เถรี
16-01-2010, 08:06
นั่งตามสบายของเรา วันนี้ค่อนข้างจะสบายนิดหนึ่ง เพราะท่านที่ประดังกันมาตั้งแต่ช่วงเช้าถึงบ่าย ต่างก็มุ่งไปสู่จุดหมายของตนแล้วทั้งนั้น
วันนี้วันที่ ๑ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๕๓ แล้ว ขึ้นปีใหม่แล้ว ปีที่ผ่านมานั้น ถ้าเปรียบกับปีนี้แล้ว ถือว่าเป็นปีที่ค่อนข้างดี ถ้าใครฟังแล้วรู้สึกค่อนข้างสยดสยองหน่อย ก็ขอให้รู้ไว้ด้วยว่า ถ้าตามเกณฑ์ชะตาประเทศชาติของเราจริง ๆ แล้ว ปีนี้..มีทั้งภัยธรรมชาติ มีทั้งภัยอันเกิดจากคนด้วยกัน ค่อนข้างจะรุนแรง ถ้าหากว่าไม่มีการเปลี่ยนแปลง โดยผู้ใหญ่ในบ้านในเมือง ไม่ว่าจะฝ่ายพระหรือฆราวาสสิ้นชีวิตลง เป็นการตัดเคราะห์กรรมแล้ว แค่ครึ่งปีแรกก็ดูไม่จืดแล้ว
เมื่อเป็นดังนั้น พวกเรายิ่งจำเป็นที่จะต้องสร้างกำลังใจของตนให้เข้มแข็ง ให้มั่นคง อยู่ในศีล สมาธิ ปัญญา เพื่อถึงเวลาแล้ว กำลังใจของเราเองจะได้รักษาตัวเองได้ เราจะได้มีที่พึ่ง คือ กำลังใจที่เข้มแข็งมั่นคง ไม่หวั่นไหวกับไปสถานการณ์รอบด้าน
ปีพุทธศักราช ๒๕๕๒ ที่ผ่านมานั้น สิ่งต่าง ๆ ที่เราทำมา ในศีล ในสมาธิ ในปัญญานั้น เป็นอย่างไรบ้าง ? กำลังใจในการปฏิบัติของเราเป็นอย่างไรบ้าง ? เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ ขอให้ทุกท่านนำมาประเมิน นำมาทบทวนดู พระพุทธเจ้าสอนเครื่องอันประกอบแล้วจะเกิดความสำเร็จในทุกเรื่อง เรียกว่า อิทธิบาท ๔ ซึ่งประกอบไปด้วย
ฉันทะ ยินดี ชอบใจที่จะทำในสิ่งนั้น ๆ วิริยะ ความพากเพียรบากบั่น ไม่ท้อถอย จนกว่าจะก้าวไปสู่จุดหมายได้สำเร็จ จิตตะ กำลังใจที่แน่วแน่มั่นคง ปักมั่นต่อเป้าหมายไม่เปลี่ยนแปลง ไม่โยกย้าย และท้ายสุด วิมังสา พิจารณาไตร่ตรองทบทวนอยู่เสมอ ว่าสิ่งที่เราทำนั้น เราทำไปตามเป้าหมายที่ได้วางเอาไว้หรือไม่ ? ตอนนี้ตัวเรายืนอยู่จุดไหน ? ยังห่างไกลเป้าหมายเท่าไร ? ต้องมุ่งหน้าไปสู่ทิศใดจึงจะไม่พลาดจากเป้าหมายนั้น ? ยังเหลือระยะทางอีกใกล้ไกลเท่าไร ?
สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ เราต้องนำมาประเมินตัวเองแบบไม่เข้าข้างตัวเราเลย โดยประเมินจากข้อที่หนึ่ง เราสามารถที่จะรักษาศีล ๕ ข้อได้บริสุทธิ์บริบูรณ์หรือไม่ ? ถ้าสามารถรักษาได้บริสุทธิ์บริบูรณ์แล้ว เรายุยงให้คนอื่นเขาละเมิดศีล ๕ หรือไม่ ? ถ้าเรารักษาศีลด้วยตนเองได้ ไม่ยุให้คนอื่นเขาละเมิดศีลได้ เราเห็นบุคคลอื่นละเมิดศีลแล้วเรายินดีไปกับเขาหรือไม่ ?
