าชัยวรมันที่ ๗ แพ้นี่ รับประกันได้ว่าอาณาจักรขอมไม่เหลือแน่ เดี๋ยวอย่างไรลูกศิษย์ที่เขาสนใจมีหลายคน จะให้เขาศึกษาต่อหรืออาจจะไปครอบครูกับท่านอาจารย์เลยนะ เพราะว่าตอนนี้เขากำลังเรียนมวยไชยาอยู่ แต่กลายเป็นว่าเรื่องการที่จะฝึกปรือเพื่อจะให้เก่งจริง ๆ นั้นไม่มี กลายเป็นต้องไปโชว์อยู่ตลอด ก็ยังบอกกับเขาอยู่ว่า ถ้ามัวไปโชว์อยู่อย่างนั้นก็ไม่ค่อยจะได้อะไร

ถาม : มวยไชยาก็มีตั้งสามสี่สาย
ตอบ : ก็เพราะอย่างนั้นแหละ จึงเหมือนกับแย่งกันหากินแล้ว

ถาม : ถ้าถามผม ผมว่าของครูแปลงใกล้เคียงกว่า
ตอบ : พอหลุดจากรุ่นของท่านอาจารย์กิมเส็งกับครูเขตร์มา คนอื่นก็เบาลงไปเรื่อย ๆ เหมือนกับเข้าไม่ถึงจริง ๆ

เถรี
10-08-2014, 15:16
พระอาจารย์กล่าวว่า "มีใครไปไหว้พระพุทธเจ้าที่เขมรหรือยัง ? โดยเฉพาะไอ้คุณเต้ย ผมว่าหน้าตาเหมือนคุณว่ะ..! พอดูแล้วรู้สึกสลดใจ สลดใจตรงที่ว่า ชาวบ้านเขาเชื่อง่ายยังไม่ว่า พระเองดันไปกราบไปไหว้ฆราวาสด้วย เพราะเชื่อว่าเขาเป็นพระพุทธเจ้ามาเกิด อาตมาก็สงสัยว่าบรรดาพระภิกษุสามเณรของทางด้านกัมพูชา เขาศึกษาพระไตรปิฎกกันอย่างไร พระพุทธเจ้าถึงเกิดใหม่ได้

ต้องบอกว่าบรรดากบฏ หรือผีบุญของเราสมัยก่อนยังเก่งกว่าเยอะ เพราะว่าท่านทั้งหลายเหล่านั้นมีความสามารถจริง ส่วนใหญ่อยู่ยงคงกระพัน ยิงไม่ออก ฟันไม่เข้า ก็กลายเป็นผู้นำคนขึ้นมาได้ อย่างนี้เขาแค่ประกาศตัวว่าเป็นพระพุทธเจ้ามาเกิด คนก็ดันเชื่อ คาดว่าอีกไม่นานบ้านเราก็คงจะมี

ในบ้านเราตอนนี้เอาแค่ในเว็บพลังจิต อาตมาเจอพระศรีอริยเมตไตรย ๓ คนแล้ว ตกลงคนไหนพระศรีใหญ่ พระศรีกลาง พระศรีเล็กก็ไม่รู้..! ต่างคนต่างบอกตัวเองเป็นพระศรีอริยเมตไตรย ตัวจริงนั่งหัวเราะอยู่ข้างบน ท่านคงอยากดูเหมือนกันว่าใครจะสวมบทบาทได้เหมือนกว่า

ที่กล่าวถึงตรงนี้อยากจะบอกกับทุกท่านว่า การปฏิบัติธรรมพอไปถึงระยะหนึ่งจะมีการทดสอบ คราวนี้การทดสอบเขาไม่บอกว่ามาแบบไหน บางท่านอยู่ ๆ มีความสามารถพิเศษ มีฤทธิ์ มีอภิญญา เกิดหูทิพย์ตาทิพย์ รู้โน่นรู้นี่ให้ยุ่งไปหมด แล้วเรื่องที่รู้ก็จริงบ้างไม่จริงบ้าง ก็ทำให้หลงผิด ออกนอกลู่นอกทางไปได้ง่าย

อาตมาเองก็ไม่อยากจะยุ่งหรอก แต่คราวนี้ไปมีส่วนอยู่ในเว็บพลังจิต ดังนั้น..อะไรที่นอกทุ่งนอกท่ามากก็ต้องไปลบทิ้ง ลบทิ้งก็โดนด่า ด่าเสร็จดันแช่งซ้ำ แช่งเสร็จตัวเองตาย..! โทษใครไม่ได้อีก ไม่กี่วันนี้ก็เพิ่งตายไปอีกคนหนึ่ง รู้จักไหม ? ใบไม้นอกกำมือ เขาไม่รู้ว่าคนลบคืออาตมา ก็แช่งเลย ขนาดมีคนเขาโพสต์เตือนแล้วนะว่าอย่าไปแช่ง เดี๋ยวจะเป็นเหมือนอาจารย์กุ๊กไก่ แต่ปรากฏว่าเขาฟังไม่ทัน ไม่เข้าใจ อาตมาก็ยังกลัวใจตัวเองเหมือนกันแหละ ว่าอะไรจะสะท้อนไปทุกเรื่องก็ไม่รู้

ไม่ได้ประสงค์ร้ายต่อผู้อื่นมานานแสนนานแล้วนะ นานจนชักลืมไปแล้วว่าความโกรธเป็นอย่างไร แต่ก็เล่นเอาคนประสงค์ร้ายเดือดร้อนไปตาม ๆ กัน จะว่าเขาทำตัวเองก็ยังรู้สึกสลดใจอยู่ ว่าตัวเราเองเป็นทุกข์เป็นโทษให้คนอื่นเขาเดือดร้อนได้เหมือนกัน"

เถรี
10-08-2014, 15:18
พระอาจารย์เล่าว่า "ตอนช่วงนี้กำลังทำหนังสือประวัติวัดท่าขนุนอยู่ ใช้เวลารวบรวมข้อมูลตั้งแต่ปี ๒๕๕๑ - ๒๕๕๗ ไม่นานนะ คราวนี้มีหลักฐานอ้างอิงชัดเจนหมด สัมภาษณ์คนมาเป็นร้อยแล้ว รับรองว่าไม่มีประวัติวัดฉบับไหนชัดเจนไปกว่านี้อีกแล้ว แต่ขอโทษ..ถ้าอ่านแล้วสนุกจะคิดเนื้อหามีนิดเดียว หนังสือหนาเป็น ๑๐๐ หน้า อ่านพักเดียวจบนี่คนอ่านหงุดหงิดหรือเปล่าไม่รู้ ? แต่คนทำเหนื่อยแทบตาย

บรรดาประวัติเจ้าอาวาสก็มีของหลวงปู่สายมากที่สุด เพราะว่าเป็น ๑๐๐ ปีของท่าน ส่วนของท่านอื่นอยากจะให้มากเหมือนกันแต่ค้นไม่เจอ ในเมื่อค้นไม่เจอก็เลยไม่สามารถที่จะหามาลงให้มากกว่านั้นได้ เพราะถ้าขืนลงมากก็ต้องโม้เอง ก็แปลว่าผิดแน่ ๆ "

เถรี
10-08-2014, 15:22
ถาม : วิธีการทำงานไปพร้อมกับสมาธิ ?
ตอบ : ต้องดูว่าเราสามารถจดจ่อกับงานได้ต่อเนื่องยาวนานขึ้นไหม ถ้าจดจ่อต่อเนื่องอยู่กับงานได้ยาวนานขึ้น สมาธิก็พัฒนาขึ้น แต่ว่าจริง ๆ แล้วการที่ทำอย่างนั้นเป็นเรื่องยากนะ ถ้าเป็นไปได้คือ เราควรที่จะหาเวลาแต่ละช่วงของวัน มานั่งสมาธิจริง ๆ จัง ๆ เอาสัก ๑๕-๒๐ นาทีก็ยังดี เพราะว่าจะทำให้กำลังใจทรงตัวได้ง่ายกว่าที่เราไปตั้งหน้าตั้งตารบอยู่กับงาน การที่เราตั้งหน้าตั้งตารบอยู่กับงานแรงกระทบจะมีมาก ในเมื่อแรงกระทบมีมาก สมาธิดี ๆ ยังพังเลย

เถรี
10-08-2014, 15:23
ถาม : ทำบุญไปแล้วค่อยมาอธิษฐาน กับอธิษฐานก่อนทำบุญ ต่างกันไหมครับ ?
ตอบ : ไม่ต่างกัน เพียงแต่ว่าก่อนทำบุญแล้วอธิษฐานเหมือนกับอยากได้อะไรให้ตั้งใจไว้ก่อน ส่วนทำบุญแล้วอธิษฐานเหมือนกับว่าเราพร้อมทุกอย่างแล้ว แค่ว่าจะให้เป็นอย่างไรเท่านั้น

เถรี
12-08-2014, 13:11
มีโยมทำวัตถุมงคลรูปสมเด็จองค์ปฐมมาถวาย พระอาจารย์จึงกล่าวว่า "พวกเราส่วนใหญ่แล้วอยากได้บุญจนลืมความเหมาะสม ลืมกาลเทศะ โดยเฉพาะสมเด็จองค์ปฐม เรานึกอยากจะสร้างก็สร้าง นึกอยากจะทำก็ทำ เหมือนอย่างกับพระองค์ท่านเป็นเพื่อนเรา ทำอะไรเราต้องดูความเหมาะสมด้วย

อาตมาจะทำวัตถุมงคลแต่ละอย่างต้องรอพระองค์ท่านสั่งแล้วถึงทำ เห็นแล้วบางทีแทนที่จะโมทนากลับรู้สึกสลดใจว่า นี่ตกลงพวกเราเป็นเพื่อนกับพระพุทธเจ้าหรืออย่างไร ? นึกอยากจะทำเมื่อไรก็ทำ ถ้าสภาพจิตยังหยาบอยู่อย่างนี้โอกาสเข้าถึงมรรคผลก็จะยาก โดยเฉพาะการสร้างพระ เราไปเอาพระเก่ามาบดทำผง เป็นโทษทำลายพระพุทธรูป มีแต่จะลงอเวจีมหานรกโดยใช่เหตุ..!

พระเก่าต่อให้หัก ให้บิ่นอย่างไรก็ตาม มีวิธีเดียวที่เหมาะสมคือบรรจุเอาไว้ในองค์ใหญ่ หรือไม่ก็บรรจุเอาไว้ในเจดีย์เพื่อบูชาต่อไป ไม่ใช่ไปบดทำลายเพื่อมาเป็นชนวนหรือว่าเป็นผง ฉะนั้น...กลับไปไปกราบขอขมาพระกันเสีย ไม่อย่างนั้นโทษไม่หมดหรอก ไม่รู้จะตักจะเตือนกันอย่างไร แล้วก็ไม่รู้ว่าเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุงกันมาอีท่าไหน ถึงได้ไม่รู้ว่าหลวงพ่อท่านเตือนเรื่องนี้ไว้ขนาดนี้

ระยะหลังหลายต่อหลายวัดก็ทำแบบเดียวกัน ถึงเวลาก็เอาพระเก่ามาหลอมบ้าง ตำแล้วทำเป็นชนวนเป็นมวลสารบ้าง โทษมากกว่าประโยชน์เยอะเลย พระชำรุดให้ซ่อม ถ้าซ่อมไม่ได้ก็บรรจุ ไม่ใช่เห็นว่าพระชำรุดแล้วก็เป็นโอกาสเอามาทำเป็นมวลสาร ถือว่าครั้งนี้เป็นบทเรียน แล้วต่อไปอย่าบ้าบุญจนกระทั่งลืมความเหมาะสม ทำแล้วเป็นโทษมากกว่าประโยชน์จะกลายเป็นทำแล้วขาดทุน รีบไปขอขมาพระรัตนตรัยกันเสีย"

เถรี
12-08-2014, 13:14
พระมหาจุมพล สีหพโล มากราบนมัสการพระอาจารย์ "เรื่องของการสอบเปรียญธรรมได้ ๙ ประโยค ต้องบอกว่าเป็นบุญจริง ๆ ถ้าหากว่าไม่ได้สร้างบุญมาดีนี่โอกาสจะได้ถึงยากมาก แล้วโดยเฉพาะประโยค ๙ นาคหลวงนี่หายากสุด ๆ แต่ละปีจะมีสามเณรสักกี่คนฝ่าฟันหลุดมาได้ ?

