PDA

View Full Version : ซัวสะเดย..เนียงลออ ตอนที่ ๗


สุธรรม
25-07-2014, 02:39
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=21822&stc=1&d=1406232530
คุยกันเรื่องเมืองจีนที่ "ว่าจะ" ไปหลายทีแล้ว

วันเสาร์ที่ ๒๘ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๕๕

ตื่นขึ้นมาด้วยความสดชื่นมาก นึกว่าใกล้สว่างแล้ว ที่ไหนได้..เพิ่งจะห้าทุ่มกว่าเอง จึงยกใจไปกราบพระ แล้วภาวนาตามความเคยชิน ว่าไปจนครบชุดยังไม่ตีสองดี ลุกไปเข้าห้องน้ำ แล้วมาอ่านหนังสือ “คู่มือทหารอาชีพ” ต่อ คาดว่าถ้าไม่ใช่ทหารแล้ว คงไม่มีใครอ่านหนังสือเล่มนี้เป็นแน่แท้ เพราะเขียนแบบวิชาการมาก...

ตีสี่เสียงกริ่งดังขึ้น เปิดออกไปเจอแม่ป๋อม รายนี้ตื่นเช้าทุกวัน ตีหนึ่งตีสองก็ตื่นตามประสาคนแก่ คงฝึกโยคะจนครบทุกท่าแล้วจึงมากวนอาตมาแทน วันนี้ไม่ได้มาเคี่ยวเข็ญให้ฝึกโยคะ ทำบุญแล้วคุยกันเรื่องเมืองจีนที่อาตมา “ทำท่า” จะไปหลายทีแล้ว แต่ยังไม่ได้ไปสักที...

สุธรรม
26-07-2014, 02:14
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=21826&stc=1&d=1406317404
เซี่ยงไฮ้..มหานครที่เจริญที่สุดแห่งหนึ่งของโลก

คุณแม่บอกว่า “ป้าปุ๋ม” พี่สาวที่อยู่เซี่ยงไฮ้ จะย้ายไปยุโรปเร็ว ๆ นี้ ถ้าจะไปเมืองจีนก็ต้องรีบไปโดยด่วน ขืนช้าก็ต้องไปจ่ายค่าที่พักแพง ๆ เอาเอง แน่ะ..มีขู่อีกด้วย พอดีลูกปุ๊กมาอีกคน ทำบุญแล้วช่วยต้มน้ำร้อนและพับผ้าให้ พอได้ยินว่าจะไปเมืองจีน คุณลูกก็ขอไปด้วย อาตมาบอกว่าเมืองจีนค่าใช้จ่ายแพง ลูกปุ๊กยืนยันว่าถึงแพงก็จะไป...

แม่ป๋อมบอกว่า “ป้าปุ๋ม”จะย้ายสิ้นเดือนหน้า ถ้าจะไปก็ต้องก่อนสิ้นเดือนหน้า แบบนี้ฉุกละหุกตายห่..! เพราะแทบจะไม่มีเวลาขอวีซ่าเลย คุณแม่แนะนำว่าให้ถ่ายรูปสำหรับขอวีซ่าไว้ก่อน พอถึงเมืองไทยแล้วรีบเอาหนังสือเดินทางมา คุณแม่จะไปดำเนินการเรื่องวีซ่าให้...

สุธรรม
27-07-2014, 02:08
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=21832&stc=1&d=1406403448
อาหารเช้าแบบบุฟเฟต์ คนกินกันแน่นทีเดียว

คุยกันจนหกโมงเช้า ได้เวลาอาหารเช้าของทางโรงแรมแล้ว อาตมาเดินลงบันไดไปยังห้องอาหารข้างล่าง ขณะที่ลูกปุ๊กกับแม่ป๋อมไปเรียกคนอื่น ๆ ที่ห้องพัก ถึงห้องโถงด้านล่างแล้วเดินผ่านเคาน์เตอร์ของพนักงานต้อนรับ เลี้ยวขวาผ่านประตูกระจกเข้าไป โอ้โฮ..คนแน่นไปหมด มีเสียงบอกกันว่า “พระไทย..พระไทย..” แสดงว่าคนไทยมาเที่ยวเสียมเรียบกันมากทีเดียว...

อาตมายกมือเป็นการทักทาย เพื่อแสดงให้พวกเขาทราบว่า “รู้แล้วว่าคุณเป็นคนไทย” แล้วเดินเลาะไปตามโต๊ะต่าง ๆ เพื่อหาที่นั่ง มีโต๊ะด้านในสุดติดกับหน้าต่าง ๒ – ๓ ตัวยังไม่มีใครนั่ง จึง “ยึด” เสีย ๑ ตัว พี่มุกดา ป้ามอย แม่ป๋อม น้องเล็ก ลูกปุ๊ก ที่ตามมาถึง “ยึด” ไปอีก ๑ ตัว แล้วช่วยกันตักอาหารมาประเคนให้กับอาตมา...

สุธรรม
28-07-2014, 02:52
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=21835&stc=1&d=1406492510
มุมไม่กว้างพอที่จะถ่ายรูปโรงแรมได้ทั้งหลัง

ข้าวผัดอเมริกันมาก่อนเป็นอันดับแรก ตามมาด้วยข้าวต้ม ผัดหมี่ โรตีกรอบ กล้วยไข่ สับปะรด พี่วิไลที่เพิ่งมาถึงส่งน้ำส้มมาอีก ๑ แก้ว อาตมากวาดทุกอย่างเรียบวุธตามมารยาทในการกินอาหารบุฟเฟต์ แล้วหยิบน้ำดื่มติดมือกลับไปห้องพัก ๑ ขวด กระโดดขึ้นไป “เลื้อย” บนเตียง ภาวนารอบหลังอาหารเช้า รอเวลาที่รถจะมารับ...

หกโมงห้าสิบนาทีลูกปุ๊กมาตาม บอกว่ารถตู้มาถึงแล้ว อาตมาเดินลงไปจนถึงข้างล่างแล้วจึงรู้ตัวว่าเดินเท้าเปล่า ต้องย้อนกลับไปใส่รองเท้าบนห้องพักอีกรอบ ขนาดนั้นยังลงมาเร็วกว่าพี่วิไล ทำให้มีเวลาเดินถ่ายรูปบริเวณหน้าโรงแรมไปหลายรูป จากนั้นตามคนอื่น ๆ ขึ้นรถตู้ ซึ่งมีคุณราญเป็นพลขับ...

สุธรรม
29-07-2014, 00:58
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=21841&stc=1&d=1406572061
ไปแลกเงินก่อนตามเคย

อาตมานั่งคู่กับคุณปัญญาที่เบียดติดกับคุณราญ คุณอารีนั่งคู่กับพี่วิไล น้องเล็กนั่งคู่กับลูกปุ๊ก พี่มุกดา ป้ามอยกับแม่ป๋อมนั่งแถวหลังสุด ส่วนคุณแสงไม่ได้ไปกับเราแล้ว พี่วิไลบอกว่าวันนี้จะพาไปเที่ยวอุทยานแห่งชาติพนมกุเลน ไม่ต้องมีมัคคุเทศก์ก็เที่ยวกันเองได้ จึงไม่ได้ใช้บริการของคุณแสงอีก อาตมาที่ยังไม่ได้บอกลาคุณแสงเลย จึงได้แต่ “ออคุณเจริญ” คุณแสงอยู่ในใจ...

คุณราญออกรถ (คำว่า “รถ” ขแมร์ใช้คำเดียวกับไทย แต่ถ้าออกเสียงเร็ว ๆ จะฟังเป็น “ร็วด”) ไปบนถนนที่ว่างสุด ๆ เพราะยังเช้าเกินไปสำหรับคนอื่น พี่วิไลสั่งให้วิ่งไปยังร้านฮุ่ยเกียงเพื่อแลกเงิน ซึ่งเป็นหน้าที่ของคุณอารีที่วันนี้ใส่เสื้อกึ่งเสื้อกล้ามกึ่งคอกระเช้าสีแดง วิ่งลงไปแลกเงินให้ตามเคย...

สุธรรม
30-07-2014, 02:03
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=21843&stc=1&d=1406662427
ลูกน้องหลอกเล่นหัวชาวบ้าน มีเจ้านายคอยเชียร์..!

คุณอารีหอบธนบัตรเขมรกลับขึ้นรถมาส่งให้พี่วิไล แล้วไปเปิด “อารีซาลอน” ที่เบาะแถวกลาง เพราะลูกปุ๊กเห็นว่าคุณอารีถักเปียได้หลายรูปแบบ เอ่ยปากชมว่าสวย อีกฝ่ายจึงเต็มใจบริการให้ เพียงแต่คุณลูกตัดผมสั้นไปแล้ว ไม่รู้ว่า “เจียงอารี” จะทำออกมาเป็นทรงไหน...

คุณราญพารถตู้เลี้ยวขวาข้างพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติเสียมเรียบ วิ่งตรงไปข้างหน้า ผ่านโรงพยาบาลเด็กและวงเวียนอัปสรา เมื่อออกพ้นตัวเมืองก็เลี้ยวซ้ายตรงไปทางปราสาทนครวัด มาถึงสามแยกข้างตัวปราสาทนครวัด มีด่านตรวจซึ่งเจ้าหน้าที่ชะโงกมาดูในรถ พอเห็น “โลกไทย” ก็โบกมือให้ผ่าน คุณราญพารถเลี้ยวขวา วิ่งยาวไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ ผ่านสระสรงทางขวามือและปราสาทแปรรูปทางซ้ายมือ...

สุธรรม
31-07-2014, 01:54
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=21845&stc=1&d=1406748279
เลิกเล่นหัวคนอื่นก็ไปหาซื้อของกิน

เลี้ยวขวาอีกทีออกไปตามถนนเส้นที่ไปปราสาทบั้นท้ายสตรี เอ๊ย..บันทายศรี ผ่านหมู่บ้านพึ่งตนเองที่มีของที่ระลึกขายเต็มไปหมด วิ่งไปประมาณครึ่งชั่วโมงก็หมดถนนลาดยาง กลายเป็นทางลูกรังแดง ๆ แต่ก็เรียบดี เสียอย่างเดียวว่าเมื่อรถวิ่งผ่าน ฝุ่นสีแดงก็ฟุ้งตลบตามหลังเป็นทางยาว สองข้างทางมีบ้านหลังเล็กหลังน้อย บ้างมุงแฝก บ้างมุงสังกะสี แทรกอยู่เป็นระยะ บ้างบ้านมีเพิงเล็ก ๆ วางของจำพวกพืชผักผลไม้พื้นบ้านขายอยู่ด้วย...

คุณอารีถักเปียให้ลูกปุ๊กเสร็จ ก็เปลี่ยนจากช่างทำผมมาเป็นผู้จัดการทั่วไปของคณะทัวร์ สั่งคุณราญให้หยุดรถที่เพิงหลังหนึ่ง ซึ่งมีตุมสวาย (มะม่วงสุก) กับก็อมปึงเรียจ (กระท้อน) วางขายอยู่ ทั้งอาตมา คุณอารีและคุณปัญญา ลงจากรถไปเพื่อดูของ...

สุธรรม
01-08-2014, 01:29
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=21849&stc=1&d=1406833153
ฝีมือช่างอารีที่อุตส่าห์ถักผมสั้น ๆ ให้

บนแคร่ในเพิงมีมะม่วงกระล่อนทั้งสุกและดิบอยู่อย่างละกอง กับกระท้อนพื้นเมืองที่ ดูแล้วน่าจะเปรี้ยวมากกว่าหวานแขวนอยู่อีกพวงใหญ่ คุณอารีถามราคา พี่วิไลกับลูกปุ๊กที่ตามลงมาจึงได้ยินเสียงรัวลิ้นภาษาขแมร์ “ตุมสวายโปร๊กบอกนี้ทะรัยโปนมาน ?” (มะม่วงสุกนี่ราคาเท่าไร ?) ทั้งสองคนฟังไม่ทันจึงได้แต่ยิ้มแห้ง ๆ ก้มดูพื้นเหมือนกับสงสัยว่า พูดเสร็จแล้วคงมีตัว ร.เรือ หล่นอยู่เต็มพื้นเป็นแน่..!

