PDA

View Full Version : เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนธันวาคม ๒๕๕๖


เถรี
21-12-2013, 14:53
ถาม : เคยได้ยินว่าพระห้ามฉันเนื้อดิบ อยากเรียนถามว่าถ้าจะถวายปลาดิบแบบญี่ปุ่น พระจะฉันได้หรือไม่ และผิดศีลไหมคะ ?
ตอบ : ฉันได้ แต่ผิดศีล เพราะว่าสมัยก่อนทางด้านฮินดูเขานิยมมังสวิรัติ โดยเฉพาะอาหารเนื้อ ต่อให้ทำสุกเขายังรังเกียจ แล้วนี่ว่ากันดิบ ๆเลย

ถาม : แล้วอย่างกึ่งสุกกึ่งดิบได้ไหมครับ ?
ตอบ : ผิดเหมือนกัน คือตอนนี้พระอีสานจำนวนมากอยากจะสึก เพราะว่าฉันปลาร้าบองดิบ ๆ ไม่ได้ ..!

เถรี
21-12-2013, 14:54
ถาม : มีเพื่อนต่างชาติถามว่าคนไทยทำบุญทอดกฐินทุกปี เป็นร้อยปี แต่คนไทยส่วนใหญ่ยังยากจน ในขณะที่พวกตะวันออกกลางบางประเทศที่มีน้ำมัน ไม่ได้ทำบุญหรือทอดกฐินเลย แต่ประชาชนมีฐานะดีและมีสวัสดิการดี อยากทราบว่าทำไมถึงเป็นอย่างนั้นเจ้าคะ ?
ตอบ : คุณรู้ได้อย่างไรว่าไอ้ที่รวย ๆ ในตะวันออกกลาง ไม่ใช่คนไทยไปเกิดที่นั่น ? ก็ดันถามเรื่องอย่างนี้ สรุปว่าคนที่ทำยังไม่ทันจะเกิดใหม่ ส่วนคนที่เกิดใหม่ในรุ่นเรานี่แหละ เดี๋ยวรอให้ม็อบเลิกก็จะเริ่มรวยแล้ว ขนาดออกพระทองคำยังจองกันไม่มีเหลือ จะไม่รวยได้อย่างไร เขาบอกว่าทำบุญชาตินี้มักจะได้ชาติหน้า ให้รีบเสนอหน้าแล้วจะได้ชาตินี้..!

เถรี
21-12-2013, 15:01
ถาม : การปล่อยเงินกู้คิดดอกเบี้ย บาปหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : บาปแปลว่าชั่ว ปล่อยเงินกู้ชั่วไหมเล่า ? การปล่อยเงินกู้ ถ้าเป็นไปตามกฎหมายก็ถือว่าสมยอมกัน ไม่มีใครทำผิด แต่ถ้าเงินกู้ดอกเบี้ยอัตราเกินกฎหมาย ถ้าคิดว่าแน่ก็เบี้ยวได้เลยเพราะอีกฝ่ายหนึ่งผิด แต่เขาจะส่งคนมากระทืบจมดินเสียก่อน..!

ถาม : แต่ถ้าคิดดอกเบี้ยมหาโหดแล้วทำให้เขาเป็นทุกข์นี่จะเป็นบาปไหมครับ ?
ตอบ : ไม่เป็น..เพราะคุณเองรู้อยู่แล้วว่าผลจะเป็นอย่างไร..แล้วยังไปเอาจากเขา

ถาม : ก็คนเดือดร้อนนี่ครับ ?
ตอบ : ก็รับกรรมของตัวเองไป

เถรี
21-12-2013, 15:04
ถาม : เนื่องจากสถานการณ์ปัจจุบัน ที่มักจะมีการชุมนุมกันหลายครั้ง จากสาเหตุหลายกรณี เช่น การชุมนุมทางการเมือง การชุมนุมเรียกร้องราคาผลผลิต ซึ่งมักจะมีการปิดถนนหรือสถานที่ต่าง ๆ การกระทำทั้งหลายเหล่านี้ก่อให้เกิดผลกระทบเป็นวงกว้าง ไม่ว่าจะเกิดจากฝ่ายไหนหรือภาคส่วนไหน อยากทราบว่าการกระทำเหล่านี้จะเกิดผลกรรมหรือไม่ อย่างไรครับ ?
ตอบ : กรรมแปลว่าการกระทำ เกิดผลแน่ ๆ ผลที่เห็นคือรถติด ส่วนผลที่จะเห็นต่อไปข้างหน้า ถ้าสุขภาพไม่ดีจะท้องผูกเป็นประจำ อันนี้แค่ผลกระทบที่น้อยที่สุด เพราะฉะนั้นอย่าไปอุดเขานานหลายวัน ถ้าไปอุดเขานานหลายวันก็ตัวใครตัวมันเลยนะ

ถาม : แล้วถ้าเกิดว่าพ้นจากชาตินี้ไปแล้วล่ะครับ ?
ตอบ : ทำอะไรก็ติดขัด มีอุปสรรคไปหมด

ถาม : เมื่อเดือดร้อนผมก็ไปเรียกร้อง ต้องปิดถนน ?
ตอบ : คนไทยเรามักจะรู้แต่สิทธิของตนเอง แต่ลืมในการไปล่วงสิทธิของผู้อื่น

ถาม : แล้วมีคำแนะนำอย่างไรบ้างครับ ?
ตอบ : มี..เดี๋ยวฆ่ากันตายหมดเขาก็เลิกกันไปเอง..!

เถรี
21-12-2013, 15:07
ถาม : จากการที่หลวงพ่อวัดท่าซุงได้เล่าเรื่องสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ปฐม และได้เล่าเรื่องพระปัจเจกพุทธเจ้า คิดว่าในเมื่อมีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ปฐม แล้วจะมีพระปัจเจกพุทธเจ้าองค์ปฐมด้วยจะเป็นไปได้หรือไม่ครับ ?
ตอบ : น่าจะเป็น

ถาม : จะเป็นบรรลุพร้อม ๆ กันหรือเปล่า ?
ตอบ : เกิดไม่ทันจ้ะ เลยตอบไม่ได้

เถรี
21-12-2013, 15:08
ถาม : ถ้าเกิดเรามีของทำบุญแล้ว ทีนี้เราโทรไปถามเพื่อนว่าจะร่วมทำบุญด้วยหรือเปล่า เขาก็ร่วมทำบุญกับเรา แล้วให้เราออกเงินทำบุญใส่ซองไปก่อน แล้วเอาเงินนั้นมาจ่ายเราทีหลัง เงินนั้นเราเอามาใช้จะมีโทษไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าไม่เกินราคาของที่ทำบุญใช้ได้ มีโทษคือใช้แล้วเงินหมด..!

ถาม : แล้วถ้าเกิดว่าเกินนี่อย่างไรครับ ?
ตอบ : ถ้าไม่เอาไปถวายวัดก็ติดหนี้สงฆ์

เถรี
21-12-2013, 15:15
ถาม : ในหนังสือสมบัติพ่อให้เขียนว่า พุทธาภิเษกที่ตึกรับแขก วันที่ ๙ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๓๕ ซึ่งเป็นพิธีพุทธาภิเษกพระพุทธรูปบูชา แต่คุณวิมาลี ศิรประภาชัยได้ขออนุญาตหลวงพ่อนำส่วนที่สร้างถวายเข้าพิธีนี้ด้วย วันรุ่งขึ้นก่อนหลวงพ่อรับแขกท่านเล่า “เมือคืนปลุกเสกพระหมาไม่หอน งวดนี้ไม่ให้หมาเห็น เพราะ ๒ งวดก่อนให้หมาเห็นเห่ากันเจี๊ยวจ๊าว รุ่นนี้แอบไม่ให้หมาเห็น เมื่อคืนปลุกรุ่นยันกลับ ใครทำไม่ดียันกลับหมด” ผมอ่านคำสนทนาของพระอาจารย์ ณ บ้านอนุสาวรีย์ พ.ศ.๒๕๔๔ เห็นว่าหลวงพ่อพระราชพรหมยานท่านให้เข้าพิธีใหม่ ผมขอโอกาสถามว่า ที่หลวงพ่อพระราชพรหมยานท่านบอกว่า “เมื่อคืนปลุกรุ่นยันกลับ” คือรุ่นไหนครับ ?
ตอบ : เมื่อคืนอาตมาหลับ ก็เลยไม่รู้ว่ารุ่นไหน..!

ถาม : แล้วรุ่นยันกลับที่หลวงพ่อวัดท่าซุงทำนี่รุ่นไหนครับ ?
ตอบ : ไม่ต้องเลือกรุ่นหรอก ถ้าใครมาใกล้ ๆ ก็ยันได้ทุกคนแหละ..!

ถาม : ที่หลวงพ่อสมเด็จองค์ปฐมรุ่น ๓ เป็นล็อกเก็ต มีลักษณะไหนครับ ใช่เหรียญของขวัญวันเกิดรุ่นสุดท้ายหรือไม่ครับ ?
ตอบ : เห็นทางวัดท่าซุงเขาบอกว่ารุ่น ๓ คือรุ่นที่เป็นเหมือนพระพุทธชินราช

ถาม : แต่ล็อกเก็ตนี่คือรุ่นสุดท้ายใช่ไหมครับ ?
ตอบ : ก็แล้วแต่จะนับ เหมือนกับการสังคายนาพระธรรมวินัย บางรายก็นับไป ๗ - ๘ ครั้ง บางรายก็นับแค่ ๓ ครั้ง แล้วแต่ว่าเชื่อตรงไหน

ถาม : แล้วมีข้อสรุปไหมครับว่าตกลงมีมาแล้วกี่ครั้ง ?
ตอบ : นักวิชาการเอาแค่ ๓ ครั้งแรก

ถาม : แล้วทำไม ๔ ครั้งหลังนี่เขาไม่นับล่ะครับ ?
ตอบ : นอกจากหลักฐานไม่ชัดเจนแล้ว ยังเป็นการแค่ทวนความเฉย ๆ การสังคายนาต้องมีสาเหตุที่จะทำเพื่อความบริสุทธิ์ของพระธรรมวินัย แต่การสังคายนาครั้งที่ ๔ และ ๕ เป็นการทวนความเฉย ๆ ไม่ได้มีสาเหตุ

ครั้งที่ ๑ สาเหตุคือการจาบจ้วงพระธรรมวินัยของสุภัททปริพาชก ครั้งที่ ๒ เป็นการไม่เสมอกันในศีลของภิกษุชาววัชชี ที่ไปตีความเองว่าน่าผ่อนผันได้อย่างนั้นอย่างนี้ ครั้งที่ ๓ มีพวกเดียรถีย์ปลอมบวชเข้ามามากแล้วอ้างพระธรรมวินัยผิด ๆ ส่วนครั้งที่ ๔ - ๕ นั้น ท่านทำลักษณะทวนของเก่า เหมือนอย่างกับว่าสวดดูว่ายังจำได้ไหม ไม่ได้มีสาเหตุในการปกป้องพระธรรมวินัย

การสังคายนาพระธรรมวินัยคือการทบทวนว่า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนอะไรไว้ อันดับแรกถ้าได้บุคคลที่ทันในยุคสมัยนั้นได้ยิ่งดี เพราะจะได้ยืนยันในคำสอนนั้น ๆ อันดับที่ ๒ ผู้ที่เข้าร่วมในการสังคายนาพระธรรมวินัยควรจะเป็นพระอรหันต์ปฏิสัมภิทาญาณ เพราะว่าทุกท่านสามารถที่จะติดต่อตรงกับองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า สามารถยืนยันคำสอนนั้นได้ว่าใช่หรือไม่ใช่ ดังนั้น..ก็เลยมีแบบธรรมเนียมปฏิบัติในลักษณะที่ว่า อย่างน้อย ๆ บุคคลที่เข้าสังคายนาก็ควรจะเป็นพระอรหันต์ระดับปฏิสัมภิทาญาณขึ้นไป

ส่วนเมื่อไม่กี่วันก่อนที่มีข่าวว่าขุดพบอาคารสถานที่ซึ่งเชื่อว่าเป็นที่ประสูติขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วก็เอาไปพิสูจน์อายุของเนื้อไม้ตามแบบที่ฝรั่งเขาเรียกว่าคาร์บอน ๑๔ ได้อายุออกมา ๖๒๕ ปี (ก่อนคริสตกาล) ก็เชื่อว่าพระพุทธเจ้าอาจจะเกิดก่อนหน้าที่พวกเราเชื่อถือกันเป็น ๑๐๐ ปี ว่าอย่างนั้น แต่อาตมาดูแล้วไม่เห็นมีอะไรต่างเลย เพราะว่าปัจจุบันของเราอายุพุทธศาสนาก็คือมากกว่าศาสนาคริสต์ ๕๔๓ ปี ถ้าบวกอายุองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไป ๘๐ ปีก็คือ ๖๒๓ ปีพอดี ก็แปลว่าไม่มีอะไรผิดพลาดไปจากที่เขาวิเคราะห์ออกมา

ฉะนั้นไม่ใช่ข่าวใหญ่ แล้วก็ไม่ใช่ข่าวใหม่ แต่รู้สึกว่าแวดวงวิชาการเขาตื่นเต้นกันมากว่าเป็นของใหม่ จะต้องปรับเรื่องวัน เดือน ปีในการประสูติขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าซึ่งไกลเกินไป เขาบอกว่าอายุไม้นั้นเกิดก่อนคริสตศักราชประมาณ ๖๒๕ ปี คราวนี้พอเราเอา ๕๔๓ บวกด้วย ๘๐ ได้ ๖๒๓ ต่างกัน ๒ ปีเท่านั้น ไม่ทราบเหมือนกันว่าฝรั่งจะโม้ว่าวิธีการของเขาแม่นหรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่อาตมาไม่เห็นความต่างของ ๒ ปีเลย

เถรี
21-12-2013, 15:16
ถาม : ผมจะไปบวชธุดงค์ที่วัดท่าซุง ขอคำแนะนำว่าควรปฏิบัติและทำกำลังใจอย่างไรครับ ?
ตอบ : ควรปฏิบัติอย่างไร ? “ปฏิบัติตามระเบียบวัดท่าซุง” ทำกำลังใจอย่างไร ? “ตายแน่” คนเราถ้านึกถึงความตายเป็นปกติ จะไม่ประมาทในชีวิต ถ้าตายแล้วไปอบายภูมิถือว่าขาดทุนมหาศาล ในเมื่อรู้ตัวอย่างนั้นก็ต้องตะเกียกตะกายให้เต็มที่ ไปให้สูงที่สุดเท่าที่จะสูงได้ หลุดพ้นไปพระนิพพานได้เลยยิ่งดี

เถรี
21-12-2013, 15:17
พระอาจารย์กล่าวว่า "กรรมอทินนาทานมักจะเสียทรัพย์สิน เราดูอย่างพายุไห่เยี่ยนล่อเสียราบเป็นหน้ากลองเลย เราคงไม่เคยคิดว่ามีบ้านอยู่ดี ๆ จะโดนลมยกไปทั้งหลัง แล้วส่วนใหญ่ที่โดนพร้อม ๆ กันก็มักจะเป็นประเภทถึงเวลาก็ยกกองทัพไปตีบ้านตีเมืองเขา มาทีก็กวาดราบเป็นหน้ากลองไปเลย ไม่ต้องห่วง คนทองผาภูมิร่วมกันบริจาคช่วยบรรเทาภัยจากพายุ ส่งของไปฟิลิปปินส์หลายตันแล้ว"

เถรี
21-12-2013, 18:47
พระอาจารย์เล่าว่า "นึกถึงตอนที่หลวงพ่อวัดท่าซุงไปอเมริกา ท่านนำญาติโยมกับพระตามไปทั้งหมด ๔๒ รูป ชุดนั้นได้วีซ่าอเมริกาตลอดชีวิตหมดเลย แล้วตอนนั้นก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไม รู้อยู่อย่างเดียวว่าพระท่านช่วย พอมาท่านเจ้าคุณแย้ม (พระราชวิริยาลังการ) เจ้าอาวาสวัดไร่ขิงรูปปัจจุบันบอกว่า “ผมจะไปอเมริกา ปรากฏว่าวีซ่าไม่ผ่าน เขาบอกว่าถ้าอยากให้วีซ่าผ่านให้ไปขอลายเซ็นคน ๒ คนมาให้ได้” ถามว่าลายเซ็นใคร ? “นายกรัฐมนตรี ถ้าไม่ได้ก็เอาหลวงพ่อฤๅษีลิงดำ”

เขาบอกว่าไม่รู้ว่าสถานทูตอเมริกาให้สิทธิพิเศษอะไรหลวงพ่อ ถ้าท่านเซ็นรับรองเขาจะออกวีซ่าให้เลย แล้วท่านบอกว่า "ผมจะไปเอาลายเซ็นนายกฯ ที่ไหน เพราะว่าตอนนั้นยังเป็นมหาแย้มอยู่เลย แล้วหลวงพ่อฤๅษีลิงดำผมก็ไม่รู้จัก.." ท่านเล่าให้ฟังแล้วก็ตลกดี ท่านบอกว่า "จนกระทั่งหลวงพ่อฤๅษีลิงดำมรณภาพแล้ว ผมยังไม่รู้เลยว่าวัดท่าซุงอยู่ที่ไหน ?"

จะเห็นได้ว่าเรื่องของบารมีพระเป็นเรื่องที่เราคาดไม่ถึง ปี ๒๕๓๒ ถ้าจำไม่ผิดนะ ช่วงปลายปี หลวงพ่อบุญรัตน์รับสัญญาบัตรพัดยศที่ พระครูปิยรัตนาภรณ์ ท่านก็โทรศัพท์มาหา ขอให้ไปช่วยงานหน่อย ก็ลาหลวงพ่อขึ้นไปพร้อมกับท่านชาติชาย ปรากฏว่างานพระราชทานมีในวิหารวัดพระสิงห์ อาตมาก็ไป ปรากฏว่าพระผู้ใหญ่นั่งอยู่เต็มไปหมด ก็ย่อง ๆ ไปนั่งกับเขา ใกล้เวลาที่สมเด็จพระญาณสังวรจะเสด็จ ตอนนั้นพระองค์ท่านเพิ่งจะขึ้นเป็นสมเด็จพระสังฆราชได้ไม่กี่เดือน พวกเจ้าหน้าที่กรมศาสนามาไล่พระที่ไม่ได้เข้ารับพระราชทานสัญญาบัตรพัดยศให้ออกหมดเลย

อาตมาหันไปบอกท่านชาติชายว่า “เอาหลวงพ่อนั่งบนหัวไว้ ดูว่าเขาจะกล้าไล่ไหม ?” จับภาพหลวงพ่อนั่งบนหัวอย่างชัดเจนเลย นั่งไม่รู้ไม่ชี้ เขาไล่ออกหมดเกลี้ยง เหลือไอ้เด็กน้อย ๒ คนนั่งอยู่หน้าตาเฉย หลังจากนั้นบรรดาเจ้าคณะภาค เจ้าคณะจังหวัดก็ตามขบวนสมเด็จพระสังฆราชเข้ามา พอสมเด็จพระสังฆราชเห็นพวกอาตมา ๒ คนนั่งอยู่ก่อน ท่านก็พระราชทานย่ามให้คนละใบ

เพราะฉะนั้น..เราต้องเชื่อเรื่องของคุณพระ คืออยากรู้ว่าเจ้าหน้าที่ข้าราชการตัวกระเปี๊ยกจะเอาบารมีที่ไหนมาไล่หลวงพ่อวัดท่าซุง แต่วิธีนี้รังแกชาวบ้านเขาเกินไป อย่าทำบ่อยนัก อาตมาก็ทำครั้งนั้นครั้งเดียว ย่ามที่สมเด็จพระสังฆราชประทานให้ก็ยังเก็บอยู่จนทุกวันนี้ แต่ว่าถ้างานพระราชทานสัญญาบัตรพัดยศของหลวงพ่อองอาจ วัดวีระโชติฯ ท่านต้องไปรับที่นครพนม เพราะว่าของท่านสังกัดคณะสงฆ์หนตะวันออก รับที่วัดพระธาตุพนม ลองไปดูก็ได้นะ วิ่งรถเป็นวันเลย

แล้วก็มีหลวงพี่อาจินต์จากวัดท่าซุง แต่ว่าได้ในนามของวัดไทยที่เยอรมัน ของหลวงพี่อาจินต์ท่านรับที่วัดพนัญเชิง เพราะว่าอยู่หนกลาง บรรดาต่างประเทศนี่เขาเอาลงสังกัดหนกลางหมด"

เถรี
23-12-2013, 20:48
พระอาจารย์กล่าวว่า "ต้องขอโมทนากับญาติโยมทุกท่าน ที่ร่วมด้วยช่วยกันซื้อเครื่องมือแพทย์มอบให้กับทางโรงพยาบาลทองผาภูมิ โรงพยาบาลทองผาภูมิได้อาคารผู้ป่วยนอกใหม่เพิ่มมาอีก ๑ หลัง คราวนี้อาตมาจับพลัดจับผลูท่าไหนก็ไม่รู้ กลายเป็นประธานการพัฒนาโรงพยาบาล หาเงินให้เขามา ๒ ปีแล้ว ปีนี้เป็นปีที่ ๓

ที่น่าสงสารที่สุดก็คือ อาตมาเองตื่นขึ้นมาก็เจอว่าพระไพรีพินาศหมดแล้ว เขาแอบไปแย่งกันตอนที่อาตมาหลับ เปิดกระทู้ตอน ๒ ทุ่ม ยังไม่ทันจะ ๓ ทุ่มเลย พระก็หมดแล้ว แต่ถ้าโอนไม่ทันวันที่ ๕ นี้เขาตัดสิทธิ์นะจ๊ะ มีผู้จองสำรองไว้บานเลย แล้วก็โปรดทราบว่า งานนี้คนที่จองสำรองก็มีสิทธิ์อด เพราะว่าจำนวนยอดการสร้างพระ อาตมาสั่งโรงงานผลิตไปแน่นอนแล้ว ถ้าช่วงที่ยังไม่สั่ง ยังสามารถเพิ่มยอดได้ ตอนนี้สั่งการไปจนเขาผลิตจะเสร็จอยู่แล้ว แล้วอีกอย่าง..ราคาที่กำหนดคือกำหนดตามราคาเม็ดเงินและค่าการผลิต ในช่วงนั้นเงินกับทองเหมือนกัน ก็คือราคาขึ้น ๆ ลง ๆ

ถ้าใครที่ไม่ได้วัตถุมงคลชุดที่สร้างเครื่องมือแพทย์ ก็ไปรอปฏิบัติธรรมที่วัดท่าขนุน อาตมาจะให้สิทธิ์บูชาอีกชุด พอบอกว่าองค์ละ ๑,๕๐๐ บาท คนทำได้ยินแทบช็อก จะเอากำไรที่ไหนมา พระหน้าตัก ๑.๕ เซนติเมตร เนื้อเงินแท้ทั้งองค์ รับรองว่าท้องตลาดต้องมีคนมาด่าอาตมาอีก ว่าไปทำราคาเขาเสียหมด แต่มีอยู่คนหนึ่งที่ไม่ด่าก็คือคุณล้อมเดช อาตมาตั้งราคาถูกเท่าไร คุณล้อมเดชก็ได้กำไรมากเท่านั้น เขาเอาไปปล่อยเสียแพงหูดับไปเลย..!"