มหาจุมพลได้ฉายาอะไรครับ ? (สีหพโลครับ) สีหพโล = มีกำลังดั่งราชสีห์ ไปนึกถึงคาถา“สีหะนาทัง นะทันเตเต ปริสาสุ วิสาระทา” พระพุทธเจ้าแสดงธรรมอยู่ท่ามกลางพุทธบริษัท ด้วยความแกล้วกล้าประหนึ่งพญาราชสีห์บันลือสีหนาท พวกนักเทศน์มักใช้คาถาบทนี้ ป้องกันตัวเองขึ้นไปเทศน์แล้วประหม่า

มหาจุมพลท่านเพิ่งบวชพระ เป็นนาคหลวง อยู่วัดสระเกศ สอบได้ประโยค ๙ นอกจากจะเป็นเกียรติเป็นศรีแก่สำนักเรียน เป็นเกียรติแก่ตนเองและวงศ์ตระกูลแล้ว ต้องบอกว่าเป็นเกียรติแก่ศาสนาด้วย เสียดายว่าบ้านเราเรียนแค่นี้ ถ้ามีโอกาสเรียนบาลีชั้นสูงต่อไปจะแตกฉานกว่านี้อีกมากเลย ท่านมหาจุมพลลองไปหาพวกตำรามูลกัจจายน์หรือปทรูปสิทธิมาดู จะมีบรรดาสูตรต่าง ๆ ของไวยากรณ์บาลีบอกไว้หมดเลย ต่อไปเราจะรู้ว่าทำไมต้อง อะ บวกกับ สิ ต้องเป็น โอ เขาจะมีบอกหมด

เขาจะไล่มาทีละสูตร ๆ มี ๑๒๐ กว่าสูตร ไม่อย่างนั้นเราเรียนบาลีมาประโยคแรกถึงประโยค ๙ เขาให้เราเชื่ออย่างเดียว ต่อให้เราสัมพันธ์ได้บางทีเราก็ไม่รู้ว่าตัวนี้ทำไมถึงเป็นอย่างนี้ ทำไมถึงต้องแปลง ทำไมถึงต้องลงอักษรใหม่ ทำไมถึงต้องทำให้ต่างไปจากเดิม เขาจะเริ่มจาก อัตโถ อักขระสัญญาโต = เนื้อความอันบุคคลรู้ได้ด้วยตัวอักษร แล้วเป็นการกล่าวถึงอักขระ ฐาน กรณ์ ต่าง ๆ จากนั้นขึ้นสูตรแรก ปุพพะมะโธฐิตะมัสสะรัง สะเรนะ วิโยชะเย บอกชัดเลยว่า พึงแยกสระหน้าออกจากสระหลังก่อน จะได้รู้ว่าสนธิกันเข้าไปแล้วอะไรเป็นอะไร แล้วก็ไล่ไปทีละสูตร"

เถรี
12-08-2014, 13:17
"บ้านเราไม่ค่อยได้เรียน เราจะเห็นว่าสมัยโบราณ หลวงปู่หลวงพ่อแต่ละท่านขนาดเรียนแล้วไม่ได้สอบเอาประโยคยังมีความคล่องตัวกันมาก หลวงปู่ปานท่านเรียนบาลี แปลวิสุทธิมรรคชนิดตั้งวิเคราะห์ได้ทุกตัว แต่ว่าหลวงปู่ปานท่านไม่สอบเอาประโยค ถ้าหลวงปู่ปานสอบเอาประโยค ท่านต้องได้อย่างต่ำประโยค ๘ เพราะวิสุทธิมรรคเป็นหลักสูตรประโยค ๘ แล้วหลวงปู่ปานเรียนที่ไหน ? ท่านเรียนที่วัดสระเกศ

ที่หลวงปู่ปานท่านตั้งใจเรียนจนความรู้ถึงระดับประโยค ๘ เพราะท่านตั้งใจจะแปลวิสุทธิมรรคไม่ให้ผิด จะได้สอนลูกศิษย์ได้ถูกต้อง ความตั้งใจของคนโบราณท่านขนาดนั้น ของพม่าเขาพอจบแล้วเขาจะมีบาลีปารคู ถ้าหากว่าแปลง่าย ๆ ก็คือ “ผู้ถึงฝั่งแห่งบาลี” เขาจะใช้ภาษาบาลีสนทนากันในชีวิตประจำวัน บ้านเรายังทำไม่ได้ จากบาลีปารคู ใช้ภาษาบาลีสนทนากันในชีวิตประจำวันแล้ว ยังมีการสอบผู้ทรงพระไตรปิฎกอีก

ฉะนั้น..การเรียนของทางพม่าเขาจะเข้มข้นกว่าเราเยอะ ของเราพอจบประโยค ๙ แล้วไปไหนไม่เป็น เอาวุฒิประโยค ๙ ไปเรียนต่อปริญญาโทของ มจร. นี่ปางตายทุกคนเลย เพราะว่าวุฒิประโยค ๙ เขาเทียบให้เท่ากับปริญญาตรี แต่วิชาพื้นฐานไม่เคยเรียนกันมาเลย แล้วอยู่ ๆ ไปเจอปริญญาโทก็แทบตาย ท่านเจ้าคุณพระราชปริยัติโมลี (ไพบูลย์ คุณวิปุโล ป.ธ. ๙) ตอนนี้มรณภาพไปแล้ว ตอนเรียนปริญญาโทการบ้านทุกอย่างอาจารย์เล็กต้องทำให้ ประโยค ๙ เรียนปริญญาโทเป็นอะไรที่สาหัสมาก ๆ

มีมหาอนุวัฒน์กับมหาสมคิดเหมือนกัน ใช้วุฒิประโยค ๙ ไปเรียนปริญญาโทรุ่นพระครูบ่าว ก็จุกเหมือนกัน ท่านอาจารย์พูดอะไรมามึนไปหมด เพราะพื้นฐานไม่มี"

เถรี
14-08-2014, 14:01
พระอาจารย์กล่าวว่า "อาตมาจะทำมีดหมอเพชราวุธ ซึ่งน่าจะเป็นรุ่นสุดท้าย ว่าจะทำให้เต็มความรู้ความสามารถที่ศึกษามาจากครูบาอาจารย์ แต่สร้างหรือผลิตมากไม่ได้ ฉะนั้น..ใครต้องการไปหามีดมาเข้าพิธีกันเอง จะเป็นมีดอะไรก็ได้ ยกเว้นมีดพับ"

เถรี
14-08-2014, 14:06
พระอาจารย์กล่าวกับท่านอาจารย์ติงลี่ว่า "เราต้องมาคิดว่าวัตถุมงคลของหลวงพ่อวัดท่าซุง นี่แค่รุ่น ๆ เราที่ทันตอนหลวงพ่อท่านยังอยู่ ยังเพี้ยนไปจนขนาดนี้ หลายคนพยายามออกข่าวว่าสมเด็จองค์ปฐม รุ่น ๓ ทันหลวงพ่อปลุกเสก เพื่อที่จะได้จำหน่ายได้ราคาสูง ขณะเดียวกันรุ่นสี่เหลี่ยมที่เลียนแบบของวัดปากน้ำ ก็ไปเรียกกันว่า "รุ่นยันกลับ"

อาตมาขอยืนยันว่า ที่หลวงพ่อท่านพูดเรื่องยันกลับก็คือสมเด็จองค์ปฐม รุ่นที่ ๒ เป็นรุ่นที่ไม่อุดกริ่ง รุ่นยันกลับพิมพ์สี่เหลี่ยมที่เขาไปเรียกกันเองนั้น เข้าพิธียังไม่ทันที่จะได้ทำอะไรเลย เพราะว่าคุณวิมาลีเอายัดเข้าไปในงานที่หลวงพ่อท่านเสกพระพุทธรูป ซึ่งเครื่องบวงสรวงไม่ครบ การที่จะพุทธาภิเษกวัตถุมงคลให้ติดตัวแก่ญาติโยม เป็นการตัดเคราะห์อย่างหนึ่ง ถ้าโยมเขาบูชาด้วยความเคารพในพระรัตนตรัย มีเคราะห์กรรมอะไรเกิดขึ้น ถ้าหนักก็เป็นเบา ถ้าเบาก็เป็นหาย ท้าวจาตุมหาราชท่านสั่งนักสั่งหนาว่า ถ้าจะพุทธาภิเษกพระเครื่อง เครื่องบวงสรวงต้องครบชุดใหญ่ แต่ถ้าพุทธาภิเษกพระพุทธรูปเพื่อบูชาไว้ที่บ้าน ไม่ต้องมีหัวหมูกับไก่ก็ได้

คราวนี้หลวงพ่อท่านพุทธาภิเษกพระพุทธรูป เครื่องบวงสรวงมีไม่ครบ แต่คุณวิมาลีก็เอาพระเครื่องเข้าพิธีไปด้วย หลวงพ่อท่านแทบจะคลานออกจากห้องมาเลย บอกว่าเกือบตาย ท้าวมหาชมพูบอกว่า ถ้าไม่ใช่น้องไม่ใช่นุ่งแล้วจะล่อให้คลานเลย เสร็จแล้วท่านก็บอกว่าให้เอาไปเข้าพิธีใหม่ แต่ปรากฏว่ารุ่นสี่เหลี่ยมไม่ทันจะเข้าพิธีใหม่ หลวงพ่อก็มรณภาพไปก่อน แต่เขาไปปล่อยข่าวกันว่า หลวงพ่อพูดถึงรุ่นนี้ว่าเป็นรุ่นยันกลับ เพื่อจะเอาไปขายแพง ๆ กัน เป็นอะไรที่น่าเกลียดมาก เพราะหวังประโยชน์อย่างเดียว แล้วทำให้ความเป็นจริงเสียหายหมด

ฉะนั้น..แค่รุ่นเราที่ทัน ๆ กันอยู่ยังเพี้ยนไปจนขนาดนี้แล้ว แล้วลองคิดดูว่าต่อไปประวัติจะเพี้ยนไปถึงขนาดไหน ระยะหลังนี่ก็จะมีเพชรเขาพระงาม ออกมาจำนวนมหึมามโหฬารเลย แต่ละชุดจำหน่ายสองหมื่นสามหมื่นบาท แล้วก็บอกว่ารับมาจากมือหลวงพ่อ เพชรเขาพระงามนั้นหลวงพ่อวัดท่าซุงไม่เคยแจก แล้วจะไปรับมาจากมือหลวงพ่อได้อย่างไร ชุดที่ท่านสั่งทำเป็นวัตถุมงคลก็คือแหวนจักรพรรดิรุ่นแรก มีไม่กี่วงที่ได้เพชรเขาพระงามมา เพราะช่างไปพิสูจน์แล้วว่าเป็นเพชรแท้ไปตั้ง ๘๐-๙๐ เปอร์เซ็นต์แล้ว จึงเปลี่ยนเอาเพชรรัสเซียมาให้หมดเลย

เรื่องพวกนี้ถ้าหากว่าเงียบเอาไว้ก็จะเละเทะกันไปใหญ่โต ไม่อยากจะไปขัดประโยชน์เขาหรอก แต่บอกให้พวกเรารู้ว่า รุ่นนี้อย่างไรก็ไม่ทัน"

เถรี
14-08-2014, 14:11
ถาม : ผมก็ได้รู้ว่ารุ่นสี่เหลี่ยมเข้าพิธีไม่ทัน แล้วทำไมมาออกข่าวกันแบบนั้น
ตอบ : พวกเราอยู่ทันแต่ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ เขาสามารถสร้างเรื่องขึ้นมาได้ทั้งนั้น ขนาดหลวงพี่ทีปยังโดนหลวงพ่อดุเอา พอหลวงพ่อบอกให้เอาไปเข้าพิธีใหม่ หลวงพี่ทีปก็ว่า “แหม..อุตส่าห์ไปเข้าพิธีมาแล้ว จะไม่ติดสักนิดเลยหรือครับ” หลวงพ่อท่านว่า “ไอ้ห่..เดี๋ยวกูถีบ พระท่านพูดคำไหนก็คำนั้น”

ถาม : แต่หลวงพ่อท่านแจกเอง ?
ตอบ : แจกเพราะคุณวิมาลีถวายให้แจกพระทุกรูป ท่านแจกพร้อมกับคำสั่งว่าให้เอาไปเข้าพิธีใหม่ คิดดู..บางคนปั่นราคาไปเป็นแสน แล้วความจริงก็คือพระท่านไม่อนุญาตให้ ที่เมื่อครู่ดุโยมไปเพราะนึกจะสร้างสมเด็จองค์ปฐมก็สร้าง ทำอย่างกับว่าอัดรูปเพื่อนแจก ต่อให้อัดรูปเพื่อนแจกโดยมารยาทก็ต้องบอกเพื่อนก่อน แล้วนี่สมเด็จองค์ปฐมเป็นเพื่อนคุณหรือ ?

หลายคนเอาวัตถุมงคลของหลวงพ่อวัดท่าซุงมาให้ดู ผมไม่รับรองให้ใครทั้งนั้นแหละ โดยเฉพาะสมเด็จคำข้าวปลอมตั้งแต่ยังไม่ทันเข้าพิธีพุทธาภิเษก แม่พิมพ์ ๑๓ ตัว เขาขอส่งงานช้าไป ๒ เดือน คุณลองคิดสิว่าเขาปั๊มไปเท่าไร ? แม่พิมพ์ก็ใช่ ผงก็ใช่ เขาปลอมตั้งแต่ยังไม่ทันที่จะเข้าพิธีเลย หลวงพี่วิรัชท่านบอก “เล็ก.. ช่วยเป็นเจ้าภาพแม่พิมพ์สักตัวสิ” ผมก็ว่า “ได้ครับพี่” สรุปแล้วมีแม่พิมพ์ ๑๓ พิมพ์ มีบางพิมพ์ที่เขาแอบทำตำหนิมา เสร็จแล้วเขาก็จะปั๊มพิมพ์นั้นแหละ ออกมามากที่สุด ถึงเวลาไปก็ยืนยันว่าพิมพ์นี่ของแท้ เพราะมีตำหนิตรงนั้นตรงนี้ ตำหนิที่เขาทำไว้เองนั่นแหละ พิมพ์อื่นไม่มีตำหนิ รับมาจากมือหลวงพ่อเองกลายเป็นไม่แท้

เถรี
14-08-2014, 14:16
ถาม : เหรียญท้าวเวสสุวรรณมีปลอมแล้ว ?
ตอบ : ถ้าเราช่างสังเกตหน่อยจะเห็นว่าของปลอมพิมพ์ตื้นกว่า เพราะไปถอดจากเหรียญจริงอีกที นั่นฝีมือช่างเกษม มงคลเจริญแกะให้ ฝีมือช่างเกษมตอนนั้นถือว่าเป็นสุดยอดฝีมือของช่างแกะพิมพ์พระเลย ผลงานเขาอย่างเช่น เหรียญเราสู้ของหลวงปู่แหวน ช่วงนั้นช่างเกษมเป็นช่างแกะแบบพระที่ค่าตัวแพงที่สุด

ที่หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านไม่คบกับพวกเซียนพระหรือสนามพระเลย ก็เพราะอย่างนี้แหละ เขาไม่ค่อยจะมีศีลมีธรรมกัน ถึงเวลาก็ไปปั่นราคาของจริงของปลอมปนกันให้มั่วไปหมด ขายราคาของแท้ทั้งนั้น ตั้งแต่พระปิดตา ตชด. ปี ๒๕๒๓ หลวงพ่อสั่งทำสองหมื่น เขาปั๊มมาห้าหมื่น ให้วัดสองหมื่นนะ ตัวเองนี่มีเยอะกว่าของวัดอีก เอามาถึงหลวงพ่อสั่งเก็บเลย หนังสือพิมพ์ลานโพธิ์เอาไปลงว่า “ฤๅษีลิงดำทราบด้วยญาณ เซียนพระตั้งใจทำพระปิดตา ตชด. ปลอม สั่งเก็บไม่จำหน่าย” พวกนั้นเหี่ยวเลย เขาตั้งใจลงทุนทำมาขายแล้วนี่ หลวงพ่อไม่เอาเข้าพิธีก็เจ๊งไปเลย

