PDA

View Full Version : เส้นทางพระโพธิสัตว์ ตอนที่ ๒๓


คิมหันต์
30-03-2012, 13:03
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=16644&stc=1&d=1333192728
หลวงพ่อใหญ่สมเด็จองค์ปฐม เสด็จมาโปรดถึงประเทศพม่า

หลังฉันเช้าแล้วกราบลาท่านอาจารย์ใหญ่ ไปรอรถอยู่ที่บ้านของลุงตองยี ประมาณสองโมงเช้าเขามาตามไปขึ้นรถ อย่าเพิ่งคิดว่าเขาจะออกรถเลย มันพยายามยัดคน ยัดของเข้าไปจนแทบไม่มีที่หายใจ จนรถหน้าเชิดลอยฟ้า ต้องค่อย ๆ คลานไปตอนเก้าโมงเศษ

รถมันวิ่งเร็วไม่ได้ ขืนเร็วพลิกคว่ำแน่ แถมเก็บค่ารถรวดเดียวหมด ของเราทั้งคณะเจอไป ๒๒,๐๐๐ จั๊ต กว่าจะถึงตันบวยเซียทเกือบเพล เขาหารถมาเปลี่ยน คณะของเราฉวยโอกาสฉันเพล พอเห็นรถที่มาเปลี่ยน อาตมาถึงกับคอย่น สภาพสุดโทรมซ้ำไม่มีหลังคาอีกด้วย..!

มันจัดของจนต้องมัดไปบนหลังคา แล้วให้ทั้งพระทั้งคนนั่งไปบนของ พระ ๕ รูป โยม ๒๑ คน ยัดเข้าไปจนแหนบกลับแอ่นแต้ อาตมากราบอาราธนาบารมีหลวงปู่ปาน พอเห็นอุณาโลมสีแดงก็ถึงกับสะดุ้ง.. หลวงพ่อใหญ่สมเด็จองค์ปฐม..! งานนี้พระองค์ท่านเสด็จมาเอง..!

สาธุ...พระองค์ท่านเสด็จทีไร สถานการณ์หนักหนาสาหัสทุกที น้อมจิตกราบแทบเบื้องพระยุคลบาท จะหนักหนาแค่ไหน หากหลวงพ่อใหญ่สมเด็จองค์ปฐมเสด็จเอง ย่อมผ่านไปได้แน่นอน เป็นการทดสอบกำลังใจของพวกเราไปด้วย...

คิมหันต์
30-03-2012, 13:14
นั่นอย่างไร..หลังจากลงสู่ทางลูกรังไม่นาน ยางหลังขวาก็ระเบิดตูม..! เปลี่ยนยางกว่าจะเรียบร้อยตกบ่ายสอง มาถึงด่านเยตะกุน เห็นเขากำลังวุ่นวายกันใหญ่ ได้ความว่ารถคันที่วิ่งแซงไปตอนเราเปลี่ยนยาง ถูกทหารกะเหรี่ยงปล้น..! นี่ถ้ารถคันที่เรานั่งยางไม่แตก มาตามปกติได้ ที่โดนปล้นจะเป็นคันของเราเอง..!

โกลาหลกันครู่ใหญ่จึงตัดสินใจไปต่อ ภาพของหลวงพ่อใหญ่สมเด็จองค์ปฐมยังแจ่มชัด เพิ่งน้อมจิตกราบในพระมหากรุณาธิคุณ ยางที่เพิ่งเปลี่ยนก็ระเบิดตูมอีกครั้ง..! จบเห่กันละคราวนี้ เป็นชะตากรรมที่เราต้องยอมรับซะแล้ว..!

http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=16643&stc=1&d=1333192617
มีด่านไปทำไมวะ ? มีแล้วยังโดนปล้นเป็นว่าเล่น..!

กลางป่าไม่มีทั้งน้ำและที่พัก น้ำของอาตมาถูกโยมแย่งดื่มหมดแล้ว ตัดสินใจเดินไปยังหมู่บ้านข้างหน้า บอกคนขับรถว่าถ้าแก้ไขได้แล้วให้ตามไป จับภาพหลวงพ่อใหญ่สมเด็จองค์ปฐมชัดเจนแล้วก็หน้าเดิน...

