PDA

View Full Version : หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม


เถรี
18-03-2009, 12:54
http://i398.photobucket.com/albums/pp69/tidtou/2-4.jpg

สมัยหนึ่งพวกทหารอากาศไปนมัสการหลวงปู่ตื้อ และคงมีเหตุไม่ชอบมาพากลอย่างไร
หลวงปู่ตื้อผลุนผลันลุกขึ้นเดินไปฉี่ใส่ตอไม้ และกล่าวห้วน ๆ กับพวกนั้นว่า

“คนเราถ้ามันจะขลัง ต้องขลังกระทั่งเยี่ยว เอ้า..ยิง”
ทหารพวกนั้นซัดซัลโวใส่ตอไม้ ปรากฏว่าไม่ออกสักนัด นี่นับเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ที่แสดงถึงความศักดิ์สิทธิ์ของท่าน แม้กระทั่งฉี่ยังทำให้ทหารยิงปืนไม่ออก

นอกจากนั้นแล้วก็มีบ้างที่พวกลูกศิษย์บางคนคิดพิเรนทร์เล่นแปลก ๆ บางคนถึงกับเอาเส้นเกศาของหลวงปู่ตื้อที่ท่านโกนทิ้งแล้ว เอาไปลองยิงดู ปรากฏว่ายิงไม่ออก !

พอลงมือยิง ปืนไม่ลั่น ก็รีบมาบอกหลวงปู่ตื้ออีกเช่นกัน เพื่อหวังว่าจะให้หลวงปู่ชมที่ตนเองค้นพบความมหัศจรรย์ ถือว่าเป็นคุณความดีเกิดขึ้นกับตัว
" หลวงปู่...หลวงปู่ครับ ผมลองเอาปืนยิงเส้นเกศาของหลวงปู่ดู มันยิงไม่ออกนะครับหลวงปู่ "

หลวงปู่ตื้อ ย้อนถามเสียงดังว่า
" ผมกูไปลักควายพ่อมึงหรือ ผมของกูไปนอนกับแม่มึงหรือ มึงเอาผมกูไปยิงทำไม ทำอย่างนี้แสดงว่าไม่เชื่อกันนะสิ "

แม้หลวงปู่ท่านจนจะกล่าวด้วยคำพูดที่ดุดัน แต่สีหน้าอาการสงบเงียบ แสดงชัดว่า การดุด่าของท่านมิได้เป็นไปด้วยอารมณ์ปุถุชน แต่เป็นการเตือนสติ ให้พิจารณาถึงสิ่งอันควรไม่ควร

เถรี
18-03-2009, 14:00
ปฏิปทาของหลวงปู่ตื้ออาจหาญสมกับเป็นนักรบธรรมของท่านพระอาจารย์มั่น ลักษณะนิสัยท่านเป็นประดุจเสือโคร่ง และท่านมักปฏิบัติกรรมฐานอย่างอุกฤษฏ์ โดยถือเอาเสือโคร่งเป็นแบบอย่างโดยอิริยาบถ ๔ คือ

๑. ต้องมีน้ำจิตน้ำใจแข็งแกร่งกล้าหาญในการเที่ยวธุดงค์ล่ากิเลส ประดุจเสือตัวเดียว เที่ยวล่าเหยื่อไม่กลัวต่อภยันตรายใด ๆ

๒. ต้องกล้าเที่ยวไปในค่ำคืน ประดุจเสือไม่กลัวต่อมรณภัยในความมืด

๓. ต้องชอบอยู่ในท้องถ้ำที่สงัดจากผู้คน ประดุจเสือหลีกเร้นซ่อนตัวอยู่ในถ้ำอันลึกลับที่ผู้คนเข้าไปไม่ถึง

๔. คิดทำอะไรลงไปแล้วต้องมุ่งความสำเร็จเป็นจุดหมาย ประดุจแววตาเสือได้จ้องเขม็งไปที่เหยื่อรายใดแล้ว ต้องตามตะปบขย้ำจนสำเร็จ