เถรี
23-12-2013, 20:51
พระอาจารย์กล่าวกับญาติโยมว่า "เป็นอย่างไรจ๊ะ ติดม็อบนกหวีดกันหรือเปล่า ? เฮ้อ...ไม่รู้บ้านเมืองเราจะเป็นอย่างไรต่อไป โบราณเขาบอกว่าได้คืบจะเอาศอก ถ้ารัฐบาลถอยในเรื่องพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม แล้วเลิกม็อบ การเลือกตั้งครั้งต่อไปเขามีสิทธิ์ชนะสูงมาก แต่คราวนี้ไม่ยอมเลิก ในเมื่อไม่ยอมเลิก สร้างความเดือดร้อนให้กับคนส่วนรวม โปรดระวังพลังเงียบไว้ด้วย คนที่เขาเดือดร้อนแล้วอยู่เฉย ๆ ก็ดี แต่ถ้าเขาเดือดร้อนแล้วไปแสดงออกด้วยการเลือกพรรคฝ่ายตรงข้าม คุณจะเดือดร้อนหนักเข้าไปอีก..!"

เถรี
23-12-2013, 20:54
ถาม : ล้มทับแขนตัวเองหัก
ตอบ : เป็นเรื่องปกติ ถ้าไม่ได้รับการฝึกมาจริง ๆ จะเป็นสัญชาตญาณเลยว่า เวลาล้มเราต้องใช้มือข้างที่ถนัดลงไปค้ำทุกครั้ง อาตมาเองยังไม่รู้ว่าแก่กว่านี้ ยังจะทำได้เหมือนปัจจุบันหรือเปล่า ? เพราะปัจจุบันนี้ล้มไม่เป็น ลื่นแค่ไหนก็ไม่ล้ม ความเคยชินที่ฝึกมาจะหาจุดสมดุลของตัวเองได้ แต่พอแก่ไปกว่านี้แล้ว ประสาทร่างกายล้า เฉื่อยชาลงไป อาจจะขยับตัวหาความสมดุลไม่ทัน

ปัจจุบันเวลาลื่น บางทีคนเขาเห็นทางลื่นยาวเป็นเมตรเลย “ทำไมอาจารย์ไม่ล้ม ?” ถ้าแก่กว่านี้ต้องอาศัยเทวดาช่วยค้ำ ...(หัวเราะ)... ตอนนี้ยังพอที่จะค้ำตัวเองได้อยู่

เถรี
23-12-2013, 20:55
พระอาจารย์กล่าวกับญาติโยมที่บูชาพระเนื้อทองคำมาว่า "ได้พระมาแล้วโปรดระวัง อย่าทำให้ท่านกลายเป็นพระลาว (จมูกบี้) เพราะว่าทองคำเนื้อจะอ่อนมาก เนื่องจากว่าอาตมาใช้ทองคำแท่ง ไม่มีส่วนผสมอื่น ดังนั้น..ถ้าเผลอกดโดนพระนาสิกจะบี้ ถ้าเป็นเซียนพระก็คือหมดราคาไปเลย"

เถรี
23-12-2013, 20:59
ถาม : ทำบุญด้านใดจึงจะได้หลักในการปฏิบัติธรรมตั้งแต่อายุยังน้อยคะ ?
ตอบ : สมาธิอย่างเดียวเลยจ้ะ ถ้าสมาธิทรงตัวได้ตั้งแต่ระดับอุปจารสมาธิขึ้นไป จะเริ่มเห็นผลของการปฏิบัติ โดยเฉพาะถ้าปีติเกิด คราวนี้ก็จะทำไม่ยอมทิ้งแล้ว

เถรี
23-12-2013, 21:00
ถาม : ตอนเย็นต้องมีการทดลองวิทยาศาสตร์ ต้องทำให้สัตว์ตาย จะมีการอธิษฐานเพื่อหลีกเลี่ยงอย่างไรดีคะ ?
ตอบ : ถ้าเลี่ยงไม่ได้จริง ๆ ก็ต้องคิดว่า สิ่งที่เราทำนี้เป็นความรู้ ในเมื่อเป็นความรู้ก็แปลว่าเป็นส่วนหนึ่งของธรรมทาน ให้อุทิศส่วนกุศลที่เป็นธรรมทานนี้ให้แก่สัตว์ที่ตาย ให้เขาไปเกิดในภพภูมิที่ดีกว่านี้ จำไว้ว่า..เราไม่อยากทำหรอก แต่คราวนี้สภาพนั้นบังคับ ก็ทำเฉพาะช่วงนั้น ไม่ได้ทำตลอด ๒๔ ชั่วโมง แล้วก็ไม่ได้ทำทุกปี เวลาที่เหลือเราก็รักษาศีลปฏิบัติธรรมของเราให้เต็มที่ไปเลย

เถรี
23-12-2013, 21:03
ถาม : การปล่อยปลาที่ท่าน้ำที่มีเรือผ่าน เราก็หลีกเลี่ยงไม่ให้ใกล้เรือ จะเป็นสถานที่ที่เหมาะสมหรือเปล่าคะ ?
ตอบ : ได้...แต่อย่าให้คนไปรอช้อนก็แล้วกัน ก่อนปล่อยเอาถุงหรือว่าถังที่ใส่ปลาเปิดให้น้ำเข้าไปสักหน่อยก่อน ให้ปลาชินกับน้ำใหม่ พอเปิดเข้าไปจนปลาชิน ปลาก็จะเริ่มหาทางออกแล้ว เราค่อยเทลงน้ำไป ถ้าเทลงไปเลยทีเดียวปลาจะช็อกน้ำใหม่ แล้วจะไปไหนไม่เป็น โดนเขาจับไปหมด

เถรี
23-12-2013, 21:04
ถาม : ถ้าอยากมีโอกาสในการช่วยทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ต้องอธิษฐานอย่างไร ?
ตอบ : ไม่ต้องอธิษฐาน ถึงเวลาก็ทำเลย ทำเพื่อพระศาสนา ทำเพื่อมรรคผลพระนิพพานของตัวเอง การปฏิบัติเพื่อมรรคผลพระนิพพานของตัวเอง คือการทำเพื่อพระศาสนาอยู่แล้ว ถ้าศีล สมาธิ ปัญญาของเราดี สร้างความเลื่อมใสให้กับคนอื่น ทำให้เขาหันเข้ามาทำนุบำรุงพระศาสนากันมากขึ้น แล้วปฏิบัติตามหลักพระศาสนามากขึ้น คือการที่เราช่วยอย่างเต็มที่แล้ว

เถรี
23-12-2013, 21:07
ถาม : ไปปฏิบัติธรรม สักพักมีครูบาอาจารย์ทักว่าเป็นพุทธภูมิ ?
ตอบ : ไม่เห็นยาก..ก็ลาพุทธภูมิ

ถาม : ลาอธิษฐานกับพระหรืออย่างไรคะ ?
ตอบ : จ้ะ..ใช้ธูป ๕ ดอก เทียนขาว ๕ เล่ม บัวขาว ๕ ดอก จุดธูปเทียนบูชาพระ ถวายดอกบัวไป อธิษฐานว่าถ้าข้าพเจ้าเคยปรารถนาพระโพธิญาณมาในชาติใดก็ตาม ข้าพเจ้าขอละซึ่งความปรารถนานั้น จะขอปฏิบัติตามองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อเข้าสู่พระนิพพานในชาตินี้

ถาม : แค่นี้หรือคะ ?
ตอบ : แค่นั้นแหละจ้ะ ถ้าทำมากกว่านั้นเดี๋ยวจะให้ไปตีลังกาทำ ง่ายเกินไม่ชอบใช่ไหม ?

เถรี
23-12-2013, 21:13
พระอาจารย์กล่าวว่า "ตอนแรกตั้งใจว่าเดือนมกราคมจะไปงานรับปริญญาของเด็ก ๆ ที่อังกฤษ เลื่อนไปเลื่อนมา ในที่สุดเขาไปลาได้เอาวันที่อาตมาติดงาน จึงไม่ต้องไปแล้ว

ส่วนใหญ่แล้วงานของอาตมาต้องนิมนต์กันข้ามปีถึงจะได้ตัว บางทีถ้าไปติดที่เขานิมนต์ไว้แล้วก็ไม่ได้อีก ปีหน้างานหลวงตาวัชรชัยไม่รู้ว่าจะหนีไปได้หรือเปล่า ? เพราะตอนแรกท่านบอกไว้ว่า ท่านจะจัดประมาณวันที่ ๒๖-๒๗ เมษายน คือหลวงตาวัชรชัยท่านเกิด ๒๙ เมษายน แต่ที่ไปจัดวันที่ ๑ พฤษภาคมเพราะว่าเป็นวันหยุดแน่ ๆ คราวนี้พอท่านบอกวันที่ ๒๖-๒๗ เมษายน อาตมาก็เตรียมล็อกวันไว้ให้ท่าน แต่ปรากฏว่าท่านขยับมาจัดวันที่ ๑ พฤษภาคมใหม่ คราวนี้พอเตรียมวันให้ท่าน งานที่อาตมาควรจะรับในวันที่ ๑ พฤษภาคมก็รับไปแล้ว ก็แปลว่าไปงานท่านไม่ได้"

เถรี
23-12-2013, 21:19
พระอาจารย์กล่าวว่า "อาตมาซื้อทองคำเกินบัญชีไป ๔ ล้านกว่าบาท เพราะว่าพอทองลดราคามาจนได้ราคาพอใจก็รีบซื้อ ปล่อยไปเดี๋ยวขึ้นราคาอีก ทองคำแท่งละ ๕๐ บาทก็พอที่จะฟาดหัวคนถึงตายแล้ว หนักแท่งละ ๗ ขีดครึ่ง ความจริงน่าจะมีแท่งละ ๑๐ กิโลกรัม ไม่ใช่อะไร..ซื้อแล้วจะวางทิ้งไว้ตรงนี้ ดูว่าใครจะอุ้มไปไหว ?

สมัยเป็นฆราวาสอาตมาซื้อทองคำแท่งละ ๑๐ บาทไว้ ๒ แท่ง ยาวประมาณนิ้วมือ ทิ้งไว้บนเตียง พี่ชายเข้ามาหยิบ ๆ ดู “ไอ้ห่..ของแบบนี้เขาก็เอามาปลอมกันเล่นด้วย” แล้วก็โยนไว้ที่เดิม แสดงว่าอาตมานี่หุ่นไม่น่าเชื่อถือเลยว่าจะมีทองคำกับเขา ขนาดทองจริงเขายังเห็นเป็นปลอมเลย

ในชีวิตที่เห็นทองคำมากที่สุดก็คือทองธรรมชาติ มหาศาลเลย ที่วัดท่าซุงปีนั้นหลวงพ่อขอแรงให้ไปช่วยสร้างเพิงพักให้หมา ก็คือหมาที่ท่านเลี้ยงไว้ที่ตึกสงวนจิตรและเพื่อน ที่ท่านเรียกว่าตึกกลางน้ำ หมาก็วิ่งอยู่รอบ ๆ สระน้ำ ไม่มีที่ให้หลบร้อน หลวงพ่อท่านก็ขอให้ไปช่วยทำศาลาให้หมาหน่อย อาตมาก็ไป จำได้ว่ามีหลวงตาชลอด้วย หลวงตาสวัสดิ์ หลวงตาชลอ หลวงน้าสัมฤทธิ์ หลวงพี่สุธน ไปช่วยกันทำ คราวนี้ก็ไปหาเสาเก่า ๆ เอาในวัดนั่นแหละ

ปรากฏว่าเป็นเสาปูน สูง ๕ เมตร เป็นเสาที่เรียกเสาตีนช้าง ที่ต้นใหญ่ ๆ ตัวเสาขนาดหน้า ๕x๕ นิ้ว แต่ความยาว ๕ เมตร ก็คิดว่าเราต้องการสร้างสูงสัก ๒.๕ เมตร ถึง ๓ เมตรเท่านั้นเอง นี่เสายาวตั้ง ๕ เมตร อย่างน้อยก็ต้องขุดหลุมลึก ๒ เมตร จึงตั้งหน้าตั้งตาขุด ขุดไป ๆ ตักขึ้นมา เฮ้ย..! ทองคำ..เป็นทราย ๆ เลย แล้วทุกคนก็พร้อมใจกันโกยกลบไปเสียอย่างดี แล้วก็มาตัดเสาแทน ทอนให้เหลือยาวเท่าที่ต้องการ ตอนแรกทำไมไม่คิดที่จะตัด ? เหมือนกับท่านต้องการให้เรารู้ว่ามีอยู่จริง ๆ ทำให้พวกเราโง่ขุดหลุมลงไปได้ตั้ง ๒ เมตร ถ้าท่านไม่ได้ตั้งใจให้พวกเราเห็น อย่างไรก็ต้องคิดตัดเสา เพราะว่าเสายาวเกินต้องการไปมาก

อีกครั้งหนึ่งก็ไปดูภูเขาทองที่หลวงพ่อท่านบอกไว้ เพราะฉะนั้น..ชีวิตนี้ก็เลยเฉย ๆ กับของพวกนี้ คิดอยู่อย่างเดียวว่า ถ้าอยากรวยเมื่อไรก็ไปสึก แล้วก็ไปขนเอา อะไรที่เห็นเยอะเกินไปก็จะหมดอยากไปเอง"

เถรี
23-12-2013, 21:23
"ตอนช่วงสร้างสมเด็จองค์ปฐมองค์ใหญ่ที่วัดท่าซุง หมอนพพรมาปรึกษาว่า เป็นครั้งแรกที่จะมีพระรูปสมเด็จองค์ปฐมปรากฏขึ้นในโลก ก็ควรที่จะหาวัตถุที่มีราคาที่สุดเท่าที่เราหาได้มาสร้าง อาตมาถามหมอว่าหมอจะใช้อะไร ? “ทองคำครับ ผมไปถามช่างมาแล้ว บอกว่าใช้ประมาณตันครึ่ง” ก็ถามแล้วหมอจะหาอย่างไร ? หมอบอกว่า “ขอทองคำของหลวงพี่นั่นแหละ” แล้วท้ายสุดก็เอาแผนที่ทหารมาอาตมา ก็ทำเครื่องหมายให้ว่าอยู่ตรงนี้

หมอนพพรหายไป ๒ วัน กลับมาถึง “โอ้โฮ...หลวงพี่ มีมากมหาศาลจริง ๆ ครับ” “อะไรวะหมอ อาตมาขนาดแข็งแรง ๆ วิ่งไปนี่ ๒ วันเต็ม ๆ นะ หมอไปอย่างไร ๒ วันกลับมาแล้ว ?” หมอนพพรเคยโดนอาตมาลากเข้าป่าชนิดตะคริวกินมาแล้ว แกเดินอย่างไรก็ไม่ทันอาตมาหรอก อย่าว่าแต่วิ่ง หมอเขาว่า “ผมเป็นผู้บังคับกองพันครับ ผมมีสิทธิ์สั่งเฮลิคอปเตอร์ออกได้ ขีดเส้นให้เขาบินผ่านตรงนั้น แล้วผมเอาเครื่องวัดแร่วัด เข็มตียันเกจ์เลยครับ” นั่นขนาดวัดจากกลางอากาศนะ

ก็เลยบอกว่า "ถ้าอย่างนั้นหมอไปวางแผนมาแล้วกัน ในเมื่อเป็นผู้บังคับกองพัน มีทหารอยู่ในมือ ถ้าทหารแข็งแรงเต็มที่ คนละ ๓๐ กิโลกรัมน่าจะแบกไหว ก็ต้องเอาทหารไปอย่างน้อย ๕๐ คน " หมอหายไปเป็นอาทิตย์เลยคราวนี้ กลับมาบอกว่า “คงทำไม่ได้แล้วครับหลวงพี่” ถามว่าทำไม ? “๕๐ คนนี่ต่างคนต่างถือปืน ไม่มีใครฟังผมหรอก” โดยเฉพาะถ้าอาตมาไปนี่ซวยเลยนะ เพราะถ้าบอกว่าเอาแค่ไหนคือเอาแค่นั้น แล้วถ้าคนอื่นเขาโลภอยากได้ ประเภทหยิบใส่กระเป๋ามาสักกำสองกำ เจ้าที่เขาไม่ได้เล่นงานพวกนั้นหรอก เขาจะเล่นงานหัวหน้าคณะคืออาตมาก่อน ท้ายสุดต้องยกเลิกโครงการไป"

เถรี
23-12-2013, 21:30
"หลังจากนั้นแล้วอีกหลายปี ไปอยู่ที่วัดท่าขนุนครั้งแรก ไปช่วยเขาบูรณะวัด ประมาณปี ๒๕๔๔ - ๒๕๔๕ ก็ปรากฏว่ามีโยมอยู่คนหนึ่ง ไปถามทาง มุ่งมั่นจะเข้าไปให้ได้ ก็เลยบอกทางเขาไป ปรากฏว่าหายไป ๓ - ๔ วัน ก็ถอยกลับมาสะบักสะบอม ถามว่าทำไม ? “สู้ทากไม่ไหวครับ” สำหรับทากขนาดอาตมาวิ่ง ๆ ยังโดนเกาะเต็มเท้าเลย คือพื้นพอสะเทือนทากก็จะยกหัวขึ้นมาพร้อม ๆ กัน ใบไม้ไหวดังซ่า ๆ น่ากลัวมากเลย อาตมาไม่ค่อยจะกลัวพวกทากนี้หรอก ใช้วิธีวิ่งเอา แต่ก็โดนเกาะเต็มเท้า พอไปถึงตรงไหนที่พอหยุดได้ก็ปลดทิ้ง แล้ววิ่งต่อไป

ที่ต้องวิ่งไปไม่ใช่ว่าเก่ง เพราะ ๒ สาเหตุ สาเหตุแรกคือเวลาไม่พอ เพราะอาตมาขาดการลาไปดูแลหลวงปู่มหาอำพันที่ป่วยไป ๔๕ วัน เกินกำหนดของทางวัด ตอนแรกคณะกรรมการสงฆ์เขาลงมติให้ไล่ออก แล้วก็ส่งเรื่องไปถึงหลวงพ่อวัดท่าซุง หลวงพ่อท่านแทงเรื่องลงมาว่า การกตัญญูต่อครูบาอาจารย์ถือว่าสมควร ให้ตัดวันลาก็แล้วกัน ก็เลยกลายเป็นว่าอาตมาเป็นคนเดียวที่ลาได้แค่ ๗ วัน ในเมื่อ ๗ วัน เวลาไม่พอก็ต้องวิ่ง ประการที่สอง ที่วิ่งเพราะทากบังคับอยู่ ไปช้า ๆ ไม่ได้หรอก โดนกินเลือดตายเลย..!