วันนี้วันที่ ๑ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๕๓ แล้ว ขึ้นปีใหม่แล้ว ปีที่ผ่านมานั้น ถ้าเปรียบกับปีนี้แล้ว ถือว่าเป็นปีที่ค่อนข้างดี ถ้าใครฟังแล้วรู้สึกค่อนข้างสยดสยองหน่อย ก็ขอให้รู้ไว้ด้วยว่า ถ้าตามเกณฑ์ชะตาประเทศชาติของเราจริง ๆ แล้ว ปีนี้..มีทั้งภัยธรรมชาติ มีทั้งภัยอันเกิดจากคนด้วยกัน ค่อนข้างจะรุนแรง ถ้าหากว่าไม่มีการเปลี่ยนแปลง โดยผู้ใหญ่ในบ้านในเมือง ไม่ว่าจะฝ่ายพระหรือฆราวาสสิ้นชีวิตลง เป็นการตัดเคราะห์กรรมแล้ว แค่ครึ่งปีแรกก็ดูไม่จืดแล้ว
เมื่อเป็นดังนั้น พวกเรายิ่งจำเป็นที่จะต้องสร้างกำลังใจของตนให้เข้มแข็ง ให้มั่นคง อยู่ในศีล สมาธิ ปัญญา เพื่อถึงเวลาแล้ว กำลังใจของเราเองจะได้รักษาตัวเองได้ เราจะได้มีที่พึ่ง คือ กำลังใจที่เข้มแข็งมั่นคง ไม่หวั่นไหวกับไปสถานการณ์รอบด้าน
ปีพุทธศักราช ๒๕๕๒ ที่ผ่านมานั้น สิ่งต่าง ๆ ที่เราทำมา ในศีล ในสมาธิ ในปัญญานั้น เป็นอย่างไรบ้าง ? กำลังใจในการปฏิบัติของเราเป็นอย่างไรบ้าง ? เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ ขอให้ทุกท่านนำมาประเมิน นำมาทบทวนดู พระพุทธเจ้าสอนเครื่องอันประกอบแล้วจะเกิดความสำเร็จในทุกเรื่อง เรียกว่า อิทธิบาท ๔ ซึ่งประกอบไปด้วย
ฉันทะ ยินดี ชอบใจที่จะทำในสิ่งนั้น ๆ วิริยะ ความพากเพียรบากบั่น ไม่ท้อถอย จนกว่าจะก้าวไปสู่จุดหมายได้สำเร็จ จิตตะ กำลังใจที่แน่วแน่มั่นคง ปักมั่นต่อเป้าหมายไม่เปลี่ยนแปลง ไม่โยกย้าย และท้ายสุด วิมังสา พิจารณาไตร่ตรองทบทวนอยู่เสมอ ว่าสิ่งที่เราทำนั้น เราทำไปตามเป้าหมายที่ได้วางเอาไว้หรือไม่ ? ตอนนี้ตัวเรายืนอยู่จุดไหน ? ยังห่างไกลเป้าหมายเท่าไร ? ต้องมุ่งหน้าไปสู่ทิศใดจึงจะไม่พลาดจากเป้าหมายนั้น ? ยังเหลือระยะทางอีกใกล้ไกลเท่าไร ?
สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ เราต้องนำมาประเมินตัวเองแบบไม่เข้าข้างตัวเราเลย โดยประเมินจากข้อที่หนึ่ง เราสามารถที่จะรักษาศีล ๕ ข้อได้บริสุทธิ์บริบูรณ์หรือไม่ ? ถ้าสามารถรักษาได้บริสุทธิ์บริบูรณ์แล้ว เรายุยงให้คนอื่นเขาละเมิดศีล ๕ หรือไม่ ? ถ้าเรารักษาศีลด้วยตนเองได้ ไม่ยุให้คนอื่นเขาละเมิดศีลได้ เราเห็นบุคคลอื่นละเมิดศีลแล้วเรายินดีไปกับเขาหรือไม่ ?