“ฝีมือช่างอารีเป็นอย่างไรบ้างจ๊ะ ?” อาตมาถาม ลูกปุ๊กหมุนตัวหันหลังให้ดูฝีมือ “เจียงอารี” ที่อุตส่าห์ถักผมสั้น ๆ เป็นเปียคู่ให้ แล้วรวบปลายมามัดติดกันไว้ อือม์..ดูดีเหมือนกันนะ ถ้าเข้าร้านเสริมสวยจริง ๆ คงโดนไปเป็นร้อยแล้ว พอดีคุณอารีซื้อมะม่วงเสร็จ ให้คุณปัญญาที่ชิมมะม่วงของเขาไปเป็นลูกหอบมาขึ้นรถ พวกเราจึงต้องขึ้นตามเพื่อเดินทางต่อไป...

สุธรรม
02-08-2014, 03:33
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=21850&stc=1&d=1406927010
ขแมร์ก็มีด่านบุญเหมือนกัน ไม่อย่างนั้นจะน้อยหน้าพม่า

คุณราญพารถตู้ลุยไปบนถนนลูกรังต่อ ช่วงนี้สองข้างทางเป็นทุ่งนาและป่าละเมาะ นาน ๆ จะมีบ้านคนสักหลังหนึ่ง วิ่งไปประมาณ ๑๐ นาทีก็เจอนักเลงโต เอ๊ย..เจอด่านเรี่ยไร มีโต๊ะตั้งอยู่ ๑ ตัว พร้อมกับสัปทนสีทอง ๑ อัน ด้านหลังมีป้ายบอกว่าทำบุญอะไร แต่อาตมาอ่านไม่ทัน ส่วนที่ยืนอยู่ข้างถนนน่าจะเป็นสามเณร ๒ รูปกับเด็กวัด ๓ คน ถือบาตรรอรับการบริจาคอยู่...

พี่วิไลบัญชาคุณราญจอดรถเทียบข้างให้ พวกเราควักกระเป๋าทำบุญกันใหญ่ อาตมาเป็นพระเองแท้ ๆ น่าจะเป็นฝ่ายรับ ยังบริจาคไป ๑,๐๐๐ เรียล นึกถึงตอนไปประเทศพม่า ที่นั่นเขาตั้งด่านรับบริจาคกันเป็นล่ำเป็นสัน ประมาณ ๑ ก.ม.ก็จะเจอ ๑ ด่าน อาตมาต้องแลกแบงค์ย่อยเอาไว้เป็นหอบ เพื่อทำบุญกับด่านเหล่านี้โดยเฉพาะ...

“อะภิวาทะนะสีลิสสะ นิจจัง วุฒาปะจายิโน, จัตตาโร ธัมมาวัฑฒันติ อายุ วัณโณ สุขัง พะลัง” สามเณรกับเด็กวัดให้พรตามปกติ เพียงแต่ลืมไปว่าทำแบบนี้ถือว่าเสียมารยาท เป็นสามเณรกับเด็กวัดดันมาให้พรพระ..!

สุธรรม
03-08-2014, 02:11
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=21851&stc=1&d=1407008487
ด่านนี้เป็นแม่ชีกับโยมวัด ทำบุญไปเถอะ..อย่าคิดมาก

มัวแต่จอดทำบุญอยู่ มีรถตู้สีขาววิ่งแซงไปคันหนึ่ง เมื่อพวกเราตามหลังไปจึงมีแต่ฝุ่นสีแดงตลบอบอวล ยังไม่ทันที่อาตมาจะยุให้คุณราญวิ่งแซง รถตู้คันนั้นก็เบรกเห็นไฟท้ายแดงโร่ ที่แท้มีด่านบุญอีกด่านหนึ่ง คราวนี้เป็นแม่ชีกับคุณป้าคนหนึ่ง มาตั้งจุดรับริจาคอยู่แถวหน้าวัดเลย กลายเป็นว่าทั้งเขาทั้งเราต้องหยุดทำบุญกันก่อน แล้วค่อยวิ่งตามก้นคันหน้ากินฝุ่นกันต่อไป...

สุธรรม
04-08-2014, 02:42
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=21854&stc=1&d=1407096765
ด่านเก็บ "ค่านักเลง" ของอุทยานแห่งชาติพนมกุเลน

สองข้างทางรกทึบขึ้นเรื่อย ๆ จากทุ่งนาเป็นป่าละเมาะ จากป่าละเมาะกลายเป็นป่าเบญจพรรณ ไม่นานนักก็มาถึงด่านเก็บค่าผ่านทาง ราคาโหดได้ใจเชียวละ..รถเก๋ง รถกระบะ จ่ายคันละ ๑๐,๐๐๐ เรียล รถตู้คันละ ๒๐,๐๐๐ เรียล นักท่องเที่ยวคนละ ๒๐ ดอลลาร์ คนขแมร์คนละ ๒,๐๐๐ เรียล พี่วิไลให้คุณอารีวิ่งลงไปจ่าย “ค่านักเลง” แต่โดยดี...

สุธรรม
05-08-2014, 01:56
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=21858&stc=1&d=1407180401
ร้านค้าบริเวณหน้าด่าน

เนื่องจากมีทั้งรถตู้คันหน้าและรถตู้คันของเรา เจ้าหน้าที่ต้องตรวจนับจำนวนคนก่อน แล้วค่อยออกบัตรผ่านทางให้ อาตมาจึงลงไปเดินถ่ายรูปสถานที่โดยรอบ แถมแวะดูร้านขายของข้างด่านอีกด้วย ร้านนี้มีทั้งมะม่วง (สวาย) สับปะรด (มะนัวะ) ขนุน (คะน็อล) และของขบเคี้ยวประเภท “ข้าวเกรียบรวยเพื่อน” เหมือนของไทย ดูคุ้นตาดีแท้ ๆ...

สุธรรม
06-08-2014, 12:29
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=21859&stc=1&d=1407304840
พื้นที่อุทยานแห่งชาติพนมกุเลนส่วนใหญ่เป็นป่าดิบเขา

เมื่อกลับขึ้นรถมา รถตู้คันหน้าก็หายไปนานแล้ว เจ้าหน้าที่เปิดไม้กั้นให้ คุณราญนำรถวิ่งไปตามถนนที่เป็นดินแดงเหมือนลูกรัง แต่กลับเป็นดินเหนียวเรียบกริบ สองข้างทางเป็นป่าทึบประเภทป่าดิบเขา ดูแล้วน่าจะมีสัตว์ป่ามากมาย แต่รถราที่วิ่งเป็นประจำคงทำให้สัตว์ต่าง ๆ หนีห่างจากถนนไปโดยปริยาย พวกเราวิ่งผ่านป่ามาตั้งนานจึงไม่เจอตัวอะไรเลย...

รถวิ่งขึ้นสูงไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งทางขวามือเป็นไหล่เขากระหนาบชิดเข้ามา บางตอนเลี้ยวหักข้อศอกซ้ำยังเป็นช่วงที่กำลังขึ้นเนินอีกด้วย วิ่งผ่านซอกเขาที่มีหินใหญ่ก้อนมโหฬาร แถมยังมีศาลเจ้าที่อยู่ให้หวาดเสียวเล่น อาตมาตั้งใจอุทิศส่วนกุศลให้กับเจ้าที่ทุกท่าน เห็นเจ้าที่ร่างใหญ่มหึมายืนถือกระบองอันโตอยู่ตรงโค้งหน้าเหว เหมือนกับช่วยยืนปิดทางไม่ให้รถราตกลงไป ในเมื่อท่านไม่เข้ามาใกล้ ก็ได้แต่ขอบคุณท่านอยู่ในใจ...

สุธรรม
07-08-2014, 02:05
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=21860&stc=1&d=1407353819
เห็นแต่ไกลนึกว่าเป็นห้องแถว

มีทางโค้งหักข้อศอกหลายแห่ง อาตมาบอกให้คุณราญบีบแตร เพื่อเตือนให้รถที่วิ่งลงมารู้ว่า มีรถกำลังวิ่งสวนขึ้นไป คุณราญหัวเราะพลางบอกว่า ไม่ต้องหรอก เพราะช่วงเช้าเขาให้รถวิ่งขึ้นอย่างเดียว ใครจะลงต้องรอช่วงบ่ายโน่น อ้าว..ไม่บอกไม่รู้นะนี่...

ประมาณครึ่งชั่วโมงก็เห็นมีอาคารเหมือนห้องแถวยาวอยู่ข้างหน้า เข้าไปใกล้จึงเห็นว่าเป็นร้านขายของที่ระลึกทั้งนั้น คุณราญพารถเลี้ยวเข้าไปในลานจอดด้านซ้ายมือหลังร้านขายของ ซึ่งตอนนี้มีรถจอดอยู่ไม่กี่คัน น่าจะเป็นของบรรดาพ่อค้าแม่ค้านั่นแหละ...

สุธรรม
08-08-2014, 09:48
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=21861&stc=1&d=1407468041
นี่แค่หนึ่งในร้อยที่วางขาย

พวกเราลงจากรถแล้วเดินเลาะออกมาทางด้านหน้าร้านค้า ซึ่งมีของขายสารพัดชนิด ทั้งดอกไม้ธูปเทียน พระพุทธรูปทั้งแกล้งเก่าและของใหม่ เครื่องรางของขลังประเภทปลัดขิก และนกคุ่มกันไฟ ผ้าผ่อนท่อนสไบ เครื่องสัมฤทธิ์ที่ดูก็รู้ว่าใช่โซดาไฟกัดแล้วทิ้งให้ดูเก่า ของป่าต่าง ๆ ทั้ง เขา หนัง เขี้ยว เล็บ ของสัตว์ป่า ตลอดจนว่านยาสารพัดชนิดทั้งสดและแห้ง ถ้าไม่ใช่ต้องหอบหิ้วกันข้ามประเทศก็น่าซื้ออยู่เหมือนกัน...

สุธรรม
09-08-2014, 02:03
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=21862&stc=1&d=1407526502
หน้าตาชวนกินมาก

อาตมาเดินดูของไปตามร้านค้า ที่มีทั้งมุงแฝก มุงสังกะสี บางร้านก็คลุมด้วยผ้าใบ มีเสียงโฆษณาปาว ๆ ของทางวัด ซึ่งประกาศชักชวนให้ญาติโยมทำบุญกรอกหูไปตลอดทาง ผ่านแผงหอยคราง (คล้าย ๆ หอยแครง) ที่เขาคลุกกับพริก-เกลือ-น้ำตาล แล้วแผ่ตากไว้เต็มแผ่นสังกะสี เห็นแล้วนึกอยากได้มากินกับข้าวต้มร้อน ๆ ขึ้นมาโดยพลัน...

สุธรรม
10-08-2014, 02:07
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=21863&stc=1&d=1407613129
ขนาดบ่อน้ำยังวิลิศมาหราจนปานนี้

เกือบสิบนาทีกว่าจะเดินพ้นแถวร้านค้ายาวเหยียด มาเจอบ่อน้ำแบบบ่อโพง แต่เขาปั้นลายกลีบบัวรอบปากบ่อ มีพญานาค ๕ เศียรแบบขอมแผ่พังพานอยู่สี่ทิศ หางพญานาคม้วนพันกันเป็นเสาหลักกลางบ่อ มีคันทวยรูปคล้ายกินรี ค้ำยันดอกบัวดอกเล็กด้านบนอยู่ ๔ ทิศเช่นกัน แต่สับหว่างกับพญานาคด้านล่าง อาตมาถ่ายรูปไว้แล้วเดินตามคณะไปทางขวามือ...

สุธรรม
11-08-2014, 09:43
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=21864&stc=1&d=1407726884
โปรดดูหมาวัด เอ๊ย..กวางที่ขั้นบันได

ด้านนี้เป็นบันไดขนาดมโหฬาร แต่ละขั้นกว้างประมาณหนึ่งเมตร เหมือนกับจะเอาไว้ให้ยักษ์เดิน สองข้างบันไดช่วงแรกปั้นรูปกวางเอาไว้ทุกขั้น แต่เป็นกวางอีแลนด์ และกวางกาเซลของอาฟริกา เหมือนกับศิลปินจะอวดว่า ถึงจะอยู่คนละซีกโลกก็ยังเอามาประดับวัดได้ แต่กวางกาเซลหลายตัวชำรุดเขาหัก ทำให้ดูเหมือนหมาวัดมากกว่า..!

