เถรี
23-06-2013, 19:31
ทุกคนนั่งขยับตัวในท่าที่สบายของตน ตั้งกายให้ตรง กำหนดสติไว้เฉพาะหน้า เอาความรู้สึกทั้งหมดของเราแนบชิดติดกับลมหายใจเข้าออก หายใจเข้า..ให้ความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก..ให้ความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจออกมา จะใช้คำภาวนาอะไรก็ได้ที่เราถนัดมาแต่เดิม
วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ ๓๑ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๕๖ เป็นการปฏิบัติกรรมฐานวันแรกของต้นเดือนมิถุนายน ช่วงประมาณอาทิตย์หนึ่งที่ผ่านมา มีญาติโยมนำเอาลูกสาวไปหาอาตมาที่วัด เขาอยากรู้ว่าลูกบ้าหรือเปล่า ? อาตมาก็ปล่อยให้พ่อแม่ลูกเจรจากันไประยะหนึ่ง ถึงได้เข้าใจว่า ทั้งสองฝ่ายพูดคนละภาษากัน ฝ่ายพ่อกับแม่พูดภาษาทางโลก ฝ่ายลูกพูดภาษาทางธรรม ไม่สามารถที่จะปรับหาเข้ากันได้ เพราะต่างฝ่ายต่างยึดแนวความคิดของตนเองว่าถูก
คนเป็นพ่อเป็นแม่บอกว่า ลูกสาวของตนไม่ได้ทำหน้าที่ของความเป็นลูกที่ดี ไม่ได้ทำหน้าที่ของความเป็นแม่ที่ดี คำว่าไม่ได้ทำหน้าที่ของความเป็นลูกที่ดี ก็คือไม่ดูแลผู้เป็นพ่อเป็นแม่ ลูกสาวก็บอกว่าคนเราเกิดมาต่างคนต่างตายอยู่แล้ว ก็แปลว่าลูกสาวพูดถูก แต่พ่อแม่ก็พูดถูก
ส่วนไม่ได้ทำหน้าที่ของความเป็นแม่ที่ดี ก็คือเขามีลูกชายเล็ก ๆ อยู่คนหนึ่ง แต่ก็แค่ไปรับไปส่งเข้าโรงเรียนเท่านั้น ไม่ได้ดูแลใกล้ชิด เขาบอกว่าเขาพยายามที่จะตัดลูกให้ได้ คนเป็นพ่อเป็นแม่ซึ่งก็คือตากับยายของเด็ก ก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟขึ้นมา อาตมาจึงต้องชี้แจงให้ทราบว่า เป็นเรื่องปกติของนักปฏิบัติ ถ้ายังไม่สามารถที่จะปรับตนให้ตรงจุดพอดีได้ ก็จะมีอาการอย่างนี้
ลักษณะนั้นเป็นลักษณะของบุคคลที่ปัญญาเกินสติ ก็คือจะเอาแต่หลักธรรมอย่างเดียว โดยไม่ได้ยั้งคิดว่าตนเองยังอยู่กับโลก ก็ต้องเคารพสมมติทางโลก ไม่ใช่ไปเอาแต่ทางธรรมล้วน ๆ ทางโลกกับทางธรรมเหมือนเหรียญสองหน้า เป็นเหรียญเดียวกัน ไม่ว่าเราจะพลิกทางไหน อีกทางหนึ่งก็อยู่ชิดติดด้วย ไม่สามารถที่จะทิ้งไปได้
จึงต้องบอกกับคนเป็นพ่อเป็นแม่ว่า ลูกของคุณนั้นปกติ ในขณะเดียวกันก็บอกกับคนเป็นลูกว่า สิ่งที่เราทำนั้นทำให้โลกช้ำธรรมเสีย เราพูดความจริงทุกอย่าง แต่โปรดเห็นใจด้วย คนที่กำลังใจยังมาไม่ถึงขั้นนั้น เขาไม่สามารถที่จะเข้าใจได้ ในเมื่อเขาไม่สามารถที่จะเข้าใจได้ เธอก็ปล่อยวาง เพราะถือว่าต่างคนต่างอยู่ ต่างคนต่างตาย แต่อาการที่เธอวาง เป็นการวางใส่หัวคนอื่นเขา..!
วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ ๓๑ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๕๖ เป็นการปฏิบัติกรรมฐานวันแรกของต้นเดือนมิถุนายน ช่วงประมาณอาทิตย์หนึ่งที่ผ่านมา มีญาติโยมนำเอาลูกสาวไปหาอาตมาที่วัด เขาอยากรู้ว่าลูกบ้าหรือเปล่า ? อาตมาก็ปล่อยให้พ่อแม่ลูกเจรจากันไประยะหนึ่ง ถึงได้เข้าใจว่า ทั้งสองฝ่ายพูดคนละภาษากัน ฝ่ายพ่อกับแม่พูดภาษาทางโลก ฝ่ายลูกพูดภาษาทางธรรม ไม่สามารถที่จะปรับหาเข้ากันได้ เพราะต่างฝ่ายต่างยึดแนวความคิดของตนเองว่าถูก
คนเป็นพ่อเป็นแม่บอกว่า ลูกสาวของตนไม่ได้ทำหน้าที่ของความเป็นลูกที่ดี ไม่ได้ทำหน้าที่ของความเป็นแม่ที่ดี คำว่าไม่ได้ทำหน้าที่ของความเป็นลูกที่ดี ก็คือไม่ดูแลผู้เป็นพ่อเป็นแม่ ลูกสาวก็บอกว่าคนเราเกิดมาต่างคนต่างตายอยู่แล้ว ก็แปลว่าลูกสาวพูดถูก แต่พ่อแม่ก็พูดถูก
ส่วนไม่ได้ทำหน้าที่ของความเป็นแม่ที่ดี ก็คือเขามีลูกชายเล็ก ๆ อยู่คนหนึ่ง แต่ก็แค่ไปรับไปส่งเข้าโรงเรียนเท่านั้น ไม่ได้ดูแลใกล้ชิด เขาบอกว่าเขาพยายามที่จะตัดลูกให้ได้ คนเป็นพ่อเป็นแม่ซึ่งก็คือตากับยายของเด็ก ก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟขึ้นมา อาตมาจึงต้องชี้แจงให้ทราบว่า เป็นเรื่องปกติของนักปฏิบัติ ถ้ายังไม่สามารถที่จะปรับตนให้ตรงจุดพอดีได้ ก็จะมีอาการอย่างนี้
ลักษณะนั้นเป็นลักษณะของบุคคลที่ปัญญาเกินสติ ก็คือจะเอาแต่หลักธรรมอย่างเดียว โดยไม่ได้ยั้งคิดว่าตนเองยังอยู่กับโลก ก็ต้องเคารพสมมติทางโลก ไม่ใช่ไปเอาแต่ทางธรรมล้วน ๆ ทางโลกกับทางธรรมเหมือนเหรียญสองหน้า เป็นเหรียญเดียวกัน ไม่ว่าเราจะพลิกทางไหน อีกทางหนึ่งก็อยู่ชิดติดด้วย ไม่สามารถที่จะทิ้งไปได้
จึงต้องบอกกับคนเป็นพ่อเป็นแม่ว่า ลูกของคุณนั้นปกติ ในขณะเดียวกันก็บอกกับคนเป็นลูกว่า สิ่งที่เราทำนั้นทำให้โลกช้ำธรรมเสีย เราพูดความจริงทุกอย่าง แต่โปรดเห็นใจด้วย คนที่กำลังใจยังมาไม่ถึงขั้นนั้น เขาไม่สามารถที่จะเข้าใจได้ ในเมื่อเขาไม่สามารถที่จะเข้าใจได้ เธอก็ปล่อยวาง เพราะถือว่าต่างคนต่างอยู่ ต่างคนต่างตาย แต่อาการที่เธอวาง เป็นการวางใส่หัวคนอื่นเขา..!