ปรากฏว่าหายไปเดือนกว่า เจ้านั่นมาใหม่อีกรอบหนึ่ง มาคราวนี้ทำอย่างไร เช่าช้างของกะเหรี่ยงเข้าไป เออ..ฉลาดว่ะ เล่นขึ้นหลังช้าง จะเอาให้ได้ ปรากฏว่าเป๋กลับมาอีก ถามว่า “เป็นอย่างไรวะ ?” เขาบอกว่าเจอทากบนต้นไม้ ไปไม่รอด พวกทากตอง เป็นทากสีเขียว ๆ อยู่บนต้นไม้ พวกทากทั่วไปจะสีน้ำตาล ทากลายเสืออยู่ที่พื้น ถ้าทากตองจะอยู่บนต้นไม้ พอเดินผ่านก็ดีดใส่เรา เมื่อแปะลงมาเราจะรู้สึกเย็น ๆ ทำให้แกะทัน แต่ถ้าพวกความรู้สึกช้า ๆ เดี๋ยวทากเข้าหูเข้าหัวก็ยุ่งเลย สรุปแล้วก็คือไม่ได้รับประทานหรอก

แต่เป็นเรื่องแปลกอยู่เรื่องหนึ่งเกี่ยวกับบุญของคน อาตมาเองตอนแรกก็หาไม่เจอ เพราะหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอกว่าที่เมืองกาญจนบุรีมีภูเขาอยู่ลูกหนึ่ง ทางด้านทิศเหนือเป็นยอดแหลมขึ้นมาให้เป็นที่สังเกตได้ ภูเขาลูกนั้นจากกึ่งกลางออกไป ๑๕ กิโลเมตรโดยรอบ เป็นทองคำทั้งหมดเลย อาตมาก็พยายามเสาะหาแผนที่ทหารมา สมัยเรียนทหารอยู่เคยได้ที่ ๑ วิชาแผนที่ทหาร มองอย่างไรก็มองไม่ออก เพราะในแผนที่นั้นเป็นแค่ชั้นความสูง

ท้ายสุดก็ไปได้ข่าวว่ามี ตชด.เขารับซื้อทอง ชาวบ้านเขาร่อนทองกัน อาตมาก็เลยไปดู เห็นชาวบ้านร่อนทองในลำห้วยกันตลอดทางเลย ถึงเวลาตชด.เขาก็รวบรวมไว้สัก ๒๐ บาท ๓๐ บาท ๕๐ บาท ๑๐๐ บาท แล้วก็เอาเฮลิคอปเตอร์บินออกมาจำหน่ายทีหนึ่ง อาตมาจึงทวนน้ำขึ้นไปจนเจอ ที่ว่าเป็นเรื่องของบุญคนก็คือ ชาวบ้านทั้งหมดต้องรู้ว่าทองมากับน้ำ ทำไมไม่ขึ้นไปดูก็ไม่รู้ ? คาดว่าก็มีอยู่ ๒ อย่างคือ ถ้าไม่ใช่เทวดาเขาบังเอาไว้ เขาก็ได้ตามบุญของเขาแค่นั้นแหละ"

เถรี
23-12-2013, 21:32
"เรื่องของทองคำธรรมชาติเป็นทรัพย์แผ่นดิน รอเวลาที่ผู้นำประเทศที่เห็นแก่ชาวบ้านจริง ๆ ได้เอาออกมาใช้งาน ถ้าสมัยนี้ออกมาก็เป็นของคนไม่กี่คน ไปขำตรงที่เขาเช่าช้างไป อาตมาเองยังคิดไม่ถึงเลย

แต่เรื่องของสมเด็จองค์ปฐม ท้ายสุดญาติโยมก็บริจาคทองคำร่วมสร้างกับหลวงพ่อไป ๗๘ กิโลกรัม หลวงพ่อท่านให้เทเบ้าที่ ๓ เบ้าแรกจะเป็นเศียรพระ เบ้าที่ ๒ นี่บริเวณพระอังสะ ก็คือบริเวณไหล่ เบ้าที่ ๓ น่าจะประมาณอก ท่านบอกว่า "ถ้าแกเทเบ้าแรก เดี๋ยวมีคนจ้องตัดเศียรพระ"

ตอนสร้างพระองค์ที่ ๑๐ กับพระองค์ที่ ๑๑ โยมบริจาคทองมา ๒๒ กิโลกรัม ทองที่ว่านี่คือทองจริง ๆ เลย ไม่ได้เกี่ยวกับพวกที่เป็นเพชรเป็นพลอย พวกที่เป็นเพชรเป็นพลอยเขาบริจาคกันมามหาศาลเลย แต่ว่าเอาไปหล่อไม่ได้ เพราะว่าเพชรพลอยจะแตกระเบิดเสียของหมด ท่านให้คัดออกมาเพื่อที่จะเอาบรรจุอย่างเดียว

ใครจองพระไว้ไปรับได้เลยนะจ๊ะ เอาทองแท่งไปให้คุณก้านบัวข้างหลัง โปรดอย่าเอามาใส่ขันให้อาตมา ระยะหลังนี่หลายที ต้องมาถามว่าทองคำของใคร พอถึงเวลาทำวัตรเสร็จแล้วเดินมา เขาใส่ย่ามกันเป็นทาง กลับมาถึงกุฏิมีทองคำด้วย แล้วก็ไม่เขียนไว้ด้วยว่าใคร ต้องมาหาตัวให้เจอ เพื่อที่จะได้ลงบัญชีถูกว่ารับจากใครมา น้ำหนักเท่าไร เดี๋ยวพอโยมเอาทองมาให้ครบงวดนี้ อาตมาก็มีทองเป็นสิบกิโลกรัมแล้ว ใกล้ความจริงแล้ว"

เถรี
23-12-2013, 21:36
"ด้วยความที่เป็นคนไม่ค่อยกังวลกับเรื่องเงินเรื่องทอง ทำให้บางทีทิ้งเงินทิ้งทองกองไว้เฉย ๆ แล้วก็ไม่หาย เพราะไม่มีใครคิดว่าจะเป็นอย่างนั้น อาจจะเป็นเพราะว่าในอดีตไม่ค่อยได้ทำกรรมเรื่องอทินนาทานหรืออย่างไรก็ไม่รู้ ?

ครั้งแรกที่เกิดขึ้นเลยก็คือ ตอนนั้นอยู่ที่ชายแดน ทำหน้าที่เสมียนกองร้อย เบิกเบี้ยเลี้ยงมา ๒ แสนกว่าบาท จะจ่ายให้กำลังพล คราวนี้การเดินทางไปเบิกเบี้ยเลี้ยง ถนนอย่างกับเตาขนมครก เขย่าจนกรอบเลย ก็ปรากฏว่ากลับมาแล้วหมดสภาพ เอาถุงใส่เงินของธนาคารโยนไว้หัวเตียงแล้วก็หลับ ตื่นขึ้นมารุ่งเช้าก็ลืมไป จนกระทั่งถึงเย็น พวกบรรดาทหารเขาก็มาถาม “เมื่อไรจะจ่ายเบี้ยเลี้ยงผม ?” อาตมาก็ว่าตายแล้วกู..เงินอยู่ไหนวะ ? ก็วิ่งไปดู ปรากฏว่ากลิ้งลงไปอยู่ข้างซอกตู้ เตียงทหารจะมีเตียงแล้วก็มีตู้คั่นสลับกันไป ทางท้ายเตียงจะเป็นล็อกเกอร์เตี้ย ๆ ปรากฏว่าอยู่ครบถ้วนสมบูรณ์ ไม่มีใครคิดว่าจะมีคนเอาเงินไปโยนทิ้งไว้อย่างนั้น ก็เลยไม่มีใครไปแล คิดว่าเป็นห่อของอย่างอื่น

บางทีอยู่ที่วัดก็เหมือนกัน ถึงเวลาเบิกเงินธนาคารมา ๓ ล้านบาท ๕ ล้านบาท จะมาจ่ายค่าวัสดุก่อสร้าง กลับมาบางทีเหนื่อยก็โยนกองไว้กลางกุฏิ พอไปตรวจงาน ตรวจไปตรวจมา ลืมว่าทิ้งเงินไว้ กลับมาก็ยังอยู่ที่นั่นแหละ ไม่ได้ไปไหนหรอก

ส่วนตอนไปพม่าเคยแลกเงินเขาทีหนึ่ง ๒๒ ล้าน เอาใส่กระสอบปุ๋ย มัดปากเสร็จก็โยนโครมใส่รถกระบะที่เราเช่าไป แล้วก็ไปนั่งกินก๋วยเตี๋ยวกินน้ำอยู่ ไม่มีคนสนใจเลย เพราะไม่มีใครคิดว่าจะมีคนเอาเงินทั้งกระสอบโยนไว้ท้ายรถกระบะ เพราะว่าตอนนั้นเงินไทย ๑ ล้านบาทแลกเงินพม่าได้ ๒๒ ล้าน แล้วพม่าก็ยังไม่มีธนบัตรใบพัน ใหญ่ที่สุดก็คือใบละ ๕๐๐ กับใบละ ๒๐๐ เงิน ๒๒ ล้านนี่ใส่กระสอบปุ๋ยเต็มแน่น ๆ เลย

ก็เลยทำให้เห็นว่า ที่หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอกว่า บุคคลที่ไม่เคยมีกรรมอทินนาทานในอดีตมา ชาตินี้ทรัพย์สินจะไม่สูญหายด้วยประการต่าง ๆ ทั้งโจรภัย วาตภัย อัคคีภัย อุทกภัย ฯลฯ ก็น่าจะจริง เพราะเรื่องของการเงินนี่อาตมาหละหลวมมากเลย เป็นคนที่เห็นเงินจนเบื่อก็เลยไม่ได้ใส่ใจกับเงิน พลอยทำให้คนอื่นรู้สึกว่าไม่น่าจะมีอะไร เพราะว่ากุฏิบางทีก็เปิดทิ้ง ๆ ขว้าง ๆ เอาไว้อย่างนั้นแหละ"

เถรี
23-12-2013, 22:20
ถาม : คนสมัยก่อนที่เขายังไม่มีนามสกุล เราจะอุทิศส่วนกุศลให้กับผู้ตายอย่างไรครับ ?
ตอบ : นึกถึงเขาก็ใช้ได้แล้ว

เมื่อสักครู่หมอเสือถามว่า ถ้าผีที่เป็นคนโบราณไม่มีนามสกุล จะอุทิศส่วนกุศลให้เขาได้อย่างไร ? เรื่องของผีไม่ต้องมีนามสกุลจ้ะ เราแค่นึกถึงว่าเป็นเขาคนนั้นก็ใช้ได้แล้ว ถ้ารู้ชื่อรู้นามสกุล ให้ออกชื่อนามสกุลเจาะจงไป ถ้าไม่รู้ชื่อไม่รู้นามสกุล ให้นึกว่าเป็นผู้ตายคนนั้น ถ้าเห็นรูปให้ตั้งใจว่าเป็นเจ้าของรูป เจ้าของเงานั้น ถ้าได้ยินแต่เสียง ให้ตั้งใจว่าเป็นเจ้าของเสียงนั้น ถ้ามาแต่กลิ่นให้ตั้งใจว่าเป็นเจ้าของกลิ่นนั้น ใช้ได้เหมือนกัน

ไม่ต้องไปเสียเวลาไปหานามสกุลให้เขาหรอก เพราะว่าชื่อนามสกุลตรงกันมีเยอะแยะไป โดยเฉพาะฝรั่ง ต่อให้จูเนียร์ขนาดไหนก็ตาม พอไปอีก ๓ - ๔ ชั่วคน ก็เป็นซีเนียร์ไล่กันไปเรื่อย

ฝรั่งเขามีคตินิยมว่า พอรุ่นที่ ๓ ไปเขาจะตั้งชื่อคนรุ่นปู่รุ่นย่าเอาไว้ เพราะอย่างนั้นก็จะมีชื่อซ้ำ ๆ กันไปเรื่อย แต่ภพภูมิข้างล่างเขาไม่กังวล ข้างล่างเขาเอาชื่อแรก แล้วไม่ใช่ชื่อแรกธรรมดา อาจเป็นชื่อในชาติแรกด้วย ในความเป็นทิพย์ พอเขาเรียก เราจะรู้ทันทีว่านั่นคือตัวเรา เพราะฉะนั้น..ไม่ต้องกังวล ชื่ออะไรก็ช่างเถอะ สมมติด้วยกันทั้งนั้นแหละ

เรื่องของผีที่เกาะคนมา มี ๒ สาเหตุด้วยกัน สาเหตุแรกคือเคยมีกรรมเนื่องกันมา สาเหตุที่สองคือเขาบังคับใช้ให้มา ถ้ากำลังใจเรามั่นคง หัดภาวนาจนกำลังใจทรงตัว ถ้าจะเอาปลอดภัยจริง ๆ ก็ระดับปฐมฌานขึ้นไป แต่ว่าให้ภาวนาอย่าทิ้ง ถ้าทิ้งช่วง เวลากุศลกรรมแทรกเขาก็มีโอกาสเกาะใหม่ได้ ถ้าเราภาวนาจนกำลังใจทรงตัวระดับปฐมฌาน กำลังของเราจะเท่ากับพรหม ซึ่งสูงเกินผีไปหลายล้านเท่า เขาทำอะไรเราไม่ได้หรอก

เพราะฉะนั้น..ให้ตั้งใจนึกถึงพระ แล้วก็จับลมหายใจภาวนาไว้ ถึงเวลานึกภาพพระแล้ว หายใจเข้าก็ให้ท่านไหลเข้าไปในตัวเราทั้งองค์ หายใจออกให้ท่านใหญ่ขึ้นมาคลุมตัวเราไว้ หายใจเข้าท่านก็เล็กลงไปอยู่ข้างใน หายใจออกท่านก็ใหญ่ขึ้นมาคลุมตัวเราไว้ ถ้าใครทำอย่างนี้ได้ ผีที่ไหนก็เข้าไม่ได้หรอก

เถรี
23-12-2013, 22:40
ไปต่างประเทศเจอผีเยอะมาก แล้วลำบากตรงที่ว่า เขาไม่มีคนที่รู้ในเรื่องของการอุทิศส่วนกุศลให้ ผีก็เลยลำบากตะเกียกตะกายไปเรื่อย จนกว่าจะเจอคนที่ให้เขาได้ ก็จะไปรุมตอมกันเป็นฝูงเลย อาตมาไปอินโดนีเซียเจอทีหนึ่ง ๗,๐๐๐ - ๘,๐๐๐ ตัว ถ้าคนทั่ว ๆ ไปเห็นก็คงคิดว่าอาตมาเป่านกหวีดเรียกม็อบ..มากันทีขนาดนั้น..!

เถรี
23-12-2013, 22:41
พระอาจารย์กล่าวว่า "สิงห์ของหลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบัว ตัวประมาณเล็บนิ้วก้อยเท่านั้นเอง แต่เขาแกะหัวหูหน้าตานี่สุดยอดมาก คิดว่าคงฝีมือระดับช่างสิบหมู่เลย เพราะสมัยนั้นเสด็จในกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ท่านไปฝากตัวเป็นลูกศิษย์หลวงปู่ยิ้ม น่าจะมีพวกช่างหลวงแกะถวาย สมัยนี้ถ้าจะแกะให้ละเอียดได้ขนาดนั้นต้องใช้เลเซอร์อย่างเดียว"

เถรี
24-12-2013, 11:51
พระอาจารย์พูดถึงเรื่องการเมืองว่า "กำลังดูว่านายหัวสุเทพจะลงอย่างไร ? เมื่อเช้าอาตมาพูดไปว่า ได้คืบจะเอาศอกแล้วจะจบไม่ลง ตอนนี้ปัญหาที่ถามก็คือว่า ถ้าขับไล่รัฐบาลออกไป แล้วใครจะเป็น ? ถ้าให้นายหัวสุเทพเป็นนายกฯ มีใครเอาไหม ? ต้องบอกว่าทำอะไรโดยไม่คิด

ดังนั้น..เราจะเห็นว่าเรื่องของสติสัมปชัญญะสำคัญมาก ๆ ถ้าช่วงที่รัฐบาลเขายอมถอย ถอนทุก พรบ.ออกไปแล้ว ตัวเองบอกเลิกม็อบ จะลงได้สวยสุด ๆ แล้วเลือกตั้งคราวหน้านี่เพื่อไทยเหนื่อยสาหัสเลย แต่คราวนี้คุณสุเทพไม่ยอมเลิก ตอนแรกก็ต่อต้าน พรบ.นิรโทษกรรม ซึ่งอาตมาก็เห็นด้วยเพราะเป็น พรบ.ห่วยแตกมาก ประเภทที่จะนิรโทษกรรมเหมาเข่ง ต่อไปเขาก็ฆ่าคนกันสนุกสนานแล้วก็นิรโทษเหมาเข่ง ไม่ต้องรับโทษกันสิ แต่พอเสร็จสรรพเรียบร้อย กลายเป็นต่อต้านระบอบทักษิณ

มีใครสามารถตอบอาตมาได้บ้างว่า ระบอบทักษิณคืออะไร ? ช่วยบอกหน่อยซิว่าคืออะไร ? ถ้าบอกว่าระบอบทักษิณคือการคอรัปชั่นโกงกิน แล้วโรงพัก ๓๐๐-๔๐๐ แห่ง มีแต่เสาโด่เด่คืออะไร ? แล้วถ้าจะเอาใกล้ตัวกว่านั้น ส.ป.ก. ๔-๐๑ คืออะไร ? ถ้าบอกว่าระบอบของทักษิณเผด็จการ แล้วที่ส่งทหารฆ่าชาวบ้านไป ๙๐ กว่าศพคืออะไร ? เพราะฉะนั้น..เขาตอบไม่ได้หรอกว่าคืออะไร รู้อยู่อย่างเดียวว่า ถ้าบุคคลคนนี้อยู่แล้วตัวเองจะทำอะไรลำบาก เพราะฉะนั้นควรจะให้เขาไป กลายเป็นทำเพื่อตัวเอง ไม่ใช่ทำเพื่อประชาชน ถ้าเรามีสติสัมปชัญญะหน่อยเดียวก็จะเห็น

สิ่งทั้งหลายเหล่านี้จริง ๆ แล้วก็คือ คนส่วนมากโดนหลอกให้เป็นเครื่องมือ ที่เขาบอกว่ากลัวผีทักษิณจนขึ้นสมองนั่นแหละ พูดอะไรถึงทักษิณออกมา ถูกผิดอย่างไรกูต่อต้านไว้ก่อน

ถ้าถามว่าคุณทักษิณทำผิดไหมที่ผ่าน ๆ มา ถ้าบอกว่าเรื่องการขายดาวเทียมให้เทมาเส็ก ก็นั่นเป็นกิจการของแก แล้วอีกอย่างแกแก้กฎหมายเสร็จเรียบร้อยแล้วค่อยขาย ก็ไม่ผิด แต่ปรากฏว่ากฎหมายใหม่ที่ออกมา โดยเฉพาะรัฐธรรมนูญปี ๒๕๕๐ ผิดหลักนิติธรรมของทั้งโลกเลย เพราะว่าเป็นการเอาผิดย้อนหลัง ซึ่งไม่มีกฎหมายประเทศไหนในโลกเขาทำกันอย่างนั้น ตราบใดที่ยังไม่มีข้อห้าม ตราบนั้นยังไม่ผิด แม้กระทั่งศาสนาพุทธของเราก็เหมือนกัน ตราบใดที่ยังไม่บัญญัติศีล ก็ไม่ผิด บุคคลที่เป็นต้นบัญญัติศีลพระพุทธเจ้ายังยกให้ เพราะท่านถือว่ายังไม่มีข้อห้ามมาก่อน

แต่นี่มาเอาผิดย้อนหลัง ในขณะที่ยังไม่มีกฎหมายอย่างนี้ ซึ่งไม่ถูกหลักนิติธรรม แต่เขาก็ทำกัน แล้วก็ปล่อยกันมาเรื่อยเปื่อย ซึ่งถ้าจะประท้วง ควรที่จะประท้วงกันตรงนี้ แบบนี้ทั่วโลกเขาสนับสนุน เพราะไม่มีกฎหมายประเทศไหนเขาไปเอาผิดย้อนหลัง ถ้าวันไหนที่ประกาศเป็นกฎหมายเรียบร้อยแล้วใครทำผิด นั่นถึงจะเอาผิดได้"

เถรี
24-12-2013, 11:55
"เราจะเห็นว่าเรื่อง ๒ มาตรฐานในบ้านเรานั้นชัดเจนมาก โดยเฉพาะต่างคนต่างก็ดึงฟ้าต่ำ ยึดประเทศไทยถวายคืนเป็นระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ถามหน่อยว่าในหลวงจะรับไหม ? ฟังดูก็บ้าแล้ว ปรากฏว่าคนที่บ้าก็เยอะเสียด้วย ก็เลยไปกันเรื่อยเปื่อย อาตมานั่งดูแล้วก็ว่าดีเหมือนกัน บ้านเราเมืองเราก่อนหน้านี้เป็นเสือตัวที่ ๕ ของเอเชีย แซงหน้าประเทศจีนอีกต่างหาก ปัจจุบันนี้เป็นเต่าตัวสุดท้ายของอาเซียน ไม่ต้องไปไหนหรอก ประท้วงกันอยู่นั่นแหละ

เหมือนกับว่านายหัวสุเทพเดินเข้าซอยตันเอง ก็แกเล่นประกาศว่ายุบสภา นายกฯ ลาออก แกก็ไม่รับ แล้วจะให้ทำอย่างไร ?..ถามหน่อย ไม่เป็นไร...โบราณเขาบอกว่าคนบ้ามี ๕๐๐ จำพวก ถ้าเพิ่มมาอีกจำพวกหนึ่งก็ไม่มากเท่าไรหรอก

บ้านเราโชคดีที่ยังมีในหลวงอยู่ แต่ในขณะเดียวกันอาตมาก็สงสารในหลวงมาก บ้านเราประเภท ๒ - ๓ คนทะเลาะกันยังหาความสุขไม่ได้ แล้วถ้าลูก ๖๐ กว่าล้านคนทะเลาะกัน จะฆ่ากันอยู่ทุกวัน แล้วจะให้ในหลวงท่านมีความสุขได้อย่างไร ?