สุธรรม
12-08-2014, 02:22
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=21865&stc=1&d=1407786889
ถ่ายรูปกับหมาลายเสือ

สองฟากของแต่ละขั้นบันได ถูกจับจองไว้โดยคนขายดอกไม้ธูปเทียนตลอดจนของที่ระลึก บางคนนั่งขอทานก็มี บันไดช่วงที่สองเป็นรูปปั้นพญานาค ซึ่งลำตัวยาวเหยียดเท่ากับเป็นราวบันไดไปโดยปริยาย แต่พังพานพญานาคกลับเป็นครุฑสยายปีกเสียนี่ ผ่านซุ้มประตูสามพี่น้อง ที่ตรงกลางเป็นประตูใหญ่ สองข้างเป็นประตูเล็ก มีลวดลายคล้ายลายไทยเสียด้วย...

หน้าซุ้มประตูมีรูปปั้นเสือโคร่งสองตัว แต่ความที่ปั้นหน้ายาวไปหน่อย เลยดูเป็นหมาลายเสือแทน อาตมาประหยัดพลังงานด้วยการก้าวยาว ๆ ให้ได้ก้าวละหนึ่งขั้น คนอื่น ๆ ทำตามบ้างแต่ไม่สำเร็จ กลายเป็นกึ่งเดินกึ่งวิ่งเพื่อที่จะตามอาตมาให้ทัน เมื่อเลยซุ้มประตูเข้าไป บันไดก็หักเลี้ยวไปทางซ้าย ราวบันไดช่วงนี้เป็นพญานาค ๗ เศียร ประมาณ ๒๐ - ๓๐ ขั้นก็เป็นพญานาคตัวใหม่ นอกจากจะค่อนข้างชันแล้ว ยังยาวเหยียดนับร้อยขั้น ทำเอาทุกคนลิ้นห้อยไปตาม ๆ กัน...

สุธรรม
13-08-2014, 03:14
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=21866&stc=1&d=1407876387
นั่งถ่ายรูปรอไปก่อน

อาตมากลับหลังมองลงไป เห็นพี่วิไลกับคุณปัญญาอยู่ลิบ ๆ ถัดมาเป็นพี่มุกดา ส่วนป้ามอย แม่ป๋อมกับน้องเล็กเดินมาทันแล้ว ตามด้วยคุณอารีกับลูกปุ๊ก เห็นทุกคนหอบแฮ่ก ๆ อาตมาจึงนั่งตรงหน้าสิงห์ขอมข้างบันได ขอแม่ป๋อมช่วยถ่ายรูปให้ เป็นการนั่งพักไปในตัว...

สุธรรม
14-08-2014, 02:45
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=21870&stc=1&d=1407961069
พ้นบันไดมาแล้วก็จะเป็นมณฑปหลังนี้

น้องเล็ก ลูกปุ๊กและคุณอารีเข้ามาถ่ายรูปด้วย รอจนพี่มุกดา พี่วิไลและคุณปัญญามาถึงจึงเดินต่อ สุดบันไดทางซ้ายมือเป็นเหมือนเทวาลัยขนาดไม่ใหญ่นัก มีซุ้มจตุรมุขเป็นหน้าบันด้านละ ๔ ชั้น ประดับลวดลายปูนปั้นละเอียดยิบ เยื้องเข้าอีกหน่อยเป็นอาคารที่น่าจะเป็นกุฏิพระ ลักษณะเป็นครึ่งตึกครึ่งไม้ทรงไทยชัด ๆ มุงกระเบื้องลอนเล็กสีเขียว มีหน้าต่างบานเกล็ดอีกด้วย...

สุธรรม
15-08-2014, 01:21
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=21871&stc=1&d=1408042427
ศาลาบนก้อนหิน

ทางขวามือเป็นพื้นที่ป่าธรรมชาติที่มีต้นไม้ขึ้นอยู่ห่าง ๆ มีหินที่เหมือนกับกำแพงธรรมชาติโอบเอาไว้ส่วนหนึ่ง เมื่อหันเข้าไปทางขวาเต็ม ๆ จะเป็นก้อนหินขนาดมโหฬาร ที่ด้านบนก้อนหินสร้างศาลาขนาดใหญ่เอาไว้ทั้งหลัง มีบันไดคอนกรีตเสริมเหล็กทอดขึ้นไปยังศาลาข้างบนด้วย...

สุธรรม
17-08-2014, 02:51
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=21873&stc=1&d=1408220660
โผล่มาทางพระบาทของพระพุทธไสยาสน์องค์ใหญ่

พี่วิไลเดินนำขึ้นบันไดไปข้างบน บันไดตรงขึ้นไปสองช่วง แต่ละช่วงหลายสิบขั้น แล้วหักเลี้ยวขวาขึ้นสู่ศาลาหลังใหญ่ คะเนด้วยสายตาน่าจะกว้างประมาณ ๙ X ๒๑ ตารางเมตร พวกเราโผล่มาทางปลายพระบาทของพระพุทธไสยาสน์องค์ใหญ่ที่ยาวเกือบเต็มศาลา...

สุธรรม
18-08-2014, 02:32
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=21874&stc=1&d=1408305940
ด้านหลังองค์พระเหลือพื้นที่ว่างนิดเดียว

องค์พระพุทธไสยาสน์แกะจากหินธรรมชาติ ที่เป็นส่วนของยอดหินก้อนใหญ่ซึ่งเป็นที่ตั้งศาลานั่นแหละ สัณฐานของยอดหินค่อนข้างแบน ลักษณะขององค์พระบรรทมตะแคงซ้าย เหลือพื้นที่ด้านหน้าองค์พระกับข้างฝาศาลาประมาณเมตรเศษ ๆ ส่วนด้านหลังแคบมาก ต้องเดินตะแคงข้างถึงจะผ่านไปได้...

สุธรรม
19-08-2014, 02:03
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=21894&stc=1&d=1408390603
องค์พระพุทธไสยาสน์ส่วนหนึ่งดูเหมือนจมลงไปในพระแท่นบรรทม

พระพักตร์ของพระพุทธไสยาสน์ออกไปในลักษณะศิลปะพุกาม แต่องค์พระแกะไม่เต็มพระองค์ จึงเหมือนกับจมลงไปในพระแท่นบรรทมส่วนหนึ่ง ช่วงระหว่างพระองค์กับพระแท่นบรรทมที่มีชานจากการแกะเว้าเข้าไป มีผู้เอาพระพุทธรูปขนาดหน้าตักประมาณ ๕ นิ้ว มาวางถวายไว้เรียงเป็นตับ ช่วงฐานของพระแท่นบรรทม แกะเป็นพระพักตร์ของพระพุทธรูปเรียงรายไว้เกือบตลอดความยาวขององค์พระพุทธไสยาสน์...

สุธรรม
20-08-2014, 02:53
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=21923&stc=1&d=1408479951
ได้ดอกไม้ธูปเทียนมา ก็ไหว้พระกันตามอัธยาศัย

คุณอารีเอาดอกบัวและธูปเทียนทองที่ซื้อติดมือมาตั้งแต่เชิงบันได ส่งมาให้พวกเราคนละชุด อาตมาหลบญาติโยมชาวขแมร์ทั้งหลายที่แห่กันมากราบไหว้พระพุทธรูป ไปอยู่ทางด้านหลังองค์พระพุทธไสยาสน์ ตั้งใจถวายดอกไม้ธูปเทียนเป็นพุทธบูชา สวดอิติปิ โสฯ ๓ ห้องถวาย แล้วอุทิศส่วนกุศลให้กับเจ้าที่ทั้งหลาย ตลอดจนจอมคนแห่งกัมโพชที่วันนี้ไม่ "เห็นพระเศียร" เลย...

สุธรรม
21-08-2014, 02:52
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=21929&stc=1&d=1408566346
โลกเอิวเบ๊าะของชาวเขมรหรือหลวงปู่สรวง

ภูเขาลูกนี้แต่เดิมชื่อมเหนทรบรรพต เป็นสถานที่ซึ่งถือกันว่าศักดิ์สิทธิ์มาแต่โบราณ สมัยก่อนหลวงปู่หลวงพ่อจากเมืองไทยถ้าธุดงค์มาเขมร จะต้องมากราบพระพุทธไสยาสน์องค์นี้กันทั้งนั้น แม้แต่ "โลกเอิวเบ๊าะ (หลวงพ่อดาบส)" อย่างหลวงปู่สรวง เจ้าของฉายานาม "เทวดาเล่นดิน" ก็ยังพาลูกศิษย์มากราบไหว้อยู่หลายครั้ง...

สุธรรม
22-08-2014, 04:35
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=21932&stc=1&d=1408658935
รุมปิดทองกันที่พระพักตร์พระพุทธไสยาสน์

เนื่องจากมีญาติโยมถวายแผ่นทองมาอยู่เรื่อย ๆ อาตมาสั่งให้น้องเล็กเอาติดตัวไว้เสมอ มาถึงที่นี่จึงได้ที น้องเล็กควักออกมาแจกให้ทุกคน จึงไปรุมกันปิดทองอยู่แถวพระพักตร์ของพระพุทธไสยาสน์ ส่วนอาตมาเดินดูรอบองค์พระ เห็นมีลายเซ็นของพวก "มือบอน" ทั้งหลาย อยู่ด้านหลังองค์พระเต็มไปหมด ฝรั่งหลายคนยกกล้องถ่ายลายเซ็นเอาไว้ ไม่ทราบว่าเอาไว้ดูเล่นหรือจะเอาไปประจานกันแน่...

สุธรรม
23-08-2014, 01:50
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=21933&stc=1&d=1408735434
ขึ้นทางบันไดหน้า แต่มาลงทางบันไดหลัง

วนมาจนถึงพระพักตร์ของพระพุทธไสยาสน์ มีตู้บริจาคตั้งอยู่ด้วย อาตมาจึงหยอดตู้ไป ๒,๐๐๐ เรียล ครั้นเห็นว่าส่วนมากปิดทองกันเสร็จแล้ว อาตมาจึงเดินออกมาทางเดิม แต่เลี้ยวขวาลงบันไดทางด้านหลังศาลา มีป้ามอย แม่ป๋อม พี่มุกดา น้องเล็กและลูกปุ๊ก ตามลงมาด้วย อาตมาให้ทุกคนหยุดถ่ายรูปกันก่อน บันไดด้านนี้สูงกว่าด้านหน้าอีก ตรงเชิงบันไดเป็นสิงห์แบบขอม แกะสลักจากหินทรายตั้งอยู่คู่หนึ่ง ลงมาถึงเชิงบันไดเจอพระเจ้าถิ่นที่กลับจากบิณฑบาตพอดี...

สุธรรม
24-08-2014, 01:22
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=21934&stc=1&d=1408820163
นมัสการหลวงพ่อ..สบายดีนะครับ

"จุมเรียบซัว..โลกเอิว..ซกสบายดี ?" อีกฝ่ายตอบกลับมาด้วยมารยาทอันดี แต่พอเห็นแม่ป๋อมยกกล้องถ่ายรูปก็รีบเดินหนี อาตมาอวยพรตามหลังไปว่า "ซกขะเพียบลออ" คุณแม่ที่ทำเสียเรื่องหัวเราะแหะ ๆ...

อาตมาเห็นป้ายบอกทางไปห้องน้ำ จึงเดินตรงเข้าไปปลดทุกข์เบาก่อน ห้องน้ำของเขาเป็นโถชักโครกอย่างดี แต่ประตูปิดด้วยการใช้ไม้ขัดดานเอา เป็นการประยุกต์โลกยุคเก่ากับยุคใหม่เข้าด้วยกันแบบไม่ขัดเขิน ขนาดอยู่บนเขาอย่างนี้ห้องน้ำของเขายังไม่ขาดแคลนน้ำ ต้องชมเชยทางวัดเป็นอย่างยิ่ง ถ้าไม่มีระบบประปาก็แปลว่าต้องหาบน้ำมาจากเชิงเขาโน่นเลยทีเดียว ทำให้อาตมาไม่กล้าใช้น้ำมาก ตักราดไปขันเดียวพอให้สะอาดเท่านั้น

สุธรรม
25-08-2014, 01:49
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=21936&stc=1&d=1408908183
ศาลาบูชาพรหมพักตร์

ออกมาเจอลูกปุ๊กที่รอคิวเข้าห้องน้ำอยู่ ในเมื่อคนอื่นยังทำธุระไม่เสร็จ อาตมาจึงฉวยโอกาสถ่ายรูปศาลาลอยฟ้าจากทางด้านหลังนี้ไปด้วย เสร็จแล้วเดินอ้อมหินใหญ่ที่ตั้งศาลาครบรอบพอดี ก็มาเจอศาลาเล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยบายศรีกระดาษ มีทั้งสีเงิน สีทอง สีเขียวแน่นไปหมด...