เถรี
18-08-2009, 19:06
ตอบได้หมด

หลวงปู่ตื้อท่านพูดขึ้นว่า
"ไหน ใครมีปัญหาอะไรอยากถาม ถามมาได้เลย กูนี่...ตอบได้หมด ยิ่งถ้าเป็นปัญหาเป็นพัน ๆ ปี ก็ยิ่งตอบได้ถนัดเลย"

"โอ้โฮ! ขนาดนั้นเลยหรือหลวงปู่" โยมคนเดิมกล่าวขึ้น โยมคนอื่น ๆ ที่ฟังอยู่ตรงนั้น มองหลวงปู่ตาเชื่อม นึกศรัทธาในใจอย่างบอกไม่ถูก

"ก็เออสิวะ ...กูตอบได้หมด ปัญหาในโลกนี้ ยิ่งนานเป็นพันปี กูยิ่งตอบได้ถนัด เต็มปากเต็มคำเลย"

"ทำไมถึงเป็นอย่างนั้นละเจ้าคะหลวงปู่" โยมผู้หญิงถามขึ้นบ้าง

"อ้าว! ก็มันนานมาแล้ว
ไม่มีคนไปรู้กับกูหรอก
ไม่มีคนไปค้นได้
ไอ้คนที่ถามกู มันก็ไม่รู้เรื่องเหมือนกันละวะ" !!!

คิมหันต์
18-08-2009, 23:13
อีตอแหล

อุบาสิกาท่านหนึ่ง มีความซาบซึ้งดื่มด่ำในธรรมที่หลวงปู่ตื้อแสดงอย่างยิ่ง เมื่อเทศน์จบลง อุบาสิกาท่านนี้ก็คลานคล้อยเข้าไปเบื้องหน้าธรรมาสน์ที่ท่านนั่งแสดงธรรม พนมมือนมัสการกราบเรียนหลวงปู่ว่า

"หลวงปู่เจ้าค่ะ อีฉันได้ฟังหลวงปู่เทศนาแล้ว เบากายเบาใจเหลือเกิน อีฉันปล่อยวางได้หมดแล้วเจ้าค่ะ"

"อนุโมทนาด้วยคุณโยม ที่เกิดดวงตาเห็นธรรม"

"อีฉันไม่ยึดมั่นถือมั่นอีกต่อไปแล้วเจ้าค่ะหลวงปู่"

หลวงปู่ตื้อนิ่งไปนิดหนึ่ง ก่อนจะพูดเสียงดังฟังชัดว่า

"อีตอแหล!"

สิ้นคำหลวงปู่ อุบาสิกาท่านนั้นถึงกับหน้าแดงก่ำทั้งโกรธทั้งอาย ต่อว่าหลวงปู่ตื้อเสียงสั่นว่า ทำไมท่านจึงมาด่าว่าตนท่ามกลางสาธารณชนเช่นนี้

หลวงปู่ตื้อได้แต่หัวเราะหึ ๆ ไม่อธิบายโต้ตอบอะไร ขณะที่คนทั้งศาลาหัวเราะกันครืน เพราะเป็นที่แน่ชัดแล้วว่า อุบาสิกาปล่อยวางอะไรไม่ได้เลย และยังยึดมั่นตัวตนของตนอย่างเหนียวแน่นครบถ้วน

สุดใจ
19-08-2009, 07:49
ในเรื่องการเทศน์นี้ หลวงปู่ตื้อจัดว่าเป็นพระป่ากรรมฐานที่เทศน์เก่งท่านหนึ่ง
แต่เนื้อหาที่เทศน์ มักจะเป็นเนื้อหาสาระที่มาจากการปฏิบัติภาวนาอย่างจริงจังไม่ได้เทศน์เหมือนพระนักปริยัติ ที่มักจะอ้างอิงตำราเสมอ

