PDA

View Full Version : เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันอาทิตย์ที่ ๔ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๕


เถรี
17-03-2012, 09:50
ทุกคนขยับนั่งในท่าที่สบายของตนเอง ตั้งกายให้ตรง กำหนดสติจดจ่อไว้เฉพาะหน้า หายใจเข้า..ให้ความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก..ให้ความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจออกมา ใช้คำภาวนาตามที่เราถนัดหรือชำนาญมาแต่เดิม

วันนี้เป็นวันอาทิตย์ที่ ๔ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๕ เป็นการปฏิบัติกรรมฐานวันสุดท้ายของเดือนนี้ วันนี้นับเป็นโอกาสอันดีอย่างยิ่ง ที่หลวงพี่หนู หรือพระศักดิ์พิตชัย ธมฺมวโร อาตมาเรียกท่านว่าหลวงพี่มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว แต่สำหรับพวกเราจำนวนมากคงต้องเรียกว่าหลวงพ่อแล้ว เพราะว่าอายุกาลพรรษาก็ใกล้เคียงกันกับอาตมา

สมัยก่อนท่านอยู่รับใช้พระเดชพระคุณท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ วัดสามพระยา อาตมาเองก็อยู่รับใช้พระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุง ถึงเวลางานวัดก็ได้มีโอกาสพบปะมักคุ้น คบหากันมาตั้งแต่สมัยนั้น

หลวงพี่หนูท่านมายืนยันกับพวกเราว่า การปฏิบัติธรรมนั้น ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ก็ดี จะเป็นหลักธรรมะอะไรก็ดี ล้วนแล้วแต่เป็นเพียงแค่ส่วนประกอบเท่านั้น ส่วนที่สำคัญจริง ๆ ก็คือความเข้มแข็งของจิตใจที่เราจะต่อสู้กับกิเลส มีความมุ่งมั่นฟันฝ่า มีความเพียรพยายามไม่ท้อถอย ถ้าหากว่าเราสามารถทำอย่างนี้ได้ ต่อให้อยู่กลางกรุงเทพฯ อย่างพระเดชพระคุณหลวงปู่สมเด็จฯ วัดสามพระยา เราก็สามารถที่จะก้าวล่วงจากสภาพกิเลสที่ครอบงำเราอยู่ได้

ตรงจุดนี้ญาติโยมทั้งหลายเมื่อได้ฟัง เชื่อว่าคงมีกำลังใจมากขึ้น เพราะว่าญาติโยมส่วนหนึ่งที่อยู่ในกรุงเทพฯ นั้น จะประสบปัญหาสำคัญอยู่ตลอดเวลาก็คือ ปฏิบัติภาวนาจนกำลังใจทรงตัวแล้ว เมื่อออกไปกระทบกับกระแสโลกภายนอก เพียงชั่วระยะเวลาไม่นาน กำลังที่เราทำได้ก็โดนกระแสโลกเบียดตกขอบไป เหลือไม่พอใช้งาน จึงฟุ้งซ่านไปท่ามกลางกิเลสเป็นปกติ

ถ้าหากว่าใครที่มีประสบการณ์อย่างนี้ ก็ขออย่าได้ท้อถอย เราต้องดูพระเดชพระคุณท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ วัดสามพระยา เป็นตัวอย่าง เพราะว่าพระเดชพระคุณท่านเจ้าประคุณหลวงปู่สมเด็จฯนั้น ท่านอยู่ในกรุงเทพฯ เหมือนกัน ต้องต่อสู้กับกระแสกิเลสต่าง ๆ ที่ครอบงำอยู่เหมือนกัน