เมื่อเล็งดูดี ๆ จึงเห็นว่าที่ผนังศาลามีปูนปั้นแบบดุนนูน เป็นพรหมพักตร์อยู่ทั้งซ้ายขวา ต่ำลงมาเป็นลายมงคลอะไรก็ดูไม่ถนัด กับนกที่บินอยู่ด้านละตัว ติดขอบศาลาทั้งสองข้าง เป็นนางฟ้าโปรยดอกไม้ที่เป็นรูปกระจังแข็งโป๊กลงมาตรงกลาง ข้างหน้าศาลามีตู้บริจาคเรียงราย บนตู้บริจาควางพานไว้หลายสิบใบ มีทั้งพานใส่ผลไม้และพานใส่เงิน เพื่อบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่น่าจะเป็นพรหมพักตร์ในศาลานั่นเอง...

สุธรรม
26-08-2014, 01:11
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=21938&stc=1&d=1408992329
พระพุทธรูปนาคปรกอยู่ในรอยเว้า

ทางซ้ายมือของศาลาซึ่งก็คือขวามือเมื่อตอนที่เดินเข้ามา เป็นผนังหินธรรมชาติโอบกว้างไปหลายสิบเมตร มีพระพุทธรูปหินทรายองค์ใหญ่กว่าตัวคนเล็กน้อยตั้งอยู่สามองค์ ถัดไปเป็นเสมาแกะสลักและพระพุทธรูปปูนปั้นลงสีอีกเกือบสิบองค์ จุดที่หินใหญ่สองก้อนมาชนกัน เว้าเข้าไปเป็นที่นั่งได้ มีพระพุทธรูปนาคปรกแกะจากหินทรายองค์ใหญ่ พระสงฆ์รูปหนึ่งกำลังนั่งพรมน้ำมนต์ให้แก่ญาติโยมที่เข้าไปทำบุญตรงนั้น ถัดไปเป็นศาลเพียงตา (ศาลพระภูมิ) สีเหลืองหลังหนึ่ง...

สุธรรม
27-08-2014, 02:40
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=21944&stc=1&d=1409084086
พุทธกับพราหมณ์อยู่ด้วยกันอย่างกลมกลืน

ตรงกลางลานหินเป็นสระน้ำคอนกรีตไม่ใหญ่นัก มีสายพลาสติกกำลังส่งน้ำลงในสระ ซึ่งล้นออกไปยังศิวลึงค์ตั้งอยู่บนอุมาโยนีข้างหน้าสระ แล้วไหลลงไปยังฐานที่เป็นรูปกลีบบัวกลีบใหญ่ จากนั้นไหลลงท่อพีวีซีที่ปลายกลีบบัวออกไปถึงไหนก็ไม่รู้ มีญาติโยมหลายคนวักน้ำไปล้างหน้าและพรมศีรษะตนเองอยู่...

สุธรรม
28-08-2014, 02:26
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=21946&stc=1&d=1409169676
แม่ค้าขายลอดช่องเขมร

ถัดจากสระน้ำไป เป็นป้ายปูนแจ้งรายละเอียดของสถานที่นี้เป็นอักษรขอม บอกเวลาการสร้างป้ายอันนี้ว่า พ.ศ. ๒๕๔๘ มีแม่ค้าวางหาบขายลอดช่องอยู่หาบหนึ่ง ลูกค้าหลายคนกำลังล้อมหาบสั่งลอดช่องกันอยู่ แต่พวกเราไม่มีใครอยากกินลอดช่อง อาตมาจึงชวนเดินกลับลงไปข้างล่าง...

ขาลงถึงแม้จะสบายกว่าก็จริง แต่ความกว้างของบันไดทำให้เดินไม่ถนัด เพราะจะเดินก้าวละขั้นก็กว้างเกินไป เดินสองก้าวต่อขั้นก็แคบเกินไป จึงต้องจด ๆ จ้อง ๆ เขย่งก้าวกระโดดกันไป ตามแต่ว่าใครจะขายาวขาสั้นกว่ากัน...

สุธรรม
29-08-2014, 02:30
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=21947&stc=1&d=1409256288
อยากมีประสบการณ์ก็ต้องซื้อของแพง

ลงมาถึงข้างล่างก็ต้องเดินเลาะร้านค้าเพื่อกลับไปยังลานจอดรถ ลูกปุ๊กเห็น “กุเลน” หรือลิ้นจี่ป่า ที่บ้านเราเรียกว่า “คอแลน” ซึ่งเป็นที่มาของชื่อ “พนมกุเลน” หรือ ภูเขาลิ้นจี่ป่า จึงแวะเข้าไปถามราคา แล้วก็ต้องสะดุ้ง เพราะคนขายตอบว่า “พวงละ ๒๐ บาท” อ๊ากกก..! ไอ้ของที่บ้านเรายกให้ฟรียังไม่ค่อยมีใครเอา ที่นี่ขายกันหยิบมือละ ๒๐ บาท..!

ด้วยความที่เกิดมายังไม่เคยกินคอแลนมาก่อน เดี๋ยวมีคนถามว่าคอแลนรสชาติเป็นอย่างไร ถ้าตอบเขาไม่ได้ก็เสียทีที่เข้าป่ากับหลวงพ่อบ่อย ๆ คุณลูกจึงพยายามต่อราคา ท้ายสุดได้มา ๓ พวง ๕๐ บาท กลายเป็นจ่ายแพงหนักเข้าไปอีก แล้วเอามาแบ่งให้คนอื่น ๆ ได้ชิมด้วย...

สุธรรม
30-08-2014, 02:10
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=21949&stc=1&d=1409341541
ไม่อยากเดินไกล เอาตรงนี้แหละ..!

อาตมากินคอแลนมามากแล้ว บางต้นเอาไปตำน้ำพริกแทนมะนาวได้เลย จึงหันไปสนใจของอื่นแทน มีกระเพาะค่าง เป็นต้น สำหรับกระเพาะค่างนี้ ตำรายาอายุวัฒนะโบราณเรียกว่า “พญาร้อยยอด” เพราะค่างกินยอดไม้สารพัดชนิด เมื่อตากแห้งเอามาดองน้ำผึ้ง หรือ “พญาร้อยดอก” รวมกับกระเพาะเม่น หรือ “พญาร้อยราก” เพราะเม่นกินรากไม้สารพัดชนิดเช่นกัน กินทุกวันร่างกายจะแข็งแรง หรือว่าจะแข็งแต่แรงไม่มีก็ไม่รู้ ?

เจ้าหมาสีน้ำตาลค่อนข้างผอมตัวหนึ่ง เดินเบียดอาตมาเข้าไปที่ถังน้ำใส่ดอกบัว เอาหัวซุกแหวกดอกบัวลงไปจนถึงน้ำ แล้วเลียกินอย่างกระหายจัด อาตมาชี้ให้ทุกคนดูเลยหัวเราะกันใหญ่ แม้แต่แม่ค้าขายดอกบัวก็พลอยหัวเราะไปด้วย เออหนอ..จะคนจะสัตว์ก็ทุกข์ด้วยความหิว ความกระหายพอกัน...

สุธรรม
31-08-2014, 02:23
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=21955&stc=1&d=1409428687
พม่ามีศาลรุกขเทวดาที่แปะกับต้นไม้ เขมรก็มีศาลพระภูมิที่แบอยู่กับดิน

คุณราญเอารถตู้มาจอดเทียบ พวกเราขึ้นรถแล้วก็พาวิ่งย้อนเส้นทางเดิมมาได้นิดเดียว พอถึงช่วงที่เป็นลานกว้าง ก็พารถวิ่งชิดชายห้วยที่มีต้นไม้ร่มครึ้มแล้วจอด คุณปัญญาเปิดประตูให้ทุกคนลงมา กำลังงง ๆ ว่าอะไรกัน ? พี่วิไลก็บอกว่า “ลำห้วยสายนี้เป็นห้วยน้ำมนต์ พี่ปราณีให้พาพวกเรามาสักการะ ใครจะอาบน้ำมนต์ก็ได้นะคะ..”

ที่ชายห้วยมีรั้วไม้เตี้ย ๆ กั้นไม่ให้คนลงไปเล่นน้ำ ตามร่มไม้ริมห้วยมีแคร่ไม้ตั้งเรียงรายกันเป็นระยะ น่าจะเป็นที่ขายของมาก่อน แต่ตอนนี้ไม่มีแม่ค้าเหลืออยู่เลย พี่วิไลพาเดินเลียบลำห้วยไปทางซ้าย อาตมาเห็นศาลพระภูมิหลังหนึ่ง ที่เป็น “ศาลพระภูมิ” จริง ๆ ไม่ใช่ศาลเพียงตา เพราะว่าสร้างแปะไว้กับพื้น (ภูมิ) เลย จึงให้แม่ป๋อมถ่ายรูปเอาไว้ ก่อนที่จะรีบเดินตามคณะไป มาถึงบริเวณที่ไม่มีรั้วไม้ น้ำตรงนี้ค่อนข้างลึก มีชิงช้าหวายสานอย่างดีห้อยอยู่ตัวหนึ่งด้วย...

สุธรรม
01-09-2014, 02:23
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=21956&stc=1&d=1409515086
พระเจ้าชัยวรมันที่ ๒ โปรดให้สร้างศิวลึงค์ไว้ที่ก้นแม่น้ำถึง ๑,๐๐๐ องค์

พี่วิไลบอกให้คุณปัญญาส่งเครื่องสักการะมา อาตมาจึงเห็นว่าคุณปัญญาถือถาดมาใบหนึ่งด้วย ในถาดมีกลีบดอกบัว ดาวเรือง กุหลาบ ปนกับถั่วงากองพูนอยู่ พี่เขาส่งให้อาตมาเพื่อโปรยลงไปในลำห้วย อาตมาจึงถึงบางอ้อ ที่แท้ลำห้วยนี้ก็คือต้นแม่น้ำเสียมเรียบนั่นเอง...

สมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ ๒ ผู้สถาปนาอาณาจักรกัมโพช ทรงนับถือศาสนาพราหมณ์ไศวนิกาย โปรดให้สร้างศิวลึงค์พร้อมกับอุมาโยนีที่ต้นแม่น้ำเสียมเรียบบริเวณพนมกุเลน เพื่อให้แม่น้ำสายนี้กลายเป็นน้ำมนต์ไปทั้งสาย จำนวนศิวลึงค์และอุมาโยนีที่สร้างมีถึง ๑,๐๐๐ องค์ การแกะสลักในน้ำคงจะยุ่งยากน่าดู...

สุธรรม
02-09-2014, 01:51
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=21960&stc=1&d=1409599583
แค่ขุดทางเบี่ยงให้น้ำแห้ง แกะสลักเสร็จก็ถมทางเบี่ยงให้น้ำไหลมาทางเดิม

“ไม่ได้ยากอะไรเลย แค่เบี่ยงทางน้ำให้ไหลไปทางอื่น แล้วแกะสลักจนเสร็จ จากนั้นก็ถมทางเบี่ยงให้น้ำไหลกลับมาในเส้นทางเดิม” สุรเสียงจอมคนแห่งกัมโพชดังขึ้น ตกใจนะนี่..นึกว่าผีหลอกกลางวัน..! แล้วนี่พระองค์ท่าน “หายพระเศียร” ไปไหนมา ?

“วันนี้เป็น “วันพระ” นอกจากรุกขเทวดาและภุมมเทวดาแล้ว ที่เหลือทั้งหมดต้องไปประชุมที่เทวสภา ขนาดข้าพเจ้ารีบกลับมาแล้ว ยังโดน “จิกกัด” แบบนี้ รู้อย่างนี้มาช้ากว่านี้ก็คงจะดี..” นั่น..มี “ทรงพระงอน” อีกด้วย ทำอย่างกับว่า “จิกกัด” ไปแล้ว พระองค์ท่านจะสะเทือนอย่างนั้นแหละ อ้อ..วันนี้วันพระหรือ ? มาจนลืมวันลืมคืนไปแล้ว...

