PDA

View Full Version : ธรรมชาติแสดงธรรมะ


ลัก...ยิ้ม
24-06-2010, 11:32
ธรรมชาติแสดงธรรมะ
เป็นไตรลักษณ์อยู่ตลอดเวลา

เมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๒ ก.ย. ๒๕๓๖ เพื่อนผู้ร่วมปฏิบัติธรรมของผม ท่านได้ยินเสียงผู้หญิงที่อยู่ข้างห้องพักของท่านบ่นว่า “อากาศวันนี้ร้อนมาก แต่ฝนก็ไม่ยอมตก” เมื่อนำคำพูดของเขามาพิจารณาเป็นธรรม โดยอาศัยคำสอนของหลวงปู่หลุยที่ว่า “ความจริงธรรมชาติเขาแสดงธรรมะ เป็นไตรลักษณ์อยู่ทั้งวันทั้งคืน ไม่เคยหยุดพัก แต่คนไม่เห็น เมื่อจิตเรานึกถึงท่าน ท่านก็เมตตามาปรากฏให้จิตเราเห็นและสอนว่า

๑. “ใช่ ธรรมะท่านแสดงอยู่ตลอดเวลา แต่คนที่เห็นธรรม และเข้าใจในธรรมตามความเป็นจริง จะมีสักกี่คน”

๒. “ยิ่งอารมณ์จิตไม่เที่ยง ก็ยิ่งทุกข์ไปตามสิ่งที่ไม่เที่ยงนั้น ๆ ใครจะเห็นธรรมหรือไม่เห็นธรรม ก็ไม่สำคัญเท่ากับตัวเราจะต้องเห็นธรรมนั้น และเข้าใจธรรมนั้นด้วยตนเอง เพราะหากจิตเราไม่เที่ยงเท่าไหร่ ทุกข์ย่อมเกิดขึ้นกับจิตเราเท่านั้น จิตมันหวั่นไหวไปกับความไม่เที่ยงด้วยไฟ ๓ กอง คือ ไฟโลภ โกรธ หลง เป็นการทำร้ายตนเอง เบียดเบียนตนเอง เพิ่มทุกข์ให้กับตนเองโดยตรง”

๓. “อารมณ์ของใครก็ไม่สำคัญ เท่ากับอารมณ์จิตของเราเอง ที่ยังหวั่นไหวด้วยไฟภายใน ๓ กอง ดังนั้น จงพยายามแก้ไขอารมณ์ที่จิตของเราเป็นสำคัญ อย่าไปพยายามแก้ไขอารมณ์ที่จิตของผู้อื่น”

ลัก...ยิ้ม
25-06-2010, 09:01
๔. “การดับไฟที่มีเชื้อ ต้องดับที่ต้นเหตุ อย่าไปดับที่ปลายเหตุ เรื่องอื่น ๆ อย่าไปสนใจ ให้รีบแก้ไขอารมณ์ร้ายของจิตเราเองก่อน เช่น เรื่องความวิตกเกี่ยวกับเรื่องท่านพระมหาวีระ จะกลับหรือไม่นั้น เอ็งอย่าเพิ่งเอาจิตไปจับ ปล่อยวางทิ้งไปก่อน ลืมมันเสีย คิดไปก็ทำให้จิตเศร้าหมอง เป็นการบั่นทอนกำลังของจิตให้คลอนแคลน ไม่มีแรงจะต่อสู้กิเลสได้”

๕. “เอ็งต้องระงับตัดอารมณ์นี้ทิ้งไป ไม่เช่นนั้นการปฏิบัติธรรมก็จะไม่มีผล มาพูดถึงแนวการละอารมณ์โกรธ โลภ หลง ที่เข้ามาสิงอยู่ในจิตดีกว่า เอ็งมันเป็นคนเกิดนาน เรียกว่ามีญาติมาก และเวลานี้ พระท่านตั้งแต่สมเด็จองค์ปฐม ลงมาจนถึงพระอริยสาวก ท่านตามสงเคราะห์เอ็ง เพราะความเป็นญาติอันนี้”

