PDA

View Full Version : รักสงบ


เถรี
20-02-2009, 16:09
ส่วนที่ช่วยเสริมในการปฏิบัติ คือ ความเป็นสัปปายะ ความพอเหมาะพอดีของตน อย่างเช่นว่า ที่อยู่เป็นสัปปายะ ไม่เกลื่อนกล่นด้วยผู้คน ไม่อยู่ในที่ลำบากเกินไป แต่ก็ไม่อยู่ในที่สบายจนเกินเหตุ

อากาศเป็นสัปปายะ ไม่หนาวเกินไม่ร้อนเกินไป อาหารเป็นสัปปายะ อาหารบางอย่างต้องเหมาะกับธาตุขันธ์ของตนเองด้วย

แม้กระทั่งเพื่อนสหธรรมิกก็ควรเป็นสัปปายะ คือ ชักชวนกันให้ปฏิบัติ

สถานที่ปฏิบัติเป็นสัปปายะ ไม่ไกลหรือใกล้หมู่บ้านมากจนเกินไป อยู่ในระยะที่พอเหมาะต่อการโคจรบิณฑบาต

เรื่องความเป็นสัปปายะเดี๋ยวนี้หายาก ที่หายากเนื่องจากเมืองรุกป่าเข้าไปเรื่อย ๆ อย่างวัดป่าบ้านตาด ของหลวงตาบัว สมัยผมเป็นวัยรุ่นวัดอยู่กลางป่าเลย สมัยนี้เมืองล้อมรอบวัด เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ก็จะมีน้อยลงไปทุกวัน

การที่เราได้อยู่ในที่สงบ ต้องสังเกตกำลังใจของเราว่ารักสงบจริงหรือเปล่า ? ดิ้นรนจะไปหาคนอื่นไหม ? จะต้องโทรหาคนนั้นคนนี้ไหม ? จะต้องตะเกียกตะกายไปคุยกับคนนั้นคนนี้ไหม ?

ผมขอยกตัวอย่างพระรูปหนึ่ง พระรูปนี้เป็นผู้ที่มีพระคุณอย่างยิ่ง ไม่เช่นนั้นผมจะไม่รู้ตัว ปกติพระรูปนี้รักปฏิบัติมาก วัน ๆ เอาแต่สวดมนต์ทำวัตร ท่านเป็นคนขยันสวดมนต์มาก พวกบทยาว ๆ อย่าง ธัมมจักรกัปปวัตนสูตร มหาสมัยสูตร มหาสติปัฏฐานสูตร ท่านสวดได้หมด ที่สวดตอนทำวัตรเช้าเย็นอยู่ยังไม่สะใจท่าน กลับไปกุฏิท่านก็ไปสวดมนต์ต่อ

ทีนี้ก่อนวัดมีงานสักสองสามวัน ญาติโยมจะเริ่มทยอยกันมา โดยเฉพาะพวกที่มาเตรียมงาน ผมนั่งเฝ้าเวรหน้าตึก ถึงเวลาโยมเริ่มทยอยมา พระรูปนี้ก็มาทักทายญาติโยม "เอ้า...เป็นอย่างไรโยม ? มานานหรือยัง ? ลูกเป็นอย่างไรบ้าง ? ผัวเป็นอย่างไรบ้าง ?" ปกติพระรูปนี้รักสงบมากเลย ไม่สุงสิงกับเพื่อนพระด้วยกัน แต่พอถึงเวลาคนมา กลับตะกายไปหาคน อย่างนี้แสดงว่ารักสงบไม่จริง

ทุกสิ่งทุกอย่างที่คนอื่นทำ ไม่ว่าจะด้านดีหรือด้านไม่ดี จะเป็นบทเรียนแก่เรา ผมเห็นเข้า ผมก็ต้องระวังตัว ว่าผมต้องไม่เป็นอย่างนั้น แล้วผมก็ระวังมาจนทุกวันนี้ เป็นเวลา ๒๐ กว่าปีแล้ว คุณจะเห็นว่า ถ้าไม่จำเป็นจริง ๆ ผมไม่โผล่หน้าออกมาหาใครเลย ท้ายสุดพระรูปนั้นพออายุ ๗๒ ปีท่านก็สึก..!

การรักษาอารมณ์ใจไว้ในด้านดีเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด พอเรารักษาความสงบไม่ได้ รักษาความยินดีในที่สงัดไม่ได้ เราก็จะแย่เอง


พระอาจารย์เล็ก อบรมพระหลังทำวัตรเช้า
ที่เกาะพระฤๅษี พ.ศ. ๒๕๕๐