คนเราส่วนใหญ่มีนิสัยดูความผิดคนอื่น ไม่ได้ดูความผิดตัวเอง ในเมื่อดูความผิดคนอื่น เห็นข้อบกพร่องของคนอื่น ก็พยายามที่จะไปจี้ให้เขาแก้ไข โดยที่ไม่ได้แก้ไขตัวเอง อย่างที่เขาบอกว่า ผิดคนอื่นมองเห็นเป็นภูเขา ผิดของเรามองเห็นเท่าเส้นขน ตดคนอื่นเหม็นเบื่อเหลือจะทน ตดของตนถึงเหม็นไม่เป็นไร พระพุทธเจ้าถึงได้ตรัสว่า อัตตนา โจทยัตตานัง ให้กล่าวโทษโจทย์ตัวเองไว้เสมอ เราจะได้ปรับปรุง กาย วาจา ใจ ของเราให้ดีขึ้นไปเรื่อย ๆ

เราปรับปรุงแก้ไขคนอื่นไม่ได้หรอก เรื่องของคนอื่นเป็นเรื่องของโลก โลกทั้งโลกเราไปแบกก็หนักเกินไป เพราะฉะนั้น..ต้องดูที่ตัวเรา แก้ที่ตัวเรา ทุกอย่างจะจบ อย่างที่หลวงปู่ดู่ วัดสะแกบอกว่า คนดีเขาไม่ตีใคร ไม่ว่าจะตีด้วยคำพูด จะตีด้วยร่างกายอะไรก็ตาม

โดยเฉพาะพระเราดันไปออกม็อบกับเขา พระเราเมื่อถึงเวลาควรจะเป็นผู้ที่คอยเตือนสติญาติโยม ไม่ใช่ไปสนับสนุนข้างใดข้างหนึ่ง เพราะเราต้องยอมรับว่าทุกอย่างเป็นไปตามกรรม ถ้าตักเตือนแล้ว บอกกล่าวแล้ว เขาไม่ฟังก็ต้องปล่อยวาง ไม่ใช่ไปนั่งอยู่กลางม็อบ แล้วก็ไปยกไมค์ประกาศปาว ๆ เสียเอง ลักษณะอย่างนั้นกลายเป็นเอาพระพุทธศาสนาทั้งคณะสงฆ์ไปเป็นบันไดรองรับเท้า ส่งเสริมตัวเองให้เด่นขึ้นไป ซึ่งถือว่าเป็นการกระทำที่เลวร้ายมาก..!"

เถรี
24-12-2013, 11:58
ถาม : ธูปเทียนแพธรรมดากับธูปเทียนบูชาครู ?
ตอบ : สมัยก่อนการบูชาครูก็มีธูป เทียน ดอกไม้ คราวนี้ของเรามีหลักว่า ถ้าเป็นธูปเทียน ถ้าเป็นเทียนแพ ใช้เป็นพิธีหลวง ถ้าเป็นพิธีของพวกเราให้ใช้เทียน ธูป ก็ต้องพลิกบนพลิกล่าง จริง ๆ ก็ชุดเดียวกันนั่นแหละ แต่ว่าหลักการต่างกัน เราเองถ้ารู้ก็ทำให้ถูก ถ้าไม่รู้ก็มั่ว ๆ ไปเถอะ

เถรี
24-12-2013, 12:00
พระอาจารย์กล่าวว่า "ถ้าบ้านเมืองเรายังวุ่นวายอย่างนี้ไปอีกระยะหนึ่ง ค่าเงินบาทจะตก เพราะว่าเศรษฐกิจหยุดชะงัก ตอนนั้นทองก็จะแพงขึ้น"

เถรี
24-12-2013, 12:01
พระอาจารย์กล่าวถึง คุณ ญ.ผู้หญิง ซึ่งเพิ่งเข้าโรงพยาบาลผ่าไส้ติ่งไปว่า "ขนาดสร้างบุญสร้างกุศลไว้เสียเยอะแยะยังไม่รอดเลย ความดีส่วนความดี ความชั่วส่วนความชั่ว ถึงเวลาดีความดีก็ส่งผล ถึงเวลาความชั่วส่งผล เราก็ลำบากเดือดร้อน จึงควรจะเลือกทำแต่ทางด้านดี "

เถรี
24-12-2013, 12:01
พระอาจารย์กล่าวว่า "ช่วงนี้ญาติโยมหลายท่านแปรสภาพเป็นนักเล่นพระ แล้วไม่ใช่นักเล่นพระแบบสะสม แต่เล่นแบบตั้งใจขายเอากำไร..!"

เถรี
24-12-2013, 12:11
พระอาจารย์กล่าวว่า "ถวายสังฆทานแล้ว ช่วยอุทิศส่วนกุศลให้นายหัวสุเทพด้วยนะ ให้เขาเจอบันไดลงหน่อย ตอนนี้เลยธงไปเยอะ หาบันไดไม่เจอแล้ว ถ้าเลิกม็อบตั้งแต่ชนะเรื่อง พรบ.นิรโทษกรรม งวดหน้านี่เพื่อไทยสาหัสเลย เพราะกลายเป็นประชาธิปัตย์ฉกคะแนนเสียงไปหมด คราวนี้ไม่ยอมเลิก เลยธงมาจนป่านนี้ กลายเป็นสร้างความเดือดร้อนให้แก่ส่วนรวม โดยเฉพาะเรื่องของงบประมาณ ไปห้ามจ่ายเงินเดือน คนที่เดือดร้อนที่สุดก็คือ บรรดาข้าราชการชั้นผู้น้อยที่ใกล้ชิดกับประชาชน คราวนี้ฐานคะแนนเสียงก็หายไปด้วย"

เถรี
24-12-2013, 12:16
พระอาจารย์กล่าวว่า "ใครที่จองพระไพรีพินาศทองคำไว้ โปรดระมัดระวังให้ดี อย่าไปกดแถวพระนาสิก คือจมูกพระ เพราะทองคำแท่งเนื้อเกือบ ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ อ่อนมาก ถ้ากดแล้วท่านก็จะกลายเป็นพระจมูกบี้ ถ้าใครจะแงะออกดู ให้พยายามแกะออกทางด้านฐาน แล้วพอเวลาใส่คืนก็กดทางด้านฐาน

สมัยก่อนท่านเจ้าคุณพระราชปริยัติโมลี (โสภา เขมสรโณ) ท่านเป็นรองเจ้าคณะจังหวัดนครปฐม เจ้าอาวาสวัดพระงาม พระอารามหลวง จบประโยค ๙ มา ท่านชอบจริง ๆ เรื่องพระเครื่อง ท่านบอกว่าท่านจะเสาะหาแต่เหรียญคณาจารย์ที่จมูกไม่ถลอก คือบรรดาเหรียญต่าง ๆ จุดที่สูงที่สุดก็คือจมูก แล้วก็จะเป็นจุดที่โดนกระทบถลอกเร็วที่สุด ท่านก็บอกว่าจะหาเหรียญที่จมูกไม่ถลอก จะเป็นเหรียญอาจารย์รุ่นใหม่แค่ไหนก็ได้ ถ้าจมูกไม่ถลอกเอามาเถอะ ท่านรับทั้งนั้น

ท่านบอกว่าแรก ๆ ท่านก็ไม่คิดที่จะศึกษาเรื่องพระเครื่องหรอก แต่คราวนี้พอรับตำแหน่งใหญ่ขึ้นไปเรื่อย ๆ บรรดาผู้ใต้บังคับบัญชาก็หาวัตถุมงคลมาให้ พอเอาไปให้เซียนพระดูแล้วเขาบอกว่าปลอม..อายเขา ก็เลยต้องหัดดูเองจนเป็น ท่านบอกว่าขนาดเป็นแล้ว ยังมีคนเอาของปลอมมาหลอกอยู่เรื่อย

ท่านเจ้าคุณโสภาตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ ท่านบอกว่า “เล็ก..พอข้าเป็นเจ้าคณะภาคแล้ว แกมาเป็นเลขาฯ ให้ทีนะ” อาตมากราบเรียนว่า “ไม่รับหรอกครับ หลวงพ่อคงได้เป็นเจ้าคณะภาค ๑๙ แน่ ๆ” การปกครองคณะสงฆ์มหานิกายมีแค่ ๑๘ ภาค อาตมาบอกว่าท่านเป็นได้แค่ภาค ๑๙ แล้วก็จริง ๆ ท่านมรณภาพก่อน ท่านต้องการพระที่ทำงานคล่องตัว โดยเฉพาะผู้บังคับบัญชาแต่ละระดับชั้น ถ้ามีพระเลขาฯ เก่ง ๆ นี่ พูดง่าย ๆ ว่าเลขาฯ รับงานแทนได้เกือบหมด แล้วถ้าปลอมลายมือเป็นอย่างอาตมาก็เซ็นแทนได้ด้วย..!

อาตมาทำสถิติ อยู่ชายแดนเจ้านายไม่อยู่ เซ็นอนุมัติแทนมาแล้ว ปรากฏว่าเป็นการรุกล้ำของอากาศยานไร้สัญชาติ ซึ่งมีวี่แววว่าเป็นของฝ่ายตรงข้ามแน่นอน ออกคำสั่งให้ตรวจการ โดยเซ็นอนุมัติคำสั่งเอง ปรากฏว่าเป็นเรื่องจริง ตรวจสอบแล้วว่าเราป้องกันได้ทัน เขาไม่สามารถจะล่วงล้ำน่านฟ้าเข้ามาได้ลึก ผู้บัญชาการกองพลเรียกเจ้านายไปชม เจ้านายกลับมาแบบงง ๆ แกถามว่า “กูเซ็นไปตอนไหนวะ ?” ก็เลยเรียนท่านไปว่า “ฝีมือผมเองแหละครับ” ท่านก็ดูสมุดบันทึกคำสั่งหน้านั้น ดูเสร็จท่านบอกว่า “อย่าบ่อยนะมึง..!” เจ้าของลายเซ็นมาดูลายเซ็นเอง แล้วสงสัยว่าตัวเองเซ็นไปตอนไหน นึกเอาก็แล้วกัน

ทหารที่อยู่ชายแดนสมัยก่อน โดนบังคับให้จำแบบอากาศยานรบทุกประเภท มองเห็นบนฟ้าลิบ ๆ ต้องแยกออกว่าเป็นยี่ห้อไหนรุ่นไหน แล้วก็ยานยนต์รบทุกประเภท ตรวจการณ์เจอไกล ๆ ชนิดกล้องส่องทางไกลเห็นเท่าแมลงวันหัวเขียว ก็ต้องแยกออกว่าเป็นรถถังรุ่นไหน ยี่ห้อไหน"

เถรี
24-12-2013, 12:38
พระอาจารย์กล่าวว่า "ตอนนี้อาตมาขอแรงทิดโต (สถิระ ชัยชนะกลาง) ถอดยันต์ดวงมหาพิชัยสงคราม คราวนี้ยันต์มหาพิชัยสงคราม ท่านเจ้ากรมฯ เสริมเป็นคนลอกแบบออกมาจากตำราพระร่วง แล้วตำราพระร่วงเล่มเล็ก ประมาณว่าใหญ่กว่าคัมภีร์เทศน์ แต่เล็กกว่าสมุดข่อย ท่านเจ้ากรมฯ เสริมไม่รู้ภาษาขอม แต่ท่านสามารถลอกออกมาได้ขนาดนั้น ก็เลยทิ้งปริศนาไว้ให้พวกเราเสียเยอะแยะเลย

ถ้าตัวคาถารอบนอกนี่อาตมาอ่านไม่เป็นก็ไม่รู้หรอก ว่าที่ท่านเขียน ๆ มานั่นทั้งตกทั้งหล่น จะไปโทษท่านเจ้ากรมฯ ก็ไม่ได้ เพราะท่านเห็นอย่างไรท่านเขียนอย่างนั้น ท่านไม่เข้าใจว่าภาษาขอมว่าอย่างไร ท่านลอกแบบตามมา เหมือนกับเราลอกภาษาต่างประเทศที่เราไม่รู้ พอลอกตัวที่เราไม่รู้ เขียนไป ๆ ก็งงว่าสมบูรณ์หรือยัง ? ก็เลยให้ทิดโตช่วยจัดการ เพราะว่าทิดโตฝากฝีมือเอาไว้ตอนทำยันต์มหาเศรษฐีเงินล้าน เห็นว่าเรื่องนี้ไว้ใจได้ก็เลยขอใช้บริการหน่อย

รุ่นของพวกเราได้เปรียบตรงที่ว่า คอมพิวเตอร์สามารถสร้างแบบอักษรต่าง ๆ ได้ แม้กระทั่งบาลีขอมก็ทำได้ แต่ว่ามี ๒ อย่างก็คือขอมไทย ขอมไทยบางทีใส่ไม้หันอากาศ ใส่วรรณยุกต์เข้าไปด้วย แต่ว่าขอมที่เป็นของเขมรจริง ๆ นั่นก็ต่างจากขอมโบราณเยอะ แม้กระทั่งอาตมาไปเขมรแล้วอ่านภาษาเขมรออกเกือบทั้งหมด แต่ก็แปลได้ไม่หมด ตอนนี้ก็เลยให้ทิดโตแกะลายแทงอยู่

กำลังรอพระนามพระพุทธเจ้า ๓๗ พระองค์อยู่ ถ้าได้ครบก็เป็นอันว่าสมบูรณ์ แต่ว่าตอนท้ายให้ลงเสียง ‘อะ’ หมดนะ ตัณหังกะระ เมธังกะระ โกณฑัญญะ ฯลฯ ยกเว้นท่านที่ท้ายลงด้วย ‘อิ’ ‘อี’ อย่างเช่น พระพุทธสิกขี เวสสะภู ฯลฯ ต้องลงตามปกติของเขา ชื่ออื่น ๆ ต้องลงอะหมด สิทธัตถะ ปุสสะ พระพุทธเทวเทพ ต้องเป็นเทวะเทวะ ๒ คำซ้อนกัน ถ้าเป็นปฐมาวิภัติ เอกวจนะ จะเป็นเทวะเทโว แต่คราวนี้ถ้าอยู่ในลักษณะการขานพระนามก็เป็นเทวะเทวะ ก็คือเทวเทพ พอมาถึงกัปของเราก็เป็น พระกะกุสันธะ โกนาคะมะนะ กัสสะปะ โคตะมะ

เกิดมามีผลงานฝากไว้ในพระศาสนาก็พอแล้ว ไม่ต้องเอาอะไรมาก"

เถรี
24-12-2013, 12:44
พระอาจารย์กล่าวว่า "ตอนนี้พระที่วัดกำลังสนุกสนานกับการสัก เพราะว่ามีมือสักระดับสุดยอดของโลกไปบวชอยู่ ท่านสักทีราคาเป็นแสนบาท แต่ที่วัดนั่นสักฟรี ท่านไปแข่งขันสักลายวิจิตรแล้วได้ที่ ๑ มา ตอนนี้พระที่วัดลายไปทั้งตัว ดูทิดหนุ่ยเล็กของเรา เต็ม ๒ แขนเลย เห็นแก่ของฟรี พวกไม่ต้องเสียเงิน ก็สักไปเถอะ

วันก่อนบอกกับพระทั้งวัดว่า พวกคุณขลังไปหมดทั้งตัวแล้ว มีผมไม่มีลายอยู่คนเดียว เลยไม่ขลัง เป็นอาจารย์พวกคุณไม่ได้แล้ว ...(หัวเราะ)... แต่เขาเก่งนะ อักขระขอมแม่นมากเลย ขอให้มีลายให้ลอกนิดเดียว อักขระไม่ต้องลอกเลย ประเภทเล่นสด อย่างยันต์เกราะเพชร ขอให้มีลาย เขาสักอักขระเองได้"

เถรี
24-12-2013, 12:45
พระอาจารย์กล่าวว่า "เรื่องของการทำดอกบัวครรภ์รักษา เหมือนกับการทดสอบกำลังใจว่าจะทำจริงหรือเปล่า ? คาถาสำหรับเสกแต่ละบทนี่ยาวเป็นกิโลเมตรทั้งนั้นเลย ญาติโยมไม่รู้หรอกว่า กว่าจะเสกเสร็จแต่ละครั้งไม่หนี ๒ ชั่วโมงครึ่ง..!

ครั้งก่อนมีโยมมาขอ พอทำเสร็จส่งให้ เขาถามว่า "ใช้อย่างไร ?" เลยด่ากระจาย กระทั่งใช้อย่างไรก็ไม่รู้ แล้วเสือกมาขอ..มึงเห็นกูว่างนักใช่ไหม..?!!"

เถรี
24-12-2013, 12:50
พระอาจารย์กล่าวว่า "ครูดี ๆ ไปตั้งโรงเรียนสอนพิเศษกันหมด แบบเดียวกับเกาหลี ครูบางคนมีลูกศิษย์เป็นล้านเลย น่าจะเก่งกว่าครูอุ๊ของเรา ครูลิลลี่เก่งภาษาไทย ตกลงครูลิลลี่เป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย ? อาตมายังสงสัยจนถึงทุกวันนี้

ครูประเภทนี้ที่เด็กเขาจะชอบ เพราะว่าสอนแล้วเด็กรู้เรื่อง อย่างวิชาเคมีน่าสับสนกับชีวิตจะตายไป แค่ท่องสูตรธาตุอย่างเดียวก็ตายแล้ว แต่ครูอุ๊สามารถทำให้เป็นของง่ายได้ ท่านทั้งหลายเหล่านี้น่าจะให้เป็นครูสอนครูด้วยกันเองมากกว่า สอนครูอีกที อย่างของต่างประเทศคนที่เรียนเก่งที่สุด เขาให้ไปเป็นครู เงินเดือนของเขาแพงมาก แพงกว่าหมออีก ถ้าอย่างนั้นเด็กจะพัฒนา เก่งขึ้นไปเรื่อย ๆ

แต่บ้านเรา คนเก่งที่สุดไปเรียนหมอ เรียนวิศวะ คนที่ไม่ได้เรื่องไปเรียนครู ก็เลยกลายเป็นกลับข้างกับที่อื่น ของเขายิ่งไปยิ่งเก่ง เพราะว่าครูมีคุณภาพ ของเราเอาคนไร้คุณภาพมาเป็นครู..!"