๖. “แต่ยังก่อน เอ็งต้องคิดถึงหลักของความเป็นจริง การเกิด การตายทุกครั้ง คนเราไม่ได้สร้างกรรมดีเสมอไป อารมณ์ที่เป็นอกุศลมักจะเข้าสิงจิต ให้ทำกรรมชั่วเสียมากกว่ากรรมดีหลายร้อยหลายพันเท่านัก เพราะจิตที่ยังต้องจุติอยู่นั้น ต่างก็ยังมีอารมณ์ของไฟโมหะ โทสะ ราคะ เข้าครอบงำ ให้ทำกรรมอันเนื่องจากอารมณ์ทั้ง ๓ นั้น สร้างกรรมชั่วสืบต่อไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด”

๗. “เพราะฉะนั้นจงคิดไว้เสมอว่า การมีญาติมากยังไม่สำคัญเท่ากับการมีศัตรูมาก ศัตรูมาจากไหน ก็มาจากการสร้างเวรต่อกรรมของตัวเราเองในชาติก่อน ๆ เพราะฉะนั้น เมื่อมีกรรมอันเป็นอกุศลมากระทบจิต ไม่ทางกายกรรม วจีกรรม มโนกรรมก็ดี ก็จงรู้ไว้เถิดว่า นั่นเป็นกฎของกรรมที่ตัวเราทำเอาไว้ในอดีตเข้ามาตอบสนอง”

๘. “ดังนั้น การแก้ไขอารมณ์ถูกกระทบ ก็ต้องสำรวมมโนกรรม วจีกรรม กายกรรม ให้สงบเข้าไว้ อย่าไปต่อกรรมกับบุคคลผู้อื่นที่เข้ามากระทบเป็นอันขาด ใหม่ ๆ อาจจะเผลอบ้าง แต่ต้องเพียรเอาสติคุมอารมณ์ของจิตเข้าไว้ เราจะไม่เป็นศัตรูกับใครอีก ทั้งกาย วาจา ใจ และพยายามจะสงบอารมณ์ไม่เป็นศัตรูกับจิตของตนเอง ไม่ทำร้ายจิตของตนเอง *ตั้งใจมีอภัยทานให้กับอารมณ์จิตของตนเองอยู่เสมอ โดยการปล่อยวาง ระงับ หรือตัดอารมณ์ร้ายที่เป็นไฟโมหะ โทสะ ราคะ ไปเสียจากจิตด้วยความตั้งใจจริง*”

ลัก...ยิ้ม
28-06-2010, 09:12
๙. “ศัตรูภายนอกมาทวงหนี้คืน ก็ชดใช้เขาไป จิตเรามีแต่อภัยทาน ประกาศความเป็นมิตรอยู่ในจิตตลอดเวลา ศัตรูภายในคืออารมณ์ใจร้าย ที่ร้อนไปด้วยไฟภายใน ๓ กองนี้ เราก็พยายามเลิกถอนความเป็นศัตรูนี้ ให้ออกไปเสียจากจิต ประกาศอิสรภาพของจิตให้เป็นไทมากขึ้นตามลำดับ อารมณ์เกิดก็พยายามระงับตัดทิ้งไป เพื่อเป็นชัยชนะแก่จิตตนเอง หาความเที่ยงที่หมดทุกข์ให้แก่จิตของตนเอง”

๑๐. “พยายามเข้านะลูก หนีศัตรูไปอยู่กับญาติที่พระนิพพานดีกว่า เคารพในกฎของกรรมเข้าไว้ จิตจะไม่ต่อกรรมไปตำหนิกรรมนอกตัวให้เป็นโทษ ให้เป็นทุกข์อีก หยุดโทษภายนอก หันมาโทษจิตของตนเอง แก้ไขตรงจิตของตนเอง มันชั่วมาก ร้ายมากแก้ไขให้ได้ เพียงจิตสงบและเที่ยงที่อารมณ์ จะไม่เกิดอีกด้วยไฟ ๓ กองเท่านี้ เอ็งก็สามารถไปนิพพานได้ พบญาติอยู่กับญาติอย่างเป็นสุข ดีกว่าพบศัตรู อยู่กับศัตรูมีแต่เป็นทุกข์”