ไมล์แล้วไมล์เล่าที่รีดเหงื่อของเราจนตกกีบ สองชั่วโมงเศษจึงมาถึงบ้านกะเหรี่ยงเลโพ ญาติโยมพอรู้ความรีบหาน้ำร้อน น้ำตาลมาถวาย คณะของเราสรงน้ำ ซักผ้าเสร็จ โยมยังหาเสื่อมาให้ปูนอนอีกด้วย..!

วันนี้ตรงกับวันอาทิตย์ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๓ เป็นวันมาฆบูชา อาตมาประกาศอุโบสถ บอกบริสุทธิ์ต่อกัน แล้วต่างคนต่างนอนภาวนา ตั้งใจอุทิศส่วนกุศลให้แก่เจ้าที่เจ้าทางและเจ้ากรรมนายเวร แหม...มันมาโมทนากันเพียบเลย..!

คิมหันต์
01-04-2012, 22:28
ตื่นกันตั้งแต่ตีสอง ใช้น้ำถังเดียวที่ชาวบ้านหิ้วมาให้เมื่อวานล้างหน้าเช็ดตัว เรียบร้อยแล้วอาตมานำทุกคนทำวัตร แหม..ในที่เงียบ ๆ แบบนี้ เสียงมันดังไปไกลดีแท้ ตอนอุทิศส่วนกุศลมีผู้มาโมทนากันแน่นขนัดเช่นเคย ขอให้เป็นสุข ๆ โดยทั่วหน้ากันเถิด...

แสงเทียนบ้าง แสงจากตะเกียงกระป๋องบ้าง ตรงมายังที่พักของพวกเราเป็นทิวแถว พวกชาวบ้านขนข้าวปลาอาหารมาถวายกันมากมาย บอกว่าฝันเห็นพระ ๕ รูป มาสวดมนต์ที่ตรงนี้ตั้งแต่วันก่อน ถึงเวลาพวกเรามาพัก และทำวัตรสวดมนต์จริง ๆ จึงดีใจมากที่พวกเขาได้ทำบุญกับพระในฝัน...

ให้พรญาติโยมและฉันเรียบร้อยแล้ว ขบวนการทรหดทัวร์ก็ออกเดินทางต่อ โดยมีน้ำเปล่าที่ชาวบ้านถวายติดมือไปคนละขวด ท่านป๊อปบ่นกระปอดกระแปดไปตลอดทาง เนื่องจากต้องแบกข้าวของที่ซื้อมาจนไหล่ลู่ ย่ามที่ตอนขามามีใบเดียว ตอนนี้แตกลูกเพิ่มมาอีก ๑ ใบ..!

“เฮ้ย..ทิ้งจริง ๆ เรอะ..?” เสียงท่านตู่โวยมาจากทางข้างหลัง หันไปดูเห็นท่านป๊อปหน้าบูดเป็นตูดลิง กำลังดึงข้าวของบางชิ้นออกจากย่าม โยนเข้าป่าข้างทางแบบไม่แยแส อาตมาต้องเดินย้อนกลับไปดูว่า มันทิ้งอะไรกันนักหนา ท่านตู่ถึงได้โวยลั่นขนาดนั้น..!

คิมหันต์
01-04-2012, 22:32
ไอ้คนดี (เวลล์ = Well) ทิ้งภาพหลวงพ่อพระมหาอานทูกานตา ขนาด ๑ ฟุต พร้อมกรอบไม้หนักอึ้ง และประคำลูกลานยาวท่วมหัวซะแล้ว อาตมาคว้าใส่ย่ามตัวเอง แล้วเดินตามพ่อเจ้าประคุณที่จ้ำอ้าวไม่เหลียวหลัง คงจะอายที่ทำอะไรน่าเกลียดต่อหน้าครูบาอาจารย์..!

ชั่วโมงที่สองพวกเราแวะปัสสาวะข้างทาง ท่านนาวินหายศีรษะไปไหนก็ไม่รู้..? เด็กบ้านนอกอย่างท่านน่าจะเดินเก่งกว่า หรือว่ามัวแต่ปลดทุกข์หนักอยู่ ขณะที่นั่งรอนั้น ท่านป๊อปกับท่านตู่เอาน้ำมันว่าน ที่ซื้อมาจากรอยพระพุทธบาทเมืองมินบู นวดขาตัวเองเป็นการใหญ่...

