PDA

View Full Version : เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันเสาร์ที่ ๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๖


เถรี
28-11-2013, 19:05
ให้ทุกคนนั่งในท่าที่ถนัดของตนเอง จะขัดสมาธิหรือว่านั่งพับเพียบก็ได้ เพียงแต่ว่าตั้งกายให้ตรง กำหนดความรู้สึกทั้งหมดของเราอยู่ที่ลมหายใจเข้าออก หายใจเข้า..ให้ความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก..ให้ความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจออกมา จะใช้คำภาวนาอะไรก็ได้ที่เรามีความถนัดมาแต่เดิม

วันนี้เป็นวันเสาร์ที่ ๒ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๖ วันนี้ทางเว็บวัดท่าขนุนมีการเปิดให้ญาติโยมได้จองพระไพรีพินาศ ซึ่งถือว่าเป็นวัตถุมงคลที่สร้างขึ้นมา

หลักใหญ่ ๆ ของการสร้างวัตถุมงคลนั้น ก็คือเพื่อให้เป็นอนุสติ การตามระลึกถึงคุณความดีของพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ นี่เป็นวัตถุประสงค์ใหญ่ วัตถุประสงค์ที่สอง...การใช้วัตถุมงคลต้องมีคาถากำกับ ก็คือการบังคับให้เราภาวนาโดยตรง ประการที่สาม...การใช้วัตถุมงคล บางสำนัก บางตำรา มีข้อห้ามต่าง ๆ ที่ต้องงดเว้น นั่นก็คือการทำตัวเราให้ชินต่อการงดเว้นเช่นเดียวกับการรักษาศีล

จะเห็นได้ว่าในเรื่องของวัตถุมงคลนั้น มีประโยชน์อยู่หลายประการด้วยกัน โดยเฉพาะตัวของอาตมาเอง สมัยก่อนก็ใช้วัตถุมงคลที่ติดตัวอยู่ในการกำหนดภาพพระเป็นปกติ ถ้าเป็นรูปพระพุทธก็เป็นพุทธานุสติ เป็นรูปหลวงปู่หลวงพ่อก็เป็นสังฆานุสติ แล้วโยงให้ระลึกถึงคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ดี คำสอนของหลวงปู่หลวงพ่อครูบาอาจารย์ก็ดี เป็นธัมมานุสติ

หมายความว่าวัตถุมงคลทั้งหมด จะก่อให้เกิดประโยชน์อย่างแท้จริง เราต้องมีพุทธานุสติ ธัมมานุสติ สังฆานุสติเป็นหลักไว้ก่อน หลังจากนั้นจึงมีการภาวนาตัวบทพระคาถา ตลอดจนกระทั่งข้องดเว้น ซึ่งเป็นการปฏิบัติในศีลและสมาธิ และท้ายสุด ถ้าท่านทั้งหลายเห็นความไม่ปลอดภัยของร่างกายเรา เนื่องจากว่าการที่เราอาศัยวัตถุมงคลนั้น ก็คือเราต้องการความปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็นภัยที่มาจากภายนอก ด้วยบุคคลก็ดี ด้วยสัตว์ก็ดี ด้วยไสยเวทย์อาคม หรือภูติผีปิศาจใด ๆ ก็ดี ภัยทั้งหลายเหล่านี้ทำให้เราต้องคอยหวาดกลัวอยู่เสมอ จึงต้องหาวัตถุมงคลมาเพื่อป้องกันตัวเอง

การที่เราหาวัตถุมงคลมาป้องกันตัวเองจากภัยต่าง ๆ ทั้งหลายเหล่านี้ ย่อมทำให้เรามองเห็นชัดเจนว่า การเกิดมาในโลกนี้หาความดีไม่ได้ มีแต่สิ่งที่เราต้องสะดุ้งกลัวอยู่เสมอ การเกิดมามีร่างกายเช่นนี้หาความดีไม่ได้ เพราะต้องคอยระมัดระวังคอยหลบหลีกจากภัยอันตรายอยู่เสมอ

