PDA

View Full Version : หลวงปู่บุดดา ถาวโร ทิ้งขันธ์ ๕


ลัก...ยิ้ม
15-10-2010, 10:21
หลวงปู่บุดดา ถาวโร ทิ้งขันธ์ ๕


ทั้งโทรทัศน์และ น.ส.พ. ออกข่าวว่า หลวงปู่บุดดา ท่านทิ้งขันธ์ ๕ ไปเมื่อวันพุธที่ ๑๒ ม.ค. พ.ศ.๒๕๓๗ เวลา ๒๐.๐๐ น. โดยประมาณด้วยอาการสงบ เพื่อนของผมท่านเล่าว่า ขณะที่กวาดวัดในตอนเช้า พอรู้ข่าวทั้ง ๆ ที่ตนเองก็รู้ล่วงหน้าว่าท่านจะทิ้งขันธ์หลังวันเกิดของท่านเมื่อ ๕ ม.ค. ๒๕๓๗ แต่อารมณ์จิตก็อดหวั่นไหวมิได้ ซึ่งก็เป็นของธรรมดา เพราะรู้ว่าตนยังมีอารมณ์ ๒ อยู่ (พอใจกับไม่พอใจ) พอทำจิตให้สงบลงก็เห็นหลวงปู่กับหลวงพ่อยืนอยู่ หลวงปู่สอนว่า

๑. “ขันธ์ที่ช่วยตัวเองไม่ได้อย่างนี้ ไม่มีใครต้องการเอาไว้หรอก ข้าเหมือนคนอยู่บ้านผุ ๆ หลังคาก็รั่ว เพดานก็โหว่ บันไดก็ใช้การอะไรไม่ใคร่จะได้ มันซ่อมไม่ไหว ก็ต้องไปดีกว่า นี่มันเรื่องธรรมดานะท่านฤๅษี”

๒. “ไอ้คนโง่เท่านั้นแหละที่มันไม่ยอมรับธรรมดา ร่างกายไม่ดีมันก็บอกว่าดี ร่างกายสกปรกมันก็ว่าดี ร่างกายมันจะไปไม่ไหว มันก็บอกว่าไปไหว มันฝืนความจริง เกาะร่างกายแจอย่างนี้ มันจะไปนิพพานได้อย่างไรกัน” (ฟังแล้วสะอึก เพราะท่านพูดแทงใจดำ)

๓. “เอ็งเห็นดอกไม้ที่ร่วงไหม?” (ก็รับว่าเห็นดอกที่ร่วงอยู่นี้) “มีทั้งดอกอ่อนที่ยังไม่ตูม ดอกที่ตูมแล้วยังไม่บาน ดอกที่บานแล้วยังไม่โรย ดอกที่โรยแล้วยังไม่เหี่ยว ดอกที่เหี่ยวแล้วยังไม่แห้ง ดอกที่แห้งแล้วเป็นที่สุดก็มี นี่มันร่วงลงมาจากต้นไม้เหมือนกัน ทั้ง ๆ ที่สภาวะของมันไม่เท่านั้น”

๔. “ชีวิตร่างกายของคนก็เหมือนกัน บางรายตายตั้งแต่อยู่ในครรภ์ บางรายคลอดออกมาแล้วตาย บางรายตายตั้งแต่ยังเป็นเด็ก บางรายตายตอนเป็นหนุ่มเป็นสาว บางรายตายตอนวัยกลางคน บางรายตายเมื่อแก่ อย่างข้านี่ตายเมื่อแก่ก็ไม่ต่างกับดอกไม้ที่แห้งคาต้น แล้วร่วงหล่นลงมา สภาวะความจริงมันเป็นอย่างนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นมาในโลกมีอนัตตาเป็นที่สุด อย่างร่างกายก็คือตายไปในที่สุด”

๕. “แล้วเอ็งเห็นดอกไม้ร่วงหล่นอยู่นี่ เอ็งมีความเศร้าโศกบ้างหรือไม่” (ก็ตอบว่า ไม่)

๖. “นั่นซิ มันร่วงมันหล่นมากมายเกลื่อนกลาดอย่างนี้ มันก็เป็นปกติของมัน ร่างกายก็เหมือนกัน มันร่วงมันหล่นก็เป็นปกติของมัน จะมัวเศร้าโศกเสียใจอยู่ทำไม ภาวะปกติมันเป็นอยู่อย่างนี้ มันเป็นธรรมดา ก็จงอย่าไปฝืนมัน ไม่มีใครหรอกที่เกิดมาแล้วไม่ตาย”

๗. “จากนั้นหลวงปู่บุดดาท่านก็เมตตามาปรากฏอยู่ตรงหน้า เป็นรูปกายพระสงฆ์ก่อน แล้วเปลี่ยนกายเป็นพระวิสุทธิเทพ เป็นแก้วใสสะอาดตา แล้วสอนว่า “กายนี้ซิสบาย ไม่เจ็บ ไม่ป่วย ไม่แก่ ไม่ตาย ตับ ไต ไส้ ปอดไม่มี เครื่องในไม่มี สะอาดเกลี้ยงเกลา ถ้าอยากได้กายนี้ ก็ต้องพยายามวางอารมณ์เกาะยึดร่างกายลงเสียให้ได้ ทุกอย่างสำเร็จได้ด้วยความเพียรนะลูก”

ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น เล่ม ๗
รวบรวมโดย พล.ต.ท. นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน

ขอเชิญทุกท่านเข้าไปอ่านได้ที่ www.tangnipparn.com