รอจนเบื่อก็ไม่เห็นท่านเจ้าอาละวาดมาซะที ตอนเริ่มเดินทางรองเท้าของท่านขาด ต้องเดินเท้าเปล่า มัวแต่กระย่องกระแย่งเป็นคุดทะราดเหยียบกรวดอยู่กระมัง ? พวกเราเดินทางต่อจนไปถึงปากทางเข้าบ้านเต็งเง หยุดรอกันตรงนี้อีกครั้ง...

รอแล้วรอเล่าเฝ้าแต่รอ จนกระทั่งทิดจิตรทนไม่ไหว เดินหายไปในหมู่บ้าน ไม่นานก็เดินตะโกนมาแต่ไกล “อาจารย์ครับ..ไม่ต้องรอแล้วครับ.. ครูบาน้อย (ท่านนาวิน) ล่วงหน้าไปแล้ว ขี่เกวียนไปด้วย ชาวบ้านเขาว่าคงจะลัดป่ามา เจอเกวียนเข้าเลยไปกับเขา...”

คิมหันต์
11-04-2012, 08:24
บอกไม่ถูกว่ารู้สึกอย่างไร ? จะเตะตัวเองก็ใช่ที่ มัวแต่ไปห่วงเสือในป่า ไอ้เสือผ่าแปลงตัวเป็นจระเข้น้อยล่วงหน้าไปซะแล้ว ท่านชาหัวฟัดหัวเหวี่ยงบ่นพึมพำ “มาด้วยกันแทนที่จะไปด้วยกัน กลับมาทิ้งกันซะได้ เห็นแก่ตัวแบบนี้เลิกคบซะดีมั้ง..?” ใจเย็น ๆ รอดูไปก่อน...

หาซื้อรองเท้าที่ร้านค้าในหมู่บ้าน ยังอุตส่าห์ซื้อไปเผื่อท่านนาวินอีก เดินลัดกลางบ้านไปเลย เด็กนักเรียนกำลังเริ่มเข้าเรียน สีเขียว สีขาวสะพรึ่บไปหมด ออกพ้นหมู่บ้านไปก็กลายเป็นป่าตามเดิม หนทางขรุขระ คดเคี้ยว ลัดเลาะไปตามพื้นที่ป่า เสียงเครื่องยนต์กระหึ่มมาแต่ไกล...

ทิดจิตรกางแขนกางขาขวางกลางถนน ถอดหมวกแก๊ปแดงโร่ของตัวเองโบกซ้ำอีกต่างหาก รถหกล้อคันใหญ่เท่าสิบล้อบ้านเราโผล่ออกมา มีคนนั่งคู่กับคนขับคนเดียว แต่ที่ท้ายรถมีสาวสามคนโผล่หน้ามาแบบอยากรู้อยากเห็น หนึ่งในจำนวนนั้นเป็น “สาวหล่อ” ซะด้วย..!

ทิดจิตรปีนไปตะโกนกรอกหูคนขับไม่กี่คำ เขาชี้ไปที่ท้ายรถ ที่แท้ทั้งสองเป็นเจ้าของรถกับโชเฟอร์ สามสาวข้างท้ายจ้างเขาขนข้าวสารไปด่านเจดีย์สามองค์ จะอาศัยไปต้องคุยกับนายจ้างเอาเอง พวกเราไม่สนใจผลการเจรจา ปีนขึ้นไปนั่งเอ้เต้อยู่บนกระสอบข้าวสารซะก่อนแล้ว..!

คิมหันต์
11-04-2012, 08:26
สาวหล่อบอกว่ายินดีรับไปด้วย ขอให้ช่วยค่ารถคนละสองพันจั๊ต อาตมากับท่านชาควักจนหมดตัว มีแค่ห้าพันกว่าจั๊ต “ห้าพันได้ไหม..? ที่เหลือจะเอาไว้ซื้อข้าวกิน...” สาวหล่อดูท่าว่าถึงปฏิเสธ พวกเราก็คงไม่ลงจากรถแน่ จึงพยักหน้าแบบ “หยวนน่อ...จาปายล่วยก้อล่าย..”