สุธรรม
03-09-2014, 02:19
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=21965&stc=1&d=1409687681
เขาทำชิงช้าไว้ให้ถ่ายรูปด้วย

“สมเด็จพระบรมมหาปัยกาเจ้าทรงเล็งเห็นว่า ประชาชนทุกคนก็ล้วนแล้วแต่อยากได้น้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ ทว่าน้ำมนต์ที่พราหมณ์ “ผลิต” จากเทวาลัยต่าง ๆ เมื่อเทียบกับจำนวนผู้ศรัทธาแล้วมีน้อยเหลือเกิน จึงทรงมีพระดำริให้ “สร้าง” แม่น้ำสายนี้เป็นแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์ ประดุจแม่น้ำคงคาในชมพูทวีป ไหลผ่านไปถึงไหนประชาชนจะได้มีน้ำมนต์ใช้กันโดยถ้วนหน้า” มัคคุเทศก์เถื่อนเข้าประจำที่แล้วครับท่าน...

อาตมารับถาดใส่เครื่องสักการะมาจากคุณปัญญา โปรยดอกไม้ลงไปในลำห้วย ๓ กำ เป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา แม้จะดูแปลก ๆ ที่มาบูชาพระในแม่น้ำสายนี้ แต่ก็สำคัญอยู่ที่การตั้งใจเท่านั้น แล้วส่งถาดต่อให้คนอื่น ๆ เป็นนางฟ้าโปรยดอกไม้กันบ้าง ส่วนตัวเองเดินไปนั่งที่ชิงช้าหวายให้แม่ป๋อมถ่ายรูป คนอื่นเห็นว่าเขาตั้งใจทำชิงช้าให้ถ่ายรูปอยู่แล้ว จึงมาขอถ่ายบ้าง...

สุธรรม
04-09-2014, 01:45
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=21966&stc=1&d=1409772068
ไหน ๆ ก็ลงไปแล้ว จึงช่วยกันทำความสะอาดไปเลย

แม้ว่าจะมีป้าย “No passing on the carving” ปักอยู่ก็ตาม แต่เมื่ออาตมามองซ้ายมองขวา ไม่เห็นมีใครเลยนอกจากคณะของพวกเรา จึงลุยลงไปใน “แม่น้ำคงคาน้อย” เพื่อถ่ายรูปบรรดาศิวลึงค์และอุมาโยนี ที่บางช่วงก็เป็นอันเล็กประมาณสากตำน้ำพริก เรียงรายแน่นไปทั้งลำห้วย บางช่วงก็เป็นอันใหญ่เท่าเสาเรือน คนอื่น ๆ เลยตามลงมากันหมด...

“ท่านนี่ไม่ค่อยจะดื้อเท่าไรเลยนะ..” มัคคุเทศก์เถื่อนได้ที “กัด” คืนบ้าง จะไปเรียกว่าดื้อได้อย่างไร ก็ Passing แปลว่า “ข้าม” นี่อาตมาแค่เดินไปเรื่อย ๆ ตามลำห้วย ไม่ได้เดินข้ามไปฝั่งโน้นสักหน่อย จอมคนแห่งกัมโพชเจอการเถียงแบบหน้าด้าน ๆ ของอาตมา ถึงกับส่ายพระเศียร แล้วฉวยโอกาส “แวบ” หายไปเลย...

สุธรรม
05-09-2014, 01:20
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=21973&stc=1&d=1409856961
เตียงเถาวัลย์

อาตมาวักน้ำลูบแขนลูบขาเพื่อให้ได้ชื่อว่าอาบน้ำมนต์แล้ว จากนั้นเดินเก็บใบไม้ที่ลอยมาติดบริเวณที่น้ำตื้นทิ้ง ทุกคนจึงช่วยกันทำความสะอาดเป็นการใหญ่ ทำให้เห็นว่าบางช่วงมีรูปสลักพระนารายณ์บรรทมสินธุ์องค์ไม่ใหญ่นักอยู่ด้วย อาตมาก้ม ๆ เงย ๆ จนเมื่อยหลัง เลยกลับขึ้นฝั่ง เห็นเถาวัลย์กระไดลิงเส้นใหญ่เอนได้มุมพอดี จึงขึ้นไปนอนพักเสียเลย...

การนอนบนเถาวัลย์เส้นเดียวแบบนี้ อาจจะเป็นของยากสำหรับคนอื่น แต่อาตมาที่ผ่านการฝึกท่าร่าง “สะพานเหล็ก” มาแล้ว กลับเห็นว่าเป็นของง่าย เพราะคนที่เก่ง ๆ เขานอนบนเชือกเล็ก ๆ เส้นเดียวด้วยซ้ำไป เถาวัลย์เส้นเท่าขาจึงเหมือนกับเตียงดี ๆ นี่เอง...

สุธรรม
06-09-2014, 01:32
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=21974&stc=1&d=1409944112
แก่เกินกว่าที่จะเป็นเจนหรือทาร์ซานแล้ว

แม่ป๋อมเห็นอาตมานอน “เตียงเถาวัลย์” จึงย่องมาถ่ายรูป แล้วตีใบ้ชี้โบ๊ชี้เบ๊ให้คนอื่น ๆ ดู ทุกคนเลยขึ้นจากน้ำกันหมด พี่มุกดาถึงกับลืมความแก่ กระโดดโหนเถาวัลย์อีกเส้นที่อยู่ไม่ไกลนัก แต่ทาร์ซานหญิงไม่ประสบความสำเร็จ เพราะเถาวัลย์เส้นเท่าแขนทำให้โหนไม่ออก จึงเปลี่ยนไปขึ้นต้นกุเลนต้นใหญ่ ที่เอนต้นอยู่ปีนได้สะดวก แล้วตะโกนบอกแม่ป๋อมถ่ายรูปให้หน่อย...

อาตมาลงจากเตียงเถาวัลย์แล้ว ถึงได้เห็นว่าคุณอารีหายไปไหนก็ไม่รู้ ? คุณราญขับรถตู้เข้ามาเทียบ คุณปัญญาเปิดประตูให้พวกเราขึ้นรถ กำลังสงสัยว่าจะไปที่ไหนต่อ พลขับก็พารถตู้วิ่งข้ามสะพานไม้ แล้วเลี้ยวไปทางขวามือ ซึ่งมีถนนดินลัดป่าเลาะไปตามลำห้วย ผู้คนเดินกันขวักไขว่ไปหมด พวกเรานั่งยังไม่ทันตูดร้อนก็ต้องลงเดินกันอีกแล้ว...

สุธรรม
07-09-2014, 02:56
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=21981&stc=1&d=1410035569
ด้านนี้มีร้านค้ามากกว่าทางวัดอีก

คุณราญเอารถตู้จอดอยู่ข้างร้านค้าที่ปูเสื่อแบกับดิน มีผลไม้จำพวกสับปะรด มะไฟ คอแลน วางขายกองพะเนิน ด้านหลังร้านมีศาลเล็ก ๆ แบบศาลตายายของบ้านเรา แต่ข้างในเป็นพระพุทธรูปปูนปั้นลงสี หน้าตักประมาณ ๑ ศอก ตั้งอยู่ ๒ องค์...

ส่วนร้านค้าที่ตั้งอย่างเป็นทางการ น่าจะเป็นเพิงที่ทางอุทยานสร้างไว้เก็บค่าเช่า มีพระพุทธรูป เทวรูป ทั้งที่แกะจากไม้ หินทราย และที่เป็นสัมฤทธิ์เลียนแบบของเก่า เครื่องประดับทั้งสายสร้อย แหวน ลูกประคำ พลอยเทียม ชิ้นส่วนของสัตว์ของป่าทั้งเขี้ยว เขา หนัง กระดูก ดีหมี (ปลอมชัด ๆ) กระเพาะเม่น กระเพาะค่าง ว่านยาต่าง ๆ วางขายอยู่เต็มไปหมด ฯลฯ

สุธรรม
08-09-2014, 02:23
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=21982&stc=1&<b><font size=5><font color=Blue>d=1410119994
เป็น "พระยาน้อย" ชมตลาด

ร้านหนึ่งมีของเลียนแบบโบราณมากมาย ทั้งพระพุทธรูป ขัน ไห ตรีศูล พระขรรค์ ทำจากสัมฤทธิ์ทั้งนั้น แต่ฝีมือไม่ถึง เพราะดูด้วยตาก็เห็นว่าเนื้อใหม่เกินกว่าที่จะเป็นของเก่าแท้ อาตมาหยิบเอาพระขรรค์มาลองน้ำหนักดู เบากว่าพระขรรค์โสฬส ๘๔ พรรษาธรรมิกราชของอาตมาหน่อยเดียว เจ้าของร้านรีบโฆษณาสรรพคุณเป็นการใหญ่ ถึงขนาดผู้มีบุญยกแกว่งแล้วฟ้าจะผ่าด้วย อาตมาจึงรีบวางคืนไป ไม่อย่างนั้นอาจจะพาซวยทั้งเขาและเรา..!

ผ่านร้านถ่ายรูปที่เสนอรูปน้ำตกพนมกุเลน และพระพุทธไสยาสน์ที่พวกเราเพิ่งไหว้มา อาตมาก็เพิ่งรู้ว่า พระพุทธไสยาสน์เรียกว่า "พระองค์ธม" (หลวงพ่อโต) สงสัยว่าร้านนี้นางกวักจะไม่ขลัง เพราะพวกเราเดินผ่านไปโดยไม่สนใจรูปภาพเลย ร้านขายหมวกสานประดับดอกไม้และริบบิ้นสารพัดสียังได้รับการสนใจมากกว่า...

สุธรรม
09-09-2014, 02:43
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=21983&stc=1&d=1410207581
คุณอารีมาจองร้านอาหารเอาไว้ให้

“ทางนี้ค่ะ” คุณอารีกระโดดโลดเต้นโบกสองมือเรียก ที่แท้ย่องมาอยู่ทางด้านนี้นี่เอง พวกเราเดินตามคุณอารีกันเป็นขบวน ผ่านร้านค้าต่าง ๆ แล้วปีนข้ามกำแพงศิลาแลงเตี้ย ๆ ที่น่าจะเป็นส่วนหนึ่งของโบราณสถานอะไรสักอย่าง มาถึงริมห้วยที่มี “ศาลา” หลังไม่ใหญ่นัก เป็นทรงสี่เหลี่ยมเปิดโล่ง หลังคามุงสังกะสีสีเขียว เรียงรายอยู่หลายหลัง...

ที่แท้คุณอารีมาจองศาลา ปูเสื่อ เตรียมถ้วยชามและสั่งอาหารกลางวันไว้ให้พวกเรา แถมยังซื้อมะม่วงทั้งสุกและดิบเอาไว้สองถุง แต่ยังไม่ได้เวลาที่นัดกับทางร้านอาหาร พี่วิไลจึงให้พวกเราไปเดินชมสถานที่กันก่อน...

สุธรรม
10-09-2014, 02:04
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=21984&stc=1&d=1410291664
สะพานแขวนข้ามลำห้วยสีชา

ลำห้วยทางด้านนี้น้ำลึกกว่าทางด้านที่เราผ่านมา ถึงน้ำจะใสมากแต่เป็นสีน้ำชา หากใครเคยอยู่บ้านหลังคามุงจากมาก่อน แล้วรองน้ำฝนจากหลังคาเอาไว้ดื่ม ก็จะเห็นว่าเป็นสีเดียวกันเลย น่าจะเกิดจากการที่น้ำไหลผ่านดินหรือหินอะไรบางอย่าง แล้วทำปฏิกิริยาจนเป็นสีนี้ก็เป็นได้ มีผู้คนโดยเฉพาะเด็ก ๆ ลงไปว่ายน้ำเล่นสนุกสนานกันอยู่หลายคน...

มีสะพานแขวนที่เป็นลวดสะลิงประกอบแผ่นไม้กระดาน ขนาดกว้างประมาณเมตรครึ่ง ทอดข้ามลำห้วยไปยังหมู่โบราณสถานที่ปรักหักพังอยู่ทางฝั่งโน้น “นั่นเป็นเมืองเก่าที่สร้างมาตั้งแต่ยุคสมเด็จพระบรมมหาปัยกาเจ้าชัยวรมันที่ ๒ สมัยนั้นการเดินทางมาที่นี่นับว่าทุรกันดารที่สุด ต่อให้ข้าศึกยกทัพมาตี ก็สามารถที่จะหนีไปในพื้นที่ป่าได้รอบทิศทาง พระองค์ท่านจึงทรงประกาศอิสรภาพจากอาณาจักรศรีวิชัยของราชวงศ์ไศเลนทร์ที่นี่..” มัคคุเทศก์เถื่อนโผล่มาแบบไม่ให้สุ้มให้เสียง บรรยายเหมือนกลัวโดนใครแย่งพูดก็ไม่ปาน...