เถรี
15-08-2014, 15:21
ถาม : (ไม่ได้ยิน)
ตอบ : หลวงพ่อท่านบอกว่าให้มีเก็บไว้ทุกรุ่น ถึงเวลาจะได้ทำเป็นทำเนียบของวัดได้ แต่เขาก็ขายกันเกลี้ยง ถ้าจะขนตอนนั้น เฉพาะลูกแก้วรุ่นหนึ่งที่เป็นกลีบมะเฟืองมีเป็นคันรถกระบะเลย ปรากฏว่าขายกันหมด ทั้ง ๆ ที่หลวงพ่อท่านสั่งให้เก็บไว้ ท่านบอกว่าเก็บไว้แล้ว หากวัดวาอารามทรุดโทรม จะได้มีจำหน่ายซ่อมวัดได้ เขาก็ไม่สนใจ เขาถือว่าหลวงพ่อสิ้นลง คนกำลังต้องการ เลยขายเกลี้ยง

แม้กระทั่งรุ่นที่พวกผมทำกัน พระวิสุทธิเทพเนื้อผงรุ่นที่หนาเป็น ซ.ม.เลย เขาก็บอกว่าทางวัดทำ เขาไม่รู้ว่าผมทำ พุทธาภิเษกเสร็จหลวงพ่อท่านบอกว่า เป็นพิธีที่พระท่านบอกว่าสมบูรณ์ที่สุด ให้เก็บเอาไว้เพื่อซ่อมวัด ช่วงนั้นทั้งพรรษาไปตำผงอัดมือกันทีละองค์ แบบของปู่เหม่นั่นแหละ ปู่เหม่เขาทำบาง ๆ ส่วนของผมก็คิดว่าถ้าบางเดี๋ยวหัก จึงตั้งพิมพ์หนาเลย ทำมาด้วยกันมีผม มีพี่สามารถ มีท่านจิตโต มีพระใหม่อีก ๕-๖ รูป ช่วยกันตำผงจนแขนโตเลย ตำทีละครกน้ำพริกนี่แหละ ครกหนึ่งก็ได้ประมาณ ๓๐-๔๐ องค์ กว่าจะได้หมื่นองค์อย่างที่ตั้งใจไว้นี่แทบตายเลย

หลังจากนั้นก็ควักกระเป๋าชำระหนี้สงฆ์คนละ ๕๐๐ บาท ตำไปคนละครก เพราะว่าตอนนั้นขอหลวงพ่อจนหมดแหละ จีวรเอย เกศาเลย อะไรเลย จนท่านบ่นว่า "โกนหัวจนแสบหมดแล้วโว้ย" บางองค์ที่คิดว่าจะเก็บไว้เองก็หยิบใส่เกศาทั้งขยุ้มเลย ถ้าของคนอื่นบางทีเขาหยิบมาโรยในครก ครกหนึ่งเท่ากับที่ใส่องค์เดียว เล่นกันอย่างนั้น ท้ายสุดผมเองก็ไม่เหลือสักองค์เหมือนกัน

รุ่นนั้นผมยืนยันเลยว่าแช่น้ำก็ไม่ละลาย เพราะว่าพวกผมใส่น้ำมันตังอิ๊วกันไม่เป็น ปกติเขาผสมนิดเดียว ของผมใส่ไปครกละ ๒ ช้อน ตากอยู่ ๒ เดือนกว่าถึงจะแห้ง จำได้ว่าทำเสร็จพอดีเข้าพิธีเป่ายันต์เกราะเพชรครั้งที่ ๙ ที่จำแม่นเพราะเลขสวย แล้วท่านก็บอกให้บรรจุให้หมด ถามว่าเอาไว้ที่ไหนดีครับ ท่านบอกว่า “ใต้หลังคาวิหารร้อยเมตร” รุ่นนี้เขาขายกันครึกครื้นไปหมด ถ้าพี่ทีปไม่คอยด่าไว้จะหมดเร็วกว่านั้นอีก

เถรี
15-08-2014, 15:22
ถาม : ที่หลวงพี่มหาดำท่านขอไป ?
ตอบ : ชนวนสมเด็จองค์ปฐม หลวงพ่อท่านให้ไปนิดเดียว ขำจะตาย ถึงเวลาผมก็คิดว่าพี่เขาจะใส่ไปหมด เปล่าหรอก..เล่นมาฝนเอา ฝนเสร็จใส่ไปนิดหนึ่งแค่นั้นแหละ ที่เหลือเก็บ..ขำจะตาย หลวงพี่ดำท่านเคารพหลวงพ่อจริง ๆ ตอนนี้เป็นเจ้าคุณไปแล้ว พวกเราโผล่หน้าไปบอกว่าเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุงนี่แทบจะกระโดดกอดเลย

เถรี
15-08-2014, 15:23
พระอาจารย์กล่าวว่า “ให้ดูกำลังตัวเอง พอถึงเวลารู้สึกว่าต้องเปลี่ยนแปลง บางทีเราจะอาลัยอาวรณ์ ตัดใจไม่ขาด จะได้รู้ว่าเรื่องแค่นี้ยังตัดใจยากขนาดนี้ เรื่องอื่นยากกว่านี้มีอีกเยอะ ส่วนใหญ่เกิดจากการกลัวการเปลี่ยนแปลง กลัวการเปลี่ยนแปลงก็คือกลัวตัวเองรับไม่ได้ ในเมื่อตัวเองรับไม่ได้อาจจะมีเหตุบางอย่างให้ถึงแก่ชีวิต ท้ายสุดสรุปได้ว่ากลัวตาย”

เถรี
15-08-2014, 15:30
ถาม : (ไม่ได้ยิน)
ตอบ : ทำให้เป็นปกติจนเป็นธรรมชาติของเราเอง ไม่ต้องไปใส่ใจหรอกว่าคนอื่นเขาจะรู้สึกอย่างไร แต่ให้เรารู้ว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนไว้ ทำไปเมื่อไรก็มีประโยชน์แก่ตัวเราเมื่อนั้น ฉะนั้น..ตั้งหน้าตั้งหน้าทำไปเลย พอนาน ๆ ไปก็จะกลมกลืนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับตัวเอง

แรก ๆ ก็ต้องฝืนใจ พอนานไปกลมกลืนเป็นอันหนึ่งอันเดียวก็เป็นธรรมชาติของเราเอง คนจะยอมรับได้ง่าย ถ้าแรก ๆ ยังฝืนอยู่ก็เหมือนกับลูกเต๋า หล่นลงไปก็กองอยู่ตรงนั้นแหละ แต่พอเกลาเหลี่ยมไปเรื่อย ๆ ก็ค่อย ๆ กลมขึ้นมา คราวนี้ก็กลิ้งไปเรื่อย จากลูกเต๋าเปลี่ยนเป็นลูกบิลเลียดเมื่อไรก็คราวนี้ก็สบายแล้ว

เถรี
15-08-2014, 15:30
ถาม : เมตตา ?
ตอบ : ถึงได้ว่าต้องมีอุเบกขา ช่วยแค่ที่ช่วยได้ เกินกำลังเมื่อไรก็ต้องปล่อยวาง ถ้าช่วยด้วยกำลังทรัพย์ไม่ได้ อย่างน้อย ๆ ช่วยแนะนำหนทางก็ยังดี ไปนึกถึงที่หลวงปู่จันทร์ ท่านเจ้าคุณพระพุทธวรญาณ วัดเจดีย์หลวง (จันทร์ กุสโล) ท่านบอกว่า “ถ้าเมตตาเกินประมาณจะเจอแต่คนพาลทั้งเมือง” คนไม่รู้จักพอนี่ ให้เท่าไรเมื่อไม่รู้จักพอ ได้คืบจะเอาศอก ได้ศอกจะเอาวาไปเรื่อย เราก็เสร็จ

ถึงได้บอกว่าเมตตาก็ต้องมีประมาณ ต้องลงท้ายด้วยอุเบกขาไว้ คำว่าเมตตาเกินประมาณของท่านนี่เกิดจากประสบการณ์แท้ ๆ เลย หลวงปู่ท่านเป็นพระนักปฏิบัติก็จริง แต่ท่านมาสายปกครองตลอด จนกระทั่งขึ้นถึงตำแหน่งรองสมเด็จพระราชาคณะ

เราเรียกรองสมเด็จ แต่อย่างเป็นทางการเขาเรียกสมเด็จพระราชาคณะชั้นหิรัญบัฏ แต่คราวนี้พวกเราจะเรียกสมเด็จฯ ก็ต่อเมื่อเป็นชั้นสุพรรณบัฏ ฉะนั้น..สมเด็จพระราชาคณะชั้นหิรัญบัฏและชั้นสุพรรณบัฏ ท่านถึงใช้คำว่าสถาปนา ไม่ใช้แต่งตั้ง เป็นศัพท์เฉพาะ ของพระนี่ต่อให้เป็นสมเด็จพระสังฆราชเขาก็ให้ใช้อยู่ในระดับของหม่อมเจ้าเท่านั้น

ของพระเราโดยพื้นฐานตั้งแต่บวชใหม่ไปเลย มีศัพท์เฉพาะที่ใช้ลักษณะเหมือนราชาศัพท์อยู่แล้ว อย่างกินก็ฉัน ไปห้องน้ำก็ไปถาน นอนก็จำวัด เป็นศัพท์เฉพาะต่างหากไป ลักษณะเหมือนราชาศัพท์ ไม่ใช่ศัพท์ของชาวบ้านทั่วไป ถ้าเชิญก็นิมนต์ ขอร้องก็อาราธนา จริง ๆ จะว่าไปแล้วก็คือให้โยมรู้สึกตัวว่าต่างจากเรา แต่ว่าโยมส่วนหนึ่งพอเคยชินกับพระแล้วก็มักจะลืมตัว ก็เลยกลายเป็นว่าอยู่ใกล้พระจริง ๆ คุณอนันต์แล้วก็โทษมหันต์ ไปดูนางขุชชุตตรา ใช้เพื่อนพระภิกษุณีครั้งเดียว ไปเกิดเป็นคนใช้เขาตั้ง ๕๐๐ ชาติ

เถรี
15-08-2014, 15:31
ถาม : ญาติโยมชอบเอาของมียี่ห้อ ราคาแพง ๆ มาถวาย ?
ตอบ : บอกเขาไปว่าพระไม่มีความจำเป็นต้องใช้ ถ้าหากว่าโยมศรัทธาไปถวายที่อื่นก็ได้ แต่ที่นี่ไม่รับ บอกไปตรง ๆ ถ้าหากว่าไม่บอกไปตรง ๆ ก็ประเภทมาอยู่เรื่อย คนสมัยนี้แปลก พูดให้นัยมักจะฟังไม่เข้าใจ ด่าใส่หน้าไปเลยค่อยหูตาสว่างหน่อย อาตมาเลยกลายเป็นพระปากร้ายมาตลอด

เถรี
15-08-2014, 15:32
ถาม : อยากได้งานครับ ?
ตอบ : ไปขัดส้วมวัดที่ไหนก็ได้ แล้วไปอธิษฐานของานกับพระประธานที่วัดนั้น

เถรี
16-08-2014, 14:20
พระอาจารย์กล่าวว่า "พระพุทธเจ้าตรัสเอาไว้ว่า ความแตกต่างของสัตว์ขึ้นอยู่กับนิยาม ๕ ประกอบไปด้วยอุตุนิยาม ขึ้นอยู่กับดินฟ้าอากาศ เราสังเกตดูว่าฝรั่งทำไมผิวขาว เพราะบ้านเขาอากาศหนาว แล้วทำไมนิโกรผิวดำ เพราะบ้านเขาอากาศร้อน แบบเดียวกับประเทศไทยของเรา คนเหนือจะผิวขาวและพอลงใต้แล้วทำไมดำ วัวแดงอยู่ภาคกลางลงภาคใต้แล้วกลายเป็นวัวดำ ที่เขาเรียกสีตาลโตนด อันนี้เขาเรียกอุตุนิยาม ขึ้นอยู่กับดินฟ้าอากาศ

อันดับต่อไปคือพีชนิยาม อันนี้ขึ้นอยู่กับพืชพันธุ์ เผ่าพันธุ์ หรือขึ้นกับดีเอ็นเอ เมื่อเชื้อพันธุ์ต่างกัน เกิดมาก็ต่างกัน ต่อไปท่านบอกว่าจิตนิยาม ขึ้นอยู่กับสภาพจิต สภาพจิตถ้าหากว่าเป็นบุคคลที่มีเมตตา เกิดมาก็จะมีผิวพรรณสวยงาม จิตใจเยือกเย็น ถ้าหากว่ามากด้วยโทสะเกิดก็ผิวพรรณทราม หน้าตาไม่ผ่องใส

กัมมนิยาม ท่านบอกว่าขึ้นอยู่กับการกระทำ ถ้าหากว่าสร้างไว้แต่กรรมดี เกิดมาก็จะอยู่ในสภาพที่ดี อย่างเช่นว่าผิวพรรณดี ฐานะดี ตำแหน่งหน้าที่การงานดี ถ้าหากว่าสร้างไว้แต่กรรมไม่ดีเกิดมาก็ผิวพรรณทราม ฐานะไม่ดี ตำแหน่งหน้าที่การงานไม่ดี เป็นต้น

ท้ายสุดท่านบอกว่า ธรรมนิยาม ขึ้นอยู่กับการปฏิบัติของเรา ถ้าหากว่ากำลังใจยิ่งสูงเท่าไร โอกาสที่จะเกิดอยู่ในที่สูง อยู่ในที่ดีก็มีมากเท่านั้น

โดยเฉพาะในส่วนของกรรมนิยาม คือการบันดาลของกรรมนั้น เราทำอะไรก็จะได้อย่างนั้น คราวนี้บางอย่างก็พิลึกพิลั่นจนเรานึกไม่ถึง อย่างเช่นว่าทำไมถึงต้องเกิดมาเป็นฝาแฝด ทำไมคู่นั้นเป็นแฝดหญิงล้วน คู่นั้นแฝดชายล้วน อันนี้แฝดชายหญิง โน่นเป็นแฝดตัวติดกัน อันนั้นเขาเรียกกรรมนิยาม ฉะนั้น..พ่อขาว แม่ขาว ลูกออกมาดำก็เป็นเรื่องปกติ

คนเราจริง ๆ ก่อนหน้านี้เกิดมาจากพรหม..ใช่ไหม ? เกิดมาก็เหมือน ๆ กัน นานไปนิยาม ๕ อย่างปรากฏขึ้น ก็แตกต่างกันไปเรื่อย ๆ ไม่น่าเชื่อว่าฝรั่งผิวขาวกับนิโกรผิวดำก่อนหน้านี้คือบรรพบุรุษเดียวกัน มีคอเคซอยด์ผิวขาว นีกรอยด์ผิวดำ มองโกลอยด์ผิวเหลือง แล้วพวกผิวแดงเขาเรียกอะไร ?"