เถรี
18-03-2012, 07:44
นอกจากนั้น พระเดชพระคุณท่านเจ้าประคุณหลวงปู่สมเด็จฯ ของเรายังมีหน้าที่การงานที่รัดตัว จนแทบจะกระดิกไปไหนไม่ได้ แต่ว่าพระเดชพระคุณท่านเจ้าประคุณหลวงปู่สมเด็จฯ ยังพลิกวิกฤติเป็นโอกาส งานที่อยู่ตรงหน้ามีมากเท่าไร ก็ใส่สติกำหนดรู้ไปด้วย จนกลายเป็นกรรมฐานไปทั้งหมด สิ่งที่ศึกษาเล่าเรียนมาในบาลีจนถึงประโยค ๙ ก็ดี ได้ทำการสั่งสอนศิษยานุศิษย์ให้เรียนรู้ตามไปจนจบประโยค ๙ เป็นจำนวนมากมายมหาศาลก็ดี

พระเดชพระคุณท่านเจ้าประคุณหลวงปู่สมเด็จฯ ของเรา ท่านได้นำเอาสิ่งทั้งหลายเหล่านี้มาปฏิบัติอย่างแท้จริง ใช้งานที่ทำอยู่เป็นกรรมฐาน ใช้บทเรียนต่าง ๆ ที่มากระทบรอบข้างเป็นเครื่องวัดระดับสภาพจิตใจของตน ทำให้พระเดชพระคุณท่านสามารถที่จะพัฒนาสภาพจิตใจของตนก้าวหน้าขึ้นเรื่อย ๆ จนใสสะอาด และก้าวล่วงจากสภาพกองกิเลสที่รุมล้อมไปได้ในที่สุด

เมื่อมีตัวอย่างที่ชัดเจนขนาดนี้แล้ว ก็ขอให้พวกเราได้ก้าวเดินตามรอยที่พระเดชพระคุณท่านเจ้าประคุณหลวงปู่สมเด็จฯ ท่านได้กระทำไว้แล้ว เป็นตัวอย่างให้พวกเราได้ก้าวเดินตามไป โดยไม่ยากลำบากเหมือนอย่างที่พระเดชพระคุณท่านเคยทำเอาไว้

พวกเราทั้งหลายถือว่าโชคดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เกิดเป็นมนุษย์ ได้พบพระพุทธศาสนา ได้อยู่ในกาละและเวลาที่พระธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังสมบูรณ์บริบูรณ์ ยังมีตัวอย่างของบุคคลที่ประพฤติดีประพฤติชอบ อย่างเช่น พระเดชพระคุณท่านเจ้าประคุณหลวงปู่สมเด็จฯ วัดสามพระยา หรือว่าพระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุง ที่ได้ประพฤติปฏิบัติเป็นตัวอย่าง เป็นครูบาอาจารย์ แล้วนำเอาสิ่งทั้งหลายนั้นมาบอกกล่าว มาแนะนำ มาสั่งสอน เพื่อให้พวกเราได้ก้าวเดินตามไปโดยที่ไม่ยากลำบากเหมือนกับท่าน

พวกเรานับว่าเกิดมาในปฏิรูปเทส ก็คือถิ่นที่เหมาะสมอย่างยิ่ง เกิดในขอบเขตของพระพุทธศาสนา อยู่ในสถานที่ ๆ สามารถปฏิบัติธรรมได้โดยไม่แปลกแยกจากคนอื่น แล้วขณะเดียวกันเรายังเกิดในกาละ ในเทศะ ก็คือในเวลาและสถานที่ ๆ เหมาะสมอย่างยิ่ง ก็คือในระยะเวลาที่เราสามารถมองเห็นทุกข์ได้อย่างชัดเจน และขณะเดียวกันก็ยังมีพระเดชพระคุณหลวงปู่หลวงพ่อเป็นแบบอย่างที่เราสามารถประพฤติปฏิบัติตามได้อย่างวิเศษยิ่ง

เมื่อเราประกอบไปด้วยโชคดีเช่นนี้ ก็ขอให้พวกเรามั่นใจว่า เราทั้งหลายจะต้องประกอบกรรมความดี ในศีล ในสมาธิ ในปัญญามาจนนับชาติไม่ถ้วนแล้ว ถึงได้ก่อเกิดเป็นพลวปัจจัย เป็นอุปนิสัยนำส่งให้พวกเราไม่ทอดทิ้งสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม เราทั้งหลายก็ได้ก้าวเข้ามาประพฤติปฏิบัติธรรมทั้งหลายเหล่านี้ต่อไปอีก