สุธรรม
11-09-2014, 02:16
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=21987&stc=1&d=1410378743
ประวัติศาสตร์ตอนนี้ค่อนข้างจะ "ดราม่า" ไปหน่อย จนต้องหนีลงน้ำ

“อ้าว..อาณาจักรไศเลนทร์ก็เป็นเชื้อสายเดียวกันไม่ใช่หรือ ? แล้วทูลกระหม่อมปู่ทวดของพระองค์ท่านทำไมถึงโดนพี่น้องกัน "ตื้บ" เสียเล่า ?” จอมคนแห่งกัมโพชสรวลหึ..หึ..ตามวิสัย ก่อนที่จะบรรยายประวัติศาสตร์ฉบับ “ผีบอก” ต่อไปว่า...

“ท่านก็ศึกษาประวัติศาสตร์มามาก เคยเห็นว่าผู้มีอำนาจในยุคก่อนมีใครเห็นแก่พ่อแม่พี่น้องบ้าง ? มีแต่จะช่วงชิงกอบโกยผลประโยชน์ไว้กับตนเองให้มากที่สุด สมเด็จพระบรมมหาปัยกาเจ้าชัยวรมันที่ ๒ ทรงทนเห็นความเดือดร้อนของประชาชนต่อไปไม่ไหว จึงได้รวบรวมผู้คนประกาศอิสรภาพ ตั้งอาณาจักรกัมโพชขึ้นมา ตั้งแต่ก่อนข้าพเจ้าเกิดถึงสามร้อยกว่าปี..”

โอหนอ..การกิน การนอน การเสพกาม การเสวยอำนาจ หากไม่ใช่ผู้ที่เห็นภัยในวัฏสงสารอย่างแท้จริงแล้ว ไม่มีใครเบื่อหน่าย มีแต่กระหายใคร่อยากมากขึ้นไปเรื่อย ๆ แม้แต่พ่อแม่พี่น้องร่วมสายเลือด ก็สามารถที่จะเข่นฆ่าเพื่อช่วงชิงอำนาจและสมบัติได้ จอมคนแห่งกัมโพชนิ่งไปเหมือนกับสะท้อนพระทัย อาตมาจึงเดินลุยลงในลำห้วยไปเพราะไม่อยากจะรบกวน...

สุธรรม
12-09-2014, 01:03
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=21989&stc=1&d=1410460810
สงสัยว่าเขาล้อมอะไรไว้

น้ำช่วงนี้ลึกประมาณครึ่งแข้ง พื้นห้วยก็เป็นหินทรายไม่ลื่นมาก อาตมาเห็นเสาปูนทาสีขาวแดงสี่หลัก มีเชือกขึงกั้นเป็นรูปสี่เหลี่ยม จึงเดินเข้าไปดูว่าเป็นอะไร พี่มุกดา ป้ามอย แม่ป๋อม น้องเล็กและลูกปุ๊ก พากันลุยน้ำตามมาด้วย ส่วนพี่วิไลกับคนอื่น ๆ เคยมากันหลายหนแล้ว จึงนอนเขลงรออยู่ที่ศาลากันหมด...

สุธรรม
13-09-2014, 02:01
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=21992&stc=1&d=1410550678
นารายณ์บรรทมสินธุ์กำเนิดพรหม ตามความเชื่อของศาสนาพราหมณ์ไวษณพนิกาย

ตอนแรกดูไม่ออกว่าพื้นที่ซึ่งถูกล้อมไว้แกะสลักเป็นรูปอะไร จนกระทั่งวนมาอีกด้านหนึ่งถึงได้เห็นว่า เป็นรูปพระนารายณ์บรรทมสินธุ์ มีบัวดอกใหญ่งอกออกจากพระนาภี บนดอกบัวเป็นพระพรหม สองข้างเห็นเทพบริวารคอยรับใช้อยู่ใกล้ ๆ ทางขวามือมีศิวลึงค์และอุมาโยนีชุดไม่ใหญ่นักอยู่อีกชุดหนึ่งด้วย...

สุธรรม
14-09-2014, 02:10
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=21996&stc=1&d=1410637650
ผลัดกันถ่ายรูป (ภาษาขแมร์ว่า "ถอดรูป")

แม่ป๋อมถ่ายรูปให้กับอาตมา แล้วก็เป็นหน้าที่ของอาตมาที่ต้องถ่ายรูปให้กับทั้งหมดบ้าง จากนั้นเดินลุยกันต่อไปทางปลายน้ำ มีเสียงน้ำตกและเสียงคนเล่นน้ำกันอยู่อื้ออึง พวกเราต้องเดินกันแบบระมัดระวังเต็มที่ เพราะไม่ได้คิดจะมาเล่นน้ำกับใคร ผ้าที่จะเปลี่ยนก็ไม่มี ถ้าหกล้มก็แปลว่าต้องทนเปียกไปจนกว่าจะกลับถึงที่พักนั่นแหละ...

สุธรรม
15-09-2014, 01:44
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=22008&stc=1&d=1410722505
ตกลงมาสีขาวใสแท้ ๆ ลงไปถึงข้างล่างก็เป็นสีชาเหมือนเดิม

เมื่อไปถึงจึงเห็นว่าน้ำตกพนมกุเลนนี้แบ่งออกเป็นสองด้าน ด้านตรงเป็นชั้นน้ำตกที่มีลักษณะเหมือนกับบันไดสามขั้น แต่ละขั้นไม่สูงมากนัก คล้ายกับถูกคนสกัดขึ้นมาให้เป็นขั้นบันได ส่วนทางด้านซ้ายมือเป็นหน้าผาน้ำตกสูงเกือบสิบเมตร น้ำที่เทจากทางด้านตรงจะไหลต่อไปเป็นลำห้วย ซึ่งก็คือต้นแม่น้ำเสียมเรียบ ส่วนทางหน้าผาน้ำตกเป็นแอ่งใหญ่ เมื่อน้ำล้นออกมาก็ไหลไปรวมกับลำห้วยด้านตรง ภายในแอ่งมีญาติโยมเล่นน้ำกันอยู่มากมายทีเดียว...

สุธรรม
16-09-2014, 04:40
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=22022&stc=1&d=1410819446
หน้าน้ำตกช่วงที่เป็นบันไดสามขั้น

แม่ป๋อมให้น้องเล็กนั่งที่ริมน้ำตกตรงจุดที่ไม่เปียกแล้วถ่ายรูปให้ พี่มุกดาก็มาขอถ่ายด้วย จากนั้นแม่ป๋อมเดินตามมาอีก แต่อาตมาเดินเร็วกว่า เพราะสมัยธุดงค์ลุยน้ำลุยห้วยมามาก จึงเดินขึ้นไปทางฝั่งขวามือ แล้วอ้อมลงมาที่หน้าน้ำตก ตรงจุดนี้ก็มีคนทำชิงช้าไว้ให้นั่งถ่ายรูปเช่นกัน แต่ประดับดอกไม้ปลอมไว้ฉูดฉาดจนเกินทน อาตมาจึงเดินเลยไปถ่ายรูปบริเวณหน้าน้ำตก น้ำช่วงนี้มีแค่พอท่วมหลังเท้าเท่านั้น แต่เพราะตื้นจึงมีตะไคร่มาก แล้วก็ลื่นมากเช่นกัน ต้องเดินแบบระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง...

สุธรรม
17-09-2014, 02:02
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=22029&stc=1&d=1410896383
ถ่ายรูปข้างหน้าพร้อมกับถูกถ่ายด้านหลัง

"หลวงพ่อ..ทางนี้ค่ะ" ลูกปุ๊กตะโกนมาจากทางด้านบนน้ำตก มีป้ามอย พี่มุกดากับน้องเล็กอยู่ด้วย อาตมาจึงถ่ายรูปหมู่ให้ ได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักชอบใจทางด้านหลัง ก็รู้ว่าโดนแม่ป๋อมถ่ายทำ "เบื้องหลัง" ไปอีกแล้ว บอกเท่าไรไม่เคยฟัง ภาพพวกนี้เก็บไว้เป็นความภูมิใจเองก็ดี แต่บางภาพเมื่อหลุดออกไปแล้ว สาธารณชนจะเกิดคำถามขึ้นมาโดยใช่เหตุ เสียเวลาอธิบายเปล่า ๆ...

สุธรรม
18-09-2014, 01:10
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=22037&stc=1&d=1410979672
ได้เวลาฉันเพลแล้ว

"เพลแล้วค่ะ" พี่มุกดาตะโกนลงมา อาตมาจึงเดินลุยน้ำขึ้นฝั่ง แล้วอ้อมกลับมาทางเดิม เมื่อไปถึงศาลาที่จองเอาไว้ พี่วิไลเอามะพร้าวอ่อนลูกเบ้อเริ่มมาประเคนให้ เขาเฉาะเปิดฝามาแล้ว มีหลอดเสียบมาให้ด้วย อาตมารับแล้ววางเอาไว้ก่อน เพราะติดนิสัยก่อนฉันอาหารอย่างน้อยครึ่งชั่วโมงจะไม่ฉันน้ำ ลูกปุ๊ก คุณปัญญา คุณอารี กับคุณราญ ลำเลียงอาหารตามมาติด ๆ...

สุธรรม
19-09-2014, 02:16
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=22046&stc=1&d=1411070057
หาเพื่อนร่วมวงไม่เจอจึงต้องกินคนเดียว

พี่วิไลรับอาหารมาประเคนให้ มีผัดผักบุ้งไฟแดง ไข่เจียว (แน่นอนว่าต้องใส่น้ำปลาร้ามาด้วย) ต้มยำทะเลที่ตักแบ่งใส่ถ้วยเล็ก เครื่องในไก่ผัดกระเพรา น้ำพริกมะขามพร้อมผักสด ไก่ปิ้ง และปลาช่อนเผาเกลือ ตามมาด้วยมะม่วงทั้งสุกและดิบที่ปอกใส่จานมาเรียบร้อยแล้ว อาตมามองหาจอมคนแห่งกัมโพช ไม่รู้ว่าไปแอบปลงอนิจจังอยู่ที่ไหน ว่าจะชวนพระองค์ท่าน "เหวย" อาหารกลางวันเสียหน่อย กลายเป็นต้องฉันคนเดียวตามเคย...

สุธรรม
20-09-2014, 02:32
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=22056&stc=1&d=1411157413
วงนี้ครึกครื้นมาก

"ไม่ต้องเหลือนะหลวงพี่ ทางด้านนี้มีแล้ว" พี่วิไลที่กำลังยกหม้อไฟของต้มยำทะเลตะโกนบอกมา พลางจัดการตั้งวงที่ศาลาด้านขวามือ หลังถัดไปก็มีหนุ่มสาวกำลังอร่อยกับอาหารกลางวัน กินไปก็ทำตาหวานใส่กันไปด้วย ส่วนอีกหลังหนึ่งมีทั้งพระทั้งเณรสิบกว่ารูปเหลืองไปหมด ญาติโยมทั้งหญิงและชาย ๖ - ๗ คนกำลังบริการแก่พระเณรอย่างกระตือรือร้น...

ป้ามอยเห็นว่ามีมะม่วงเหลืออยู่อีกมาก จึงเอาไปถวายพระเณรวงนั้นด้วย อาตมาฉันเร็วจนเป็นนิสัย เพราะติดมาตั้งแต่สมัยที่ยังเป็นนักเรียนทหาร ใช้เวลาแค่ไม่กี่นาทีก็อิ่มเรียบร้อย จึงยกอาหารที่เหลือให้คุณปัญญากับคุณราญ แล้วเดินข้ามสะพานลอยไปดูซากปรักหักพังของเมืองเก่าทางฝั่งโน้น...