เถรี
25-12-2013, 16:33
ถาม : พระอาจารย์ไม่ไปนำม็อบกับเขาหรือครับ ?
ตอบ : ต้องบอกว่าเป็นการสร้างเวรสร้างกรรม เพื่อที่จะเอาความเด่นความดังเฉพาะตัว ถือว่าเป็นการกระทำที่เลวร้ายมาก เพราะว่าอาศัยพระพุทธศาสนาเป็นบันไดเหยียบขึ้นไปเพื่อความเด่นของตัวเอง

พระเรามีหน้าที่เตือนสติเมื่อโยมจะเลยธง ไม่ใช่มีหน้าที่พาโยมวิ่งจนเลยธง เอาไว้เดี๋ยวพอถึงสมัยศาสนาของท่าน ก็คงจะมีคนประท้วงกันตลอด เพราะท่านมาสายพุทธภูมิเหมือนกัน

บ้านเราเล่นการเมืองกันแบบไร้สติ ทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นบ้าน จะเป็นสังคม บ้านก็มีกฎเกณฑ์ของบ้าน สังคมก็ต้องมีกฎเกณฑ์ของสังคม จึงจะอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขได้ ไม่ใช่ถึงเวลาก็ใช้กฎหมู่เข้าว่า กฎหมู่เป็นนิสัยของสัตว์เดรัจฉานที่ยังทิ้งไม่หมด เคยเห็นหมารุมกัดตัวอื่นไหมเล่า ?

ในเมื่อเราพัฒนาจนถึงระดับเป็นมนุษย์แล้ว แต่ยังเอานิสัยของสัตว์มาใช้อยู่ ก็แปลว่าไม่ได้พัฒนาก้าวไกลไปจากสภาพเดิมเท่าไรนัก ทุกอย่างมีกฎเกณฑ์ มีกติกาอยู่ แพ้ก็ต้องยอมรับว่าแพ้ เขาจะบริหารเฮงซวยห่วยแตกขนาดไหน ก็เก็บเอาไว้ ถึงเวลาก็เอาไปอภิปรายกันในสภา ชนะไม่ได้เพราะเขามีเสียงข้างมาก ก็พยายามที่จะแสดงหลักฐานให้ปรากฏแก่ชาวบ้านเขา ถึงเวลาชาวบ้านเขาก็จะรู้เองว่าควรจะเลือกใคร ต่อให้ประชาธิปไตยบ้านเราแย่ขนาดไหนก็ตาม แต่ก็ยังดีกว่าในสภาพปัจจุบันนี้ สภาพปัจจุบันนี้ถามว่าถ้าชนะแล้วจะให้ใครเป็นนายกฯ ? จะให้นายหัวสุเทพเป็น ? ไปถวายคืนพระราชอำนาจ แล้วในหลวงท่านบอกหรือว่าท่านจะรับ สิ้นสติกันชัด ๆ..!

บ้านเราส่วนใหญ่แล้วขาดสติ เฮไปตามข้อมูลที่ไม่ได้รับการกลั่นกรองไว้ นักการเมืองทุกคนบอกความจริงเราไม่ถึงครึ่ง เรื่องที่เหลือก็คือที่เขาต้องการให้เป็นไปตามความต้องการของเขา แล้วเราก็เอาไปทุ่มเท เย้ว ๆ ถามว่าผลประโยชน์ตกอยู่แก่ประเทศชาติหรือเปล่า ? สมัยก่อนบ้านเราเป็นเสือตัวที่ ๕ ของเอเชีย ตอนนี้เป็นเต่าตัวสุดท้ายของอาเซียน นั่นแหละ..ก็ที่ไปเย้ว ๆ อยู่นั่นแหละ ตัวถ่วงเศรษฐกิจดีนัก ในเมื่อเศรษฐกิจไปไม่ได้ แล้วประเทศชาติจะไปรอดได้อย่างไร ?

เถรี
25-12-2013, 16:46
ถาม : ถ้าเราปล่อยเขาไปเขาไม่ทำบ้านเมืองล่มจมหรือครับ ?
ตอบ : นั่นคุณคาดว่า..เรื่องเกิดหรือยัง ? พวกที่ทำให้บ้านเมืองฉิบหายล่มจม ก็คือพวกที่ขายทรัพย์สิน ปรส.ไปราคาถูก ๆ ให้ต่างชาติ แล้วจนป่านนี้โดนดำเนินคดีหรือเปล่า ? ปัจจุบันนี้ก็ไปนำม็อบอยู่นั่นแหละ นั่นฉิบหายมากที่สุด เห็นชัดเจนที่สุด

นักการเมืองบ้านเราเล่นการเมืองแบบสาดโคลนใส่กัน ประเภทถ้ากูชั่วมึงก็เลว เห็นว่ามีสมัยของท่านนายกฯ ยิ่งลักษณ์นี่แหละที่เล่นแบบสุภาพสตรี แล้วก็มาเห็นความงามของการเมืองก็ช่วงผู้ว่าฯ สุขุมพันธ์ แข่งขันกับพลตำรวจเอกพงศพัศ ดูงามอยู่ช่วงแรก พอตอนท้ายอีกพรรคกลัวสู้ไม่ได้ ก็ถล่มกันด้วยข้อมูลที่ไม่เป็นจริง ให้ชาวบ้านเขาตาลีตาแหกเข้าใจว่าเป็นจริง

เพราะฉะนั้น..บ้านเราจะพัฒนาให้เทียมประเทศอื่น ๆ ได้ยาก เพราะส่วนใหญ่แล้วถือมงคลตื่นข่าว ในเมื่อถือมงคลตื่นข่าว จะเข้าถึงความเป็นพระอริยเจ้าก็เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว อุตส่าห์เห็นเขาแข่งกันแบบสุภาพบุรุษ หาเสียงโดยที่ไม่โจมตีใคร แต่พอยกสุดท้ายดูท่าจะไปไม่รอด ก็กลับไปใช้วิธีเดิม ต้องบอกว่าน่าเสียดาย กลายเป็นขึ้นต้นเป็นลำไม้ไผ่ พอเหลาลงไปเป็นบ้องกัญชาเหมือนเดิม ไม่ได้อะไรดีขึ้นเลย

เถรี
25-12-2013, 16:56
ตั้งแต่ปฏิวัติปี ๒๕๔๙ มาจนป่านนี้ ประเทศเราถดถอยมาตลอด โอกาสที่จะเดินหน้าแทบไม่มีเลย เพราะรัฐธรรมนูญสกัดไว้หมดทุกทาง เนื่องจากคนร่างรัฐธรรมนูญเต็มไปด้วยความอคติ ไม่มีความไว้วางใจในเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน คิดอยู่อย่างเดียวว่า ทุกคนมาต้องโกง ต้องเลว ก็เลยร่างเงื่อนไขที่ไม่สามารถจะแก้ไขได้ แล้วโดยเฉพาะที่ผิดหลักนิติธรรมที่สุดก็คือ ไปเอาความผิดย้อนหลัง

มีกฎหมายประเทศไหนบ้างที่เอาความผิดย้อนหลัง จะเอาที่ไหนมา ตราบใดที่ไม่มีกฎเกณฑ์ก็แปลว่าทำแล้วไม่ผิด มีกฎเกณฑ์เมื่อไรแล้วทำถึงจะผิด แต่นี่เขาเอาความผิดย้อนหลัง ก็แปลว่าหลักนิติธรรมที่ทั่วโลกเขายึดถือมา ประเทศเราไม่ได้ยึดเลย เพราะฉะนั้น..จะให้ประเทศชาติสุขสงบย่อมเป็นไปไม่ได้หรอก เริ่มต้นก็หลงทางแล้ว ก็ดูสิ..ยอมกันไหมนั่น ?

ทั่วโลกไม่มีใครยอมรับเผด็จการ แต่เขากลัวว่าผลพวงของเผด็จการจะสูญหายไป แล้วทุกวันนี้อย่างพวกศาลปกครอง ศาลรัฐธรรมนูญ ก้าวล่วงอำนาจของฝ่ายนิติบัญญัติเห็น ๆ ถูกละ..คุณบอกว่าคุณเอาขึ้นมาถ่วงดุล แต่คราวนี้อย่าลืมว่าผู้แทนประชาชนทั้งประเทศ เขาคัดกรองมาแล้วในรัฐสภา แล้วยังไปคัดกรองซ้ำในวุฒิสภาอีก คนทั้งหมดทั้ง ๕๐๐ - ๖๐๐ คน ช่วยกันพิจารณามา เทียบกับคนแค่ ๓ - ๕ คน ใครจะรอบคอบกว่า ? บอกได้คำเดียวว่าสงสารในหลวง

ถ้าเป็นนิสัยแบบสมัยก่อนของอาตมาก็ฟ้าผ่าตายหมดแล้วพวกนั้น..! เสียดายสมัยนี้ทำไม่ได้ กำลังเย้ว ๆ อยู่ ให้ดำเป็นตอตะโกสัก ๗ - ๘ ศพ ดูสิใครจะนำขบวน นำอีกผ่าอีก พูดแล้วคัน เดี๋ยวทำจริง ๆ แล้วอย่าดันมีใครสวมรอยนะ เดี๋ยวตูซวยเอง..!

ถึงได้ถามว่าปัจจุบันเขาต่อต้านอะไรกัน ต่อต้านพรบ.นิรโทษกรรม อาตมาเห็นด้วย ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ คนทำต้องมีความผิด ถ้าไม่มีความผิดก็ไม่เกิดความเข็ดหลาบ แล้วเดี๋ยวก็ไปทำใหม่ แล้วปัจจุบันเขาต่อต้านอะไรกัน ? ถามดูสิ..มีจุดมุ่งหมายไหม ? ที่เย้ว ๆ อยู่นั่นทำอะไรกัน ล้มทักษิณ ทักษิณอยู่ที่ไหน ? ออกจากประเทศไปตั้งชาติหนึ่งแล้ว แล้วถามว่าโค่นล้มระบอบทักษิณ ระบอบทักษิณหน้าตาเป็นอย่างไร ? มีใครอธิบายให้อาตมาฟังได้บ้าง ?

ถ้าบอกว่าระบอบทักษิณโกงกิน แล้วโรงพัก ๓๙๖ แห่ง เสาโด่เด่นั่นไม่โกงเลยใช่ไหม ? ระบอบทักษิณเผด็จการ แล้วที่เอาทหารมาฆ่าประชาชนเกือบร้อยศพนั่นเรียกว่าอะไร ? สรุปแล้วก็โจรร้องให้จับขโมย แล้วก็ดันมีคนไปเชื่อด้วย ฟังแล้วเครียดเปล่า ๆ

เถรี
25-12-2013, 17:06
ถาม : เอาตอนจบดีกว่าครับ ผลจะเป็นอย่างไร ?
ตอบ : เมื่อเช้าถึงได้บอกว่าให้ทุกคนช่วยกันอุทิศส่วนกุศลให้นายหัวสุเทพ เผื่อแกจะหาบันไดลงได้เจอ ตอนนี้ใกล้เหวไปทุกทีแล้ว ถ้าเขาถอยเสียตั้งแต่ทางรัฐบาลประกาศล้มเลิกการพิจารณาเกี่ยวกับ พรบ.นิรโทษกรรมทุกฉบับ จะเป็นจังหวะที่สวยที่สุด การเลือกตั้งครั้งต่อไปนี่เพื่อไทยหืดจับแน่นอน ดีไม่ดีคะแนนเสียงทั่วประเทศหดไปเกินครึ่ง

แต่คราวนี้นายหัวแกเล่นเลยธง ชาวบ้านเขาเดือดร้อนกันเยอะ เรื่องชาวบ้านเดือดร้อนนี่เขาจำนานนะ เขาจำนานพอ ๆ กับไปหลอกหลอนว่าระบอบทักษิณจะยึดประเทศไทย แต่เขาเห็นแต่เสื้อเหลืองยึดสนามบิน แล้วตอนนี้นายหัวก็ทำให้รถติดทั้งกรุงเทพฯ ปกติถ้าออกจากท่าขนุน ๖ โมงเช้า ไม่เกิน ๑๐ โมงต้องมาถึงที่นี่ วันก่อนอาตมาถึงตอน ๑๑ โมงครึ่ง

ถึงบอกว่าโชคดีที่รัฐบาลนี้เขาไม่ให้ทหารไปจัดการ ส่วนไหนที่เขาทำถูก เราก็ว่าถูก ส่วนไหนที่เขาทำผิด เราก็ว่าผิด แต่ปัจจุบันนี้เขาสามารถพูดขาวเป็นดำ พูดดำเป็นขาว ก็ต้องบอกว่าพลาดกันคนละยก คุณทักษิณประเมินผิด คิดว่าฝ่ายค้านปลุกระดมชาวบ้านไม่ขึ้น ก็เล่นสุดซอยเลย ส่วนคุณสุเทพก็ประเมินผิด ได้คืบจะเอาศอก ตอนนี้หาบันไดลงไม่ได้

คุณทักษิณประเมินผิด แกก็นอนกระดิกเท้าอยู่ดูไบ..จะไปเดือดร้อนอะไร แต่คุณสุเทพประเมินผิดนี่คนจ่ายอ้วก เพราะว่าวันก่อนคนทางทองผาภูมิมาเป็นคันรถ บอกว่าได้ไปคนละพัน แล้วลองนึกดูว่าม็อบ ๑๐,๐๐๐ คน จะรับไปเท่าไร แล้วถ้า ๑๐๐,๐๐๐ คนล่ะ..ใครจ่าย ?

เถรี
25-12-2013, 17:10
ถาม : เขาไปด้วยหัวใจบริสุทธิ์ครับ
ตอบ : มีกี่คน ?

ทุกอย่างมีรายจ่ายหมด ในเมื่อทุกอย่างมีรายจ่าย สำคัญที่สุดคือรายจ่ายของประเทศชาติ การเมืองไม่นิ่ง ชาวต่างชาติก็ไม่มาลงทุน ในเมื่อไม่มาลงทุน เศรษฐกิจก็ไม่โต มีแต่จะถอยหลังไปเรื่อย โลกปัจจุบันไปเร็วมาก เรายืนอยู่กับที่ก็เท่ากับถอยหลังแล้ว

ก่อนหน้านั้นอาตมาว่าพม่าบริหารประเทศภาษาอะไร ปี ๒๕๒๔ ชายแดนด่านเจดีย์สามองค์ เงินไทย ๒ บาท แลกพม่าได้ ๑ จั๊ต ปี ๒๕๕๖ เงินไทย ๑ บาท แลกพม่าได้ ๒๗ จั๊ต แล้วคุณลองคิดดูว่า ปัจจุบันของเราจะถอยหลังไปอีกเท่าไร ไม่ต้องไปคิดถึงสมัยที่ ๑ ดอลลาร์แลกได้แค่ ๒๐ บาท ปัจจุบันนี้รั้งให้อยู่ในระดับไม่เกิน ๓๐ บาทนี่ก็แย่แล้ว

เถรี
25-12-2013, 17:17
ถาม : ต้องวางกำลังใจอย่างไรครับ พระนิพพานก็อยากได้ เงินก็อยากได้ ?
ตอบ : หาเงินก่อน ถ้าตายแล้วไปพระนิพพานไม่ต้องใช้ ทุกคนก็ทำอย่างนั้นกันทั้งนั้นแหละ ถึงบอกว่าทำปัจจุบันของเราให้ดีที่สุด จบแล้วก็จบกัน ต้องบอกว่าเงินเป็นสิ่งสมมติ สร้างขึ้นมาแล้วก็สร้างความเดือดร้อนให้กับเรา

เถรี
25-12-2013, 17:22
ถาม : ถ้าคนรอบตัวติดอยู่กับสมมติอยู่ แล้วเราจะทำอย่างไร ?
ตอบ : เราก็สมมติตามเขาไป เป็นเรื่องปกติ เพียงแต่ว่าคุณอย่าเผลอไปติดในสมมติก็แล้วกัน

ถาม : ถ้าวางกำลังใจแบบนั้น ก็เหมือนกับไร้ใจ ไม่สนอะไรเลย ไม่มีพ่อ ไม่มีแม่ ไม่มีน้อง ไม่มีลูก ไม่มีอะไรสักอย่าง ?
ตอบ : มีหน้าที่ ถ้าคุณทำหน้าที่ของคุณดีที่สุดแล้ว แมวที่ไหนจะตำหนิได้ เราอยู่กับโลกก็ต้องเคารพสมมติทางโลก แต่อย่าไปยึดติดกับโลกก็พอ

ถาม : ยากครับ แค่เห็นลูกเดือดร้อนก็ไม่ไหวแล้ว ?
ตอบ : ไม่ยาก..ก็เกิดอีกไม่กี่ชาติ..!

เถรี
25-12-2013, 17:26
พระอาจารย์กล่าวว่า "ตอนนี้คนได้ยินจราจรเป่านกหวีด จะรู้สึกผวาคิดว่าม็อบมา พัฒนาเร็วนะ จากมือตบมาเป็นตีนตบ คราวนี้มาเป็นนกหวีด ต่อไปไม่รู้ว่าจะเป็นอะไร แต่ว่าอย่างน้อย ๆ ก็ช่วยให้เศรษฐกิจดีขึ้นมาหน่อย ขายนกหวีดได้ ช่วยให้ดีขึ้นมานิดหนึ่ง แต่พาบรรลัยไปเสียเยอะ..!"

ถาม : คนที่ไปร่วมชุมนุมก็มีกรรมสิครับ ?
ตอบ : ก็ต้องดูว่าไปทำอะไรกัน ช่วยกันสุมฟืนใส่ไฟกันไปเรื่อย ถ้าไปด้วยโทสะก็ลงนรก ถ้าไปด้วยโมหะก็ไปเป็นสัตว์เดรัจฉาน

ถาม : แล้วถ้าคนข้างถนน เขาไปด้วยกันเพื่อไปกินฟรีละครับ ?
ตอบ : คุณเป็นคนให้เขากินหรือ ?

ถาม : เปล่าครับ
ตอบ : ก็มองสิ..มีโอกาสเราก็กินบ้าง..!

ถาม : ผมเห็นคนจตุจักรบอกว่า เขาไปเพราะเขาไปกินฟรี ?
ตอบ : เป็นเรื่องปกติ ขอแค่กินข้าวนะ ไม่ขอเงินด้วยนี่นับว่าเกรงใจแล้ว

เถรี
25-12-2013, 17:28
ถาม : ปีหน้าคนเต็มบ้านวิริยบารมีแน่ เพราะรถไฟฟ้ามาถึงแล้ว ?
ตอบ : ไม่แน่ รถไฟฟ้าจริง ๆ ราคาแพงนะ ความพิลึกพิลั่นทุเรศทุรังของบ้านเราอีกอย่างหนึ่งก็คือทางด่วน ยิ่งนานไปยิ่งแพง ของที่ใช้เก่ามีแต่ราคาตกไปเรื่อย แล้วทำไมบ้านเรายิ่งนานไปยิ่งแพง เพราะพวกสัมปทานต่าง ๆ ในบ้านเราเอื้อประโยชน์ อนุญาตให้ทำ แล้วดูสิว่าจะเอาประเทศที่ไหนอยู่ ถึงบอกว่าอยู่ในลักษณะของแม่ปูสอนลูกปู บอกว่าเดินตรง ๆ สิลูก แล้วแม่ก็เดินคดเป็นงูเลื้อยเลย

เถรี
25-12-2013, 17:45
หลังจากที่พระอาจารย์เทศน์สั่งสอน มีโยมทำบุญถวายค่ากัณฑ์เทศน์ ท่านจึงกล่าวว่า "ไม่ได้ต้องการกัณฑ์เทศน์ ต้องการให้เอาสิ่งที่ฟังไปทำ ไม่ใช่ฟังด้วยความปลื้มใจว่ากูรู้เยอะขึ้น ๆ แต่กูก็ไม่เคยเอาไปใช้สักที..!"

