PDA

View Full Version : ประวัติของหลวงพ่อปราโภและหลวงพ่อคามวาสี


ลัก...ยิ้ม
21-04-2011, 10:12
ประวัติของหลวงพ่อปราโภและหลวงพ่อคามวาสี

สมเด็จองค์ปฐม ทรงมีพระเมตตาตรัสสอนเรื่องนี้ไว้ดังนี้

๑. “สำหรับที่พวกเจ้าสงสัยว่า หลวงพ่อปราโภและหลวงพ่อคามวาสี คือ พระพุทธเจ้าองค์ใดนั้น ตถาคตจักบอกให้ แต่ความนี้ไม่ใช่ธรรมสาธารณะ เอาแค่รู้ไว้เฉพาะพวกเจ้า ๒ คนเท่านั้นเป็นพอ”

๒. “องค์สมเด็จพระพุทธวิปัสสี คือ หลวงพ่อปราโภ องค์พระพุทธโกนาคม คือ หลวงพ่อคามวาสี”

๓. “ที่ไม่ต้องการให้รู้เป็นสาธารณะ เพราะต้องการให้ชื่อของหลวงพ่อปราโภและหลวงพ่อคามวาสีอยู่ติดปากสาธารณชนสืบไปเบื้องหน้านั้น จักมีประโยชน์กว่า”

๔. “อนึ่ง การระบุชื่อพระพุทธเจ้าโดยตรง หากมีใครมาตำหนิพระพุทธรูปที่เจ้าแทนองค์ท่านนั้น จักมีโทษเท่ากับปรามาสพระรัตนตรัยเลยเชียวนะ เพราะกล่าวถึงชื่อท่านโดยตรง อย่างติเตียนแค่หลวงพ่อปราโภและหลวงพ่อคามวาสี อย่างนี้มีโทษเหมือนกัน แต่น้อยกว่าเอ่ยถึงพระนามของพระพุทธเจ้ามาก”

ลัก...ยิ้ม
22-04-2011, 10:50
ธัมมวิจัย ขอเขียนเป็นข้อ ๆ เพื่อผู้อ่านจะได้จำง่ายดังนี้

๑. “ที่พระองค์ทรงตรัสว่า ความนี้ไม่ใช่ธรรมสาธารณะนั้น ทรงตรัสไว้เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๙ ตุลาคม ๒๕๒๗ มาถึงปัจจุบันก็จะถึงต้นปี ๒๕๕๒ แล้ว ก็ประมาณ ๑๕ ปีเต็ม ผู้รวบรวมพระธรรมของพระองค์ก็อายุ ๘๑ ปีแล้ว กำลังเดินเข้าหาความตายทุก ๆ ลมหายใจเข้าและออก เพราะความตายนั้นเกิดได้ทุก ๆ ขณะจิต ผู้ใดที่ประมาทในความตายจึงเท่ากับประมาทในพระธรรมคำสั่งสอนของพระองค์ทั้งหมด ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์”

๒. “พระองค์ทรงตรัสว่า นิพพานสมบัติจะไม่เกิดกับจิตผู้มีความประมาทในความตาย หรือผู้ใดประมาทในความตาย ผู้นั้นจะไม่มีนิพพานสมบัตินั่นเอง”

๓. ในเมื่อผู้รู้ตนเองอยู่เสมอว่า เราจะตายได้ทุกเวลา หากปล่อยความจริงที่พระองค์ตรัสไว้เกี่ยวกับความจริง ในเรื่องหลวงพ่อปราโภ กับหลวงพ่อคามวาสีก็จะหายไปด้วย จึงขออนุญาตพระพุทธองค์ พระพุทธองค์ก็ทรงอนุญาตให้เปิดเผยได้

๔. ในการปั้นรูปสมเด็จของหลวงพ่อทั้ง ๒ องค์ ก็ทรงมาควบคุมให้ผู้ปั้นปั้นตามนั้น

๕. คนส่วนใหญ่มักจะติดความสวยงาม จึงมักจะติดติ บางคนพูดติโดยตรง กรรมจากการตำหนิกรรมของผู้อื่นนั้นมีโทษร้ายแรงมาก เพราะไปติพระพุทธเจ้าทั้งสองพระองค์ และหากบังเอิญผู้นั้นท่านเป็นพระอริยเจ้าด้วยแล้ว โทษมีสูงมากขั้นลงอเวจีมหานรกกันทีเดียว