สุธรรม
21-09-2014, 02:05
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=22059&stc=1&d=1411242233
บริเวณเมืองเก่าที่ปรักหักพัง

เนื่องจากซากเมืองเก่าค่อนข้างจะรก อาตมาจึงไม่ได้เดินลึกเข้าไป แค่วนดูรอบนอกแล้วเดินดูร้านค้าของฝั่งนี้แทน ข้าวของเครื่องใช้ที่นำมาขายก็คล้าย ๆ กัน เพียงแต่ฝั่งนี้มีพวกเสื้อผ้า ผ้าพาด ผ้าถุง หมวก ย่าม มากกว่าทางฝั่งโน้น หยิบเขากวางคุดขึ้นมาอันหนึ่ง ก็เห็นว่าเป็นของปลอมทำขึ้นมาจากไฟเบอร์ เขี้ยวเสือก็เป็นไฟเบอร์ เขี้ยวหมีเป็นของแท้แต่ดันมีข้างเดียว เดินดูไปก็ไม่มีอะไรให้ซื้อ เห็นพอสมควรแก่เวลาจึงเดินกลับ...

สุธรรม
22-09-2014, 03:24
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=22060&stc=1&d=1411333336
แจกขนมตามประสานางงามที่ต้องรักเด็ก..!

สวนทางกับญาติโยมและพระเณรที่เพิ่งฉันเสร็จ และกำลังข้ามมาเที่ยวฝั่งนี้ เห็นคุณอารีนั่งห้อยขาอยู่ริมสะพานลอย ส่วนป้ามอยยงโย่ยงหยกอยู่ริมน้ำ กำลังส่งขนมให้กับเด็ก ๆ ที่เล่นน้ำกันอยู่สามสี่คน เมื่อกลับไปถึงศาลาก็เห็นพี่วิไลเอาอาหารที่เหลือเลี้ยงเด็กผู้ชายสามคน แต่เด็กแถวนี้คงกินจนไม่มีปัญญาจะกินแล้ว จึงนั่งจิ้ม ๆ เขี่ย ๆ ไก่ปิ้งเล่นมากกว่าที่จะรีบกิน...

สุธรรม
23-09-2014, 01:44
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=22062&stc=1&d=1411413770
นอนภาวนา (เสื้อดำคือคุณราญ ส่วนคุณปัญญาเห็นแต่มือกับขาอย่างละข้างเดียว)

เพิ่งจะเลยเพลไปสิบกว่านาที ยังไม่สามารถลงจากเขาได้ อาตมาจึงนอนภาวนา ตั้งใจอุทิศส่วนกุศลให้แก่เจ้าที่เจ้าทางทั้งหลาย จะเป็นอากาศเทวดา รุกขเทวดา หรือภุมมเทวดาก็ดี ตลอดถึงเหล่าสัมภเวสี เปรต อสุรกาย หรือสัตว์เดรัจฉานก็ดี "ขอให้ท่านทั้งหลายจงโมทนาส่วนกุศลที่อาตมาได้บำเพ็ญแล้วและอุทิศให้ ประโยชน์และความสุขจะเกิดแก่อาตมาเพียงใด ขอทุกท่านจงได้รับประโยชน์และความสุขนั้นด้วยเถิด.."

สุธรรม
24-09-2014, 02:41
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=22064&stc=1&d=1411503594
เดินทางกลับ (ทำไมไม่มีสาวน่ารักแบบนี้มาเดินด้วยบ้างหนอ ?)

นอนหลับไปตื่นหนึ่ง ลุกขึ้นมาก็พอดีพี่วิไลชวนกลับ แต่มีผู้ประท้วงขอเข้าห้องน้ำก่อน บรรดาสาว ๆ จึงไปห้องน้ำกัน อาตมาเดินดูของเป็นการรอไปในตัว จนทั้งหมดตามมาทันจึงเดินไปหารถ ผ่านร้านถ่ายรูปเจ้าเก่า เจ้าของร้านหอบรูปในกรอบมาดักหน้า พลางส่งรูปมาเสนอให้ เฮ้ย..นี่รูปอาตมาเองนี่หว่า..!

ไอ้เจ้านี่ร้ายกาจมาก แอบถ่ายรูปอาตมาตั้งแต่ตอนเดินเข้า แล้วเอาไปตัดต่อกับน้ำตกพนมกุเลน ใส่กรอบมาเรียบร้อยเลย ป้ามอยกับลูกปุ๊กก็โดนไปด้วย แต่พวกเราไปไหนก็ "เก็บไว้เพียงความทรงจำ ทิ้งไว้แต่เพียงรอยเท้า" จึงปฏิเสธไปว่าไม่ต้องการ แต่ขอคิดค่าลิขสิทธิ์ที่คุณเอารูปอาตมาไปหากินด้วย ทำเอาเจ้าของร้านถอยกรูด น่าจะรีบไปเปลี่ยนนางกวักใหม่ เพราะไม่ได้ลูกค้าซ้ำยังจะพาเสียเงินอีกด้วย..!

สุธรรม
25-09-2014, 02:51
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=22065&stc=1&d=1411590593
ประตูผาของอุทยานแห่งชาติพนมกุเลน

มาถึงรถที่คุณราญติดเครื่องรออยู่ คุณปัญญาเปิดประตูให้พวกเราขึ้นจนครบ พอปิดประตูคุณราญก็นำรถออกทันที เลี้ยวขวาเพื่อเข้าทางหลัก มีรถกำลังลงหลายคัน มีอยู่คันหนึ่งจอดตายเกือบจะปิดทาง ต้องรอเขาเข็น “แอบ” ทางซ้ายมือ รถตู้ของเราจึงผ่านไปได้...

มีรถหกล้อวิ่งนำหน้าอยู่คันหนึ่ง แม้จะกินฝุ่นตามหลัง แต่คุณราญก็ยังหาจังหวะแซงไม่ได้ จนเลยบริเวณประตูผาที่เป็นก้อนหินใหญ่ ทางช่วงนี้กว้างขึ้น คุณราญบีบแตรขอแซงขึ้นไป จึงเห็นว่าข้างหน้ามีรถอีก ๓ – ๔ คันวิ่งนำหน้ารถหกล้ออยู่ พลขับของเราแซงไปรวดเดียวทุกคันเลย...

สุธรรม
26-09-2014, 02:27
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=22072&stc=1&d=1411675559
คุณอารีพามาซื้อของที่ระลึก

ลงมาถึงด่านของทางอุทยาน มีรถจอดเข้าห้องน้ำอยู่หลายคัน คันหนึ่งเป็นรถเก๋งโตโยต้า คัมรี เอารถแบบนี้ลุยป่าขึ้นเขาพนมกุเลน ถ้าไม่รวยจนสิ้นคิดก็นับว่ากล้าหาญมาก พวกเราวิ่งแซงออกมาจนถึงร้านที่คุณอารีลงไปซื้อมะม่วง ไม่รู้ว่าเจ้าของร้านแอบไปนอนที่ไหนแล้ว...

ด่านบุญทั้งสองด่านก็เลิกทำงานไปแล้ว น่าจะไปนอนพักกลางวันเช่นกัน ขึ้นทางลาดยางได้คุณราญก็พาวิ่งยาวกลับเข้าเมืองเสียมเรียบ พี่วิไลให้แวะตลาดเพื่อซื้อของที่ระลึกกัน ซึ่งมีแต่พวกเสื้อผ้า เครื่องเงิน อัญมณี และของเก่า เจ้าของร้านพอเห็นก็ทักทายพวกเราเป็นภาษาไทยเกือบทุกร้าน ชักชวนให้ซื้อสินค้าของตนเป็นการใหญ่...

สุธรรม
27-09-2014, 01:45
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=22075&stc=1&d=1411759431
บริเวณนี้ "หามจดร็วด"

ไม่มีใครมีอารมณ์ซื้อ เพราะนอกจากราคาแพงเพราะเป็นแหล่งท่องเที่ยวแล้ว ยังต้องหอบขึ้นเครื่องบินกลับพนมเปญอีกด้วย พี่วิไลเห็น “แขก” อย่างพวกเราเดินดูของแบบเซ็ง ๆ จึงชวนไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์เมืองเสียมเรียบ แต่ก็ไม่มีใครสนใจอีก ท้ายสุดจึงต้องให้พลขับไปส่งคุณอารี เพื่อเปลี่ยนตั๋วรถกลับพนมเปญ เนื่องจากตั๋วเดิมรถออกตั้งหนึ่งทุ่ม...

ในเมื่อจะจากกันแล้ว อาตมาจึง “ถีบ” ให้คุณปัญญากับคุณราญคนละ ๑๐ ดอลลาร์ แล้วแอบยัดให้คุณอารีไป ๑๐๐ ดอลลาร์ เพราะเหนื่อยมากกว่าเพื่อน คุณอารีทำตาโตแต่พอเห็นอาตมาตีใบ้เกรงว่าสองหนุ่มจะน้อยใจ จึงได้แต่ “ขอบคุณค่ะ” ลืมภาษาขแมร์เสียแล้วอีหนูเอ๊ย...

คุณราญมาจอดที่หน้าบริษัทขายตั๋วรถ ตรงป้ายที่มีภาษาขอมว่า “หามจด” พอดีเลย เฮ้อ..ขืนอ่านตรง ๆ แบบนี้ฟังแล้ว “เก๊กซิมซี่” คุณอารีไหว้ลาทุกคนแล้ว เข้าไปเปลี่ยนตั๋วและรอรถมารับ ส่วนคุณราญพาพวกเราตรงไปยังสนามบินเสียมเรียบเลย...

สุธรรม
28-09-2014, 00:44
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=22076&stc=1&d=1411842162
ฝึกโยคะกับครู "ร้อนวิชา"

ล่ำลากันแบบไม่ต้องอาลัย ข้าวของติดตัวของแต่ละคนอย่างมากก็เป็นแค่เป้ใบเดียว เดินเข้าไปในอาคารสนามบินยังคิดว่าผีหลอก เพราะหาคนไม่ได้เอาเลย ส่วนใหญ่คงจะเที่ยวจนหมดวันจึงเดินทางกลับ ที่ขนาดเที่ยวยังขี้เกียจแบบพวกเรานี่ไม่ค่อยจะมี...

เข้าห้องน้ำกันแล้วก็ยึดมุมอาคารสนามบินไปมุมหนึ่ง แม่ป๋อมเห็นว่ายังมีเวลาเหลืออีกมาก จึงชวนพี่วิไลเล่นโยคะ เพื่อจะได้หุ่นสวยเป็นธิดาช้างบ้าง ทุกคนจึงไปยก ๆ ยืด ๆ ตามคุณแม่กันหมด ใครทำผิดทำพลาดก็ฮากันแบบไม่ต้องเกรงใจเจ้าหน้าที่ซึ่งนั่งมองตาปริบๆ ปล่อยให้อาตมานั่งอ่าน “คู่มือทหารอาชีพ” ไปคนเดียว...

สุธรรม
29-09-2014, 03:04
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=22082&stc=1&d=1411936990
นักท่องเที่ยวเริ่มมากันมากขึ้น

บ่ายสามโมงครึ่งเริ่มมีนักท่องเที่ยวเข้ามายังสนามบิน ทุกคนออกกำลังกายเล่นโยคะจนหมดสภาพไปตาม ๆ กัน อาตมาจึงชวนให้ไปตรวจตั๋วได้แล้ว พอได้บัตรขึ้นเครื่องมา พี่วิไลก็แจกให้กับทุกคน ของอาตมาเป็นหมายเลข 2D แปลว่าอยู่ด้านหัวเครื่องติดหน้าต่างเลย เพราะเครื่องบินเล็กจึงมีที่นั่งแค่ด้านละ ๒ แถว โดยทางซ้ายมือเป็นแถว A กับ B ทางขวามือเป็นแถว C กับ D...

อาตมาเอากล้องถ่ายรูปกับหนังสือใส่ถาดส่งเข้าเครื่องตรวจ อาราธนาพระบารมีแล้วเดินผ่านเครื่องตรวจจับอัตโนมัติ ผ่านตลอดไม่มีเสียงตามเคย พี่วิไล แม่ป๋อมกับลูกปุ๊ก ที่ตามมาก็ไม่มีปัญหา เครื่องมาดังตอนน้องเล็กเดินผ่าน เจ้าหน้าที่เอาเครื่องตรวจมือถือมากวาดรอบตัว เจอเสียงดังตรงกระเป๋ากางเกง พอล้วงออกมากลายเป็นเศษสตางค์ไปเสียนี่...