เถรี
26-12-2013, 11:50
พระอาจารย์กล่าวว่า "บ้านเราตรรกะวิบัติอย่างไรไม่รู้ พูดง่าย ๆ ว่าอคติ ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์เลย ถึงได้ ๒ มาตรฐานตลอด เราจะเห็นอัจฉริยภาพของพระพุทธเจ้า ที่ว่าความปราศจากอคติ คือไม่ลำเอียงเพราะรัก ไม่ลำเอียงเพราะโกรธ ไม่ลำเอียงเพราะกลัว ไม่ลำเอียงเพราะหลง เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับผู้เป็นใหญ่ ไม่อย่างนั้นแล้วรักษาความยุติธรรมไม่ได้

ไปนึกถึงท่านฮิตเลอร์ หลวงพ่อวัดท่าซุงถามท่านว่า ถ้าท่านลงมาเกิดในยุคปัจจุบันนี้คิดจะทำอะไร ท่านบอกว่า “ตายเกินครึ่ง..!” เราไปดูประเทศจีนว่าขนาดเป็นเผด็จการคอมมิวนิสต์ แต่เมื่อเปิดให้คนสามารถถือครองทรัพย์สินได้ เขาก็กอบโกยกันชนิดไม่คำนึงถึงอะไรทั้งสิ้น จะโดนลงโทษประหารชีวิตไปเท่าไรเขาก็ไม่สนใจ คนที่ตายก็ตายไป คนที่อยู่ก็โกงกินกอบโกยกันต่อไป

เรามานึกถึงสิงคโปร์ ประเทศเล็ก ๆ นิดเดียว ถึงขนาดต้องใช้วิธีเฆี่ยนประจานเพื่อป้องกันพวกฉี่ในลิฟต์ อะไรจะขนาดนั้น แล้วดูอย่างของยุโรปอเมริกา ที่กฎหมายของเขาศักดิ์สิทธิ์กว่าเรา ก็ยังมีคนโกงเป็นปกติ เพียงแต่ว่าโกงแบบแนบเนียนขึ้น จับได้ยากขึ้น โดยเฉพาะประเทศที่เขาถือว่าเป็นอารยะขนาดนั้น บางประเทศเหมือนอย่างกับว่าเขาตั้งใจเปิดธนาคารให้คนฟอกเงินโดยเฉพาะ ก็เลยเห็นว่าของเขาที่ถือว่าเจริญ ก็เป็นต้นแบบ ๒ มาตรฐานเห็น ๆ

กฎหมายมีเอาไว้สำหรับบุคคลที่เกรงกลัว ลักษณะที่มีจิตละอายชั่วกลัวบาป ประกอบด้วยหิริโอตตัปปะ พระพุทธเจ้าถึงตรัสไว้ว่า หิริโอตตัปปะเป็นโลกบาลธรรม คือธรรมในการคุ้มครองรักษาโลก ถ้าคนเรามีหิริโอตตัปปะ เกรงกลัวต่อผลของความชั่ว ไม่กล้าทำความชั่ว ทุกอย่างก็จบ คราวนี้พอขาดหิริโอตตัปปะ ก็ทำทุกอย่าง ก็เลยกลายเป็นว่า มีกฎหมายมาขนาดไหนเขาก็จะทำของเขา"

เถรี
26-12-2013, 11:50
ถาม : ถ้าเราไปแต่ก็ไม่ได้ยินดีกับกิจกรรมทั้งหมดของการชุมนุม จะเป็นการโมทนาบาปไหมคะ ?
ตอบ : อาตมาก็ไม่ได้ออกรบทุกครั้งนะ มีอยู่งานหนึ่งมีหน้าที่ส่งเสบียงเท่านั้น ยังโดนแทบอ้วกเลย ถ้าไม่ยินดีจะไปกับเขาทำไม ? หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอกว่า “นี่แหละ..พวกส่งเสบียง สมน้ำหน้ามัน..!”

เถรี
26-12-2013, 11:59
พระอาจารย์กล่าวสอนว่า "เวลาแม่ชีอยู่กับพระ ให้ถือหลักของพระไว้ว่า "ไม่แน่ใจอย่าทำ" ศีลของพระเขามีว่า ต้องอาบัติเพราะไม่ละอาย ต้องเพราะไม่รู้ ต้องเพราะสงสัยแล้วขืนทำ ต้องเพราะสำคัญว่าควรในของที่ไม่ควร ต้องเพราะสำคัญว่าไม่ควรในของที่ควร ต้องเพราะลืมสติ ฉะนั้น..ให้ถือหลักการนั้น สงสัยก็อย่าไปทำ เอาให้แน่ใจแล้วค่อยทำ ไม่อย่างนั้นพลาดขึ้นมาแล้วได้ไม่คุ้มเสีย

ส่วนใหญ่บุคคลที่อยู่กับพระไประยะหนึ่ง แล้วมักจะเกิดความเคยชิน พอเกิดความเคยชิน คำว่า “ไม่เป็นไร” หรือ “อย่างไรก็ได้” เกิดขึ้น ก็จะลำบากมาก เพราะพาให้เกิดโทษได้ง่าย

พระพุทธเจ้าตรัสกับพระมหากัสสปะว่า ให้เกรงใจในภิกษุทั้งเป็นผู้เก่า ผู้ปานกลาง และผู้ใหม่อย่างแรงกล้า จะดีจะชั่วอย่างไรก็ตาม อย่างน้อยสิ่งที่เขาห่มอยู่ก็คือธงชัยพระอรหันต์ เขาเอาผ้าเหลืองไปห่มต้นโพธิ์ เอาผ้าเหลืองไปห่มตอยังยกมือไหว้ได้ โบราณเขาถึงได้ใช้คำว่า "ชั่วช่างชี ดีช่างสงฆ์" เอาปลอดภัยไว้ก่อน แต่คราวนี้เราอยู่ในเหตุการณ์ บางอย่างถ้าจะเอาอย่างนั้นก็เสียหาย ทำไปแล้วก็ขอขมาพระเสีย"

เถรี
26-12-2013, 12:42
พระอาจารย์กล่าวว่า "ถ้าเราสังเกตเป็น จะเห็นว่าท่านที่สร้างบุญใหญ่มักจะได้ผลตอบแทนเร็วมากเลย อย่างท่านเจ้าคุณธงชัยก็สร้างมณฑปถวายหลวงพ่อทองคำวัดไตรมิตร คราวนี้ว่าหลายท่านก็ไปมองด้านอื่นโดยที่ไม่ได้มองว่าบุญใหญ่ที่ท่านสร้างไว้คืออะไร ไปมองว่ามีเส้นมีสายให้ยุ่งไปหมด หลวงพี่อาจินต์ได้พระครูชั้นเอก แต่ได้ในฐานะที่เป็นธรรมทูตอยู่ต่างประเทศ ได้ในนามของวัดไทยที่เยอรมัน ไม่ใช่ได้ในนามวัดท่าซุง ส่วนใหญ่ระยะหลังเขาจะให้พระธรรมทูตต่างประเทศมาก เพราะว่าไปทำงานใหญ่ให้กับพระศาสนา"

เถรี
27-12-2013, 19:04
ถาม : เมื่อวานมีท่านผู้รู้บอกว่า อันนี้เป็นคาถาพระพุทธเจ้า เราควรที่จะสวด แต่ว่าไม่ทราบว่ามีความหมายว่าอย่างไร สิ่งนี้มี สิ่งนี้จึงมี สิ่งนี้เกิด สิ่งนี้จึงเกิด ?
ตอบ : มาจากบทปฏิจจสมุปบาท แสดงซึ่งความสัมพันธ์ของทุกสิ่งทุกอย่าง ว่าต้องมีเหตุ ผลถึงจะมี ถ้าเราสร้างเหตุอย่างนี้ คือเอาม็อบไปเป่านกหวีด ผลก็คือชาวบ้านเขาเดือดร้อน ถ้าชาวบ้านเขาเดือดร้อนขึ้นมา เวลาเลือกตั้งคะแนนคุณก็จะได้น้อย จะสัมพันธ์กันไปอย่างนี้เรื่อย ๆ ในเมื่อคะแนนคุณได้น้อย คุณก็ไม่ได้เป็นรัฐบาล ก็แปลว่าจะต้องแพ้ต่อไปอีก ๔ ปี..!

แต่คราวนี้พระพุทธเจ้าตรัสว่า เพราะอวิชชา คือความไม่รู้นั้นมีอยู่ จึงเกิดสังขาร การปรุงแต่งขึ้นมา ในเมื่อสังขาร การปรุงแต่งเกิดขึ้น วิญญาณคือความรู้สึกจึงเกิด เมื่อวิญญาณเกิดขึ้น ก็ต้องมีสิ่งที่อาศัยคือนามรูปหมายถึงร่ายกายนี้ ในเมื่อนามรูปเกิดขึ้น ก็จะมีสิ่งที่ช่วยในการสัมผัส เรียกว่า ผัสสะ คือตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ จะไล่ไปเรื่อยจนท้ายสุดก็เกิด แก่ เจ็บ ตาย พระองค์ท่านจึงตรัสว่า ถ้าจะเอาจริง ๆ ก็ต้องตัดตั้งแต่อวิชชา ทุกอย่างก็จะจบ

ถาม : ท่านช่วยให้คำจำกัดความของอวิชชา ?
ตอบ : อวิชชาคือความรู้ไม่ทั่ว รู้ไม่หมด อย่างเช่น ตาเห็นรูปแล้วไปนึกคิดปรุงแต่งทั้ง ๆ ที่รูปนี้เป็นโทษ เราไม่รู้ เราก็เลยไปคิดต่อ อย่างเช่นว่า สวยไม่สวย หล่อไม่หล่อ แล้วก็จะเกิดอาการว่า ชอบใจไม่ชอบใจ ชอบใจเป็นราคะ ไม่ชอบใจเป็นโทสะ กิเลสกินเราทั้งคู่ ฉะนั้น..ถ้าเราสักแต่ว่าเห็น ก็จะทำอันตรายเราไม่ได้ ทุกอย่างก็เหมือนกัน หูได้ยิน จมูกได้กลิ่น ลิ้นได้รส กายสัมผัส เหมือนกันหมด

ถาม : ก็เหมือนกับไม่ได้สอนให้คนรู้จักคิดเป็นขั้นตอน ให้ตัดเลย สักแต่ว่าเห็น ?
ตอบ : ท่านสอนให้คิดเป็นขั้นตอน มีทั้งหมดอยู่ ๑๒ ขั้นตอนจนกระทั่งถึงเกิด แก่ เจ็บ ตายในปัจจุบัน แล้วท่านให้คิดย้อนกลับไปหาต้นว่าจะถึงความดับได้อย่างไร แต่คราวนี้พวกรายละเอียดมีเยอะ อธิบายกันหนังสือเป็นเล่ม ๆ ฉะนั้น..เข้าอินเตอร์เน็ตไปค้นหาคำว่าปฏิจจสมุปบาทจะเจอคำอธิบายเอง

ถาม : พระพุทธเจ้าท่านสอนปฏิจจสมุปปบาท หรือสอนอริยสัจ ๔ ?
ตอบ : ทุกอย่างที่พระพุทธเจ้าท่านสอนขึ้นอยู่กับกำลังใจของคนในตอนนั้น แต่ว่าทั้งหมดท้ายสุดก็คือความสิ้นทุกข์ ก็แปลว่าต้องย้อนกลับมาหาอริยสัจทั้งนั้น เพราะแต่ละคนกำลังใจไม่เท่ากัน สอนเหมือนกันจะรับไม่ไหว คนนี้ความรู้ว่าใกล้จะจบแล้วก็สอนความรู้ระดับปริญญาเอกไป คนนี้เพิ่งจะเริ่มต้นก็ ก.ไก่ ข.ไข่ไป

ถาม : อย่างนั้นขอถามให้ตรง ๆ ว่าอย่างโยมนี่ต้องศึกษาแบบไหนคะ ?
ตอบ : อาตมาไม่ใช่พระพุทธเจ้าจ้ะ เพราะฉะนั้น..ตอบไม่ได้ โยมต้องไปศึกษาเอาเอง ชอบตรงไหนก็ทำตรงนั้น

เถรี
27-12-2013, 20:19
พระอาจารย์กล่าวว่า "คนที่แก่ก็ร่วงโรยไป คนที่กำลังจะเกิดก็โผล่มา วนเวียนไปเรื่อยไม่รู้จบ ถ้าเรามองเห็นแล้วจะรู้สึกว่าน่ากลัว เหมือนคนว่ายน้ำอยู่กลางทะเลไม่เห็นฝั่ง ตะกายไปเรื่อย จมตายแล้วก็โผล่ขึ้นมาใหม่ ตะเกียกตะกายต่อไป รู้สึกเหมือนอยู่ในนรกอย่างไรก็ไม่รู้ เพราะในนรกก็ตาย ๆ ฟื้น ๆ เพียงแต่ในนรกเร็วกว่า ตายไปไม่กี่อึดใจก็ฟื้นแล้ว แต่ในโลกมนุษย์ใช้เวลา ๘ - ๙ เดือน แล้วยังต้องตะเกียกตะกายทุกข์กันทีเป็นหลายสิบปี"

เถรี
27-12-2013, 20:31
ถาม : พระโพธิสัตว์ทำความผิดแล้วยังต้องลงนรกหรือคะ ?
ตอบ : พระโพธิสัตว์ท่านลงนรกเป็นปกติ ขึ้นมาเมื่อไรท่านก็ช่วยเขาต่อ

ถาม : แม้ไม่ได้เจตนาหรือคะ ?
ตอบ : ไม่เจตนาก็ผิดโว้ย..! แต่ของท่านนี่บางทีเจตนาเลย เพื่อความสุขของคนหมู่มากท่านก็ตั้งใจละเมิดศีลเลย เพื่อให้คนอื่นเขาไม่เดือดร้อน อย่างเช่นไปวางระเบิดเวทีม็อบอะไรอย่างนี้..!

ถาม : (ไม่ได้ยิน)
ตอบ : แทบจะไม่ปรากฏ ส่วนใหญ่ท่านละเมิดศีลเพราะคนอื่น คือถ้าในเรื่องของส่วนรวมหรือความเดือดร้อนของบุคคลอื่น เช่น เห็นเขาจะอดตายแต่ตัวเองไม่มีทางอื่นจะช่วยเขา ก็ไปขโมยอาหารมาให้เขาอย่างนี้

เถรี
27-12-2013, 20:44
พระอาจารย์กล่าวกับญาติโยมบางท่านว่า "อะไรที่ทำผิดพลาดไปแล้วให้ลืมเสีย แล้วตั้งหน้าตั้งตาทำความดีใหม่ ถ้ามัวไปคิดอยู่ใจของเราจะหมอง ปุถุชนแปลว่าผู้หนาด้วยกิเลส มีความผิดพลาดเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว โดยเฉพาะบางเวลาไปเจอประเภทคู่เวรคู่กรรม ทำให้พลาดง่ายที่สุด พูดอะไรไม่น่าเชื่อสักหน่อย เราก็ไปเชื่อเขาได้"

เถรี
27-12-2013, 21:06
ถาม : เวลาที่เรารวบรวมสมาธิไม่ได้ หรือตั้งใจปฏิบัติธรรมไม่ได้ดี ทำไมจึงมีความรู้สึกว่าตัวเองขี้ขลาด ไม่กล้าตัดสินใจ ทำนองนั้น ? ?
ตอบ : เกิดจากสัญชาตญาณของมนุษย์ทั่วไป ถ้าไม่กลัวก็เป็นพระอรหันต์สิจ๊ะ ความกลัวเนื่องจากไม่แน่ใจว่าผลของการตัดสินใจจะออกมาอย่างไร โดยเฉพาะส่งผลกระทบต่อตัวเราอย่างไร แล้วผลกระทบนั้นอาจจะทำให้เราเดือดร้อนขนาดไหน ในเมื่อเป็นเช่นนั้นก็เลยไม่กล้าตัดสินใจ

ถาม : คือวิจิกิจฉาใช่ไหมคะ ?
ตอบ : ไม่เรียกว่าวิจิกิจฉาหรอก ต้องบอกว่าเป็นไปโดยสัญชาตญาณการกลัวภัยมากกว่า ตราบใดที่สติ สมาธิ ปัญญายังรวมตัวไม่เข้มข้นพอ ก็จะมีสภาพอย่างนั้นทุกคน เพียงแต่ว่าใครจะมีมากมีน้อยเท่านั้น

เถรี
27-12-2013, 21:10
ถาม : เวลาเจอการกระทบทางโลก กรณีหัวหน้างานด่าลูกน้อง ก็มีปัญหาตามมา เราก็มานั่งนึกว่าพูดไปก็ไม่มีประโยชน์ พอเราฝืนสักพักหนึ่งก็ไม่เถียง พอผลสุดท้ายมานึกว่าเขาพูดไปของเขาอย่างนั้นค่ะ อย่างนี้เรียกว่าหน้าด้านแก้ปัญหาเป็นครั้งคราว หรือถูกแล้ว ?
ตอบ : ถ้าตราบใดสิ่งที่เราพูดยังไม่สามารถส่งผล หรือว่าเป็นอิทธิพลให้เขาเปลี่ยนความคิด เปลี่ยนการกระทำได้ ก็อย่าพูดดีกว่า

ถาม : เราก็ทำหน้าด้านไม่ไปใส่ใจ ?
ตอบ : ได้ยินเหมือนกับไม่ได้ยิน จริง ๆ ก็คือหลักการปฏิบัติธรรมขั้นสูงเลย เพียงแต่ว่าได้ยินเหมือนกับไม่ได้ยินนั่นเกิดจากปัญญา แต่เราเป็นลักษณะเหมือนกับหนีปัญหา ถ้าเราสามารถฟังได้โดยไม่กระทบกระเทือนใจเลย สักแต่ว่าเป็นเสียงผ่านหูไปจะดีที่สุด

เถรี
28-12-2013, 20:53
พระอาจารย์กล่าวกับโยมว่า "เวลาทำบุญอย่างอน เดี๋ยวจะกลายเป็นอสูร อสูรที่ว่าไม่ใช่อสุรกาย เป็นเทวอสุรกาย คืออสุรกายจำพวกเทพ ท่านทำบุญผสมความโกรธ ฉะนั้น..ถ้างอนแบบนี้ก็เสร็จหมด"

ถาม : พวกเล่นการพนัน เขาว่ามีผีพนันสิง จริงหรือเปล่าคะ ?
ตอบ : มีเหมือนกัน แต่ส่วนใหญ่เป็นประเภทแพ้ใจตัวเอง ผีพนันมีจริง ๆ แต่ถ้าผีกิเลสจะห้ามยาก ผีกิเลสอยู่ในใจตัวเอง ต้องถามพระครูแสง สมัยก่อนไปอยู่ที่ซาอุดิอาระเบีย พวกคนไทยที่ไปอยู่ซาอุฯ กว่าจะได้กลับบ้านเป็นปี ๆ เหล้ายาก็ไม่มีกินเพราะเขาห้าม ก็เลยหาทางเล่นการพนันกัน พระครูแสงไม่ชอบเล่นการพนัน แกก็ไปแค่ดู ๆ แต่วันนั้นคันอะไรขึ้นมาไม่รู้ เลยลองหยอดดู ปรากฏว่าพอกลับมาถึงที่พักแล้ว นอนแล้วอยากไปเล่นอีก แกก็แปลกใจว่าทำไม เพราะไม่เคยเป็นอย่างนี้ ก็เลยนั่งกรรมฐาน

ด้วยความที่เคยฝึกมโนมยิทธิมา พอนั่งกรรมฐานก็เห็นผียืดออกมาจากผนังครึ่งตัว มาลากแกไปเล่นต่อ แกเลยถามว่าเป็นใคร ? มาจากไหน ? ผีก็เลยเล่าให้ฟังว่าเจ้ามือผูกแกไว้ใช้งาน ถ้าใครไปเล่นแล้วต้องมาลากไปเล่นใหม่ ทางด้านมาเก๊า ฮ่องกง บ่อนต่าง ๆ จะจ้างพวกหมอผี พอถึงเวลามีคนเสียพนันจนหาทางออกไม่ได้ แล้วฆ่าตัวตาย เขาจะไปขอญาติว่าขอจัดงานศพให้ ญาติเห็นว่าเป็นประเภทผีพนันเขาไม่รักอยู่แล้ว พอมีคนจัดงานศพให้ ตัวเองไม่เสียเงิน ก็รีบอนุญาตให้เขา

ปรากฏว่าเขาเอาหมอผีไปผูกวิญญาณไว้ เพื่อเอาไว้พาคนเข้าบ่อน จัดงานศพให้ก็จริง แต่คนตายคงทุกข์ทรมานอีกนาน ต้องทำงานให้เขาจนกว่าจะพอใจ ฉะนั้น..ใครเข้าบ่อนแล้วมีปัญหา โปรดทราบ เขาเล่นกันอย่างนี้ทั้งนั้น เมื่ออาทิตย์ก่อน สามีของวรรณอยากเข้าบ่อนเขมรไปดู ศึกษาว่าเป็นอย่างไร คราวนี้ตัวเองไม่มีพาสปอร์ต แต่วรรณเดินทางเข้าออกไทยเขมรเป็นปกติ เพราะเป็นหลานพี่วิไล วรรณก็เลยต้องเข้าไปเพื่อบรรยายให้สามีฟังว่าบ่อนหน้าตาเป็นอย่างไร ปรากฏว่าเข้าไปแล้วรู้สึกทันทีว่ามึนไปหมด แล้วก็อยากจะเล่นแต่การพนัน ก็เลยอาราธนายันต์เกราะเพชร ...(หัวเราะ)... เออ..สติยังดีอยู่

