เถรี
16-09-2010, 10:12
ทุกคนนั่งในท่าที่ถนัดของตัว คงไม่มีอะไรดีไปกว่าท่านั่งขัดสมาธิหลวม ๆ จะว่าไปแล้วท่านั่งก็เป็นส่วนสำคัญของการปฏิบัติ เพราะถ้าหากนั่งไม่ถนัด เกิดความเมื่อยขบได้ง่าย จิตใจก็จะไปกังวลอยู่กับสภาพร่างกาย ซึ่งทำให้ไม่สงบ
วันนี้เป็นวันที่ ๓ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๕๓ เป็นวันแรกของการเจริญกรรมฐานสำหรับเดือนนี้ ก็เป็นที่น่ายินดีว่า ทางวัดท่าขนุนของเราได้รับเลือกให้เป็นสำนักปฏิบัติธรรมดีเด่น ๑ ใน ๘๓ สำนัก จาก ๑,๑๖๓ สำนักทั่วประเทศ
ถ้าดูการปฏิบัติ โดยเฉพาะตั้งแต่ได้รับแต่งตั้งเป็นสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดมา วัดท่าขนุนเพิ่งมีโอกาสทำงานนี้ไม่ถึง ๒ ปีเท่านั้น และโดยเฉพาะว่า เราเพิ่งจะมีการจัดปฏิบัติธรรมอย่างจริง ๆ จัง ๆ ก็ช่วงวันที่ ๑๒ - ๑๔ กันยายนที่จะถึงนี้ ซึ่งหลายท่านก็ได้เขียนใบสมัครเข้าปฏิบัติธรรมไปแล้ว
แปลว่าจากการที่คณะกรรมการเขาประเมินให้นั้น เขาประเมินจากสิ่งแวดล้อมอื่น ๆ ด้วย อย่างเช่น ความเหมาะสมของสถานที่ มีความร่มรื่นเหมาะในการปฏิบัติธรรมหรือไม่ มีที่พักเพียงพอหรือไม่ มีห้องน้ำห้องท่าเพียงพอหรือไม่ มีครูบาอาจารย์ผู้สอนที่เพียงพอและมีความรู้เหมาะสมหรือไม่ เป็นต้น
วันนี้ที่อยากจะกล่าวกับพวกเราก็คือว่า ระยะนี้มีอุทกภัย คือน้ำท่วมอยู่หลายจังหวัดและหลายประเทศ พี่น้องชาวไทยตลอดจนชาวต่างประเทศเดือดร้อนกันมาก จะว่าไปแล้วความเดือดร้อนนี้ก็เกิดขึ้นจากผลกรรมเก่าที่เราละเมิดศีลต่าง ๆ
ในเรื่องของศีลนั้น เป็นสิ่งที่เราทุกคนต้องปฏิบัติควบคู่กับการทำสมาธิ เพราะว่าศีลเป็นเบื้องต้นของความดีทุกประการ ถ้าศีลไม่ทรงตัว อย่าหวังเลยว่าสมาธิจะตั้งมั่นได้ เมื่อศีลเป็นปัจจัยพื้นฐานของความดีทุกประการ จึงเป็นสิ่งที่เราต้องใคร่ครวญและทบทวนอยู่เสมอ
ในแต่ละวันก่อนนอนให้มีเวลาทบทวนว่า วันนี้เราละเมิดศีลข้อใดบ้าง มีการฆ่าสัตว์หรือไม่ มีการลักขโมยหรือหยิบฉวยสิ่งของที่เจ้าของไม่ได้ให้หรือไม่ มีการไปละเมิดคนที่เขารัก ของที่เขารักหรือไม่ มีการพูดจาโกหกหลอกลวงหรือไม่ และท้ายสุดมีการดื่มสุราหรือว่าเสพยาเสพติดต่าง ๆ หรือไม่
ถ้าหากว่าเราละเมิดศีลข้อใดข้อหนึ่ง ก็ให้ตั้งใจว่า ตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป เราจะระมัดระวังศีลทุกสิกขาบทให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ จะไม่ละเมิดศีลด้วยตนเอง ไม่ยุยงส่งเสริมให้ผู้อื่นกระทำ และจะไม่ยินดีเมื่อเห็นผู้อื่นทำการละเมิดศีล
ถ้าเราทบทวนและตั้งใจปฏิบัติอย่างจริงจังแบบนี้ทุกวัน โดยไม่ไปเสียดายเวลาที่ผ่านไปกับการละเมิดศีล หรือไม่ไปเศร้าหมองกับความชั่วเก่า ๆ ที่เราละเมิดศีล โอกาสที่จะหลุดพ้นก็จะมี แต่ถ้าเรามัวไปเศร้าหมองอยู่กับเรื่องเก่า มัวแต่ไปเสียดายเวลาที่ปฏิบัติได้บริสุทธิ์บริบูรณ์มาเป็นระยะเวลายาวนาน แต่ต้องมาพังทลายไปเพราะการละเมิดในครั้งนั้น ๆ โอกาสที่เราหลุดพ้นก็น้อย เพราะจิตใจมัวแต่ไปเศร้าหมองไปพะวักพะวนอยู่
ฉะนั้น...การทบทวนศีลที่เป็นเรื่องสำคัญนั้น ให้ทบทวนในลักษณะพร้อมที่จะแก้ไขให้ดีอยู่เสมอ ไม่ใช่ไปทบทวนในลักษณะที่เมื่อรู้ว่าเราละเมิดศีลข้อใดข้อหนึ่งก็ไปเศร้าหมองครองทุกข์อยู่ตรงนั้น
วันนี้เป็นวันที่ ๓ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๕๓ เป็นวันแรกของการเจริญกรรมฐานสำหรับเดือนนี้ ก็เป็นที่น่ายินดีว่า ทางวัดท่าขนุนของเราได้รับเลือกให้เป็นสำนักปฏิบัติธรรมดีเด่น ๑ ใน ๘๓ สำนัก จาก ๑,๑๖๓ สำนักทั่วประเทศ
ถ้าดูการปฏิบัติ โดยเฉพาะตั้งแต่ได้รับแต่งตั้งเป็นสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดมา วัดท่าขนุนเพิ่งมีโอกาสทำงานนี้ไม่ถึง ๒ ปีเท่านั้น และโดยเฉพาะว่า เราเพิ่งจะมีการจัดปฏิบัติธรรมอย่างจริง ๆ จัง ๆ ก็ช่วงวันที่ ๑๒ - ๑๔ กันยายนที่จะถึงนี้ ซึ่งหลายท่านก็ได้เขียนใบสมัครเข้าปฏิบัติธรรมไปแล้ว
แปลว่าจากการที่คณะกรรมการเขาประเมินให้นั้น เขาประเมินจากสิ่งแวดล้อมอื่น ๆ ด้วย อย่างเช่น ความเหมาะสมของสถานที่ มีความร่มรื่นเหมาะในการปฏิบัติธรรมหรือไม่ มีที่พักเพียงพอหรือไม่ มีห้องน้ำห้องท่าเพียงพอหรือไม่ มีครูบาอาจารย์ผู้สอนที่เพียงพอและมีความรู้เหมาะสมหรือไม่ เป็นต้น
วันนี้ที่อยากจะกล่าวกับพวกเราก็คือว่า ระยะนี้มีอุทกภัย คือน้ำท่วมอยู่หลายจังหวัดและหลายประเทศ พี่น้องชาวไทยตลอดจนชาวต่างประเทศเดือดร้อนกันมาก จะว่าไปแล้วความเดือดร้อนนี้ก็เกิดขึ้นจากผลกรรมเก่าที่เราละเมิดศีลต่าง ๆ
ในเรื่องของศีลนั้น เป็นสิ่งที่เราทุกคนต้องปฏิบัติควบคู่กับการทำสมาธิ เพราะว่าศีลเป็นเบื้องต้นของความดีทุกประการ ถ้าศีลไม่ทรงตัว อย่าหวังเลยว่าสมาธิจะตั้งมั่นได้ เมื่อศีลเป็นปัจจัยพื้นฐานของความดีทุกประการ จึงเป็นสิ่งที่เราต้องใคร่ครวญและทบทวนอยู่เสมอ
ในแต่ละวันก่อนนอนให้มีเวลาทบทวนว่า วันนี้เราละเมิดศีลข้อใดบ้าง มีการฆ่าสัตว์หรือไม่ มีการลักขโมยหรือหยิบฉวยสิ่งของที่เจ้าของไม่ได้ให้หรือไม่ มีการไปละเมิดคนที่เขารัก ของที่เขารักหรือไม่ มีการพูดจาโกหกหลอกลวงหรือไม่ และท้ายสุดมีการดื่มสุราหรือว่าเสพยาเสพติดต่าง ๆ หรือไม่
ถ้าหากว่าเราละเมิดศีลข้อใดข้อหนึ่ง ก็ให้ตั้งใจว่า ตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป เราจะระมัดระวังศีลทุกสิกขาบทให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ จะไม่ละเมิดศีลด้วยตนเอง ไม่ยุยงส่งเสริมให้ผู้อื่นกระทำ และจะไม่ยินดีเมื่อเห็นผู้อื่นทำการละเมิดศีล
ถ้าเราทบทวนและตั้งใจปฏิบัติอย่างจริงจังแบบนี้ทุกวัน โดยไม่ไปเสียดายเวลาที่ผ่านไปกับการละเมิดศีล หรือไม่ไปเศร้าหมองกับความชั่วเก่า ๆ ที่เราละเมิดศีล โอกาสที่จะหลุดพ้นก็จะมี แต่ถ้าเรามัวไปเศร้าหมองอยู่กับเรื่องเก่า มัวแต่ไปเสียดายเวลาที่ปฏิบัติได้บริสุทธิ์บริบูรณ์มาเป็นระยะเวลายาวนาน แต่ต้องมาพังทลายไปเพราะการละเมิดในครั้งนั้น ๆ โอกาสที่เราหลุดพ้นก็น้อย เพราะจิตใจมัวแต่ไปเศร้าหมองไปพะวักพะวนอยู่
ฉะนั้น...การทบทวนศีลที่เป็นเรื่องสำคัญนั้น ให้ทบทวนในลักษณะพร้อมที่จะแก้ไขให้ดีอยู่เสมอ ไม่ใช่ไปทบทวนในลักษณะที่เมื่อรู้ว่าเราละเมิดศีลข้อใดข้อหนึ่งก็ไปเศร้าหมองครองทุกข์อยู่ตรงนั้น