สุธรรม
30-09-2014, 01:58
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=22088&stc=1&d=1412019478
กะเม็ด..จากบ้านจ่าตุ่ม

พี่มุกดาเอาเป้ใส่เข้าเครื่องตรวจ ตัวเองเพิ่งเดินผ่านไป เจ้าหน้าที่ซึ่งคอยดูจออยู่หน้าสายพานก็ตาเหลือก เอะอะกันใหญ่ “กะเม็ด (มีด) .. กะเม็ด (มีด)” เพราะภาพในจอมีทั้งมีดพับและกรรไกร แค่นี้ก็ทำเป็นตกใจ ถ้าเป็นที่เมืองไทยพี่เขาอาจจะพก “กำเพลิง (ปืน)” มาด้วยซ้ำไป...

มีดพับเป็นฝีมือบ้านจ่าตุ่ม ของ “ทำมือ” ราคาแพงเสียด้วย อยากจะยึดก็ให้ยึดไปแต่กรรไกร เป็นตายพี่เขาก็ไม่ยอมให้ยึดมีดพับบ้านจ่าตุ่ม จึงต้องเอากระเป๋าเป้ไปโหลดเข้าท้องเครื่องแทน เสียเวลาไปตั้งนาน...

ไปนั่งพักกันที่ห้องพักผู้โดยสาร พี่มุกดาบ่นเสียงอ่อย ๆ ว่า “ลืมขอให้พระท่านช่วย” หมั่นลืมบ่อย ๆ เข้า คงได้ไปนอนใน “ พันธนาคาร (คุก)” เข้าสักวัน อาตมามองออกไปนอกห้องที่เป็นประตูกระจก เห็นเมฆมามืดไปหมด ลักษณะแบบนี้อีกสักครู่ต้องมีฝนตกหนักแน่ ๆ...

สุธรรม
01-10-2014, 02:00
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=22096&stc=1&d=1412105953
ข้างนอกฝนกระหน่ำจนเป็นห่วงว่าเครื่องบินจะลงไม่ได้

ผู้โดยสารที่เป็นนักท่องเที่ยวทั้งจีนและฝรั่งเข้ามามากขึ้นเรื่อย ๆ อีกพักใหญ่สายฝนก็กระหน่ำลงมาอย่างหนัก...

“พลิงคะลัง” อาตมาบอก
พี่วิไลทำหน้างง ๆ “อะไรนะหลวงพี่ ?”
“ฝนตกหนัก”
“เฮ้ย..คำนี้วิไลยังฟังไม่ออก” อ้าว..แล้วกัน

ดูท่าว่าครูชาวบ้านที่ชายแดน จะสอนภาษาเขมรให้เพื่อน ๆ ของอาตมามากกว่าที่คิด ลองว่าคนที่อยู่เขมรมาหลายปีอย่างพี่เขายังฟังไม่ออก แปลว่าอาตมา “ได้มา” มากทีเดียว...

สุธรรม
02-10-2014, 02:32
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=22103&stc=1&d=1412194331
น้ำท่วมใครว่าดีกว่าฝนแล้ง ?

“ค่าเครื่องบินคนละเท่าไรคะพี่วิไล ?” น้องเล็กถามขึ้น “๑๙๓ ดอลลาร์” คนละเกือบหกพันบาท ไม่ใช่ของถูกเลยนะนี่ มิน่าล่ะ..ถึงต้องให้คุณอารีนั่งรถทัวร์ทั้งขาไปและขากลับ อากาศเย็นจากฝนตก บวกกับความเย็นจากเครื่องปรับอากาศ ทำให้อาตมาปวดฉี่ จึงขอตัวไป “ปุรุสะตบตึ๊ก (ห้องน้ำชาย)” ก่อน...

กลับออกมาจากห้องน้ำ เห็นสนามบินด้านนอกมีแต่น้ำเจิ่งนองไปหมด ซ้ำฝนก็ยังตกไม่เลิก อาตมาชักจะเป็นห่วง “อย่ากังวลไปเลย ข้าพเจ้าขอรับรองว่าไปได้ และปลอดภัยด้วย” จอมคนแห่งกัมโพชที่ผ่านเครื่องตรวจเข้ามาตอนไหนก็ไม่รู้ ช่วยบอกให้คลายกังวล...

สุธรรม
03-10-2014, 02:49
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=22110&stc=1&d=1412281707
คนที่เตรียมพร้อมที่สุดในเที่ยวบินนี้

๑๖.๔๐ น. เครื่องจากพนมเปญลงจอด มีรถบัสของทางสนามบินวิ่งไปรับผู้โดยสารแบบทุลักทุเล เพราะเจ้าหน้าที่ต้องกางร่มให้ผู้โดยสารลงมาขึ้นรถทีละคน แล้วค่อยวิ่งรถมาเทียบอาคารสนามบิน ส่งผู้โดยสารลงจากรถอีกที แบบนี้ทำงวงจอดเครื่องบินได้แล้ว...

ต้องรอจนเขาทำความสะอาดเครื่องบินเสร็จ รถบัสจึงมารับพวกเราไปขึ้นเครื่อง เจ้าหน้าที่ขอดูบัตรขึ้นเครื่องตั้งแต่เดินเข้าประตูรถบัสเลย พอรถไปเทียบบันไดเครื่องบินก็กางร่มให้ขึ้นเครื่องทีละคน อาตมาซึ่งยืนอยู่ท้ายรถ เห็นมีคนใส่เสื้อกันฝนสีเหลืองมีที่คลุมหัว เดินขึ้นบันไดอย่างสง่างาม ไม่ต้องไปกังวลกับร่มที่บังตัวเองไม่ค่อยมิดเหมือนคนอื่น ๆ...

“ใครกันนะ.? เตรียมพร้อมดีจัง” รำพึงกับตัวเองยังไม่ทันจบ แม่ป๋อมที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ ก็บอกว่า “มณีวรรณค่ะ” หา..ป้ามอยเองหรอกหรือ ? นึกว่าเป็นคนอื่นเสียอีก พอดีถึงคิวของตัวเอง อาตมาจึงให้เขากางร่มเดินขึ้นเครื่องไปแบบตัวลีบ ๆ หน่อย เพราะร่มเล็กเกินไป...

สุธรรม
04-10-2014, 01:39
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=22117&stc=1&d=1412363868
แม่น้ำโขงที่ขุ่นคลั่กเป็นสีกาแฟใส่นมเยอะ ๆ

นั่งยังที่ของตัวเอง รัดเข็มขัดเรียบร้อยแล้ว ก็หลับตาส่งจิตถึงเจ้าที่เจ้าทางทั้งหลาย ที่รักษาตลอดเส้นทางเสียมเรียบ – พนมเปญ ขอให้ช่วยดูแลรักษาความปลอดภัยให้ด้วย ลืมตาขึ้นมาพอดีเจ้าหน้าที่บนเครื่องเอาผ้าเย็นมาส่งให้ พอเขาสาธิตการช่วยชีวิตเสร็จเครื่องก็ออกทันที...

มองออกไปทางหน้าต่าง เห็นแม่น้ำโขงที่คดเคี้ยวเป็นงูเลื้อย และโตนเลสาบซึ่งเป็นทะเลสาบน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดของเขมร มีน้ำสีโคลนขุ่นคลั่ก คงมาจากฝนที่ตกหนักนั่นเอง ยังดีที่มาตกเอาตอนพวกเรากลับแล้ว ถ้าตกตอนกำลังเที่ยวอยู่มีหวังงานกร่อยแน่ ๆ จะ "ขอบพระทัยฝ่าบาท" ก็ไม่ทราบว่าฝ่าบาทไปอยู่เสียที่ไหน สงสัยว่าคงจะลืมซื้อตั๋วเครื่องบิน สักครู่หนึ่งเมฆหนาทึบก็บังทิวทัศน์ข้างล่างไปหมด...

สุธรรม
05-10-2014, 01:51
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=22125&stc=1&d=1412451084
ภายในสนามบินโปเชงตง

พนักงานสาวเอาอาหารกล่องมาส่งให้ อาตมาหยิบเอามาเฉพาะน้ำ ที่เหลือส่งให้แม่ป๋อมที่นั่งอยู่แถวหลังไป เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรน่าสนใจ อาตมาก็ส่งใจไปกราบพระ รักษากำลังใจให้สงบเย็นอยู่ที่นั่น จนกระทั่งได้ยินเสียงประกาศให้รัดเข็มขัด จึงลืมตาขึ้นมาดูโลกใหม่...

กัปตันนำเครื่องลดระดับลงสู่สนามบินโปเชงตง พอลงจากเครื่องพวกเราก็เผ่นไปเข้า “ตบตึ๊ก” กันก่อน ไม่รู้ว่าตึกไปทำอะไรให้โกรธนักหนา ถึงได้โดนตบอยู่ทุกบ่อย พอตบเสร็จก็มารอกระเป๋าของพี่มุกดา กว่าจะมาได้ก็เล่นเอาเกือบค่ำ ออกมาเจอนายลอนมารอรับอยู่ "จุมเรียบซัวครับโลก" เออ..สวัสดี..ตกลงว่าคุณจะใช้ภาษาอะไรกันแน่วะ ?

สุธรรม
06-10-2014, 01:43
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=22134&stc=1&d=1412537014
ตลาดรัสเซีย

นายลอนกุลีกุจอช่วยหิ้วกระเป๋าขึ้นรถให้ ออกจากสนามบินมาก็เจอรถติดหนุบหนับ พี่วิไลบอกว่าที่นี่เขาถือว่าวันเสาร์เป็นวันเที่ยว วันอาทิตย์เป็นวันพักผ่อน วันนี้เป็นวันเสาร์ คนจึงเฮกันออกมาเที่ยวนอกบ้าน ทำให้รถติดมากเป็นพิเศษ ต้องกระดืบไปทีละคืบทีละศอก ยังดีที่ไป "ตบตึก" กันมาแล้ว ไม่อย่างนั้นคงทรมานน่าดู...

“เฮ้ย..กางเกงยีนส์ตัวละ ๔ เหรียญเอง” แม่ป๋อมตะโกนพลางชี้ให้ดู เล่นเอาหลายคนทำท่าจะตะกายลงจากรถ พี่วิไลหัวเราะพลางบอกว่า "ใจเย็น ๆ ตรงนี้เรียกว่าตลาดรัสเซีย มีของดีราคาถูกเยอะแยะ พรุ่งนี้ค่อยมาดูก็ยังทัน วันนี้ค่ำแล้ว กลับไปบ้านกันก่อน” เรื่องเสื้อผ้าราคาถูกจึงกลายเป็นจุดสนใจจนลืมรถติดไปเลย...

สุธรรม
07-10-2014, 04:48
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=22137&stc=1&d=1412634517
กรุงพนมเปญในยามค่ำคืน

ผ่านย่าน “กะบาลมอนไจย (ถนนหัวไก่)” จนเลี้ยวเข้าบ้านแล้ว ยังคุยกันเรื่องกางเกงยีนส์ไม่เลิก อาตมาเผ่นขึ้นลิฟท์ไปยังห้องพักชั้นดาดฟ้า ไม่ใส่ใจแม้แต่การลาของจอมคนแห่งกัมโพช รีบสรงน้ำเปลี่ยนผ้า แล้วหอบชุดเก่าลงมาหาที่ซัก พี่วิไลตะโกนบอกลูกน้องให้มารับเอาไปใส่เครื่องปั่นให้...

อาตมาไปยืมที่ชาร์จแบตเตอรี่กล้องถ่ายรูปจากแม่ป๋อม แม้ว่าจะเป็นยี่ห้อเดียวกันแต่เป็นคนละรุ่น จึงไม่สามารถที่จะใช้แทนกันได้ ต้องกดให้จุดสัมผัสของก้อนแบตเตอรี่ไปชนกับเขี้ยวของแท่นชาร์จ แล้วเอาหนังสือทับไว้จึงยอมชาร์จให้...

เกือบจะหนึ่งทุ่มแล้ว อาตมาฝากให้พี่วิไลช่วยเอาผ้าไปตากให้ด้วย แล้วกลับขึ้นไปยังห้องพัก นอนภาวนาแผ่เมตตาไปยังสรรพสัตว์ทั้งหลาย ขอให้ทุกชีวิตจงล่วงพ้นจากกองทุกข์ มีแต่ความสุขความเจริญยิ่ง ๆ ขึ้นไป แล้วส่งใจไปกราบพระตามปกติ...