๑๑. “อ้อ! อย่าลืมศัตรูภายนอก ศัตรูภายในคืออารมณ์จิต ที่ร้อนไปด้วยไฟ แต่อย่าลืมศัตรูตัวร้ายคือร่างกายตัวเอง ที่จิตมันหลงยึดมั่นถือมั่นอยู่นี่สิ จงอย่าลืม นี่แหละตัวยึดมั่นถือมั่น อะไรมากระทบร่างกายเป็นไปไม่ได้ ไฟ ๓ กองลุกไหม้จิตทุกที อย่าลืมเอามรณานุสติ กายคตานุสติ อสุภกรรมฐาน ทำลายความยึดมั่นถือมั่นในร่างกายนี้ลงด้วย ศัตรูร้ายตัวนี้เผลอเมื่อไหร่ หลงมันมากทุกที คิดว่าเป็นเรา เป็นของเราทุกที ตัวนี้อันตรายอย่างใหญ่หลวง อย่าลืม”

ลัก...ยิ้ม
29-06-2010, 08:40
ธัมมวิจัย


๑. อ่านแล้วพิจารณาคำสอนของหลวงปู่หลุยแล้ว จะพบว่าหลวงปู่ท่านเมตตาสอนพวกเราหลายเรื่อง อันแรก คือ ธรรมชาติแสดงธรรม เป็นไตรลักษณ์อยู่ตลอดเวลา

๒. แสดงเรื่องกฎของกรรม อันเป็นอริยสัจเบื้องสูง พวกเราเกิดตาย ๆ กันมานับชาติไม่ถ้วน จึงมีญาติมาก "เป็นยุ้ย ญาติเยอะ" เพราะกฎของกรรมที่มีกรรมผูกพันกันมาในอดีต จึงมีพระตั้งแต่สมเด็จองค์ปฐมลงมาจนถึงพระอริยสาวก เมตาตามมาสงเคราะห์ให้ เพราะความเป็นญาตินี่แหละ (กรรมทั้งหลายมาแต่เหตุทั้งสิ้น)

๓. ในอดีตพวกเราทำกรรมชั่วมากกว่ากรรมดีทั้งสิ้น ซึ่งจริง ๆ แล้วมิใช่เป็นพันเท่า ท่านพูดเอาใจพวกเราเท่านั้น สมเด็จองค์ปฐมทรงตรัสว่า ความดีที่พวกเจ้าทำไว้ มีประมาณเพียงเท่าขี้เล็บ แต่ความชั่วที่พวกเจ้าทำไว้ มีปริมาณเท่ากับขุนเขาทีเดียว เราเคยเอามาคิดกันบ้างหรือไม่ เพราะขณะชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย เราพยายามปฏิบัติตามโอวาทปาฏิโมกข์ คือ ละชั่ว ทำดี ทำจิตให้ผ่องใสอยู่เสมอ เรายังเผลอคิดชั่วกันวันละกี่ร้อยครั้ง หรืออย่างเบา ๆ ก็กี่สิบครั้ง แล้วในอดีตจะขนาดไหน

๔. เรื่องศัตรูภายนอกและภายใน นาน ๆ จึงจะมีศัตรูภายนอกตามมาให้ผลสักที แต่ทุกวันเราเผลอคิดชั่วอันเป็นศัตรูภายใน เราเผลอกันวันละกี่หน จนพระองค์ทรงตรัสว่า “วันหนึ่ง ๆ ไม่มีใครมาทำร้ายเธอได้ มากเท่ากับอารมณ์จิตของเธอเอง ทำร้ายจิตของเธอเอง"เป็นต้น ผมขอธัมมวิจัยไว้เป็นแค่ตัวอย่างเท่านั้น

ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น เล่ม ๕
รวบรวมโดย พล.ต.ท. นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน

ขอเชิญทุกท่านเข้าไปอ่านได้ที่ www.tangnipparn.com