ลัก...ยิ้ม
09-12-2010, 11:24
ความไม่รู้จักพอ
สมเด็จองค์ปฐม ทรงพระเมตตาตรัสสอนเรื่องนี้ไว้ดังนี้
๑. “อย่ากังวลใจในส่วนที่ใครจักร่วมทำบุญหรือไม่ก็ตาม อย่าเอาจิตไปผูกพัน เพราะนั่นเป็นอารมณ์แล้ว หรือโลภอยากได้ทรัพย์ของเขาประการหนึ่งเหมือนกัน”
๒. “แม้จักไม่นำทรัพย์นั้นมาเป็นส่วนตนก็ตาม ก็ยังจัดได้ว่ามีความอยากได้ จุดนี้ทำให้อารมณ์จิตมีความกระหายเป็นทุกข์ เพราะความไม่รู้จักพอ”
๓. “ผู้รับทานบริจาค จักต้องมีอารมณ์พอ คือ พอในใจอยู่เสมอ ใครจักทำบุญหรือไม่ทำบุญ เราก็พอใจ ไม่โลภอยากได้ทรัพย์สินของเขามาร่วมบุญที่เราทำ ทำก็ดี ไม่ทำก็ดี มีความพอดีอยู่ในใจ อารมณ์จิตก็จักเป็นสุข”
๔. ทรงตรัสถามว่า “อารมณ์ไม่วุ่นวาย กับอารมณ์เฉย ๆ อันไหนจักดีกว่ากัน” (ตอบว่า อารมณ์เฉย ๆ ดีกว่า)
๕. “ส่วนใหญ่เจ้ามักจักเฉยไม่เป็น นี่เพราะอานาปานุสติกรรมฐานอ่อนไป จึงมักจักขาดสติ ตามไม่รู้เท่าทันอารมณ์อยู่เสมอ จุดนี้แหละที่บกพร่อง ทำให้จิตกระวนกระวาย ต้องหมั่นควบคุมอานาปานุสติกรรมฐานให้มาก”
ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น เล่ม ๗
รวบรวมโดย พล.ต.ท. นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน
ขอเชิญทุกท่านเข้าไปอ่านได้ที่ www.tangnipparn.com
สมเด็จองค์ปฐม ทรงพระเมตตาตรัสสอนเรื่องนี้ไว้ดังนี้
๑. “อย่ากังวลใจในส่วนที่ใครจักร่วมทำบุญหรือไม่ก็ตาม อย่าเอาจิตไปผูกพัน เพราะนั่นเป็นอารมณ์แล้ว หรือโลภอยากได้ทรัพย์ของเขาประการหนึ่งเหมือนกัน”
๒. “แม้จักไม่นำทรัพย์นั้นมาเป็นส่วนตนก็ตาม ก็ยังจัดได้ว่ามีความอยากได้ จุดนี้ทำให้อารมณ์จิตมีความกระหายเป็นทุกข์ เพราะความไม่รู้จักพอ”
๓. “ผู้รับทานบริจาค จักต้องมีอารมณ์พอ คือ พอในใจอยู่เสมอ ใครจักทำบุญหรือไม่ทำบุญ เราก็พอใจ ไม่โลภอยากได้ทรัพย์สินของเขามาร่วมบุญที่เราทำ ทำก็ดี ไม่ทำก็ดี มีความพอดีอยู่ในใจ อารมณ์จิตก็จักเป็นสุข”
๔. ทรงตรัสถามว่า “อารมณ์ไม่วุ่นวาย กับอารมณ์เฉย ๆ อันไหนจักดีกว่ากัน” (ตอบว่า อารมณ์เฉย ๆ ดีกว่า)
๕. “ส่วนใหญ่เจ้ามักจักเฉยไม่เป็น นี่เพราะอานาปานุสติกรรมฐานอ่อนไป จึงมักจักขาดสติ ตามไม่รู้เท่าทันอารมณ์อยู่เสมอ จุดนี้แหละที่บกพร่อง ทำให้จิตกระวนกระวาย ต้องหมั่นควบคุมอานาปานุสติกรรมฐานให้มาก”
ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น เล่ม ๗
รวบรวมโดย พล.ต.ท. นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน
ขอเชิญทุกท่านเข้าไปอ่านได้ที่ www.tangnipparn.com