เถรี
16-08-2014, 14:22
พระอาจารย์กล่าวว่า "เด็กทั่ว ๆ ไปเกิด ๗ เดือนบ้าง ๘ เดือนบ้าง ๙ เดือนบ้าง ๑๐ เดือนบ้าง บางคนก็หนึ่งปี เคยเจออยู่คนหนึ่ง ๒ ปีกว่า แต่พระพุทธเจ้าตรัสว่า ถ้าเป็นพระโพธิสัตว์ที่จุติเพื่อตรัสรู้นี่ จะอยู่ในท้องแม่ ๑๐ เดือนถ้วน เขาถึงได้ใช้คำว่าทศมาส คือ ๑๐ เดือน

โยมแม่ของอาตมาซึ่งต้องบอกว่าเป็นหมอตำแยมืออาชีพ ทำคลอดลูกตัวเองมาเป็นสิบยังไม่พอ ยังต้องไปทำคลอดลูกคนอื่นเขาทั้งตำบลอีก แม่บอกว่า ๗ เดือนรอด ๙ เดือนรอด ๘ เดือนตายทุกคน ไม่รู้เป็นเพราะอะไร คาดว่าในช่วงระหว่าง ๗-๙ เดือน ก็คือเดือนที่ ๘ ร่างกายคงจะสร้างอะไรบางอย่างเพิ่มเติมออกมา คราวนี้ยังไม่ทันจะสมบูรณ์แล้วไปคลอดก็เลยตาย ตอน ๗ เดือนนี่อาจจะขาดอะไรนิดหน่อย ๙ เดือนก็ครบถ้วน

พี่สาวของอาตมาคลอดลูกแฝด แต่ก่อนจะคลอดฝันไปว่า พระอินทร์เอากำไลหยกมาให้ ๒ วง ก็ใส่ไว้วงหนึ่งแล้วคืนไปวงหนึ่ง ลูกแฝดเลยตายไปคนหนึ่ง แปลกดีเหมือนกัน เป็นนิมิตบอกเหตุล่วงหน้า พอมาเล่าให้แม่ฟัง แม่ก็บอกว่าไปคืนทำไม ? แล้วก็จริง ๆ ด้วย ตายไปคนหนึ่ง พระอินทร์เอากำไลหยกมาให้ ๒ วง คืนไปวงหนึ่งคราวนี้เลยเหลืออยู่วงเดียว ไอ้เจ้านั่นก็คลอดตอนเจ็ดเดือน อาตมาอุ้มนั่งตักนี่ก้นแหลมทิ่มตักเลย ตัวผอมนิดเดียว"

เถรี
19-08-2014, 14:11
ถาม : เดี๋ยวนี้อยากทำบุญอะไรก็ไม่ค่อยไหว คิดว่าจะสร้างพระไม่รู้ว่าจะได้สร้างหรือเปล่า พระอาจารย์ว่าจะได้สร้างไหม ?
ตอบ : มัวแต่ไปกังวลเรื่องไม่เป็นเรื่อง นึกถึงพระไว้จะปลอดภัยกว่า

ถาม : จะอ่านหนังสือสวดมนต์สายตาก็ไม่ไหวร่างกายแย่
ตอบ : เจ็บไข้ได้ป่วยขึ้นมาก็ได้มองความเป็นจริงของร่างกาย เขาบอกให้เรารู้แล้วว่าคบกันยาก ถ้ายังอยากเกิดมาทุกข์อย่างนี้อีก ก็มัวแต่ห่วงเรื่องอื่นต่อไปเถอะ

ถาม : (ไม่ได้ยิน)
ตอบ : ต้องบอกว่าเป็นเพราะแก่จ้ะ ชีวิตมีแต่ก้าวใกล้จุดดับเข้าไปเรื่อย ๆ มัวแต่ห่วงอย่างอื่นอยู่ไม่ต้องอะไรหรอก นึกถึงพระไว้ก็จบ

เถรี
19-08-2014, 14:12
ถาม : ผมได้ทำตามวิธีการขอพรพระคำข้าว แต่ว่าไม่ได้ผลตามที่ขอไป ขอความกรุณาช่วยบอกด้วยว่าผิดพลาดที่ตรงไหนครับ ?
ตอบ : ประการที่หนึ่ง..เรื่องการขอพรพระคำข้าว อาตมาไม่ได้ยินด้วยตัวเอง แล้วก็ไม่รู้ว่าใครเป็นคนเอามาเผยแพร่ ฉะนั้น..เรื่องขั้นตอนต่าง ๆ บอกไม่ได้หรอกว่าพลาดกันตรงไหน แต่เท่าที่ตัวเองรู้มาก็คือ เราจะขออะไรต้นทุนของเราต้องพอ คำว่าต้นทุนต้องพอก็คืออย่างน้อย ๆ เราต้องมีพื้นฐานความดีอยู่บ้าง ถ้าพื้นฐานความดีไม่เพียงพอ เหมือนกับไม่มีน้ำเลยในแก้ว เติมเท่าไรไม่รู้จักเต็ม แบบนั้นขออะไรก็ไม่สำเร็จ

ในเรื่องของพุทธศาสนาของเราเป็นเรื่องของเหตุกับผล ถ้าสร้างเหตุไม่พอผลก็ไม่เกิด เท่าที่สังเกตดูคนที่ขออะไรแล้วมักจะสำเร็จก็คือของเขาเองขาดน้อย เติมนิดเดียวก็เต็มแล้ว สามารถที่จะขอให้สำเร็จได้ แต่ถ้าขาดมากชนิดเติมเท่าไรก็ไม่เต็ม แบบนั้นขออย่างไรก็ไม่สำเร็จ แล้วถ้าฟังไม่ผิดมา เขาบอกว่าต้องให้ลำบากชนิดเลือดตากระเด็นจริง ๆ แล้วค่อยขอ ไม่ใช่นึกอยากได้ก็ขอกันส่งเดชไปเรื่อย

เถรี
19-08-2014, 14:31
ถาม : ฟังกรรมฐาน รู้สึกเบื่อมาก เบื่อ..ไม่อยากจะทำอะไรสักอย่าง เป็นเพราะอะไรครับ ?
ตอบ : เขาเรียกว่าเกิดนิพพิทาญาณ พอความเบื่อเกิดนับว่าเป็นสิ่งที่ดี เพราะถ้าไม่เบื่อเราก็ไม่คิดที่จะละจากร่างกายนี้หรือโลกนี้ คราวนี้ความเบื่อเกิดขึ้น จำเป็นที่เราต้องรักษาไว้ให้ได้ระยะหนึ่ง แล้วพิจารณาให้ชัดเจนว่า ถ้าตราบใดที่เรายังเกิดอยู่ สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ก็จะเกิดขึ้นแก่เรา คือความน่าเบื่อจะเป็นอย่างนี้อยู่ตลอดไป จนกระทั่งท้ายสุด ถ้าเห็นว่าธรรมดาของการเกิดมาก็จะเจอแต่เรื่องน่าเบื่อแบบนี้ ก็จะก้าวข้ามไปได้เอง ตอนนี้ต้องซักซ้อมการเบื่อกันบ่อย ๆ

เมื่อนิพพิทาญาณเกิดขึ้นแล้วเราไปต่อต้านนี่จะเศร้าหมอง แต่ถ้าหากว่าใช้ปัญญาช่วยจะเป็นสิ่งที่ช่วยหนุนเสริมในการปฏิบัติได้ดีที่สุด อย่างที่บอกไว้แล้วว่า ถ้าไม่เบื่อเราก็ยังไม่คิดจะละจากไป

ถาม : วิปัสสนาละครับ ?
ตอบ : นิพพิทาญาณเป็นวิปัสสนาอยู่แล้ว ถ้าไม่เห็นชัดก็ไม่เบื่อ วิปัสสนาเป็นเรื่องของคนต้องใช้ปัญญา ของดีอยู่ตรงหน้าถ้าใช้ผิดก็กลายเป็นโทษแก่ตัวเอง

ถาม : เบื่อไม่รู้เมื่อไรจะดีเสียที ?
ตอบ : จำเป็นต้องเบื่อ และจำเป็นต้องรักษาความเบื่อไว้จนกว่าจะก้าวข้ามไปได้ ไม่อย่างนั้นถ้าหากว่าความเบื่อหายไป กว่าจะทำขึ้นมาได้นี่อีกนาน

ถาม : (ไม่ได้ยิน)
ตอบ : ไม่ได้เกินหรอก ยังพอดีอยู่ ถ้าหากว่าไม่ได้เบื่อจนกระทั่งอยากจะทิ้งไปทุกอย่าง ก็ยังติดอยู่แค่นั้น

ถาม : เรื่องของแม่ทำให้เราเจ็บช้ำ ?
ตอบ : ก็อย่าลืมว่าแม่เป็นสายเลือดเดียวกับเรา ต้องมีกรรมผูกพันกันมาถึงมาเกิดเป็นแม่ลูกกัน เรื่องของแม่กระทบถึงลูกเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว

เถรี
19-08-2014, 14:44
ถาม : ผมฝันเห็นสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เห็นท่านบรรยายธรรมให้คนฟังอยู่ พอผมเข้าไปใกล้ ท่านก็ลอยขึ้นไป ผมก็ร้องไห้ร้องห่ม ?
ตอบ : เรื่องของความฝัน ถ้าฝันแล้วเจอสิ่งที่ดี อย่างน้อย ๆ กำลังใจของเราก็อยู่ในด้านดีมากกว่าชั่ว คราวนี้สำคัญอยู่ตรงที่ว่า ถ้าเรามัวแต่ไปตีความอยู่ก็ไม่ต้องทำมาหากินอะไร ถ้าคนฝันทุกวันก็ประสาทกินกันพอดี เจอพระถือเป็นมงคลใหญ่ เก็บเอาไว้เป็นกำลังใจตัวเองก็พอ

เถรี
20-08-2014, 15:02
พระอาจารย์กล่าวว่า "การบวชเป็นสิ่งที่ทำได้ยากมาก เพราะเป็นบุญในส่วนของเนกขัมมบารมี ซึ่งในการสร้างบารมีทั้งหมด แทบจะไม่มีใครเริ่มต้นด้วยเนกขัมมบารมี ในเมื่อแทบจะไม่มีใครเริ่มต้นด้วยเนกขัมมบารมี ถ้าไม่ได้มีวิสัยการบวชมาก่อน โอกาสที่จะบวชต้องบอกว่าเป็นศูนย์เลย หรือไม่ก็บวชแล้วอยู่ไม่ได้ เพราะไม่ใช่วิสัยของตน

โดยเฉพาะการบวชในสมัยนี้ ที่อยู่เป็นพรรษาหายากมาก ส่วนใหญ่เขาบวชกัน ๓ วันบ้าง ๗ วันบ้าง ๑๕ วันบ้าง เดือนหนึ่งบ้าง บางคนบวชแล้วสึกกลับบ้านไป เขายังเก็บโต๊ะจีนไม่เสร็จเลย สมัยก่อนทางบ้านอาตมาจะมีสมาคมตระกูลแซ่ เวลาเขามีงานก็ต้องช่วยกันไปช่วยกันมา เช่น เขาใส่ซองให้เรามาร้อยหนึ่ง ครั้งต่อไปเราต้องใส่ซองเขาไป ๑๕๐ มีอยู่บ้านหนึ่ง มีแต่ใส่ซองให้คนอื่นมาตลอด คนเป็นลูกก็ไม่คิดที่จะบวชหรอก เพราะไม่ใช่วิสัยของตนเอง ต่อมาลูกบ้านนี้บวช เลี้ยงโต๊ะอะไรเสร็จสรรพเรียบร้อย วันรุ่งขึ้นก็สึก คนเขาด่ากันทั้งตำบล ว่าตั้งใจบวชมาเอาซองอย่างเดียว

ส่วนอาตมานั้น ที่บ้านมีพี่ชายคนโต พี่สาวคนโตสองคน และพี่ชายคนที่สามที่แต่งงานไป นอกนั้นก็ไม่ได้แต่ง โอกาสที่จะได้ครองเรือนเหมือนคนอื่นเขาก็ไม่มี พอมางานบวชของอาตมา อาตมาก็หนีไปบวชที่อุทัยธานี พี่ชายคนโตเขาก็บ่น เพราะว่าพี่ชายคนโตเป็นคนไปสมาคม ต้องควักเงินให้เขาตลอด บ่นว่าบวชทั้งทีจะถอนทุนสักหน่อยก็ไม่ได้ หนีไปบวชยันอุทัยธานีโน่น"

เถรี
20-08-2014, 15:10
"ปัจจุบันนี้ที่วัดท่าขนุนเวลาบวช ก็ไม่มีการแห่อะไรหรอก วนรอบโบสถ์ ๓ รอบก็บวชได้แล้ว ยกเว้นว่าครอบครัวไหนจัดเครื่องเสียงมา คุณก็แห่กันเองแล้วกัน แต่อย่าให้ผิดเวลานะ ถึงเวลานัดพระอุปัชฌาย์มาแล้วยังไม่เสร็จก็โดนด่ากระจาย..!