เถรี
19-03-2012, 07:35
หลายท่านอาจจะคิดว่าเรามาช้าไป ไม่มีโอกาสได้กราบหลวงปู่ท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ วัดสามพระยา ไม่มีโอกาสได้กราบพระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุงอย่างแท้จริง

ขอให้ทุกท่านอย่าได้คิดน้อยใจ วาระบุญวาระกรรมของแต่ละคนนั้นไม่เท่ากัน บุคคลที่มาทีหลังไม่ได้หมายความว่าจะไปทีหลัง บุคคลที่มาก่อนไม่ได้หมายความว่าจะไปก่อน ขึ้นอยู่กับความพากเพียรพยายามของเรา ขึ้นอยู่กับ สติ สมาธิ ปัญญา ของเรา ถ้าหากว่าเรากระทำอย่างจริงจังและสม่ำเสมอ ถึงมาทีหลังเราก็อาจจะไปก่อนได้ ขณะเดียวกันบุคคลที่มาก่อน ถ้าหากว่าผ่อน หย่อนการปฏิบัติลง ก็อาจจะกลายเป็นบุคคลที่ไปทีหลังก็ได้

พวกเราทั้งหลายเมื่อมาในวาระที่เหมาะสม เกิดมาในสถานที่ ๆ สมควร เกิดมาในวาระที่พระธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังสมบูรณ์บริบูรณ์อยู่ เราต้องฉวยโอกาสอันดีนี้เอาไว้ให้มั่น อย่าให้หลุดรอดมือไปเป็นอันขาด เพื่อที่สุคติ คือที่ไป ณ เบื้องหน้าของเรา จะได้มั่นคงและแน่นอน

ไม่เช่นนั้น ถ้าหากว่าเราไม่ได้ฉวยโอกาสในการที่จะกอบโกยความดีเข้าใส่ตัว เราอาจจะพลาด ไม่ได้เกิดเป็นมนุษย์ ถ้าหากว่าไม่ได้เกิดเป็นมนุษย์ ไปเป็นเทวดา เป็นนางฟ้า เป็นพรหม ก็ยังนับว่าดีมาก แต่ถ้าเราหลุดลงไปเป็นสัตว์เดรัจฉาน เป็นอสุรกาย เป็นเปรต หรือหนักขนาดหลุดลงไปเป็นสัตว์นรก ถ้าอย่างนั้นก็ต้องลำบากทุกข์ทน อยู่ในระยะเวลาที่ยาวนานจนประมาณไม่ได้

เมื่อหลุดพ้นขึ้นมา ก็ยังไม่แน่ว่าจะได้เกิดเป็นมนุษย์ แล้วพบพระพุทธศาสนาหรือไม่ ? เราอาจจะเกิดในสุญกัป กัปที่หาความดีไม่ได้ เกิดในอันตรายกัป กัปที่มีแต่การรบราฆ่าฟันกันอยู่เป็นปกติ บุคคลทั้งหลายไม่อยู่ในศีลในธรรม ฆ่าฟันกันเหมือนกับอีกฝ่ายหนึ่งเป็นเนื้อเป็นปลา ถ้าอย่างนั้น เราก็เกิดมาแล้วตายเปล่า เสียฟรีไปชาติหนึ่ง

เถรี
20-03-2012, 07:27
เมื่อเรามีโอกาสเกิดมาในวาระที่เหมาะสมด้วยประการทั้งปวง มีบุคคลตัวอย่างที่ดีเลิศ ปฏิบัติแล้วเห็นผล เป็นผู้นำทางให้แก่เรา เราก็ควรที่จะเร่งรีบ เร่งรุด ก้าวไปสู่จุดมุ่งหมายของเรา ด้วยการตั้งใจรักษาศีลทุกสิกขาบทให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ ไม่ละเมิดศีลด้วยตนเอง ไม่ยุยงส่งเสริมให้ผู้อื่นละเมิดศีล ไม่ยินดีเมื่อเห็นผู้อื่นละเมิดศีล

พยายามสร้างสมาธิของเราให้ตั้งมั่น เมื่อกำลังสมาธิตั้งมั่นแล้ว ต้องประคับประคองให้สมาธินั้นทรงตัว อย่าคลาดเคลื่อนไปไหน ประคองไว้ให้เป็นระยะเวลาที่ยาวนาน ยิ่งยาวนานเท่าไร กำลังใจของเราก็ยิ่งสงบ ใส สะอาด ถ้าอย่างนั้นปัญญาของเราก็จะเกิดได้ง่าย

เราก็จะเห็นว่าทั้งคนและสัตว์ ทั้งเราและเขาทั้งหลาย ล้วนแล้วแต่เกิดขึ้นในเบื้องต้น เปลี่ยนแปลงแปรปรวนไปในท่ามกลาง และสลายตัวไปในที่สุด ระหว่างที่ดำรงชีวิตอยู่ ทุกชีวิตก็ประกอบไปด้วยความทุกข์เป็นปกติ และท้ายสุดไม่มีใครทรงตัวตั้งมั่นอยู่ได้เลย ล้วนแล้วแต่เสื่อมสลายตายพังไปทั้งสิ้น เมื่อเป็นดังนี้ ขึ้นชื่อว่าการเกิดมาในโลกที่ทุกข์ยากเร่าร้อนเช่นนี้ เราไม่พึงต้องการ การเกิดมามีร่างกายที่ทุกข์ยากลำบากเช่นนี้ เราก็ไม่พึงต้องการ หากว่าต้องตายลงไปเมื่อไร เราขอมีพระนิพพานเป็นที่ไปแห่งเดียว

เมื่อกำลังใจของเราพิจารณามาถึงตรงจุดนี้แล้ว ก็ให้เอาจิตของเรากำหนดถึงภาพองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ดี ภาพของพระนิพพานก็ดี ให้ทรงตัวอยู่เฉพาะหน้าของเรา ตั้งใจว่าพระพุทธเจ้าไม่ได้อยู่ที่ไหนนอกจากอยู่บนพระนิพพาน พระเดชพระคุณท่านเจ้าประคุณหลวงปู่สมเด็จฯ วัดสามพระยา ท่านก็ก้าวล่วงไปสู่พระนิพพานแล้ว พระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุงก็ก้าวล่วงไปสู่พระนิพพานแล้ว เราทั้งหลายถ้าหากว่าต้องสิ้นชีวิตลงไป จะด้วยเพราะหมดอายุขัย หรือเกิดจากอุปฆาตกรรมใด ๆ ก็ดี เราขอไปยังสถานที่นี้ คือพระนิพพานแห่งเดียวเท่านั้น

ลำดับต่อไปก็ให้ทุกคนพิจารณาดู ถ้าหากว่ายังมีลมหายใจอยู่ ก็ให้กำหนดรู้ลมหายใจเข้าออกของเรา ถ้ายังมีคำภาวนาอยู่ ก็ให้กำหนดรู้คำภาวนาของเราไป ถ้าหากว่าลมหายใจเบาลง หรือคำภาวนาหายไป ก็ให้กำหนดรู้อยู่เฉพาะหน้าเท่านั้น ให้ทุกคนกำหนดรู้เช่นนี้ หรือกำหนดภาพพระหรือพระนิพพานเช่นนี้เอาไว้ให้มั่น จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา


พระครูวิลาศกาญจนธรรม
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านวิริยบารมี
วันอาทิตย์ที่ ๔ มีนาคม ๒๕๕๕

ชินเชาวน์
10-04-2012, 23:17
สามารถรับชมได้ที่

http://www.sapanboon.com/vdo/demo.php?filename=2555-03-04

ป.ล.
- สามารถชมบนไอโฟนและแอนดรอยด์ได้
- ห้ามคัดลอกไฟล์ไปเผยแพร่ที่อื่นเด็ดขาด !