ในการเทศน์ครั้งหนึ่ง ได้มีพระภิกษุหนุ่มกลุ่มหนึ่งซึ่งเป็นพระนักปริยัติเป็นมหาเปรียญ ได้รับการศึกษาแบบสมัยใหม่ ตามมาฟังหลวงปู่ตื้อเทศน์ด้วย

ในระหว่างที่ฟังหลวงปู่ตื้อเทศน์
พระภิกษุกลุ่มนั้น ก็ได้พูดคุยซุบซิบกันเบา ๆ ซึ่งไม่มีทางที่จะได้ยินไปถึงหลวงปู่ตื้ออย่างแน่นอน

พระภิกษุกลุ่มนั้นต่างซุบซิบกันว่า หลวงปู่ตื้อนี่เทศน์โบราณไม่มีการพัฒนา มีแต่ของเก่า ๆ ไม่ทันสมัย

ในขณะนั้นเอง หลวงปู่ตื้อที่กำลังเทศน์อยู่ ก็หยุดเทศน์อย่างกระทันหัน ราวกับได้ยินเรื่องราวที่กลุ่มพระภิกษุหนุ่มนั้นคุยกัน (ทั้ง ๆ ที่อยู่ห่างมาก และพูดกันแบบซุบซิบเบา ๆ เป็นไปไม่ได้เลยที่ท่านจะได้ยิน)

หลวงปู่หยุดเทศน์ และเดินมาทางพระภิกษุรูปหนึ่งที่แอบนินทาท่าน ท่ามกลางความงุนงงของบรรดาญาติโยม
พอท่านเดินมาถึงที่ที่พระภิกษุรูปนั้นนั่งอยู่ ก็พูดเสียงดังขึ้นว่า

"เอ้า! คุณเหลน คุณมหา
หลวงตาจะคอยฟังคุณเหลน คุณมหาเทศน์สักหน่อย ขอให้เทศน์เอาแต่ของใหม่ ๆ นะ"

พระหนุ่มรูปนั้นเห็นโอกาสที่จะเทศน์โชว์ ก็เดินขึ้นธรรมาสน์ด้วยท่าทางที่มั่นใจ ในใจคิดว่าจะเทศน์แบบสมัยใหม่ให้หลวงปู่ตื้อฟัง ตามแบบฉบับของพระปริญญามหาเปรียญ

พระหนุ่มรูปนั้นนั่งบนธรรมาสน์พนมมือขึ้น พร้อมกับเริ่มต้นบทสวดบูชาพระพุทธคุณก่อน

"นะโม..." พระหนุ่มเพิ่งจะเริ่มต้น ก็ต้องหยุดกระทันหัน
เมื่อมีเสียงของหลวงปู่ตื้อดังขึ้น...

"เฮ้ย!...หยุด! หยุด! หยุด!...คุณเหลนหยุด หยุดเลย

หยุด ไม่เอา ไม่เอา "นะโม" มันของเก่า
มีมากว่าสองพันปีแล้วคุณเหลน....":70bff581::70bff581:

สุดใจ
19-08-2009, 07:55
หลวงปู่ตื้อมีอุบายสอนศิษย์ด้วยวิธีการแปลก ๆ เสมอ

มีอยู่ครั้งหนึ่ง ขณะที่หลวงปู่กำลังเทศน์แสดงธรรมผ่านเครื่องขยายเสียงอยู่นั้น ญาติโยมบางกลุ่มไม่ตั้งใจฟังเทศน์ของหลวงปู่ แต่จับกลุ่มคุยกันจ้อกแจ้ก

ในการเทศน์ของหลวงปู่ตื้อนั้น ท่านจะหลับตาเทศน์ เมื่อเสียงจ้อกแจ้กดังขึ้นเรื่อย ๆ ท่านจึงลืมตาดูและหยุดเทศน์ไปชั่วขณะ แต่เสียงจ้อกแจ้กก็ยังไม่หยุด ท่านจึงพูดเสียงดังผ่านไมโครโฟนว่า