มีอยู่รายหนึ่ง อาตมาบอกว่านัดพระอุปัชฌาย์ไว้ ๘ โมงเช้า ท่านมีงานที่อื่นต่อ ให้มาถึงวัดอย่างช้า ๗ โมงครึ่ง ปรากฏว่า ๘ โมง ๑๐ นาที แล้วเพิ่งจะโผล่มา มาถึงตั้งขบวนแห่ อาตมาบอกว่า "ถ้าจะแห่ก็แห่ไปบวชวัดอื่น ถ้าจะบวชที่นี่ให้เข้าโบสถ์มาเลย ไม่ต้องแห่หรอก.." เดินเหี่ยวเข้ามา มีการมากระซิบอีกว่า "ไม่แห่แล้วจะได้บุญหรือ ?" ถ้าอาตมาไม่ได้ย้ำนี่จะไม่ว่าอะไร บอกไปตั้งแต่วันสมัครบวชแล้ว ตอนโกนหัวนาคก็ย้ำอีกรอบหนึ่งว่า ต้องมาให้ทัน ๗ โมงครึ่ง

ส่วนอีกรายหนึ่งน่าสงสารมาก น่าสงสารนักดนตรี เขาไปจ้างวงดนตรีแห่มาจากบ้าน พอวนรอบโบสถ์ ๓ รอบ นักดนตรีก็ประเภทเป่าไปตีไป พอครบ ๓ รอบแล้วยังไม่หายมัน เจ้าภาพบอกเอาให้ครบ ๙ รอบ ไม่ได้เห็นใจเลยว่าเครื่องเป่าจะเหนื่อยขนาดไหน ลองนึกดูว่าแซกโซโฟนหนักเท่าไร ไหนจะต้องเดินไปเป่าไปอีก กว่าจะเดินครบ ๙ รอบจะตายเอา อาตมาอยากจะตะโกนบอกว่า "ถ้าอยากได้บุญจริง ๆ ก็เอา ๑๐๘ รอบไปเลย" ดูว่าจะมีปัญญาไหม ? ประเภทนั่งเป่าเฉย ๆ ก็จะแย่แล้ว นี่ต้องเดินเป่า แล้วเขาไปลือกันว่าบวชวัดท่าขนุนห้ามแห่ พอหลุดจากปากไปแล้วกลายเป็นคนละเรื่องไปทุกที

อาตมาไม่ให้คณะนั้นแห่เพราะว่าพระอุปัชฌาย์นั่งรอนานแล้ว เขาไปบอกว่าบวชวัดท่าขนุน อาจารย์ไม่ให้แห่ แต่ก็ดี ต่อไปใครมาบวชจะได้รู้ว่าไม่ต้องแห่"

เถรี
20-08-2014, 15:34
ถาม : เวลานั่งสมาธิรู้สึกแน่นหน้าอก หายใจไม่ออก ?
ตอบ : เลิกห่วง เลิกกลัวตายก็หายแล้ว

ถาม : ผมหายแล้วครับ แต่คนที่เขาติด เขาติดมาเป็นปี ๆ ครับ ?
ตอบ : เขาเรียกว่ากลัวตาย บอกเขาให้พิจารณาจนเห็นชัด ๆ ว่าเกิดมาแล้วต้องตายแน่ ๆ จะได้เลิกกลัวตาย ไม่อย่างนั้นพอถึงเวลาลมหายใจหมด ก็รีบตะเกียกตะกายไปหายใจ สภาพร่างกายอยู่ในระดับของลมหายใจละเอียด แล้วมากระชากลมหายใจหยาบก็เหมือนกลับไปเริ่มใหม่ พิจารณาให้เห็นว่าเราต้องตายแน่ ๆ พอเลิกกลัวตาย ก็เลิกทำอย่างนั้นไปเอง

เถรี
21-08-2014, 13:27
ถาม : การฝึกกสิณจินตนาการได้ไหมครับ ?
ตอบ : หาวัสดุมา ไม่ใช่จินตนาการ ถ้าจินตนาการจะเอาอะไรเป็นองค์กสิณ ? นอกจากความคิดตัวเอง หาวัสดุมาใช้งานก่อน จนภาพกสิณติดตาติดใจแล้วถึงเลิกใช้ นึกถึงเมื่อไรภาพก็ปรากฏ

เถรี
21-08-2014, 13:36
ถาม : หลวงพี่ติงลี่ส่งข่าวมาว่า ที่วัดโดนรุกอีกแล้ว น่าจะโดนไถไปครึ่งถนนค่ะ
ตอบ : กว่าที่หลวงพ่อสมคิดจะไปลุยจนได้ที่คืนมา ก็แทบจะเอาชีวิตไปทิ้ง ถ้ามีขอบเขตชัดเจนก็น่าจะสร้างรั้วตั้งแต่แรกแล้ว ไม่เห็นหรือว่าของวัดหนองบ้านเก่า เขาเริ่มด้วยรั้ว

เดี๋ยวนี้คนไม่ค่อยจะกลัวบาปกลัวกรรม ถึงเวลาก็รุกได้เขาก็รุก บอกท่านติงลี่ว่า ถ้าจะไปให้เอาหลวงพ่อสมคิดไปด้วย จะได้ช่วยชี้แนว ที่วัดนั้นมีอยู่ ๘๘ ไร่ เขารุกจนเหลืออยู่หน่อยเดียว ของวัดท่าขนุนก็หายไปเกือบ ๑๐๐ ไร่ เพราะว่าช่วงที่อาจารย์สมเด็จเป็นเจ้าอาวาส ท่านไม่ค่อยใส่ใจกิจการงานของวัด พอดีเขาเปิดให้ขึ้นทะเบียนเป็น นส. ๓ ทางวัดก็ไม่ได้ไปดูไปแลไปแจ้งอะไร คนอื่นเขาเลยออกเอกสารสิทธิ์ทับที่วัดไป โดยเฉพาะฝั่งถนนตรงข้าม เดิมเป็นที่วัดทั้งหมด คิดดูแล้วกันว่ากี่ร้อยไร่ ไม่เหลือเลย ตอนนี้เหลืออยู่แค่ ๕๐ กว่าไร่

เถรี
21-08-2014, 13:45
พระอาจารย์เล่าว่า "หลวงปู่ครูบาไชยวงศ์ท่านบอกว่า ดอกบัว ๑ ดอกแทนดอกไม้อื่นได้เป็นหมื่นดอก คนเห็นดอกบัวก็มักจะนึกถึงพระรัตนตรัยไว้ก่อน ดอกบัวบ้านเราสมัยนี้ก็เพี้ยนไปเยอะ เพราะมีพันธุ์ผสมออกมา

บ้านเราแต่เดิมมีพวกบัวหลวง บัวผัน บัวเผื่อน บัวสาย บัวหลวงสีขาวเรียกว่าปุณฑริกา บัวหลวงสีแดงเรียกว่าปัทมา บัวสายสีขาวเรียกว่าโกมุท บัวสายสีแดงเรียกว่าสัตตบุษย์หรือสัตตบรรณ บัวเผื่อนสีเหลืองเรียกว่าจงกลนี บัวเผื่อนสีน้ำเงินเรียกว่านิลุบล แยกกันออกหรือเปล่า ? มาตอนหลังกลายเป็นพันธุ์ผสมหมด

แล้วก็มีบัวกระด้ง เรียกว่าบัววิกตอเรีย หนามเพียบ ใบใหญ่เป็นกระด้ง เอาเด็กไปวางนอนเล่นได้ แต่ใต้ใบหนามเยอะมาก พอใบแก่หน่อยหนามข้างล่างแข็งชนิดที่ใครลุยเข้าไปไม่ได้เลย บัววิกตอเรียไม่ใช่บัวพื้นบ้านของเรา เป็นบัวทางอเมริกากลาง ทางโน้นแหล่งน้ำธรรมชาติมีปลากินพืชเยอะมาก ถ้าไม่มีหนามไว้รักษาตัวเอง ก็โดนปลากินหมด"

เถรี
21-08-2014, 13:54
พระอาจารย์เล่าว่า "ครูบาเหนือชัยท่านเส้นโลหิตในสมองแตก เป็นอัมพาตไปครึ่งซีก ตอนที่ท่านเส้นโลหิตในสมองแตกแล้ว อาตมาไปเยี่ยม ไปดูเครื่องวัดความดัน ๒๐๕/๑๒๐ น่ากลัวมาก ขนาดแตกแล้วนะ ปกติความดันตัวล่าง ๙๐ ก็แย่แล้ว นี่ปาไป ๑๒๐ คิดว่าเครื่องรวนหรือเปล่า อาตมาก็กดให้เครื่องทำงานใหม่

ไม่ต้องสงสัย..อาตมาอยู่โรงพยาบาลมาเยอะ เฝ้าไข้โยมพ่อ ๖ ปี เฝ้าไข้โยมแม่ ๓ ปี เฝ้าไข้หลวงปู่มหาอำพัน ๔ ปี รวมแล้วอยู่โรงพยาบาลมา ๑๐ กว่าปี เครื่องไม้เครื่องมือใช้เป็นหมด ไปวัดใหม่ ปรากฏว่ายังเหมือนเดิม บอกพยาบาลว่าความดันสูงเกินไป พยาบาลเอายามาฉีดลดให้ อาตมาก็นึกว่าฉีดแล้วจะลด ที่ไหนได้..ลดนิดเดียว เห็นพยาบาลบอกว่า บางคนฉีดทั้งวันยังไม่ค่อยจะลด พอเห็นคนอื่นความดันสูง ๆ แล้วก็อิจฉาเขา เพราะของอาตมาไม่ค่อยจะสูงเท่าไร

เมื่อเดือนก่อนที่วัดมีบริจาคโลหิตถวายพระราชกุศลในหลวง เดินตรวจงานกลับมาใหม่ ๆ ก็ให้พยาบาลวัดความดัน วัดการเต้นของหัวใจ ปกติแล้วถ้าไปเดินหรือไปออกกำลังมา เขาจะไม่วัดให้ เพราะความดันจะสูง อาตมาวัดเสร็จสรรพเรียบร้อยออกมา ๑๐๒/๖๔ ก็เลยมีผู้หวังดีวัดชีพจรให้ ได้ ๕๗ ครั้งต่อนาที บอกเขาว่าถ้านั่งเฉย ๆ จะเหลือแค่หน่อยเดียว

พวกเราเป็นนักปฏิบัติ ถ้าตั้งใจทำกันจริง ๆ ถึงเวลากำลังใจทรงตัว ความดันหรือการเต้นของหัวใจจะลดลงโดยอัตโนมัติ โดยเฉพาะว่าถ้าทรงสมาธิระดับสูง ๆ เหลือแต่ลมหายใจละเอียด อาการภายนอกคนทั่ว ๆ ไปก็คิดว่าตายไปแล้ว มีอยู่เที่ยวหนึ่งอาตมาเดินคุยกับพระครูน้อยและปลัดเผื่อน ๒ คน อยู่ที่เกาะพระฤๅษี คนหนึ่งก็จับแขนขวา คนหนึ่งก็จับแขนซ้าย เดินคุยกันไปก็จับชีพจรไปด้วย สักพักหนึ่งทั้งสองคนก็หัวเราะ "ไม่เห็นเต้นเลยครับ" "คุณกำลังคุยกับผีอยู่ คนตายแล้วยังเดินได้..!"

เถรี
21-08-2014, 13:59
ถาม : มีพระที่วัดได้เอาพระพุทธรูปเก่าแก่ในวัดไปถวายให้.. ?
ตอบ : ถ้าขึ้นทะเบียนวัดแล้วแตะไม่ได้เลย ต่อให้พระทั้งวัดยกให้ก็ไม่ได้ เพราะพระพุทธรูปจัดอยู่ในส่วนของครุภัณฑ์ ครุแปลว่าหนัก ไม่สามารถยกย้ายจ่ายโอนได้

ถาม : เมื่อตอนถวายไปไม่คิดว่าเป็นพระทองคำ ?
ตอบ : จะทองคำหรือธรรมดาก็ไม่ได้ ของวัดท่าขนุนจะไม่ขึ้นทะเบียนพระพุทธรูป ขึ้นทะเบียนแล้วจำหน่ายจ่ายโอนไม่ได้ จำหน่ายคือเอาออกจากบัญชี ฉะนั้น..พอถึงเวลาวัดอื่นมาขอ อาตมาก็ให้เขาได้ ถ้าขึ้นทะเบียนเมื่อไรหมดสิทธิ์เลย พวกเครื่องมือก่อสร้างก็ถือเป็นครุภัณฑ์ ห้ามให้วัดอื่น เพราะถ้าถึงเวลาวัดตัวเองต้องใช้ เดี๋ยวจะไม่มี

เถรี
21-08-2014, 14:02
พระอาจารย์กล่าวว่า "พยายามเน้นให้พระท่านศึกษาในส่วนของอภิสมาจาร ก็คือศีลที่มานอกปาติโมกข์ให้มาก ๆ เพราะศีลในปาติโมกข์มี ๒๒๗ ข้อก็จริง แต่ศีลนอกปาติโมกข์มีอีกเป็นพัน ฉะนั้น..ใครบอกว่าพระรักษาศีล ๒๒๗ ข้อนี่ไม่จริงเลย เล่นกันเป็นพันข้อ

พระวัดท่าขนุนสึกไปรูปหนึ่ง เพราะว่ารักษาศีลไม่ไหว เขาบอกว่าศีลตั้ง ๒๑,๐๐๐ ข้อ เขารักษาไม่ไหวหรอก เนื่องจากว่าตอนที่พระครูแสงเป็นพี่เลี้ยง ท่านไปอธิบายเรื่องศีล แล้วด้วยความที่ท่านเป็นนักศึกษาปริญญาโทมา ก็โยงเรื่องตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน พระวินัยปิฎกคือในส่วนของศีลพระมี ๒๑,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ พระท่านฟังไม่ถนัด ท่านคิดว่ามีศีล ๒๑,๐๐๐ ข้อ ท่านสึกไปเลย..!"

เถรี
21-08-2014, 14:06
"ต้องโทษครูบาอาจารย์ อย่างวัดท่าขนุนใช้ระเบียบโบราณ คือพระถ้ายังไม่ถึง ๕ พรรษายังไม่ให้ไปอยู่ที่อื่น แปลว่าถ้าคุณจะบวชที่นี่ ต้องกัดฟันทนอย่างน้อย ๕ พรรษา ถ้า ๕ ปีผ่านไปแล้วความประพฤติยังไม่น่าไว้วางใจก็ไม่ให้ไป แต่คราวนี้พระอุปัชฌาย์อาจารย์สมัยใหม่ ส่วนใหญ่แล้วบวชเสร็จแล้วก็ทิ้งเลย ไม่อบรมสั่งสอน"

เถรี
22-08-2014, 11:45
พระอาจารย์กล่าวว่า "คนสมัครบวชงาน ๑๐๐ ปีหลวงปู่สาย ให้มาซ้อมขานนาค ไม่ควรขาด ถ้าขาดแล้วไปไม่เป็น มีสิทธิ์โดนไล่ออกจากโบสถ์ ไม่ได้บวช..!"

เถรี
22-08-2014, 12:40
ถาม : เอาพระพุทธรูปไปฝัง เหมาะหรือไม่คะ ?
ตอบ : ต้องดูว่าลักษณะพื้นที่เป็นอย่างไร อย่างของวัดท่าขนุน เวลาสร้างฐานพระหรือสร้างอาคารที่เพดานปิดมิดชิดแข็งแรง ก็จะเอาพระพุทธรูปที่รับสังฆทานไปบรรจุเอาไว้ ไม่อย่างนั้นพระสังฆทานโดยเฉพาะรุ่นหลัง ๆ ต้องบอกว่าเห็นแก่ตัวมาก คือวัสดุไม่มีราคาและไม่แข็งแรง ปัจจุบันส่วนใหญ่จะเป็นปูนปลาสเตอร์ลงสี ถ้าดูแลไม่ดีนอกจากสกปรกไม่น่าเลื่อมใส กลายเป็นที่สลดใจแล้ว ยังแตกหักได้ง่าย ก็จะเอาไปบรรจุไว้ในฐานพระใหญ่ เพื่อที่ว่าจะได้กราบไหว้บูชา แต่ที่เอาไปฝัง ไม่ทราบเหมือนกันว่ามีเจตนาอะไร ?

