กบฏหน้าใส
18-02-2010, 18:30
เหม็นภายนอกกับเหม็นภายใน
ท่านสอนลูกสาวในอดีตชาติของท่าน เมื่อวันที่ ๑๐ ม.ค. ๓๖ เวลาประมาณ ๑๗.๔๕ น. มีความสำคัญดังนี้
๑.“ทุกข์บางอย่างก็ละได้ ทุกข์บางอย่างก็ละไม่ได้ ทุกข์ของกายละไม่ได้ ต้องหาทางระงับ หรือดับมันไปตามเรื่องตามราว ส่วนทุกข์ของจิตนั้นละได้นะ” (เหตุเพราะขณะนั้นลูกสาวของท่านกำลังนั่งขับถ่ายอยู่ ซึ่งเป็นทุกข์ของกาย)
๒.ท่านถามว่า “ถุงเท้า-เสื้อ-ผ้าที่ใช้แล้วยังไม่ได้ซัก เหม็นไหม ?”
ตอบ เหม็นค่ะ
ท่านถามว่า “แล้วขี้ เยี่ยว เหม็นไหม ?”
ตอบ เหม็นค่ะ
ท่านถามว่า “เสื้อผ้าที่ยังไม่ได้ซัก กับขี้เยี่ยวที่อยู่ข้างใน อันไหนเหม็นกว่ากัน ?”
ตอบ ข้างในเหม็นกว่าค่ะ
ท่านถามว่า “แล้วไอ้ขี้ที่อยู่ข้างนอก ตั้งแต่หัวจรดเท้าลงมาเหม็นไหม ? แล้วซักได้ไหม ?”
ตอบ ซักได้ชั่วคราวค่ะ
ท่านถามว่า “แล้วร่างกายมันมีดีตรงไหน ?”
ตอบ ไม่มีดีเลยค่ะ
ในเมื่อกายไม่ดี เหม็นขี้ทั้งตัว แก้ไขระงับได้ชั่วคราว โดยอาศัยความโง่ที่เราไปหลงเกาะติดกาย ทำให้เกิดมาเป็นตัวเป็นตน ทุกข์ของกายอย่างนี้แก้ไขให้หายเด็ดขาดไม่ได้ จนกว่ากายจะตายไป
๓.ท่านถามว่า “แล้วปาก-วาจาของเอ็งเหม็นไหม ?”
ตอบ ยังเหม็นอยู่ค่ะ
ท่านถามว่า “แล้วจิตของเอ็งเหม็นไหม ?
ตอบ ยังเหม็นอยู่ค่ะ
“นั่นน่ะซิ ถ้าจิตเหม็นเสียอย่างเดียว วาจาก็เหม็นด้วย ถ้าเอ็งหมั่นชำระจิตใจให้หายเหม็น วาจาก็หายเหม็นได้ ส่วนกายนั้นแก้ไม่ได้ มีแต่ขี้ทั้งนั้น จิตนั้นแก้ได้ ก็ต้องแก้ที่จิต ทุกข์-สุข-เกิด-ดับ ต้องแก้ที่ตรงจิตนี้ สิ้นทุกข์-สุข รู้เกิดดับเมื่อไร จิตก็หายเหม็นเมื่อนั้น”
๔.“มัวแต่ท่องจำ ศีล-สมาธิ-ปัญญา ๆ แบบนกแก้วนกขุนทองนั้นแก้ไม่ได้ หากจะแก้ให้ได้จริง จะต้องรู้ว่า ศีลคืออะไร สมาธิคืออะไร ปัญญาคืออะไร”
๕.“แล้วไอ้ประเภทที่รู้ว่าศีล-สมาธิ-ปัญญาคืออะไร แต่ดันเอามือไปซุกหีบ กูไม่ทำ กูไม่เพียร ตัวเหม็นก็หายไปจากจิต-จากวาจาไม่ได้ รู้แล้วก็ต้องหมั่นทำ หมั่นเพียรด้วย ความเหม็นจึงจักหายไปจากจิตจากวาจาได้”
ที่มา
เรื่อง เหม็นภายนอกกับเหม็นภายใน หน้าที่ ๒๐๑ หนังสือ รำลึกถึงความดีของหลวงพ่อในอดีต หลวงพ่อฤๅษีวัดท่าซุง (พระราชพรมยานมหาเถระ) รวบรวมโดย พล.ต.ท.นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน
ท่านสอนลูกสาวในอดีตชาติของท่าน เมื่อวันที่ ๑๐ ม.ค. ๓๖ เวลาประมาณ ๑๗.๔๕ น. มีความสำคัญดังนี้
๑.“ทุกข์บางอย่างก็ละได้ ทุกข์บางอย่างก็ละไม่ได้ ทุกข์ของกายละไม่ได้ ต้องหาทางระงับ หรือดับมันไปตามเรื่องตามราว ส่วนทุกข์ของจิตนั้นละได้นะ” (เหตุเพราะขณะนั้นลูกสาวของท่านกำลังนั่งขับถ่ายอยู่ ซึ่งเป็นทุกข์ของกาย)
๒.ท่านถามว่า “ถุงเท้า-เสื้อ-ผ้าที่ใช้แล้วยังไม่ได้ซัก เหม็นไหม ?”