อาตมาบอกว่า ข้างหน้ายังมีเพื่อนพระอีกรูปนั่งเกวียนอยู่ ถ้าตามไปทันให้ช่วยรับไปด้วย พลางส่งเงินให้ทิดจิตรมอบให้กับสาวหล่อ อีหนูลักเพศนับเงินอย่างรอบคอบ ม้วนเก็บไว้กับชายพก แล้วจึงสั่งให้คนขับออกรถ ทิดจิตรตามประกบคุยกับสามสาวเพื่อหาข้อมูลต่อไป...

พวกเรานอนบนกระสอบข้าวสารอย่างสบายใจ คอยสอดสายตาลอดแผงข้างรถดูทาง ตอนไหนกิ่งไม้ระมาค่อยกลิ้งหลบกัน ทิดจิตรโม้กระจายอยู่เป็นชั่วโมง ก่อนจะคลานกระดืบ ๆ มารายงานให้พวกเราฟัง...

ที่แท้สาวหล่อกับเพื่อนขนข้าวสารมา ๓๐๐ ถุง (ถุงละ ๕๐ ก.ก.) เพื่อเอาไปขายที่ด่านเจดีย์สามองค์ ขากลับจะซื้อหมากแห้งกลับไปขายเอากำไรอีกที เช่ารถไปกลับเป็นเงินหนึ่งแสนจั๊ต ที่มาแต่ผู้หญิงเพราะเจรจากับพวกทหารป่าง่ายกว่า ถ้าเป็นผู้ชายพวกทหารไม่ค่อยผ่อนผันให้..

คิมหันต์
11-04-2012, 08:31
“เฮ้ย...ท่านนาวินอยู่ข้างหน้า หยูด-ด-ด..” สาวหล่อทุบหลังคารถให้โชเฟอร์หยุด พระบนเกวียนเหลียวกลับมาดูแบบงง ๆ อ้าว...ไม่ใช่ท่านนาวินนี่หว่า..สาบานได้ว่า เมื่อกี้ทุกคนเห็นเป็นท่านจริง ๆ ตายแล้วเป็นผีมาหลอกกระมัง ? วันก่อนที่วัดเขมารามก็หลอกตูมาทีหนึ่งแล้ว..!?

เดินทางต่อไปท่ามกลางความกังขาว่า ท่านเจ้าอาละวาดหายศีรษะไปไหน..? กระเด้งกระดอนมาตามทางป่า จนถึงด่านอะนังกวีนตอนเกือบสิบโมง ท่านป๊อปกับท่านตู่นอนแผ่หราแบบกระทืบก็ไม่ลุก อาตมา ท่านชา กับทิดจิตร ปีนลงไปที่หน้าด่าน บอกทหารที่เข้าเวรอยู่ว่า ถ้ามีพระตัวเล็ก ๆ ผอม ๆ ตามมา ช่วยบอกท่านด้วยว่าพวกเราไปแล้ว...

http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=16945&stc=1&d=1336107535
ด่านอะนังกวีน ลงไปฝากข่าวกับทหารที่นี่

อยู่พม่ายังมีดีตรงที่ว่า เราจะฝากของ ฝากข่าว กระทั่งฝากเงินไปถึงใคร พวกเขาก็ยังเต็มใจช่วยเหลือ ถ้าเป็นบ้านเรา ถึงจ่ายค่าตอบแทนแล้วยังอาจสูญโญได้ คิดว่าเป็นเพราะความเจริญรุดหน้า เลยทำให้น้ำใจและศีลธรรมต้องถอยหลังลงคลองก็เป็นได้ ปีนกลับขึ้นไปบนรถ ปรากฏว่าพ่อตัวดีหลับหัวก่ายท้ายเกยกันหมดแล้ว..!

ลุยยาวมาจนถึงด่านทหารที่บ้านตองซุน อาตมาโดดลงไปซื้อ "ขนมซาโมซา" หน้าตาคล้ายเปาะเปี๊ยะทอด แต่ไส้ในเป็นมันฝรั่งคลุกเครื่องเทศมาโหลหนึ่งพอดี แบ่งกันคนละสองชิ้นฉันแทนอาหารเพล ขนาดนั้นยังฉันไม่หมด เพราะกัดเข้าไปแต่ละที มีน้ำมันไหลโจ๊กออกมาเกือบครึ่งถ้วย..!

คลิกเพื่ออ่านตอนต่อไป (http://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=3290)