ลัก...ยิ้ม
25-04-2011, 10:58
๖. ข้อเท็จจริงในโลกนี้ มีใครบ้างที่ปั้นรูปสมมติของพระองค์ได้เหมือนพระองค์บ้าง พระพุทธรูปแต่ละสมัยจากเชียงแสน-สุโขทัย-อยุธยามาถึงปัจจุบันเหมือนกันไหม ความจริงเขาก็ปั้นตามอุปาทานของช่างปั้นเท่านั้นเอง ที่เห็นชัดคือช่างชาวพม่า ปั้นพระพุทธรูปคล้าย ๆ กันหมด ดูทีเดียวก็รู้ว่าช่างพม่าปั้น มีใครคิดอย่างนี้กันบ้างหรือเปล่า

๗. พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า รูปปั้น-รูปถ่าย-ภาพเขียนต่าง ๆ มิใช่ตถาคต ขันธ์ ๕ หรือร่างกายก็มิใช่ตถาคตหรือมิใช่พระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าคือพระธรรมหรือจิตผู้ทรงธรรม กรุณาอ่านเอกสารที่แจกให้เป็นธรรมทานประกอบ ก็จะเข้าใจได้ดีในเล่ม ๔ หน้า ๑๔๑-๑๔๔

๘. บนพระเศียรทั้ง ๒ พระองค์มีพระบรมสารีริกธาตุบรรจุอยู่ การกราบไหว้จึงได้บุญสูง หากผู้กราบทราบว่าตนได้กราบพระบรมสารีริกธาตุ ไม่ต้องเอาร่างกายไปกราบพระบรมสารีริกธาตุถึงจังหวัดเชียงราย ที่จังหวัดลำพูน จังหวัดนครพนม เป็นต้น

๙. หลวงพ่อปราโภเป็นพระที่ให้ลาภมาก ประเดี๋ยวจะหาว่าหมอไม่บอก อุบเอาไว้คนเดียว หลวงพ่อคามวาสีเป็นพระที่ออกโปรดชาวบ้าน ใครมีปัญหาเดือดร้อนเกี่ยวกับทางบ้านก็ให้มาอธิษฐานให้ท่านช่วยสงเคราะห์ได้

๑๐. พระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ ท่านมีพุทธานุภาพเหมือนกันหมด และที่ใดที่พระพุทธเจ้าเสด็จที่นั่นย่อมเป็นอุดมมงคล หลวงพ่อคามวาสี คือ พระที่เสด็จไปโปรดชาวบ้าน หลวงพ่อปราโภก็ให้ลาภแก่ชาวบ้าน การโปรดนั้นจะให้โปรดเป็นโลกียทรัพย์ก็ได้ เป็นโลกุตรทรัพย์ก็ได้ สุดแต่ผู้อธิษฐานจักต้องการทรัพย์ชนิดใด

๑๑. ผมขอบอกความจริงแก่กลุ่มผู้ปฏิบัติธรรมร่วมกันมา ๑๖ ปีแล้ว บางคนมาทีหลังก็ยังไม่ถึง ๑๖ ปี แต่ก็จัดว่าอยู่ในกลุ่มเดียวกันว่า เงินบริจาคของพวกท่านใน ๑๐ ปีแรก ผมนำไปเป็นวิหารทานที่วัดท่าซุงวัดเดียวเท่านั้น วัดอื่นไม่เคยทำ เพราะทุกคนได้ดีจากหลวงพ่อฤๅษีวัดท่าซุงทั้งสิ้น วัตถุทานที่ให้บุญสูงสุดก็คือ วิหารทาน ถวายสังฆทาน ๑๐๐ ครั้งบุญก็ยังสู้ถวายวิหารทานครั้งเดียวไม่ได้ วิมานของพวกเราจึงสวยสดงดงามหาที่เปรียบมิได้ทุกคน แต่ปัญญาส่วนใหญ่ยังนิ่มหรือยังจู๋อยู่ ใน ๕-๖ ปีหลังผมจึงเน้นเอามาเป็นธรรมทานซึ่งชนะทานทั้งปวง มีผลทำให้เกิดปัญญาตัดกิเลสให้เป็นสมุจเฉทปหานได้ เพราะธรรมทานตัดได้ทั้งโลภ-โกรธ-หลง ผมจึงสร้างวิหารทานเป็นส่วนน้อย ตรงข้ามกับ ๑๐ ปีที่แล้ว

๑๒. ขอให้ทุกท่านกรุณาไปดูผลบุญของพวกท่านที่วัดท่าซุง โบสถ์และวิหาร-เจดีย์ ซุ้มพระพุทธบาทจำลอง ล้วนเป็นผลบุญของพวกท่านทุก ๆ คน และอย่าลืมแวะไปกราบหลวงพ่อปราโภและหลวงพ่อคามวาสีด้วยก็แล้วกัน

ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น เล่ม ๗
รวบรวมโดย พล.ต.ท. นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน

ขอเชิญทุกท่านเข้าไปอ่านได้ที่ www.tangnipparn.com (http://www.tangnipparn.com)