ตอบ เหม็นค่ะ
ท่านถามว่า “แล้วขี้ เยี่ยว เหม็นไหม ?”
ตอบ เหม็นค่ะ
ท่านถามว่า “เสื้อผ้าที่ยังไม่ได้ซัก กับขี้เยี่ยวที่อยู่ข้างใน อันไหนเหม็นกว่ากัน ?”
ตอบ ข้างในเหม็นกว่าค่ะ
ท่านถามว่า “แล้วไอ้ขี้ที่อยู่ข้างนอก ตั้งแต่หัวจรดเท้าลงมาเหม็นไหม ? แล้วซักได้ไหม ?”
ตอบ ซักได้ชั่วคราวค่ะ
ท่านถามว่า “แล้วร่างกายมันมีดีตรงไหน ?”
ตอบ ไม่มีดีเลยค่ะ
ในเมื่อกายไม่ดี เหม็นขี้ทั้งตัว แก้ไขระงับได้ชั่วคราว โดยอาศัยความโง่ที่เราไปหลงเกาะติดกาย ทำให้เกิดมาเป็นตัวเป็นตน ทุกข์ของกายอย่างนี้แก้ไขให้หายเด็ดขาดไม่ได้ จนกว่ากายจะตายไป
๓.ท่านถามว่า “แล้วปาก-วาจาของเอ็งเหม็นไหม ?”
ตอบ ยังเหม็นอยู่ค่ะ
ท่านถามว่า “แล้วจิตของเอ็งเหม็นไหม ?
ตอบ ยังเหม็นอยู่ค่ะ
“นั่นน่ะซิ ถ้าจิตเหม็นเสียอย่างเดียว วาจาก็เหม็นด้วย ถ้าเอ็งหมั่นชำระจิตใจให้หายเหม็น วาจาก็หายเหม็นได้ ส่วนกายนั้นแก้ไม่ได้ มีแต่ขี้ทั้งนั้น จิตนั้นแก้ได้ ก็ต้องแก้ที่จิต ทุกข์-สุข-เกิด-ดับ ต้องแก้ที่ตรงจิตนี้ สิ้นทุกข์-สุข รู้เกิดดับเมื่อไร จิตก็หายเหม็นเมื่อนั้น”
๔.“มัวแต่ท่องจำ ศีล-สมาธิ-ปัญญา ๆ แบบนกแก้วนกขุนทองนั้นแก้ไม่ได้ หากจะแก้ให้ได้จริง จะต้องรู้ว่า ศีลคืออะไร สมาธิคืออะไร ปัญญาคืออะไร”
๕.“แล้วไอ้ประเภทที่รู้ว่าศีล-สมาธิ-ปัญญาคืออะไร แต่ดันเอามือไปซุกหีบ กูไม่ทำ กูไม่เพียร ตัวเหม็นก็หายไปจากจิต-จากวาจาไม่ได้ รู้แล้วก็ต้องหมั่นทำ หมั่นเพียรด้วย ความเหม็นจึงจักหายไปจากจิตจากวาจาได้”
ที่มา
เรื่อง เหม็นภายนอกกับเหม็นภายใน หน้าที่ ๒๐๑ หนังสือ รำลึกถึงความดีของหลวงพ่อในอดีต หลวงพ่อฤๅษีวัดท่าซุง (พระราชพรมยานมหาเถระ) รวบรวมโดย พล.ต.ท.นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน