ลัก...ยิ้ม
31-05-2011, 08:25
การซ้อมตาย
ก่อนที่จะตายจริง ๆ นั้นเป็นมิจฉาทิฐิหรือเปล่า
สมเด็จองค์ปฐม ทรงมีพระเมตตาตรัสสอนเพื่อนของผมไว้ มีความสำคัญดังนี้
๑. ทุกคนหรือทุกองค์ที่ในขณะนั้น เวลาใกล้จักตายมีใครบ้างที่คิดว่าตนเองกำลังซ้อมตาย หรือเป็นการลองตาย ทุกคนทุกองค์ต่างมีความคิดว่า กำลังจะตายจริง ตัดได้หรือไม่ ก็สุดแต่กำลังใจของแต่ละคน
๒. ในขณะนั้นไม่ใครคิดว่ากำลังตายไม่จริง ทุกคนต่างคิดว่ากำลังจะตายจริง ๆ จุดนี้แหละที่ผิดกับกำลังใจของเจ้า เพราะในเมื่อเจ้าตั้งใจว่าจะลองตายดู แต่จิตมันยังฝังอยู่ว่าตายไม่จริง วาระนี้ยังไม่ถึงคราวเป็นการลองซ้อมตาย เจ้าก็เลยประมาทยังตายไม่จริง เกิดคิดอย่างนั้นเข้า แต่วาระนั้นเกิดตายขึ้นมาจริง ๆ แล้วเจ้าจักเสียใจไหม นี่จุดนี้เจ้าคิดผิดไหม เป็นมิจฉาทิฐิไหม (ก็ยอมรับว่า เป็นมิจฉาทิฐิ)
๓. มีหรือจักไม่จริง จิตคิดแต่ผลได้ ไม่รู้จักคิดถึงผลเสียบ้างเลย ตถาคตมิได้สอนให้คิดว่าความตายเป็นของไม่จริง ทดลองประมาทกับความตายได้ แต่ความจริงแล้วความตายเป็นของจริง ให้ทุกคนอย่าประมาทกับความตาย อย่าล้อเล่นกับความตาย
๔. ให้ดูตัวอย่างพี่สาวของ... ที่ชอบกินยาตายประท้วงสามีนักเที่ยว เธอประมาทมากเกินไป รู้ว่าสามีจักกลับมาถึงบ้านเวลาไหน เธอก็กินยาในเวลานั้น สามีกลับมาถึงพาเธอไปส่งโรงพยาบาล ล้างท้องได้ทันถึง ๒ ครั้ง แต่เมื่อชะตาถึงฆาต ครั้งล่าสุดเธอก็คิดประท้วงสามีด้วยลีลาเดิม เธอกินยาในเวลานั้น คิดว่าจักอย่างไรสามีก็กลับบ้านมาทันนำเธอไปล้างท้องเหมือนเช่นเคย แต่เปล่า กฎของกรรมมันบังคับ สามีกลับผิดเวลา เธอเลยต้องสังเวยชีวิตเพราะความประมาทในการประท้วงโดยไม่เข้าท่าของเธอ จุดนี้เจ้าจักเห็นได้ว่า คนคิดว่าไม่ตายหรอก พอเกิดตายขึ้นมาจริง ๆ แล้ว ก็ต้องไปสู่อบายภูมิอย่างไม่มีใครช่วยได้ นี่เพราะความคิดเห็นผิด ๆ ของตนเองเป็นสำคัญ (เพื่อนผมก็ขอขมาต่อพระองค์ ยอมรับความโง่ของตนเอง)
ก่อนที่จะตายจริง ๆ นั้นเป็นมิจฉาทิฐิหรือเปล่า
สมเด็จองค์ปฐม ทรงมีพระเมตตาตรัสสอนเพื่อนของผมไว้ มีความสำคัญดังนี้
๑. ทุกคนหรือทุกองค์ที่ในขณะนั้น เวลาใกล้จักตายมีใครบ้างที่คิดว่าตนเองกำลังซ้อมตาย หรือเป็นการลองตาย ทุกคนทุกองค์ต่างมีความคิดว่า กำลังจะตายจริง ตัดได้หรือไม่ ก็สุดแต่กำลังใจของแต่ละคน
๒. ในขณะนั้นไม่ใครคิดว่ากำลังตายไม่จริง ทุกคนต่างคิดว่ากำลังจะตายจริง ๆ จุดนี้แหละที่ผิดกับกำลังใจของเจ้า เพราะในเมื่อเจ้าตั้งใจว่าจะลองตายดู แต่จิตมันยังฝังอยู่ว่าตายไม่จริง วาระนี้ยังไม่ถึงคราวเป็นการลองซ้อมตาย เจ้าก็เลยประมาทยังตายไม่จริง เกิดคิดอย่างนั้นเข้า แต่วาระนั้นเกิดตายขึ้นมาจริง ๆ แล้วเจ้าจักเสียใจไหม นี่จุดนี้เจ้าคิดผิดไหม เป็นมิจฉาทิฐิไหม (ก็ยอมรับว่า เป็นมิจฉาทิฐิ)
๓. มีหรือจักไม่จริง จิตคิดแต่ผลได้ ไม่รู้จักคิดถึงผลเสียบ้างเลย ตถาคตมิได้สอนให้คิดว่าความตายเป็นของไม่จริง ทดลองประมาทกับความตายได้ แต่ความจริงแล้วความตายเป็นของจริง ให้ทุกคนอย่าประมาทกับความตาย อย่าล้อเล่นกับความตาย
๔. ให้ดูตัวอย่างพี่สาวของ... ที่ชอบกินยาตายประท้วงสามีนักเที่ยว เธอประมาทมากเกินไป รู้ว่าสามีจักกลับมาถึงบ้านเวลาไหน เธอก็กินยาในเวลานั้น สามีกลับมาถึงพาเธอไปส่งโรงพยาบาล ล้างท้องได้ทันถึง ๒ ครั้ง แต่เมื่อชะตาถึงฆาต ครั้งล่าสุดเธอก็คิดประท้วงสามีด้วยลีลาเดิม เธอกินยาในเวลานั้น คิดว่าจักอย่างไรสามีก็กลับบ้านมาทันนำเธอไปล้างท้องเหมือนเช่นเคย แต่เปล่า กฎของกรรมมันบังคับ สามีกลับผิดเวลา เธอเลยต้องสังเวยชีวิตเพราะความประมาทในการประท้วงโดยไม่เข้าท่าของเธอ จุดนี้เจ้าจักเห็นได้ว่า คนคิดว่าไม่ตายหรอก พอเกิดตายขึ้นมาจริง ๆ แล้ว ก็ต้องไปสู่อบายภูมิอย่างไม่มีใครช่วยได้ นี่เพราะความคิดเห็นผิด ๆ ของตนเองเป็นสำคัญ (เพื่อนผมก็ขอขมาต่อพระองค์ ยอมรับความโง่ของตนเอง)