เถรี
02-12-2013, 16:13
ถ้าเรามีปัญญาพิจารณามาถึงตรงนี้ ย่อมต้องต่อยอดไปอีกว่า แล้วถ้าอย่างนั้นทำอย่างไรเราถึงจะพ้นไปได้ เราก็จะเห็นได้ว่า การเกิดเป็นมนุษย์นั้น แม้จะอยู่ในสุคติภูมิ แต่ก็ยังประกอบไปด้วยความทุกข์เป็นปกติ เป็นเทวดา เป็นนางฟ้า เป็นพรหม เพียงแค่พ้นทุกข์ได้ชั่วคราว ถ้าหมดบุญเมื่อไร ต้องลงมาเกิดเป็นมนุษย์ก็ทุกข์อีก หรือถ้าหมดบุญแล้วลงไปสู่อบายภูมิ ก็ยิ่งทุกข์หนักเข้าไปใหญ่ มีสถานที่แห่งเดียวที่จะพ้นจากความทุกข์โดยสิ้นเชิง นั่นก็คือพระนิพพาน

เมื่อเป็นดังนั้นก็ขอให้ทุกคนตั้งใจว่า ถ้าเราเกิดอุบัติเหตุอันตรายใด ๆ ถึงแก่ชีวิตก็ดี หรือว่าหมดอายุขัยตายลงไปก็ดี เราขอไปอยู่ที่พระนิพพานแห่งเดียว แล้วกำหนดนึกถึงภาพวัตถุมงคลนั้น ๆ ที่ติดตัวเราอยู่ จะเป็นรูปเหรียญครูบาอาจารย์ก็ดี หรือว่าเป็นรูปพระพุทธก็ดี ว่านั่นเป็นตัวแทนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า นั่นเป็นตัวแทนของครูบาอาจารย์ของเราที่อยู่บนพระนิพพาน

เราเห็นท่านก็คือเราอยู่ใกล้ชิดกับท่าน เราอยู่ใกล้ชิดกับท่านคือเราอยู่บนพระนิพพาน เมื่อวางกำลังใจดังนี้แล้ว ก็พิจารณาดูว่า ถ้ายังมีลมหายใจเข้าออกอยู่ ก็กำหนดดูกำหนดรู้ลมหายใจเข้าออกควบไปด้วย ถ้ายังมีคำภาวนาอยู่ ก็ให้กำหนดรู้คำภาวนาไปด้วย ถ้าลมหายใจเบาลงหรือว่าหายไป คำภาวนาเบาลงหรือขาดหายไป ก็ให้เรากำหนดรู้ว่า ตอนนี้ลมหายใจเบาลงหรือขาดหายไป คำภาวนาขาดหายไป เป็นต้น

อย่าอยากดิ้นรนให้เป็นเช่นนั้นและอย่าไปตะเกียกตะกายไปให้พ้นจากสภาพเช่นนั้น ถ้าเราเอาสติตามดูตามรู้ไปเฉย ๆ สภาพจิตเราจะดิ่งลึกเป็นสมาธิมากขึ้น ๆ จนกลายเป็นอัปปนาสมาธิในที่สุด ลำดับต่อไปก็ให้ทุกท่านภาวนาและพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา

พระครูวิลาศกาญจนธรรม
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านวิริยบารมี
วันเสาร์ที่ ๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๖
(ถอดจากเสียงเป็นอักษรโดยคะน้าอ่อน)

ชินเชาวน์
22-02-2014, 18:18
สามารถรับชมได้ที่

http://www.sapanboon.com/vdo/demo.php?filename=2556-11-02

ป.ล.
- สามารถชมบนไอโฟนและแอนดรอยด์ได้
- ห้ามคัดลอกไฟล์ไปเผยแพร่ที่อื่นเด็ดขาด !