PDA

View Full Version : ทำอานาปานุสติกองเดียว


ลัก...ยิ้ม
06-10-2010, 14:44
ทำอานาปานุสติกองเดียว
ก็ถึงพระอรหันต์



เมื่อวันเสาร์ที่ ๖ พ.ย. ๒๕๓๖ สมเด็จองค์ปฐม ทรงพระเมตตาตรัสสอนไว้ ดังนี้

๑. “บ่ายนี้ที่เจ้าฟังท่านฤๅษีสอนในเทปหมวดอานาปานุสติที่ว่า แม้แต่ในขณะพูดอยู่ก็กำหนดรู้ลมหายใจเข้าออกได้ จักขาดจริง ๆ แต่คำภาวนาเท่านั้น แล้วเจ้ามาคิดต่อว่า คำพูดคำหนึ่งคือลมหายใจเข้า เมื่อต่ออีกคำหนึ่งก็คือลมหายใจออกนั้น เป็นการถูกต้อง เพราะขณะจิตหนึ่งคือลมหายใจเข้า ยังไม่ทันลมหายใจออก หรือแค่พุทยังไม่ทันโธ”

๒. “แล้วที่เจ้าคิดต่อไปว่า ในคนที่พูดรุนแรงรวดเร็ว ด้วยอารมณ์โทสะ จักนับว่าคำพูดหนึ่งเท่ากับลมหายใจออกได้ไหม? ตถาคตรับรองว่าได้ เพราะในคนที่กำลังมีโทสะเกิดขึ้นกับจิตนั้น กำลังไฟเผาผลาญร่างกายให้ทำงานเร็วขึ้น โลหิตในร่างกายถูกหัวใจสูบฉีดให้ไหลแรงเร็วขึ้น ลมหายใจก็ถี่ขึ้นตามอารมณ์ที่ถูกกระทบนั้น เหมือนคนที่วิ่งออกกำลังกายมาเหนื่อย ๆ หัวใจก็เต้นแรงปานกัน คำพูดที่รัวออกมาจึงเป็นจังหวะของลมหายใจได้เสมอกัน” (สันตติภายนอกกับสันตติภายใน)

๓. “แล้วที่เจ้าคิดว่า เมื่อพระอรหันต์ท่านกำหนดรู้ลมหายใจเข้าออกตลอดเวลา การพูดของท่านก็ย่อมรู้ในวาจาที่พูดออกมาตลอดเวลา เพราะจิตท่านทรงสติสมบูรณ์ด้วยอานาปานั้น จักใช่หรือไม่ ตถาคตก็จักยืนยันว่า ใช่ เพราะฉะนั้นคำว่าเพ้อเจ้อ เหลวไหล ไม่มีเหตุ ไม่มีผล ย่อมไม่มีในวาจาของพระอรหันต์อย่างแน่นอน เพราะท่านมีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์ ด้วยการกำหนดรู้อานาปานสติควบกับมรณานุสติ ควบกับกายคตาและอสุภกรรมฐาน และกำหนดรู้ในอริยสัจ หรือกฎของกรรมอย่างมั่นคง ความหลงไม่ยอมรับนับถือในกฎของกรรมนั้น ไม่มีในพระอรหันต์ และเป็นคำจริงที่เจ้าคิดต่อไปว่า พระอรหันต์เห็นอะไรที่เกิดขึ้นในโลกนี้เป็นเรื่องธรรมดาหมด”

๔. “เจ้าเห็นอิทธิพลของอานาปานุสติแล้วหรือยัง” (ก็รับว่า เห็นแล้ว) “เมื่อเห็นแล้ว ก็จงจำคำที่ท่านฤๅษีกล่าวว่าจักต้องทรงอานาปาให้ได้ตลอด ๒๔ ชั่วโมง ตราบใดที่จิตนี้ยังตื่นอยู่ ความนี้เจ้าสำคัญว่าเป็นไฉน?” (เข้าใจว่า ขณะที่กายหลับ จิตที่ฝึกดีแล้วในอานาปา สามารถทรงฌานในอานาปาจนชิน ก็จะยังทรงอานาปาอยู่ในขณะหลับได้ด้วย จึงจัดได้ว่าเป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานอยู่ตลอด ๒๔ ชั่วโมง)