"เอ้า! หลวงตาตื้อเทศน์ให้ไม่ฟัง...
...เอ๊า! ฟังตดซะ" :msn_smileys-16:

"ปู๊ด...ป้าด...ปู้ด" เสียงประหลาดดังกังวาลขึ้น
ผ่านเครื่องขยายเสียงเป็นชุด ๆ

เสียงดังจ้อกแจ้กเงียบเป็นปลิดทิ้ง! หลังจากเสียงประหลาดดังขึ้น

ศาลาแสดงธรรมแห่งนั้นก็เงียบกริบ...:onion_emoticons-17:

มีโยมคนหนึ่งตั้งสติได้ก่อนเพื่อน จึงพูดขึ้นเสียงดังว่า

"ขอให้หลวงตามีสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์"

แล้วโยมคนอื่น ๆ ก็ยกมือ และกล่าวพร้อมกันว่า "สาธุ"! :7f5341cc:

สุดใจ
19-08-2009, 09:35
ในการปฏิบัติสมถกรรมฐานนั้น เมื่อผู้ที่ปฏิบัติภาวนาจิตใจสงบตั้งมั่นเป็นสมาธิได้แล้ว ถ้าบังเกิดนิมิต (คือเห็นรูป ได้ยินเสียง หรือแม้แต่อาการใด ๆ ก็ตามในขณะที่จิตสงบนั้น) แล้วอาจลุ่มหลงได้...

ธรรมิกของหลวงปู่ตื้อคือหลวงปู่บุญทัน ซึ่งหลวงปู่ตื้อเคยเดินธุดงค์อยู่บริเวณเชียงใหม่ด้วยกัน ท่านทั้งสองจึงสนิทสนมกันดี

สมัยหนึ่งหลวงปู่บุญทันเร่งความเพียรภาวนาอย่างหนัก ความรู้ที่ได้จากสมถวิปัสสนาทำให้ท่านมั่นใจว่า

ท่านได้สำเร็จอรหันต์หมดซึ่งกิเลสแล้ว (ซึ่งจริง ๆ แล้วท่านเข้าใจผิด เนื่องมาจากอาการวิปลาสจากการภาวนา
หรือวิปลาสเนื่องมาจากวิปัสสนูปกิเลส)

เมื่อท่านคิดว่าท่านสำเร็จอรหันต์แล้ว ท่านจึงอยากจะออกไปติดตามหาหลวงปู่มั่น พบว่าท่านอยู่ที่เชียงใหม่ เมื่อเจอหลวงปู่มั่นแล้ว หลวงปู่บุญทันก็เข้าไปกราบนมัสการหลวงปู่มั่นแล้วจึงกราบเรียนอย่างถ่อมตัวว่า

"สำคัญว่า ...กระผมเดินทางมาทางอากาศ"

หลวงปู่ตื้อซึ่งนั่งอยู่ด้วย ก็ออกไปยืนแหงนหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้า ทำท่าราวกับมองหาหลวงปู่บุญทันบนท้องฟ้า แล้วพูดด้วยเสียงดังลั่นว่า

"โน่น ! พระอรหันต์ผีบ้า พระอรหันต์โลกีย์
พระอรหันต์เวียนว่ายตายเกิด มาแล้วโว้ย
โน่นเหาะมาแล้ว!" :onion_emoticons-17:

อรรถาธิบาย

หลวงปู่ตื้อพูดแรง ๆ เพื่อยุให้หลวงปู่บุญทันโกรธ เมื่อหลวงปู่บุญทันโกรธแล้ว ก็จะคลายอาการวิปลาสได้

ซึ่งวิธีนี้เป็นวิธีที่พระอาจารย์ลูกศิษย์สายหลวงปู่มั่นทั้งหลายใช้กันเป็นปกติ

หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี และหลวงปู่ดูลย์ อตุโล ก็เคยใช้วิธีแบบนี้กับลูกศิษย์ที่ปฏิบัติความเพียรอย่างหนักจนเกิดอาการวิปลาสขึ้น