ลัก...ยิ้ม
03-12-2010, 11:44
อย่าเหนื่อยใจ เหนื่อยกายช่างมัน
สมเด็จองค์ปฐม ทรงมีพระเมตตาตรัสสอนไว้ ดังนี้
๑. “อย่าเหนื่อยใจ เหนื่อยกายช่างมัน เพราะเป็นธรรมดาของการมีขันธ์ ๕ จักต้องเหนื่อยเช่นนี้ แต่การเหนื่อยใจ คือ อารมณ์หดหู่ เป็นโมหะจริต จักต้องพยายามระงับ อย่าให้อารมณ์นี้กำเริบอยู่นาน”
๒. “จงหักล้างด้วยอานาปานุสติกรรมฐาน ควบคู่กับวิปัสสนาให้รู้เท่าทันความจริงของโลก ไม่ว่าโลกภายนอกหรือโลกภายใน (ขันธโลก) มันเป็นเช่นนั้นอยู่เป็นปกติ จักไปเหนื่อยใจทำไมกัน” (ก็นึกในใจว่า เบื่อความขัดแย้ง)
๓. ทรงแย้มพระโอษฐ์ ตรัสว่า “ธรรมยังไม่ไปในทางเดียวกัน ก็ย่อมมีความขัดแย้งเป็นธรรมดา อย่าว่าแต่คนอื่นเขาขัดแย้งกับเจ้าเลย แม้แต่จิตของเจ้าเองในบางขณะยังขัดแย้งกันเองเลย”
๔. “ทั้ง ๆ ที่รับคำสอนอยู่อย่างนี้ ในบางขณะที่มีนิวรณ์เข้าแทรก เจ้าเองเชื่อฟังคำตรัสสอนอยู่ แต่พอนอกเหนือไปจากเวลานั้น อารมณ์สงสัยยังเข้ามาขัดแย้งว่า จริงหรือไม่จริง?”
๕. “อย่าตำหนิว่าคนอื่นว่า เขาไม่เข้าใจเรา เราเองก็ยังไม่เข้าใจตนเอง สร้างปัญหาให้กับตนเองให้เกิดขึ้นอยู่เสมอ ๆ เพราะเหตุธรรมะยังไม่ไปทางเดียวกัน ฝึกฝนเข้าซิเจ้า คุมจิตคุมธรรมที่เกิดขึ้นให้ไปในทางเดียวกัน ไม่ต้องไปคุมคนอื่น”
๖. “คุมจิตตนเองให้ได้เสียก่อน แล้วเจ้าจักไม่ขัดแย้งในตัวของเจ้าเอง และเมื่อไปในทางเดียวกันในจิตตนเองเกิด ก็จักไม่มีความขัดแย้งในบุคคลอื่นเลย เพราะมีความเข้าใจในธรรมะนั้นนั่นเอง ทุกอย่างลงตัวธรรมดาเมื่อจิตเข้าถึงธรรมนั้น”
ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น เล่ม ๗
รวบรวมโดย พล.ต.ท. นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน:pg_18:
ขอเชิญทุกท่านเข้าไปอ่านได้ที่ www.tangnipparn.com (http://www.tangnipparn.com)
สมเด็จองค์ปฐม ทรงมีพระเมตตาตรัสสอนไว้ ดังนี้
๑. “อย่าเหนื่อยใจ เหนื่อยกายช่างมัน เพราะเป็นธรรมดาของการมีขันธ์ ๕ จักต้องเหนื่อยเช่นนี้ แต่การเหนื่อยใจ คือ อารมณ์หดหู่ เป็นโมหะจริต จักต้องพยายามระงับ อย่าให้อารมณ์นี้กำเริบอยู่นาน”
๒. “จงหักล้างด้วยอานาปานุสติกรรมฐาน ควบคู่กับวิปัสสนาให้รู้เท่าทันความจริงของโลก ไม่ว่าโลกภายนอกหรือโลกภายใน (ขันธโลก) มันเป็นเช่นนั้นอยู่เป็นปกติ จักไปเหนื่อยใจทำไมกัน” (ก็นึกในใจว่า เบื่อความขัดแย้ง)
๓. ทรงแย้มพระโอษฐ์ ตรัสว่า “ธรรมยังไม่ไปในทางเดียวกัน ก็ย่อมมีความขัดแย้งเป็นธรรมดา อย่าว่าแต่คนอื่นเขาขัดแย้งกับเจ้าเลย แม้แต่จิตของเจ้าเองในบางขณะยังขัดแย้งกันเองเลย”
๔. “ทั้ง ๆ ที่รับคำสอนอยู่อย่างนี้ ในบางขณะที่มีนิวรณ์เข้าแทรก เจ้าเองเชื่อฟังคำตรัสสอนอยู่ แต่พอนอกเหนือไปจากเวลานั้น อารมณ์สงสัยยังเข้ามาขัดแย้งว่า จริงหรือไม่จริง?”
๕. “อย่าตำหนิว่าคนอื่นว่า เขาไม่เข้าใจเรา เราเองก็ยังไม่เข้าใจตนเอง สร้างปัญหาให้กับตนเองให้เกิดขึ้นอยู่เสมอ ๆ เพราะเหตุธรรมะยังไม่ไปทางเดียวกัน ฝึกฝนเข้าซิเจ้า คุมจิตคุมธรรมที่เกิดขึ้นให้ไปในทางเดียวกัน ไม่ต้องไปคุมคนอื่น”
๖. “คุมจิตตนเองให้ได้เสียก่อน แล้วเจ้าจักไม่ขัดแย้งในตัวของเจ้าเอง และเมื่อไปในทางเดียวกันในจิตตนเองเกิด ก็จักไม่มีความขัดแย้งในบุคคลอื่นเลย เพราะมีความเข้าใจในธรรมะนั้นนั่นเอง ทุกอย่างลงตัวธรรมดาเมื่อจิตเข้าถึงธรรมนั้น”
ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น เล่ม ๗
รวบรวมโดย พล.ต.ท. นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน:pg_18:
ขอเชิญทุกท่านเข้าไปอ่านได้ที่ www.tangnipparn.com (http://www.tangnipparn.com)