ลัก...ยิ้ม
07-10-2010, 10:47
๕. “ถูกต้องแล้วเจ้า แต่ถ้าจักให้ดียิ่งขึ้น อย่าลืมยกอาทิสมานกายให้ขึ้นไปอยู่บนพระนิพพานด้วย และพึงปลงมรณานุสติ ควบกายคตาและอสุภกรรมฐาน ตัดกังวลห่วงใยในร่างกายที่นอนอยู่นี้เสียเลย อย่าคิดว่าหนัก ทำไม่ได้ ที่กล่าวมานี้เจ้าจักต้องฝึกให้เกิดอารมณ์ชินด้วย ได้บ้างไม่ได้บ้าง ก็พยายามทำไปเรื่อย ๆ ทำอย่าหยุด พยายามอย่าขี้เกียจ แล้วผลก็จักบังเกิดแก่เจ้าได้อย่างแท้จริง”

๖. “วกกลับมายืนยันอีกครั้ง การกำหนดรู้อานาปานสติเป็นกำลังให้จิตมีสติ-สัมปชัญญะสมบูรณ์ การฝึกรู้ลมหายใจเข้าออกในขณะกล่าววาจาก็จักเกิด นิสสัมมะ กรณัง เสยโย ในวาจาที่กล่าวนั้นได้ตามลำดับ จักทำให้เกิดมีแต่วาจาที่ชอบด้วยปัญญา มีเนื้อหาสาระอย่างแท้จริง ใหม่ ๆ อาจจักฝืน กำหนดรู้ไม่ใคร่ได้ทันในวาจาที่กล่าวนั้น ๆ

ต่อเมื่อทำนาน ๆ ไป สติ-สัมปชัญญะก็จักเกิดขึ้นตามลำดับ การกลั่นกรองวาจาก็เกิด มีปัญญาตามรู้เท่าทันในคำพูดของตนนั้น ๆ จนในที่สุดเป็นอัตโนมัติ รู้ด้วยสติ-สัมปชัญญะที่สมบูรณ์ว่า วาจาที่กำลังกล่าวออกไปนั้น ๆ คือ ยังไม่ทันได้กล่าว เป็นเพียงมโนกรรมเกิด จิตก็จักกลั่นกรองได้ในทันทีทันใดว่า วาจาเยี่ยงนี้เมื่อกล่าวออกไป มีผลดี มีผลเสียกับผู้ฟังเพียงใด หรือละเอียดลงไปยิ่งกว่านั้น คือ มโนกรรมที่คิดนี้ดีหรือไม่ดีแก่ตนเองหรือผู้อื่นอย่างไร นี่การรู้ลมสำคัญเยี่ยงนี้นะ จึงไม่ผิดหรอกที่ท่านฤๅษีสอนว่า ทำอานาปานสติกองเดียว ก็ถึงพระอรหันต์”

๗. “และเป็นตามที่ท่านว่า ถ้าหากจิตเรามีหน้าที่ทำงานคือ กำหนดรู้ลมหายใจเข้าออกแล้ว เรื่องที่จักไปมีอารมณ์ว่างไปสนใจกับจริยาของคนอื่นนั้นก็ไม่มี หรือจักไปมีอารมณ์รัก โลภ โกรธ หลงก็ไม่มี จิตจักทรงฌานในอานาปานสติจนชิน แต่จักต้องไม่ลืมควบวิปัสสนาภาวนาในอริยสัจ ตามสังหารกิเลสให้เป็นสมุจเฉทปหานตามที่ท่านสอนไว้ด้วย จึงจักมีผล”

๘. “ท่านฤๅษีมาเตือนพวกเจ้าว่า พวกเจ้ามักลืมตัว เวลาไปคุยกับคนอื่น มักอ้างว่าหลวงพ่อสอนอย่างโน้นอย่างนี้ ให้บอกว่าหลวงพ่อท่านสอนตามพระพุทธเจ้าว่าอย่างนี้ เพราะขณะสอนท่านมีพระพุทธเจ้าคุมอยู่ การไปคุยกับบุคคลนอกกลุ่มศิษย์หลวงพ่อจะมีปัญหา เขาอาจอ้างว่าอาจารย์ของเขาสอนว่าอย่างนี้ การขัดแย้งกันก็จะเกิดขึ้น แต่หากอ้างว่าเป็นคำสอนหรือสอนตามพระพุทธเจ้าแล้ว ปัญหาเหล่านี้ก็จักไม่เกิด การปรามาสพระรัตนตรัยก็ไม่มี จุดนี้ก็เกี่ยวกับการใช้ปัญญาในคำพูดเช่นกัน”


ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น เล่ม ๖
รวบรวมโดย พล.ต.ท. นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน

ขอเชิญทุกท่านเข้าไปอ่านได้ที่ www.tangnipparn.com