ถาม : เขาบอกว่าถ้าไม่ฝังจะตรัสรู้ที่ไหน นอกจากใต้ต้นโพธิ์ ?
ตอบ : สงสัยเหมือนกันแหละว่าวัดนั้นใครสอนมา อย่างของวัด.... ที่ให้ลูกศิษย์ทุบพระพุทธรูป ถ้าที่เป็นโลหะก็หลอมไปชั่งกิโลไปขาย รับรองว่าไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดอีกนาน..!

เถรี
22-08-2014, 13:14
ระยะหลัง ๆ พระพุทธศาสนาของเรามีเรื่องเพี้ยน ๆ เข้ามาเยอะ เหตุที่เป็นอย่างนั้นเพราะบรรดาร่างทรงจริงบ้าง ทรงปลอมบ้าง รู้จริงบ้าง รู้ไม่จริงบ้าง ปนกันมั่วไปหมด โดยเฉพาะวัดวาอารามต่าง ๆ ไปเอาเทพเจ้าของฮินดูบ้าง มหายานบ้าง เข้ามาเต็มไปหมด อย่างเจ้าแม่กวนอิม พระพิฆเณศวร์ เต็มวัดไปหมด

เรื่องพวกนี้พอปนเข้ามาก็ทำให้สับสน อาตมาเองสร้างสมเด็จองค์ปฐมองค์ใหญ่ไว้หน้าวัด เพื่อที่จะให้เขากราบไหว้บูชากัน ปรากฏว่าสมเด็จองค์ปฐมของอาตมากลายเป็นเจ้าพ่อไปเรียบร้อยแล้ว รถผ่านกี่คันบีบแตรแปร๊น ๆ แล้วก็ไป นึกเอาก็แล้วกันว่าเจตนาผิดไปขนาดไหน อุตส่าห์ลงทุนไปเป็น ๑๐ ล้านบาท ดันเห็นพระพุทธเจ้าเป็นเจ้าพ่อไปได้..!

เรื่องพวกนี้ พอมีขึ้นมา ทำให้เห็นชัดว่า ในเรื่องของศาสนานั้น ยิ่งนานก็ยิ่งห่างไกลไปจากแก่นแท้ ฉะนั้น..ไม่ต้องหวังเลยว่าการปฏิบัติจะถูกหลัก ไม่อย่างนั้นจะมีการนิมนต์พระพุทธเจ้ามาตรัสรู้ใหม่หรือ..?

หลายต่อหลายคนบอกว่า ทำไมไม่สร้างรูปหลวงพ่อฤๅษีให้ใหญ่ที่สุดในโลก ? อาตมาไม่อยากสร้างหลวงพ่อให้กลายเป็นเทพเจ้า เราสร้างเอาไว้ให้เขากราบไหว้ ระลึกถึงเป็นอนุสติ แต่พวกนี้ไปถึงก็จุดธูปบน ลองนึกดูสิว่าเป็นอย่างไร ? เราตั้งใจจะเอาถึงพระนิพพานเลย พวกนี้เขาเอาแค่ปัจจุบันเท่านั้นแหละ เดือนร้อนอะไรมาถึงก็บนอย่างเดียวเลย กลายเป็นเรื่องที่หัวเราะไม่ออก ร้องไห้ไม่ได้

เถรี
22-08-2014, 13:26
พระอาจารย์กล่าวว่า "ปีนี้ปฏิทินผิดทั้งประเทศไทยเลย เท่าที่ค้นเจอมีอยู่เว็บเดียวที่ถูก เนื่องจากว่าปีนี้เป็นปีอธิกวาร เดือน ๗ จะมีข้างแรม ๑๕ ค่ำ แต่ว่าเขาไม่มีกัน ตั้งแต่แรม ๑๔ ค่ำเดือน ๗ ปฏิทินก็ผิดตลอด แล้วทุกวันนี้อาตมาก็ต้องผิดตามเขา เพราะถ้าไม่ผิดตามเขา ช่วงวันพระในพรรษาชาวบ้านจะไม่มาทำบุญตามวันที่ถูก เขาจะทำบุญตามวันที่ผิด เพราะปฏิทินลงไว้อย่างนั้น

อยากรู้ว่าปีหน้าเขาจะทำอย่างไรให้ถูก ปีหน้ามีเดือน ๘ สองหน ปีนี้ต้องมีวันเพิ่มมาอีกวันหนึ่งเพื่อให้พอที่จะมีเดือน ๘ สองหน ถ้าดูตามปฏิทินร้อยปียังไม่ผิด แต่ดูตามปฏิทินที่ออกมาใช้งานนี่ผิดหมดเลย เพราะว่าเดี๋ยวนี้สิ่งที่เผยแพร่ก็คืออินเตอร์เน็ต ซึ่งอินเตอร์เน็ตนี่พอผิดแล้ว คนคัดลอกต่อกันไปก็ผิดตามกันไปเรื่อย กลายเป็นผิดไปหมด อาตมาเจอมาเยอะต่อเยอะแล้ว ค้นข้อมูลบางอย่างแล้วผิด ไปดูอีกกี่อันก็ผิด สรุปแล้วผิดที่เดียวกันด้วย แสดงว่าเขาคัดลอกต่อ ๆ กันไป"

เถรี
22-08-2014, 13:36
ถาม : วิธีแก้ความอาย ?
ตอบ : จริง ๆ แล้วถ้าหากว่าเราตั้งใจปฏิบัติใน ศีล สมาธิ ปัญญา จะเกิดความมั่นใจในตัวเองขึ้น เพราะว่าคุณความดีที่เราทำเป็นของดีแท้ พอเราเกิดความมั่นใจในตนเองขึ้น ความขี้อายก็จะหายไป

เถรี
22-08-2014, 13:44
ถาม : นั่งสมาธิวันละ... มากไปหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ไม่มีคำว่ามาก ส่วนใหญ่ที่ทำในปัจจุบันไม่พอใช้ด้วยซ้ำไป

ถาม : ควรจะวันละกี่ชั่วโมง ?
ตอบ : ถ้าตั้งใจละกิเลสก็ต้องวันละ ๒๔ ชั่วโมง

ถาม : ๒๐ ชั่วโมงได้ไหมครับ ?
ตอบ : แล้วคุณคิดว่ากิเลสกินคุณวันละ ๒๐ ชั่วโมงหรือ ?

ถาม : เวลานั่งต้องมีสติ
ตอบ : ต่อให้ไม่นั่งก็ต้องมีสติ

ถาม : นั่งสมาธิแล้วต้องเดินจงกรมไหมครับ ?
ตอบ : จะเดินหรือไม่เดินก็ได้ แต่สมาธิต้องทำไว้เสมอ

เถรี
22-08-2014, 14:52
มีลูกศิษย์พาลูกแฝดชายหญิงมาหา พระอาจารย์กล่าวว่า "ถึงจะเป็นฝาแฝดก็ตาม แต่ผู้หญิงจะโตเร็วกว่า เรื่องนี้โบราณเขารู้ดี โบราณเขากำหนดให้เด็กผู้หญิงโกนจุกตอน ๑๑ ขวบ เด็กผู้ชายโกนจุกตอนอายุ ๑๓ ขวบ แสดงว่าเด็กผู้หญิงโตเร็วกว่า ๒ ปี

ในพระอภัยมณีเขาว่า "อันกุมารศรีสุวรรณนั้นเป็นน้อง เนื้อดั่งทองนพคุณจำรูญศรี เพิ่งโสกันต์ชันษาสิบสามปี ชนนีรักใคร่ดังนัยนา" ศรีสุวรรณเพิ่งจะโกนจุกตอน ๑๓ เด็กผู้หญิงโกนจุกตอน ๑๑ ถ้าเป็นในรั้วในวัง พอ ๑๑ ขวบก็ห้ามออกมาข้างนอกแล้ว ต้องเก็บเนื้อเก็บตัวอยู่วังหลัง คราวนี้มีสมเด็จเจ้าฟ้าสุธาทิพยรัตน์ กรมหลวงศรีรัตนโกสินทร์ พระองค์ท่านทำหน้าที่เหมือนเป็นเลขานุการส่วนพระองค์ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวมาตั้งแต่แรก

พออายุ ๑๑ ก็มีคำสั่งต้องไปเก็บตัวอยู่ฝ่ายใน พระองค์ท่านไม่ยอม จะช่วยงานทูลกระหม่อมพ่อต่อ คนอื่นก็คิดว่าเป็นไปได้อย่างไร เพราะธรรมเนียมเป็นอย่างนี้ ปรากฏว่าพระองค์ท่านฉลาดกว่า เข้าไปหาในหลวงรัชกาลที่ ๕ ขอให้สั่งให้ท่านเป็นเด็ก ในหลวงรัชกาลที่ ๕ ตรัสว่าจะสั่งได้อย่างไร เพราะคนต้องโตขึ้นไปเรื่อย พระองค์ท่านกราบทูลว่า "ทูลกระหม่อมพ่อเป็นทั้งเจ้าฟ้าเป็นทั้งเจ้าแผ่นดิน เพราะฉะนั้น..ต้องสั่งได้" สั่งอย่าให้ท่านต้องเป็นสาว จะได้ช่วยงานทูลกระหม่อมพ่อที่ฝ่ายหน้าได้"

เถรี
23-08-2014, 13:06
ถาม : นอนไม่หลับค่ะ
ตอบ : ให้ตั้งใจว่าไม่หลับได้แหละดี เราจะภาวนาให้เยอะเลย รับประกันว่าพักเดียวก็หลับ อาตมาเองยังสงสัยว่าตัวเองแก่เกินแกงหรือตัวเองไม่มีกังวลกันแน่ นอนเมื่อไรเป็นหลับ ทุกวันนี้ต้องคอยบอกตัวเองให้ตื่น

วิธีแก้การนอนไม่หลับมี ๒ วิธี วิธีแรกไปซื้อแกงขี้เหล็กมาหนึ่งถุง แล้วก็กินคนเดียวให้หมดเลย พอหาจะได้ไหม ? วิธีที่ ๒ คือไปหาต้นไมยราบ ต้นสีม่วงแดงที่แตะแล้วใบหุบ บางคนเรียกว่าต้นกระทืบยอบ ถอนมาสัก ๗ -๘ ต้น ล้างทั้งต้นทั้งรากให้สะอาด ใส่หม้อต้มกับน้ำหนึ่งหม้อแล้วกินแทนน้ำ อย่ากินเยอะนะ ไม่อย่างนั้นจะหลับไม่ค่อยตื่น ถ้าเป็นแกงขี้เหล็กก็หาที่อร่อย ๆ กินไปเลย แต่กินแกงขี้เหล็กแล้วตื่นสายไม่ได้ เพราะต้องรีบเข้าห้องน้ำ เขาไม่เรียกว่าท้องร่วงหรอก เขาเรียกว่ายาระบาย แต่รับประกันเรื่องหลับ..หลับแน่นอน

เมื่อหลายปีก่อน ตอนที่ยังอยู่ที่เกาะพระฤๅษี มีพระที่นอนไม่หลับ ก็ให้ท่านไปเอาต้นขี้เหล็กมาสับ ๆ ตากให้แห้ง ท่านบอกว่าเข้าพรรษาจะตากแห้งได้อย่างไรเพราะมีแต่ฝน เลยให้เอาไปคั่วไฟ พอแห้งแล้วเอามาชงน้ำกิน ท่านบอกว่าได้ผล หลับแต่ขี้แตก..! เป็นยานอนหลับแบบไทย ๆ ที่ไม่อันตรายด้วย ไม่ต้องไปติดยานอนหลับฝรั่ง ยานอนหลับฝรั่งถ้าไม่กินจะนอนไม่หลับ ของเรากินแล้วผ่อนคลายประสาท พอเราพักผ่อนพอ ต่อไปก็หลับเองได้ ไม่ต้องใช้ยาอีก

เถรี
23-08-2014, 13:08
อาตมายังไม่เคยกินยานอนหลับ ยังไม่เคยโดนวางยาสลบ หวังว่าคงจะไม่เคยต่อไป มีฝรั่งหลายคนที่เขาโดนวางยา แต่เขาไม่ได้สลบ เขาหลับ แสดงว่าสภาพจิตเขาตื่นอยู่ เขาบอกเขารู้ตัวตลอดเวลาที่โดนผ่าตัด เจ็บจนบอกไม่ถูก แต่ไม่สามารถที่จะพูดอะไรได้ เพราะร่างกายหลับ มีบันทึกเอาไว้หลายราย เลยมาคิดว่าถ้าวันร้ายคืนร้าย อาตมาเองโดนวางยาจะเป็นลักษณะนี้หรือเปล่า ?

เถรี
23-08-2014, 13:08
ถาม : หนังสือธรรมะเอาไปชั่งกิโลขายได้หรือเปล่าคะ ?
ตอบ : เป็นการกระทำที่ไม่สมควรจ้ะ ให้บริจาคห้องสมุด หรือถวายวัดไป หรือไม่ก็เก็บเอาไว้เอง

เถรี
23-08-2014, 13:35
ถาม : มีน้องคนหนึ่งเป็นตุ๊ด เขาอยากจะบวชเพื่อตอบแทนคุณพ่อแม่ เขาควรจะวางกำลังใจอย่างไรดี ?
ตอบ : ตั้งใจว่าเราบวชเป็นพระอรหันต์ให้ได้ ก็ตั้งใจตอบแทนคุณพ่อแม่นี่

ถาม : ระหว่างบวชควรวางตัวอย่างไรครับ ?
ตอบ : รักษาศีล ๒๒๗ ข้อตามปกติ แล้วเก็บอาการให้ได้ ถ้าเก็บอาการไม่ได้ พระอุปัชฌาย์โดนปรับด้วย บอกเขาแล้วกันว่าเก็บอาการให้อยู่ แต่ถ้าใครเอาจิ้งจกโยนใส่ก็เฮงเลย

ฝรั่งเขามีหนังสือเล่มหนึ่ง ถ้าแปลเป็นไทยก็ "เมื่อตุ๊ดครองโลก" ต่อไปผู้ชายแท้ ๆ จะเป็นของหายาก ไปดูได้ในสวนสัตว์ ต้องเก็บไว้ให้เขาดู อย่าลืมว่าตั้งแต่สมัยกรีก สมัยโรมัน มีแต่ครึ่งคนครึ่งสัตว์ตลอด ไปดูของอียิปต์ เทพเจ้ามีหัวเป็นเหยี่ยว เป็นแมว เป็นสุนัข สงสัยว่าลงไปข้างล่างแล้วเห็นพวกหน้าม้าหัววัวของจีนมาเยอะ เลยเอามาเป็นเทพเจ้าของตัวเอง แล้วครึ่งหญิงครึ่งชายจะไปแปลกอะไร ?