คราวนี้พอเข้าไปแล้วไม่มีอาการผิดปกติ พวกที่ดูแลบ่อนอยู่คงจะดูออก เลยมาเดินวนอยู่ ๓ รอบ ๔ รอบ ๕ รอบ ว่าคนนี้มีอะไรดี เขาถึงทำอะไรไม่ได้ ปรากฏว่าวรรณใส่เสื้อยืดของสามีไป มีหนังสือ Rayal Thai Army พวกนั้นเลยไม่กล้ายุ่ง สามีของวรรณเป็นทหารอยู่กรมสรรพาวุธ พวกนั้นเห็นตราทหารไทยก็เลยถอย

อบายมุขแปลว่าปากทางแห่งความเสื่อม ปากทางแห่งอบายภูมิ ถ้าเศร้าหมองมาก ๆ ก็ลงอบายภูมิเลย พระพุทธเจ้าตรัสว่า เล่นการพนัน เที่ยวกลางคืน เป็นนักเลงเหล้า นักเลงผู้หญิง แม้กระทั่งขี้เกียจทำงาน ก็เป็นอบายมุขทั้งหมด ขี้เกียจทำงานประเภทเกาะเขากินไปวัน ๆ จะมีคนเลี้ยงสักกี่คน เดี๋ยวก็ทะเลาะเบาะแว้งกัน กำลังใจก็ตกต่ำลงไปเรื่อย ๆ

อบายเป็นทางเสื่อม ทางต่ำ สมัยก่อนมีหนังเรื่องเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ ที่เกี่ยวกับการพนันโดยเฉพาะเลย พวกนั้นเล่นกันด้วยฝีมือ แต่ส่วนใหญ่แล้วใช้วิธีไสยศาสตร์ดึงคนเข้าไป สมัยเขาทรายไปต่อยมวยที่อินโดนิเซียก็โดนไสยศาสตร์ เขาบอกว่าต่อยไปแล้วเห็นคู่ต่อสู้เป็น ๓ คน ๔ คน แล้วจะต่อยคนไหนล่ะ ? พอหมดยกบอกพี่เลี้ยง พี่เลี้ยงตะโกนบอกผู้จัดการ คุณแชแม้ (นิวัฒน์ เหล่าสุวรรณวัฒน์) รีบเอาพระสมเด็จวัดระฆังที่แขวนคออยู่ ทำน้ำมนต์ราดหัวให้ ถึงได้สติคืนมา

เถรี
28-12-2013, 20:57
ไสยศาสตร์มีมาแต่ดั้งแต่เดิม คนเราก่อนที่จะรู้จักศาสนา ต้องพัวพันกับไสยศาสตร์มาก่อนทั้งนั้น เราจะเห็นได้ว่าไม่ว่าเผ่าไหนพันธุ์ไหนก็ตาม ท้ายสุดก็จะมีผู้นำทางจิตวิญญาณอยู่คนหนึ่ง ซึ่งส่วนใหญ่ก็คือหมอผี พวกนี้ต้องบอกว่า born to be เกิดมาแล้วก็รู้เห็นพวกนี้ อย่างที่อาตมาไปลองของกับหมอผีกะเหรี่ยง แค่อยากรู้ว่าเวลาผีมาแล้วจะเป็นอย่างไร พอไปอยู่ในพิธีผีไม่เข้ามา ไปยืนหัวค้ำภูเขาอยู่ข้างนอก หมอผีกะเหรี่ยงเขาไม่เริ่มพิธีสักที เพราะผียังไม่เข้ามา ก็แสดงว่าพวกเขารู้เห็นกันทุกคน

ในเมื่อรู้เห็นกันทุกคน ก็เหมือนคนปกติทั่วไป พอผีไม่เข้ามาก็ทำพิธีไม่ได้ ท้ายสุดอาตมาต้องถอนสมอ ปรากฏว่าพอถอยออกไป ผีลงแล้วอาละวาด เมื่อก่อนผีไม่เคยอาละวาด เพราะปกติมาก็ลงได้เลย พอผีมาอาละวาด เจดีย์ไม้ไผ่ที่ปัก ๆ ไว้ ร่างทรงเอาแขนกวาดหักหมดเลย ไม้ไผ่นะ เอาแขนเปล่า ๆ กวาดหักหมดเลย อาตมาก็ว่าไอ้ห่..นี่ซ่ามาก ต้องเล่นสักหน่อย แอบเล่นไม่ให้หมอผีรู้ ว่าคาถาสะกด เอาหัวแม่เท้าจิกดินไว้ เขามีเคล็ดลับที่ตรงนั้น

ผีอาละวาดสุดชีวิตเลย จะออกก็ออกไม่ได้ ปรากฏว่าเกือบชั่วโมง อาตมาเองก็เหงื่อไหลท่วมตัวเลย กูจะเสร็จมันไหมนี่ ? ปรากฏว่าผีหมดสภาพก่อน..ยอมกราบ ท้ายสุดก็ลงมากราบ ถ้าต่อได้อีก ๑๕ นาที อาตมาเสร็จก่อนแน่ ลองกับพวกนี้ไม่ได้หรอก หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอกเสมอว่า อย่าอวดดีกับผี อย่าลองดีกับพระ เพราะเขาไม่ต้องพัก แต่พวกเราต้องพัก ตอนพักนี่แหละที่จะเสร็จเขา

อาตมาตั้งใจแกล้งเฉย ๆ ไม่ได้จะไปเฉ่งใครโดยตรง ใครจะไปนึกว่าสะกดแทบไม่อยู่ กลั้นใจว่าแล้วเอาหัวแม่เท้าจิกดินไว้ อย่ายกขาขึ้นจนกว่าเราคิดจะปล่อย ถ้ายกหัวแม่เท้าขึ้นเมื่อไรก็หลุด เท่าที่ศึกษามาที่ขำที่สุดคือคาถาไสยศาสตร์ เป็นหัวใจพระธรรมทั้งนั้น ส่วนใหญ่เอาจากพระไตรปิฎก แปลกดีนะ...เอาศาสนาพุทธไปเล่นเรื่องผีได้

เถรี
28-12-2013, 21:03
พวกเจ้าพ่อเจ้าปู่ทั้งหลายส่วนใหญ่ถ้าไม่ใช่มหิทธิกาเปรต ก็จะเป็นกาลกัญจิกอสุรกาย แล้วก็จะมีพวกกระจิ๊บกระจ๊อยเป็นบริวาร อาตมาไปที่หาดใหญ่ พอดีตรงกับช่วงกินเจ เขาก็มีแห่เจ้า น่าจะชื่อหมู่บ้านจันทร์วิโรจน์กระมัง ? เขามีศาลเจ้าแม่กวนอิมอยู่ ปรากฏว่านอกจากแห่เจ้าแม่กวนอิมแล้ว ยังมีเจ้าพ่อเสือ มีกวนอู มีนาจา ขบวนรถเป็น ๑๐ คัน อาตมาก็ไปยืนดูว่าเขาจะลงทรงอย่างไร ยืนดูอยู่ครึ่งค่อนชั่วโมงก็ไม่ทรงสักที อาตมาก็คิดว่า "เมื่อไรจะทรงวะ ? ร้อนจะตายชัก จะ ๑๐ โมงอยู่แล้ว ตูไม่รอแล้ว.."

ท้ายสุดก็เลยตั้งใจกำหนดใจดู ปรากฏว่าเห็นเจ้าที่ยืนอยู่ไม่ไกล ก็ถามว่าเมื่อไรจะลงทรงสักที ? เจ้าที่ก็บอกว่า "พวกเขาเกรงใจท่านครับ" เลยบอกเจ้าที่ว่า "ช่วยบอกเขาว่าลง ๆ สักทีอยากดู.." โอ้โห..คราวนี้ลงกันเป็นสิบเลย ลงกันใหญ่ ปรากฏว่าดันไปลงเจ้าของหมู่บ้านเองด้วย พออนุญาตให้ลง เลยลงกันฉิบหายวายป่วง คราวนี้ร่างทรงเจ้าแม่กวนอิมรู้เข้าว่าคนนี้คุมขบวน ไปลงเข้าแล้วใครจะคุม ? ก็เลยไปขอร้องให้ออกแล้วลงคนอื่นแทน แต่เขาแทงปากไปแล้ว เหล็กตั้ง ๓ - ๔ อัน ร่างทรงแกดึงออก เอาผ้ายันต์จีนรูดปื๊ดเดียวแผลหายหมดเลย ไม่มีเหลืออะไรเลย เออ..เข้าท่าดี ไม่ต้องเสียเวลาเย็บ ไม่ต้องเสียค่าทำแผล

เลยตั้งใจถามเทวดาว่าทำไมมีแต่พวกนี้ ? ส่วนใหญ่เป็นผีทั่ว ๆ ไป ท่านบอกว่า จริง ๆ แล้วมีท่านคุมขบวนคนเดียวก็พอ ลักษณะมาโดยถือรับสั่ง คือเจ้าแม่ท่านอนุญาต ก็มาโดยถือรับสั่ง มาแล้วพวกนี้แสดงให้คนเห็นแล้วศรัทธา จัดเป็นอนุสติอย่างหนึ่ง ก็เลยอนุญาตให้ลงได้ ไม่อย่างนั้นไม่ได้ลงหรอก เพราะเทวดาก็อยู่ตรงนั้น อาตมาถึงได้เข้าใจว่าเป็นอย่างนี้เอง ปรากฏว่าไปดู ๆ ในขบวนแห่แล้วก็ขำ มีเจ้าแม่กวนอิมไม่พอ มีตั่วเหล่าเอี้ย (เจ้าพ่อเสือ) ด้วย ตั่วเหล่าเอี้ยคือพระอินทร์ เวรแล้วกู มิน่าล่ะ..ถึงไม่กล้าลง อาตมาเป็นเด็กเส้นใหญ่ เป็นลูกเป็นหลานท่าน ไปแล้วใครจะไปกล้าลง

ส่วนใหญ่ก็เป็นพวกสัมภเวสี เปรต อสุรกาย พวกนี้ก็อาศัยบารมี อย่างบางทีเจ้าพ่อเจ้าแม่ท่านไม่ได้ทำอะไรเราหรอก ท่านเป็นเทวดา แต่ว่าพวกบริวารโกรธ จึงเล่นแทน อย่างบางคนไปดูถูกเหยียดหยามไม่ให้ความเคารพท่าน พวกนี้ลงมือแทน ศาลไหนที่เซ่นด้วยเหล้า พวกนี้จัดการแทนหมด เทวดาเขาไม่ยุ่งกับเหล้าหรอก แต่นี่เจ้าที่มาคุมขบวนไม่ให้แตกแถว เวลาไปเจอพวกนี้ บางทีของบางอย่างที่เราไม่รู้ก็จะได้รู้

เถรี
28-12-2013, 21:07
พระอาจารย์กล่าวว่า "คนดีจริง ๆ ยังไม่มีอำนาจ ถ้าคนดีจริงมีอำนาจ ผู้นำไม่เอาเสียอย่าง หัวไม่ส่าย หางก็กระดิกไม่ได้ ดูอย่างตำรวจยุคปัจจุบัน ผบ.อดุลย์แกเฉ่งจริง ๆ ประเภทย้ายยกโรงพัก ถ้าเป็นอาตมาโดนหนักกว่านั้นอีก ตูให้ออกไว้ก่อน แต่แกก็ให้ออกเป็นชุดเลยนะ ถ้าโดนอย่างนั้นเขาจะกลัวกัน อีกอย่างหนึ่งที่อยากได้คือเรื่องของตำรวจ ขอให้อยู่ในพื้นที่ของตัวเอง อย่างเช่นว่าให้สิทธิ์ผู้บังคับการณ์จังหวัดแต่ละจังหวัด รับสมัครตำรวจเลย เอาเฉพาะคนในจังหวัดนั้น ถ้าผิดพลาดอะไรก็ปลดออกไปเลย แล้วก็ฝึกคนใหม่ ปลดออกไปแล้วฝึกคนใหม่ เอาพวกจบปริญญาตรีนิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ หรือรัฐประศาสนศาสตร์ก็ได้ เอามาแล้วมาฝึกแบบธรรมเนียมของตำรวจ แล้วบรรจุเข้าไป เขาเป็นคนพื้นที่ รู้ทางหนีทีไล่ดี โจรขโมยที่ไหนก็เล่นยาก โดยเฉพาะว่าอยู่ในพื้นที่ตัวเองนาน ๆ ไปก็รู้ซอกรู้มุมทะลุปรุโปร่งหมด

ประเภทอยู่ ๓ เดือน ๖ เดือน ยังไม่ทันจะเดินทั่วเลย โดนย้ายอีกแล้ว งานก็ไม่สามารถที่จะอยู่ในลักษณะป้องปรามได้ ป้องปรามคือกันไม่ให้เรื่องเกิด เคยได้ยินเซียนพระท่านหนึ่ง ท่านบอกว่าแขวนสมเด็จวัดระฆังมา ๔๐ ปี ไม่เคยเจอปาฏิหาริย์อะไรเลย นี่แหละคือสุดยอดปาฏิหาริย์ คือแขวนแล้วไม่เจอเหตุร้ายอะไรให้ตัวเองต้องรู้ว่าบารมีพระเป็นอย่างไร บอกว่านี่แหละคือสุดยอดปาฏิหาริย์แล้ว ก็ลักษณะเดียวกับป้องปราม ก็คือกันไม่ให้เหตุเกิด เก่งกว่าไปปราบ

แต่คราวนี้บ้านเราคงอีกนาน แต่ถ้าได้หัวก้าวหน้าอย่าง ผบ.เพรียวพันธ์ ผบ.อดุลย์ ต่อไปตำรวจจะดีขึ้นเยอะ อย่าง ผบ.เพรียวพันธ์ ก่อนที่จะเกษียณครึ่งปี ท่านยกงานให้ ผบ.อดุลย์ทำไปเลย จะจัดคนย้ายคนอย่างไร ทำไปเลย ท่านมีหน้าที่เซ็นรับทราบอย่างเดียว ที่นี้พอลูกน้องมาเห็น อ้าว..คนนี้แน่นอนแล้วว่าจะเป็น ผบ.ตร. คนก็แห่ไปทางด้านโน้น ไม่ต้องมากั๊ก กลัวว่าเจ้านายเก่าจะเหม็นขี้หน้า ท่านยกให้ทำงานก่อนครึ่งปีเลย ก่อนเกษียณ

ก็ถือว่าเป็นความคิดของอาตมา ที่ว่าอยากให้คนในพื้นที่ได้รับใช้คนในพื้นที่ของตัวเอง ให้เขาค่อย ๆ โตในพื้นที่ตัวเอง โดยเฉพาะว่าถ้าผิดเองก็ให้ออก ไล่ออก ปลดออกไปเลย เขาก็จะกลัว ไม่กล้าทำผิดเอง เพราะว่าหมดอนาคต ถ้าชื่อติดตัวแดงก็เรียบร้อย ไม่ต้องทำมาหากินเลย"

เถรี
29-12-2013, 21:09
ถาม : พระในภาคตะวันออก เช่น ระยอง ชลบุรี ที่เป็นลูกศิษย์สายหลวงพ่อวัดท่าซุง ?
ตอบ : มีที่จันทบุรีเลย ก็คือ หลวงพ่อมนัส ตอนนี้ท่านย้ายไปสำนักฝึกกรรมฐานฟื้นฟูจิตเขาแหลม ก่อนหน้านี้ท่านอยู่ที่ทุ่งจันดำ แล้วย้ายไปคลองเกวียนลอย เพราะคนไปรบกวนเยอะ ท่านก็หนีลึกเข้าไปเรื่อย ๆ คนก็ตามยันเตเลย ส่วนแถว ๆ ระยอง ชลบุรี ไม่ได้ยินว่ามี

ถาม : วัดทรงเมตตาวนาราม ?
ตอบ : หลวงพ่อบุญส่งก็ไม่ได้ถือว่ามาจากสายหลวงพ่อหรอก ท่านมีความเคารพในด้านของหลวงพ่ออยู่ ส่วนครูบาสันยาสี อาตมาไม่เคยเจอหน้าเลย แต่เขาบอกว่าเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อเหมือนกัน

ถาม : เจอครูบาบุญชุ่มตั้งแต่เมื่อไร ?
ตอบ : เจอมาตั้งแต่ก่อนบวช เจอตั้งแต่ท่านยังเป็นเณร เจอหน้ากันทีไรท่านเรียกหลวงพี่จ่อย คำว่าจ่อยภาคเหนือแปลว่าเล็ก ท่านบวชอยู่กับหลวงปู่ครูบาชุ่ม พอสิ้นหลวงปู่ครูบาชุ่มก็มาอยู่กับหลวงปู่ครูบาธรรมชัย คราวนี้ทางด้านเหนือจะเคารพพระที่บวชตั้งแต่เป็นเณรเพราะถือว่าบริสุทธิ์ ท่านเองปฏิปทาการปฏิบัติเคร่งครัดอยู่แล้ว คนก็นับถือศรัทธามาก คนขึ้นมากขึ้นทุกที ๆ จนเป็นพันเป็นหมื่น ทหารพม่าก็เลยไล่ท่านออกมา ไม่ให้อยู่ที่เมืองพง เพราะพวกพม่ากลัวว่าจะพาคนไปประท้วงรัฐบาล ถ้าพระรูปไหนมีลูกศิษย์ลูกหามาก โดนพวกทหารพม่าเล่นงานหมด เขาระแวงว่าจะพาไปประท้วงรัฐบาล ก็น่าระแวงอยู่หรอก บ้านเราพระยังไปนำม็อบเลย..!

เถรี
29-12-2013, 21:20
พระอาจารย์เล่าว่า "ตอนนี้ที่วัดมีกระรอกบินพิการอยู่หนึ่งตัว อาทิตย์ก่อนทำวัตรเย็นเสร็จ จะไปทำวัตรรอบที่สอง แม่ชีบอกว่ากระรอกตกจากต้นไม้ลงมา สงสัยจะกัดกันเอง คงโดนกัดที่หลังจนเป็นอัมพาต เลยไปเก็บเอาไว้ ทิ้งอาหารให้เขากิน รุ่งเช้าเขามาเกาะขอบลัง พยายามตะกายออกมา ใช้ ๒ ขาหน้าลากไป อาตมาสงสารเลยช่วยจับ ปรากฏว่าโดนเขากัดซะนี่ คือเขาบาดเจ็บเลยหงุดหงิด เลยกัดเอา ตอนนี้แม่ชีเคิ่ลเลี้ยงอยู่ เขากัดขาตัวเองทิ้ง เพราะพิการใช้งานไม่ได้ คงคิดว่าติดกับอะไรสักอย่าง เลยกัดทิ้ง..!

พวกสัตว์เขาตัดสินใจเด็ดขาดมาก อย่างพวกเสือเวลาติดกับจะกัดขาตัวเองทิ้งเลย จะได้ไปต่อได้ ถ้าใจคอเราเด็ดขาดแบบนั้น ปฏิบัติธรรมได้ผลแน่ แต่ส่วนใหญ่แล้วเด็ดขาดไม่พอ"

เถรี
29-12-2013, 21:38
ถาม : พระอรหันต์โดนหลอก แล้วท่านไม่รู้ว่าโดนหลอก สามารถเป็นไปได้ไหมคะ ?
ตอบ : แล้วใครไปยืนยันว่าท่านเป็นพระอรหันต์ ?

ถาม : มีอาจารย์รูปหนึ่งท่านยืนยัน ?
ตอบ : จำไว้ว่าการพยากรณ์บุคคลเป็นพระอรหันต์ เป็นหน้าที่ของพระพุทธเจ้าเท่านั้น เอาเป็นว่าถ้าใครหลอกพระอรหันต์ กรรมก็เป็นของคนนั้น

ถาม : อย่างกรณีท่านเอาจุด ๆ นั้นมาบอกต่อ ?
ตอบ : สำหรับพระอรหันต์ในเรื่องของการรู้ธรรมจะไม่มีพลาด เพราะฉะนั้น..ไม่มีใครหลอกท่านได้ในเรื่องนี้ เรื่องธรรมะไม่มีใครหลอกท่านได้ ท่านรู้จบแล้ว มีแต่ท่านจะหลอกเรา ...(หัวเราะ)...