เถรี
24-08-2014, 14:55
ถาม : มีดหมอด้ามงาครับ ?
ตอบ : ไม่ใช่งาแท้ นี่เป็นงาเทียม รู้ไหมว่าเขาทำกันอย่างไร ? เวลาเขาทำทองหยิบทองหยอดก็จะเคาะไข่ใส่กะละมังพัน ๆ ฟอง เสร็จแล้วก็ตักเอาแต่ไข่แดง ไข่ขาวที่เหลือนี่แหละที่เขาเอามาทำงาช้าง เอาไข่ขาวใส่ในกระบอกไม้ไผ่ ต้มให้สุก แล้วแช่น้ำให้เย็น จากนั้นต้มใหม่อีก ทำแบบนี้ ๗ ครั้ง พอปล่อยให้เย็นครั้งสุดท้าย เนื้อจะแข็งเหมือนงาเลย แต่ไม่มีลายงาแบบงาแท้

ตำรานี้มาจากในคุก พวกนักโทษเขาทำลูกเต๋างาช้างไว้เล่นกัน หางาช้างไม่ได้เลยใช้ไข่เป็ดแทน ไข่เป็ดฟองหนึ่งทำลูกเต๋างาช้างได้ลูกเดียว เพราะว่าจะตัดได้แค่ตรงด้านแหลม ช่วงนั้นไข่ขาวจะหนาหน่อย ถึงเวลาเขาก็หั่นออกมา ต้องรีบตัดตอนที่ยังร้อนอยู่ ถ้าเย็นแล้วแข็งเป็นหินเลย เสร็จแล้วก็เอามาขัด เจาะรู เอามาทดลองกันว่าตายหน้าไหนหรือเปล่า ? ถ้าตายต้องทิ้งไปเลย ต้องหาใหม่ กว่านักโทษจะทำลูกเต๋าได้ลูกหนึ่ง หมดไข่ไปเป็นถาด แล้วมาตอนหลังเขาก็ใช้วิธีนี้ทำงาช้างปลอม ไข่ขาวใส่กระบอกไม้ไผ่ต้ม ๗ น้ำ รูปร่างก็ยาวเหมือนกับงาช้าง ใช้งานได้

ถ้าดูงาช้างเป็นจะเห็นว่ามีลายอยู่ในงา ต้องดูลายงาออก แต่มีดหมอเล่มนี้ดูแล้วไม่มีลาย มีแต่ลายไข่ขาว เดี๋ยวนี้งาช้างเป็นของผิดกฎหมายแล้ว หลายต่อหลายประเทศ ถ้าเขาพบว่าเราใส่เครื่องประดับที่ทำจากงาช้างนี่เอาติดคุกเลย

พวกนักโทษในคุกเขามีฝีมือ แล้วก็ทำอะไรแปลก ๆ ขนาดไม่มีอะไรจะทำ อยากเล่นการพนันกัน หาไข่หาอะไรไม่ได้ ก็ใช้ด้ามแปรงสีฟันมาทำลูกเต๋า มีมานะจริง ๆ ค่อย ๆ ฝน ๆ แล้วก็พวกฝนตูดขวดเอาไปฝังมุก พวกนั้นมีความพยายามมากเลย ตูดขวดถ้าเราทุบออกมาก็มีคมบ้าง ใหญ่บ้าง เล็กบ้าง เขาไปฝนจนเท่า ๆ กัน มานะจริง ๆ ต้องบอกว่าเป็นพัฒนาการของนักโทษ หลายต่อหลายอย่างได้มาจากในคุก

เถรี
24-08-2014, 15:02
พระอาจารย์เล่าว่า "อาตมากำลังรอให้เขาขายที่ให้ ที่ตรงนั้นจะสร้างหอจ่ายน้ำประปา ไปกล่อมเจ้าของบ้านสำเร็จแล้ว แต่ไม่รู้ว่าเขาจะเอาแพงเท่าไร ครูณรงค์เขาขายห้องหนึ่ง (กว้าง ๔ เมตร ยาว ๒๐ เมตร) หนึ่งล้านบาท ที่จะซื้อมุมนั้นเพราะว่ามุมนั้นเป็นมุมมหาเศรษฐี เหมาะที่จะเอาไว้ตั้งกุฏิเจ้าอาวาส แต่อาตมาทำบ่อพักน้ำและหอจ่ายน้ำประปา ส่วนกุฏิเจ้าอาวาสจะทำริมแม่น้ำ ถึงเวลายังมีอะไรให้เล่นได้อีกเยอะ"

เถรี
24-08-2014, 15:24
ถาม : ตอนนั่งสมาธิบางครั้งได้กลิ่นเหม็น ๆ ค่ะ ?
ตอบ : ให้ตั้งใจอุทิศส่วนกุศลไปเลย ว่าใครก็ตามที่เป็นเจ้าของกลิ่นนั้น ขอให้โมทนาส่วนกุศลที่เราทำไว้ในครั้งนี้ด้วย

เถรี
24-08-2014, 15:46
พระอาจารย์เล่าว่า "การก่อสร้างศาลา ๑๐๐ ปีหลวงปู่สาย ตอนนี้กำลังขึ้นชั้นที่ ๒ เมื่อวันก่อนช่างขอเบิกค่าแรงไป ๕ ล้านกว่าบาท สรุปแล้วเพิ่งขึ้นชั้นที่ ๒ หมดไป ๒๙ ล้านเศษ เกือบ ๓๐ ล้านบาทแล้ว คุณสุรีย์ขอเบิกค่าแรงก่อสร้างโครงร่างชั้น ๑ กับชั้น ๒ อาตมาคิดบัญชีอุตลุด ทยอย ๆ เบิกไปแล้ว สรุปว่าจ่ายเพิ่มไป ๒ ล้าน ๘ แสนกว่าบาท ได้ยินว่าจะเอาไปมัดจำจั่วเรือนไทยบนดาดฟ้า อาตมาแจ้งให้คุณสุรีย์ทราบแล้วว่าภายในสงกรานต์ปีหน้าต้องเสร็จ"

เถรี
24-08-2014, 15:49
พระอาจารย์กล่าวว่า "ส่วนใหญ่ช่วงวันเกิดก่อนหนึ่งเดือนหรือหลังหนึ่งเดือน จะเหมือนกับเป็นช่วงรอยต่อของกรรม ถ้าเคยทำความดีไว้ สิ่งดี ๆ ก็จะเกิดขึ้น ถ้าทำไม่ดีไว้ สิ่งไม่ดีก็จะเกิดขึ้น ฉะนั้น..ให้เราคิดไว้เสมอว่าอาจจะไม่ดีก็ได้ ให้ตั้งหน้าตั้งตาทำบุญใหญ่เอาไว้ก่อน ถวายสังฆทาน ปล่อยชีวิตสัตว์ อะไรก็ได้ เหมือนกรรมวนมาครบพอดี แล้วตรงช่วงนี้เป็นประตู อะไรดีหรือไม่ดีก็จะเข้ามา

ที่ผ่านมาอาตมาเพิ่งเอาปลาในสระที่วัดท่าขนุนไปปล่อยลงแม่น้ำ แต่ชาวบ้านเอาไปกินเยอะเหมือนกัน เรามีหน้าที่ปล่อย เขาบอกว่าเขามีหน้าที่จับ เลยต้องเตือนพระเตือนเณรว่าปล่อยเขาไป เขาอยากลงนรกให้เขาลงไป เราอย่าไปลงตาม ถ้าเราไปโกรธไปด่าเขา เดี๋ยวเราจะซวยเอง

ปลาที่วัดอยู่จนแน่นไปทั้งบ่อ รุ่นใหม่ที่ผสมพันธุ์กัน ตัวเล็ก ๆ ก็เยอะแยะ ขืนโตขึ้นมาไม่มีที่ให้หายใจแน่ เลยตัดสินใจเอาไปปล่อยลงแม่น้ำ เดี๋ยวจะถมสระ ทำเป็นที่พักหรือที่นั่งเล่น"

เถรี
25-08-2014, 12:42
ถาม : ไม้นวมก็เอาลูกไม่อยู่ค่ะ หนูต้องทำอย่างไร หรือต้องปล่อยวางเลย ?
ตอบ : ตีกระจายไปเลย..!

ถาม : ตีแล้วเขาไม่หยุด เขาก็ไม่ฟัง ?
ตอบ : ตีไปเรื่อย ๆ ไม่มีเด็กที่ไหนไม่กลัวเจ็บ แต่ตีให้มีเหตุผล คือบอกเขาก่อนว่าถ้าทำผิดแล้วจะตี ถึงเวลาเขาทำผิด แม่บอกแล้วใช่ไหมว่าทำผิดแล้วจะโดนตี ? แล้วเราค่อยตี เขาจะรับได้ ถ้าอยู่ ๆ เราไปตีเฉย ๆ เด็กรับไม่ได้หรอก แล้วถ้ารับไม่ได้ เขาจะดื้อ

มีเด็กอยู่คนหนึ่งอยู่ใกล้ ๆ วัดท่าซุง เพิ่งจะ ๓ ขวบ พ่อตี เขาก็ร้องโวยวาย "พ่อตีหนูทำไม ๆ ?" พ่อก็คิดว่าเด็กโดนตีแล้วยังไม่ยอมรับอีก ก็ตีใหญ่ เด็กก็เลยดื้อ ความจริงเด็กเขาถามเหตุผลแต่พ่อไม่อธิบายให้เด็กฟัง บอกเขาว่าทำอย่างนี้ผิด ถ้าทำอีกแม่จะตี ครั้งแรกอย่าเพิ่งไปตี แล้วพอทำอีก ก็ "บอกแล้วใช่ไหม ?" เพราะฉะนั้น..มาเสียดี ๆ ป้าบ..!

ถาม : ต้องเอาให้เจ็บใช่ไหมคะ ?
ตอบ : เอาให้เจ็บเลย แม่จะได้เจ็บด้วย ส่วนใหญ่ตีลูกแล้วแม่เจ็บ โบราณเขาบอกว่า รักวัวให้ผูก รักลูกให้ตี ถ้าไม่ผูกไว้วัวจะหนีเตลิดเปิดเปิง ลูกถ้าไม่คอยดุคอยตีไว้ก็เสียเด็กหมด เอาแต่ใจตัวเอง การเลี้ยงลูกเป็นเพื่อนแบบตำราสมัยใหม่ใช้ไม่ได้หรอก เพราะเด็กที่มีจิตสำนึกดีแต่แรกมีแค่ไม่กี่คน แต่ถ้าตีนี่ใช้ได้กับทุกคน

เถรี
25-08-2014, 12:50
ถาม : มีอยู่ครั้งหนึ่งหนูนั่งสมาธิแล้วได้ยินเสียงพูด ?
ตอบ : เรื่องของสมาธิถ้านั่งไประยะหนึ่ง จิตเริ่มละเอียด จะได้ยินเสียงหรือเห็นโน่นเห็นนี่ หรือได้กลิ่น เป็นเรื่องปกติ ไม่ต้องไปใส่ใจ เราภาวนาของเราไป

ถาม : หนูฝึกนะมะพะธะ และจับรูปพระพุทธรูป เห็นแสงสว่างมาก ๆ พอหนูเพ่งกลับไปต่อไม่ได้ หลุดทุกทีเลยค่ะ ?
ตอบ : ไม่ต้องเพ่งจ้ะ ให้ตั้งใจว่าแสงสว่างนั้นมาจากไหน เราขอไปที่นั่น แล้วกำหนดจิตย้อนทวนแสงขึ้นไปเลย

เถรี
25-08-2014, 13:24
พระอาจารย์กล่าวว่า "ลำไยเป็นของแปลก ลำไยสดกินแล้วร้อนใน ลำไยแห้งต้มกินแก้ร้อนในได้ เป็นอะไรที่แปลกดีเหมือนกัน บ้านเรามีของไม่กี่อย่างที่กินแล้วร้อน มีลำไย มีทุเรียน องุ่นนี่พอได้ แต่องุ่นกินมาก ๆ ความดันขึ้น ส่วนทุเรียนอาตมาไม่ชอบมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว

เดี๋ยวนี้ทุเรียนลูกหนึ่งราคาเป็นหมื่น ทางด้านนนทบุรี ออกจากสวนมาไม่มีต่ำกว่า ๕,๐๐๐ บาท ทางด้านอุตรดิตถ์ มีหลงลับแล จันทบุรีมีพวงมณี เดี๋ยวนี้หมอนทองไปไม่ค่อยรอดแล้ว คนปักษ์ใต้ต้องกินทุเรียนพื้นเมือง ทุเรียนพื้นเมืองต้นสูงลิบโลก จะกินได้ต้องสุกจนหล่น คนใต้เขากินแบบนั้น ถ้าเละไม่เป็น "ปลาร้า" ก็ไม่กิน ทุเรียนของภาคกลางของเราไปขาย ขายไม่ออกหรอก เขาบอกว่ายังไม่สุก ถ้าหากจะไปขายปักษ์ใต้ ต้องเอาทุเรียนปลาร้าไป เขาถึงชอบ

คนใต้เป็นคนเด็ดขาด แม้กระทั่งอาหารต่าง ๆ ทั้งสี กลิ่น รส ไปด้วยกันหมด กินแกงปักษ์ใต้นี่เผ็ดกระโดดเลย มีอยู่เที่ยวหนึ่งไป เอามะมุดใส่ไว้ในกระโปรงท้ายรถ ๒ ลูก วิ่งมาครึ่งทางต้องเอาออก กลิ่นเข้ามาอยู่ในรถ ฉุนจนทนไม่ไหว ถ้าไปเจอลักษณะเหมือนลูกมะม่วง แต่เป็นลูกกลม ๆ ให้รู้ไว้เป็นมะมุด มะม่วงสุกของเราเมล็ดจะมีไคลคือขนอ่อน แต่ว่ามะมุดขนจะแข็งเป็นเสี้ยน ชนิดเอามาทำไม้จิ้มฟันได้ แล้วก็ไปเจอลูกยาง ไม่ใช่ยางพารานะ บางทีเขาเรียกแอปเปิลมาเลย์ สุกแล้วสีม่วงดำ ๆ บางที่เห็นมีเยอะ บางวัดเขาปลูกไว้เป็นไม้ประดับเยอะแยะไปหมด เขาไม่รู้ว่ากินได้..อร่อยด้วย