อ่านในพระไตรปิฎกแล้วชอบใจอยู่อย่างหนึ่ง ก็คือว่าสมัยนั้นคนที่มีความสามารถ เขาก็มักจะว่าเป็นพระอรหันต์ คราวนี้พระพุทธเจ้าก็ถามว่า "ใคร ๆ ว่าท่านเป็นพระอรหันต์ ท่านรู้หรือเปล่าว่าปฏิปทาของการเป็นพระอรหันต์คืออะไร ?" ท่านก็ตอบไม่ได้ "วิธีการที่จะทำให้รัก โลภ โกรธ หลง หมดไปทำอย่างไร ?" ท่านก็ตอบไม่ได้ พระพุทธเจ้าท่านถึงบอกว่า "แล้วท่านพยากรณ์ตัวเองว่าเป็นพระอรหันต์ได้อย่างไร ?" คราวนี้ยิ่งใบ้รับประทานกันไปใหญ่

ในเรื่องนี้ต้องให้ผู้ที่หน้าที่พยากรณ์ คือพระพุทธเจ้าบอกเท่านั้น ถ้าใครว่าอย่างไร เราก็แค่รับฟังไว้ด้วยความเคารพ ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวโดนหลอก

ถาม : อย่างที่ท่านพูด ท่านโดนคนรอบข้างหลอก ?
ตอบ :เราก็อย่าไปเอาเรื่องทางโลกสิ เราก็เอาเรื่องทางธรรม ท่านสอนให้เราปฏิบัติอย่างไร เราก็เอาอย่างนั้น เรื่องทางโลกท่านอาจจะพลาดได้ เพราะว่าพระไม่ได้ข้องกับโลกอยู่แล้ว เอาหลักธรรมของท่านมาปฏิบัติก็พอ อย่างอื่นทิ้ง ๆ ไปบ้าง อย่าแบกโลกไว้ แบกแล้วก็หนัก

เถรี
29-12-2013, 21:45
ถาม : บนสวรรค์มีการบวชหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ยังไม่เคยเจอ

ถาม : ผมคิดว่า พระอรหันต์....
ตอบ :คุณจะบวชพระให้เป็นพระแบบไหน ? ถามหน่อย..ถ้าท่านที่เป็นพระอริยเจ้าแล้ว ใครจะไปบวชท่านได้ บวชหรือไม่บวช ท่านเป็นอยู่แล้ว

ถาม : ผมคิดว่าท่านที่เป็นเทวดา แล้วใครเป็นอุปัชฌาย์
ตอบ : เทวดาเขาไม่เสียเวลามาบวชหรอก ท่านเป็นเทวดาอยู่ ศีล ๒๒๗ ข้อ ถ้าท่านคิดจะรักษา ท่านรักษาได้ยิ่งกว่าเราอีก เพราะว่าจิตที่เกลือกกลั้วกับรัก โลภ โกรธ หลงมีน้อยกว่าเรา ท่านก็ปฏิบัติตามกติกาไปเลย ไม่ต้องเสียเวลาบวช ต้องบอกว่าเทวดา ความดีท่านสูงกว่าเราเยอะ และจำนวนมากมหาศาลเลยที่ความดีสูงกว่าอาตมาด้วย จนบัดนี้ก็อาศัยความดีท่านสงเคราะห์ให้ ถ้าลำพังอาตมาเองก็เจ๊งไปนานแล้ว

เถรี
04-01-2014, 13:09
ถาม : ปกติพระจะมีการปลงอาบัติตลอด ถ้าเกิดวันนั้นท่านผิดอาบัติ แล้วไม่ทันปลงอาบัติแต่มรณภาพไปก่อน เศษกรรมจะมีผลต่อท่านไหมครับ ?
ตอบ : ต้องดูว่าใจท่านก่อนมรณภาพเกาะอะไร ถ้าใจเกาะความดี และไม่ใช่อาบัติหนักจริง ๆ กรรมนั้นก็เอาท่านไม่อยู่ แต่กรณีของเอรกปัตตนาคราช เกิดจากใจท่านเศร้าหมองอยู่ตลอดเวลา ว่าท่านไม่ได้ปลงอาบัติ เพราะไปจำพรรษาอยู่คนเดียว

ตอนนั้นเอรกปัตตนาคราชไปเล่นน้ำแล้วไปถอนต้นตะไคร้น้ำ ตะไคร้น้ำเป็นต้นหญ้าสูงท่วมหัว ลักษณะเหมือนกอกก พอไปทำต้นตะไคร้น้ำหลุด ไม่ได้ปลงอาบัติเพราะอยู่คนเดียว ในใจก็มัวแต่กังวลอยู่ ตอนตายใจอยู่ในสภาพที่กังวลอยู่ ถือศีลภาวนามา ๒ หมื่นปีกลายเป็นพญานาค ไม่อย่างนั้นอย่างน้อยก็น่าจะไปเป็นเทวดาหรือพรหม

เถรี
04-01-2014, 13:11
พระอาจารย์เล่าว่า "เมื่อวานโยมมาขอให้ลงแผ่นทอง ว่าจะไปสร้างหลวงพ่อพระมหามุนี ไปสร้างที่พม่าแล้วก็ยกกลับมาเมืองไทย ทำเรื่องให้ยุ่งอีก ถามท่านว่าทำไมต้องไปสร้างที่พม่าแล้วยกกลับไทย ? ไม่สร้างที่ไทยเลยจะได้ไม่ยุ่งยาก ท่านให้เหตุผลว่า อยากให้คนไทยที่ไปตายอยู่ที่นั่นได้โมทนา แหม..ผีที่ตายไม่ได้อยู่ตรงนั้น อยู่ที่ไหนนึกถึงเขาก็รีบโมทนา ในเมื่อท่านทำเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยากได้ก็เอา ไม่ว่ากัน ถ้าทำได้ก็สร้างคุณมหาศาลกับพุทธศาสนา"

เถรี
04-01-2014, 13:14
ถาม : พระเจ้าอโศกฯ ?
ตอบ : ไม่ต้องห่วงท่านหรอก ท่านไปพระนิพพานแล้ว เหลือแต่พวกเรานี่แหละ มีพระเจ้าอชาติศัตรูที่ลงข้างล่าง โทษที่ฆ่าพ่อทำให้ฟังพระพุทธเจ้าเทศน์แล้ว ไม่สามารถเข้าถึงธรรมได้ เพราะอนันตริยกรรมปิดหมด แต่ว่าท่านเองช่วยอุปถัมภ์ค้ำจุนพระศาสนา ถึงขนาดอุปถัมภ์การสังคายนาพระไตรปิฎกครั้งแรก ท่านก็เลยลงแค่สัญชีพนรก ไม่ต้องลงอเวจี แต่..แค่นั้นก็สาหัสแล้ว

เถรี
04-01-2014, 13:15
ถาม : ถ้าพระอยู่องค์เดียว โดนอาบัติแล้วจะแก้อย่างไร ?
ตอบ : วิธีแก้คืออย่าให้โดน

ถาม : บอกบริสุทธิ์ใช้ตอนไหนครับ ?
ตอบ : ลงโบสถ์ อยู่ไม่ถึง ๔ รูป ไม่สามารถสวดปาฏิโมกข์ได้ ให้บอกบริสุทธิ์ ถ้าอยู่รูปเดียวให้อธิษฐานอุโบสถ

เถรี
04-01-2014, 13:29
ถาม : การรู้ทุกข์ เราต้องรู้ว่าเป็นอย่างไร แต่ทำไมเราถึงไม่สำเร็จเป็นพระอริยเจ้า แสดงว่ารู้ของเรากับรู้ของพระอริยเจ้าต่างกันหรือครับ ?
ตอบ : คุณรู้แค่สัญญา แล้วคุณรู้ไหมว่าทุกข์เกิดจากอะไร ? เราต้องรู้ว่าทุกข์เกิดจากอะไร แล้วยังไม่พอ ยังต้องไม่สร้างเหตุนั้นด้วย คราวนี้สติเรายังไม่สมบูรณ์ พอถึงเวลาเราไปสร้างเหตุอีกก็จะทุกข์ไปเรื่อย ๆ ท่านบอกว่าทุกข์ เมื่อปริญญาคือกำหนดรู้รอบแล้ว ก็ให้ปหานะ คือละเสียหรือว่าฆ่าให้ตาย ของเราตอนนี้ปริญญายังรู้ไม่รอบเลย ไม่ต้องไปพูดถึงปหานะ เลยกลายเป็นว่าเรารู้แล้วแต่ทำไมยังทุกข์อยู่

ถาม : รู้รอบนี่พระโสดาบัน พระสกิทาคา พระอนาคามี รู้เหมือนกันไหมครับ ?
ตอบ : รู้เหมือนกันแต่ความละเอียดไม่เท่ากัน แต่ว่าท่านสามารถละได้ตามกำลังของตน ละได้มากหน่อยก็เป็นพระอริยเจ้าขั้นสูงกว่า ละได้น้อยก็เป็นขั้นต่ำกว่า

เถรี
04-01-2014, 15:35
พระอาจารย์กล่าวว่า "ให้ทุกคนจำไว้ขึ้นใจเลยว่า อารยะขัดขืนอะไรก็ตามเขาไม่ทำผิดกฎหมายหรอก ถ้าทำผิดกฏหมายไป อารยะขัดขืนอย่างไรก็หาเรื่องซวย ฉะนั้น..การบุกรุกสถานที่ราชการ ขัดขวางการปฏิบัติงานของเขา ซวยจริง ๆ นะ..จะบอกให้ เพราะข้าราชการเขาจัดเป็นเจ้าหน้าที่พนักงาน ถือว่าขัดขวางการทำหน้าที่ของเจ้าพนักงาน ถ้าเป็นเจ้าหน้าที่สักกรมหนึ่ง นับคดีรายหัวนี่ตายเลยนะ"

เถรี
04-01-2014, 15:55
ถาม : เรารู้ว่าการเกิดเป็นทุกข์ เราไม่ต้องการเกิด เราต้องการไปพระนิพพาน ถือว่าเป็นการรู้ที่ถูกต้องไหมครับ ?
ตอบ : เป็นแค่การอธิษฐานคือความตั้งใจเท่านั้น ยกเว้นอย่างเดียวว่าเห็นโทษของการเกิดจริง ๆ จนกระทั่งหมดความอยากไปเลย พอหมดความอยากก็แค่รู้เฉย ๆ

ถาม : จะเป็นหมดความอยากตามแต่ละเหตุการณ์ไปครับ ?
ตอบ : ถ้าอย่างนั้นก็ห่างไกล ต้องหมดอยากทุกเรื่อง คราวนี้เรายังแค่รู้เฉย ๆ ทุกข์ยังอยู่เป็นปกติ ก็อยู่ที่ว่าเรามีปัญญาพอไหมที่จะทิ้งเหตุของทุกข์นั้นเสีย ?

ถาม : แล้วพระโสดาบันรู้เหตุของทุกข์ทุกอย่างเลยไหมครับ ?
ตอบ : ของท่านต่อให้รู้ กำลังก็ละได้แค่นั้น เพราะว่าศีล สมาธิ ปัญญา มี ๓ ระดับ ของพระโสดาบันส่วนใหญ่เน้นที่ศีล พระอนาคามีเน้นที่สมาธิ ทุกส่วนจะมีศีล สมาธิ ปัญญา อยู่แล้ว แต่เน้นหนักที่ตรงไหน ถ้าสมาธิน้อย ปัญญาน้อย กำลังในการตัดได้น้อย ก็เป็นพระโสดาบันเพราะท่านเน้นที่ศีล ศีลดี สมาธิดี ปัญญายังไม่เพียงพอก็เป็นพระอนาคามี ถ้าศีลดี สมาธิดี ปัญญาในการตัดดี ละได้หมดจริง ๆ ก็จบเลย

เถรี
05-01-2014, 19:53
ถาม : วันก่อนไปตลาดแล้วมีปลาดิ้นมาลงข้างล่าง ก็เลยขอซื้อปลาไปปล่อย แต่แม่ค้าบอกว่าไม่ต้องซื้อไปปล่อย เพราะอย่างไรมันก็ตาย สรุปว่าหนูไม่ได้ซื้อไปปล่อย จริง ๆ แล้วหนูควรจะต้องทำอย่างไรคะ ?
ตอบ : ซื้อไปปล่อย ปลาจะรอดหรือตายเป็นเรื่องของเขา เราได้ปล่อยแล้ว

เถรี
05-01-2014, 19:59
พระอาจารย์กล่าวกับพระรูปหนึ่งว่า "ถ้าคุณมีโอกาสให้ไปหาหมอนะ มาลาเรียมาแล้ว บางทีตอนไข้ขึ้นเราอาจจะทำอะไรไปแบบไม่รู้ตัว ผมเป็นจนชำนาญ มองหน้าก็รู้แล้วว่ามาลาเรียรับประทาน ขนาดใส่อังสะกันหนาวยังไม่รู้ตัวอีก ลองสังเกตดูช่วงเช้า ๆ เย็น ๆ ไข้จะขึ้น ต้องบอกว่าผมเป็นผู้เชี่ยวชาญ เป็นมา ๓๐ กว่าปี เป็นตั้งแต่ปี ๒๕๒๔ พอเวลาไข้ลดก็เป็นคนปกติ ๆ นั่นแหละ แต่ตอนไข้ขึ้นบางทีทำอะไรไม่ถูก ขนาดทรงสมาธิเป๊ะ ๆ เลยนะ เดินจงกรมอยู่รู้ว่าถ้าไข้ขึ้นอีกนิดเดียว ก็จะขาดสติเลย บังเอิญว่าไม่ถึงระดับนั้นสักที จึงยังคุมสติตัวเองได้ ตรงจุดนี้แหละที่พระพุทธเจ้าท่านไม่ปรับอาบัติกับภิกษุที่เวทนากำเริบ เพราะบางทีอาจจะมีสติสุดท้ายลงไปช่วยทำให้ไข้ลด

หลวงพ่อชาก็เหมือนกัน หลวงพ่อชาท่านเป็นมาลาเรีย ลูกศิษย์ก็ต้มน้ำบอระเพ็ดให้ฉัน วันนั้นท่านยกขึ้นมา ใคร ๆ ก็คิดว่าจะยกขึ้นฉัน แต่ท่านราดหัว เปียกทั้งตัวเลย ปรากฏว่าไข้ลด เพราะโดนน้ำเลยไข้ลด ปกติแล้วมาลาเรียจะกลัวน้ำ ไม่ค่อยกล้าโดนน้ำ ท่านเล่นเอาน้ำบอระเพ็ดเทรดตัวเอง ปกติเขากินแก้มาลาเรีย แต่ท่านเล่นเทราดตัวเองแก้ไข้

เฮ้อ..! ๓๐ ปีเต็ม ๆ บางทีมีสติอยู่แล้วเวทนากำเริบ สุดยอดทรมานเลย ให้หมดสติสลบไสลไปเลยเสียจะดีกว่า"

เถรี
05-01-2014, 20:02
พระอาจารย์กล่าวว่า "เวลาที่เด็ก ๆ ซน เป็นเวลาที่เขาศึกษาและพัฒนาตัวเอง เพราะฉะนั้น..อย่าไปห้ามเขา คอยดู ถ้าอะไรจะเกิดอันตรายก็บอกเขา ถ้าเขายังอยากทำอยู่ก็ปล่อยให้ทำไปเลย พอเจ็บตัวแล้วเขาจะจำ เพราะได้เรียนรู้ด้วยประสบการณ์ของตนเองจริง ๆ"

เถรี
05-01-2014, 20:07
ถาม : ก่อนที่จะฝึกมโนมยิทธิควรจะฝึกอานาปานสติให้คล่องหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ถ้าอยากจะฝึกมโนมยิทธิ อย่าพยายามฝึกอะไรเลยแม้แต่นิดเดียวได้ยิ่งดี เพราะถ้าคุณฝึกจะอยู่ครึ่ง ๆ กลาง ๆ ตอนที่คุณอยู่ครึ่ง ๆ กลาง ๆ จะไม่เห็นอะไร

ถาม : กสิณก็ต้องเอาอานาปานสตินี่ครับ ?
ตอบ : ถ้ากสิณจะทิ้งอานาปานสติไม่ได้อยู่แล้ว เพราะว่าคำภาวนาจะควบลมหายใจเข้าออก ส่วนใหญ่คนที่มีพื้นฐานการปฏิบัติมาบ้าง จะฝึกมโนมยิทธิได้ยากที่สุด คือกำลังเกินไปแต่ไม่พอ เกินอุปจารสมาธิแต่ไม่ถึงฌาน ๔

เถรี
05-01-2014, 20:09
ถาม : มโนมยิทธิถ้าเห็นถือว่าฌานสี่หรือครับ ?
ตอบ : ถ้าแค่เห็นภาพเป็นอุปจารสมาธิ ถ้าไปถึงที่นั่นได้เป็นฌาน ๔

ถาม : ผมเคยได้ยินว่าฌานสี่ใช้งาน
ตอบ : อันเดียวกันแหละ เพียงแต่ว่าอย่างหนึ่งอยู่ที่เราฝึก อีกอย่างหนึ่งเราใช้ออกด้วยความคล่องตัวแล้ว กำลังเท่ากันนั่นแหละ ฌาน ๔ ทั่ว ๆ ไปเป็นเหมือนมวยซ้อม แต่ฌาน ๔ ที่ใช้ในมโนมยิทธิเหมือนขึ้นเวทีจริงแล้ว

เถรี
06-01-2014, 22:10
ถาม : (ไม่ได้ยิน)
ตอบ : เพิ่งเคยได้ยิน ในเมื่อเพิ่งเคยได้ยินก็เลยบอกไม่ถูกว่าคืออะไร เรื่องของศีลเกี่ยวกับโภคสมบัติ และสุขคติระดับกามาวจร ถ้าเรื่องของสมาธิเกี่ยวกับปัญญาและรูปวจร คือเป็นรูปพรหมขึ้นไป ถ้าเรื่องของปัญญาแท้ ๆ เลย หมายเอาความหลุดพ้น การเข้าถึงพระอริยเจ้า

ถาม : (ไม่ได้ยิน)
ตอบ : ผิดไปประมาณ ๘๔,๐๐๐ โยชน์ คือการที่จะสัมผัสกับสิ่งลี้ลับแบบนี้ได้ ต้องมีพื้นฐานทิพจักขุญาณ ถ้าไม่มีมาต่อให้คุณทรงฌาน ๔ หรือสมาบัติ ๘ ก็ไร้ประโยชน์ ไปดูในมหากัมมวิภังคสูตร พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ว่า บุคคลผู้ปฏิบัติสมาธิภาวนาเป็น ๑๐๐,๐๐๐ คน จะทรงฌานได้สักคนก็แสนยาก บุคคลที่ทรงฌานเป็น ๑๐๐,๐๐๐ คน จะทรงฌาน ๔ ได้สักคนก็แสนยาก บุคคลที่ทรงฌาน ๔ เป็น ๑๐๐,๐๐๐ คน จะทรงทิพจักขุญาณได้สักคนก็แสนยาก จะต้องมีพื้นฐานทิพจักขุญาณมา จึงสามารถสัมผัสสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ได้

ถ้าเริ่มต้นเลยก็ต้องฝึกกสิณ ๓ กอง กสิณไฟ กสิณสีขาว หรือ กสิณแสงสว่าง แต่ถ้ามีของเก่าตั้งแต่อดีตชาติมา ถ้าสมาธิทรงตัวถึงระดับ จะเกิดขึ้นเอง ฉะนั้น..เขาต้องมีของเก่ามา

เถรี
06-01-2014, 22:11
ถาม : เทวดาบนสวรรค์ท่านไม่ได้ปฏิบัติธรรมหรือครับ ท่านถึงไม่ได้ไปพระนิพพานต่อ ?
ตอบ : เขาทำกันเป็นปกติแล้ว ไปกันเป็นปกติ แต่ว่าส่วนใหญ่ที่ขึ้นไปนั้น จิตไม่ได้มุ่งมั่นที่จะประกอบกรรมความดีเพื่อความหลุดพ้น จึงไปเพลิดเพลินกับความเป็นทิพย์ แล้วก็ติดอยู่ตรงนั้น

เถรี
06-01-2014, 22:21
:4672615:เก็บตกเดือนธันวาคมปี ๕๖ หมดแล้วค่ะ:4672615:

ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย ทาริกา คะน้า เถรี รัตนาวุธ และคะน้าอ่อน