ไปเจอที่วัดสวนดอก ถามเณรว่าใช่ไหม ? เณรบอกว่าใช่ อาตมาบอกว่ากินได้ เณรยังถามอีกว่ากินได้ด้วยหรือครับ ? เห็นตอนดิบ ๆ พอโดนแล้วยางไหลเยอะแยะ ดูแล้วไม่น่าจะกินได้ ความจริงสุกแล้วอร่อย"

เถรี
25-08-2014, 13:26
พระอาจารย์กล่าวว่า "คสช.ตั้งสนช. ๒๐๐ คน มีจุฬาราชมนตรีด้วย แต่ทำไมไม่ตั้งพระไปบ้าง ? ศาสนาอื่นเขามีหมดแต่ศาสนาพุทธไม่มี เรียกร้องสิทธิดีไหม ? เห็นท่านจุฬาราชมนตรีทำหนังสือถึง คสช. ว่าไม่สมควร เป็นผู้นำศาสนาแล้วไปยุ่งกับการเมือง ท่านก็ทำถูกแล้วนะ แต่คนตั้งก็อยากได้ผู้นำของศาสนาอิสลาม

พระราชบัญญัติในการแต่งตั้ง สนช. เขามีกติกาเอาไว้ว่า ห้ามมีตำแหน่งทางการเมือง แต่คราวนี้รัฐธรรมนูญใหม่ที่ร่างมาใช้ชั่วคราวบอกว่า ห้ามมีตำแหน่งทางการเมือง ยกเว้นว่า คสช. จะเห็นสมควรจะแต่งตั้งให้ อ้าว..มีอย่างนี้อีก เลยกลายเป็นว่าแล้วแต่เขาเถอะ

ของจุฬาราชมนตรีเขามีกำหนดไว้เลยว่า ต้องเป็นมุสลิม สัญชาติไทย มีอายุไม่น้อยกว่า ๔๐ ปี ต้องมีความรู้เกี่ยวกับศาสนาอิสลามอย่างลึกซึ้ง ไม่เหมือนพระสังฆราชของเรา ของเราระบุว่าแต่งตั้งจากสมเด็จราชาคณะที่มีอาวุโสจากสมณศักดิ์ มีระบุอยู่แค่นี้เอง ของเขามีรายละเอียดเป็น ๑๐ ข้อเลย แล้วท้ายสุดคือไม่ให้ยุ่งกับการเมือง"

เถรี
25-08-2014, 15:59
ถาม : ตะกรุดมหาสะท้อนเขาไม่ได้อาราธนาเลยจะมีอานุภาพไหมครับ ?
ตอบ : ก็ต้องดูว่าเคยอาราธนาหรือเปล่า ? ถ้าเคยแล้วต่อให้ลืมก็ไม่เป็นไร

เถรี
27-08-2014, 10:01
พระอาจารย์เล่าว่า "เรื่องของสมเด็จองค์ปฐม ต้องบอกว่าเกิดจากหลวงพ่อวัดท่าซุงจริง ๆ เพราะก่อนหน้านี้ไม่มีใครกล่าวถึงมาก่อน หลังจากที่ท่านกล่าวถึง ตอนนี้ก็ระบาดไปทั่วประเทศและข้ามไปต่างประเทศแล้วด้วย โดยเฉพาะการสร้างรูปของท่าน ตอนนี้ไม่ว่าจะธรรมยุติหรือมหานิกาย พอถึงเวลาสร้างพระก็สร้างเป็นสมเด็จองค์ปฐม

คำว่าปฐม บาลีว่า ปะ-ถะ-มะ แปลว่า ที่หนึ่ง ไม่ได้แปลว่าหนึ่ง เพราะว่าหนึ่งคือเอกะ ที่หนึ่งคือปฐม ปัจจุบันก็มีคนใช้คำว่าสมเด็จองค์ปฐมต้น ก็เลยสงสัยว่ามีที่หนึ่งต้น ที่หนึ่งกลาง ที่หนึ่งปลายด้วยหรือ ?

ระยะแรกหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านพูดถึงเรื่องสมเด็จองค์ปฐมโดยใช้ชื่อ “พระองค์ที่ ๑๑” แล้วก็เรียกพระองค์ที่ ๑๑ มาหลายปี ก็คือเริ่มตั้งแต่ปี ๒๕๒๘ ในระยะนั้น บางทีท่านก็ใช้คำว่าสมเด็จองค์ปฐมแทรกอยู่เป็นระยะไป จนกระทั่งมาสร้างรูปของพระองค์ท่านในช่วงปลายปี ๒๕๓๔ ก็ทำให้พระนามว่าสมเด็จองค์ปฐมปรากฏขึ้นและแพร่หลาย โดยเฉพาะช่วงที่หลวงพ่อนำเอาคำสอนของพระองค์ท่านมาเล่าในหนังสืออ่านเล่น"

เถรี
27-08-2014, 10:08
พระอาจารย์กล่าวว่า "เหรียญพุทธบารมีเนื้อทองคำเหรียญเดียว เจอไปหนึ่งล้านสี่แสนกว่าบาท โยมยังจะให้สร้างหลายเหรียญอีก แน่จริงไปจ่ายเงินเองสิ..! หนึ่งล้านสี่แสนนี่ไม่มีอะไรเลยนะ แค่ค่าทองอย่างเดียว ไม่ต้องไปคิดถึงค่าบล็อก ไม่ต้องไปคิดถึงค่าแรงช่าง

เหรียญพุทธบารมีนี่ต้องบอกว่าเป็นความรอบคอบของลูกกวาง พอได้ยินว่ามีพระพุทธเจ้า ๓๖ พระองค์ ลูกกวางก็ไปนั่งนับ นับไปนับมาได้ ๓๗ พระองค์ แล้วก็มีผู้ถามขึ้นมาว่า “ตกลงว่าองค์ไหนเกินมา ?” ปรากฏว่าเป็นพระศรีอาริยเมตไตรย อยากจะรีบมาช่วยงานก็เลยเพิ่มมาองค์หนึ่ง สรุปว่าถ้า ๓๗ เป็นโพธิปักขิยธรรม มาเป็น ๓๘ ก็เป็นมงคล ๓๘ พอดี"

เถรี
27-08-2014, 10:10
พระอาจารย์กล่าวว่า "บาตรเก้านิ้วดี ๆ นี่ ปัจจุบันราคาสองพันถึงสามพันบาท บางรุ่นถ้าเป็นแบบหนาพิเศษแล้วรมดำด้วยวิธีอะโนไดต์ เป็นลักษณะแบบรมดำปืน จะตกที่ราคาห้าพันถึงหกพันบาท สมัยอาตมาต้องเอาบาตรไปเผาให้ดำ สมัยนี้เขารมดำกันแบบรมดำปืน ยังไม่รู้ว่าเวลาเจออาหารร้อน ๆ แล้วจะมีปฏิกิริยาอะไรที่เกิดโทษหรือเปล่า ? "

เถรี
27-08-2014, 13:50
พระอาจารย์กล่าวว่า "ตอนสร้างสมเด็จองค์ปฐมวัดท่าซุง มีญาติโยมบริจาคทองคำ ๗๘ กิโลกรัมกว่า ที่บอกว่า “กว่า” เพราะไม่สามารถที่จะใส่พวกที่มีเพชรพลอยติดอยู่ด้วยลงไปได้ หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านให้แยกออกมาบรรจุแทน"

เถรี
27-08-2014, 13:57
พระอาจารย์เล่าว่า "สมัยก่อนการทำบาตรพระเขาทำกันอยู่เป็นแหล่ง จนกระทั่งทุกวันนี้ยังเรียกกันว่าบ้านบาตร เขาใช้เหล็กมาตีขึ้นรูป ส่วนใหญ่จะเป็น ๖ ชิ้นด้วยกัน แล้วก็มาเชื่อมต่อกันเป็นบาตรแล้วก็ขัดเรียบ ส่วนใหญ่ก็มักจะขัดแต่ผิวนอก ส่วนด้านในบาตรมักจะไม่ได้ขัดเรียบเพราะขัดยาก ก็จะเป็นตะเข็บอยู่ จนกระทั่งทุกวันนี้บ้านบาตรก็ยังมีชื่ออยู่ในเขตป้อมปราบฯ อยู่บริเวณวัดสระเกศนั่นแหละ

อย่างถนนตีทองก็มีแต่คนไปตีทอง ถ้าเคยเห็นคนตีทองก็จะรู้ว่าเหนื่อยขนาดไหน รับประกันได้ว่าคนตีทองไม่มีอ้วน เพราะต้องตีทั้งวัน ทองนิดเดียวต้องตีแผ่ให้เป็นแผ่นใหญ่เบ้อเริ่ม แล้วตัดออกมาเป็นทองคำเปลว"

เถรี
27-08-2014, 14:54
ถาม : ขอถวายวัตถุมงคลหลวงพ่อใจครับ
ตอบ : โบราณเขาเรียกตัวเหรา เหราเป็นสัตว์ตระกูลเดียวกับพญานาคหรือมังกร มีลำตัวสั้น พออะไรสั้น ๆ อาตมาจะไปนึกถึงพวกงูแมวเซา งูกะปะ พวกนี้จะสั้นประมาณศอกเดียว มีอยู่เที่ยวหนึ่งตอนที่อยู่เกาะพระฤๅษี เขาเกรดถนนใหม่เนื่องจากว่าชายถนนถล่ม ก็เลยเกรดให้ต่ำลงและเอาลูกรังที่เกรดลงไปถมที่ถล่มด้วย พอทำเสร็จอาตมากลับไปวัดวันนั้นพอดี

เจองูแมวเซาตัวหนึ่งใหญ่เกือบเท่าแขน ลองนึกดูว่าตัวยาวประมาณแขน แล้วก็ใหญ่เท่าแขน จึงอ้วน ๆ ม่อต้อ กำลังหาบ้านตัวเองอยู่ บ้านหายเพราะโดนเขาเกรดทิ้งไป อาตมาเลยต้องลงไปไล่ต้อนให้ลงข้างทางก่อนที่จะโดนรถคันอื่นทับตาย

งูแมวเซากับงูกะปะรูปร่างคล้าย ๆ กัน งูกะปะจะมีลายเป็นรูปสามเหลี่ยมชนกันอยู่ที่ช่วงหลัง ส่วนงูแมวเซาลายจะเป็นวงรีสีน้ำตาล โดนงูแมวเซากัดตายสบาย แต่โดนงูกะปะกัดตายทรมาน เพราะงูกะปะมีพิษทำลายเนื้อเยื่อ บวมทั้งตัว บางทีก็เลือดออกตามผิวหนัง แล้วก็ค่อย ๆ เน่าหลุดทีละชิ้น ๆ แต่งูแมวเซากัดจะหลับสบาย ๗ ชั่วโมงก็หมดลมไปเอง

ตระกูลงูแมวเซาก็ยังมี งูง่วงกลางดงกับงูกล่อมนางนอน อาตมาโดนกัดเต็ม ๆ หลังเท้าเลย ช่วงนั้นน้ำท่วมที่เกาะพระฤๅษี ออกไปฉันเช้าที่หน่วยป่าไม้แล้วขากลับเดินเข้ามา ไม่ทันสังเกตว่างูหนีน้ำขึ้นมาบนสะพาน จึงเหยียบเข้าเต็มหลังเลย งูเลยแว้งกลับมางับเต็มหลังเท้าเหมือนกัน พอโดนกัดความเจ็บทำให้สะดุ้ง อาตมาก็สะบัดเท้า ปรากฏว่าทั้งงูทั้งรองเท้าบินเฉียดหัวพระครูน้อยไปนิดเดียว อาตมาก็ตามไปดู “อ๋อ..นี่เขาเรียกงูง่วงกลางดง” ล้างแผลเสร็จก็เลยไปนอน เพราะงูอุตส่าห์ช่วยวางยาให้แล้ว

บรรดาพระเขาเห็นอาจารย์โดนงูกัดจนชิน เขาไม่ตื่นเต้นแล้ว เพราะรู้ว่ากัดอย่างไรก็ไม่ตาย แต่สงสารงูตัวนั้น ขนาดอาตมาไม่ได้ตั้งใจยังเหยียบเข้าไปเต็ม ๆ เลย ข้างหลังถลอกไปแถบหนึ่ง ด้วยความเจ็บเขาก็ตกใจหันมากัดเต็มหลังเท้า ด้วยการเอี้ยวกลับมากัด เพราะว่าไปเหยียบเต็มหลังเขาเลย ส่วนญาติโยมถ้าไม่มั่นใจในยันต์เกราะเพชร เวลาโดนงูกัดอย่าทำแบบอาตมา ไปหาหมอก่อน สมัยนี้แมงมุมกัดยังตายเลย

เถรี
27-08-2014, 14:56
ญาติโยมจัดแจกันดอกไม้มาถวาย พระอาจารย์กล่าวว่า "ดอกที่เป็นช่อ ๆ นี่เขาเรียกว่า “ดอกเข้าพรรษา” ที่เขาเรียกดอกเข้าพรรษาเพราะว่าส่วนใหญ่จะบานหน้าฝนช่วงเข้าพรรษาพอดี ทางด้านวัดพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี มีการตักบาตรดอกไม้ ส่วนใหญ่ญาติโยมก็ใส่ด้วยดอกเข้าพรรษา บางคนเขาเรียกว่าดอกสุพรรณหงส์ เพราะเวลาบานจะมีเกสรยื่นขึ้นมาเหมือนหัวของหงส์ มีทั้งหงส์เงิน ดอกสีขาว หงส์ทองดอกสีเหลือง

ระยะหลังมีสายพันธุ์ของต่างประเทศเข้ามามีสารพัดสี มีกระทั่งสีชมพูด้วย ทางพม่าเรียกว่า “ดอกช่างทองร้องไห้” เพราะว่าช่างทองเลียนแบบไม่ได้"

http://www.oknation.net/blog/home/blog_data/210/3210/images/Bhudda/R0012122.JPG

เถรี
27-08-2014, 14:57
:4672615:เก็บตกเดือนสิงหาคมปี ๕๗ หมดแล้วค่ะ:4672615:

ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย ทาริกา คะน้า เถรี รัตนาวุธ และคะน้าอ่อน